ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 230-3 ป้ายหยกปรากฏ สืบถามเหวินซื่ออีกครั้ง

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 230-3 ป้ายหยกปรากฏ สืบถามเหวินซื่ออีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวมองจากหน้าต่างเห็นนางเข้าไปในครัวแล้ว รีบลงจากเตียงเตา ไม่ทันใส่รองเท้า รีบลงกลอนประตูห้องตัวเอง หยิบป้ายหยกที่ฉู่เหวินเจี๋ยให้นางออกมาจากใต้สุดของ**บที่วางไว้ด้านข้างออกมา วางไว้ข้างป้ายหยกของอี้เซวียน 

 

 

ป้ายหยกทั้งสองชิ้นเกือบจะเหมือนกันทุกประการ จุดเล็กน้อยที่แตกต่างกันคือป้ายหยกของฉู่เหวินเจี๋ยจะมีรูขนาดเล็กทรงกลมทางซ้าย ส่วนของเมิ่งอี้เซวียนจะมีรูขนาดเล็กทรงกลมอยู่ทางขวาของป้ายหยก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องมองป้ายหยกทั้งสองชิ้นนี้ตาเขม็ง ใช้สมองคิดทบทวนข้อมูลที่ตัวเองรับรู้ว่ามาทั้งหมดอีกครั้ง ยังคงไม่เข้าใจว่าฉู่เหวินเจี๋ยและเมิ่งอี้เซวียนมีความสัมพันธ์ใดต่อกัน เหตุใดพวกเขาถึงมีป้ายหยกเหมือนกัน หรือที่ฉู่เหวินเจี๋ยจะต้องมาตำบลชิงซีทุกปี ก็เพื่อมาตามหาเมิ่งอี้เซวียน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอาแต่นั่งขบคิดในห้อง จนลืมเวลาไปสนิท กระทั่งเมิ่งเจี๋ยมาเคาะประตูห้องนาง ใช้น้ำเสียงใสกังวานของเด็กพูดว่า “ท่านพี่ ท่านแม่ให้มาตามไปกินข้าวขอรับ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถึงตื่นขึ้นมาจากภวังค์ พบว่าด้านนอกฟ้ามืดสนิทแล้ว ตนเองไม่ได้เปิดไฟ ภายในห้องมืดมิด รีบตอบว่า “ทราบแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” 

 

 

เสียงฝีเท้าเมิ่งเจี๋ยดังไกลออกไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคลำหาที่จุดไฟ หยิบป้ายหยกขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง หลังจากจดจำภาพสลักแน่นไว้ในหัวสมองแล้ว ถึงเก็บป้ายหยกทั้งสองชิ้นไว้ด้านล่างสุดของ**บ ทั้งวางเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยกองสุมไว้ใน**บ แล้วถึงลงกลอน ครั้งนี้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เก็บกุญแจไว้อีกด้านมั่วๆ แล้ว แต่กำเอาไว้ในมือแน่น คิดว่าวันพรุ่งจะต้องหาเชือกสักเส้นมาร้อยกุญแจเปล่าเปลือยดอกนี้ แขวนไว้กับคอตัวเอง 

 

 

ทุกคนกลับกันมาหมดแล้ว เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ยินเมิ่งชื่อพูดว่าวันนี้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งยุ่งมาก วันเดียวก็ขายได้ถึงสามสิบกว่าตำลึง ก็ให้ดีอกดีใจ 

 

 

เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีก็ดีใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมิ่งฉี ดูแลงานในโรงงานมาหลายวัน แต่ละวันผลิตเส้นแป้งมันฝรั่งทั้งชนิดแห้งและเปียกออกมาไม่น้อย กลับยังขายไม่ได้สักหนึ่งจิน กำลังจะท้อแท้อ่อนแรง พอได้ยินว่าวันนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในที่สุดก็เริ่มมีความมั่นใจต่อโรงงานแป้งมันฝรั่งแล้ว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในครัว ทุกคนต่างใช้แววตายินดีมองนาง แม้แต่เมิ่งอี้เซวียนก็ใช้แววตาสุกสกาวมองนางอย่างเลื่อมใส เมิ่งชื่อเรียกให้นางรีบนั่งลง ถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าผล็อยหลับไปในห้องอีกแล้วหรือ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเลยตามเลย พูดว่า “วันนี้ค่อนข้างเหนื่อย พอกลับมาจากในเมือง ก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงเตา หากไม่เพราะท่านแม่ตะโกนเรียก คาดว่าข้าคงจะหลับไปจนถึงเช้า” 

 

 

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เมิ่งเอ้ออิ๋นให้ปวดใจเป็นห่วง พูดว่า “พรุ่งนี้ให้พี่ใหญ่และพวกอู๋ต้าเข้าไปช่วยเถอะ เจ้าอยู่พักที่บ้านสักวัน” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ร้านเพิ่งจะเปิดทำการ ข้าต้องเข้าไปดูด้วยตัวเองระยะหนึ่ง อีกอย่างพี่ใหญ่และพวกอู๋ต้าต่างก็มีงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว ไม่ต้องให้พวกเขาไปหรอก พรุ่งนี้ข้าจะให้เหวินเปียวและเหวินหู่ รวมถึงเหวินจงไปด้วย น่าจะเพียงพอแล้ว” พูดถึงตรงนี้ ก็คิดขึ้นได้เรื่องหนึ่ง พูดอย่างดีใจว่า “จริงด้วย พี่หูจื่อกลับมาจากจังหวัดแล้ว หลงจู๊ให้เขาลาพักกลับมาเยี่ยมบ้านได้สามวันเจ้าค่ะ” 

 

 

“หูจื่อกลับมาแล้วเรอะ! ป้าหวังเจ้าบ่นถึงทุกวัน บอกว่าเขาควรจะกลับมาตั้งนานแล้ว กลับไม่ได้ข่าวคราวเลย กลัวจะเกิดเรื่องกับเขา ยังคิดว่าอีกสองสามวันหากยังไม่กลับมา จะให้เจ้าช่วยไปถามที่เหลาจวี้เสียนให้หน่อย” เมิ่งชื่อพูดด้วยความยินดี 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “วันนี้โชคดีที่ได้พี่หูจื่อมาช่วย ไม่เช่นนั้นพวกเราทั้งหมดคงได้เหนื่อยจนฟุบคลานเป็นแน่” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนที่เอาแต่นั่งฟังทุกคนพูดเงียบๆ ดวงตากลับจับจ้องเมิ่งเชี่ยนโยวไม่วางตา 

 

 

นับตั้งแต่ครั้งก่อนที่หลิวลี่เข้ามาก่อเรื่อง เมิ่งอี้เซวียนก็มักจะจับจ้องมาที่ตนเอง เมิ่งเชี่ยนโยวคุ้นชินเสียแล้ว จึงไม่สนใจ ปล่อยเขามองตามสบาย แต่วันนี้นางมีเรื่องในใจ จึงส่งสายตามองกลับไป 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนผงะเล็กน้อย แล้วแสดงสีหน้าปริ่มเปรม 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนึกถึงเรื่องป้ายหยก ขมวดคิ้วเกร็งแน่น 

 

 

สีหน้าปริ่มเปรมของเมิ่งอี้เซวียนจางหาย มองนางอย่างไม่เป็นสุข 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้สติกลับคืนมา เม้มริมฝีปากถาม “การเรียนในช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ข้างานยุ่งมาก ไม่มีเวลาไต่ถามเจ้าเลย” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนแย้มยิ้มเจิดจ้า พยักหน้าหนักแน่น “การเรียนไม่มีปัญหา ท่านอาจารย์บอกว่าด้วยความรู้ของข้าในตอนนี้ ปีหน้าจะต้องสอบซิ่วไฉได้” 

 

 

“เช่นนั้นก็ดี” เมิ่งชื่อกล่าวด้วยความยินดี 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ดีใจมาก น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ “หากเป็นดังที่เจ้าพูด ปีหน้าเจ้าก็ไปเข้าสอบซิ่วไฉพร้อมเหรินเอ๋อร์ได้แล้ว?” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นยิ่งให้ตื้นตันใจ “นั่นก็หมายความว่า ปีหน้าสกุลของเราจะมีซิ่วไฉสองคนแล้ว!” 

 

 

“มีสามคน พ่อเอ๊ย มีสามคน เจ้าลืมว่าท่านพ่อก็เป็นซิ่วไฉแล้วเรอะ” เมิ่งชื่อแก้ให้เขาอย่างตื้นตันไปด้วย 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้าหงึกๆ “ใช่ๆๆ มีสามคน มีสามคน” 

 

 

เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีก็ดีใจเป็นอย่างมาก เมิ่งเสียนพูดว่า “อี้เซวียน พอเจ้าสอบซิ่วไฉได้ ข้าจะออกเงิน จัดงานหลิวสุ่ยสีอย่างยิ่งใหญ่ให้ห้าวันเลย” 

 

 

เมิ่งฉีไม่เห็นด้วย “ห้าวันจะพอได้อย่างไร สิบวัน ต้องสิบวัน พี่ใหญ่ออกเงินห้าวัน ข้าออกเงินห้าวัน ครอบครัวเราจะจัดงานหลิวสุ่ยสีอย่างยิ่งใหญ่สิบวัน” 

 

 

ครั้งนี้เมิ่งชื่อไม่ตระหนี่แล้ว พยักหน้าเห็นพ้อง พูดอย่างเบิกบาน “ว่าตามฉีเอ๋อร์ จัดสิบวัน หากเงินไม่พอ แม่มีให้เอง” 

 

 

ทั้งครอบครัวยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้นฮึกเหิม ราวกับว่าเมิ่งอี้เซวียนสอบซิ่วไฉได้แล้ว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเมิ่งอี้เซวียนอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง แล้วพูดออดอ้อนเมิ่งชื่อว่า “ท่านแม่ เมื่อไหร่จะกินข้าวได้เจ้าค่ะ ข้าหิวจะแย่แล้ว” 

 

 

เรื่องน่ายินดีมีเข้ามาไม่หยุด น้ำเสียงเมิ่งชื่อเจือแววเบิกบาน “ไม่ต้องรีบ ได้กินเดี๋ยวนี้” พูดจบ หันหลังไปจัดการสำรับอาหาร 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคิดจะลุกขึ้นช่วย เมิ่งเสียนรั้งนางไว้ “วันนี้เจ้าเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องขยับ ข้าช่วยท่านแม่เอง” 

 

 

ไม่นานอาหารก็ถูกยกเข้ามา เพื่อเป็นรางวัลให้เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งชื่อตั้งใจทำอาหารสี่จานน้ำซุปหนึ่งชาม 

 

 

ทั้งครอบครัวกินอาหารค่ำอย่างมีความสุข 

 

 

พวกเมิ่งอี้เซวียนสี่คนกลับเข้าห้องไปทำการบ้าน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าห้องตัวเอง เป่าไฟมอดดับ นอนบนเตียงเตาเงียบๆ แล้วปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดขบคิดใหม่อีกครั้ง ยังคงไม่พบความเกี่ยวพันธ์ใดๆ ในนั้น 

 

 

เมิ่งชื่อเห็นไฟในห้องเมิ่งเชี่ยนโยวดับมืด นึกว่านางหลับไปอีกแล้ว หันไปพูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋นอย่างประหลาดใจ “โยวเอ๋อร์เป็นอะไรไป? เมื่อก่อนไม่ว่าเหนื่อยเพียงใดก็ไม่เคยนอนเร็วเช่นนี้” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นรับคำ “คงเพราะช่วงเวลานี้ไม่ค่อยได้พักผ่อนเต็มที่ วันนี้ก็เหนื่อยจนไม่เหลือพลัง ดังนั้นพักผ่อนเล็กน้อยจึงไม่เพียงพอ พวกเราต้องเบาเสียงหน่อย อย่ารบกวนนาง ให้นางนอนให้เต็มอิ่มเพียงพอ” 

 

 

คงเป็นเพราะเหนื่อยมากจริงๆ คิดมาคิดไป เมิ่งเชี่ยนโยวก็จมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา หลับยาวไปถึงเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ตื่นขึ้นมาในโมงยามปกติที่เคยตื่น ลืมตาขึ้น สวมเสื้อผ้าลุกจากเตียง เปิดประตูออกมา 

 

 

เมิ่งเสียน เมิ่งฉี เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉก็เดินไล่หลังกันออกมาจากในห้อง สุดท้ายเป็นเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงที่เอาแต่ขยี้ตา เห็นชัดว่ายังไม่ตื่นดี 

 

 

คนทั้งหมดเดินมาถึงนอกลาน เหวินเปียวและเหวินหู่รวมถึงอู๋ต้า เมิ่งเสียวเถี่ยก็มารอด้านนอกแล้ว 

 

 

เริ่มจากให้คนทั้งหมดยืดเส้นยืดสาย จากนั้นเหวินเปียวและเหวินหู่เป็นผู้นำ ลงมือสอนวรยุทธ์ 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเดินตามเหวินเปียวเข้ามาในลานโล่ง คิดจะฝึกวรยุทธ์กับเหวินเปียว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องทักเขา พูดว่า “ไม่ได้ตรวจสอบวรยุทธ์ของเจ้ามานานแล้ว ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า แยกขาตั้งท่ารับ 

 

 

คนอื่นๆ ต่างหยุดท่าทางล้อมวงรับชม แม้แต่เหวินเปียวก็ยืนเฝ้าชมอย่างตั้งใจอีกด้าน 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด