ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 230-4 ป้ายหยกปรากฏ สืบถามเหวินซื่ออีกครั้ง

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 230-4 ป้ายหยกปรากฏ สืบถามเหวินซื่ออีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวฝึกแต่วิชาจู่โจมประชิดตัว ย่อมไม่มีท่าทางล่อหลอก และไม่ตั้งท่ารับใดๆ ยืนรออย่างสงบนิ่งให้เมิ่งอี้เซวียนเข้ามาโจมตี 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนก็ไม่เกรงใจ เดินขึ้นหน้า ออกอาวุธใส่เมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่โต้กลับ เอาแต่ยืนหลบซ้ายเบี่ยงขวา หลบมาได้หลายกระบวนท่า 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่วู่วามรีบร้อน ยังคงโจมตีตามจังหวะของตนเอง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลอบพยักหน้า 

 

 

ประมาณยี่สิบกระบวนท่าได้ จู่ๆ เมิ่งเชี่ยนโยวก็เปลี่ยนกลยุทธ์ จากรับมาเป็นรุก ออกกระบวนท่าดุดันใส่เมิ่งอี้เซวียนเป็นพรวน 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรับกระบวนท่าไม่ได้ เอาแต่ถอยหลัง จนเกิดช่องโหว่ ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวเตะฟาดเต็มแรงล้มไปนอนกับพื้น 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนฉวยโอกาสพลิกตัว กระเด้งตัวลุกขึ้น แสดงท่าป้องกันการจู่โจม 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ เจตนาพูดว่า “วันนี้พอเท่านี้เถอะ ยังใช้ไม่ได้ ไม่ได้เรื่องเลย ยังห่างอีกไกลนัก” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินออกไปจากลาน เหวินเปียวเดินตามหลัง พูดเสียงเบา “แม่นาง คุณชายอี้เซวียนมีพัฒนาการรุดหน้ามากแล้วนะขอรับ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปพลางตอบกลับเสียงเบา “ข้ารู้ แต่ยังใช้ไม่ได้ เจ้าต้องการเพิ่มความต้องการต่อเขาให้เข้มงวดกว่านี้” 

 

 

“มิใช่ข้าไม่เข้มงวดกับเขา แต่คุณชายอี้เซวียนเรียนรู้รวดเร็วมากจริงๆ ไม่ว่ากระบวนท่าไหนก็เรียนรู้ได้ในครั้งแรก ข้าแทบจะไม่เหลืออะไรให้สอนเขาแล้ว” เหวินเปียวร้อนใจกล่าว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักฝีเท้าเล็กน้อย แล้วเดินต่อ “ข้าฝากให้คนหาอาจารย์ที่ดีกว่าให้เขาแล้ว ช่วงเวลานี้ เจ้าพยายามสอนเขาให้เต็มที่เถอะ” 

 

 

เหวินเปียวหยุดฝีเท้า ขานรับอย่างนอบน้อม 

 

 

พอฝึกวรยุทธ์เสร็จ เมิ่งชื่อก็ทำอาหารเช้าเสร็จพอดี หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เหวินเปียวและเหวินหู่ก็บังคับรถม้าพาพวกเขาไปที่ร้าน 

 

 

ทั้งสองคนจอดรถม้าหน้าร้าน หลังจากทุกคนลงจากรถม้าแล้ว เหวินเปียวและเหวินหู่ก็บังคับรถม้าไปหลังร้าน 

 

 

เมิ่งอี้และเหวินเป้านำเหวินจงเช็ดโต๊ะและเก้าอี้ใหม่อีกครั้ง สะใภ้เหวินทั้งสามคนเข้าไปต้มน้ำซุปเตรียมไว้สำหรับต้มก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง 

 

 

เหลาจวี้เสียนก็ลดบานประตูลง เปิดประตูใหญ่ เริ่มดำเนินกิจการ 

 

 

ผู้คนตามท้องถนนค่อยๆ หนาตาขึ้น คงเพราะเมื่อวานได้ยินเหตุการณ์ดังระเบิดนั่น คนที่เดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งจะต้องอดใจไม่ไหวมองเข้ามา 

 

 

ยังไม่มีเวลากินข้าว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่รีบร้อน ให้ทุกคนเตรียมข้าวของให้เรียบร้อย แล้วนั่งรอลูกค้าภายในร้ายอย่างสงบ 

 

 

เพียงอึดใจเดียว ก็มีลูกค้าเข้ามา พอเข้ามาก็ร้องพูดเสียงดัง “เมื่อวานข้ารอเป็นนานก็ไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ภายหลังที่บ้านมีธุระจึงต้องกลับไปก่อน วันนี้ข้าเข้ามาแต่เช้า พวกเจ้ายังไม่เปิดร้าน ข้าจึงไปเดินเล่นที่ตลาดสดหนึ่งรอบ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เมื่อวานลูกค้าเยอะมากจริงๆ พวกเราดูแลไม่ทั่วถึง ต้องขอโทษที่ทำให้ท่านต้องรอนาน เอาอย่างนี้เถิด เพื่อแสดงการขอขมาจากพวกเรา วันนี้ท่านเป็นลูกค้าท่านแรก ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่ท่านสั่งข้าคิดห้าสิบอีแปะราคาเดียว” 

 

 

ชายคนนั้นเพียงพูดเรื่อยเปื่อย เพื่อสร้างความสนิทสนม ภายหน้าเวลามาจะได้ไม่ต้องรอนาน ต้มให้ตนเองกินก่อน ไม่คิดว่าจะได้โชคใหญ่เช่นนี้ รีบพูดพลัน “เช่นนี้จะดีหรือ?” ปากพูดว่าจะดีหรือ ร่างกายกลับนั่งนิ่งบนม้านั่งยาวแล้ว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เมิ่งอี้ เมิ่งอี้เดินเข้ามา ซักถามเขาว่าต้องการกินรสชาติใดอย่างเป็นกันเอง แล้วร้องตะโกนให้หลังร้านรีบทำออกมา 

 

 

จากนั้นลูกค้าท่านที่สองก็ตามเข้ามาติดๆ ซึ่งก็คือลูกค้าที่ซื้อกลับบ้านไปเมื่อวาน พอพ้นประตูเข้ามา เริ่มจากมอบไหในมือสามใบให้เมิ่งอี้ จากนั้นนั่งบนม้านั่งยาว พูดเสียงดังลั่น “เอามาให้ข้าอีกสี่ชุด รสต้มยำหนึ่งชามข้ากินที่นี่ ที่เหลืออีกสามชุดเป็นน้ำใส ห่อกลับบ้าน” 

 

 

เมิ่งอี้ดีใจขานรับคำ ตะโกนบอกหลังร้าน 

 

 

เพิ่งจะยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งมาให้ลูกค้าสองท่านนี้ ด้านหลังก็มีลูกค้าทยอยเข้ามา 

 

 

ภายในร้านเริ่มวุ่นวาย โชคดีที่มีเหวินเปียว เหวินหู่ เหวินจงสามคนมาร่วมด้วย สถานการณ์ภายในร้านถึงไม่ยุ่งเหยิงเหมือนเมื่อวาน 

 

 

วันนี้เมิ่งเชี่ยนโยวสบายตัวขึ้นมา คอยยืนเก็บเงินหลังโต๊ะคิดเงินเท่านั้น 

 

 

หลังจากวุ่นวายไม่ได้ขาดสายครึ่งชั่วยาม ซุนวั่งถึงอิดๆ ออดๆ ฝืนใจปรากฏตัวหน้าประตูร้าน มองเข้ามาด้านใน เห็นวันนี้มีคนงานเพิ่มขึ้น แทบไม่ต้องการตัวเองแล้ว กะพริบตาปริบๆ หมุนตัวคิดจะจากไปเงียบๆ 

 

 

เสียงร้องถามของเมิ่งเชี่ยนโยวดังลอยมาจากด้านหลัง “ท่านพ่อตา เราตกลงกันแล้วให้ท่านรีบเข้ามาช่วยแต่เช้ามิใช่หรือ? เหตุใดถึงเพิ่งมา?” 

 

 

ซุนวั่งหมุนตัว แย้มยิ้มประจบเอาใจนาง “วันนี้ข้านัดเพื่อนพูดคุยธุระไว้ เจ้าว่าข้าเข้ามาช่วยวันอื่นได้หรือไม่?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า ปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่ได้ ประเดี๋ยวข้ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ต้องออกไปข้างนอก เรื่องเก็บเงินมีเพียงท่านที่ทำได้” 

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าซุนวั่งเลือนหาย เบ้ปากบ่นงึมงำ “อยากให้ข้าทำงานให้เปล่าก็พูดมาตามตรง ทำเป็นยกเรื่องสำคัญมาอ้าง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาขยับปากงุบงิบ แกล้งเอ่ยปากถาม “ท่านพูดว่ากระไร? พูดเสียงดังหน่อย ข้าฟังไม่ถนัด” 

 

 

ซุนวั่งลนลานตอบ “ข้าพูดว่า เจ้ามีธุระก็รีบไปทำ ข้าจะช่วยดูแลการค้าในร้านให้” 

 

 

“ขอบคุณท่านพ่อตา” เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มหวานตอบ 

 

 

ซุนวั่งเสียใจแทบอยากจะตบปากตัวเองสักฉาด 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกจากโต๊ะคิดเงิน ยิ้มมองซุนวั่ง 

 

 

ซุนวั่งเดินลิ่วเข้ามา นั่งบนม้านั่งยาวแต่โดยดี 

 

 

เหลาจวี้เสียนก็เริ่มมีลูกค้าแล้ว ยังเป็นเหมือนเมื่อวาน มีลูกค้าไม่น้อยสั่งก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งด้วย 

 

 

หลงจู๊จดบันทึก ให้เสี่ยวเอ้อร์นำใบรายการมาส่ง 

 

 

เป็นช่วงเที่ยงที่คึกคักวุ่นวายอีกวัน เมิ่งเชี่ยนโยวคาดคำนวณ ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่ขายวันนี้มากกว่าเมื่อวานมาก โดยเฉพาะจากเหลาจวี้เสียน ไม่เพียงลูกค้าจากห้องโถงใหญ่ชั้นล่างสั่งกันไม่น้อย แม้แต่ลูกค้าในห้องรับรองชั้นบนก็เข้ามาร่วมวง สั่งกันหลายต่อหลายชาม 

 

 

ซุนวั่งไม่ได้ว่างเลยตลอดทั้งบ่าย คอยเก็บเงิน ทอนเงินไม่หยุด ทำมาทำไป จนคล้ายจะลืมความไม่ยินยอมพร้อมใจของตนเอง นับเงินอีแปะอย่างรื่นเริงบันเทิงใจ 

 

 

กระทั่งเวลากินข้าวช่วงเที่ยงผ่านไป เหลาจวี้เสียนสั่งก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งน้อยลง ลูกค้าในร้านก็ไม่มากแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถือไหสะอาดสองใบมาด้านหลัง สั่งสะใภ้เหวินเปียวว่า “ต้มรสต้มยำและน้ำใสอย่างละหนึ่งให้ข้า แยกใส่ในไหสองใบนี้ ใส่วัตถุดิบแต่ละชนิดเพิ่มอีกหน่อย” 

 

 

สะใภ้เหวินเปียวขานรับคำ อึดใจเดียวก็ต้มสองชุดเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวหิ้วอย่างระวัง เดินออกมาด้านนอก สั่งการเหวินเปียว “เจ้าไปบังคับรถม้ามา พวกเราจะไปร้านยาเต๋อเหริน” 

 

 

เหวินเปียวเข้าไปบังคับรถม้าออกมาจากด้านหลัง เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเมิ่งอี้ “พี่เมิ่งอี้ ข้ามีธุระออกไปข้างนอก ฝากท่านดูแลร้านให้ดีด้วย” 

 

 

เมิ่งอี้รับคำ “ไปเถอะ ระวังด้วย รีบไปรีบกลับ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หิ้วไหขึ้นไปนั่งบนรถม้า เหวินเปียวค่อยๆ บังคับรถม้ามาถึงร้านยาเต๋อเหริน  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิดกังวลใจมาตลอดทาง ไม่สังเกตเห็นว่าตั้งแต่พวกนางออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ก็มีร่างหนึ่งดอมๆ มองๆ สะกดรอยตามหลังรถม้าพวกเขามา กระทั่งมาถึงร้านยาเต๋อเหริน เมิ่งเชี่ยนโยวกลับคืนสู่ภวังค์ ถึงคลับคล้ายจะรู้สึกได้ มองสำรวจด้านหลังแวบหนึ่ง ร่างนั้นหลบเข้ามุมอับพลัน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมั่นใจประสาทสัมผัสไวของตัวเองมาตลอด ครั้งนี้ก็ไม่ยกเว้น มองไปโดยรอบอย่างไม่ตัดใจ ยังไม่พบร่างของคนผู้นั้น ขมวดคิ้วยับย่น 

 

 

เหวินเปียวเห็นนางลงจากรถม้าแล้ว เอาแต่ยืนมองสำรวจโดยรอบ รู้สึกผิดปกติ ซักถามเสียงเบา “แม่นาง มีอะไรหรือ?” 

 

 

“ข้ารู้สึกว่ามีคนจับตาดูพวกเรา แต่กลับไม่เห็นใคร ประเดี๋ยวระหว่างทางกลับเจ้าตื่นตัวหน่อย” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียงเบา 

 

 

เหวินเปียวจับบังเ**ยนในมือแน่น แววตากวาดมองไปโดยรอบ นอกจากคนเดินเท้าไปมา ไม่พบเห็นบุคคลต้องสงสัยอื่น แต่เขาเชื่อเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นที่สุด ขานรับคำเสียงเบา “ข้าทราบแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันมองกลับไปอีกครั้ง ถึงหิ้วไหเดินเข้าไปในร้านยาเต๋อเหริน 

 

 

ตอนเที่ยงไม่มีลูกค้า หมอชราไม่ได้นั่งตรวจอาการ พนักงานเข้ากะเห็นนางเข้ามา รีบออกมาจากหลังโต๊ะคิดเงิน พูดอย่างอ่อนน้อม “แม่นาง ท่านมาแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกไหในมือ “ข้านำของอร่อยมาให้นายท่านของพวกเจ้าและหมอชรา รบกวนเจ้าไปรายงานด้วย” 

 

 

พนักงานรับคำ รีบวิ่งไปหลังร้าน ไม่นานเสียงอดใจรอไม่ไหวของเหวินซื่อก็ดังแว่วมา “ของอร่อยอะไรกัน รีบเอามาให้ข้าลิ้มรสเร็ว” สิ้นเสียง คนก็ก้าวเข้ามาในห้องโถง 

 

 

“ข้าเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งอยู่ตรงข้ามเหลาจวี้เสียน นี่เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นแป้งมันฝรั่งที่ข้าตั้งใจนำมาให้เจ้าและหมอชรา เจ้าลองชิมดูเถอะ?” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 

 

 

เสียงของหมอชราก็ดังขึ้นตาม “ยังมีส่วนของข้าด้วย ขอบใจแม่นางเมิ่งมาก” พูดจบ คนก็เดินเข้ามาในห้องโถง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ของท่านเป็นน้ำใส ของเขาเป็นต้มยำ พวกท่านทั้งสองจะกินที่ไหนเล่า” 

 

 

เหวินซื่อพูดว่า “กินชั้นบนเถอะ พวกเรากินไปคุยไป” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หิ้วไหเดินตามหลังเหวินซื่อขึ้นไปชั้นบน เดินมาได้ครึ่งทางถึงนึกขึ้นได้ พูดกับเหวินซื่อว่า “ข้าไม่ได้เอาตะเกียบมา เจ้าสั่งพนักงานนำตะเกียบสองคู่ขึ้นมาด้วยเถอะ” 

 

 

เหวินซื่อตะโกนสั่งพนักงาน 

 

 

พนักงานรับคำ รีบวิ่งไปหยิบตะเกียบหลังร้าน 

 

 

เดินมาถึงชั้นบน เมิ่งเชี่ยนโยววางไหในมือลงบนโต๊ะ 

 

 

เหวินซื่อรีบยื่นหน้าเข้ามาเปิดฝาไหหนึ่งใบออก สูดดมกลิ่น ร้องอุทาน “หอมนัก!” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ต้องหอมอยู่แล้ว ของท่านยังเพิ่มวัตถุดิบมากกว่าคนอื่นด้วยเล่า” 

 

 

เหวินซื่อดีใจหัวเราะร่วน “นับว่าเจ้ายังมีน้ำใจ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนเก้าอี้อีกด้าน พูดว่า “วัตถุดิบพวกนี้ข้าไม่ได้เพิ่มให้เปล่า รอเจ้ากินเสร็จแล้ว ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า เจ้าจะต้องตอบข้ามาตามตรง” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด