ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 33 2

Now you are reading ข้ามเวลาล่าฝัน Chapter บทที่ 33 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 33 ตอนที่ 2 “ให้ตาย มันต้องมีไอ้สัตว์ที่ไหนมาขว้างให้ได้ล่ะ” ชายหนุ่มยืนตรงหน้ามารุ “มาขายตั๋วเหมือนกันเหรอ?” “เปล่า” “งั้นแกมายังทำไม? จะมาขวางฉันขายตั๋วเพื่อ? มาจากโรงละครอื่นเหรอ? ไม่ ไม่มีทาง ดูยังไงก็แค่เด็กมัธยมปลาย” “ระวังคำพูดด้วยครับ แล้วก็ การบังคับขายตั๋วน่ะไม่ใช่เรื่องดีเลย” “บังคับ? เฮอะ การเสนอขายแสนดีแบบนั้นเรียกบังคับ? หา? หา?” ชายหนุ่มผลักไหล่ของมารุหลายครั้งจนมีกล่องคำพูดลอยขึ้นมาเมื่อทั้งสองสบตากัน
[เด็กเวร] แต่จริง ๆ ไม่ต้องเห็นก็รู้ “ขอโทษทีแล้วกันที่เป็นเด็กเวร ยังไงก็ตาม ขอโทษนะที่ดันไปขัดขวางการทำงาน” มารุกัมหัวลงเล็กน้อย ตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรถึงขั้นนี้หรอก เขาแค่คิดจะเดินหนีหลังจากช่วยเด็กสาวพวกนั้นไปได้แล้ว แต่ยิ่งเขาได้พูดกัน มารุก็ยิ่งรู้สึกรำคาญ ทำไมเขาถึงได้หงุดหงิดกับอะไรแบบนี้นักนะ? เรื่องพรรค์นี้มันไม่ควรจะทำให้เขาหงุดหงิดได้มากขนาดนี้แท้ ๆ “เออ ไปไกล ๆ ไป รำคาญ” “ทีหลังก็อย่าบังคับขายอีกล่ะ ถ้าพวกนั้นเกิดเข็ดหลาบไม่อยากมาดูละครอีกแล้วจะทำยังไง?” “ไปได้แล้วไอ้สัตว์…” ชายหนุ่มง้างหมัดขึ้น มารุเองก็ไม่ได้ตกใจอะไร สิ่งแรกที่มารุนึกได้คือ “ถ้าโดนต่อยก็แค่แจ้งความ วิธีป้องกันตัวง่ายๆ จากคนที่แก่กว่า มารุก้าวไปด้านหน้าทำท่าล่อให้ถูกต่อย เมื่อเห็นแบบนั้นชายหนุ่มกลับทำตัวไม่ถูก จนต้องทำท่าหงุดหงิดและเดินหนีไป หาที่ขายตั๋วแหล่งใหม่ “กวนไม่เบาเลยนะเรา รู้ตัวไหม?” มิโซถาม มารุเห็นด้วยอย่างเต็มตัว เขาไม่นึกเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นลงไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาตอนแก่หรือตอนหนุ่มก็ไม่มีนิสัยแบบนั้น แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไร? ทำไมเขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิดกับเด็กทำงานพิเศษนัก? เขานึกเหตุผลนั้นไม่ออก และนั่นยิ่งทำให้เขาปวดหัวหนักกว่าเดิม “มันมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคตเหรอ?” ความทรงจำของเขายิ่งเลือนรางลงทุกที่ การรู้ตัวว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ จมหายไปแบบนี้ บางครั้งก็ทำให้เขากลัวอยู่เหมือนกัน อย่างน้อย ๆ เวลาสำคัญขึ้นมาก็ยังจำได้ “ไปกันเถอะ” “..อ่า” ที่ ๆ มิโซพามารุมาคือโรงละครเล็กๆ ที่ชั้นสอง เป็นโรงละครชื่อว่าบลูสกาย “บลูสกาย?” “คุ้นใช่ไหมล่ะ?” มิโซยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอเดินเข้าไปด้านในก่อน ให้มารุเดินตาม เขาพบกับแถวของคนต่อกันยาวที่ทางเข้า และเสียงคนคุยกันจากด้านใน “เราขอรับคนที่จองที่ได้เข้าไปก่อนนะคะ ขอโทษด้วยถ้าทำให้ต้องรอ” หญิงสาวนำทางแถวคนที่มารอด้วยรอยยิ้ม เธอดูจะอายุราวยี่สิบกลาง ๆ “รอก่อนเถอะ ไม่อยากไปกวนคนดูเขา” “ได้” มิโซนั้นมีนิสัยที่ค่อนข้างหุนหัน แต่เมื่อถึงเวลางาน เธอก็จริงจังยิ่งกว่าใครๆ ไม่นานนักพวกเขาก็เดินเข้าไปต่อแถว “รุ่นพี่” “ว่าไง” “ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” “นาน? สองอาทิตย์เองนะ” “แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่นี่นา แล้วมาหาใครรึเปล่าคะ?” “เปล่า แค่พาเจ้าเด็กนี่มาดูละครน่ะ” สายตาของหญิงสาวมอ ก้มหัวลงทักทายหญิงสาวเล็กน้อย “ดูดีนะ ใครเหรอ?” “ไม่รู้สิ” ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความ งุนงง “มีที่ว่างไหม? ถ้าไม่มีเราจะยืนดูจากด้านหลังเอา” มิโซพูดต่อ “น่าจะพอมีว่างอยู่นะคะ” “งั้นฉันจะรอ อยากเห็นเหมือนกันว่าจะมีคนมาดูเพิ่มอีกไหม” “ได้ค่ะ” มารุเดินเข้าไปในโรงละครพร้อมมิโซด้านในค่อนข้างจะมืด มีแสงสลัว ๆ บ้างที่นั่งอัดกันอยู่ทั้งหมด 70 ที่ มันไม่ใช่ที่นั่งที่กว้างขวางนั่งสบายอะไร แต่นั่นเองก็เป็นเสน่ห์ของละครเวที “ถ้าการแสดงเริ่มแล้วช่วยหยุดทานอาหารกันด้วยนะคะ แล้วเราจะมีเวลาถ่ายรูปให้ หลังการแสดงจบลง เพราะฉะนั้นขอห้ามถ่ายภาพระหว่างเล่นนะคะ นี่เป็นกฎที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ชมได้ชมการแสดงอย่างถึงอรรถรส โปรดเข้าใจเราด้วย” หญิงสาวที่ดูแลแถวตอนนี้ขึ้นไปพูดบนเวที ทำให้เหล่าผู้ชมต่างเก็บของกินลงทันที “เราไม่มีที่ว่างแล้ว” “ยืนดูก็ได้” “งั้นเอาตามนั้น แบบนั้นเองก็สนุกไม่เลว” มิโซดูจะตื่นเต้นแปลก ๆ ผิดจากเธอตอนปกติเวลามาที่สถานีฮเยวาเหมือนว่า… จะตื่นเต้นกว่าปกติ? เหมือนเวลาเด็ก ๆ ตื่นเต้นกับอะไรสักอย่างแสงในโรงละครค่อย ๆ จางลง เป็นสัญญาณเริ่มการแสดง ตอนนั้นเองที่มีใครบางคนเดินขึ้นมาคุยกับทั้งสองคน “มาด้วยเหรอ” “อืม มารุหันไปมองชายหนุ่มที่เดินมาคุยกับมิโซ มารุไม่สามารถมองเห็นใบหน้าเขาได้มากนัก เพราะความมืดของโรงละคร “งั้นไว้เจอกัน” “จะไปไหนเหรอ?” “ผู้กำกับเขาอยากเจอฉัน” “แหม ดังใหญ่แล้วนะเรา?” “เหอะ แค่นี้เอง แล้วเด็กนี่ใครน่ะ?” “ไม่รู้สิ อนาคตเพื่อนร่วมงานมั้ง?” “หึม เหรอ?” มารุเพิ่งสายตา ตาของเขาเริ่มชินกับความมืดแล้ว แต่ก่อนเขาจะมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มได้ ชายหนุ่มกลับเดินหนีออกไป “น่าสงสารจริง ๆ ต้องมาทำงานกับมิโซ ยัยนี่มันไม่ธรรมดา” เขากล่าวก่อนจะเดินจากไป มารุได้แต่หัวเราะ ทำให้มิโซอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ต้องเงียบไป เพราะการแสดงได้เริ่มขึ้นแล้ว “เริ่มแล้ว” “ดูไปเงียบ ๆ” ดังแสงของไฟฉายสปอตไลต์สว่างขึ้นพร้อมเสียงกระดิ่ง

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 33 ตอนที่ 2

“ให้ตาย มันต้องมีไอ้สัตว์ที่ไหนมาขว้างให้ได้ล่ะ”

ชายหนุ่มยืนตรงหน้ามารุ

“มาขายตั๋วเหมือนกันเหรอ?”

“เปล่า”

“งั้นแกมายังทำไม? จะมาขวางฉันขายตั๋วเพื่อ? มาจากโรงละครอื่นเหรอ? ไม่ ไม่มีทาง ดูยังไงก็แค่เด็กมัธยมปลาย”

“ระวังคำพูดด้วยครับ แล้วก็ การบังคับขายตั๋วน่ะไม่ใช่เรื่องดีเลย”

“บังคับ? เฮอะ การเสนอขายแสนดีแบบนั้นเรียกบังคับ? หา? หา?”

ชายหนุ่มผลักไหล่ของมารุหลายครั้งจนมีกล่องคำพูดลอยขึ้นมาเมื่อทั้งสองสบตากัน
[เด็กเวร]

แต่จริง ๆ ไม่ต้องเห็นก็รู้

“ขอโทษทีแล้วกันที่เป็นเด็กเวร ยังไงก็ตาม ขอโทษนะที่ดันไปขัดขวางการทำงาน”

มารุกัมหัวลงเล็กน้อย ตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรถึงขั้นนี้หรอก เขาแค่คิดจะเดินหนีหลังจากช่วยเด็กสาวพวกนั้นไปได้แล้ว แต่ยิ่งเขาได้พูดกัน มารุก็ยิ่งรู้สึกรำคาญ ทำไมเขาถึงได้หงุดหงิดกับอะไรแบบนี้นักนะ? เรื่องพรรค์นี้มันไม่ควรจะทำให้เขาหงุดหงิดได้มากขนาดนี้แท้ ๆ

“เออ ไปไกล ๆ ไป รำคาญ”

“ทีหลังก็อย่าบังคับขายอีกล่ะ ถ้าพวกนั้นเกิดเข็ดหลาบไม่อยากมาดูละครอีกแล้วจะทำยังไง?”

“ไปได้แล้วไอ้สัตว์…”

ชายหนุ่มง้างหมัดขึ้น มารุเองก็ไม่ได้ตกใจอะไร สิ่งแรกที่มารุนึกได้คือ “ถ้าโดนต่อยก็แค่แจ้งความ วิธีป้องกันตัวง่ายๆ จากคนที่แก่กว่า มารุก้าวไปด้านหน้าทำท่าล่อให้ถูกต่อย เมื่อเห็นแบบนั้นชายหนุ่มกลับทำตัวไม่ถูก จนต้องทำท่าหงุดหงิดและเดินหนีไป หาที่ขายตั๋วแหล่งใหม่

“กวนไม่เบาเลยนะเรา รู้ตัวไหม?” มิโซถาม

มารุเห็นด้วยอย่างเต็มตัว เขาไม่นึกเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นลงไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาตอนแก่หรือตอนหนุ่มก็ไม่มีนิสัยแบบนั้น แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไร? ทำไมเขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิดกับเด็กทำงานพิเศษนัก? เขานึกเหตุผลนั้นไม่ออก และนั่นยิ่งทำให้เขาปวดหัวหนักกว่าเดิม

“มันมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคตเหรอ?”

ความทรงจำของเขายิ่งเลือนรางลงทุกที่ การรู้ตัวว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ จมหายไปแบบนี้ บางครั้งก็ทำให้เขากลัวอยู่เหมือนกัน

อย่างน้อย ๆ เวลาสำคัญขึ้นมาก็ยังจำได้

“ไปกันเถอะ”

“..อ่า”

ที่ ๆ มิโซพามารุมาคือโรงละครเล็กๆ ที่ชั้นสอง เป็นโรงละครชื่อว่าบลูสกาย

“บลูสกาย?”

“คุ้นใช่ไหมล่ะ?”

มิโซยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอเดินเข้าไปด้านในก่อน ให้มารุเดินตาม เขาพบกับแถวของคนต่อกันยาวที่ทางเข้า และเสียงคนคุยกันจากด้านใน

“เราขอรับคนที่จองที่ได้เข้าไปก่อนนะคะ ขอโทษด้วยถ้าทำให้ต้องรอ”

หญิงสาวนำทางแถวคนที่มารอด้วยรอยยิ้ม เธอดูจะอายุราวยี่สิบกลาง ๆ

“รอก่อนเถอะ ไม่อยากไปกวนคนดูเขา”

“ได้”

มิโซนั้นมีนิสัยที่ค่อนข้างหุนหัน แต่เมื่อถึงเวลางาน เธอก็จริงจังยิ่งกว่าใครๆ ไม่นานนักพวกเขาก็เดินเข้าไปต่อแถว

“รุ่นพี่”

“ว่าไง”

“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

“นาน? สองอาทิตย์เองนะ”

“แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่นี่นา แล้วมาหาใครรึเปล่าคะ?”

“เปล่า แค่พาเจ้าเด็กนี่มาดูละครน่ะ”

สายตาของหญิงสาวมอ ก้มหัวลงทักทายหญิงสาวเล็กน้อย

“ดูดีนะ ใครเหรอ?”

“ไม่รู้สิ”

ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความ งุนงง

“มีที่ว่างไหม? ถ้าไม่มีเราจะยืนดูจากด้านหลังเอา” มิโซพูดต่อ

“น่าจะพอมีว่างอยู่นะคะ”

“งั้นฉันจะรอ อยากเห็นเหมือนกันว่าจะมีคนมาดูเพิ่มอีกไหม”

“ได้ค่ะ”

มารุเดินเข้าไปในโรงละครพร้อมมิโซด้านในค่อนข้างจะมืด มีแสงสลัว ๆ บ้างที่นั่งอัดกันอยู่ทั้งหมด 70 ที่ มันไม่ใช่ที่นั่งที่กว้างขวางนั่งสบายอะไร แต่นั่นเองก็เป็นเสน่ห์ของละครเวที

“ถ้าการแสดงเริ่มแล้วช่วยหยุดทานอาหารกันด้วยนะคะ แล้วเราจะมีเวลาถ่ายรูปให้ หลังการแสดงจบลง เพราะฉะนั้นขอห้ามถ่ายภาพระหว่างเล่นนะคะ นี่เป็นกฎที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ชมได้ชมการแสดงอย่างถึงอรรถรส โปรดเข้าใจเราด้วย”

หญิงสาวที่ดูแลแถวตอนนี้ขึ้นไปพูดบนเวที ทำให้เหล่าผู้ชมต่างเก็บของกินลงทันที

“เราไม่มีที่ว่างแล้ว”

“ยืนดูก็ได้”

“งั้นเอาตามนั้น แบบนั้นเองก็สนุกไม่เลว”

มิโซดูจะตื่นเต้นแปลก ๆ ผิดจากเธอตอนปกติเวลามาที่สถานีฮเยวาเหมือนว่า… จะตื่นเต้นกว่าปกติ? เหมือนเวลาเด็ก ๆ ตื่นเต้นกับอะไรสักอย่างแสงในโรงละครค่อย ๆ จางลง เป็นสัญญาณเริ่มการแสดง ตอนนั้นเองที่มีใครบางคนเดินขึ้นมาคุยกับทั้งสองคน

“มาด้วยเหรอ”

“อืม

มารุหันไปมองชายหนุ่มที่เดินมาคุยกับมิโซ มารุไม่สามารถมองเห็นใบหน้าเขาได้มากนัก เพราะความมืดของโรงละคร

“งั้นไว้เจอกัน”

“จะไปไหนเหรอ?”

“ผู้กำกับเขาอยากเจอฉัน”

“แหม ดังใหญ่แล้วนะเรา?”

“เหอะ แค่นี้เอง แล้วเด็กนี่ใครน่ะ?”

“ไม่รู้สิ อนาคตเพื่อนร่วมงานมั้ง?”

“หึม เหรอ?”

มารุเพิ่งสายตา ตาของเขาเริ่มชินกับความมืดแล้ว แต่ก่อนเขาจะมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มได้ ชายหนุ่มกลับเดินหนีออกไป

“น่าสงสารจริง ๆ ต้องมาทำงานกับมิโซ ยัยนี่มันไม่ธรรมดา” เขากล่าวก่อนจะเดินจากไป

มารุได้แต่หัวเราะ ทำให้มิโซอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ต้องเงียบไป เพราะการแสดงได้เริ่มขึ้นแล้ว

“เริ่มแล้ว”

“ดูไปเงียบ ๆ”

ดังแสงของไฟฉายสปอตไลต์สว่างขึ้นพร้อมเสียงกระดิ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 33 2

Now you are reading ข้ามเวลาล่าฝัน Chapter บทที่ 33 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 33 ตอนที่ 2 “ให้ตาย มันต้องมีไอ้สัตว์ที่ไหนมาขว้างให้ได้ล่ะ” ชายหนุ่มยืนตรงหน้ามารุ “มาขายตั๋วเหมือนกันเหรอ?” “เปล่า” “งั้นแกมายังทำไม? จะมาขวางฉันขายตั๋วเพื่อ? มาจากโรงละครอื่นเหรอ? ไม่ ไม่มีทาง ดูยังไงก็แค่เด็กมัธยมปลาย” “ระวังคำพูดด้วยครับ แล้วก็ การบังคับขายตั๋วน่ะไม่ใช่เรื่องดีเลย” “บังคับ? เฮอะ การเสนอขายแสนดีแบบนั้นเรียกบังคับ? หา? หา?” ชายหนุ่มผลักไหล่ของมารุหลายครั้งจนมีกล่องคำพูดลอยขึ้นมาเมื่อทั้งสองสบตากัน
[เด็กเวร] แต่จริง ๆ ไม่ต้องเห็นก็รู้ “ขอโทษทีแล้วกันที่เป็นเด็กเวร ยังไงก็ตาม ขอโทษนะที่ดันไปขัดขวางการทำงาน” มารุกัมหัวลงเล็กน้อย ตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรถึงขั้นนี้หรอก เขาแค่คิดจะเดินหนีหลังจากช่วยเด็กสาวพวกนั้นไปได้แล้ว แต่ยิ่งเขาได้พูดกัน มารุก็ยิ่งรู้สึกรำคาญ ทำไมเขาถึงได้หงุดหงิดกับอะไรแบบนี้นักนะ? เรื่องพรรค์นี้มันไม่ควรจะทำให้เขาหงุดหงิดได้มากขนาดนี้แท้ ๆ “เออ ไปไกล ๆ ไป รำคาญ” “ทีหลังก็อย่าบังคับขายอีกล่ะ ถ้าพวกนั้นเกิดเข็ดหลาบไม่อยากมาดูละครอีกแล้วจะทำยังไง?” “ไปได้แล้วไอ้สัตว์…” ชายหนุ่มง้างหมัดขึ้น มารุเองก็ไม่ได้ตกใจอะไร สิ่งแรกที่มารุนึกได้คือ “ถ้าโดนต่อยก็แค่แจ้งความ วิธีป้องกันตัวง่ายๆ จากคนที่แก่กว่า มารุก้าวไปด้านหน้าทำท่าล่อให้ถูกต่อย เมื่อเห็นแบบนั้นชายหนุ่มกลับทำตัวไม่ถูก จนต้องทำท่าหงุดหงิดและเดินหนีไป หาที่ขายตั๋วแหล่งใหม่ “กวนไม่เบาเลยนะเรา รู้ตัวไหม?” มิโซถาม มารุเห็นด้วยอย่างเต็มตัว เขาไม่นึกเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นลงไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาตอนแก่หรือตอนหนุ่มก็ไม่มีนิสัยแบบนั้น แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไร? ทำไมเขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิดกับเด็กทำงานพิเศษนัก? เขานึกเหตุผลนั้นไม่ออก และนั่นยิ่งทำให้เขาปวดหัวหนักกว่าเดิม “มันมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคตเหรอ?” ความทรงจำของเขายิ่งเลือนรางลงทุกที่ การรู้ตัวว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ จมหายไปแบบนี้ บางครั้งก็ทำให้เขากลัวอยู่เหมือนกัน อย่างน้อย ๆ เวลาสำคัญขึ้นมาก็ยังจำได้ “ไปกันเถอะ” “..อ่า” ที่ ๆ มิโซพามารุมาคือโรงละครเล็กๆ ที่ชั้นสอง เป็นโรงละครชื่อว่าบลูสกาย “บลูสกาย?” “คุ้นใช่ไหมล่ะ?” มิโซยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอเดินเข้าไปด้านในก่อน ให้มารุเดินตาม เขาพบกับแถวของคนต่อกันยาวที่ทางเข้า และเสียงคนคุยกันจากด้านใน “เราขอรับคนที่จองที่ได้เข้าไปก่อนนะคะ ขอโทษด้วยถ้าทำให้ต้องรอ” หญิงสาวนำทางแถวคนที่มารอด้วยรอยยิ้ม เธอดูจะอายุราวยี่สิบกลาง ๆ “รอก่อนเถอะ ไม่อยากไปกวนคนดูเขา” “ได้” มิโซนั้นมีนิสัยที่ค่อนข้างหุนหัน แต่เมื่อถึงเวลางาน เธอก็จริงจังยิ่งกว่าใครๆ ไม่นานนักพวกเขาก็เดินเข้าไปต่อแถว “รุ่นพี่” “ว่าไง” “ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” “นาน? สองอาทิตย์เองนะ” “แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่นี่นา แล้วมาหาใครรึเปล่าคะ?” “เปล่า แค่พาเจ้าเด็กนี่มาดูละครน่ะ” สายตาของหญิงสาวมอ ก้มหัวลงทักทายหญิงสาวเล็กน้อย “ดูดีนะ ใครเหรอ?” “ไม่รู้สิ” ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความ งุนงง “มีที่ว่างไหม? ถ้าไม่มีเราจะยืนดูจากด้านหลังเอา” มิโซพูดต่อ “น่าจะพอมีว่างอยู่นะคะ” “งั้นฉันจะรอ อยากเห็นเหมือนกันว่าจะมีคนมาดูเพิ่มอีกไหม” “ได้ค่ะ” มารุเดินเข้าไปในโรงละครพร้อมมิโซด้านในค่อนข้างจะมืด มีแสงสลัว ๆ บ้างที่นั่งอัดกันอยู่ทั้งหมด 70 ที่ มันไม่ใช่ที่นั่งที่กว้างขวางนั่งสบายอะไร แต่นั่นเองก็เป็นเสน่ห์ของละครเวที “ถ้าการแสดงเริ่มแล้วช่วยหยุดทานอาหารกันด้วยนะคะ แล้วเราจะมีเวลาถ่ายรูปให้ หลังการแสดงจบลง เพราะฉะนั้นขอห้ามถ่ายภาพระหว่างเล่นนะคะ นี่เป็นกฎที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ชมได้ชมการแสดงอย่างถึงอรรถรส โปรดเข้าใจเราด้วย” หญิงสาวที่ดูแลแถวตอนนี้ขึ้นไปพูดบนเวที ทำให้เหล่าผู้ชมต่างเก็บของกินลงทันที “เราไม่มีที่ว่างแล้ว” “ยืนดูก็ได้” “งั้นเอาตามนั้น แบบนั้นเองก็สนุกไม่เลว” มิโซดูจะตื่นเต้นแปลก ๆ ผิดจากเธอตอนปกติเวลามาที่สถานีฮเยวาเหมือนว่า… จะตื่นเต้นกว่าปกติ? เหมือนเวลาเด็ก ๆ ตื่นเต้นกับอะไรสักอย่างแสงในโรงละครค่อย ๆ จางลง เป็นสัญญาณเริ่มการแสดง ตอนนั้นเองที่มีใครบางคนเดินขึ้นมาคุยกับทั้งสองคน “มาด้วยเหรอ” “อืม มารุหันไปมองชายหนุ่มที่เดินมาคุยกับมิโซ มารุไม่สามารถมองเห็นใบหน้าเขาได้มากนัก เพราะความมืดของโรงละคร “งั้นไว้เจอกัน” “จะไปไหนเหรอ?” “ผู้กำกับเขาอยากเจอฉัน” “แหม ดังใหญ่แล้วนะเรา?” “เหอะ แค่นี้เอง แล้วเด็กนี่ใครน่ะ?” “ไม่รู้สิ อนาคตเพื่อนร่วมงานมั้ง?” “หึม เหรอ?” มารุเพิ่งสายตา ตาของเขาเริ่มชินกับความมืดแล้ว แต่ก่อนเขาจะมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มได้ ชายหนุ่มกลับเดินหนีออกไป “น่าสงสารจริง ๆ ต้องมาทำงานกับมิโซ ยัยนี่มันไม่ธรรมดา” เขากล่าวก่อนจะเดินจากไป มารุได้แต่หัวเราะ ทำให้มิโซอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ต้องเงียบไป เพราะการแสดงได้เริ่มขึ้นแล้ว “เริ่มแล้ว” “ดูไปเงียบ ๆ” ดังแสงของไฟฉายสปอตไลต์สว่างขึ้นพร้อมเสียงกระดิ่ง

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 33 ตอนที่ 2

“ให้ตาย มันต้องมีไอ้สัตว์ที่ไหนมาขว้างให้ได้ล่ะ”

ชายหนุ่มยืนตรงหน้ามารุ

“มาขายตั๋วเหมือนกันเหรอ?”

“เปล่า”

“งั้นแกมายังทำไม? จะมาขวางฉันขายตั๋วเพื่อ? มาจากโรงละครอื่นเหรอ? ไม่ ไม่มีทาง ดูยังไงก็แค่เด็กมัธยมปลาย”

“ระวังคำพูดด้วยครับ แล้วก็ การบังคับขายตั๋วน่ะไม่ใช่เรื่องดีเลย”

“บังคับ? เฮอะ การเสนอขายแสนดีแบบนั้นเรียกบังคับ? หา? หา?”

ชายหนุ่มผลักไหล่ของมารุหลายครั้งจนมีกล่องคำพูดลอยขึ้นมาเมื่อทั้งสองสบตากัน
[เด็กเวร]

แต่จริง ๆ ไม่ต้องเห็นก็รู้

“ขอโทษทีแล้วกันที่เป็นเด็กเวร ยังไงก็ตาม ขอโทษนะที่ดันไปขัดขวางการทำงาน”

มารุกัมหัวลงเล็กน้อย ตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรถึงขั้นนี้หรอก เขาแค่คิดจะเดินหนีหลังจากช่วยเด็กสาวพวกนั้นไปได้แล้ว แต่ยิ่งเขาได้พูดกัน มารุก็ยิ่งรู้สึกรำคาญ ทำไมเขาถึงได้หงุดหงิดกับอะไรแบบนี้นักนะ? เรื่องพรรค์นี้มันไม่ควรจะทำให้เขาหงุดหงิดได้มากขนาดนี้แท้ ๆ

“เออ ไปไกล ๆ ไป รำคาญ”

“ทีหลังก็อย่าบังคับขายอีกล่ะ ถ้าพวกนั้นเกิดเข็ดหลาบไม่อยากมาดูละครอีกแล้วจะทำยังไง?”

“ไปได้แล้วไอ้สัตว์…”

ชายหนุ่มง้างหมัดขึ้น มารุเองก็ไม่ได้ตกใจอะไร สิ่งแรกที่มารุนึกได้คือ “ถ้าโดนต่อยก็แค่แจ้งความ วิธีป้องกันตัวง่ายๆ จากคนที่แก่กว่า มารุก้าวไปด้านหน้าทำท่าล่อให้ถูกต่อย เมื่อเห็นแบบนั้นชายหนุ่มกลับทำตัวไม่ถูก จนต้องทำท่าหงุดหงิดและเดินหนีไป หาที่ขายตั๋วแหล่งใหม่

“กวนไม่เบาเลยนะเรา รู้ตัวไหม?” มิโซถาม

มารุเห็นด้วยอย่างเต็มตัว เขาไม่นึกเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นลงไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาตอนแก่หรือตอนหนุ่มก็ไม่มีนิสัยแบบนั้น แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไร? ทำไมเขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิดกับเด็กทำงานพิเศษนัก? เขานึกเหตุผลนั้นไม่ออก และนั่นยิ่งทำให้เขาปวดหัวหนักกว่าเดิม

“มันมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคตเหรอ?”

ความทรงจำของเขายิ่งเลือนรางลงทุกที่ การรู้ตัวว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ จมหายไปแบบนี้ บางครั้งก็ทำให้เขากลัวอยู่เหมือนกัน

อย่างน้อย ๆ เวลาสำคัญขึ้นมาก็ยังจำได้

“ไปกันเถอะ”

“..อ่า”

ที่ ๆ มิโซพามารุมาคือโรงละครเล็กๆ ที่ชั้นสอง เป็นโรงละครชื่อว่าบลูสกาย

“บลูสกาย?”

“คุ้นใช่ไหมล่ะ?”

มิโซยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอเดินเข้าไปด้านในก่อน ให้มารุเดินตาม เขาพบกับแถวของคนต่อกันยาวที่ทางเข้า และเสียงคนคุยกันจากด้านใน

“เราขอรับคนที่จองที่ได้เข้าไปก่อนนะคะ ขอโทษด้วยถ้าทำให้ต้องรอ”

หญิงสาวนำทางแถวคนที่มารอด้วยรอยยิ้ม เธอดูจะอายุราวยี่สิบกลาง ๆ

“รอก่อนเถอะ ไม่อยากไปกวนคนดูเขา”

“ได้”

มิโซนั้นมีนิสัยที่ค่อนข้างหุนหัน แต่เมื่อถึงเวลางาน เธอก็จริงจังยิ่งกว่าใครๆ ไม่นานนักพวกเขาก็เดินเข้าไปต่อแถว

“รุ่นพี่”

“ว่าไง”

“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

“นาน? สองอาทิตย์เองนะ”

“แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่นี่นา แล้วมาหาใครรึเปล่าคะ?”

“เปล่า แค่พาเจ้าเด็กนี่มาดูละครน่ะ”

สายตาของหญิงสาวมอ ก้มหัวลงทักทายหญิงสาวเล็กน้อย

“ดูดีนะ ใครเหรอ?”

“ไม่รู้สิ”

ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความ งุนงง

“มีที่ว่างไหม? ถ้าไม่มีเราจะยืนดูจากด้านหลังเอา” มิโซพูดต่อ

“น่าจะพอมีว่างอยู่นะคะ”

“งั้นฉันจะรอ อยากเห็นเหมือนกันว่าจะมีคนมาดูเพิ่มอีกไหม”

“ได้ค่ะ”

มารุเดินเข้าไปในโรงละครพร้อมมิโซด้านในค่อนข้างจะมืด มีแสงสลัว ๆ บ้างที่นั่งอัดกันอยู่ทั้งหมด 70 ที่ มันไม่ใช่ที่นั่งที่กว้างขวางนั่งสบายอะไร แต่นั่นเองก็เป็นเสน่ห์ของละครเวที

“ถ้าการแสดงเริ่มแล้วช่วยหยุดทานอาหารกันด้วยนะคะ แล้วเราจะมีเวลาถ่ายรูปให้ หลังการแสดงจบลง เพราะฉะนั้นขอห้ามถ่ายภาพระหว่างเล่นนะคะ นี่เป็นกฎที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ชมได้ชมการแสดงอย่างถึงอรรถรส โปรดเข้าใจเราด้วย”

หญิงสาวที่ดูแลแถวตอนนี้ขึ้นไปพูดบนเวที ทำให้เหล่าผู้ชมต่างเก็บของกินลงทันที

“เราไม่มีที่ว่างแล้ว”

“ยืนดูก็ได้”

“งั้นเอาตามนั้น แบบนั้นเองก็สนุกไม่เลว”

มิโซดูจะตื่นเต้นแปลก ๆ ผิดจากเธอตอนปกติเวลามาที่สถานีฮเยวาเหมือนว่า… จะตื่นเต้นกว่าปกติ? เหมือนเวลาเด็ก ๆ ตื่นเต้นกับอะไรสักอย่างแสงในโรงละครค่อย ๆ จางลง เป็นสัญญาณเริ่มการแสดง ตอนนั้นเองที่มีใครบางคนเดินขึ้นมาคุยกับทั้งสองคน

“มาด้วยเหรอ”

“อืม

มารุหันไปมองชายหนุ่มที่เดินมาคุยกับมิโซ มารุไม่สามารถมองเห็นใบหน้าเขาได้มากนัก เพราะความมืดของโรงละคร

“งั้นไว้เจอกัน”

“จะไปไหนเหรอ?”

“ผู้กำกับเขาอยากเจอฉัน”

“แหม ดังใหญ่แล้วนะเรา?”

“เหอะ แค่นี้เอง แล้วเด็กนี่ใครน่ะ?”

“ไม่รู้สิ อนาคตเพื่อนร่วมงานมั้ง?”

“หึม เหรอ?”

มารุเพิ่งสายตา ตาของเขาเริ่มชินกับความมืดแล้ว แต่ก่อนเขาจะมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มได้ ชายหนุ่มกลับเดินหนีออกไป

“น่าสงสารจริง ๆ ต้องมาทำงานกับมิโซ ยัยนี่มันไม่ธรรมดา” เขากล่าวก่อนจะเดินจากไป

มารุได้แต่หัวเราะ ทำให้มิโซอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ต้องเงียบไป เพราะการแสดงได้เริ่มขึ้นแล้ว

“เริ่มแล้ว”

“ดูไปเงียบ ๆ”

ดังแสงของไฟฉายสปอตไลต์สว่างขึ้นพร้อมเสียงกระดิ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+