ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 233-2 ผู้สอดแนมตามติดดั่งเงาตามตัว

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 233-2 ผู้สอดแนมตามติดดั่งเงาตามตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โรงงานเส้นแป้งมันฝรั่งก็งานยุ่งไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเส้นแป้งมันฝรั่งชนิดแห้ง หลังจากเปิดช่องทางการค้าได้ ทุกสามวันเถ้าแก่หวังจะส่งคนเข้ามารับสินค้าไปหนึ่งครั้ง ครั้งละหนึ่งหมื่นจิน

 

 

โรงงานมันฝรั่งแผ่นทอดยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกหญิงสาวต่างเหนื่อยล้า กลับถึงบ้านไม่อยากแม้แต่จะพูดจา

 

 

คนงานในโรงงานกระเป๋านักเรียนก็หาได้สุขสบาย

 

 

ไม่เพียงแต่คนงานที่ยุ่งหัวหมุน แม้แต่คนในครอบครัวเมิ่งก็ยุ่งจนได้เจอกันแค่ตอนกินข้าวเท่านั้น

 

 

ซุนเชี่ยนเพิ่งจะแต่งเข้ามา ยังช่วยอะไรไม่ได้มาก จึงอยู่ในบ้านกับสาวใช้คอยรับผิดชอบสำรับอาหารให้คนในครอบครัว เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็จะตั้งโต๊ะอาหารเตรียมไว้ พอคนในครอบครัวเข้ามาจะได้กินอาหารร้อนกรุ่น

 

 

เมิ่งชื่อดีใจเป็นอย่างมาก เอาแต่ชมเมิ่งเสียนแววตาแหลมคม หาลูกสะใภ้ที่ดีเช่นนี้มาให้ตนเอง

 

 

ทุกช่วงเวลานี้ ซุนเชี่ยนจะต้องเขินอายจนใบหูแดงก่ำ

 

 

คนที่ดีใจที่สุดก็คือซุนเหลียงไฉ เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง เพราะท่านอาจารย์บอกว่าอีกสองวันจะได้หยุดพัก ยาวไปจนถึงวันที่ยี่สิบเดือนอ้ายถึงจะเปิดเรียน

 

 

ซุนเหลียงไฉวิงวอนขอร้องซุนเชี่ยน หลังจากปิดพักเรียนให้ตนเองอยู่เล่นในหมู่บ้านอีกสองวันค่อยกลับไป

 

 

ซุนเชี่ยนพยักหน้าตกลง ซุนเหลียงไฉดีใจกระโดดตัวลอย

 

 

ซุนเหลียงไฉอยู่เล่นสนุกจนถึงวันที่ยี่สิบหกเดือนสิบสอง ซุนเชี่ยนถึงให้เหวินเปียวช่วยพาเขาส่งกลับไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “วันพรุ่งข้ามีธุระเข้าเมืองพอดี จะพาเขากลับไปเอง”

 

 

ซุนเชี่ยนพยักหน้า กำชับซุนเหลียงไฉว่าปีนี้ตนเองไม่อยู่ฉลองปีใหม่ที่บ้าน ให้เขาจะต้องดูแลท่านปู่ท่านย่าให้ดี”

 

 

ซุนเหลียงไฉพยักหน้า พูดว่า “ท่านวางใจเถอะ ข้าทราบว่าควรทำอย่างไร”

 

 

ซุนเชี่ยนลูบศีรษะเขา ดวงตาแดงเรื่อ

 

 

เช้าตรู่วันถัดมา เหวินเปียวและเหวินหู่บังคับรถม้า พาคนทั้งหมดมาที่ร้านก่อน

 

 

เมิ่งอี้เปิดประตูร้าน ทุกคนช่วยกันเช็ดถูเก็บกวาดร้าน เตรียมข้าวของ เปิดร้านต้อนรับลูกค้า

 

 

ซุนเหลียงไฉมาที่ร้านเป็นครั้งแรก ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก มองซ้ายทีขวาทีไม่หยุด

 

 

ซุนวั่งยังเป็นเหมือนปกติ เข้ามาทำงานช้ากว่าพวกเมิ่งอี้หนึ่งชั่วยาม เห็นบุตรชายในร้าน เข้าไปกอดซุนเหลียงไฉไว้แน่น ดีใจน้ำตาเอ่อไหลเป็นสาย

 

 

หนึ่งปีมานี้ซุนเหลียงไฉรูปร่างสูงใหญ่ขึ้นไม่น้อย แทบจะสูงเท่าซุนวั่งแล้ว ตอนนี้มาถูกซุนวั่งกอดไว้ในอ้อมอก รู้สึกกระดากอาย กระบิดกระบวนเก้อเขิน พูดทักท้วงเสียงเบา “ท่านพ่อ ข้าโตขนาดนี้แล้ว ท่านยังจะกอดข้าเช่นนี้อีก?”

 

 

ซุนวั่งปาดน้ำตา พูดอย่างปลื้มปริ่ม “เจ้าโตแค่ไหนก็คือลูกของพ่อ ยังจะไม่ยอมให้พ่อกอดเจ้าอีก?”

 

 

ซุนวั่งโอ๋ตามใจซุนเหลียงไฉมาแต่เด็ก ซุนเหลียงไฉย่อมไม่โต้แย้งเขา ขยี้ศีรษะตนเองหัวเราะแก้เก้อให้เขา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เหวินเปียว เหวินเปียวเดินไปที่รถม้าหลังร้านหยิบกรงนกเข้ามามอบให้นาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับกรงนกมา เดินมาตรงหน้าซุนวั่ง แย้มยิ้มพูดว่า “ท่านพ่อตา หลายเดือนที่ผ่านมาโชคดีที่ได้ท่านมาช่วยทุกวัน ข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะมอบให้ท่าน นี่เป็นกรงนกที่ข้าฝากคนซื้อมาจากอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองหลวง ท่านดูก่อนว่าชอบหรือไม่?”

 

 

ในอดีตนอกจากคบหาเพื่อนเกเรแล้ว ซุนวั่งยังชอบเลี้ยงนกด้วย จึงค่อนข้างจะดูกรงนกเป็น มองเพียงแวบเดียว ก็รู้ทันทีว่ามาจากยอดฝีมือท่านใด รีบรับมาด้วยความยินดี มองซ้ายมองขวา ไม่ยอมวางตา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกว่า “นี่เป็นวันที่ยี่สิบหกแล้ว ข้าพาเหลียงไฉมาส่งคืนให้ท่าน ท่านไม่ต้องมาช่วยงานหรอก พาเขาไปเดินเที่ยวให้เต็มที่ กระทั่งเปิดร้านอีกครั้งหลังปีใหม่ ท่านค่อยเข้ามาช่วยงาน”

 

 

ซุนวั่งให้ดีใจยิ่งนัก กล่าวคำขอบคุณเสร็จ มือหนึ่งจับซุนเหลียงไฉ อีกมือถือกรงนก เดินพ้นประตูร้านออกไป

 

 

ลูกค้าค่อยๆ ทยอยกันเข้ามาในร้าน เมิ่งอี้นำพาทุกคนลงมือทำงาน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเขาว่าตนเองมีธุระออกไปข้างนอก ประเดี๋ยวก็กลับมา

 

 

เมิ่งอี้พยักหน้า กำชับนางให้ระวังตัว รีบไปรีบกลับ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวให้เหวินเปียวบังคับรถม้าออกมา สั่งเขาไปร้านยาเต๋อเหริน

 

 

เนื่องเพราะเป็นช่วงเวลาใกล้ปีใหม่ ผู้คนเข้ามาจับจ่ายซื้อของค่อนข้างมาก เหวินเปียวกลัวจะบังคับรถม้าชนคน ดังนั้นจึงไปอย่างช้าๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่มีธุระสำคัญอันใด จึงไม่ได้เร่งเร้าเขา

 

 

กระทั่งออกมาได้เกือบครึ่งทาง เหวินเปียวกดเสียงต่ำบอกเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นาง ด้านหลังมีคนตามพวกเรามาขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น เปิดมุมหนึ่งของม่านรถขึ้น มองออกไปด้านนอก เห็นคนผู้หนึ่งทำลับๆ ล่อๆ ตามหลังรถม้ามา ตอนที่กำลังหรี่ตาพินิจมอง คนผู้นั้นกลับเงยหน้ามองมาที่รถม้าพอดี

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกคุ้นเคยแววตาคู่นั้น คลับคล้ายจะเป็นแววตาลอบมองตนเองในวันแต่งงานเมิ่งเสียน ขมวดคิ้วเกร็งแน่น ปล่อยม่านรถลง ถอยกลับเข้าไปในห้องโดยสาร ขบคิดว่าเขาเป็นใครกันแน่ คอยสะกดรอยตามตนเองครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยจุดประสงค์ใด

 

 

ครุ่นคิดพักใหญ่ก็หาต้นสายปลายเหตุไม่ได้ จึงสั่งการเหวินเปียว “อ้อมร้านยาเต๋อเหริน เลาะถนนใหญ่ออกไปประตูตะวันตก ดูว่าพวกเขาจะตามหลังพวกเรามาหรือไม่”

 

 

เหวินเปียวรับคำ บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปประตูตะวันตกอย่างเอื่อยเฉื่อย

 

 

ชายหนุ่มที่ตามหลังมาเห็นรถม้าพวกเขาวิ่งบนถนนใหญ่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ผงะอึ้ง หยุดการสะกดรอยตาม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคอยเปิดม่านรถสำรวจไปด้านนอก เห็นเขาหยุดชะงัก ยิ่งให้ขมวดคิ้วเกร็งแน่น

 

 

คนผู้นั้นยืนอยู่กับที่ มองรถม้าค่อยๆ ไกลออกไป เลี้ยวกลับไปทางร้านยาเต๋อเหริน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจับตาดูทั้งหมดนี้ แล้วสั่งการเหวินเปียว “เลี้ยวหัวรถม้า ไปร้านยาเต๋อเหริน”

 

 

เหวินเปียวลงจากรถม้า จูงม้าพารถม้าหักเลี้ยวกลับ กระโดดขึ้นนั่งบนคาน บังคับรถม้ามาจอดหน้าประตูร้านยาเต๋อเหริน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า รับรู้ได้ถึงแววตาพินิจมองคู่นั้นอีกครั้ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวใคร่ครวญครู่หนึ่ง ไม่สนใจเขา ยกเท้าเดินเข้าไปในร้านยาเต๋อเหริน

 

 

ใกล้จะปีใหม่แล้ว คนที่มารับการรักษาในร้านยาเต๋อเหรินกลับมากกว่าปกติ หมอชราและหมอตรวจรักษาอีกสองสามท่านต่างมีคนไข้ต่อแถวยาว พนักงานก็ยุ่งไม่ได้เว้นว่าง ทั้งจัดยา คิดบัญชี ต้อนรับคนไข้ ต่างทำแทบไม่ทัน

 

 

พนักงานต้อนรับคนไข้คนหนึ่งเห็นมีคนเข้ามา กำลังจะจัดให้นางไปนั่งตรงหน้าหมอ พอเงยหน้ากลับเห็นเป็นเมิ่งเชี่ยนโยว รีบพูดอย่างอ่อนน้อม “แม่นางเมิ่ง ท่านมาแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า มองคนไข้เต็มห้องตรวจแวบหนึ่ง ถามขึ้น “นายท่านของพวกเจ้าเล่า กลับเมืองหลวงไปแล้วหรือไม่?”

 

 

พนักงานพินอบพิเทาตอบ “นายท่านอยู่ชั้นบน ข้าจะไปรายงานเดี๋ยวนี้ขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว ข้าขึ้นไปเอง เจ้าทำงานต่อเถอะ”

 

 

พนักงานหลีกทางให้เมิ่งเชี่ยนโยวเดินขึ้นไป

 

 

เหวินซื่อกำลังตรวจบัญชี ได้ยินเสียงฝีเท้า ไม่แม้แต่จะเงยหน้าถาม “มีเรื่องอะไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแกล้งตอบกลับ “ข้าจะมาถามว่า ยารักษารอยแผลเป็นถูกนำส่งไปเมืองหลวงนานแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะตัดบัญชีส่วนแบ่งให้ข้าได้?”

 

 

เหวินซื่อเงยหน้าด้วยความประหลาดใจ แย้มยิ้มถาม “ยายตัวแสบ เหตุใดวันนี้ถึงว่างเข้ามาได้?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบถ้วยชาใบหนึ่งบนโต๊ะ เดินมาข้างโต๊ะบัญชี หยิบกาน้ำชาที่วางเบื้องหน้าเหวินซื่อขึ้น รินใส่ถ้วยชาตนเอง หลังจากนั่งทิ้งตัวบนเก้าอี้ข้างโต๊ะบัญชี ถึงพูดกระเซ้าตอบว่า “ข้ามาทวงหนี้ ปีนี้ทำโรงงานเพิ่มหลายแห่ง เงินทองขัดสน ไม่มีเงินฉลองปีใหม่ ข้าเข้ามาทวงเงินก้อนนี้ จะได้เอากลับไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว”

 

 

เหวินซื่อขบขันถ้อยคำแหย่เย้าของนาง พูดขอไปที “อย่างเจ้ายังขาดเงิน ป้ายหยกที่ท่านพี่ฉู่ให้เจ้า เจ้าเพียงนำออกมา ต้องการกี่แสนตำลึงก็ย่อมได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวดื่มน้ำชาหนึ่งคำ แล้วถลึงตาใส่เขา “เจ้าบอกว่าห้ามนำป้ายหยกที่ท่านแม่ทัพฉู่ให้มาใช้ส่งเดช หากข้าต้องการเงินให้มาหาเจ้าไม่ใช่เรอะ?”

 

 

เหวินซื่อกำลังจะพูดโต้กลับ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถามขึ้นอย่างใคร่รู้ฉับพลัน “เจ้าว่า ป้ายหยกที่ท่านแม่ทัพฉู่ตามหากับป้ายหยกที่เขาให้ข้าล้วนแต่นำไปขึ้นเงินที่สำนักการเงินได้ใช่หรือไม่?”

 

 

“แน่นอนที่สุด ลืมครั้งก่อนที่เจ้านำป้ายหยกไปขึ้นเงินแล้วรึ แม้แต่ท่านพี่ฉู่ยังให้ตกตะลึง” เหวินซื่อตอบ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถามอีก “เมื่อป้ายหยกทั้งสองชิ้นล้วนนำไปขึ้นเงินได้ เหตุใดถึงยังต้องตามหาอีกชิ้นเล่า?”

 

 

เหวินซื่อยิ้มตอบ “ตอนที่ท่านพี่ฉู่มอบป้ายหยกให้เจ้า ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะใช้เงินมากเช่นนั้น มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้บอกกับเจ้า หากนำป้ายหยกเพียงชิ้นเดียวมาขึ้นเงิน แต่ละปีให้เบิกเงินออกมาได้มากที่สุดเพียงห้าแสนตำลึง หากนำป้ายหยกสองชิ้นมาพร้อมกัน จะสามารถเบิกเงินได้ห้าล้านตำลึง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเบิกตาลุกวาว ตกใจร้องถาม “ห่างกันมากเช่นนั้นเลยเชียว?”

 

 

เหวินซื่อพยักหน้า

 

 

“นอกเหนือจากนั้นแล้ว ป้ายหยกทั้งสองชิ้นนั้นยังทำอะไรได้อีกหรือไม่?” เมิ่งเชี่ยนโยวเอนตัวไปข้างหน้า ถามด้วยความใคร่รู้

 

 

เหวินซื่อส่ายหน้า “เรื่องนี้ท่านพี่ฉู่มิได้พูด ข้าก็ไม่รู้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้อง “อ่อ” เอนตัวกลับไปพิงพนักด้านหลัง

 

 

เหวินซื่อรู้สึกมีบางสิ่งผิดปกติ ถามด้วยความกังขา “ยายตัวแสบ เหตุใดเจ้าถึงสนใจใคร่รู้เรื่องพวกนี้นัก?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพลิกฝาถ้วยชาในมือเล่น พูดว่า “ท่านแม่ทัพฉู่มอบป้ายหยกให้ข้าแล้ว ข้าย่อมต้องรู้ให้แน่ชัดว่าของสิ่งนี้ยังนำไปทำอะไรได้อีก หากว่าทำได้ ข้าจะได้รีบคืนกลับไป ไม่ใช่รอเวลาหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว”

 

 

เหวินซื่อยิ้มพูด “ของที่ท่านพี่ฉู่มอบให้ไม่มีทางรับคืนกลับ เจ้าเก็บรักษาป้ายหยกชิ้นนั้นให้ดีเถอะ หากมีวันใดเจ้าต้องการใช้เงินจริงๆ ใช้มันในยามฉุกเฉินได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “แค่เพียงครั้งนี้ ก็สร้างเรื่องยุ่งยากใหญ่โตแล้ว ภายหน้าข้าไม่มีวันกล้าใช้อีกแล้ว”

 

 

เหวินซื่อยกยิ้มโบกมือ “คนนิสัยกลัวโลกจะไม่สงบสุขเยี่ยงเจ้ารู้จักกลัวความยุ่งยากด้วยเรอะ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับทันควัน “กลัว ข้าย่อมกลัว ข้ารักชีวิตยิ่งกว่าสิ่งใด ข้ายังไม่อยากต้องมาสิ้นอายุขัยในวัยเยาว์เช่นนี้ เสียของที่ท่านพ่อท่านแม่มอบใบหน้างดงามนี้ให้”

 

 

เหวินซื่อหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงลั่น

 

 

หมอชราที่กำลังตรวจอาการให้คนไข้ชั้นล่างได้ยินเสียงหัวเราะของเขา รู้ทันทีว่าเมิ่งเชี่ยนโยวมาแล้ว ยกยิ้มส่ายหน้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด