ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 236-1 การมาของแม่ทัพฉู่

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 236-1 การมาของแม่ทัพฉู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวมองผู้ว่าการตำบลและกุนซือแวบหนึ่ง

 

 

เปาอีฝานเข้าใจพลัน สั่งการทั้งสองคน “พวกเจ้าไปสืบค้นนอกเรือน หากพบเบาะแสใด ให้เข้ามารายงานทันที”

 

 

ผู้ว่าการตำบลและกุนซือรับคำอย่างนอบน้อม มองหน้ากันเลิกลั่ก ลนลานรีบออกไปด้านนอก

 

 

เปาอีฝานมองเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก บอกเรื่องที่มีคนสะกดรอยตามนางแก่เปาอีฝาน สุดท้ายพูดว่า “ข้าเตือนเหวินซื่อแล้ว เขาก็เตรียมรับมือแล้วเช่นกัน แต่วรยุทธ์ของอีกฝ่ายสูงส่ง เขาและพนักงานต่อต้านสุดชีวิต ถึงทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสามราย”

 

 

เปาอีฝานย่นหัวคิ้วถาม “เจ้าบอกว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสามราย?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

เปาอีฝานร้องตะโกนไปด้านนอกทันที “มีใครอยู่บ้าง!”

 

 

ไม่มีคนขานรับ

 

 

เปาอีฝานถึงนึกได้ว่าตนเองอยู่ตำบลชิงซี ข้างกายไม่มีเจ้าหน้าที่ให้เรียกใช้ เดินออกมานอกเรือน พูดกับผู้ว่าการตำบลที่กำลังตรวจสอบอยู่ด้านนอก “ท่านสั่งการหน่อยเถิด ให้คนเฝ้าเส้นทางเข้าออกเมืองไว้ พบชายที่ไม่พูดสำเนียงท้องถิ่น ร่างกายบาดเจ็บให้จับตัวไว้ทันที”

 

 

ผู้ว่าการตำบลไม่กล้าถามเหตุผล ขานรับคำฉับพลัน

 

 

เปาอีฝานสั่งการต่อ “อีกอย่าง ท่านส่งคนไปตรวจดูโรงหมอทุกแห่งในเมือง ว่ามีร้านไหนเปิดทำการ ทั้งซักถามพวกเขาว่ามีคนเชิญพวกเขาไปรักษานอกสถานที่หรือไม่ หากว่ามี จะต้องสอบถามให้แน่ชัดว่าเป็นที่ใด” พูดถึงตรงนี้ รู้สึกผิดปกติ พูดอีกว่า “ช่างเถอะ หากว่ามี ให้ท่านนำคนผู้นั้นเข้ามา ข้าจะซักถามด้วยตัวเอง”

 

 

ผู้ว่าการตำบลรับคำอีกครั้ง ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปทำตาม

 

 

สั่งการเสร็จ เปาอีฝานกลับเข้ามาในลานเรือน ถามเมิ่งเชี่ยนโยว “จากการวิเคราะห์ของเจ้า คนพวกนี้มีเป้าประสงค์ใด?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น “ข้าก็ไม่ทราบ เดิมข้าเดาว่าเป็นมารดาเลี้ยงไม่ก็น้องชายของเขาส่งคนมา แต่หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาควรจะจับตาดูเหวินซื่อผู้เดียว มิใช่สะกดรอยตามข้าด้วย ดูจากท่าทีของพวกเขา น่าจะรู้ความสัมพันธ์ของข้าและเหวินซื่อเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นตอนที่ข้าคิดจะหลอกล่อพวกเขาไปประตูเมืองฝั่งตะวันตก คงไม่ล้มเลิกการสะกดรอยตาม แล้วมารอข้าที่ร้านยาเต๋อเหรินแทน”

 

 

เปาอีฝานก็ขมวดคิ้วยุ่ง “หากกล่าวเช่นนี้ เรื่องนี้ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเราไม่มีเค้าลางอะไรเลย หากคนชุดดำพวกนั้นฉวยโอกาสออกจากเมืองไปตอนเช้าตรู่ พวกเราคิดจะตามหาผู้บงการเบื้องหลัง คงยากเย็นแสนเข็ญนัก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าหนักแน่น “ไม่มีทาง พวกเขาจะต้องยังอยู่ในเมือง”

 

 

“เหตุใดเจ้าถึงมั่นใจเช่นนี้?” เปาอีฝานย้อนถาม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่สังหารเหวินซื่อ ทำลายร้านยาเต๋อเหริน น่าจะยังต้องการกำจัดข้าไปด้วย ตอนนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จสักอย่าง จักต้องไม่ยอมรามือง่ายๆ คาดว่าหลังจากพักฟื้นร่างกายไม่กี่วัน จะต้องลงมืออีก ดังนั้นช่วงหลายวันนี้พวกเราจะต้องจับตัวพวกมันให้ได้ ไม่เช่นนั้นคนในครอบครัวข้าจะมีอันตรายไปด้วย”

 

 

เปาอีฝานขมวดคิ้วเกร็งแน่น “เช่นนั้นพวกเราต้องรีบดำเนินการแล้ว แต่ตำบลชิงซีกว้างใหญ่ ทั้งเป็นช่วงปีใหม่ ผู้คนมากมายสัญจรขวักไขว่ ต่อให้พวกเราส่งเจ้าหน้าที่สืบค้นทั่วทุกบ้าน ก็อาจจะต้องใช้เวลาไม่ใช่น้อย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้อง ด้วยสถานะของพวกเขา ไม่มีทางหลบซ่อนในบ้านเรือนชาวบ้านทั่วไป หากเข้าตรวจค้นบ้านเศรษฐีมีเงินโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ จักทำให้พวกเขาไม่พอใจทั้งไม่แน่ว่าจะหาคนร้ายพบ”

 

 

เปาอีฝานเริ่มกระวนกระวาย “เช่นนั้นจะทำอย่างไร? พวกเราจะรอพวกมันลงมืออีกครั้ง ถึงตามจับพวกมันหรืออย่างไร ใครจะไปรู้ว่าถึงตอนนั้นพวกมันจะไปบ้านเจ้าหรือมาร้านยาเต๋อเหริน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก

 

 

ผู้ว่าการตำบลคิดใคร่ครวญอย่างหนัก ภายในลานเรือนพลันสงบเงียบ

 

 

เสียงเคียดแค้นของเหวินซื่อดังลอยออกมาจากในห้อง “ข้ามีวิธีจับตัวพวกมัน”

 

 

เปาอีฝานได้ยินเสียงเขา สะท้อนแววยินดี ก้าวอาดๆ ไม่กี่ก้าวเข้ามาในห้อง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหลังเข้าไป

 

 

เหวินซื่อฟื้นแล้ว กำลังนั่งอยู่บนเตียง ไร้ซึ่งสีหน้าทุกข์ตรม รอบกายคละคลุ้งไปด้วยแรงอาฆาต ช้อนนัยน์ตามองทั้งสองคนที่เดินเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงแหบสาก “ข้าได้ยินที่พวกเจ้าคุยกันหมดแล้ว หากไม่ใช่มารดาเลี้ยงและน้องชายข้าส่งมา นั่นหมายความว่ามีคนล่วงรู้จุดประสงค์ที่ข้ามาตำบลชิงซีแล้ว พวกเขาต้องการสังหารข้า ให้ท่านพี่ฉู่ไม่มีหูมีตาในตำบลชิงซีอีก ข้าจะเขียนจดหมายหาท่านพี่ฉู่ แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นที่ที่นี่ ไม่พ้นสามวัน เขาก็น่าจะมาถึง”

 

 

เปาอีฝานได้ฟังดังนั้นไม่ถามว่าท่านพี่ฉู่คือใคร กลับพยักหน้าสนับสนุน “ก็ดี อย่างไรพวกเราก็มีคนไม่เพียงพอ คว้านหาคนเช่นนี้เท่ากับงมเข็มในมหาสมุทร หากมีคนมาช่วย พวกเราจะได้จัดการเรื่องได้เร็วขึ้น”

 

 

เหวินซื่อค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินมาข้างโต๊ะหยิบพู่กันขึ้นเขียนจดหมายอย่างรวดเร็ว แล้วมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว “คนของข้าล้วนได้รับบาดเจ็บ รบกวนเจ้าให้เหวินเปียวนำส่งทีเถิด เขาเกิดและเติบโตในเมืองหลวง ย่อมต้องรู้ว่าจวนท่านแม่ทัพอยู่ที่ใด หลายวันนี้ท่านพี่ฉู่พักหยุด อยู่ที่เรือนพอดี”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับจดหมายมา ถามเขา “ที่นี่มีม้าดีหรือไม่? ม้าของบ้านข้าเกรงจะวิ่งไม่ถึงเมืองหลวง”

 

 

“ขี่ม้าของข้าไป ม้าข้าเป็นม้าดี อย่างเร็วหนึ่งวันหนึ่งคืนก็จะถึงเมืองหลวง” เปาอีฝานกล่าว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ถามเหวินซื่อ “เงินอยู่ที่ใด ให้เขาติดตัวไว้ใช้จ่ายระหว่างทาง”

 

 

เหวินซื่อดึงกุญแจพวงหนึ่งออกมาจากลำตัว มอบหรอกหนึ่งให้นาง แล้วชี้**บบนหัวเตียงพูดว่า “อยู่ในนั้น เจ้าไปหยิบเองเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เกรงใจ รับกุญแจมาเปิด**บออก หยิบตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงออกมาหนึ่งใบและเศษเงินอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นปิด**บลงกลอน คืนกุญแจให้เหวินซื่อ สาวเท้าเดินออกมาหาเหวินเปียวด้านนอก

 

 

เหวินซื่อไม่ถามสักคำว่านางหยิบเงินไปเท่าใด ก็นำกุญแจเก็บคืนไว้กับตัว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวออกมาหาเหวินเปียว มอบจดหมายและเงินให้เขา กำชับเขาให้เดินทางด้วยความระมัดระวัง พูดว่า “หากเจ้าเหนื่อย จงหาโรงเตี๊ยมชั้นดีเข้าพัก อย่าได้ประหยัดเวลาพักค้างอ้างแรมกลางป่าเปลี่ยว หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น กลับจะทำให้เสียงานใหญ่”

 

 

เหวินเปียวรับคำอย่างนอบน้อม นำจดหมายและเงินแยกเก็บไว้อย่างดี พลิกตัวขึ้นหลังม้าของเปาอีฝาน ควบม้าจากไปด้วยความเร็วสูง

 

 

เหวินหูและพนักงานสองนายชำระล้างน้ำมันดิบวางเพลิงเสร็จกลับมาพอดี เห็นเหวินเปียวขี่ม้าไกลออกไป คิดจะซักถามเมิ่งเชี่ยนโยว เผยอปากออก กลับกลืนกลับลงไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปฏิกิริยาของเขา แต่อยู่ต่อหน้าพนักงานไม่อาจพูดโดยละเอียดได้ จำต้องพูดรวบรัดตัดความ “ข้าให้เขาไปจัดการเรื่อง สามวันห้าวันก็คงจะกลับมา เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”

 

 

เหวินหู่รู้สึกประดักประเดิด ขยี้หัวไม่ได้พูดอะไร

 

 

ผู้ว่าการตำบลก็ให้กังขา ยื่นหน้าเข้ามาหยั่งเชิงถามเมิ่งเชี่ยนโยว “ไม่ทราบว่าแม่นางให้เขาไปกระทำเรื่องใด? เกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตอบเขา แต่พูดว่า “ท่านนายอำเภอใกล้ถึงแล้ว ท่านเตรียมตัวไปต้อนรับเถอะ”

 

 

ผู้ว่าการตำบลถึงนึกขึ้นได้ว่านายอำเภอจะมาสืบคดีด้วยตัวเอง กล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง “ขอบคุณแม่นางที่กล่าวเตือน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” พูดจบลนลานออกไปต้อนรับที่หน้าประตูเมืองพร้อมกุนซือ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าไปในห้อง เหวินซื่อและเปาอีฝานนั่งบนเก้าอี้คนละตัวเงียบขรึมไม่มีใครพูด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ถามเรื่องที่คับข้องใจ “เมื่อวันที่ข้าเข้ามาเจ้าบอกว่าหมอชราจะกลับเข้าเมืองหลวงตอนบ่ายมิใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่ได้ไป?”

 

 

ดวงตาที่แดงบวมของเหวินซื่อแดงฝาดขึ้นมาอีกครั้ง “วันนั้นหลังจากเจ้าไป ข้าก็ทำตามที่เจ้าบอก นำสิ่งของสำหรับกลับไปฉลองปีใหม่ที่เตรียมไว้ขึ้นไปวางบนรถม้าแต่เนิ่นๆ กระทั่งกินอาหารเที่ยงเสร็จก็ให้พนักงานส่งเขากลับไป ไม่คิดว่าช่วงใกล้เที่ยง เขาจะปวดท้อง ข้าให้เขากลับไปนอนพักในห้อง แต่เขากลับปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปวดจนเหงื่อผุดซึมไม่หยุด ข้ารีบเรียกพนักงานให้พาหมอเข้ามาตรวจอาการเขา เขากลับบอกจะออกยาเอง กินเข้าไปเดี๋ยวก็หาย ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมาก ให้เขาบอกตัวยามา พอข้าเขียนใบสั่งยาเสร็จ กำชับพนักงานไปจัดยานำไปต้มแล้วนำมาให้เขาดื่ม หลังจากดื่มเสร็จ เขาก็ไม่ปวดท้องอีก แต่กลับมีอาการสะลึมสะลือ ด้วยความจนใจ ข้าจำต้องให้เขาพักผ่อนอยู่ในห้อง ไม่คิดว่าพอเขาตื่นขึ้นมาก็จะเป็นช่วงเที่ยงของอีกวันแล้ว ตอนที่ข้าบอกให้เขาออกเดินทาง เขากลับบอกว่าเขาอายุปูนนี้แล้วต่อให้เร่งเดินทางให้ตายก็ไม่มีทางกลับไปทันฉลองปีใหม่ สู่อยู่ฉลองปีใหม่ที่นี่กับข้าอย่างสบายใจดีกว่า”

 

 

พูดถึงตรงนี้ เหวินซื่อเกิดอาการใจสลายอีกครั้ง ก้มศีรษะมือป้องใบหน้า น้ำตาไหลรินออกมาตามร่องนิ้ว ครู่ใหญ่ถึงพูดสะอึกสะอื้นต่อ “ต่อมาข้าถึงได้รู้ว่า เขามิได้ปวดท้อง แต่แสร้งทำเพื่อจะได้อยู่ฉลองปีใหม่กับข้า ใบสั่งยาของเขาเพิ่มตัวยานอนหลับเข้าไป ถึงหลับยาวนานล่วงมาอีกวัน”

 

 

มาถึงตรงนี้เหวินซื่อพูดไม่ออกแล้ว ชายร่างกำยำอกสามศอกกลับสะอึกสะอื้นไร้เส้นเสียง

 

 

เปาอีฝานก็ขอบตาแดงเรื่อ ลุกขึ้นเดินไปตบข้างลำตัวเหวินซื่อ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่นั่งบนเก้าอี้ก็สลดใจไม่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด