ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 239 อย่าให้เหลือซาก

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 239 อย่าให้เหลือซาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉู่เหวินเจี๋ยเปล่งวาจาเ**้ยมเกรียมไม่กี่คำท่ามกลางรัตติกาลที่มืดมิด ทำเอาคนที่ได้ยินขนลุกชูชัน “อย่าให้เหลือซาก!”

 

 

เหล่าองครักษ์หลวงโน้มตัวประสานเสียงขานรับ

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยก้าวอาดๆ ออกไปด้านนอก

 

 

เปาชิงเหอ เปาอีฝาน เหวินซื่อ เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหลัง

 

 

กระทั่งพวกเขาเดินพ้นประตูใหญ่ไปแล้ว กัวเฟยถึงเงยหน้าขึ้น เอามือล้วงเข้าไปในปากเปล่งเสียงเล็กแหลมหนึ่งออกมา ไม่นานก็มีองครักษ์หลวงหลายสิบนายบังคับรถม้าหลายคันเข้ามา ที่กีบม้าถูกบางสิ่งห่อหุ้ม ไม่ให้มีใครได้ยินเสียงใดๆ ท่ามกลางราตรีที่เงียบสงัดนี้

 

 

องครักษ์หลวงในลานเรือนร่วมแรงลงมือ ย้ายศพองครักษ์ลับทั้งหมดไปไว้บนรถม้า ตอนที่หาบมาถึงหวังจิ่ว พบว่าเขายังมีลมหายใจ องครักษ์หลวงที่มีหน้าที่รับชอบนี้ยกแขนขึ้นเล็กน้อย คมดาบสะท้อนแสงวาบ หวังจิ่วตายโดยที่ยังหมดสติ

 

 

หลังจากแบกคนทั้งหมดเสร็จ กัวเฟยโบกมือออกคำสั่ง “ไปจวนอู๋!”

 

 

องครักษ์หลวงหลายสิบนายรับคำสั่ง ทะยานตัวลอยไปจวนอู๋อย่างเงียบเชียบ

 

 

เหลือเพียงองครักษ์หลวงไม่กี่นาย บังคับรถม้าค่อยๆ ตามหลังไปจวนอู๋

 

 

หลังเที่ยงคืน เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนง่วงงุน ทุกคนในจวนอู๋ต่างหลับสนิท ภายในจวนเงียบสงัด

 

 

องครักษ์หลวงหลายสิบนายลอยเข้ามาในจวนอู๋ กัวเฟยทำสัญญาณมือหลายท่า ทุกคนต่างแยกย้ายกัน ไปคนละทิศละทาง

 

 

หลังเวลาหนึ่งก้านธูป ทั้งจวนอู๋ก็เงียบราวป่าช้า

 

 

องครักษ์หลวงนายหนึ่งเดินเข้าใกล้ประตูห้อง ค่อยแง้มบานประตูออก คมดาบสะท้อนแสงวาบ คนสุดท้ายที่ยังหายใจในจวนอู๋หมดสิ้นลมหายใจ

 

 

องครักษ์หลวงนายนี้เปิดประตูใหญ่ รถม้าหลายคันเคลื่อนตัวเข้ามา

 

 

องครักษ์หลวงทั้งหมดแบกศพทั้งหมดในจวนอู๋ขึ้นรถม้า กัวเฟยนำคนตรวจสอบทุกห้องอีกครั้ง แน่ใจว่าไม่หลงเหลือใครแล้ว ถึงโบกมือลง เหล่าองครักษ์หลวงถอยออกไปอย่างเป็นระเบียบ เหลือองครักษ์หลวงไม่กี่นายบังคับรถม้าออกมาจากประตูใหญ่จวนอู๋ มุ่งหน้าออกไปนอกตำบล

 

 

กัวเฟยออกมาเป็นคนสุดท้าย บรรจงปิดประตูแนบสนิท ปิดเหมือนกับทุกครั้ง ไม่ให้ใครดูออกว่าภายในจวนอู๋ไม่เหลือใครแล้ว

 

 

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ กัวเฟยทำสัญญาณมือ องครักษ์หลวงทั้งหมดแยกย้ายไปคนละทิศละทางอย่างว่องไว อึดใจเดียวก็หายวับไปท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิด

 

 

กัวเฟยอาศัยความมืดมาถึงร้านยาเต๋อเหริน

 

 

เจ้าหน้าที่เฝ้ายามหน้าประตูจำเขาได้แล้ว ปล่อยเขาเข้าไปด้านหลังทันที

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยยืนรอกลางลานเรือน

 

 

กัวเฟยโน้มตัวคำนับอย่างอ่อนน้อม พูดเสียงเบาว่า “ท่านแม่ทัพ จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า พูดว่า “วันพรุ่งข้าจะกลับเมืองหลวง พวกเจ้าอยู่รับผิดชอบที่นี่ต่อ ปิดบังตัวตน ไม่มีคำสั่งข้า ห้ามกระทำการโดยพลการ สำหรับเรื่องตามหาคน ข้าจะจัดการเอง พวกเจ้าไม่ต้องแทรกแซง”

 

 

กัวเฟยน้อมรับคำ หันหลังออกไปจากร้านยาเต๋อเหริน เลือนหายไปท่ามกลางราตรีกาลอันมืดมิด

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยมองดูท้องฟ้า กลับเข้ามาในห้องเหวินซื่อ สั่งกำชับทุกคน “ฟ้าใกล้จะสางแล้ว พวกเจ้าไปพักสักหน่อยเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องบรรจุศพเหล่าอวี๋ลงโลง พาเขากลับเมืองหลวง”

 

 

เปาชิงเหอและเปาอีฝานน้อมรับคำ เดินออกไป มาถึงห้องที่พวกเขาพักอาศัยสองวันที่ผ่านมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ พูดกับเหวินซื่อด้วยจิตใจที่ยุ่งเหยิง “ขอโทษ ข้าทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน”

 

 

เหวินซื่อเสียใจมาตลอดทาง ได้ฟังก็โบกมือ พูดปลอบใจนาง “ไม่เกี่ยวกับเจ้า ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ ภัยพิบัตินี้ช้าเร็วก็ต้องมาถึง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยเอ่ยปาก “พวกเจ้าทั้งสองไม่ต้องโทษตัวเอง ต้นตอของเรื่องนี้มาจากข้า ยังดีที่ตอนนี้คนจวนอู๋ถูกกำจัดไปแล้ว เจ้าบัดซบเฮ่อจางไม่มีสายคอยเป็นหูเป็นตาให้แล้ว ไม่อาจรู้ชัดถึงความเป็นไปในตำบลชิงซี ในระยะเวลาอันสั้นจักไม่กล้าส่งคนเข้ามา ฉะนั้นสกุลเมิ่งจะยังไม่มีภัยอันตราย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยโบกมือ “ไยต้องกล่าววาจาเกรงใจกันอีก หลายวันนี้เจ้าก็เหนื่อยมามาก พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมากต้องทำ กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันหลังกลับไปห้องตัวเอง

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยมองเหวินซื่อ แล้วพูดว่า “นอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางกลับเมืองหลวง” พูดจบ เป่าดับตะเกียงภายในห้อง เอนตัวลงบนเตียงทั้งชุด ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

 

 

เหวินซื่อได้ฆ่าคนแก้แค้นให้เหล่าอวี๋กับมือ ขจัดติ่งเนื้อในใจไปได้ ไม่เบิกตาโพลงมองเพดานเหมือนเมื่อหลายวันก่อน หลับตาได้อย่างสนิท นอนหลับไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาที่ห้อง เอนตัวลงบนเตียง พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ บุตรชายองค์โตของอ๋องฉีคำนี้คอยวนเวียนอยู่ในสมอง กระทั่งฟ้าเริ่มสางถึงผล็อยหลับไป

 

 

หลายวันนี้ผู้ว่าการตำบลส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบค้นโดยทั่ว ยังคงไม่พบเบาะแสที่มีประโยชน์ เข้ามาขอพบเปาชิงเหอ เปาชิงเหอให้เหตุผลต่างๆ ไม่ให้เข้าพบ ผู้ว่าการตำบลตื่นกลัวยิ่งนัก วันนี้จึงมาถึงหน้าประตูร้านยาเต๋อเหรินแต่เช้าตรู่ เพื่อของพบเปาชิงเหอ

 

 

เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูได้รับคำสั่งแล้ว ห้ามไม่ให้ผู้ว่าการตำบลรู้เรื่องที่ฉู่เหวินเจี๋ยมาตำบลชิงซี ดังนั้นทุกครั้งจะใช้เหตุผลต่างๆ นาๆ ไล่เขากลับไป วันนี้ก็ไม่ยกเว้น เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูนายหนึ่งพูดกับเขาอย่างสุภาพ “หลายวันมานี้นายท่านของพวกเรายุ่งเรื่องคดีความ มิได้พักผ่อน เมื่อคืนวานฝืนทนต่อไม่ไหว บอกว่าจะพักผ่อนให้เต็มที่ สั่งพวกเราไม่ให้ใครรบกวนเด็ดขาด เชิญท่านกลับไปเถอะ”

 

 

วันนี้ผู้ว่าการตำบลตั้งใจจะต้องพบเปาชิงเหอให้ได้ ได้ฟังดังนั้นพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าจะรออยู่ที่นี่ ท่านใต้เท้าตื่นเมื่อใด ข้าค่อยเข้าไป”

 

 

เจ้าหน้าที่จนใจ หันหน้ามองกัน จำต้องปล่อยตามใจเขา

 

 

ฆ่าล้างองครักษ์ลับ ทั้งกำจัดเสี้ยนหนามไปได้ ฉู่เหวินเจี๋ยผ่อนคลายความรู้สึกลงไปมาก ดังนั้นพอได้หลับก็หลับลึกมาก กระทั่งฟ้าสว่างแจ้ง ถึงลืมตาตื่น ลุกพรวดขึ้นมา

 

 

ปฏิกิริยาของเขาทำเหวินซื่อสะดุ้งตื่น ขยี้ตางัวเงีย มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเวลาสายโด่งแล้ว จึงลุกขึ้นนั่ง

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยลุกขึ้น กวักน้ำสะอาดในกะละมังล้างใบหน้าตนเองอย่างง่ายๆ แล้วหยิบผ้าขนหนูเช็ดไปพลางพูดว่า “รีบลุกขึ้น หลังจากบรรจุศพเหล่าอวี๋แล้ว พวกเราจะไปจากเมืองหลวงทันที ข้าออกมาหลายวันแล้ว หากยังไม่กลับไป จะมีคนสงสัยเอาได้”

 

 

เหวินซื่อลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง เปิดประตูห้อง ร้องบอกพนักงานในเรือน “ตักน้ำสะอาดเข้ามาใหม่”

 

 

พนักงานขานรับคำ เดินเข้ามาในห้อง ยกน้ำในกะละมังออกไปเททิ้ง แล้วตักน้ำเข้ามาใหม่

 

 

เหวินซื่อก็ล้างหน้าล้างตาอย่างผ่านๆ

 

 

เปาชิงเหอและเปาอีฝานตื่นแต่เช้าแล้ว ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เดินเข้ามากล่าวทักทาย “ท่านแม่ทัพ”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยผงกศีรษะ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่ไม่ได้หลับเต็มที่เดินเข้ามาทักทาย

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยเห็นขอบตาดำคล้ำของนาง ขมวดคิ้วถาม “เมื่อคืนวานแม่นางเมิ่งไม่ค่อยได้นอนหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อนพูดว่า “คงเพราะออกจากบ้านมานาน เมื่อคืนจู่ๆ ก็คิดถึงบ้านมาก จึงนอนไม่หลับเลย”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยเชื่อว่าเป็นความจริง พูดว่า “บัดนี้ไม่มีเรื่องแล้ว ตอนนี้แม่นางเมิ่งจะกลับบ้านเลยก็ได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ข้ารู้จักกับหมอชรามานาน อย่างไรก็ต้องอยู่ส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “ประเดี๋ยวจะให้เหวินซื่อสั่งพนักงานไปซื้อโลงศพ หลังจากบรรจุเหล่าอวี๋แล้ว พวกเราก็จะเดินทางกลับเมืองหวง อย่างช้าช่วงบ่าย เจ้าก็จะได้กลับบ้าน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก ลังเลอึดใจใหญ่ ถึงหยั่งเชิงถาม “ท่านแม่ทัพไม่ไปพบพระอาจารย์หรือ?”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยส่ายหน้า “ข้าออกมาหลายวันแล้ว หากยังไม่กลับไป เกรงว่าพวกคนคิดร้ายจะสงสัยเอาได้ อีกทั้งสถานะของพระอาจารย์ยิ่งคนรู้น้อยยิ่งดี จะได้ไม่นำพาความยุ่งยากมาให้พวกเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่เข้าไปแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องบอกเขาเรื่องที่ข้าเข้ามา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลอบถอนใจโล่งอก พูดว่า “ทราบแล้ว ข้าจะไม่เอ่ยถึงกับเขาเจ้าค่ะ”

 

 

คนทั้งหมดกินข้าวเช้าพอเป็นพิธี เหวินซื่อสั่งพนักงานไปซื้อโลงศพ

 

 

ผู้ว่าการตำบลที่ยังยืนอยู่หน้าประตูเห็นพนักงานออกมา รู้ว่าเปาชิงเหอตื่นแล้ว หันไปพูดกับเจ้าหน้าที่เวรยาม “รบกวนพวกเจ้าเข้าไปเรียนรายงาน บอกว่าข้าขอเข้าพบท่านใต้เท้า”

 

 

เจ้าหน้าที่เห็นเขาดื้อดึง ไม่มีทางเลือก เข้ามารายงานเปาชิงเหอ

 

 

เปาชิงเหอหันมองฉู่เหวินเจี๋ย

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยพูดว่า “เจ้าไปพบเขาในลานเรือน บอกเขาว่าที่อำเภอมีงานราชการมากมาย เรื่องนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า เจ้าจะอยู่เช่นนี้ต่อไปไม่ได้ วันนี้จะกลับอำเภอชิงเหอแล้ว สำหรับคดีนี้ หากยินดีจะสืบก็ให้เขาสืบต่อไป หากเขาไม่ยินดี เจ้ากลับไปจะเขียนหนังสือราชการส่งขึ้นไป เบื้องบนจะส่งคนมาสืบเอง ยังมี วันนี้เหวินซื่อจะพาคนทั้งหมดกลับเมืองหลวง ต่อไปในตำบลจะไม่มีร้านยาเต๋อเหรินอีก”

 

 

เปาชิงเหอน้อมรับคำสั่ง สั่งเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยเขาเข้ามา ส่วนตนเองรออยู่ในลานเรือน

 

 

ผู้ว่าการตำบลได้ยินว่าเปาชิงเหอให้เขาเข้าไป รีบจัดแจงเครื่องแต่งกาย หลังจากรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดไม่เหมาะสมแล้วถึงเดินเข้ามาในเรือน เห็นเปาชิงเหอยืนรอกลางเรือนก็ให้ดีใจเนื้อเต้น เร่งฝีเท้าเข้ามาคำนับตรงหน้าเขา

 

 

เปาชิงเหอพูดว่า “ที่นี่ไม่มีคนอื่น ตามสบายเถอะ”

 

 

ผู้ว่าการตำบลยิ่งให้ตื้นตันใจ พูดว่า “ข้าเข้ามาแต่เช้าแล้ว ยืนรออยู่ด้านนอกอย่างสั่นผวา กลัวใต้เท้าจะโทษว่าข้ากระทำเรื่องไม่ดี ผ่านมาหลายวันแล้ว กลับยังหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ไม่ได้เลย”

 

 

เปาชิงเหอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นี่เป็นคดีใหญ่ หาเบาะแสไม่พบเป็นเรื่องปกติ”

 

 

ผู้ว่าการตำบลริมฝีปากสั่นระริกอย่างตื้นตันใจ “ขอบคุณใต้เท้าที่เข้าใจ”

 

 

เปาชิงเหอโบกมือ นำคำพูดเมื่อครู่ของฉู่เหวินเจี๋ยบอกเขาอีกครั้ง

 

 

ผู้ว่าการตำบลได้ฟังลนลานพูด “ความสามารถข้ามีจำกัด กระทำคดีใหญ่ไม่สำเร็จ ต้องขอให้ใต้เท้าเขียนหนังสือราชการ ให้เบื้องบนส่งคนมาสืบเถิดขอรับ”

 

 

เปาชิงเหอรับคำ “ได้ ข้ากลับไปแล้วจะเขียนส่งไป หากเจ้าไม่มีเรื่องอันใดแล้วก็กลับไปเถอะ พวกเรายังต้องบรรจุศพให้หมอชรา ให้เขาได้ไปอย่างสงบ”

 

 

ผู้ว่าการตำบลพูดสอพลอ “วันนี้เป็นวันหยุดวันสุดท้าย ข้าอยู่ช่วยเหลือได้ขอรับ”

 

 

เปาชิงเหอปฏิเสธ “ไม่ต้องแล้ว หลายวันมานี้เจ้าลำบากพอแล้ว วันนี้กลับไปพักผ่อนเถอะ”

 

 

เปาชิงเหอพูดมีเหตุมีผล ผู้ว่าการตำบลไม่ระแวงสงสัย หลังจากกล่าวขอบคุณก็จากไปอย่างเบิกบาน

 

 

พนักงานไปซื้อโลงศพเคาะประตูร้านขายโลงศพ บอกว่าตนเองเป็นพนักงานร้านยาเต๋อเหริน ต้องการจะซื้อโลงศพชั้นดีไปบรรจุหมอชรา

 

 

ร้านยาเต๋อเหรินเป็นโรงหมออันดับต้นๆ ของตำบล ค่ารักษาก็เป็นธรรม คนกว่าครึ่งของตำบลต่างไปเข้ารับการรักษา หมอชราเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ไม่เคยเอ็ดว่าคนไข้ มีแต่ภาพที่ดีประทับตราตรึงใจทุกคน หลังจากได้ยินว่าเขาถูกฆ่าตาย ทุกคนต่างเจ็บปวดใจ เถ้าแก่ร้านโลงศพก็ไม่ยกเว้น พอได้ยินว่าจะซื้อโลงศพไปให้หมอชรา ก็พาเขาไปด้านหลังเรือน ชี้โลงศพหนาชั้นดีหนึ่งใบพูดว่า “นี่เป็นโลงศพที่ดีที่สุดของที่นี่ ปกติจะขายราคาห้าสิบตำลึง เมื่อเจ้าจะซื้อไปให้หมอชรา ข้าจะให้ราคาทุน คิดเพียงสามสิบห้าตำลึง”

 

 

พนักงานมองดู พยักหน้าพอใจ จ่ายเงินแล้วให้เถ้าแก่นำส่งไปหน้าประตูร้านยาเต๋อเหรินทันที”

 

 

เจ้าหน้าที่ร่วมแรงกัน แบกโลงศพเข้าไปด้านหลังเรือน

 

 

เถ้าแก่ร้านโลงศพตระเตรียมสิ่งของภายในไว้อย่างครบถ้วน

 

 

เดินเข้ามาในห้อง เหวินซื่อตาแดงกล่ำอีกครั้ง ยกร่างแข็งทื่อของหมอชราออกมาด้วยตัวเอง ค่อยๆ วางไว้ในโลงศพ สั่งพนักงานปิดฝาโลง ยกขึ้นรถม้า

 

 

พนักงานเก็บข้าวของทุกอย่างหมดแล้ว จัดสรรวางไว้บนรถม้าหลายคัน

 

 

เหวินซื่อเดินตาแดงกล่ำมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “ตำบลชิงซีห่างจากเมืองหลวงไม่ไกลมาก หากเจ้ามีเรื่องอันใด ก็ให้คนส่งข่าวมา ข้าควบม้าเร็วหนึ่งคืนหนึ่งวันก็มาถึง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มรู้สึกอาวรณ์ พูดว่า “เจ้าก็รักษาตัวให้ดี หวังว่าตอนที่พวกเราพบกันอีกครั้ง เจ้าจะได้เป็นนายท่านร้านยาเต๋อเหรินอย่างแท้จริง อีกอย่าง ข้าจะส่งยาที่ปรุงเสร็จไปให้เจ้าตรงตามเวลา”

 

 

เหวินซื่อพยักหน้า เดินไปข้างรถม้าที่วางโลงศพ รับบังเ**ยนจากมือพนักงาน ลอยตัวขึ้นบนคานรถ บังคับรถม้ากลับเมืองหลวงด้วยตัวเอง

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยนั่งในรถม้า หลังจากบอกลาทุกคนแล้ว ก็ตามหลังรถม้าออกไป

 

 

พนักงานด้านหลังตามติดไป กลุ่มคนขบวนใหญ่ออกไปจากตำบลชิงซี

 

 

เปาชิงเหอเห็นพวกเขาไปไกลแล้ว ก็ขึ้นนั่งรถม้าของตัวเอง กล่าวลาเมิ่งเชี่ยนโยว นำเจ้าหน้าที่จากไป

 

 

เหวินเปียวจูงม้าสามตัวรอด้านหลัง

 

 

เปาอีฝานหันหลังคิดจะขี่ม้าของตัวเองกลับไป กลับพบว่าม้าสามตัวที่เหวินเปียวจูงมาไม่มีม้าของตัวเอง กำลังจะเอ่ยปากถาม เหวินเปียวก็กล่าวว่า “คุณชายเปา หลังจากข้าไปถึงเมืองหลวง ม้าของท่านเหนื่อยล้ามาก ท่านแม่ทัพฉู่ จึงให้คนเปลี่ยนม้าของเขาให้ข้าขี่กลับมาขอรับ”

 

 

เปาอีฝานได้ฟังร้องยินดี “ม้าของท่านแม่ทัพฉู่หรือ? เป็นสิ่งที่ใครต่างก็เฝ้าปรารถนาเทียว” พูดจบ รับบังเ**ยนมาจากมือเหวินเปียว ตบบ่าเขาพูดว่า “ขอบใจนะ”

 

 

ไม่รอเหวินเปียวตั้งสติได้ว่าเรื่องอันใด ก็กระโดดขึ้นหลังม้า กล่าวลาเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วควบม้าตามรถม้าเปาชิงเหอจากไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นท่าทางดีใจของเขา ยกยิ้มส่ายหน้า รับบังเ**ยนมาจากมือเหวินเปียว พลิกตัวขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ขี่ม้ากลับมาถึงบ้านพร้อมเหวินเปียว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้อนลงจากหลังม้า โยนบังเ**ยนทิ้ง วิ่งเข้ามาในลานเรือนร้องตะโกน “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับแล้วเจ้าค่ะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด