ข้ามเวลาล่าฝัน บทที่ 20 1

Now you are reading ข้ามเวลาล่าฝัน Chapter บทที่ 20 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 20 ตอนที่ 1

 

ตอนนี้ท้องฟ้ามืดลง จนเขาสามารถมองเห็นพระจันทร์ได้ และที่อยู่ใกล้ ๆ กับพระจันทร์นั้น ก็คือดวงดาวสีแดงที่สว่างจ้า

“คงเป็นดาวอังคาร”

“ไม่มีทาง ดาวเทียมมากกว่า”

“ไม่ นั่นมันคงเป็นดาวอังคารแหละ”

ปี 2003 เป็นปีที่ดาวอังคารขยับเข้ามาใกล้โลก มารุจำเรื่องนี้ได้เพราะเขาเคยใช้เวลาช่วงนี้อยู่กับเพื่อนสมัยมัธยม

[มันเท่ดีนะว่าไหม ที่เจ้าจุดแดง ๆ นั่น จะเข้ามาหาเราหรือไปจากเราได้ โดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ]

เขาคิดถึงคำสนทนานี้อีกหลายครั้งหลังจากแก่ตัวลง เขาจำไม่ได้แล้วว่าอีกฝ่ายที่คุยกับเขาเป็นชายหรือหญิง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาสองคนเป็นเพื่อนกันรึเปล่า เขาจำได้แค่ว่าเวลาที่คุยกัน มันเป็นตอนกลางคืน

“เฮ้อ แค่นึกถึงหน้าครูฝึกนั่นก็ทำเอาอยู่ไม่สุขแล้วจริง ๆ”

“อ่า… เห็นด้วยเลย จากนี้ต้องเจอเธออีกหลายครั้งด้วยสินะ”

โดจินและเดมยังถอนหายใจ พวกเขาไม่ได้เกลียดอะไรมิโซ แต่พวกเขาแค่ไม่ชอบวิธีการที่เธอใช้สอน แต่มันก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะพวกเขาโดยเธอตีมาอย่างน้อยคนละครั้ง

“ไว้เจอกัน”

“ไปละ”

มารุข้ามถนนออกห่างจากเพื่อนทั้งสองคน เขาไปเอาจักรยานของตัวเองออกมา พร้อมจะถีบกลับบ้าน เขาน่าจะซื้อถุงมือมาใส่ เพราะอากาศมันยิ่งเย็นมาก ๆ หลังพระอาทิตย์ตกไป

ตอนนั้นเองที่มีจักรยานเสือหมอบคันสีเหลืองขี่ผ่านไป

“โดวุค?”

อยู่จนดึกป่านนี้เลยเหรอ? เขาไม่ได้สนิทอะไรกับโดวุค มารุจึงเลือกที่จะถีบจักรยานและปั่นออกไปอย่างเชื่องช้า ตอนนั้นเองที่โดวุคหยุดอยู่กลางทาง เขามีอะไรอยากคุยด้วยรึเปล่า? แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไร ทำให้มารุก็ปั่นจักรยานผ่านไปเฉย ๆ แต่ไม่นาน โดวุคก็ตามมาข้างหลังเขา จนขึ้นมาอยู่ข้าง ๆ

“อะไร มีอะไรเหรอ?”

“…”

โดวุคไม่พูดอะไร ถึงเขาจะดูอยากพูดก็ตาม จนทำให้มารุเบรกจักรยานของตัวเอง โดวุคจึงเบรกตาม

“มีอะไร?”

“…”

“อะไร เขินเหรอ?”

“ไอ้… ไม่ถูกกับแกจริง ๆ สิวะ”

โดวุคหันมามอง แต่ก็หันหน้าหนีไปทันทีพร้อมถอนหายใจ

“ชุด”

“ชุด?”

“ซ่อมได้ไหม?”

“ที่เพื่อน ๆ แกทำรูไว้น่ะนะ?”

“เพื่อนเหี้ยไรล่ะ แล้ว สรุปยังไง? ได้ยินว่าเป็นพวกชุดเดรสด้วยนี่?”

“ก็พยายามซ่อมเท่าที่ได้แล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

ตอนนั้นเอง

[ไอ้เราก็อุตส่าห์กังวลว่ามันจะเยินขนาดไหน ให้ตาย เสียเวลาจริง ๆ]

กล่องคำพูดลอยขึ้นมาบนหัวของเขา

“กังวลเหี้ยไร”

โดวุคเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความคับแค้น ก่อนจะสบถออกมาอีกเล็กน้อย

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ดี ไปละ”

เด็กหนุ่มหันรถจักรยานหนีไปอีกทาง น่าจะเป็นทางกลับบ้าน

“ตามมาเพราะจะถามเรื่องนั้นน่ะนะ? เดี๋ยวนะ นี่อยู่รอฉันเหรอ?”

“ไปตายไป”

โดวุคถีบจักรยานออกไป จนหายลับจากสายตาของมารุอย่างรวดเร็ว

“ช่วงนี้คงเจอเรื่องอะไรมาเยอะล่ะนะ”

คนเราเมื่อได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง มักจะคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่เสมอ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาโดวุคเองก็อยู่คนเดียวเกือบจะตลอด อย่างน้อย ๆ มารุก็เห็นเป็นแบบนั้น เขาไม่เคยจะคุยกับใคร ไม่ว่าจะเป็นช่วงพักคาบหรือพักเที่ยง พวกเพื่อนเก่าของเขาเองก็ถีบหัวส่งเขาเช่นกัน

“อืม เวรกรรมแหละ”

ถ้าเขาเอาเวลาไปช่วยเหลือคนอื่น เขาคงไม่ต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ แต่สภาพของเขาน่าจะดีขึ้นได้ ถ้ามารุคิดจะช่วย

“หืม”

มารุนึกถึงใบหน้าของโดวุคขึ้นมาอีกที เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรมาก หรือควรช่วยดี?

* * *

บาดะได้ยินเสียงประตูบ้านถูกเปิดออกระหว่างนั่งดูทีวีอยู่

“แม่?”

แต่ไม่ใช่ คนที่เข้ามาคือมารุและลมเย็น ๆ ที่ตามหลังเขาเข้ามา

“ปิดประตูด้วย หนาว” บาดะบอก

“จ้า จ้า”

มารุยอมปิดประตูโดยไม่ปริปากบ่น มันแปลก เขาไม่ควรจะเป็นคนแบบนี้ ปกติเขาควรสวนกลับมาด้วยคำพูดประมาณว่า ‘แกสิปิด’ หรืออะไรทำนองนั้น ถึงจะพอมีบ้าง บางทีที่เขาจะทำตัวใจดี แต่นั่นก็เป็นตอนที่เพิ่งได้เงินค่าขนมมา หรือตอนที่กินข้าวอิ่มแล้ว แต่ทุกวันนี้ เขาทำตัวใจดีแทบตลอดเวลา มันแปลกจริง ๆ

“กินข้าวรึยัง?”

อีกแล้ว ทำไมถึงถามเธอว่ากินรึยัง? ปกติเขาต้องถามหาข้าวจากเธอ แย่งกินมาม่าที่เธอต้ม

“ยังเลย”

“เดี๋ยวทำให้ รอก่อนนะ”

เข้าเดินเข้าห้องครัวไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมชาติสำหรับเขา บาดะจ้องมองไปที่พี่ชายของตัวเองพร้อมหยิบมือถือออกมา เธอเปิดมันออกและเริ่มส่งข้อความหากลุ่มเพื่อน

[นี่ ถ้าอยู่ ๆ พี่ชายก็ทำตัวใจดีมันคงรู้สึกแปลก ๆ ใช่ปะ?]

คำตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

[100%]

[แล้วถ้าเขาทำตัวดีใส่ตลอดเวลาล่ะ?]

[ต้องไปทำผิดอะไรสักอย่างมาแน่ ๆ 1000%]

เพื่อน ๆ คิดเหมือนที่เธอกลัว แต่พี่ชายของเธอก็ไม่ได้ทำอะไร บางทียังเอาค่าขนมมาให้อีก

[แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดล่ะ?]

[พี่ชายพรรค์นั้นไม่มีอยู่จริงหรอก]

เป็นคำตอบที่หนักแน่น เพื่อนคนอื่น ๆ ของเธอเองก็ตอบกลับมาแบบนั้นเช่นกัน เพราะพี่ชายนั้นเป็นฝันร้ายของน้องสาว บาดะเห็นด้วยกับคำพูดนี้อย่างสุดหัวใจ อย่างน้อย ๆ ก็จนถึงช่วงเดือนก่อน

‘เกิดอะไรขึ้น?’

พี่ชายของเธอกำลังร้องเพลงและทำกับข้าวอยู่ในครัว ไปทำอาหารเป็นตั้งแต่ตอนไหน? เขาทำพวกซุปและเครื่องเคียงออกมาได้ ราวกับว่ามีประสบการณ์เป็นปี ๆ ช่วงนี้แม่เองก็เริ่มทำกับข้าวน้อยลง เพราะหวังว่าจะให้มารุช่วยทำบ้าง แต่ก็พอเข้าใจได้แหละ

เพราะอาหารที่พี่ทำมันอร่อยนี่นา

“เอาหมูผัดไหม?”

“อ-เอา”

เขาหยิบหมูออกมาจากตู้ได้ทันทีและนำมันไปเตรียมทำอาหาร แปลกจริง ๆ เขารู้ได้ยังไงว่าหมุมันเก็บไว้ตรงไหนในตู้เย็น? ราวกับว่า…

‘แม่’

เรื่องมันยิ่งแปลกขึ้นทุกที ทำไมไม่เรียกเธอว่า ‘อีอ้วน’ เหมือนเมื่อก่อน? ตอนนั้นเองที่อีกข้อความถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของเธอ เป็นคำตอบจากอีกคนในกลุ่มเพื่อนที่เธอถามคำถามไป พวกเธอไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แค่พอรู้จักกัน

[เหมือนพี่ชายฉันเลย เขาใจดีมาก]

“..ไม่จริงน่า”

พี่ชายไม่ได้เป็นศัตรูตลอดกาลของน้องสาวเหรอ บาดะหันไปมองมารุ ราวกับว่าเธอกำลังเจอเรื่องเหนือธรรมชาติ

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลาล่าฝัน บทที่ 20 1

Now you are reading ข้ามเวลาล่าฝัน Chapter บทที่ 20 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 20 ตอนที่ 1

 

ตอนนี้ท้องฟ้ามืดลง จนเขาสามารถมองเห็นพระจันทร์ได้ และที่อยู่ใกล้ ๆ กับพระจันทร์นั้น ก็คือดวงดาวสีแดงที่สว่างจ้า

“คงเป็นดาวอังคาร”

“ไม่มีทาง ดาวเทียมมากกว่า”

“ไม่ นั่นมันคงเป็นดาวอังคารแหละ”

ปี 2003 เป็นปีที่ดาวอังคารขยับเข้ามาใกล้โลก มารุจำเรื่องนี้ได้เพราะเขาเคยใช้เวลาช่วงนี้อยู่กับเพื่อนสมัยมัธยม

[มันเท่ดีนะว่าไหม ที่เจ้าจุดแดง ๆ นั่น จะเข้ามาหาเราหรือไปจากเราได้ โดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ]

เขาคิดถึงคำสนทนานี้อีกหลายครั้งหลังจากแก่ตัวลง เขาจำไม่ได้แล้วว่าอีกฝ่ายที่คุยกับเขาเป็นชายหรือหญิง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาสองคนเป็นเพื่อนกันรึเปล่า เขาจำได้แค่ว่าเวลาที่คุยกัน มันเป็นตอนกลางคืน

“เฮ้อ แค่นึกถึงหน้าครูฝึกนั่นก็ทำเอาอยู่ไม่สุขแล้วจริง ๆ”

“อ่า… เห็นด้วยเลย จากนี้ต้องเจอเธออีกหลายครั้งด้วยสินะ”

โดจินและเดมยังถอนหายใจ พวกเขาไม่ได้เกลียดอะไรมิโซ แต่พวกเขาแค่ไม่ชอบวิธีการที่เธอใช้สอน แต่มันก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะพวกเขาโดยเธอตีมาอย่างน้อยคนละครั้ง

“ไว้เจอกัน”

“ไปละ”

มารุข้ามถนนออกห่างจากเพื่อนทั้งสองคน เขาไปเอาจักรยานของตัวเองออกมา พร้อมจะถีบกลับบ้าน เขาน่าจะซื้อถุงมือมาใส่ เพราะอากาศมันยิ่งเย็นมาก ๆ หลังพระอาทิตย์ตกไป

ตอนนั้นเองที่มีจักรยานเสือหมอบคันสีเหลืองขี่ผ่านไป

“โดวุค?”

อยู่จนดึกป่านนี้เลยเหรอ? เขาไม่ได้สนิทอะไรกับโดวุค มารุจึงเลือกที่จะถีบจักรยานและปั่นออกไปอย่างเชื่องช้า ตอนนั้นเองที่โดวุคหยุดอยู่กลางทาง เขามีอะไรอยากคุยด้วยรึเปล่า? แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไร ทำให้มารุก็ปั่นจักรยานผ่านไปเฉย ๆ แต่ไม่นาน โดวุคก็ตามมาข้างหลังเขา จนขึ้นมาอยู่ข้าง ๆ

“อะไร มีอะไรเหรอ?”

“…”

โดวุคไม่พูดอะไร ถึงเขาจะดูอยากพูดก็ตาม จนทำให้มารุเบรกจักรยานของตัวเอง โดวุคจึงเบรกตาม

“มีอะไร?”

“…”

“อะไร เขินเหรอ?”

“ไอ้… ไม่ถูกกับแกจริง ๆ สิวะ”

โดวุคหันมามอง แต่ก็หันหน้าหนีไปทันทีพร้อมถอนหายใจ

“ชุด”

“ชุด?”

“ซ่อมได้ไหม?”

“ที่เพื่อน ๆ แกทำรูไว้น่ะนะ?”

“เพื่อนเหี้ยไรล่ะ แล้ว สรุปยังไง? ได้ยินว่าเป็นพวกชุดเดรสด้วยนี่?”

“ก็พยายามซ่อมเท่าที่ได้แล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

ตอนนั้นเอง

[ไอ้เราก็อุตส่าห์กังวลว่ามันจะเยินขนาดไหน ให้ตาย เสียเวลาจริง ๆ]

กล่องคำพูดลอยขึ้นมาบนหัวของเขา

“กังวลเหี้ยไร”

โดวุคเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความคับแค้น ก่อนจะสบถออกมาอีกเล็กน้อย

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ดี ไปละ”

เด็กหนุ่มหันรถจักรยานหนีไปอีกทาง น่าจะเป็นทางกลับบ้าน

“ตามมาเพราะจะถามเรื่องนั้นน่ะนะ? เดี๋ยวนะ นี่อยู่รอฉันเหรอ?”

“ไปตายไป”

โดวุคถีบจักรยานออกไป จนหายลับจากสายตาของมารุอย่างรวดเร็ว

“ช่วงนี้คงเจอเรื่องอะไรมาเยอะล่ะนะ”

คนเราเมื่อได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง มักจะคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่เสมอ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาโดวุคเองก็อยู่คนเดียวเกือบจะตลอด อย่างน้อย ๆ มารุก็เห็นเป็นแบบนั้น เขาไม่เคยจะคุยกับใคร ไม่ว่าจะเป็นช่วงพักคาบหรือพักเที่ยง พวกเพื่อนเก่าของเขาเองก็ถีบหัวส่งเขาเช่นกัน

“อืม เวรกรรมแหละ”

ถ้าเขาเอาเวลาไปช่วยเหลือคนอื่น เขาคงไม่ต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ แต่สภาพของเขาน่าจะดีขึ้นได้ ถ้ามารุคิดจะช่วย

“หืม”

มารุนึกถึงใบหน้าของโดวุคขึ้นมาอีกที เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรมาก หรือควรช่วยดี?

* * *

บาดะได้ยินเสียงประตูบ้านถูกเปิดออกระหว่างนั่งดูทีวีอยู่

“แม่?”

แต่ไม่ใช่ คนที่เข้ามาคือมารุและลมเย็น ๆ ที่ตามหลังเขาเข้ามา

“ปิดประตูด้วย หนาว” บาดะบอก

“จ้า จ้า”

มารุยอมปิดประตูโดยไม่ปริปากบ่น มันแปลก เขาไม่ควรจะเป็นคนแบบนี้ ปกติเขาควรสวนกลับมาด้วยคำพูดประมาณว่า ‘แกสิปิด’ หรืออะไรทำนองนั้น ถึงจะพอมีบ้าง บางทีที่เขาจะทำตัวใจดี แต่นั่นก็เป็นตอนที่เพิ่งได้เงินค่าขนมมา หรือตอนที่กินข้าวอิ่มแล้ว แต่ทุกวันนี้ เขาทำตัวใจดีแทบตลอดเวลา มันแปลกจริง ๆ

“กินข้าวรึยัง?”

อีกแล้ว ทำไมถึงถามเธอว่ากินรึยัง? ปกติเขาต้องถามหาข้าวจากเธอ แย่งกินมาม่าที่เธอต้ม

“ยังเลย”

“เดี๋ยวทำให้ รอก่อนนะ”

เข้าเดินเข้าห้องครัวไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมชาติสำหรับเขา บาดะจ้องมองไปที่พี่ชายของตัวเองพร้อมหยิบมือถือออกมา เธอเปิดมันออกและเริ่มส่งข้อความหากลุ่มเพื่อน

[นี่ ถ้าอยู่ ๆ พี่ชายก็ทำตัวใจดีมันคงรู้สึกแปลก ๆ ใช่ปะ?]

คำตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

[100%]

[แล้วถ้าเขาทำตัวดีใส่ตลอดเวลาล่ะ?]

[ต้องไปทำผิดอะไรสักอย่างมาแน่ ๆ 1000%]

เพื่อน ๆ คิดเหมือนที่เธอกลัว แต่พี่ชายของเธอก็ไม่ได้ทำอะไร บางทียังเอาค่าขนมมาให้อีก

[แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดล่ะ?]

[พี่ชายพรรค์นั้นไม่มีอยู่จริงหรอก]

เป็นคำตอบที่หนักแน่น เพื่อนคนอื่น ๆ ของเธอเองก็ตอบกลับมาแบบนั้นเช่นกัน เพราะพี่ชายนั้นเป็นฝันร้ายของน้องสาว บาดะเห็นด้วยกับคำพูดนี้อย่างสุดหัวใจ อย่างน้อย ๆ ก็จนถึงช่วงเดือนก่อน

‘เกิดอะไรขึ้น?’

พี่ชายของเธอกำลังร้องเพลงและทำกับข้าวอยู่ในครัว ไปทำอาหารเป็นตั้งแต่ตอนไหน? เขาทำพวกซุปและเครื่องเคียงออกมาได้ ราวกับว่ามีประสบการณ์เป็นปี ๆ ช่วงนี้แม่เองก็เริ่มทำกับข้าวน้อยลง เพราะหวังว่าจะให้มารุช่วยทำบ้าง แต่ก็พอเข้าใจได้แหละ

เพราะอาหารที่พี่ทำมันอร่อยนี่นา

“เอาหมูผัดไหม?”

“อ-เอา”

เขาหยิบหมูออกมาจากตู้ได้ทันทีและนำมันไปเตรียมทำอาหาร แปลกจริง ๆ เขารู้ได้ยังไงว่าหมุมันเก็บไว้ตรงไหนในตู้เย็น? ราวกับว่า…

‘แม่’

เรื่องมันยิ่งแปลกขึ้นทุกที ทำไมไม่เรียกเธอว่า ‘อีอ้วน’ เหมือนเมื่อก่อน? ตอนนั้นเองที่อีกข้อความถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของเธอ เป็นคำตอบจากอีกคนในกลุ่มเพื่อนที่เธอถามคำถามไป พวกเธอไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แค่พอรู้จักกัน

[เหมือนพี่ชายฉันเลย เขาใจดีมาก]

“..ไม่จริงน่า”

พี่ชายไม่ได้เป็นศัตรูตลอดกาลของน้องสาวเหรอ บาดะหันไปมองมารุ ราวกับว่าเธอกำลังเจอเรื่องเหนือธรรมชาติ

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+