คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 256 ชัยชนะ

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 256 ชัยชนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สิ่งที่เกิดขึ้นภายในหุบเขาหงส์ร่วงนั้น ผู้ที่อยู่ด้านนอกไม่ทราบเลย

ในขณะนี้พวกเขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อต้านทานกองทัพอสูรที่กำลังบุกเข้ามา พวกเขาคงไม่มีเวลาจะไปสนใจเรื่องอื่น

“คุณชายจู สถานการณ์ในหุบเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ?”

ลั่วเยาเซียนรู้สึกไม่สบายใจนัก แม้ว่าเขาจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของลั่วอวิ๋นซาง แต่ก็ยังไว้ใจความลึกลับของฉินอวี้โม่ไม่ได้ สตรีผู้นี้สร้างความประหลาดใจให้เขาได้ตลอดเวลา

“ฮ่า ๆ ๆ ท่านหัวหน้าลั่วโปรดวางใจ เมื่อบิดาของข้าลงมือเอง มีหรือที่พวกมันจะรอดไปได้”

จูฉีกล่าวด้วยความมั่นใจ

เขาเชื่อมั่นในตัวบิดาของตนเองมาก แค่การจัดการกับฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินนั้นมิใช่ปัญหาเลย

“เจ้าพวกอสูรที่บ้าคลั่งพวกนี้มันอะไรกัน! พวกเราก็ฆ่าไปตั้งเยอะแล้ว ไม่เพียงพวกมันไม่ลดลงแต่กลับมากขึ้นเรื่อย ๆ !”

เมื่อกวาดสายตามองไปที่ซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนของอสูรมายา ลั่วเยาเซียนก็คำรามลั่นด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

อสูรฝูงนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก ภายใต้การโจมตีและเข่นฆ่าอย่างไม่หยุดหย่อนของพวกเขา พวกมันกลับไม่มีความคิดหรือทีท่าว่าจะถอยเลย ที่สำคัญยังดูเหมือนจะบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

ตอนนี้คนของลั่วเยาเซียนจำนวนมากบาดเจ็บหนัก และมีอีกบางส่วนเสียชีวิตไปแล้วด้วยทำให้กำลังของฝ่ายเขาตกต่ำลงมาก

“มันเป็นฝีมือของอสูรพฤกษาของฉินอวี้โม่”

จูฉีกัดฟันกล่าว ตัวเขาสนใจอสูรพลับพลึงแดงตนนี้มาก

ถ้าเขามีอสูรที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ การจะชิงอันดับหนึ่งของทำเนียบรุ่นเยาว์มาคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถึงตอนนั้นชื่อเสียงของขุมกำลังพญายมของเขาก็จะเพิ่มขึ้น

ตอนนี้ในใจของเขาอดคิดไม่ได้ว่า ในตอนที่จูอวิ๋นซานสังหารฉินอวี้โม่ได้แล้ว เขาจะสยบอสูรพลับพลึงแดงมาฝากบุตรชายผู้นี้หรือไม่

“ฮิ ๆ ๆ พวกเจ้ากำลังพูดถึงข้าอยู่อย่างนั้นหรือ ?”

ในตอนนั้นเองจู่ ๆ เสียงหัวเราะของฉินอวี้โม่ก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างบางของอดีตนักฆ่าสาวจะปรากฏด้านหน้าของลั่วเยาเซียนและจูฉี

ทันทีที่ได้ยินเสียงของนาง จูฉีและลั่วเยาเซียนก็แข็งค้าง ใบหน้าซีดเผือดในบัดดล

ไม่เพียงแต่ฉินอวี้โม่ แม้แต่ลั่วเสวี่ยเหินก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อม ๆ กันด้วย

และเมื่อเห็นสภาพที่ยังอยู่ดีและไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากของทั้งคู่ จูฉีและลั่วเยาเซียนก็เบิกตากว้าง

“พวกเจ้า…!”

จูฉีถึงกับกล่าวสิ่งใดไม่ออก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสองคนที่น่าจะตายไปแล้วจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้

การที่สองคนนี้สามารถมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้เช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าบิดาของเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

“ตกใจมากนักหรือที่พวกเรามาที่นี่ได้ ? ข้าว่าตอนนี้บิดาของเจ้าคงกระอักเลือดอยู่ที่บ้านแล้ว”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

ได้ยินเช่นนี้สีหน้าของจูฉีและลั่วเยาเซียนก็ซีดเผือดในทันที

เรื่องความแข็งแกร่งของจูอวิ๋นชางพวกเขารู้เป็นอย่างดี

แม้ว่าจะมีพลังเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับตัวจริง แต่พลังครึ่งเดียวของจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวสุริยะก็เพียงพอจะเอาชนะจอมยุทธ์จ้าวพิภพนับสิบคนได้ พลังระดับนั้นกลับพ่ายแพ้ให้ฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหิน เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม การที่ทั้งคู่มาปรากฏตัวตรงหน้าก็คือคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว ถึงจะไม่อยากเชื่ออย่างไรก็มีแต่ต้องยอมรับเท่านั้น

จูอวิ๋นชางคงจะแพ้ให้กับฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินไปแล้วจริง ๆ

จูฉีและลั่วเยาเซียนหันมามองหน้ากัน สีหน้าของพวกเขาทั้งคู่มืดมนเป็นอย่างมาก

ในเมื่อจูอวิ๋นชางพ่ายแพ้แล้ว ด้วยสภาพที่กองทัพของเขาบาดเจ็บอย่างหนักเช่นนี้ โอกาสที่จะเอาชนะฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินได้นั้นมีอยู่น้อยนิด เกรงว่าวันนี้พวกเขาจะถึงคราววิกฤตแล้ว

“ลั่วเยาเซียน ข้าเกลียดคนที่กล้าขู่ข้าและสหายของข้า และข้ายิ่งเกลียดผู้ที่กล้าล้ำเส้นตายของข้า ในเมื่อเจ้ากล้าแตะต้องชาวบ้านจันทรา ข้าก็ปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้อีกต่อไป”

ฉินอวี้โม่กล่าวาจาเย็นชาก่อนจะสั่งให้อสูรมายาปิดล้อมลั่วเยาเซียนไว้ทันที

นางคร้านจะลงมือด้วยตัวเองแล้ว นางเชื่อว่าอสูรของนางคงจะรับมือกับคนผู้นี้ได้ไม่ยาก

สีหน้าของลั่วเยาเซียนในตอนนี้แทบจะไร้สีเลือด

เขาไม่กล้าเรียกอสูรมายาของตัวเองออกมาเพราะถ้าทำเช่นนั้นก็จะถูกอสูรพลับพลึงแดงควบคุม ขณะที่หงส์แดง อาไป๋ และอสูรตนอื่น ๆ ก็ตั้งท่าเตรียมจะเผด็จศึกเขาแล้ว นี่ทำให้แข้งขาของลั่วเยาเซียนแทบจะไร้เรี่ยวแรง

อสูรของฉินอวี้โม่แต่ละตนมีสีหน้าที่น่ากลัว เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด จิตสังหารของพวกมันเข้มข้นจนเขาไม่กล้าสบตา

“คุณชายจูรีบมาช่วยข้าเร็ว !”

เมื่อเข้าตาจน สิ่งที่ลั่วเยาเซียนพอทำได้ก็มีเพียงหันไปขอความช่วยเหลือจากจูฉีเท่านั้น

“ฮ่า ๆ ๆ ช่วยตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า”

ลั่วเสวี่ยเหินกระโดดเข้าไปขวางทางจูฉีเอาไว้

เขายังไม่รู้ว่าฉินอวี้โม่คิดจะทำอย่างไรกับจูฉีผู้นี้ แต่คงไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

“เสวี่ยเหิน เจ้าเป็นคนของหุบเขาหงส์ร่วง เหตุใดถึงกล้าสมคบคนนอกมาแว้งกัดข้าเช่นนี้ ?”

เมื่อเห็นการกระทำของผู้ที่เคยอยู่ใต้อำนาจตัวเอง ลั่วเยาเซียนก็ตวาดด้วยความโกรธ

ถ้าลั่วเสวี่ยเหินเลือกอยู่ข้างเขาอย่างที่ควรจะเป็น มีหรือวันนี้ฉินอวี้โม่ก็จะเป็นฝ่ายชนะ ที่เหตุการณ์มันมาถึงขั้นนี้ได้ก็เป็นเพราะลั่วเสวี่ยเหินหน้ามืดตามัวไปเข้าข้างศัตรูจนทำให้สถานการณ์พลิกกลับ

“เยาเซียน ข้าไม่อยากให้หุบเขาหงส์ร่วงอยู่ในมือเจ้าอีกต่อไป เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก เจ้าทำสิ่งใดลงไปตัวเจ้ารู้ดีกว่าใคร เรื่องนี้เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้”

ลั่วเสวี่ยเหินโต้กลับไปด้วยสีหน้าที่หนักแน่น

หลายปีมานี้้ลั่วเยาเซียนใช้หุบเขาหงส์ร่วงกระทำการอันชั่วร้ายนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังใช้กำลังกดดันลั่วเสวี่ยเหินที่มักจะไม่เห็นด้วยกับตนเองให้ทำในสิ่งที่ฝืนใจเสมอมา

ยิ่งความแข็งแกร่งของหุบเขาหงส์ร่วงเพิ่มขึ้นเท่าใด ลั่วเยาเซียนก็ยิ่งได้ใจและกระทำในสิ่งที่ลั่วเสวี่ยเหินยากจะยอมรับได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ลั่วเสวี่ยเหินยังมีความรู้สึกผูกพันกับหุบเขาหงส์ร่วงและไม่อยากให้มันตกต่ำลงไปมากกว่านี้

“ทำเป็นพูดดี เจ้าแค่ต้องการครอบครองหุบเขาหงส์ร่วงเสียมากกว่า”

ลั่วเยาเซียนกล่าววาจาเย้ยหยัน

“เช่นนั้นแล้วมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ ? ตำแหน่งผู้นำควรตัดสินกันที่ความสามารถ ในเมื่อตัวเจ้าหมดคุณสมบัติ ผู้อื่นก็มีสิทธิ์จะขึ้นมาเป็นแทน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ”

ฉินอวี้โม่กล่าวขณะมองลั่วเยาเซียนด้วยสายตาเหยียดหยาม

แม้ว่าจะเพิ่งเคยพบกันไม่นาน แต่นางก็พอจะรู้ถึงพลังและความสามารถของลั่วเยาเซียน

นางมั่นใจว่าลั่วเสวี่ยเหินแข็งแกร่งกว่าทั้งในด้านของพลังและวุฒิภาวะ เขาคือคนที่มีภาวะผู้นำและมีคุณสมับติต่าง ๆ ที่คู่ควร ถ้าลั่วเสวี่ยเหินคือผู้นำของหุบเขาหงส์ร่วง เรื่องในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น

ยิ่งกว่านั้นด้วยพลังของลั่วเสวี่ยเหิน ถ้าเขาอยากจะได้ตำแหน่งผู้นำหุบเขาหงส์ร่วงจริง ฉินอวี้โม่มั่นใจมากว่าเขาสามารถชิงตำแหน่งนั้นมาได้ตลอดเวลา เพียงแต่เขาไม่คิดจะทำเท่านั้น

“แล้วแต่เจ้าจะคิดเถิด”

ลั่วเสวี่ยเหินไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของอีกฝ่าย เขากล่าวสั้น ๆ หนึ่งประโยคและเลิกสนใจลั่วเยาเซียน

“หงส์แดง อาไป๋ หลิวหยา ไม่ต้องลังเลแล้ว รีบสังหารคนผู้นั้น”

ฉินอวี้โม่ถ่ายทอดคำสั่งสังหารลั่วเยาเซียนแก่เหล่าอสูร

วันนี้อย่างไรลั่วเยาเซียนก็ต้องตายสถานเดียว ถ้าเขาไม่ตาย อีกไม่นานหมู่บ้านจันทราต้องพินาศแน่ หากเป็นเช่นนั้นฉินอวี้โม่ก็ไม่อาจจะไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างหมดห่วง

“รับทราบ นายหญิง”

หงส์แดงและอสูรตนอื่น ๆ รอคอยคำสั่งนี้ของเจ้านายอยู่นานแล้ว ทันทีที่ได้รับคำสั่ง พวกมันก็จู่โจมอย่างดุร้ายป่าเถื่อนยิ่งขึ้น

“ฉินอวี้โม่ ข้าขอสาบานว่าต่อไปข้าจะไม่ยุ่งกับคนในหมู่บ้านจันทราอีก ข้าจะปกป้องหมู่บ้านจันทราชั่วชีวิต ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะมอบตำแหน่งผู้นำหุบเขาให้กับเจ้า แต่ถ้าเจ้าสังหารข้า ต่อให้ต้องตายกลายเป็นผี ข้าก็จะไม่ให้อภัยเจ้า !”

ลั่วเยาเซียนที่สัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังเข้ามาเยือนรีบส่งเสียงร้องอ้อนวอนออกมา

ในเวลานี้เขาไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์หรือศักดิ์ศรีอีกแล้ว ขอเพียงเปลี่ยนใจฉินอวี้โม่ได้ให้ทำอะไรเขาก็ยอม

เขายังไม่อยากตาย อย่างน้อยขอให้มีชีวิตรอดได้ อย่างไรก็ดีกว่าตายเห็น ๆ

“ลั่วเยาเซียน ถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังกล้าขู่ข้าอีกรึ ?”

ทว่าฉินอวี้โม่กลับไม่ชอบใจคำพูดประโยคสุดท้ายของเขาเสียเลย

“ถ้าเจ้าไม่ส่งคนตามไปเล่นงานชาวบ้านเป็นครั้งที่สอง บางทีข้าอาจจะเชื่อเจ้าก็ได้ แต่ตอนนี้เจ้าไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว !”

ฉินอวี้โม่กล่าวาจาเย็นชาราวกับจะแช่แข็งหัวใจของลั่วเยาเซียน

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนาง ลั่วเยาเซียนก็หน้าซีดไร้สี ความตายกำลังอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เข้าตาจน เขาก็กัดฟันแน่นและเตรียมจะระเบิดตัวเอง

“ชิ ! อย่าฝันไปหน่อยเลย”

ฉินอวี้โม่เปล่งเสียงเย็นชาพลางขยิบตาให้หงส์แดง

หงส์แดงเข้าใจความหมายของเจ้านาย อสูรสาวปลดปล่อยเปลวเพลิงออกไปอย่างไม่ลังเล พริบตาร่างของลั่วเยาเซียนก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

ปัง!

เมื่อเห็นวาระสุดท้ายของลั่วเยาเซียน จูฉีที่กำลังดิ้นรนอยู่ก็แทบหมดแรงต่อต้านจนถูกฝ่ามือของลั่วเสวี่ยเหินซัดกระเด็นไป

“จูฉี ถ้าเจ้าอยากจะรอดกลับไป เจ้าต้องกล่าวคำสาบานมา!”

ฉินอวี้โม่จ้องมองจูฉีด้วยแววตาเย็นชา

นางไม่คิดจะฆ่าคนผู้นี้เพราะถ้าเกิดสังหารคนผู้นี้ไปก็จะทำให้จูอวิ๋นชางเดือดถึงขีดสุดและจะตามราวีนางไม่เลิก เรื่องนี้นางเคยได้รับบทเรียนตอนที่สังหารลิ่วเยว่ไปแล้ว หลังจากสังหารคนผู้นั้น อารามก็ตามรังควานนางจนทุกคนเดือดร้อนกันไปหมด

ทางที่ดีสู้ปล่อยคนผู้นี้กลับไปก่อน หลังจากนั้นแล้วค่อยหาทางสังหารเขาทีหลังก็ยังไม่สาย

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ ไฟแห่งความหวังที่จะรอดของจูฉีที่เหมือนจะดับไปแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เขารีบกรีดเลือดของตัวเองและกล่าวคำสาบานโดยไม่ลังเล  เขาสาบานว่าจะไม่ไปยุ่งกับชาวบ้านจันทราอีกแล้ว และจะไม่มาหาเรื่องฉินอวี้โม่อีกตลอดชั่วชีวิต

“ไสหัวไป !”

หลังจากได้ยินคำสาบานของจูฉี ฉินอวี้โม่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ  นางจ้องมองเขาด้วยสายเย็นชาและไล่ให้กลับไป

จูฉีไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย เขารีบหันหลังวิ่งหนีไปพร้อมกับคนของเขาอย่างไม่คิดจะหันกลับมามองเพราะกลัวว่าฉินอวี้โม่อาจจะเปลี่ยนใจ

“เสี่ยวม่าน ให้อสูรพวกนั้นกลับไปได้”

ฉินอวี้โม่พูดกับอสูรพลับพลึงแดงเพื่อให้นางควบคุมให้อสูรที่บ้าคลั่งพวกนั้นถอนกำลังกลับไป

เสี่ยวม่านพยักหน้า เสียงขลุ่ยของนางเงียบลงไป ชั่วอึดใจหลังจากนั้น อสูรที่บ้าคลั่งทั้งหลายก็ได้สติกลับมาและพากันถอนตัวกลับไป

เมื่อเห็นซากศพของอสูรตัวอื่น ๆ ที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ฉินอวี้โม่ก็ได้แต่ถอนหายใจ

อดีตมือสังหารสาวโค้งกายลงก่อนจะกล่าวว่า “ต้องขอโทษจริง ๆ”

แม้ว่าจะเป็นเพียงอสูร แต่ที่พวกมันต้องมาตายก็เป็นเพราะนาง ความรู้สึกผิดนี้นางจำต้องแบกรับเอาไว้

เมื่อเห็นการกระทำของฉินอวี้โม่ อสูรของนางต่างก็ก้มหน้าลง ในหัวใจเจ้านายของพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นอสูรมายาหรือมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เท่าเทียม

สำหรับพวกมันแล้ว ฉินอวี้โม่ถือเป็นสหายและเจ้านายที่ดีอย่างยากจะหาได้ในโลกนี้ นางไม่เคยบังคับให้พวกมันทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ

ลั่วเสวี่ยเหินอึ้งไปไม่น้อย เขามองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ

เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้เป็นสตรีที่อยากจะหยั่งถึงจริง ๆ นางมาจากที่แห่งใดกัน เหตุใดถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้?

คนของหุบเขาหงส์ร่วงมองดูฝูงอสูรที่ถอนกำลังกลับไปด้วยสีหน้าโล่งอก

“ในเมื่อผู้นำของพวกเจ้าตายก็ถือว่าหุบเขาหงส์ร่วงได้ชดใช้ในสิ่งที่กระทำไปแล้ว ขอเพียงหลังจากนี้ พวกเจ้าจะไม่ทำในสิ่งที่ผิดพลาดเฉกเช่นวันนี้ ข้าก็จะไม่ฆ่าพวกเจ้า”

ฉินอวี้โม่กล่าวต่อหน้าของทุกคนในหุบเขาหงส์ร่วงที่กำลังยืนหน้าซีดด้วยความกังวลว่าตัวเองอาจจะถูกสังหาร

หลังจากได้ยินคำพูดนาง พวกเขาก็รู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอกก็มิปาน

ความโหดเหี้ยมของฉินอวี้โม่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว ถ้าฉินอวี้โม่ไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไป วันนี้ทุกคนในหุบเขาก็คงจะชะตาขาดอย่างแน่นอน

“จอมยุทธ์ลั่ว เรื่องของหุบเขาหงส์ร่วงท่านคงรู้ดีกว่าใคร ที่เหลือข้าฝากท่านด้วย ข้าต้องขอตัวไปดูชาวบ้านจันทราก่อน”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

กล่าวจบนางก็หายไปจากสายตาของลั่วเสวี่ยเหินอย่างรวดเร็ว

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 256 ชัยชนะ

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 256 ชัยชนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สิ่งที่เกิดขึ้นภายในหุบเขาหงส์ร่วงนั้น ผู้ที่อยู่ด้านนอกไม่ทราบเลย

ในขณะนี้พวกเขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อต้านทานกองทัพอสูรที่กำลังบุกเข้ามา พวกเขาคงไม่มีเวลาจะไปสนใจเรื่องอื่น

“คุณชายจู สถานการณ์ในหุบเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ?”

ลั่วเยาเซียนรู้สึกไม่สบายใจนัก แม้ว่าเขาจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของลั่วอวิ๋นซาง แต่ก็ยังไว้ใจความลึกลับของฉินอวี้โม่ไม่ได้ สตรีผู้นี้สร้างความประหลาดใจให้เขาได้ตลอดเวลา

“ฮ่า ๆ ๆ ท่านหัวหน้าลั่วโปรดวางใจ เมื่อบิดาของข้าลงมือเอง มีหรือที่พวกมันจะรอดไปได้”

จูฉีกล่าวด้วยความมั่นใจ

เขาเชื่อมั่นในตัวบิดาของตนเองมาก แค่การจัดการกับฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินนั้นมิใช่ปัญหาเลย

“เจ้าพวกอสูรที่บ้าคลั่งพวกนี้มันอะไรกัน! พวกเราก็ฆ่าไปตั้งเยอะแล้ว ไม่เพียงพวกมันไม่ลดลงแต่กลับมากขึ้นเรื่อย ๆ !”

เมื่อกวาดสายตามองไปที่ซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนของอสูรมายา ลั่วเยาเซียนก็คำรามลั่นด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

อสูรฝูงนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก ภายใต้การโจมตีและเข่นฆ่าอย่างไม่หยุดหย่อนของพวกเขา พวกมันกลับไม่มีความคิดหรือทีท่าว่าจะถอยเลย ที่สำคัญยังดูเหมือนจะบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

ตอนนี้คนของลั่วเยาเซียนจำนวนมากบาดเจ็บหนัก และมีอีกบางส่วนเสียชีวิตไปแล้วด้วยทำให้กำลังของฝ่ายเขาตกต่ำลงมาก

“มันเป็นฝีมือของอสูรพฤกษาของฉินอวี้โม่”

จูฉีกัดฟันกล่าว ตัวเขาสนใจอสูรพลับพลึงแดงตนนี้มาก

ถ้าเขามีอสูรที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ การจะชิงอันดับหนึ่งของทำเนียบรุ่นเยาว์มาคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถึงตอนนั้นชื่อเสียงของขุมกำลังพญายมของเขาก็จะเพิ่มขึ้น

ตอนนี้ในใจของเขาอดคิดไม่ได้ว่า ในตอนที่จูอวิ๋นซานสังหารฉินอวี้โม่ได้แล้ว เขาจะสยบอสูรพลับพลึงแดงมาฝากบุตรชายผู้นี้หรือไม่

“ฮิ ๆ ๆ พวกเจ้ากำลังพูดถึงข้าอยู่อย่างนั้นหรือ ?”

ในตอนนั้นเองจู่ ๆ เสียงหัวเราะของฉินอวี้โม่ก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างบางของอดีตนักฆ่าสาวจะปรากฏด้านหน้าของลั่วเยาเซียนและจูฉี

ทันทีที่ได้ยินเสียงของนาง จูฉีและลั่วเยาเซียนก็แข็งค้าง ใบหน้าซีดเผือดในบัดดล

ไม่เพียงแต่ฉินอวี้โม่ แม้แต่ลั่วเสวี่ยเหินก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อม ๆ กันด้วย

และเมื่อเห็นสภาพที่ยังอยู่ดีและไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากของทั้งคู่ จูฉีและลั่วเยาเซียนก็เบิกตากว้าง

“พวกเจ้า…!”

จูฉีถึงกับกล่าวสิ่งใดไม่ออก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสองคนที่น่าจะตายไปแล้วจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้

การที่สองคนนี้สามารถมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้เช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าบิดาของเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

“ตกใจมากนักหรือที่พวกเรามาที่นี่ได้ ? ข้าว่าตอนนี้บิดาของเจ้าคงกระอักเลือดอยู่ที่บ้านแล้ว”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

ได้ยินเช่นนี้สีหน้าของจูฉีและลั่วเยาเซียนก็ซีดเผือดในทันที

เรื่องความแข็งแกร่งของจูอวิ๋นชางพวกเขารู้เป็นอย่างดี

แม้ว่าจะมีพลังเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับตัวจริง แต่พลังครึ่งเดียวของจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวสุริยะก็เพียงพอจะเอาชนะจอมยุทธ์จ้าวพิภพนับสิบคนได้ พลังระดับนั้นกลับพ่ายแพ้ให้ฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหิน เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม การที่ทั้งคู่มาปรากฏตัวตรงหน้าก็คือคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว ถึงจะไม่อยากเชื่ออย่างไรก็มีแต่ต้องยอมรับเท่านั้น

จูอวิ๋นชางคงจะแพ้ให้กับฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินไปแล้วจริง ๆ

จูฉีและลั่วเยาเซียนหันมามองหน้ากัน สีหน้าของพวกเขาทั้งคู่มืดมนเป็นอย่างมาก

ในเมื่อจูอวิ๋นชางพ่ายแพ้แล้ว ด้วยสภาพที่กองทัพของเขาบาดเจ็บอย่างหนักเช่นนี้ โอกาสที่จะเอาชนะฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินได้นั้นมีอยู่น้อยนิด เกรงว่าวันนี้พวกเขาจะถึงคราววิกฤตแล้ว

“ลั่วเยาเซียน ข้าเกลียดคนที่กล้าขู่ข้าและสหายของข้า และข้ายิ่งเกลียดผู้ที่กล้าล้ำเส้นตายของข้า ในเมื่อเจ้ากล้าแตะต้องชาวบ้านจันทรา ข้าก็ปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้อีกต่อไป”

ฉินอวี้โม่กล่าวาจาเย็นชาก่อนจะสั่งให้อสูรมายาปิดล้อมลั่วเยาเซียนไว้ทันที

นางคร้านจะลงมือด้วยตัวเองแล้ว นางเชื่อว่าอสูรของนางคงจะรับมือกับคนผู้นี้ได้ไม่ยาก

สีหน้าของลั่วเยาเซียนในตอนนี้แทบจะไร้สีเลือด

เขาไม่กล้าเรียกอสูรมายาของตัวเองออกมาเพราะถ้าทำเช่นนั้นก็จะถูกอสูรพลับพลึงแดงควบคุม ขณะที่หงส์แดง อาไป๋ และอสูรตนอื่น ๆ ก็ตั้งท่าเตรียมจะเผด็จศึกเขาแล้ว นี่ทำให้แข้งขาของลั่วเยาเซียนแทบจะไร้เรี่ยวแรง

อสูรของฉินอวี้โม่แต่ละตนมีสีหน้าที่น่ากลัว เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด จิตสังหารของพวกมันเข้มข้นจนเขาไม่กล้าสบตา

“คุณชายจูรีบมาช่วยข้าเร็ว !”

เมื่อเข้าตาจน สิ่งที่ลั่วเยาเซียนพอทำได้ก็มีเพียงหันไปขอความช่วยเหลือจากจูฉีเท่านั้น

“ฮ่า ๆ ๆ ช่วยตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า”

ลั่วเสวี่ยเหินกระโดดเข้าไปขวางทางจูฉีเอาไว้

เขายังไม่รู้ว่าฉินอวี้โม่คิดจะทำอย่างไรกับจูฉีผู้นี้ แต่คงไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

“เสวี่ยเหิน เจ้าเป็นคนของหุบเขาหงส์ร่วง เหตุใดถึงกล้าสมคบคนนอกมาแว้งกัดข้าเช่นนี้ ?”

เมื่อเห็นการกระทำของผู้ที่เคยอยู่ใต้อำนาจตัวเอง ลั่วเยาเซียนก็ตวาดด้วยความโกรธ

ถ้าลั่วเสวี่ยเหินเลือกอยู่ข้างเขาอย่างที่ควรจะเป็น มีหรือวันนี้ฉินอวี้โม่ก็จะเป็นฝ่ายชนะ ที่เหตุการณ์มันมาถึงขั้นนี้ได้ก็เป็นเพราะลั่วเสวี่ยเหินหน้ามืดตามัวไปเข้าข้างศัตรูจนทำให้สถานการณ์พลิกกลับ

“เยาเซียน ข้าไม่อยากให้หุบเขาหงส์ร่วงอยู่ในมือเจ้าอีกต่อไป เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก เจ้าทำสิ่งใดลงไปตัวเจ้ารู้ดีกว่าใคร เรื่องนี้เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้”

ลั่วเสวี่ยเหินโต้กลับไปด้วยสีหน้าที่หนักแน่น

หลายปีมานี้้ลั่วเยาเซียนใช้หุบเขาหงส์ร่วงกระทำการอันชั่วร้ายนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังใช้กำลังกดดันลั่วเสวี่ยเหินที่มักจะไม่เห็นด้วยกับตนเองให้ทำในสิ่งที่ฝืนใจเสมอมา

ยิ่งความแข็งแกร่งของหุบเขาหงส์ร่วงเพิ่มขึ้นเท่าใด ลั่วเยาเซียนก็ยิ่งได้ใจและกระทำในสิ่งที่ลั่วเสวี่ยเหินยากจะยอมรับได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ลั่วเสวี่ยเหินยังมีความรู้สึกผูกพันกับหุบเขาหงส์ร่วงและไม่อยากให้มันตกต่ำลงไปมากกว่านี้

“ทำเป็นพูดดี เจ้าแค่ต้องการครอบครองหุบเขาหงส์ร่วงเสียมากกว่า”

ลั่วเยาเซียนกล่าววาจาเย้ยหยัน

“เช่นนั้นแล้วมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ ? ตำแหน่งผู้นำควรตัดสินกันที่ความสามารถ ในเมื่อตัวเจ้าหมดคุณสมบัติ ผู้อื่นก็มีสิทธิ์จะขึ้นมาเป็นแทน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ”

ฉินอวี้โม่กล่าวขณะมองลั่วเยาเซียนด้วยสายตาเหยียดหยาม

แม้ว่าจะเพิ่งเคยพบกันไม่นาน แต่นางก็พอจะรู้ถึงพลังและความสามารถของลั่วเยาเซียน

นางมั่นใจว่าลั่วเสวี่ยเหินแข็งแกร่งกว่าทั้งในด้านของพลังและวุฒิภาวะ เขาคือคนที่มีภาวะผู้นำและมีคุณสมับติต่าง ๆ ที่คู่ควร ถ้าลั่วเสวี่ยเหินคือผู้นำของหุบเขาหงส์ร่วง เรื่องในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น

ยิ่งกว่านั้นด้วยพลังของลั่วเสวี่ยเหิน ถ้าเขาอยากจะได้ตำแหน่งผู้นำหุบเขาหงส์ร่วงจริง ฉินอวี้โม่มั่นใจมากว่าเขาสามารถชิงตำแหน่งนั้นมาได้ตลอดเวลา เพียงแต่เขาไม่คิดจะทำเท่านั้น

“แล้วแต่เจ้าจะคิดเถิด”

ลั่วเสวี่ยเหินไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของอีกฝ่าย เขากล่าวสั้น ๆ หนึ่งประโยคและเลิกสนใจลั่วเยาเซียน

“หงส์แดง อาไป๋ หลิวหยา ไม่ต้องลังเลแล้ว รีบสังหารคนผู้นั้น”

ฉินอวี้โม่ถ่ายทอดคำสั่งสังหารลั่วเยาเซียนแก่เหล่าอสูร

วันนี้อย่างไรลั่วเยาเซียนก็ต้องตายสถานเดียว ถ้าเขาไม่ตาย อีกไม่นานหมู่บ้านจันทราต้องพินาศแน่ หากเป็นเช่นนั้นฉินอวี้โม่ก็ไม่อาจจะไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างหมดห่วง

“รับทราบ นายหญิง”

หงส์แดงและอสูรตนอื่น ๆ รอคอยคำสั่งนี้ของเจ้านายอยู่นานแล้ว ทันทีที่ได้รับคำสั่ง พวกมันก็จู่โจมอย่างดุร้ายป่าเถื่อนยิ่งขึ้น

“ฉินอวี้โม่ ข้าขอสาบานว่าต่อไปข้าจะไม่ยุ่งกับคนในหมู่บ้านจันทราอีก ข้าจะปกป้องหมู่บ้านจันทราชั่วชีวิต ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะมอบตำแหน่งผู้นำหุบเขาให้กับเจ้า แต่ถ้าเจ้าสังหารข้า ต่อให้ต้องตายกลายเป็นผี ข้าก็จะไม่ให้อภัยเจ้า !”

ลั่วเยาเซียนที่สัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังเข้ามาเยือนรีบส่งเสียงร้องอ้อนวอนออกมา

ในเวลานี้เขาไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์หรือศักดิ์ศรีอีกแล้ว ขอเพียงเปลี่ยนใจฉินอวี้โม่ได้ให้ทำอะไรเขาก็ยอม

เขายังไม่อยากตาย อย่างน้อยขอให้มีชีวิตรอดได้ อย่างไรก็ดีกว่าตายเห็น ๆ

“ลั่วเยาเซียน ถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังกล้าขู่ข้าอีกรึ ?”

ทว่าฉินอวี้โม่กลับไม่ชอบใจคำพูดประโยคสุดท้ายของเขาเสียเลย

“ถ้าเจ้าไม่ส่งคนตามไปเล่นงานชาวบ้านเป็นครั้งที่สอง บางทีข้าอาจจะเชื่อเจ้าก็ได้ แต่ตอนนี้เจ้าไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว !”

ฉินอวี้โม่กล่าวาจาเย็นชาราวกับจะแช่แข็งหัวใจของลั่วเยาเซียน

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนาง ลั่วเยาเซียนก็หน้าซีดไร้สี ความตายกำลังอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เข้าตาจน เขาก็กัดฟันแน่นและเตรียมจะระเบิดตัวเอง

“ชิ ! อย่าฝันไปหน่อยเลย”

ฉินอวี้โม่เปล่งเสียงเย็นชาพลางขยิบตาให้หงส์แดง

หงส์แดงเข้าใจความหมายของเจ้านาย อสูรสาวปลดปล่อยเปลวเพลิงออกไปอย่างไม่ลังเล พริบตาร่างของลั่วเยาเซียนก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

ปัง!

เมื่อเห็นวาระสุดท้ายของลั่วเยาเซียน จูฉีที่กำลังดิ้นรนอยู่ก็แทบหมดแรงต่อต้านจนถูกฝ่ามือของลั่วเสวี่ยเหินซัดกระเด็นไป

“จูฉี ถ้าเจ้าอยากจะรอดกลับไป เจ้าต้องกล่าวคำสาบานมา!”

ฉินอวี้โม่จ้องมองจูฉีด้วยแววตาเย็นชา

นางไม่คิดจะฆ่าคนผู้นี้เพราะถ้าเกิดสังหารคนผู้นี้ไปก็จะทำให้จูอวิ๋นชางเดือดถึงขีดสุดและจะตามราวีนางไม่เลิก เรื่องนี้นางเคยได้รับบทเรียนตอนที่สังหารลิ่วเยว่ไปแล้ว หลังจากสังหารคนผู้นั้น อารามก็ตามรังควานนางจนทุกคนเดือดร้อนกันไปหมด

ทางที่ดีสู้ปล่อยคนผู้นี้กลับไปก่อน หลังจากนั้นแล้วค่อยหาทางสังหารเขาทีหลังก็ยังไม่สาย

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ ไฟแห่งความหวังที่จะรอดของจูฉีที่เหมือนจะดับไปแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เขารีบกรีดเลือดของตัวเองและกล่าวคำสาบานโดยไม่ลังเล  เขาสาบานว่าจะไม่ไปยุ่งกับชาวบ้านจันทราอีกแล้ว และจะไม่มาหาเรื่องฉินอวี้โม่อีกตลอดชั่วชีวิต

“ไสหัวไป !”

หลังจากได้ยินคำสาบานของจูฉี ฉินอวี้โม่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ  นางจ้องมองเขาด้วยสายเย็นชาและไล่ให้กลับไป

จูฉีไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย เขารีบหันหลังวิ่งหนีไปพร้อมกับคนของเขาอย่างไม่คิดจะหันกลับมามองเพราะกลัวว่าฉินอวี้โม่อาจจะเปลี่ยนใจ

“เสี่ยวม่าน ให้อสูรพวกนั้นกลับไปได้”

ฉินอวี้โม่พูดกับอสูรพลับพลึงแดงเพื่อให้นางควบคุมให้อสูรที่บ้าคลั่งพวกนั้นถอนกำลังกลับไป

เสี่ยวม่านพยักหน้า เสียงขลุ่ยของนางเงียบลงไป ชั่วอึดใจหลังจากนั้น อสูรที่บ้าคลั่งทั้งหลายก็ได้สติกลับมาและพากันถอนตัวกลับไป

เมื่อเห็นซากศพของอสูรตัวอื่น ๆ ที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ฉินอวี้โม่ก็ได้แต่ถอนหายใจ

อดีตมือสังหารสาวโค้งกายลงก่อนจะกล่าวว่า “ต้องขอโทษจริง ๆ”

แม้ว่าจะเป็นเพียงอสูร แต่ที่พวกมันต้องมาตายก็เป็นเพราะนาง ความรู้สึกผิดนี้นางจำต้องแบกรับเอาไว้

เมื่อเห็นการกระทำของฉินอวี้โม่ อสูรของนางต่างก็ก้มหน้าลง ในหัวใจเจ้านายของพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นอสูรมายาหรือมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เท่าเทียม

สำหรับพวกมันแล้ว ฉินอวี้โม่ถือเป็นสหายและเจ้านายที่ดีอย่างยากจะหาได้ในโลกนี้ นางไม่เคยบังคับให้พวกมันทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ

ลั่วเสวี่ยเหินอึ้งไปไม่น้อย เขามองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ

เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้เป็นสตรีที่อยากจะหยั่งถึงจริง ๆ นางมาจากที่แห่งใดกัน เหตุใดถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้?

คนของหุบเขาหงส์ร่วงมองดูฝูงอสูรที่ถอนกำลังกลับไปด้วยสีหน้าโล่งอก

“ในเมื่อผู้นำของพวกเจ้าตายก็ถือว่าหุบเขาหงส์ร่วงได้ชดใช้ในสิ่งที่กระทำไปแล้ว ขอเพียงหลังจากนี้ พวกเจ้าจะไม่ทำในสิ่งที่ผิดพลาดเฉกเช่นวันนี้ ข้าก็จะไม่ฆ่าพวกเจ้า”

ฉินอวี้โม่กล่าวต่อหน้าของทุกคนในหุบเขาหงส์ร่วงที่กำลังยืนหน้าซีดด้วยความกังวลว่าตัวเองอาจจะถูกสังหาร

หลังจากได้ยินคำพูดนาง พวกเขาก็รู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอกก็มิปาน

ความโหดเหี้ยมของฉินอวี้โม่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว ถ้าฉินอวี้โม่ไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไป วันนี้ทุกคนในหุบเขาก็คงจะชะตาขาดอย่างแน่นอน

“จอมยุทธ์ลั่ว เรื่องของหุบเขาหงส์ร่วงท่านคงรู้ดีกว่าใคร ที่เหลือข้าฝากท่านด้วย ข้าต้องขอตัวไปดูชาวบ้านจันทราก่อน”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

กล่าวจบนางก็หายไปจากสายตาของลั่วเสวี่ยเหินอย่างรวดเร็ว

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 256 ชัยชนะ

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 256 ชัยชนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟุ่บ !

ร่างของฉินอวี้โม่ปรากฏตัวขึ้นในจุดที่ไกลออกมา นางไม่คิดจะสู้กับจูอวิ๋นชางอีกต่อไป

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่หนีไปเสียเช่นนั้น จูอวิ๋นชางก็โกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยวและอยากจะไล่ตามไป

แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เขาก็ได้ยินเสียงที่นุ่มนวลเสียงหนึ่ง

“มังกรจตุรทิศ !”

เมื่อเสียงที่เหมือนจะอ่อนแรงนั้นเงียบลงไป แรงกดดันอันน่าหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้นมาทันที ตามมาด้วยเสียงคำรามทุ้มต่ำ ในพริบตาเงาร่างของมังกรขนาดใหญ่ทั้งสี่ก็เข้าปิดล้อมจูอวิ๋นชาง

“อะไรกัน !”

เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล จูอวิ๋นชางก็แสดงสีหน้าปั้นยาก ที่ผ่านมาเขาไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนวางข่ายอาคมที่ทรงอานุภาพขนาดนี้ได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว

“นี่คือข่ายอาคมมังกรจตุรทิศที่สนุกไม่น้อยเลยนะ โทษฐานที่เจ้ารังแกนายหญิงของข้า ข้าจะให้เจ้าได้เล่นสนุกในข่ายอาคมของข้าให้เต็มที่ !”

ใบหน้าของมารยาในตอนนี้ซีดเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าข่ายอาคมมังกรจตุรทิศจะสิ้นเปลืองพลังอย่างมหาศาล

ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศเป็นข่ายอาคมประเภทจู่โจมที่ทรงพลังมาก ตัวมารยาเองก็เพิ่งจะทำความเข้าใจกับมันได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ด้วยเพราะมันเป็นข่ายอาคมประเภทจู่โจมที่รุนแรงซึ่งจัดเตรียมได้ยากมาก และนอกจากจะต้องใช้พลังมหาศาลแล้ว ยังต้องการเวลาอีกไม่น้อย

ในตอนที่ฉินอวี้โม่กับลั่วเสวี่ยเหินช่วยกันรับมือกับจูอวิ๋นชาง อสูรสาวก็ใช้โอกาสนั้นจัดเตรียมข่ายอาคมที่ทรงอานุภาพนี้ขึ้น

และในที่สุดตอนนี้ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว มารยามั่นใจมากว่าข่ายอาคมนี้จะเผด็จการจูอวิ๋นชางได้อย่างแน่นอน

จูอวิ๋นชางมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ข่ายอาคม’

ผู้ใช้ข่ายอาคมถือเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ที่น่ากลัวมากตั้งแต่สมัยโบราณ แม้ผู้ใช้ข่ายอาคมส่วนใหญ่จะไม่ได้มีร่างกายหรือวิชาการต่อสู้ที่แข็งแกร่งนักแต่ข่ายอาคมของพวกเขาก็สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย

ข่ายอาคมเป็นศาสตร์ที่ลึกลับ หากมีเวลาจัดเตรียมอย่างเพียงพอ ข่ายอาคมที่ทรงอานุภาพสามารถสังหารยอดฝีมือระดับใดก็ได้ หรือต่อให้ไม่ตาย พลังในการต่อสู้ก็จะลดน้อยลงไปมาก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายร้อยปีมานี้ผู้ใช้ข่ายอาคมเริ่มค่อย ๆ สูญหายจนแทบไม่มีเหลือ แม้แต่ในดินแดนที่รุ่งเรืองอย่างดินแดนเทพมายาก็ยังแทบจะหาตัวผู้ใช้ข่ายอาคมไม่ได้ เช่นนั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงดินแดนอ้างว้างแห่งนี้

แม้ว่าจะมีบางคนที่ฝึกฝนการใช้ข่ายอาคมอยู่บ้าง แต่ความรู้ที่คนในยุคนี้หลงเหลือก็มีเพียงผิวเผินเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถเรียนแก่นแท้ของศาสตร์ด้านนี้ได้

ดังนั้นจึงมีน้อยคนมากที่จะเข้าใจศาสตร์แห่งข่ายอาคม ความลึกลับของมันแม้แต่ตัวจูอวิ๋นซางผู้นำแห่งขุมกำลังใหญ่ก็ยังยากจะหยั่งถึง

“ที่แท้ก็เป็นข่ายอาคมนี่เอง”

ลั่วเสวี่ยเหินอุทานด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าฉินอวี้โม่จะบอกเขาแล้วว่าให้ช่วยกันถ่วงเวลาเอาไว้ แต่ก็ไม่รู้เลยว่านางได้จัดเตรียมข่ายอาคมเอาไว้แล้ว เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าวันนี้จะมีโอกาสได้มาเห็นพลังของข่ายอาคมด้วยตาของตัวเอง

เขาหันไปมองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่เบิกกว้าง ลั่วเสวี่ยเหินเริ่มรู้สึกชื่นชมสตรีผู้นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

เขาเกิดความคิดว่าอยากจะศึกษาวิชาข่ายอาคมจากฉินอวี้โม่ และไม่อยากจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางอีกต่อไป

“นายหญิง ข้าต้องขอตัวไปพักฟื้นก่อน ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศเป็นข่ายอาคมระดับสูง แม้ว่าข้าจะทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อปลดปล่อยมันออกมาได้ แต่ก็ได้รับผลแทรกซ้อนจากการฝืนใช้กำลังเกินขีดจำกัด ข้าคงช่วยท่านไม่ได้อีกพักใหญ่”

มารยากล่าวกับฉินอวี้โม่ที่ยืนอยู่ข่าง ๆ ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว อีกทั้งน้ำเสียงยังอ่อนล้า

ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศถือเป็นข่ายอาคมระดับสูงและเป็นข่ายอาคมลึกลับที่หายากมาก  ต้องขอบคุณตำราโบราณที่ฉินอวี้โม่ได้รับมาจากภายในถ้ำของเทพมายาที่ทำให้อสูรสาวเจ้าอาคมมีโอกาสได้เรียนรู้ข่ายอาคมที่หายากเช่นนี้

เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มารยาใช้ข่ายอาคมระดับนี้ทำให้ต้องสิ้นเปลืองพลังมากเป็นพิเศษ

ในตอนนี้พลังจิตวิญญาณของอสูรสาวอ่อนแอมากจึงต้องรีบพักฟื้นโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม การใช้ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศสำเร็จเป็นครั้งแรกก็ถือเป็นประโยชน์กับมารยาอย่างมหาศาล หลังจากเคยใช้มันได้ครั้งหนึ่งแล้วจะทำให้นางจับทางได้ การใช้มันในครั้งต่อไปพลังที่ต้องใช้ก็จะลดน้อยลงไป ยิ่งในอนาคตหากพลังของอสูรสาวเพิ่มขึ้นก็จะยิ่งใช้ข่ายอาคมนี้ได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากข่ายอาคมธรรมดา ๆ

เมื่อได้ยินที่มารยาพูด ฉินอวี้โม่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างไร้หนทาง

ดูเหมือนว่าอสูรมายาของนางล้วนรู้จักนางดี พวกมันทุกตนล้วนตัดสินใจทำอะไรเกินตัวโดยไม่บอกนางกันทั้งสิ้น พวกมันรู้ดีว่าหากบอกให้ฉินอวี้โม่รู้ถึงผลกระทบที่จะตามมาเจ้านายของมันคงจะไม่อนุญาตให้ทำแน่

มารยายิ้มให้นายหญิงของมันพลันเปลี่ยนสภาพกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดเท่าฝ่ามือแล้วลอยไปตรงหน้าฉินอวี้โม่

“นายหญิงเก็บข้าไว้ในสภาพนี้ เช่นนี้จะทำให้ข้าดูดซับพลังมายาจากสิ่งแวดล้อมได้รวดเร็วมากกว่าอยู่ในมิติเชื่อมอสูร ยิ่งกว่านั้นข้าจะสามารถปกป้องนายหญิงจากภัยร้ายที่จะย่างกรายเข้ามาได้”

มารยาทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ให้ฉินอวี้โม่ ก่อนที่สติสัมปชัญญะของมันจะหายเข้าไปในก้อนน้ำแข็ง

ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ว่าตอนนี้มารยากำลังเข้าสู่สภาวะหลับใหล

คุณหนูตระกูลฉินหยิบก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่เบื้องหน้ามาโดยไม่ลังเล ก่อนจะนำถุงผ้าขนาดเล็กออกมาห่อมันไว้แล้วผูกไว้ที่เอว

“อสูรมายาของเจ้าล้วนเป็นอสูรที่ไม่ธรรมดาเลย”

เมื่อเห็นการเปลี่ยนสภาพกลายเป็นน้ำแข็งของมารยา ลั่วเสวี่ยเหินก็อึ้งไม่น้อย อสูรที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากสิ่งไม่มีชีวิตอย่างน้ำแข็งถือเป็นอสูรที่หาได้ยากยิ่งกว่ายาก แม้แต่เขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็นอสูรเช่นนี้เป็นครั้งแรก

เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วเสวี่ยเหิน ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มน้อย ๆ ออกมาแต่ก็ไม่คิดจะอธิบายอะไร

ปัง !

เกิดเสียงดังขึ้นจนฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินต้องหันไปมองทางข่ายอาคมมังกรจตุรทิศที่กักขังจูอวิ๋นชางอยู่

จูอวิ๋นชางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ในตอนนี้เงาของมังกรทั้งสี่ที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดรุกเข้าจู่โจมเขาจากรอบด้าน

จูอวิ๋นชางพยายามหาโอกาสหนีมาโดยตลอด แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จเลยสักครั้ง

มังกรทั้งสี่พยายามช่วยกันปิดกั้นทางหนีทั้งหมดของเขา จนจูอวิ๋นชางหมดโอกาสไปโดยปริยาย

“บัดซบ !”

จูอวิ๋นชางสบถอย่างเดือดดาล ใบหน้าดูอึดอัดเป็นอย่างมาก

การโจมตีของเขาไร้ผลกับมังกรทั้งสี่โดยสิ้นเชิง ทว่าการโจมตีของมังกรกลับส่งผลกับเขาอยู่ฝ่ายเดียว นี่คือการต่อสู้ที่เขาไม่เห็นหนทางชนะ

“ฉินอวี้โม่ อย่าให้ตัวเจ้าตกมาอยู่ในมือของพวกเราขุมกำลังพญายมก็แล้วกัน เพราะถึงตอนนั้นข้าจะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ก็ไม่สู้ตาย !”

จูอวิ๋นชางรู้ถึงผลลัพธ์ในการต่อสู้แล้วจึงได้กล่าวเช่นนั้นออกมา

นี่เป็นเพียงร่างจิตของเขา แม้ว่ามันจะถูกทำลายไปแต่ก็ส่งผลกับร่างหลักของเขาไม่มากนัก ขอเพียงพักฟื้นสองถึงสามวัน สภาวะพลังของเขาก็จะกลับมาเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม เรื่องในวันนี้เขาจะขอจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ

หลังจากนี้ไปเขาจะออกตามล่าฉินอวี้โม่อย่างสุดกำลัง หากว่านางตกอยู่ในมือของเขาเมื่อใด เขาจะทำให้นางรู้ซึ้งถึงพลังของพญายม

“เลิกพูดจาเหลวไหลจะดีกว่า วันนี้พวกเราทำลายร่างจิตของเจ้าได้ ต่อไปถ้าเจอร่างหลักของเจ้า ข้าก็จะทำลายมันไม่ต่างกัน ฉะนั้นเจ้าต่างหากที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้”

ฉินอวี้โม่กล่าวโต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะกล่าวต่อ “ยิ่งกว่านั้นเจ้าอย่าเพิ่งมาสนใจข้าจะดีกว่า หากขุมกำลังอื่น ๆ รู้เรื่องในวันนี้ พวกเขาอาจจะถือโอกาสนี้บุกกวาดล้างพวกเจ้าที่กำลังอ่อนแอก็ได้ ถ้าเจ้าไม่ระวังให้ดี ขุมกำลังพญายมของเจ้าก็อาจจะถูกกวาดล้างไปจากแผ่นดินนี้เสียก่อน”

เมื่อได้ยินที่สตรีน้อยตรงหน้ากล่าว จูอวิ๋นชางก็กำหมัดแน่น ทั้งยังตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาเดือดจนพูดไม่ออก

นึกไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นอีกครั้งที่เขาต้องเสียหน้าครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็ถูกกลุ่มเสื้อคลุมทมิฬทำให้เจ็บแสบมาหนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังมาเจอฉินอวี้โม่อีกครา หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

สำหรับหัวหน้าของกลุ่มเสื้อคลุมทมิฬรวมถึงฉินอวี้โม่ผู้นี้ถือเป็นคนที่เขาเกลียดเข้ากระดูกดำ

ตัวเขาต้องยอมรับว่าไม่อาจจะเอาชนะหัวหน้าของกลุ่มเสื้อคลุมทมิฬได้ แต่ถ้าเป็นฉินอวี้โม่ เขาสามารถเอาชนะนางได้ไม่ยาก ฉะนั้นเขาจึงมุ่งเป้ามาที่การตามล่าฉินอวี้โม่เพียงผู้เดียว

เขาจะตั้งตารอวันนั้น วันที่เขาจะได้แก้แค้นนางให้สาแก่ใจ

โร่ว !

มังกรทั้งสี่ส่งเสียงคำรามออกมาก่อนจะระเบิดตัวเองทันที

ตูม !

แรงระเบิดของมังกรทั้งสี่ทำให้ระลอกคลื่นพลังกระจายไปทั่วทั้งแปดทิศ อานุภาพการทำลายล้างรุนแรงจนพื้นดินในรัศมีห้าร้อยจั้งราบเป็นหน้ากลอง

มันถือเป็นการระเบิดที่รุนแรงจนขนหัวลุก ถ้าไม่ใช่เพราะมารยาวางอักขระม่านพลังเอาไว้ ฉินอวี้โม่กับลั่วเสวี่ยเหินเกรงว่าพวกเขาเองก็คงจะกลายเป็นจุณไปแล้วเหมือนกัน

แรงจากการระเบิดทำให้เกิดแสงสว่างจ้าจนฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินแทบจะลืมตาไม่ขึ้น

หลังจากที่แสงสว่างจางหายไป เบื้องหน้าของพวกนางก็ไม่มีทั้งเงาของมังกรและร่างจิตของจูอวิ๋นชางอีกแล้ว แรงระเบิดเมื่อครู่ทำลายร่างจิตของเขาจนหมดสิ้น

ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป จูอวิ๋นชางที่เก็บตัวอยู่ในห้องลับลืมตาขึ้นมาพร้อมกับโลหิตที่ทะลักออกจากปาก

“ฉินอวี้โม่ เจ้ารอข้าก่อนเถอะ !”

จูอวิ๋นชางคำรามลั่น ผู้นำแห่งพญายมโกรธเสียจนไม่สนใจจะเช็ดคราบเลือดที่ไหลออกมาจากปาก

ต้องทราบก่อนว่าการที่ร่างจิตของตัวเองโดนทำลายไปจะทำให้เกิดผลกระทบกับร่างหลักของเขาไม่น้อย แม้จะบาดเจ็บไม่มากนักแต่รากฐานของพลังก็จะสั่นคลอน เขาต้องใช้เวลาฟื้นพลังหลายวันกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

หากขุมกำลังที่เป็นอริรู้ว่าเขามีสภาพเช่นนี้ก็อาจจะบุกมาโจมตีได้

จูอวิ๋นชางกำหมัดแน่น เขาพยายามระงับอารมณ์ของตนเองอย่างยิ่งยวด ไม่กี่อึดใจต่อมาร่างของเขาก็หายไปจากห้องลับพร้อมกับจิตสังหารอันไร้ขีดจำกัด

“ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวยิ่งนัก”

ลั่วเสวี่ยเหินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อครู่เขาเกิดความคิดที่ว่าตัวเขากำลังจะตายเพราะแรงระเบิดนั้นจริง ๆ

“ทุกอย่างจบลงแล้ว แต่สงครามครั้งนี้ข้าเองก็เสียหายหนักเช่นกัน”

ฉินอวี้โม่กล่าวพลางส่ายศีรษะ ครั้งนี้นางไม่รู้สึกดีใจที่ชนะเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะการตัดสินใจของนางทำให้อสูรมายาในสังกัดต้องใช้พลังเกินตัวจนส่งผลกระทบถึงพลังรากฐาน ที่สำคัญทั้งนางและลั่วเสวี่ยเหินก็บาดเจ็บไม่น้อย นี่แทบจะไม่เรียกว่าชัยชนะด้วยซ้ำไป

ถ้าเมื่อครู่คู่ต่อสู้เป็นจูอวิ๋นชางตัวจริง ฉินอวี้โม่แทบไม่กล้าจินตนาการเลยว่านางต้องมีสักกี่ชีวิตถึงจะเพียงพอ

“พลังของจอมยุทธ์จ้าวสุริยะสูงส่งเหนือสามัญสำนึก ดูเหมือนว่าพวกเราคงต้องพยายามกันหนักสักหน่อยแล้ว มิฉะนั้นครั้งหน้าคงยากจะเอาชีวิตรอดได้”

ลั่วเสวี่ยเหินพยักหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าพลังของตัวเองไร้เทียมทาน เขาเป็นจอมยุทธ์ที่ยากจะหาคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมได้ ทว่าพออยู่ต่อหน้าจูอวิ๋นชาง เขาก็พบกับความอ่อนหัดของตัวเอง เขาไม่มีแม้แต่พลังพอจะโต้ตอบ

นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วเสวี่ยเหินรู้สึกว่าพลังของตัวเองช่างน้อยนิด ต่อไปเขายังต้องฝึกฝนอีกมาก

ฉินอวี้โม่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ขอเพียงเรายังมีใจฮึดสู้อยู่ สักวันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

การมาที่ดินแดนอ้างว้างถือเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับนางมาก ต่อไปนางยังต้องเดินทางไปที่ดินแดนเทพมายา ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอนางอยู่บ้าง ถ้าไม่รีบแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว นางคงต้องตายก่อนจะหาตัวมารดาพบเป็นแน่

ดังนั้นแล้วนางจะต้องอาศัยช่วงที่อยู่ในดินแดนอ้างว้างเพื่อฝึกฝน เวลาของหลังจากนี้ถือว่าสำคัญทุกช่วงลมหายใจ

“ไปกันเถิด ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการอีก วันนี้อย่างไรลั่วเยาเซียนก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้อีกต่อไป ถ้าปล่อยคนผู้นี้ไว้ ข้าเกรงว่าชาวบ้านจันทราคงไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่”

ฉินอวี้โม่กล่าววาจาเย็นชาออกมา จิตสังหารของนางยังไม่หมดไป แม้ร่างจิตของจูอวิ๋นชางจะถูกทำลายไปแล้ว ทว่ายังเหลือลั่วเยาเซียนอยู่

การกระทำของลั่วเยาเซียนถือว่าล้ำเส้นตายที่นางได้ขีดเอาไว้ วันนี้นางตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องเอาชีวิตของคนผู้นี้

ลั่วเสวี่ยเหินพยักหน้าทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ที่ผ่านมาเขายอมทำตามคำสั่งลั่วเยาเซียน แต่วันนี้คนผู้นั้นทำให้เขาผิดหวังนัก ชะตากรรมของคนผู้นี้จะเป็นอย่างไร เขาจะให้ฉินอวี้โม่เป็นผู้ตัดสิน

ถ้าฉินอวี้โม่จะสังหารคนผู้นั้น เขาก็จะไม่เข้าไปหยุดอย่างแน่นอน

ร่างของฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินหายไป ก่อนจะปรากฏกายอยู่บนท้องฟ้าภายนอกหุบเขา

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 256 ชัยชนะ

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 256 ชัยชนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟุ่บ !

ร่างของฉินอวี้โม่ปรากฏตัวขึ้นในจุดที่ไกลออกมา นางไม่คิดจะสู้กับจูอวิ๋นชางอีกต่อไป

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่หนีไปเสียเช่นนั้น จูอวิ๋นชางก็โกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยวและอยากจะไล่ตามไป

แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เขาก็ได้ยินเสียงที่นุ่มนวลเสียงหนึ่ง

“มังกรจตุรทิศ !”

เมื่อเสียงที่เหมือนจะอ่อนแรงนั้นเงียบลงไป แรงกดดันอันน่าหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้นมาทันที ตามมาด้วยเสียงคำรามทุ้มต่ำ ในพริบตาเงาร่างของมังกรขนาดใหญ่ทั้งสี่ก็เข้าปิดล้อมจูอวิ๋นชาง

“อะไรกัน !”

เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล จูอวิ๋นชางก็แสดงสีหน้าปั้นยาก ที่ผ่านมาเขาไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนวางข่ายอาคมที่ทรงอานุภาพขนาดนี้ได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว

“นี่คือข่ายอาคมมังกรจตุรทิศที่สนุกไม่น้อยเลยนะ โทษฐานที่เจ้ารังแกนายหญิงของข้า ข้าจะให้เจ้าได้เล่นสนุกในข่ายอาคมของข้าให้เต็มที่ !”

ใบหน้าของมารยาในตอนนี้ซีดเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าข่ายอาคมมังกรจตุรทิศจะสิ้นเปลืองพลังอย่างมหาศาล

ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศเป็นข่ายอาคมประเภทจู่โจมที่ทรงพลังมาก ตัวมารยาเองก็เพิ่งจะทำความเข้าใจกับมันได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ด้วยเพราะมันเป็นข่ายอาคมประเภทจู่โจมที่รุนแรงซึ่งจัดเตรียมได้ยากมาก และนอกจากจะต้องใช้พลังมหาศาลแล้ว ยังต้องการเวลาอีกไม่น้อย

ในตอนที่ฉินอวี้โม่กับลั่วเสวี่ยเหินช่วยกันรับมือกับจูอวิ๋นชาง อสูรสาวก็ใช้โอกาสนั้นจัดเตรียมข่ายอาคมที่ทรงอานุภาพนี้ขึ้น

และในที่สุดตอนนี้ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว มารยามั่นใจมากว่าข่ายอาคมนี้จะเผด็จการจูอวิ๋นชางได้อย่างแน่นอน

จูอวิ๋นชางมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ข่ายอาคม’

ผู้ใช้ข่ายอาคมถือเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ที่น่ากลัวมากตั้งแต่สมัยโบราณ แม้ผู้ใช้ข่ายอาคมส่วนใหญ่จะไม่ได้มีร่างกายหรือวิชาการต่อสู้ที่แข็งแกร่งนักแต่ข่ายอาคมของพวกเขาก็สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย

ข่ายอาคมเป็นศาสตร์ที่ลึกลับ หากมีเวลาจัดเตรียมอย่างเพียงพอ ข่ายอาคมที่ทรงอานุภาพสามารถสังหารยอดฝีมือระดับใดก็ได้ หรือต่อให้ไม่ตาย พลังในการต่อสู้ก็จะลดน้อยลงไปมาก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายร้อยปีมานี้ผู้ใช้ข่ายอาคมเริ่มค่อย ๆ สูญหายจนแทบไม่มีเหลือ แม้แต่ในดินแดนที่รุ่งเรืองอย่างดินแดนเทพมายาก็ยังแทบจะหาตัวผู้ใช้ข่ายอาคมไม่ได้ เช่นนั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงดินแดนอ้างว้างแห่งนี้

แม้ว่าจะมีบางคนที่ฝึกฝนการใช้ข่ายอาคมอยู่บ้าง แต่ความรู้ที่คนในยุคนี้หลงเหลือก็มีเพียงผิวเผินเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถเรียนแก่นแท้ของศาสตร์ด้านนี้ได้

ดังนั้นจึงมีน้อยคนมากที่จะเข้าใจศาสตร์แห่งข่ายอาคม ความลึกลับของมันแม้แต่ตัวจูอวิ๋นซางผู้นำแห่งขุมกำลังใหญ่ก็ยังยากจะหยั่งถึง

“ที่แท้ก็เป็นข่ายอาคมนี่เอง”

ลั่วเสวี่ยเหินอุทานด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าฉินอวี้โม่จะบอกเขาแล้วว่าให้ช่วยกันถ่วงเวลาเอาไว้ แต่ก็ไม่รู้เลยว่านางได้จัดเตรียมข่ายอาคมเอาไว้แล้ว เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าวันนี้จะมีโอกาสได้มาเห็นพลังของข่ายอาคมด้วยตาของตัวเอง

เขาหันไปมองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่เบิกกว้าง ลั่วเสวี่ยเหินเริ่มรู้สึกชื่นชมสตรีผู้นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

เขาเกิดความคิดว่าอยากจะศึกษาวิชาข่ายอาคมจากฉินอวี้โม่ และไม่อยากจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางอีกต่อไป

“นายหญิง ข้าต้องขอตัวไปพักฟื้นก่อน ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศเป็นข่ายอาคมระดับสูง แม้ว่าข้าจะทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อปลดปล่อยมันออกมาได้ แต่ก็ได้รับผลแทรกซ้อนจากการฝืนใช้กำลังเกินขีดจำกัด ข้าคงช่วยท่านไม่ได้อีกพักใหญ่”

มารยากล่าวกับฉินอวี้โม่ที่ยืนอยู่ข่าง ๆ ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว อีกทั้งน้ำเสียงยังอ่อนล้า

ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศถือเป็นข่ายอาคมระดับสูงและเป็นข่ายอาคมลึกลับที่หายากมาก  ต้องขอบคุณตำราโบราณที่ฉินอวี้โม่ได้รับมาจากภายในถ้ำของเทพมายาที่ทำให้อสูรสาวเจ้าอาคมมีโอกาสได้เรียนรู้ข่ายอาคมที่หายากเช่นนี้

เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มารยาใช้ข่ายอาคมระดับนี้ทำให้ต้องสิ้นเปลืองพลังมากเป็นพิเศษ

ในตอนนี้พลังจิตวิญญาณของอสูรสาวอ่อนแอมากจึงต้องรีบพักฟื้นโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม การใช้ข่ายอาคมมังกรจตุรทิศสำเร็จเป็นครั้งแรกก็ถือเป็นประโยชน์กับมารยาอย่างมหาศาล หลังจากเคยใช้มันได้ครั้งหนึ่งแล้วจะทำให้นางจับทางได้ การใช้มันในครั้งต่อไปพลังที่ต้องใช้ก็จะลดน้อยลงไป ยิ่งในอนาคตหากพลังของอสูรสาวเพิ่มขึ้นก็จะยิ่งใช้ข่ายอาคมนี้ได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากข่ายอาคมธรรมดา ๆ

เมื่อได้ยินที่มารยาพูด ฉินอวี้โม่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างไร้หนทาง

ดูเหมือนว่าอสูรมายาของนางล้วนรู้จักนางดี พวกมันทุกตนล้วนตัดสินใจทำอะไรเกินตัวโดยไม่บอกนางกันทั้งสิ้น พวกมันรู้ดีว่าหากบอกให้ฉินอวี้โม่รู้ถึงผลกระทบที่จะตามมาเจ้านายของมันคงจะไม่อนุญาตให้ทำแน่

มารยายิ้มให้นายหญิงของมันพลันเปลี่ยนสภาพกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดเท่าฝ่ามือแล้วลอยไปตรงหน้าฉินอวี้โม่

“นายหญิงเก็บข้าไว้ในสภาพนี้ เช่นนี้จะทำให้ข้าดูดซับพลังมายาจากสิ่งแวดล้อมได้รวดเร็วมากกว่าอยู่ในมิติเชื่อมอสูร ยิ่งกว่านั้นข้าจะสามารถปกป้องนายหญิงจากภัยร้ายที่จะย่างกรายเข้ามาได้”

มารยาทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ให้ฉินอวี้โม่ ก่อนที่สติสัมปชัญญะของมันจะหายเข้าไปในก้อนน้ำแข็ง

ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ว่าตอนนี้มารยากำลังเข้าสู่สภาวะหลับใหล

คุณหนูตระกูลฉินหยิบก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่เบื้องหน้ามาโดยไม่ลังเล ก่อนจะนำถุงผ้าขนาดเล็กออกมาห่อมันไว้แล้วผูกไว้ที่เอว

“อสูรมายาของเจ้าล้วนเป็นอสูรที่ไม่ธรรมดาเลย”

เมื่อเห็นการเปลี่ยนสภาพกลายเป็นน้ำแข็งของมารยา ลั่วเสวี่ยเหินก็อึ้งไม่น้อย อสูรที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากสิ่งไม่มีชีวิตอย่างน้ำแข็งถือเป็นอสูรที่หาได้ยากยิ่งกว่ายาก แม้แต่เขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็นอสูรเช่นนี้เป็นครั้งแรก

เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วเสวี่ยเหิน ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มน้อย ๆ ออกมาแต่ก็ไม่คิดจะอธิบายอะไร

ปัง !

เกิดเสียงดังขึ้นจนฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินต้องหันไปมองทางข่ายอาคมมังกรจตุรทิศที่กักขังจูอวิ๋นชางอยู่

จูอวิ๋นชางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ในตอนนี้เงาของมังกรทั้งสี่ที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดรุกเข้าจู่โจมเขาจากรอบด้าน

จูอวิ๋นชางพยายามหาโอกาสหนีมาโดยตลอด แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จเลยสักครั้ง

มังกรทั้งสี่พยายามช่วยกันปิดกั้นทางหนีทั้งหมดของเขา จนจูอวิ๋นชางหมดโอกาสไปโดยปริยาย

“บัดซบ !”

จูอวิ๋นชางสบถอย่างเดือดดาล ใบหน้าดูอึดอัดเป็นอย่างมาก

การโจมตีของเขาไร้ผลกับมังกรทั้งสี่โดยสิ้นเชิง ทว่าการโจมตีของมังกรกลับส่งผลกับเขาอยู่ฝ่ายเดียว นี่คือการต่อสู้ที่เขาไม่เห็นหนทางชนะ

“ฉินอวี้โม่ อย่าให้ตัวเจ้าตกมาอยู่ในมือของพวกเราขุมกำลังพญายมก็แล้วกัน เพราะถึงตอนนั้นข้าจะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ก็ไม่สู้ตาย !”

จูอวิ๋นชางรู้ถึงผลลัพธ์ในการต่อสู้แล้วจึงได้กล่าวเช่นนั้นออกมา

นี่เป็นเพียงร่างจิตของเขา แม้ว่ามันจะถูกทำลายไปแต่ก็ส่งผลกับร่างหลักของเขาไม่มากนัก ขอเพียงพักฟื้นสองถึงสามวัน สภาวะพลังของเขาก็จะกลับมาเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม เรื่องในวันนี้เขาจะขอจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ

หลังจากนี้ไปเขาจะออกตามล่าฉินอวี้โม่อย่างสุดกำลัง หากว่านางตกอยู่ในมือของเขาเมื่อใด เขาจะทำให้นางรู้ซึ้งถึงพลังของพญายม

“เลิกพูดจาเหลวไหลจะดีกว่า วันนี้พวกเราทำลายร่างจิตของเจ้าได้ ต่อไปถ้าเจอร่างหลักของเจ้า ข้าก็จะทำลายมันไม่ต่างกัน ฉะนั้นเจ้าต่างหากที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้”

ฉินอวี้โม่กล่าวโต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะกล่าวต่อ “ยิ่งกว่านั้นเจ้าอย่าเพิ่งมาสนใจข้าจะดีกว่า หากขุมกำลังอื่น ๆ รู้เรื่องในวันนี้ พวกเขาอาจจะถือโอกาสนี้บุกกวาดล้างพวกเจ้าที่กำลังอ่อนแอก็ได้ ถ้าเจ้าไม่ระวังให้ดี ขุมกำลังพญายมของเจ้าก็อาจจะถูกกวาดล้างไปจากแผ่นดินนี้เสียก่อน”

เมื่อได้ยินที่สตรีน้อยตรงหน้ากล่าว จูอวิ๋นชางก็กำหมัดแน่น ทั้งยังตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาเดือดจนพูดไม่ออก

นึกไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นอีกครั้งที่เขาต้องเสียหน้าครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็ถูกกลุ่มเสื้อคลุมทมิฬทำให้เจ็บแสบมาหนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังมาเจอฉินอวี้โม่อีกครา หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

สำหรับหัวหน้าของกลุ่มเสื้อคลุมทมิฬรวมถึงฉินอวี้โม่ผู้นี้ถือเป็นคนที่เขาเกลียดเข้ากระดูกดำ

ตัวเขาต้องยอมรับว่าไม่อาจจะเอาชนะหัวหน้าของกลุ่มเสื้อคลุมทมิฬได้ แต่ถ้าเป็นฉินอวี้โม่ เขาสามารถเอาชนะนางได้ไม่ยาก ฉะนั้นเขาจึงมุ่งเป้ามาที่การตามล่าฉินอวี้โม่เพียงผู้เดียว

เขาจะตั้งตารอวันนั้น วันที่เขาจะได้แก้แค้นนางให้สาแก่ใจ

โร่ว !

มังกรทั้งสี่ส่งเสียงคำรามออกมาก่อนจะระเบิดตัวเองทันที

ตูม !

แรงระเบิดของมังกรทั้งสี่ทำให้ระลอกคลื่นพลังกระจายไปทั่วทั้งแปดทิศ อานุภาพการทำลายล้างรุนแรงจนพื้นดินในรัศมีห้าร้อยจั้งราบเป็นหน้ากลอง

มันถือเป็นการระเบิดที่รุนแรงจนขนหัวลุก ถ้าไม่ใช่เพราะมารยาวางอักขระม่านพลังเอาไว้ ฉินอวี้โม่กับลั่วเสวี่ยเหินเกรงว่าพวกเขาเองก็คงจะกลายเป็นจุณไปแล้วเหมือนกัน

แรงจากการระเบิดทำให้เกิดแสงสว่างจ้าจนฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินแทบจะลืมตาไม่ขึ้น

หลังจากที่แสงสว่างจางหายไป เบื้องหน้าของพวกนางก็ไม่มีทั้งเงาของมังกรและร่างจิตของจูอวิ๋นชางอีกแล้ว แรงระเบิดเมื่อครู่ทำลายร่างจิตของเขาจนหมดสิ้น

ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป จูอวิ๋นชางที่เก็บตัวอยู่ในห้องลับลืมตาขึ้นมาพร้อมกับโลหิตที่ทะลักออกจากปาก

“ฉินอวี้โม่ เจ้ารอข้าก่อนเถอะ !”

จูอวิ๋นชางคำรามลั่น ผู้นำแห่งพญายมโกรธเสียจนไม่สนใจจะเช็ดคราบเลือดที่ไหลออกมาจากปาก

ต้องทราบก่อนว่าการที่ร่างจิตของตัวเองโดนทำลายไปจะทำให้เกิดผลกระทบกับร่างหลักของเขาไม่น้อย แม้จะบาดเจ็บไม่มากนักแต่รากฐานของพลังก็จะสั่นคลอน เขาต้องใช้เวลาฟื้นพลังหลายวันกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

หากขุมกำลังที่เป็นอริรู้ว่าเขามีสภาพเช่นนี้ก็อาจจะบุกมาโจมตีได้

จูอวิ๋นชางกำหมัดแน่น เขาพยายามระงับอารมณ์ของตนเองอย่างยิ่งยวด ไม่กี่อึดใจต่อมาร่างของเขาก็หายไปจากห้องลับพร้อมกับจิตสังหารอันไร้ขีดจำกัด

“ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวยิ่งนัก”

ลั่วเสวี่ยเหินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อครู่เขาเกิดความคิดที่ว่าตัวเขากำลังจะตายเพราะแรงระเบิดนั้นจริง ๆ

“ทุกอย่างจบลงแล้ว แต่สงครามครั้งนี้ข้าเองก็เสียหายหนักเช่นกัน”

ฉินอวี้โม่กล่าวพลางส่ายศีรษะ ครั้งนี้นางไม่รู้สึกดีใจที่ชนะเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะการตัดสินใจของนางทำให้อสูรมายาในสังกัดต้องใช้พลังเกินตัวจนส่งผลกระทบถึงพลังรากฐาน ที่สำคัญทั้งนางและลั่วเสวี่ยเหินก็บาดเจ็บไม่น้อย นี่แทบจะไม่เรียกว่าชัยชนะด้วยซ้ำไป

ถ้าเมื่อครู่คู่ต่อสู้เป็นจูอวิ๋นชางตัวจริง ฉินอวี้โม่แทบไม่กล้าจินตนาการเลยว่านางต้องมีสักกี่ชีวิตถึงจะเพียงพอ

“พลังของจอมยุทธ์จ้าวสุริยะสูงส่งเหนือสามัญสำนึก ดูเหมือนว่าพวกเราคงต้องพยายามกันหนักสักหน่อยแล้ว มิฉะนั้นครั้งหน้าคงยากจะเอาชีวิตรอดได้”

ลั่วเสวี่ยเหินพยักหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าพลังของตัวเองไร้เทียมทาน เขาเป็นจอมยุทธ์ที่ยากจะหาคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมได้ ทว่าพออยู่ต่อหน้าจูอวิ๋นชาง เขาก็พบกับความอ่อนหัดของตัวเอง เขาไม่มีแม้แต่พลังพอจะโต้ตอบ

นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วเสวี่ยเหินรู้สึกว่าพลังของตัวเองช่างน้อยนิด ต่อไปเขายังต้องฝึกฝนอีกมาก

ฉินอวี้โม่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ขอเพียงเรายังมีใจฮึดสู้อยู่ สักวันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

การมาที่ดินแดนอ้างว้างถือเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับนางมาก ต่อไปนางยังต้องเดินทางไปที่ดินแดนเทพมายา ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอนางอยู่บ้าง ถ้าไม่รีบแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว นางคงต้องตายก่อนจะหาตัวมารดาพบเป็นแน่

ดังนั้นแล้วนางจะต้องอาศัยช่วงที่อยู่ในดินแดนอ้างว้างเพื่อฝึกฝน เวลาของหลังจากนี้ถือว่าสำคัญทุกช่วงลมหายใจ

“ไปกันเถิด ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการอีก วันนี้อย่างไรลั่วเยาเซียนก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้อีกต่อไป ถ้าปล่อยคนผู้นี้ไว้ ข้าเกรงว่าชาวบ้านจันทราคงไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่”

ฉินอวี้โม่กล่าววาจาเย็นชาออกมา จิตสังหารของนางยังไม่หมดไป แม้ร่างจิตของจูอวิ๋นชางจะถูกทำลายไปแล้ว ทว่ายังเหลือลั่วเยาเซียนอยู่

การกระทำของลั่วเยาเซียนถือว่าล้ำเส้นตายที่นางได้ขีดเอาไว้ วันนี้นางตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องเอาชีวิตของคนผู้นี้

ลั่วเสวี่ยเหินพยักหน้าทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ที่ผ่านมาเขายอมทำตามคำสั่งลั่วเยาเซียน แต่วันนี้คนผู้นั้นทำให้เขาผิดหวังนัก ชะตากรรมของคนผู้นี้จะเป็นอย่างไร เขาจะให้ฉินอวี้โม่เป็นผู้ตัดสิน

ถ้าฉินอวี้โม่จะสังหารคนผู้นั้น เขาก็จะไม่เข้าไปหยุดอย่างแน่นอน

ร่างของฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินหายไป ก่อนจะปรากฏกายอยู่บนท้องฟ้าภายนอกหุบเขา

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+