ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 232-3 ไม่เคยได้ยินมาก่อน อึกทึกครึกโครม

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 232-3 ไม่เคยได้ยินมาก่อน อึกทึกครึกโครม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบว่า “เมื่อเป็นงานแต่งงานของพวกเขาทั้งสามคน พวกเราก็อย่าจัดที่ละคนเลย ไม่เช่นนั้นท่านเลือกวันดี ให้พวกเขาแต่งงานวันเดียวกัน เช่นนี้ พวกเราก็จะไม่ต้องยุ่งหลายต่อเจ้าค่ะ”

 

 

สามพี่น้องแต่งงานพร้อมกัน เมิ่งจงจวี่มีชีวิตมาจนอายุปูนนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน ได้ฟังดังนั้น ถึงกับต้องขบคิดเรื่องนี้อย่างตั้งอกตั้งใจ

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินและเมิ่งชื่อมึนงงกับความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเมิ่งเชี่ยนโยวไปนานแล้ว เอาแต่นั่งเหม่อลอยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

 

 

เมิ่งเหรินที่ยืนไม่แสดงความคิดเห็นมาโดยตลอด หันไปพูดกับเมิ่งจงจวี่ “ท่านปู่ ข้าคิดว่าคำแนะนำนี้ของน้องสาวโยวเอ๋อร์ดียิ่งนัก พวกเราสามคนแต่งงานพร้อมกัน เรื่องแพร่ออกไปจะต้องกลายเป็นที่กล่าวขาน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็เติมเชื้อไฟให้โหมแรงขึ้น “ท่านปู่วางใจเถอะ ขอเพียงท่านเห็นด้วย พวกเราจะไม่ทำให้ท่านลุงใหญ่และท่านป้าใหญ่ต้องลำบากใจ ไม่เพียงพวกเราจะออกเงินค่าสินสอดให้พี่เมิ่งเหรินและพี่เมิ่งอี้ แม้แต่เงินค่าจัดเลี้ยงในวันแต่งงานพวกเราก็จะควักเอง ท่านลุงใหญ่และท่านป้าใหญ่ไม่ต้องจ่ายสักตำลึงเดียวเลยเจ้าค่ะ”

 

 

ที่เมิ่งจงจวี่คิดใคร่ครวญก็คือเรื่องเงินทอง หลังจากเมิ่งต้าจินเป็นผู้ใหญ่บ้าน วันๆ ยุ่งแต่เรื่องในหมู่บ้าน ไม่มีเวลาไปทำงานที่โรงงาน หาเงินไม่ได้ ตนเองก็ไม่ได้สอนหนังสือ ย่อมไม่มีเงินค่าสอนเป็นรายรับ เมิ่งเหรินต้องไปเข้าเรียนกับอาจารย์ทุกวัน ไม่มีเวลาไปทำงานในโรงงาน พูดมาพูดไป ตอนนี้ในบ้านยังต้องพึ่งเมิ่งอี้คอยหาเงินเพียงคนเดียว ต่อให้ประหยัดเพียงใด ก็ไม่มีทางมีเงินหลายสิบตำลึงได้ทันที บัดนี้เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้แล้ว เมิ่งจงจวี่ไม่ต้องห่วงกังวลสิ่งใดอีก ย่อมรับปากเต็มคำ “ดี ว่าตามที่โยวเอ๋อร์พูด ให้พวกเขาแต่งงานพร้อมกัน”

 

 

เมิ่งจงจวี่เป็นหัวหน้าใหญ่ของสกุล ไม่ว่าเรื่องใดเขามีสิทธิ์ขาด แม้หญิงชราเมิ่งจะมีความเห็นต่างเพียงใด ก็จะไม่พูดโต้แย้งออกมา อีกทั้งนางก็รู้สึกว่าทำเช่นนี้ถือว่าใช้ได้ดี จึงพยักหน้าเห็นชอบ

 

 

เมิ่งชื่อยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขอเพียงยอมตกลงให้นางเพิ่มจำนวนหาบสินสอด แต่งซุนเชี่ยนกลับมาในเร็ววัน จะให้ทำรูปแบบใดก็ได้

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินกลับทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ ให้เมิ่งชื่อช่วยออกค่าสินสอดคนเดียวไม่ว่า กลับยังให้พวกเขาออกให้ถึงสองคน ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่เรื่องงานแต่งงานก็ให้เขาช่วยจัดการให้ แต่เมิ่งจงจวี่ตกลงเห็นชอบแล้ว ตนเองย่อมไม่มีสิทธิ์โต้แย้งอีก จึงหันไปพูดกับเมิ่งชื่อว่า “น้องสะใภ้ ทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน? จะให้พวกเจ้าออกเงินมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?”

 

 

“ปัดโธ่ พี่สะใภ้ พวกเราต่างเป็นครอบครัวเดียวกัน พูดเช่นนี้เท่ากับถือเป็นคนอื่น ท่านคิดก่อนดีกว่าว่าจะเข้าไปพูดสู่ขอกับบ้านโจวอย่างไร เพราะพวกเขาก็เพิ่งจะหมั้นหมายไปไม่นาน” เมิ่งชื่อเตือนนาง

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินถูกเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง คิดถึงเรื่องนี้ก็ให้ขมวดคิ้วยู่ย่น พูดอย่างลำบากใจ “นั่นสิ พวกเราบุ่มบ่ามเข้าไปพูดทาบทาม ไม่รู้ว่าบ้านโจวจะยอมตกลงหรือไม่”

 

 

เมิ่งชื่อเสนอความคิดให้นาง “ข้าว่านะ ท่านทำเหมือนกับข้าไปเลย เข้าไปพูดสู่ขอด้วยตัวเอง พวกเขาไม่ตกลง ท่านก็ไม่ต้องออกมา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขบขันในคำพูดคำจาของเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ บ้านโจวเป็นสกุลปัญญาชน ท่านป้าใหญ่เพียงบอกกล่าวต้นสายปลายเหตุของเรื่อง ท่านอาจารย์โจวจะต้องเข้าใจนาง ไม่แน่ว่าจะรับปากอย่างหน้าชื่นตาบานยิ่งกว่าบ้านซุนก็เป็นได้”

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินได้ฟังคลายปมคิ้วที่ขมวดมุ่นออก เบิกตาโพลง ถามนางอย่างมีความหวัง “เจ้าหมายความว่าขอเพียงข้าเข้าไปด้วยตัวเอง บ้านโจวจะต้องรับปาก?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงเจ้าค่ะ”

 

 

ตอนนี้เมิ่งเชี่ยนโยวเป็นเสาหลักของครอบครัว เมื่อนางพูดว่าได้จะต้องได้ สะใภ้เมิ่งต้าจินมีความมั่นใจทันที “พรุ่งนี้เช้าหลังจากกินอาหารเช้าแล้วข้าจะเข้าไปพูดสู่ขอ”

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า พูดว่า “ดี รีบกำหนดเรื่องโดยไว พวกเราจะได้จัดเตรียมสิ่งของให้พวกเขาแต่เนิ่นๆ” จากนั้นก็พูดวันมอบสินสอดที่ตัวเองกำหนดไว้แล้วออกมา พูดว่า “ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ให้พวกเขามอบสินสอดพร้อมกัน แต่งงานพร้อมกัน ให้สกุลพวกเราโด่งดังเลื่องลือ ไปทั่วหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงนี้”

 

 

การได้เป็นจุดสนใจ ทำให้ชื่อเสียงสกุลเมิ่งขจรขจาย เมิ่งจงจวี่ย่อมยินดี รีบหยิบปฏิทินจันทรคติออกมา หาวันมงคลสำหรับฤกษ์แต่งงาน เพียงแต่ว่าวันมงคลนั้นค่อนข้างไกล คือย่างเข้าเดือนสิบสอง

 

 

สรุปเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว เมิ่งชื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาบ้าน บอกข่าวนี้แก่เมิ่งเอ้ออิ๋น

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ฟังตะลึงค้างชั่วขณะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ พอได้สติกลับมา ตื่นเต้นถูมือตัวเองถามขึ้น “สามพี่น้องแต่งงานพร้อมกัน นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาที่ไหนมาก่อน ใครเป็นคนออกความคิดนี้รึ”

 

 

เมิ่งชื่อเชิดหน้า พูดอย่างลำพองใจ “ย่อมต้องเป็นบุตรสาวของท่าน นอกจากบุตรสาวข้าใครยังจะมีความคิดพลิกแพลงได้หลากหลายเช่นนางอีก”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นหัวเราะร่วน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

 

 

เช้าวันถัดมาหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ สะใภ้เมิ่งต้าจินหอบของกำนัลที่ซื้อเตรียมไว้สำหรับงานแต่งของเมิ่งเหรินจากในเมืองวันก่อน มุ่งหน้ามาบ้านโจวลำพัง

 

 

หลังจากท่านอาจารย์โจวทราบจุดประสงค์การมาของนาง ขบคิดเล็กน้อย แล้วตอบตกลงนาง ถ้อยคำหลังจากนั้นเหมือนกับบ้านซุน บอกว่าครอบครัวตนเองจะเตรียมเครื่องแต่งงานชุดใหญ่ให้โจวอิ๋งเอง วันแต่งงานอย่าให้ใกล้เกินไป

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินรีบร้อนบอกว่าพวกเขาไม่ต้องจัดเตรียม ตนจะจัดเตรียมทุกสิ่งให้เรียบร้อยเอง

 

 

ท่านอาจารย์โจวยิ้มพยักหน้า มิได้กล่าวดี และมิได้กล่าวว่าไม่ดี

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินสังเกตสีหน้าคำพูด รู้ว่าเขาทราบเรื่องฐานะครอบครัวตนเองไม่ดี เกรงจะจัดเตรียมของดีได้ไม่กี่อย่าง ทว่าด้วยกลัวจะทำนางเสียหน้า จึงไม่พูดอะไรมาก

 

 

ช่วงเวลาต่อจากนี้ แม้แต่โรงงานเมิ่งชื่อก็ไม่ไปแล้ว เอาแต่เข้าเมืองไปซื้อของแต่งงานพร้อมสะใภ้เมิ่งต้าจิน ของแต่ละแบบจะซื้อสามชิ้น ไม่มีใครได้มากกว่าหรือน้อยกว่า

 

 

นับตั้งแต่ตกลงรับการสู่ขอจากบ้านเมิ่ง ท่านอาจารย์โจวก็ไม่ให้โจวอิ๋งไปโรงงานกระเป๋านักเรียนอีก ให้นางอยู่เย็บชุดแต่งงานของตัวเองในบ้าน เวลากระชั้นชิด แม้แต่สะใภ้ใหญ่โจวและสะใภ้รองโจวก็ไม่ไปแล้ว คอยอยู่ช่วยที่บ้าน

 

 

หลังจากบ้านเมิ่งหารือเรียบร้อย เมิ่งจงจวี่ก็ออกไปหาหัวหน้าสกุลอาวุโส บอกเล่าเรื่องที่หลานชายทั้งสามคนจะมอบสินสอดและแต่งงานพร้อมกัน

 

 

หัวหน้าสกุลอาวุโสก็ไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน คิดว่าบ้านเมิ่งจะสร้างชื่อเสียงดังระบืออีกครั้ง ได้แต่ลูบเคราพยักหน้ายินดี

 

 

เมิ่งจงจวี่บอกเขาว่า ได้เตรียมสินสอดไว้ค่อนข้างมาก ต้องการให้เขาเรียกหาเด็กหนุ่มกำยำจำนวนหนึ่งมาช่วยหาบเครื่องแต่งงาน

 

 

ความจริงแล้ว ด้วยสถานะในหมู่บ้านในตอนนี้ของบ้านเมิ่ง แค่เพียงเขาเอ่ยปาก คนในหมู่บ้านต่างก็เฮโลแย่งชิงกันมาช่วยแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้หัวหน้าสกุลตนเองออกหน้า หัวหน้าสกุลอาวุโสเข้าใจดีว่าเมิ่งจงจวี่ต้องการยกย่องตนเอง ให้เกียรติต่อหน้าคนสกุลเมิ่ง ดีใจจนไม่ได้ถามว่าเตรียมเครื่องแต่งงานมากเพียงใด หันไปกำชับคนในสกุลเมิ่งเมื่อวันนั้นมาถึงให้วางงานทุกอย่างในมือลง เข้าไปช่วยงาน

 

 

หัวหน้าสกุลอาวุโสพูดออกจากปากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนที่ว่างงานอยู่บ้าน หรือออกไปทำงานข้างนอก ในวันมอบสินสอด ต่างมารวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนใหม่ ช่วยกันหาบเครื่องแต่งงาน

 

 

เมิ่งต้าจินแบ่งพวกเขาออกเป็นสามกลุ่ม หนึ่งกลุ่มไปบ้านโจว หนึ่งกลุ่มไปบ้านซุน อีกหนึ่งกลุ่มไปบ้านอิงจื่อ

 

 

ตำบลอยู่ไกลที่สุด เมิ่งต้าจินสั่งคนกลุ่มแรกเข้าไปหาบเครื่องแต่งงานในลานบ้าน ตรงเข้าตำบลไปก่อน

 

 

เด็กหนุ่มในสกุลเดินหัวเราะต่อกระซิกเข้าไปในลานเรือน ครั้นพอได้เห็นสินสอดสามแถวที่นับไม่หวาดไหวก็ตะลึงตาค้าง

 

 

เมิ่งต้าจินชี้สินสอดสิบหกหาบแถวแรก บอกพวกเขาว่าแถวนี้ไปตำบล ให้พวกเขาหาบขึ้นไปไว้บนรถม้าก็พอ เมื่อถึงตัวตำบลแล้ว ค่อยยกลงมา หาบไปบ้านซุน

 

 

หลังอาการตะลึงค้าง บรรดาเด็กหนุ่มก็หาบสินสอดออกไปข้างนอก

 

 

ในตอนแรกพวกชาวบ้านยังไม่ใส่ใจอะไร พอเห็นสินสอดถูกหาบออกมาไม่หยุด เริ่มมีเสียงร้องอุทาน “สวรรค์ช่วย พวกเขาเตรียมเครื่องแต่งงานไว้มากเพียงใดกันแน่?”

 

 

มีคนตั้งใจนับ แล้วร้องตะโกนตอบ “สิบหกหาบ สินสอดทั้งหมดสิบหกหาบ”

 

 

กลุ่มคนแตกฮือ เกิดเสียงร้องเซ็งแซ่ “พวกเขาสามคนมอบสินสอดวันเดียวกัน สินสอดของเมิ่งเสียนสิบหกหาบ ไม่รู้ว่าสินสอดของเมิ่งเหรินและเมิ่งอี้จะเป็นเท่าใด?”

 

 

มีคนพูดว่า “บ้านผู้ใหญ่บ้านมีฐานะสู้บ้านเมิ่งเอ้ออิ๋นไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีแปดหาบกระมัง”

 

 

คนข้างๆ ส่ายหน้า “บุตรชายสองคนของพวกเขาแต่งงานพร้อมกัน เกรงว่าแปดหาบจะเกินกำลังเกินไป อย่างมากก็สี่หาบ”

 

 

ยังมีคนพูดว่า “ช่างน้อยนิดนัก ยังจะมามอบสินสอดวันเดียวกัน ไม่เท่ากับตบหน้าผู้ใหญ่บ้านเองเรอะ?”

 

 

ระหว่างที่ชาวบ้านวิพากษ์กันนั้น ก็บรรทุกสินสอดไปตำบลเสร็จ เหวินเปียวและเหวินหู่บังคับรถม้านำหน้า พวกเด็กหนุ่มหาบสินสอดเดินตามหลัง สุดท้ายเป็นขบวนปี่แตรบรรเลงปิดขบวน

 

 

ชาวบ้านมองส่งกลุ่มแรกจนลับตา แล้วสายตาก็จับจ้องมายังประตูใหญ่เรือนใหม่ รอดูว่าสินสอดของเมิ่งเหรินจะมีเท่าใด

 

 

เมิ่งต้าจินจัดเด็กหนุ่มอีกกลุ่มเข้าไป ตอนที่พวกเขาหาบสินสอดออกมา พวกชาวบ้านนับได้สิบหกหาบ เกิดเป็นความโกลาหลอีกครั้ง

 

 

สะใภ้ซุนเห็นสินสอดสิบหกหาบก็ให้ตกตะลึงอ้าปากค้างหุบไม่ลง ยืนมองขบวนหาบสินสอดไปบ้านฝ่ายแม่ตัวเองอย่างมึนงงตาค้าง

 

 

สุดท้ายเป็นของเมิ่งอี้ ก็คือสิบหกหาบ ชาวบ้านตะลึงลานจนพูดไม่ออกแล้ว สุดยอดยิ่งนัก สินสอดทั้งหมดสี่สิบแปดหาบ ในรัศมีหลายสิบลี้นี้ ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ครั้งนี้บ้านเมิ่งสร้างชื่อเสียงดังกระฉ่อนอีกครั้ง

 

 

เป็นจริงดังคาด หลังจากผ่านไปหลายวัน ชาวบ้านทุกๆ หมู่บ้าน ยังคงพูดถึงเรื่องที่บ้านเมิ่งมอบสินสอดในวันเดียวกันถึงสี่สิบแปดหาบ

 

 

พอย่างเข้าเดือนสิบสอง บ้านเมิ่งก็ปล่อยข่าวที่ทำให้ต้องตกตะลึงอีกครั้ง พี่น้องสามคนของบ้านเมิ่งจะแต่งงานพร้อมกันในวันที่สิบหกเดือนสิบสอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด