ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 235-2 เหวินซื่อใจสลาย

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 235-2 เหวินซื่อใจสลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาหลังร้าน ถึงได้เห็นว่าพนักงานร้านยาเต๋อเหรินต่างได้รับบาดเจ็บกันทุกคน ขมวดคิ้วยู่ย่น เปล่งเสียงพูดกับพนักงาน “พวกเจ้าใครพอจะบอกข้าได้ว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” 

 

 

พนักงานที่ได้รับบาดเจ็บที่แขนพูดว่า “เมื่อวานข้าเป็นคนลาดตระเวนตอนกลางคืน ข้ารู้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ข้าจะบอกแม่นางเอง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พนักงานพูดว่า “หลายวันก่อนนายท่านบอกกับพวกเรา บอกว่ามีคนคอยจับตาดูพวกเรา ให้พวกเราเพิ่มความระแวดระวัง หากพบสิ่งผิดปกติ ให้รีบรายงานเขา ทั้งแบ่งพวกเราออกเป็นหลายกลุ่ม ผลัดเวรเฝ้ายามตอนกลางคืน แม้เมื่อวานจะเป็นวันที่สามสิบ พวกเราก็มิได้หย่อนยานความระแวดระวัง พ้นยามจื่อไป ข้าและพนักงานอีกคนมาเข้ายาม พวกเราลาดตระเวนด้านนอกหนึ่งรอบ ไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงกลับเข้ามาดื่มน้ำร้อนอบอุ่นร่างกาย ภายในห้องในลานเรือน หลังจากดื่มน้ำเสร็จ กำลังจะออกไปลานตระเวน ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาหนึ่งแว่วมาจากมุมกำแพง พวกเราไม่ได้ร้องทัก คิดจะเดินไปตรวจดู ไม่คิดว่าจู่ๆ ก็มีคนถือมีดเล่มใหญ่ฟันฉับมาที่พวกเรา ข้าหลบไม่ทัน ถูกมันฟันเข้าที่แขน พนักงานอีกคนลนลานร้องตะโกน คนผู้นั้นตื่นตกใจ หยิบดาบตรงเข้าฟันพวกเราไม่เลี้ยง พนักงานอีกคนพลาดถูกเขาฟันเข้าหน้าขา ล้มฟุบไปกับพื้น นายท่านและพนักงานได้ยินเสียงตะโกนของพวกเรา ไม่ทันได้สวมเสื้อผ้าดีก็รีบวิ่งออกมา เห็นพวกเรามีอันตราย นายท่านเตะของสิ่งหนึ่งเข้ามา ขวางคนผู้นั้นไว้ ข้าถึงรอดตายมาได้” 

 

 

พูดถึงตรงนี้ คล้ายว่ายังหวาดผวา หลังจากหายใจหอบหลายครั้ง ถึงพูดต่อ “นายท่านและพนักงานคนอื่นเข้ามารับมือกับเขาแทน ตอนที่เขาเริ่มไม่ไหว กำลังจะถูกจับได้นั้น นอกกำแพงก็มีคนอีกสามคนกระโดดเข้ามา แต่ละคนเหมือนเขาทุกประการ สวมชุดดำปิดหน้า เหลือไว้เพียงดวงตาที่โผล่ออกมาให้เห็น ทั้งสามคนเข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงเข้าหานายท่านอย่างเ**้ยมโหด แต่ละคมมีดคมดาบล้วนหมายมุ่งจะเอาชีวิต พนักงานที่เหลือต่างเข้าไปช่วย หมอชราก็ออกมาด้วย ช่วยข้าลากพนักงานที่ได้รับบาดเจ็บไปอีกด้าน หลังจากหมอชราช่วยพวกพันแผลเสร็จ ก็มาดูพวกเขาต่อสู้กัน” 

 

 

“คนพวกนั้นหมายมุ่งที่จะเอาชีวิตนายท่านของพวกเรา ไม่มีการออมมือ พนักงานของพวกเราได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน หมอชราใจร้อน เข้าไปในห้อง หยิบยาผงจำนวนหนึ่งออกมา แล้วสาดใส่คนพวกนั้น มีสองคนโดนเข้าอย่างจัง ยืนร่างโงนเงน นายท่านของพวกเราฉวยโอกาสนี้ถีบพวกเขากระเด็นเข้ากำแพง บาดเจ็บไม่น้อย คนที่เหลืออีกสองคนเห็นเช่นนั้น ยิ่งให้คลุ้มคลั่ง ในมือนายท่านของพวกเราไม่มีอาวุธ ถูกพวกเขารุกจนต้องถอยหนี” 

 

 

พูดถึงตรงนี้ขอบตาก็แดงเรื่อ น้ำเสียงสั่นเครือ “นายท่านของพวกเราอุตส่าห์ถีบอีกคนลอยกระเด็นไปได้ หันกลับไปจัดการกับอีกคน ชายชุดดำที่ถูกฟาดล้มไปก่อนพลันลุกขึ้นมา หยิบดาบพุ่งเข้าแทงนายท่านจากด้านหลัง พวกเราตกใจยืนงง ตกอยู่ในภวังค์ หมอชรากลับเอาตัวเข้าขวางแผ่นหลังนายท่าน ดาบของคนผู้นั้นแทงเข้าที่ทรวงอกเขาอย่างจัง พวกเราถึงได้สติกลับมา ดาหน้ากันเข้าไป เล่นงานคนผู้นั้นจนล่าถอย แล้วเข้าไปประคองหมอชรา” พูดถึงตรงนี้ พนักงานก็ไร้เส้นเสียงแล้ว 

 

 

กระทั่งเขาปรับอารมณ์ได้สงบนิ่งขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวถึงถามเขาเสียงเข้ม “หลังจากนั้นเล่า?” 

 

 

พนักงานปาดน้ำตาตัวเอง ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ด้วยความตกใจหนัก นายท่านรุกจนชายชุดดำล่าถอย ลอยตัวมาข้างหมอชรา แล้วอุ้มหมอชราเข้าไปในห้องรักษาทันที จากนั้นสั่งพวกเราไปนำยาห้ามเลือดมา พวกชายชุดดำฉวยโอกาสที่พวกเรากำลังโกลาหลหลบหนีไป” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ถาม “เช่นนี้ พวกเจ้าจึงไม่ได้เห็นใบหน้าของชายชุดดำเลย ทั้งไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาด้วย?” 

 

 

“มีชายชุดดำเพียงคนเดียวที่ร้องเรียกให้ชายชุดดำคนอื่นๆ กลับไป นอกนั้นไม่มีใครพูดออกมาเลยขอรับ” พนักงานตอบ 

 

 

“พอจะฟังออกหรือไม่ว่าเป็นคนที่ใด?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอีก 

 

 

พนักงานครุ่นคิดเล็กน้อย ตอบว่า “ไม่ใช่สำเนียงท้องที่นี้ ฟังดูคล้ายสำเนียงเมืองหลวง แต่ก็ไม่ชัดมาก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “พวกเจ้าไม่ต้องเก็บลานเรือนแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ” 

 

 

พนักงานไม่ขยับ มองไปที่ห้องรักษา 

 

 

เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจยังคงดังออกมา 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น เดินเข้าไปในห้องรักษา เหวินซื่อกอดร่างไร้ลมหายใจของหมอชราคร่ำครวญโหยไห้ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยืนอีกด้านอยู่กับเขาเงียบๆ 

 

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เหวินซื่อที่ร้องไห้จนเสียงแหบแห้งแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าจะหยุดร้อง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วยู่ย่น พูดเตือนเขา “เหวินซื่อ พอได้แล้ว เจ้าเป็นเช่นนี้จะทำให้ท่านหมอจากไปอย่างมีห่วงนะ” 

 

 

ราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เหวินซื่อยังคงร้องไห้ฟูมฟาย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่มน้ำเสียง “หมอชราตายแล้ว ข้าเองก็เสียใจมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทุกข์โศก พวกเราสมควรต้องสืบหาตัวผู้บงการเบื้องหลัง แก้แค้นให้หมอชรา” 

 

 

คำว่าแก้แค้นทิ่มแทงเข้าไปในโสตประสาทเหวินซื่อ เขาหยุดคร่ำครวญ แหงนหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยว พูดดั่งคำสาบาน “เจ้ากล่าวถูกต้อง ข้าจะต้องหาตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้ แล้วสับมันออกเป็นหมื่นเป็นพันชิ้น แก้แค้นให้เหล่าอวี๋” 

 

 

พูดจบก็ถลึงตัวลุกขึ้นพรวด พูดว่า “ข้าจะไป…” พูดยังไม่ทันจบ ร่างก็ล้มตึงลงไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวขึ้นหน้า คิดจะประคองเขา 

 

 

เสียแต่ว่าเหวินซื่อร่างหนักเกินไป กลับล้มไปกับเขาด้วย ร่างกระแทกเข้ากับโต๊ะ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสบถเสียงต่ำ โมโหผลักเหวินซื่อออก “ออกไป!” 

 

 

เหวินซื่อร่างสั่นไหว กลับไม่มีเสียงตอบ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกชนเข้าที่ด้านหลัง พลิกตัวเหวินซื่อขึ้น เห็นเขาดวงตาปิดสนิท หมดสติไปแล้ว ยื่นมือออกไป ลองแตะจมูกเขา รู้สึกได้ถึงลมหายใจสงบนิ่ง ถึงวางใจลงได้ ร้องตะโกนไปด้านนอก “เหวินเปียว!” 

 

 

เหวินเปียวที่ได้ยินเสียงตะโกนเดินจ้ำเข้ามาในห้อง เห็นภาพภายในห้องตกใจจังงัง ร้องถาม “นายท่านเหวินเป็นอะไรขอรับ?” 

 

 

“เขาเสียใจมากจนหมดสติไป เจ้าและเหวินหู่มาหามเขาไปไว้ที่ห้องเขา ไม่ต้องสนใจเขา ถึงเวลาเขาก็จะฟื้นเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 

 

 

เหวินเปียวพยักหน้า ร้องเรียกเหวินหู่ ทั้งสองช่วยกันหามเหวินซื่อไปไว้ที่ห้องเขา 

 

 

พนักงานในลานเรือนเห็นเหวินซื่อหมดสติไป ต่างตื่นตระหนก ยืนเฝ้าหน้าห้องเหวินซื่ออย่างสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน รู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง รู้ว่าตัวเองกระแทกไม่เบา ก่นด่าเหวินซื่อสาดเสียเทเสียในใจ ถึงเดินออกมานอกห้อง เห็นพนักงานยืนสีหน้ากลัดกลุ้มหน้าประตูห้องเหวินซื่อ จึงพูดปลอบใจพวกเขา “ไม่ต้องเป็นกังวล นายท่านของพวกเจ้าไม่เป็นอะไร ประเดี๋ยวก็จะฟื้นเอง” 

 

 

พนักงานถึงวางใจลงได้ ต่างจ้องมองเมิ่งเชี่ยนโยว รอฟังคำสั่งจากนาง 

 

 

ในเมืองแห่งนี้ร้านยาเต๋อเหรินถือว่ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จะไม่แจ้งความไม่ได้ เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งพนักงานที่บาดเจ็บเล็กน้อยหนึ่งคนในนั้น “เจ้าไปแจ้งความที่ศาลาว่าการตำบล บอกว่าร้านยาเต๋อเหรินมีคนตาย ให้ผู้ว่าการตำบลเข้ามาดูที่เกิดเหตุ” 

 

 

พนักงานรับคำวิ่งไปแจ้งความ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเหวินหู่อีก “ท่านพาพนักงานสองสามคนไปชำระล้างน้ำมันดิบโดยรอบออก เลี่ยงไม่ให้มีคนพลาดทำไฟลุกโหม ถึงตอนนั้น ร้านยาเต๋อเหรินได้พังราบไม่เหลือเป็นแน่” 

 

 

เหวินหู่เลือกพนักงานที่บาดเจ็บเล็กน้อยสองคนหาของติดมือเดินออกไปด้านนอก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวใคร่ครวญครู่หนึ่ง ร้องเรียกเหวินเปียว “เจ้าขี่ม้าเร็วเข้าไปในอำเภอ บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านนายอำเภอ ให้เขาและคุณชายเปาเข้ามาเสียหน่อย” 

 

 

เหวินเปียวรับคำ จูงม้าเดินออกมาจากหลังร้านยาเต๋อเหริน ลอยตัวขึ้นหลังม้า ควบม้าทะยานเข้าตัวอำเภอ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้องเหวินซื่อ เห็นเหวินซื่อไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้น จึงเดินออกมา สั่งการพนักงานทั้งสองคน “พวกเจ้าเฝ้าประตูให้ดี เหวินซื่อฟื้นขึ้นมา ให้รีบมาแจ้งข้า” 

 

 

พนักงานทั้งสองขานรับคำ แยกกันไปยืนสองฝั่งประตู 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับพนักงานหลายนายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส “ตอนนี้ฟ้าสางแล้ว ไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นอีก พวกเจ้ากลับไปพักในห้องให้สบายเถอะ” 

 

 

พนักงานทั้งหมดต่างตกใจหวาดผวา บวกกับที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝืนทนไม่ไหวนานแล้ว ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเช่นนี้ ต่างกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง แล้วช่วยกันประคองกลับไปพักผ่อนในห้อง 

 

 

เมื่อสั่งการทุกอย่างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาที่ห้องโถงร้านยาด้านหน้า นั่งบนโต๊ะตรวจรักษาที่หมอชรานั่งประจำ รอผู้ว่าการตำบลเข้ามา 

 

 

วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ทุกคนต่างหยุดพักผ่อน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ว่าการตำบล พนักงานมาถึงหน้าศาลาว่าการ เห็นประตูใหญ่ศาลาว่าการปิดสนิท ร้อนใจทำอะไรไม่ได้ เดินวนรอบศาลาว่าการหนึ่งรอบ ก็หาคนแจ้งความร้องทุกข์ไม่ได้ ตอนที่กำลังจะไปเคาะประตูใหญ่ศาลาว่าการ ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดออกจากด้านใน คนที่มีลักษณะคล้ายบ่าวเดินอ้าปากหาวออกมา 

 

 

พนักงานสองสามคนเดินเข้าไป เร่งเร้าพูด “ท่านผู้ว่าการตำบลอยู่หรือไม่? ข้ามาแจ้งความ” 

 

 

ศาลาว่าการเปิดทำการตลอดทั้งปี เพิ่งจะได้หยุดพักไม่กี่วันช่วงปีใหม่ กลับมีคนไม่ดูตาม้าตาเรือเข้ามาแจ้งความ บ่าวเดือดดาล ร้องไล่เขา “ไปๆๆ ไม่ดูเสียบ้างว่าวันนี้วันอะไร เข้ามาแจ้งความแต่เช้า บ้านพวกเจ้ามีคนตายหรือถูกตามฆ่า?” พูดจบหาวอีกฟอดใหญ่ 

 

 

พนักงานลนลานตอบ “ข้าเป็นพนักงานร้านยาเต๋อเหริน เมื่อคืนมีคนบุกเข้ามา ฆ่าหมอชราร้านยาเต๋อเหรินของพวกเรา ทั้งทำร้ายพวกเราพนักงานบาดเจ็บ” 

 

 

พอได้ยินว่าเกิดเรื่องถึงแก่ชีวิต มือที่ป้องปากหาวหยุดชะงัก ตกใจจนหาวไม่ออก ถลึงตาถามพนักงานอย่างไม่เชื่อ “ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?” 

 

 

พนักงานพยักหน้า “เป็นจริงทุกประการ ขอท่านผู้ว่าการตำบลรีบเข้าไปดูหน่อยเถิด” 

 

 

บ่าวหันหลังวิ่งไปหลังศาลาว่าการ วิ่งไปร้องตะโกนไป “นายท่านขอรับ แย่แล้ว ร้านยาเต๋อเหรินมีคนตายขอรับ” 

 

 

ผู้ว่าการตำบลนานทีจะได้พักผ่อนหลายวัน เพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน ยังไม่ทันได้กินอาหารเช้า ได้ยินเสียงร้องบ่าวร้องตะโกนด้านนอก โมโหหงุดหงิด กระทั่งบ่าวเข้ามาถึงลานเรือน จึงแผดเสียงตำหนิเขา “ร้องเอ็ดตะโรแต่เช้าตรู่ ใช้ได้ที่ไหนกัน?” 

 

 

บ่าววิ่งกระหืดกระหอบ ไม่ได้กล่าวขออภัย รายงานด้วยความตื่นตระหนก “นายท่านขอรับ เกิดเรื่องแล้ว เมื่อคืนวานมีคนบุกรุกร้านยาเต๋อเหริน ฆ่าหมอชราของพวกเขาตายขอรับ” 

 

 

ผู้ว่าการตำบลตกใจลุกพรวด ก้าวฉับๆ ออกมานอกห้อง ถามบ่าวรับใช้ “เป็นเรื่องจริงรึ?” 

 

 

“พนักงานร้านยาเต๋อเหรินที่มาแจ้งความอยู่ด้านนอก เขาเป็นคนบอกเอง ไม่น่าจะผิดขอรับ” บ่าวตอบกลับ 

 

 

ผู้ว่าการตำบลยิ่งให้ตื่นตกใจ สั่งการเขา “รีบไปตามท่านกุนซือและเจ้าหน้าที่มา” 

 

 

บ่าวรับคำ วิ่งแนบออกไป 

 

 

ผู้ว่าการตำบลสั่งการสาวใช้ข้างกาย “เร็ว ไปเอาชุดประจำตำแหน่งข้ามา!” 

 

 

สาวใช้รีบไปหยิบชุดประจำตำแหน่งมา 

 

 

ผู้ว่าการตำบลไม่รอให้สาวใช้ช่วยแล้ว ลุกลนใส่เอง ก้าวอาดๆ พ้นประตูออกมาถึงด้านนอกศาลาว่าการ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด