ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 237-1 เคลื่อนย้ายองครักษ์หลวง

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 237-1 เคลื่อนย้ายองครักษ์หลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

เปาชิงเหอและเปาอีฝานลุกขึ้นด้วยความสั่นกลัว ก้มศีรษะโน้มตัว น้อมรับคำ “ขอรับ!” 

 

 

เหวินซื่อใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงเรื่อ ขอร้องด้วยเสียงแหบพร่า “ท่านพี่ฉู่ จักต้องมอบคนพวกนั้นให้ข้าจัดการ ข้าจะสับพวกมันเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ล้างแค้นให้เหล่าอวี๋ให้จงได้” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า รับประกัน “เมื่อถามต้นสายปลายเหตุแน่ชัดแล้ว จะให้เจ้าจัดการพวกมันได้ตามใจ” 

 

 

น้ำตาที่ฝืนสะกดกลั้นเอาไว้หลายวันพรั่งพรูไหลรินอีกครั้ง พูดสะอึกสะอื้น “ข้าจะพาท่านไปดูเหล่าอวี๋ เขานอนเพียงลำพังในห้องรักษา” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยยื่นมือออกไปตบไหล่เหวินซื่อ ตามเขาไปที่ห้องรักษา 

 

 

จากนั้นเปาอีฝานก็เดินออกไป ผ่านห้องโถงร้านยา เร่งฝีเท้าเดินมาถึงเหลาจวี้เสียน 

 

 

เพราะเป็นช่วงปีใหม่ คนที่ออกมากินข้าวน้อย ภายในเหลาจวี้เสียนค่อนข้างเงียบเหงา หลงจู๊กำลังนั่งดีดลูกคิดอย่างเซ็งๆ ในโต๊ะคิดเงิน เห็นเปาอีฝานเข้ามา รีบปั้นหน้ายิ้ม พูดอย่างเป็นกันเอง “คุณชายเปามาแล้ว ยังเป็นห้องรับรองชั้นบนนะขอรับ?” 

 

 

เปาอีฝานสีหน้าเคร่งขรึม ส่งสายตาให้เขา ตอบว่า “วันนี้ข้ามิได้มากินข้าว ข้ามีเรื่องจะขอให้หลงจู๊ช่วย” 

 

 

หลงจู๊มองสายตาเขา ลุกขึ้นเดินออกมาจากโต๊ะคิดเงิน พูดว่า “พวกเราเข้าไปคุยในห้องของข้าเถอะ” 

 

 

พูดจบพาผู้ว่าการตำบลไปที่ห้องตัวเอง 

 

 

เพิ่งจะพ้นประตูเข้ามา ไม่รอการซักถาม เสียงเปาอีฝานก็ดังขึ้น “นายท่านมีคำสั่ง ให้พวกเราสืบให้ได้ว่าใครที่ลงมืออย่างเ**้ยมอำมหิตกับร้านยาเต๋อเหริน วันพรุ่งก่อนยามนี้ จักต้องนำตัวคนพวกนั้นมาไว้ตรงหน้าเขา” 

 

 

หลงจู๊ตกตะลึง ซักถามเสียงหลง “นายท่านมาแล้ว?” 

 

 

เปาอีฝานพยักหน้า “ครั้งนี้คนพวกนั้นแตะเกล็ดย้อน[1]ของนายท่านเข้า นายท่านโมโหเดือดดาล ท่านช่วยพวกเราดำเนินการคล่องตัวหน่อยเถิด จะได้จับตัวคนพวกนั้นมาให้นายท่านได้เร็วขึ้น” 

 

 

หลงจู๊ชักสีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้า 

 

 

เปาอีฝานบอกเบาะแสที่พวกเขาพบช่วงหลายวันมานี้แก่หลงจู๊ 

 

 

หลงจู๊จดจำขึ้นใจ 

 

 

สุดท้ายเปาอีฝานพูดว่า “คนพวกนี้คงจะได้ยินข่าวบางอย่าง ถึงมาตำบลชิงซี ตอนลงมือ เจ้าต้องให้พวกเขาจับเป็น นายท่านจะซักถามด้วยตัวเอง” 

 

 

หลงจู๊พยักหน้ารับคำอีกครั้ง 

 

 

หลังจากสั่งการแล้ว เปาอีฝานสาวเท้าเดินออกไปจากห้องหลงจู๊ แล้วเดินออกไปจากเหลาจวี้เสียน 

 

 

หลงจู๊ส่งเขามาถึงหน้าประตูเหลาจวี้เสียนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยกยิ้มพูดกับเขาว่า “คุณชายเปาเดินทางดีๆ หากมีเรื่องดีเช่นนี้อีกจะต้องคิดถึงเหลาจวี้เสียนของพวกเรานะขอรับ” 

 

 

เปาอีฝานผสมโรงตอบกลับ “แน่นอน” 

 

 

พูดจบ พยักหน้าส่งสัญญาณให้หลงจู๊เล็กน้อย ถึงหันหลังก้าวอาดๆ เดินจากไป 

 

 

หลงจู๊มองเขาจากไปไกล เก็บคืนรอยยิ้มบนใบหน้า กลับเข้ามาในห้องตัวเอง หยิบของสิ่งหนึ่งมากำไว้ในมือ หยิบกุญแจเปิดประตูข้างของเรือนด้านหลัง เดินเข้าไปกลางสนามฝึกยุทธ์ เปิดสิ่งของในมือออก พลันเกิดเปลวไฟบวกกับเสียงประหลาดหนึ่งปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า คนทั่วไปยังไม่ทันรู้สึกตัว ก็เลือนหายไปแล้ว 

 

 

หลงจู๊ยืนมือไพล่หลังรอกลางสนามฝึกยุทธ์ 

 

 

ไม่ถึงชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย[2] มีเงาร่างจำนวนหนึ่งลอยตัวตามกันเข้ามาในเรือนด้านหลัง หลบเร้นจากสายตาเสี่ยวเอ้อร์ เข้ามาในสนามฝึกยุทธ์ ประสานมือคำนับหลงจู๊ ร้องพูดประสานเสียง “ท่านหลงจู๊” 

 

 

หลงจู๊ไม่มีท่าทียิ้มแย้มเหมือนเคย ชักสีหน้าเข้ม พูดกับพวกเขา “นายท่านมาที่นี่ ให้พวกเจ้าพาคนไปสืบหาความจริงคดีล้อมสังหารร้านยาเต๋อเหริน วันพรุ่งก่อนยามนี้จะต้องนำตัวคนมาไว้ตรงหน้าเขา” 

 

 

“นายท่านมาหรือขอรับ?” น้ำเสียงตื่นเต้นไม่อยากเชื่อถามขึ้น 

 

 

หลงจู๊พยักหน้า พูดว่า “นายท่านอารมณ์ไม่ดี พวกเจ้าจงทำให้ฉับไว รีบนำตัวคนไปร้านยาเต๋อเหรินโดยไว” 

 

 

คนทั้งหมดขานรับอย่างนอบน้อม หลังจากซักถามเบาะแส ก็กระโดดตัวลอยออกไปจากลานเรือนด้านหลังเหลาจวี้เสียนอย่างไร้ซุ่มเสียง 

 

 

หลงจู๊มองพวกเขาจากไปไกล ออกมาจากลานฝึกยุทธ์ ลงกลอนประตูเล็ก กลับเข้ามาในโถงกลางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

 

 

เปาอีฝานกลับมาร้านยาเต๋อเหริน ฉู่เหวินเจี๋ยเดินออกมาจากห้องรักษาแล้ว รอบกายเต็มไปด้วยพลังสังหาร ยืนนิ่งกลางลานเรือน ใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้ 

 

 

เปาอีฝานประสานมือรายงาน “ท่านแม่ทัพ ถ่ายทอดคำสั่งแล้วขอรับ” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยผงกศีรษะ พลังสังหารรอบกายยังไม่จางหาย พูดเสียงต่ำ “ที่ร้านยาเต๋อเหรินประสบเคราะห์กรรมนี้ เพราะติดร่างแหจากข้า เมื่อจัดการเรื่องนี้จบ ข้าจะพาเหวินซื่อและพนักงานทั้งหมดกลับเมืองหลวง ต่อไปในตำบลจะไม่มีร้านยาเต๋อเหรินอีก ไม่มีพวกเขาคอยช่วย ภายหน้าการตามหาของพวกเจ้าจะยิ่งลำบากขึ้น แต่ว่า ไม่ว่าอย่างไร ภายในสิ้นปีนี้จะต้องตามหาคนให้พบ ในช่วงปีใหม่ ท่านอ๋องจะแต่งตั้งองค์ชาย หากพลาดโอกาสนี้ ถูกสองแม่ลูกคู่นั้นครอบครองไป ภายหน้าต่อให้ตามหาคนพบ ก็คงยากจะพลิกฟื้นสถานการณ์” 

 

 

เปาอีฝานขานรับอย่างนอบน้อม “ขอรับ ท่านแม่ทัพ พวกเราจะพยายามสุดความสามารถขอรับ” 

 

 

น้ำเสียงฉู่เหวินเจี๋ยเจือแววบีบเค้น กดเสียงเบาต่ำ “ไม่ใช่พยายาม แต่จะต้องทำให้ได้ ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าที่คอยแฝงตัวอยู่ที่นี่จะโดนหางเลขไปด้วย ไม่มีวันได้เชิดหน้าชูตา” 

 

 

เปาอีฝานขานรับคำอีกครั้ง “ขอรับท่านแม่ทัพ ต่อให้ต้องพลิกตำบลชิงซีทุกตารางนิ้ว ก่อนสิ้นปีพวกเราจะต้องตามหาคุณชายน้อยให้พบ พาพวกเขากลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยคลายความน่ายำเกรงลง “ไม่ต้อง เมื่อพวกเจ้าเจอคนแล้วห้ามกระทำการบุ่มบ่าม ให้คนส่งข่าวบอกข้า ข้าจะมารับด้วยตนเอง ห้ามเปิดเผยตัวตนขององครักษ์หลวงต่อหน้าผู้อื่นเด็ดขาด” 

 

 

เปาอีฝานรับคำอย่างอ่อนน้อมอีกครั้ง 

 

 

เปาชิงเหอ เหวินซื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงสนทนาของทั้งสองคนลางๆ แต่ไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยกำชับเปาอีฝานเสร็จแล้ว เดินตรงเข้ามาในห้อง สั่งให้ทุกคนนั่งลง ถึงพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างตื้นตันใจ “แม่นางเมิ่ง เกิดเรื่องกับร้านยาเต๋อเหริน โชคดีได้เจ้ามาช่วยกำกับสถานการณ์โดยรวม ร้านยาเต๋อเหรินถึงไม่ยิ่งวุ่นวายอลหม่าน ขอบใจเจ้ามาก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ปกติข้ากับเหวินซื่อและหมอชรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไม่ว่าจะด้วยความสนิทสนมหรือตามหลักการ ข้าก็สมควรเข้ามาช่วย น่าเสียดายที่วิชาการแพทย์ข้ามีจำกัด ไม่อาจยื้อชีวิตหมอชราได้ ให้นึกเสียใจเป็นยิ่งนัก” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นบาดแผลเหล่าอวี๋แล้ว ต่อให้เป็นหมอเทวดากลับชาติมาเกิด ก็ยื้อชีวิตเขากลับมาไม่ได้ แม่นางอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย” 

 

 

เหวินซื่อได้ฟังให้ดวงตาแดงเรื่ออีกครั้ง 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยมองเขาพูดว่า “เหล่าอวี๋ปกป้องเจ้ามาสิบกว่าปี บัดนี้ยอมเอาตัวบังดาบให้เจ้าจนตาย ถือว่าตายตาหลับแล้ว เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย เมื่อแก้แค้นสำเร็จแล้ว ตามข้ากลับเมืองหลวง รีบสืบทอดร้านยาเต๋อเหรินแต่เนิ่นๆ ถือว่าได้ทำตามความปรารถนาของเขา” 

 

 

เหวินซื่อพยักหน้าหนักแน่น “แล้วแต่ท่านพี่ฉู่ขอรับ” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยถอนหายใจ พูดอย่างมีนัยแฝง “หวังว่าการตายของเหล่าอวี๋จะทำให้เจ้ากระจ่าง กับคนที่ไม่ประสงค์ดีต่อตนเองอย่าได้ใจอ่อนเด็ดขาด ต่อให้เป็นญาติมิตรก็ตาม ขอเพียงมีใจคิดร้ายต่อเจ้า หมายจะทำลายชีวิตเจ้า เจ้าจักต้องลงมือก่อนเป็นต่อ” 

 

 

เหวินซื่อสะอึกสะอื้นขานรับ น้ำเสียงเด็ดขาด “ข้าทราบแล้วท่านพี่ฉู่ ข้าเข้าใจความหมายของท่าน ท่านวางใจเถอะ ครั้งนี้หลังจากกลับไปแล้ว ข้าจะไม่ใจอ่อนเหมือนแต่ก่อนอีก ข้าจะต้องได้สืบทอดร้านยาเต๋อเหริน หากใครหน้าไหนกล้ามาขวางทางข้า ข้าจะฆ่าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “เจ้าทำเช่นนี้ได้ย่อมดีที่สุด เหล่าอวี๋ในปรโลกจะได้วางใจ” 

 

 

เหวินซื่อน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง รีบใช้มือปาดเช็ดอย่างขอไปที 

 

 

ทุกคนเห็นสภาพทุกข์ตรมของเขา ไม่รู้ว่าควรจะพูดปลอบใจอย่างไรอีก 

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] 触逆鳞 แตะเกล็ดมังกร 逆鳞 คือ เกล็ดใต้คอมังกร ซึ่งหันไปทางตรงข้ามกับเกล็ดบริเวณอื่น เชื่อกันว่าหากใครแตะเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธจัด จึงนำมาเปรียบเปรย หมายถึงทำให้เกิดโทสะ โมโหหนัก 

 

 

[2] เวลาจิบชาหนึ่งถ้วย เป็นวิธีบอกเวลาสมัยโบราณของจีน หมายถึงเวลาประมาณ 15 นาที  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด