ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 236-2 การมาของแม่ทัพฉู่

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 236-2 การมาของแม่ทัพฉู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ครู่หนึ่งเหวินซื่อถึงควบคุมสภาพจิตใจตัวเองได้ พูดต่อว่า “หลังจากที่ท่านแม่ข้าเสียไป บิดาข้าก็แต่งงานใหม่ และไม่ได้ดูแลข้าอีก หลายปีมานี้มีแต่เหล่าอวี๋ที่คอยดูแลข้างกายข้าไม่ห่าง จนข้าเติบใหญ่ พวกเรามีสถานะเป็นนายบ่าว กลับรักใคร่ดั่งพ่อลูก ข้าเคยบอกกับเขาว่า รอให้ข้าช่วยท่านพี่ฉู่ตามหาคนพบ ข้าจะกลับไปรับสืบทอดร้านยาเต๋อเหริน ถึงตอนนั้นข้าจะเลี้ยงดูเขายามชราเอง เขาก็แย้มยิ้มรับคำ บอกว่าภายหน้าจะไม่ให้บุตรชายตนเองเลี้ยงดู จะไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับข้า…” พูดถึงตรงนี้ก็พูดต่อไปไม่ได้ ก้มศีรษะ น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะกระทบพื้น

 

 

เปาอีฝานตบไหล่เขา “วางใจเถอะ หมอชราจะต้องไม่ตายเปล่า พวกเราจะต้องจับตัวคนร้าย แก้แค้นให้เขาให้ได้”

 

 

เหวินซื่อเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลังอาฆาต “ครั้งนี้ต่อให้ต้องพลิกทั้งตำบลชิงซี ก็ต้องหาคนพวกนั้นให้พบ แล้วสับพวกมันเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น แก้แค้นให้เหล่าอวี๋”

 

 

เปาอีฝานพยักหน้ารับประกัน “ขอเพียงพวกเราตามหาคนพบ จะมอบให้เจ้าจัดการตามใจ จะหันแขนหั่นขา ควักหัวใจล้วงตับ อย่างไรก็ได้ ทว่า ตอนนี้ท่านต้องเรียกกำลังใจกลับคืนมาก่อน พวกพนักงานประสบการเข่นฆ่าอย่างเ**้ยมโหด ตอนนี้ต่างอกสั่นขวัญหาย หากท่านยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาจะยิ่งหวาดผวาหนักขึ้น”

 

 

เหวินซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “วางใจ ข้าไม่เป็นอะไร ก่อนเหล่าอวี๋สิ้นใจข้าสาบานเอาไว้ว่า นับแต่นี้ไป ข้าจะไม่ใจอ่อน ลังเลสองจิตสองใจอีก ขอเพียงมีใครกล้าลงมือกับข้า ข้าจะตาต่อตาฟันต่อฟัน ให้พวกมันเสียใจที่มาหาเรื่องกับข้าไปชั่วชีวิต”

 

 

เปาอีฝานตบไหล่เขา “ท่านควรเป็นเช่นนี้นานแล้ว”

 

 

เหวินซื่อเก็บคืนอาการโศกตรม เงยหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “ก่อนหน้านี้ข้าไร้สติสัมปะชัญญะ แสดงกิริยาเกินพอดีต่อเจ้า เจ้าจงจำเอาไว้ เมื่อข้าฆ่าศัตรูของเหล่าอวี๋ด้วยมือข้าแล้ว เจ้าต้องการเช่นไรก็ย่อมได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะมุมปาก พูดว่า “เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ถึงตอนนั้นข้าให้เจ้าไปเป็นขอทานข้างถนนเจ้าอย่าได้กลับคำพูดเทียว”

 

 

เหวินซื่อพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ขอเพียงเจ้าให้ข้าไป ข้าก็จะไป”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปมองเปาอีฝาน “คุณชายเปา เขาเป็นคนพูดออกมาเองนะ ท่านต้องเป็นพยานให้พวกเราด้วย”

 

 

เปาอีฝานรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวต้องการจะเบี่ยงเบนความสนใจเหวินซื่อ ให้เขาไม่เศร้าเสียใจอีก พูดคล้อยตาม “ได้ ข้าจะเป็นพยานให้พวกเจ้า ถึงตอนนั้นหากเขากล้ากลับคำพูด ข้าจะช่วยกุมตัวเขาไปเอง”

 

 

เหวินซื่อฝืนแสยะมุมปาก พูดว่า “ไม่มีทาง ข้าจะต้องพูดได้ทำได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นสภาพจิตใจเขาดีขึ้นแล้ว เปลี่ยนเรื่องพูด ถามขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้านนอกร้านยาเต๋อเหรินถูกราดด้วยน้ำมันดิบโดยรอบ?”

 

 

เหวินซื่อตกตะลึง ส่ายหน้า “ไม่รู้ หลังจากเหล่าอวี๋ได้รับบาดเจ็บ ข้าก็คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเขา นอกจากสั่งพนักงานให้ไปตามเจ้ามา เรื่องอื่นข้ามิได้สนใจเลย”

 

 

เปาอีฝานขมวดคิ้วมุ่น กลับมานั่งบนเก้าอี้ พูดว่า “ราดน้ำมันดิบโดยรอบ หรือพวกเขาคิดจะเผาร้านยาเต๋อเหรินให้เรียบหลังจากฆ่าคนแล้ว?”

 

 

“หากข้าคาดเดาไม่ผิด แผนของพวกเขาก็คือฆ่าคนในร้านยาเต๋อเหรินให้หมดสิ้น แล้วเผาร้านยาเต๋อเหริน ทำลายศพและหลักฐาน ต่อให้มีคนสืบค้นก็ไม่มีทางพบเบาะแสใด” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

“เป็นแผนที่อำมหิตนัก พวกเขาไม่กลัวว่าพอไฟลุกโหมจะลามไปถึงบ้านเรือนอื่นหรือไร?” เปาอีฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเคืองขุ่น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “พวกเขาเลือกจะฆ่าคนวางเพลิงเมื่อคืนวาน คงจะคิดแล้วว่า วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ผู้คนจะตื่นแต่เช้า โอกาสพบว่ามีเพลิงไหม้ค่อนข้างสูง เช่นนี้ความเป็นไปได้ที่เพลิงไหม้จะพัดโหมก็จะลดน้อยลง แต่พวกเขาถือว่าพลาดไปเรื่องหนึ่ง ก็คือพนักงานในร้านยาเต๋อเหรินพอจะมีวรยุทธ์ ทำให้พวกเขาลงมือไม่สำเร็จ ยังมีอีกสามคนได้รับบาดเจ็บ หากไม่เพราะเกิดเรื่องกับหมอชรา ไม่แน่ว่านายท่านเหวินอาจจะจับตัวพวกเขาได้ ภายใต้ความลนลานตื่นตระหนก พวกเขาคิดแต่จะถอยหนี จนลืมเรื่องการจุดไฟ”

 

 

น้ำเสียงเปาอีฝานมีความกระสับกระส่าย “น้ำมันดิบเป็นวัตถุไวไฟ จักต้องจัดการโดยเร็ว หากมีคนเผลอจุดไฟเข้า ผลที่ตามมาไม่อาจคาดเดาได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “วางใจเถอะ ข้าให้เหวินหู่และพนักงานที่บาดเจ็บเล็กน้อยสองนายไปจัดการแล้ว”

 

 

เปาอีฝานถอนใจโล่งอก

 

 

เหวินซื่อกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง “ขอบใจ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ทันได้พูดต่อ ก็มีเสียงฝีเท้าดังแว่วเข้ามา จากนั้นเสียงประจบประแจงของผู้ว่าการตำบลก็ดังขึ้น “ท่านใต้เท้า เชิญทางนี้ขอรับ ผู้เคราะห์ร้ายอยู่ในห้องนี้ขอรับ”

 

 

ทั้งสามรู้ว่าเปาชิงเหอมาถึงแล้ว ลุกขึ้นเดินออกมาด้านนอก

 

 

เปาอีฝานร้องเรียกเป็นคนแรก “ท่านพ่อ”

 

 

เหวินซื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกพร้อมกัน “ใต้เท้าเปา”

 

 

เปาชิงเหอกวาดตามองเหวินซื่อแวบหนึ่ง เห็นเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ผงกศีรษะเล็กน้อย “นายท่านเหวินไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

 

 

ทุกคนต่างเข้าใจนัยแฝงในคำพูดเขา มีเพียงผู้ว่าการตำบลที่รู้สึกว่าเขากล่าวคำพูดเช่นนี้ไม่ค่อยถูกต้อง คิดจะถามแต่ก็ไม่กล้าถาม

 

 

เปาชิงเหอกล่าวกับเขาด้วยความเกรงขาม “พาข้าเข้าไปดู”

 

 

ผู้ว่าการตำบลลนลานเดินนำทางเขา เปิดประตูห้องรักษาให้เปาชิงเหอ ผายมือเชิญเขาเข้าไปอย่างนอบน้อม

 

 

เปาชิงเหอเข้ามาในห้อง ครู่หนึ่งถึงเดินออกมาด้วยสีหน้านิ่งขรึม ถามผู้ว่าการตำบล “พบเบาะแสใดหรือไม่?”

 

 

ผู้ว่าการตำบลโน้มตัวสั่นเทิ้มตอบ “นับตั้งแต่ผู้น้อยเข้ามา ก็ค้นหาด้วยตัวเองมาตลอด เสียแต่โจรชั่วพวกนั้นเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลยขอรับ”

 

 

เปาชิงเหอขมวดคิ้ว พูดว่า “ข้าเป็นนายอำเภอมานาน ควบคุมดูแลเรื่องน้อยใหญ่สิบกว่าตำบล ไม่เคยเกิดคดีความสะเทือนขวัญเช่นนี้มาก่อน หากเจ้าหาเบาะแส หาตัวคนร้ายมาให้ข้าไม่ได้ ตำแหน่งของเจ้าก็คงมาถึงทางตันแล้ว”

 

 

ผู้ว่าการตำบลตกใจหน้าซีดเผือก พูดอย่างขวัญผวาสุดขีด “ขอท่านใต้เท้าวางใจ ข้าสั่งเจ้าหน้าที่ออกสืบค้นแล้ว เชื่อว่าไม่นานจะต้องได้ข่าวกลับมา”

 

 

“เช่นนั้นก็ดี ไม่เช่นนั้นเจ้าคงยากจะรอดพ้นความรับผิดชอบนี้ไปได้” เปาชิงเหอกล่าวอย่างน่ายำเกรง

 

 

ผู้ว่าการตำบลก้มศีรษะโค้งคำนับ พูดรับประกันไม่หยุด

 

 

เปาชิงเหอคร้านจะฟังคำพูดไร้สาระของเขา หันไปถามเปาอีฝาน “เจ้ามาแต่แรก พบสิ่งใดหรือไม่?”

 

 

เปาอีฝานกำลังส่ายหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวก็แย่งพูดว่า “พวกเราพบสิ่งของบางอย่าง ยังไม่ทันได้วิเคราะห์ ท่านก็มาพอดี ไม่เช่นนั้นพวกเราเข้าไปนั่งวิเคราะห์กันในห้องเถิด”

 

 

เปาอีฝานและเหวินซื่อไม่รู้ว่าที่นางพูดคือสิ่งใด ต่างมองไปที่นางอย่างฉงนงงงวย

 

 

เปาชิงเหอผงกศีรษะ เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เหวินซื่อ

 

 

เหวินซื่อหลีกทางให้เปาชิงเหอเข้าไปในห้องด้วยความอ่อนน้อม

 

 

ผู้ว่าการตำบลก็ตามเข้ามาด้วย

 

 

กระทั่งเหวินซื่อเข้ามาเป็นคนสุดท้าย เปาชิงเหอก็นั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

 

 

ผู้ว่าการตำบลยืนข้างเขาอีกด้าน

 

 

เปาชิงเหอพูดว่า “นั่งลงเถอะ”

 

 

เปาอีฝาน เหวินซื่อ เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งเรียงเป็นแถวบนขอบเตียง ผู้ว่าการตำบลยืนนิ่งไม่ขยับ

 

 

เปาชิงเหอไม่สนใจเขา ถามเมิ่งเชี่ยนโยว “พวกเจ้าพบสิ่งใดรึ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “พวกเราพบว่ามีคนราดน้ำมันดิบปริมาณมากด้านนอกร้านยาเต๋อเหริน คาดว่ามีไว้หลังจากคนร้ายฆ่าคนแล้วจะได้เผาทำลายหลักฐาน”

 

 

ผู้ว่าการตำบลถลึงตาลุกวาว

 

 

เปาชิงเหอขมวดคิ้วแน่น ถามขึ้น “ร้านยาเต๋อเหรินมีพื้นที่ไม่ใช่เล็กๆ หากราดน้ำมันดิบโดยรอบ จะต้องใช้น้ำมันดิบไม่น้อย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “น้ำมันดิบเป็นวัตถุหายาก ราคาสูงลิ่ว ชาวบ้านทั่วไปจะหาซื้อไว้เพียงจำนวนน้อย เพื่อจุดคบไฟตะเกียง ต่อให้เป็นครอบครัวเศรษฐี ก็คงไม่สำรองน้ำมันดิบพวกนี้ เพราะเป็นวัตถุไวไฟ เพียงโดนสะเก็ตไฟเล็กน้อยก็ก่ออัคคีภัยร้ายแรงได้”

 

 

เปาชิงเหอผงกศีรษะ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง คนทั่วไปไม่มีทางเก็บสำรองน้ำมันดิบปริมาณมาก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ดังนั้น น้ำมันดิบพวกนี้จักต้องนำส่งเข้ามาจากที่อื่นเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งต้องเก็บในที่ลับตาคนไม่มีแสงไฟ”

 

 

เปาชิงเหอเข้าใจความหมายของนาง พูดยืนยันกับนาง “ความหมายของแม่นางเมิ่งก็คือให้พวกเราส่งคนไปค้นหาสถานที่เหล่านั้น ก็จะพบเบาะแสบางอย่าง”

 

 

“นี่เป็นเพียงประการแรก” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว

 

 

“ประการที่สองคืออะไร?” ผู้ว่าการตำบลฟังแล้วให้กระวนกระวายใจ ถามอย่างอดใจไม่ไหว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองผู้ว่าการตำบลด้วยแววตาดุดัน ตอบว่า “ประการที่สองก็คือในตำบลของเขาจะต้องมีหนอนบ่อนไส้”

 

 

ผู้ว่าการตำบลสูดลมเย็นเข้าปาก พูดอึกๆ อักๆ “เอ่อๆๆ…”

 

 

เปาชิงเหอยังคงสงบนิ่ง ถามความ “เหตุใดแม่นางเมิ่งถึงกล่าวเช่นนี้?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชูนิ้วมือสองนิ้วไปข้างหน้า พูดว่า “มีสองข้อ ข้อแรก พนักงานบอกว่าฟังจากสำเนียงคนพวกนั้นไม่ใช่คนในพื้นที่ เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาถึงคุ้นเคยกับร้านยาเต๋อเหรินเช่นนี้ กล้าบุ่มบ่ามบุกเข้ามาหลังเรือนโดยมิได้สืบหาข้อมูลก่อน จะต้องมีคนบอกโครงสร้างเรือนด้านหลังพอสังเขปให้พวกเขา พวกเขาถึงกล้าอุกอาจบุกเข้ามา”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “อีกข้อหนึ่งก็คือ น้ำมันดิบปริมาณมากเช่นนี้ หากไม่มีคนช่วยปกปิด จะต้องถูกพบเข้าโดยง่าย”

 

 

“ดังนั้นความหมายของแม่นางเมิ่งก็คือ นอกจากคนร้ายพวกนั้นแล้ว ยังมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในตำบลด้วย?” เปาชิงเหอพูด

 

 

“ถูกต้องเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ “และคนผู้นี้ไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป จะต้องเป็นเศรษฐีในตำบล”

 

 

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอบเขตการค้นหาของพวกเราก็แคบลงมากทีเดียว เพียงไปสืบค้นบ้านเศรษฐีพวกนั้นก็ได้แล้ว” เปาอีฝานพูด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ เช่นนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น หากพวกเขาล้มเลิกแผนการ เผ่นไปเสียก่อน พวกเราก็จะค้นไม่เจออะไรอีกเลย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด