ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 234-2 ร้านยาเต๋อเหรินเกิดเรื่อง

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 234-2 ร้านยาเต๋อเหรินเกิดเรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซุนเชี่ยนหยิบสมุดบัญชีมาเปิดดูทีละหน้าอย่างละเอียด ยิ่งดูก็ยิ่งตะลึงพรึงเพริด เยี่ยมยอดนัก เพียงเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน ไม่เพียงกุนเชียงที่ทำรายได้หลายแสน แม้แต่มันฝรั่งแผ่นทอดห่อเล็กๆ ก็มีเงินเข้าเกือบแสนตำลึง 

 

 

เมิ่งเสียนกลับมาที่ห้อง พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวต่อหน้าทุกๆ คน “ข้าตรวจสอบบัญชีแล้ว ตัวเลขครบถ้วนถูกต้อง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า 

 

 

จูหลานเห็นว่าพวกเขาพูดเรื่องสำคัญจบแล้ว ถึงเอ่ยปากพูดขึ้น “เมื่อวานข้าเจอเจ้าเปาอีฝาน บอกเขาว่า วันนี้พวกเราสามคนจะเข้ามาส่งของขวัญปีใหม่ เขาบอกว่าใกล้สิ้นปี ที่ศาลาว่าการงานค่อนข้างยุ่ง ภรรยาเขาก็ตั้งครรภ์ ปลีกตัวมาไม่ได้ ฝากของกำนัลจำนวนมากมาให้แทน” 

 

 

“ท่านพี่ซุนตั้งครรภ์แล้วรึ?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยความยินดี 

 

 

จูหลานเก้อๆ กังๆ ตอบ “เขาบอกข้ามาเช่นนี้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยน้ำเสียงสะกดกลั้นความยินดีไว้ไม่อยู่ “ดียิ่งนัก ครานี้ท่านป้าเปาได้สมดั่งใจหมายแล้ว คงดีใจยิ่งกว่าใครเทียว” พูดจบก็หันไปพูดกับจูหลานอย่างไม่อาจเก็บซ่อนความดีใจไว้ได้ “เจ้ากลับไปบอกคุณชายเปาด้วย ให้เขาไปบอกท่านพี่ซุนว่า พอข้ารู้เรื่องที่นางตั้งครรภ์ ข้าดีใจเป็นอย่างมาก หลังปีใหม่ข้าจะเข้าไปหานาง” 

 

 

จูหลานพยักหน้ารับคำอย่างเก้อกัง 

 

 

เมิ่งฉีนั่งอยู่อีกด้าน เห็นพวกเขาพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ คงยังไม่กลับกันไปง่ายๆ จึงคิดจะไปดูโรงงานสักรอบ รอพวกเขาไปกันหมดแล้ว ค่อยกลับมาคิดเงินค่าแรงคนงานกับเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียน จึงลุกขึ้นพูดว่า “ทุกท่าน ขออภัยด้วย ข้ายังมีธุระที่โรงงาน ต้องขอตัวก่อน” 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงรีบร้อนพูด “คุณชายรองเมิ่งมีธุระก็รีบไปทำเถอะ พวกเรานั่งอีกประเดี๋ยวก็ไปแล้ว” 

 

 

เมิ่งฉีพยักหน้าอย่างสุภาพ แล้วหันหลังเดินออกไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกเขาพลัน “ท่านพี่รอง ช้าก่อน” 

 

 

เมิ่งฉีหยุดกึก หันหลังมองนาง ใช้แววตาซักถามนางว่ามีเรื่องอันใด 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ประเดี๋ยวท่านให้พวกอู๋ต้าส่งเส้นแป้งมันฝรั่งสดใหม่จำนวนหนึ่งเข้ามาด้วยเถิด พวกเขาส่งของขวัญปีใหม่มาให้ข้า พวกเราไม่มีอะไรให้กลับ ข้าจะทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งให้พวกเขากิน ถือเป็นน้ำใจจากพวกเรา” 

 

 

พวกจูหลานทั้งสามคนเดิมก็เป็นนักกินอยู่แล้ว พอได้ยินว่ามีของแปลกใหม่ให้กิน ต่างดีใจเนื้อเต้น อย่าว่าแต่ปฏิเสธ แม้แต่คำพูดเกรงใจก็ไม่มี จูหลานยิ่งตื่นเต้นพูดออกไปตามตรง “ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่เจ้าว่าก็คืออาหารจากร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่มีชื่อเสียงในตำบลชิงซีใช่หรือไม่ ได้ยินว่าเลิศรสยิ่งนัก หากไม่เพราะปีนี้พวกเราค่อนข้างยุ่ง คงรวมตัวไปกินนานแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้าเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่มีชื่อเสียงนั้นเอง ใช้เส้นแป้งมันฝรั่งสดใหม่ที่ผลิตออกมาจากโรงงานของพวกเราเอง” 

 

 

จูหลานได้ฟังดีใจเกือบจะกระโดดตัวลอย พูดว่า “เช่นนั้นพวกเราก็มีลาภปากแล้ว วันนี้ข้าจะต้องลิ้มรสก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่ลือกระฉ่อนไปทั้งอำเภอชิงเหอว่ามีรสชาติอย่างไร” 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนก็พยักหน้ารับด้วยความยินดี 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งฉีอีกว่า “ท่านให้อู๋ต้าส่งเนื้อหมูชั้นดีจำนวนหนึ่งเข้ามาด้วย ข้าจะต้มน้ำซุป” 

 

 

เมิ่งฉีรับคำ เดินลิ่วๆ ไปโรงงาน 

 

 

พวกจูหลานต่างสนใจใคร่รู้ คอยชะเง้อคอมองออกไปด้านนอก รอคอยให้อู๋ต้ารีบส่งเส้นแป้งมันฝรั่งเข้ามา 

 

 

หลังจากอู๋ต้ารับคำสั่งจากเมิ่งฉี ก็ถือเส้นแป้งมันฝรั่งและเนื้อชั้นดี วิ่งเหยาะๆ เข้ามา เพิ่งจะก้าวพ้นประตู ก็ปะทะเข้ากับแววตาฉับไวของจูหลานเข้า 

 

 

จูหลานลุกขึ้นพรวด สาวเท้าเดินพ้นตัวบ้านออกมา พูดกับอู๋ต้าที่เดินมาประจันหน้าตัวเองอย่างอดใจรอไม่ไหว “รีบเอามาให้ข้าดู เส้นแป้งมันฝรั่งมีหน้าตาเป็นอย่างไร?” 

 

 

อู๋ต้าจำเขาได้ จึงยื่นเส้นแป้งมันฝรั่งในมือให้เขาดู 

 

 

จูหลานมองดูของกินเส้นใสอ่อนยวบยิ่งให้อยากรู้อยากลอง รบเร้าเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เกรงใจ “เจ้ารีบไปทำมาให้พวกเรากินเถอะ” 

 

 

แม้เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนจะไม่ใจร้อนเท่าเขา แต่หลังจากได้เห็นเส้นแป้งมันฝรั่งแปลกประหลาดนี้ ต่างก็มองนางด้วยใบหน้าหิวกระหาย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองพวกเขาสามคนที่อยากจะกินใจจะขาดแล้ว ยกยิ้มส่ายศีรษะ รับสิ่งของจากมืออู๋ต้าเดินเข้าครัว พวกจูหลานทั้งสามคนเดินตามเข้ามา 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ข้าคิดจะใช้น้ำซุปหมูมาทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งให้พวกท่าน อาจจะใช้เวลานานสักหน่อย หากพวกท่านรู้สึกเบื่อหน่าย ก็ให้พี่ใหญ่ข้าพาพวกท่านไปเดินชมโรงงานสักรอบ” 

 

 

จูหลานส่ายหน้า พูดว่า “ไม่ต้อง พวกเราจะนั่งรอเจ้าทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งให้เสร็จที่นี่ล่ะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกเขาทั้งสามคนไม่มีใครขยับ จึงไม่สนใจพวกเขาอีก หันไปตั้งใจต้มน้ำซุปหมู 

 

 

เมิ่งเสียนเห็นพวกเขาไม่พูดอะไร จึงนั่งยองลงหน้าเตาช่วยเมิ่งเชี่ยนโยวติดไฟ 

 

 

ต้มน้ำซุปหมูเสร็จ ทั้งครัวคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอม 

 

 

พวกจูหลานเอาแต่กลืนน้ำลายไม่หยุด กระทั่งเมิ่งเชี่ยนโยวต้มก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเสร็จ ตักขึ้นใส่ชาม ทั้งสามคนถึงลุกขึ้นพรวด เดินมาข้างเตา ยกชามก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของตัวเองเดินกลับมาที่โต๊ะ หยิบตะเกียบคีบกินอย่างไม่กลัวร้อน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกเขาสามคนสวาปามมูมมาม ก็ให้ขบขัน พูดว่า “พวกท่านกินช้าหน่อยก็ได้ ไม่มีใครแย่งพวกท่านหรอก” 

 

 

ทั้งสามคนทำหูทวนลม ไม่พูดไม่จา เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งในชามตัวเอง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะส่ายหน้าไปมา 

 

 

หนึ่งชามหมดไป ยังไม่รู้สึกหายอยาก จูหลานแหงนหน้าเว้าวอนมองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ พูดว่า “ในกระทะยังมีอีก” 

 

 

จูหลานรีบเข้าไปตักให้ตัวเองอีกชาม 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนก็ไม่เกรงใจ หลังจากกินในชามหมด ก็เข้าไปตักอีกคนละชาม 

 

 

ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสองชามอยู่ในท้อง คนทั้งหมดต่างมีเหงื่อเม็ดเป้งผุดซึมเต็มหน้าผาก 

 

 

จูหลานใช้ผ้าขนหนูที่พกติดตัวมาซับเหงื่อให้ตัวเองไปพลางพูดว่า “ถึงว่าคนไม่น้อยต่างยอมเดินทางหลายสิบลี้ เพื่อมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสักชาม อร่อยเลิศรสโดยแท้” 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงที่กำลังซับเหงื่อก็พยักหน้าเห็นพ้อง พูดว่า “หากในอำเภอของพวกเรามีร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเช่นนี้บ้างก็คงดี รับรองว่าทำกำไรเป็นกอบเป็นกำแน่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจสั่นไหว นั่งลงบนโต๊ะในครัว พูดว่า “ข้ามีความคิดเช่นนี้พอดี เพียงแต่กำลังคนในครอบครัวน้อย ทำให้ทำไม่ทัน พวกท่านคนไหนมีความคิดในด้านนี้ พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ” 

 

 

ทั้งสามคนเพียงพูดจ้อไปเรื่อย ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะมีความคิดเช่นนี้จริงๆ หลังจากผงะอึ้งเล็กน้อย เซี่ยเจียงเฟิงก็ยิ้มพูดว่า “ข้าทำแต่การค้าขายส่ง วิ่งวุ่นไปมาตลอดทั้งปี คาดว่าจะไม่มีเวลามาดูแลร้านได้” 

 

 

อันอี่หยวนก็พูดว่า “ครอบครัวข้าทำการค้าผลไม้แห้ง ไม่สันทัดเรื่องอาหารของสด” 

 

 

จูหลานมิได้พูดอะไร คล้ายว่ากำลังขบคิดถึงความเป็นไปได้ 

 

 

คนทั้งหมดมองไปที่เขา 

 

 

ครู่หนึ่งจูหลานถึงพูดว่า “ข้าต้องกลับไปคิดทบทวนให้ดีก่อน อย่างไรนี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว ต่อให้ข้าตอบตกลง ร้านก๋วยเตี๋ยวก็หาใช่จะเปิดในเร็วๆ นี้ได้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้ เจ้ากลับไปใคร่ครวญดูก่อน เมื่อคิดได้แล้วไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำให้ส่งข่าวบอกข้าด้วย” 

 

 

จูหลานรับคำ 

 

 

คนทั้งหมดพูดคุยเฮฮาอยู่ในครัวอีกครึ่งชั่วยาม เซี่ยเจียงเฟิงมองดูท้องฟ้าแล้วพูดว่า “พวกเราสมควรกลับแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนลุกขึ้น ออกไปส่งพวกเขามาถึงนอกประตูใหญ่ ถึงเห็นว่าด้านนอกมีรถม้าจอดอยู่สี่คัน โดยที่บนรถม้าสามคันอัดแน่นไปด้วยสิ่งของ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจถาม “อย่าบอกว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งของที่นำมามอบให้ข้านะ?” 

 

 

จูหลานขานรับ “ย่อมเป็นสิ่งของที่นำมามอบให้เจ้า” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเกินจริง “มากมายเกินไปแล้ว นี่พวกท่านขนข้าวของมาทั้งอำเภอเลยรึ?” 

 

 

จูหลานชี้รถม้าคันที่บรรทุกมามากที่สุด พูดว่า “สิ่งของบนรถม้าคันนี้มิได้เป็นของข้าคนเดียว หลายวันก่อนตอนที่ข้าไปหาลี่เอ๋อร์ ท่านว่าที่พ่อตาข้าบอกว่าช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง ไม่มีเวลาส่งของขวัญปีใหม่มาให้เจ้า จึงฝากข้านำมาให้เจ้า อีกส่วนหนึ่งเป็นของที่เจ้าเปาอีฝานฝากข้ามาให้เจ้า ส่วนที่เหลือถึงเป็นของข้าเอง ท่านแม่เห็นข้าบรรทุกของมาน้อย บ่นตำหนิข้าไม่วาย ด้วยความต้องการของนาง คงได้ส่งมาให้เจ้าอีกหนึ่งคันรถเทียว” 

 

 

อันอี่หยวนก็ยิ้มอ่อนพูดว่า “สิ่งที่ข้ามอบให้หาได้มีราคาค่างวดใดไม่ เจ้ารับไว้เถอะ” 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงก็พยักหน้าสมทบ 

 

 

สิ่งของก็ส่งมาให้แล้ว จะให้พวกเขานำกลับไปก็กระไรอยู่ เมิ่งเชี่ยนโยวจนใจ จำต้องให้คนงานนำสิ่งของทั้งหมดไปเก็บไว้ในห้องว่างในเรือนใหม่ จากนั้นถึงพาพวกเขามาโรงงาน แบ่งบรรทุกมันฝรั่งและเส้นแป้งมันฝรั่งแห้งจำนวนหนึ่งให้พวกเขานำกลับไป 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด