คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 35.1 ท่านลุงของข้าเป็นถึงเจ้าเมืองเชียวนะ (1)

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 35.1 ท่านลุงของข้าเป็นถึงเจ้าเมืองเชียวนะ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“บัดซบ ใครเป็นคนทำ ออกมาหาบิดาผู้นี้ซะดีๆ!”

เมื่อชายคนนั้นเห็นกระบี่ในมือถูกกระแทกจนกระเด็นไปตกอยู่บนพื้น เขาก็รีบหันขวับไปยังทิศทางที่ฉินอวี้โม่และคณะยืนอยู่แล้วขู่คำรามอย่างเดือดดาล

“เจ้าเรียกใครอย่างนั้นหรือ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและถามน้ำเสียงนุ่มนวล

“เรียกเจ้านั่นแหละ”

ชายคนนั้นตอบคำถามของฉินอวี้โม่ออกไปตรงๆ

“ดี แต่ข้าไม่ใช่ลูกเจ้า”

ฉินอวี้โม่ตอบกลับไปด้วยวาจาเสียดสี

เมื่อได้ยินคำพูดของโฉมงามผู้มีฝีมือเก่งกาจ คณะนักล่าหมาป่ารุ่นเยาว์ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

ฉีอวี้และหลิงเฟิงไม่สามารถหยุดหัวเราะได้เลย ในขณะที่ฉีฉีนั้นหัวเราะตัวงอจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว ราวกับว่าพวกเขาทั้งสามไม่เคยได้ยินอะไรที่ตลกขนาดนี้มาก่อน ต่างจากโจรชิงแก่นมายาปากดีที่ยืนนิ่งอย่างขบคิด

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ! ไหนลองพูดอีกครั้งสิ!”

ในที่สุดชายผู้นั้นก็คิดได้ เมื่อเข้าใจคำด่าทอของฉินอวี้โม่เขาก็รีบตอบโต้พลางชี้หน้าด้วยความเดือดดาล

“ของดีมีเพียงครั้งเดียว หากเจ้าอยากจะฟังอีกเป็นครั้งที่สอง เจ้าก็ต้องจ่ายแพงหน่อยนะ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าววาจาเสียดสีต่อ

“เจ้า!!!…”

ด้วยวาจาเสียดสีของฉินอวี้โม่ ชายผู้นั้นจึงทนไม่ไหว เขาก้มลงเก็บกระบี่ที่พื้นแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมจู่โจม

“พอแค่นั้นแหละ!”

หลี่หลินที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งตะโกนขึ้นมาพลางจ้องหน้าผู้ติดตามของตนเพื่อสั่งให้เขาหยุดมือ

“เจ้ามาจากที่ใด เหตุใดถึงกล้ามาลบหลู่คนของข้า?”

หลี่หลินย่างสามขุมเข้ามาอย่างวางท่า ขณะเดียวกันเขาก็กล่าววาจาด้วยเสียงเนิบช้าพลางเชิดหน้าเล็กน้อย ท่าทางของเขาดูราวกับเป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ก็มิปาน

“พวกข้าอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว เพียงแต่คนของเจ้าเองนั่นแหละที่ไร้ตา ถึงได้มองไม่เห็นพวกเรา”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย คนเหล่านี้มาถึงก็ลงมือชิงของผู้อื่น เห็นชัดว่าไม่คิดจะสังเกตดูพวกนางตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ

“แค่ก– เรื่องนั้นช่างมันก่อน แต่เหตุใดเจ้าถึงลบหลู่คนของข้า?”

หลี่หลินสำลักวาจาของฉินอวี้โม่ เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นสตรีผู้นี้และสหายของนางจริงๆ

“หึ หากมีคนมาปล้นแก่นมายาและแกนชีวิตของพวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่เข้าไปขว้างอย่างนั้นหรือ?!”

หลินเฟิงกล่าวขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง พลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก

“แก่นมายาและแกนชีวิตของพวกเจ้า?”

หลังจากที่กวาดสายตามองคณะล่าหมาป่าของฉินอวี้โม่ หลี่หลินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“อย่ามาตลกไปเลยหน่อยเลย แค่พวกเจ้าจะฆ่าอสูรมายามากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”

“อะแฮ่ม!”

หลังจากหยุดและส่งเสียงกระแอมออกมาครั้งหนึ่งเขาก็กล่าวต่อ “ที่สำคัญ ต่อให้พวกเจ้าฆ่าพวกมันจริงก็เถอะ แต่แก่นมายาในตัวหมาป่าเหล่านี้มีชื่อพวกเจ้าสลักเอาไว้งั้นหรือ ในเมื่อคนของข้าเป็นผู้มาพบมัน ถ้าหากว่าพวกเราจะเก็บก็เป็นสิทธิ์ของเรา”

วาจาของหลี่หลิงหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าเขาไม่สนใจว่าผู้ใดจะเป็นผู้ที่สังหารอสูรมายาเหล่านี้ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องการจะเก็บเอาแก่นมายาและแกนชีวิตพวกนี้ไป อีกอย่างเขาก็มั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรกลุ่มคนที่ดูกระจอกงอกง่อยกลุ่มนี้ก็คงจะขัดขวางพวกเขาไม่ได้แน่

ความคิดของหลี่หลินนับว่าไม่ผิด เขาพาคนติดตามมาด้วยเป็นมากมาย ดูเหมือนว่าฝ่ายพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าฝ่ายของฉินอวี้โม่มาก

เมื่อพิจารณาดูแล้ว มีเพียงฉินอวี้โม่คนเดียวที่อาภรณ์ยังคงอยู่ในสภาพดี ส่วนฉีฉี ฉีอวี้และหลิงเฟิงนั้นเนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบโลหิต แม้ว่าบุรุษสองคนในกลุ่มอาจจะแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ดูแล้วก็น่าจะเพิ่งผ่านการต่อสู้อันหนักหน่วงมา  ไม่ต้องพูดถึงเด็กหญิงผมเปียตัวกะเปี๊ยกที่เห็นชัดว่าอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม  หากคนพวกนี้ต้องรับมือกับคนของเขาในตอนนี้แล้ว หลี่หลินก็เชื่อว่าฝ่ายตัวเองจะมีชัยอย่างแน่นอน

“เจ้าคนหน้าไม่อาย เจ้ากล้าเหรอ?”

เมื่อฉีฉีได้ยินสิ่งที่หลี่หลินกล่าวออกมา นางก็อดไม่ได้ที่จะชี้หน้าต่อว่าเขากลับไป

“เพ่ย ไม่เจียมตัว! เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กลับกล้ามาขู่ข้าอย่างนั้นรึ?”

เมื่อได้ยินวาจาโอหังของฉีฉี สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ผู้เป็นหลานชายของเจ้าเมืองเยว่กวางเริ่มโกรธขึ้นมา

“เจ้าคนบ้า ข้าจะเล่นงานเจ้า”

ฉีฉีไม่ได้เกรงกลัว นางหยิบก้อนหินขึ้นมาและปาใส่อีกฝ่ายอย่างแรง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 35.1 ท่านลุงของข้าเป็นถึงเจ้าเมืองเชียวนะ (1)

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 35.1 ท่านลุงของข้าเป็นถึงเจ้าเมืองเชียวนะ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“บัดซบ ใครเป็นคนทำ ออกมาหาบิดาผู้นี้ซะดีๆ!”

เมื่อชายคนนั้นเห็นกระบี่ในมือถูกกระแทกจนกระเด็นไปตกอยู่บนพื้น เขาก็รีบหันขวับไปยังทิศทางที่ฉินอวี้โม่และคณะยืนอยู่แล้วขู่คำรามอย่างเดือดดาล

“เจ้าเรียกใครอย่างนั้นหรือ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและถามน้ำเสียงนุ่มนวล

“เรียกเจ้านั่นแหละ”

ชายคนนั้นตอบคำถามของฉินอวี้โม่ออกไปตรงๆ

“ดี แต่ข้าไม่ใช่ลูกเจ้า”

ฉินอวี้โม่ตอบกลับไปด้วยวาจาเสียดสี

เมื่อได้ยินคำพูดของโฉมงามผู้มีฝีมือเก่งกาจ คณะนักล่าหมาป่ารุ่นเยาว์ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

ฉีอวี้และหลิงเฟิงไม่สามารถหยุดหัวเราะได้เลย ในขณะที่ฉีฉีนั้นหัวเราะตัวงอจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว ราวกับว่าพวกเขาทั้งสามไม่เคยได้ยินอะไรที่ตลกขนาดนี้มาก่อน ต่างจากโจรชิงแก่นมายาปากดีที่ยืนนิ่งอย่างขบคิด

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ! ไหนลองพูดอีกครั้งสิ!”

ในที่สุดชายผู้นั้นก็คิดได้ เมื่อเข้าใจคำด่าทอของฉินอวี้โม่เขาก็รีบตอบโต้พลางชี้หน้าด้วยความเดือดดาล

“ของดีมีเพียงครั้งเดียว หากเจ้าอยากจะฟังอีกเป็นครั้งที่สอง เจ้าก็ต้องจ่ายแพงหน่อยนะ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าววาจาเสียดสีต่อ

“เจ้า!!!…”

ด้วยวาจาเสียดสีของฉินอวี้โม่ ชายผู้นั้นจึงทนไม่ไหว เขาก้มลงเก็บกระบี่ที่พื้นแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมจู่โจม

“พอแค่นั้นแหละ!”

หลี่หลินที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งตะโกนขึ้นมาพลางจ้องหน้าผู้ติดตามของตนเพื่อสั่งให้เขาหยุดมือ

“เจ้ามาจากที่ใด เหตุใดถึงกล้ามาลบหลู่คนของข้า?”

หลี่หลินย่างสามขุมเข้ามาอย่างวางท่า ขณะเดียวกันเขาก็กล่าววาจาด้วยเสียงเนิบช้าพลางเชิดหน้าเล็กน้อย ท่าทางของเขาดูราวกับเป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ก็มิปาน

“พวกข้าอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว เพียงแต่คนของเจ้าเองนั่นแหละที่ไร้ตา ถึงได้มองไม่เห็นพวกเรา”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย คนเหล่านี้มาถึงก็ลงมือชิงของผู้อื่น เห็นชัดว่าไม่คิดจะสังเกตดูพวกนางตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ

“แค่ก– เรื่องนั้นช่างมันก่อน แต่เหตุใดเจ้าถึงลบหลู่คนของข้า?”

หลี่หลินสำลักวาจาของฉินอวี้โม่ เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นสตรีผู้นี้และสหายของนางจริงๆ

“หึ หากมีคนมาปล้นแก่นมายาและแกนชีวิตของพวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่เข้าไปขว้างอย่างนั้นหรือ?!”

หลินเฟิงกล่าวขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง พลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก

“แก่นมายาและแกนชีวิตของพวกเจ้า?”

หลังจากที่กวาดสายตามองคณะล่าหมาป่าของฉินอวี้โม่ หลี่หลินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“อย่ามาตลกไปเลยหน่อยเลย แค่พวกเจ้าจะฆ่าอสูรมายามากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”

“อะแฮ่ม!”

หลังจากหยุดและส่งเสียงกระแอมออกมาครั้งหนึ่งเขาก็กล่าวต่อ “ที่สำคัญ ต่อให้พวกเจ้าฆ่าพวกมันจริงก็เถอะ แต่แก่นมายาในตัวหมาป่าเหล่านี้มีชื่อพวกเจ้าสลักเอาไว้งั้นหรือ ในเมื่อคนของข้าเป็นผู้มาพบมัน ถ้าหากว่าพวกเราจะเก็บก็เป็นสิทธิ์ของเรา”

วาจาของหลี่หลิงหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าเขาไม่สนใจว่าผู้ใดจะเป็นผู้ที่สังหารอสูรมายาเหล่านี้ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องการจะเก็บเอาแก่นมายาและแกนชีวิตพวกนี้ไป อีกอย่างเขาก็มั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรกลุ่มคนที่ดูกระจอกงอกง่อยกลุ่มนี้ก็คงจะขัดขวางพวกเขาไม่ได้แน่

ความคิดของหลี่หลินนับว่าไม่ผิด เขาพาคนติดตามมาด้วยเป็นมากมาย ดูเหมือนว่าฝ่ายพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าฝ่ายของฉินอวี้โม่มาก

เมื่อพิจารณาดูแล้ว มีเพียงฉินอวี้โม่คนเดียวที่อาภรณ์ยังคงอยู่ในสภาพดี ส่วนฉีฉี ฉีอวี้และหลิงเฟิงนั้นเนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบโลหิต แม้ว่าบุรุษสองคนในกลุ่มอาจจะแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ดูแล้วก็น่าจะเพิ่งผ่านการต่อสู้อันหนักหน่วงมา  ไม่ต้องพูดถึงเด็กหญิงผมเปียตัวกะเปี๊ยกที่เห็นชัดว่าอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม  หากคนพวกนี้ต้องรับมือกับคนของเขาในตอนนี้แล้ว หลี่หลินก็เชื่อว่าฝ่ายตัวเองจะมีชัยอย่างแน่นอน

“เจ้าคนหน้าไม่อาย เจ้ากล้าเหรอ?”

เมื่อฉีฉีได้ยินสิ่งที่หลี่หลินกล่าวออกมา นางก็อดไม่ได้ที่จะชี้หน้าต่อว่าเขากลับไป

“เพ่ย ไม่เจียมตัว! เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กลับกล้ามาขู่ข้าอย่างนั้นรึ?”

เมื่อได้ยินวาจาโอหังของฉีฉี สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ผู้เป็นหลานชายของเจ้าเมืองเยว่กวางเริ่มโกรธขึ้นมา

“เจ้าคนบ้า ข้าจะเล่นงานเจ้า”

ฉีฉีไม่ได้เกรงกลัว นางหยิบก้อนหินขึ้นมาและปาใส่อีกฝ่ายอย่างแรง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 35.1 ท่านลุงของข้าเป็นถึงเจ้าเมืองเชียวนะ (1)

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 35.1 ท่านลุงของข้าเป็นถึงเจ้าเมืองเชียวนะ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“บัดซบ ใครเป็นคนทำ ออกมาหาบิดาผู้นี้ซะดีๆ!”

เมื่อชายคนนั้นเห็นกระบี่ในมือถูกกระแทกจนกระเด็นไปตกอยู่บนพื้น เขาก็รีบหันขวับไปยังทิศทางที่ฉินอวี้โม่และคณะยืนอยู่แล้วขู่คำรามอย่างเดือดดาล

“เจ้าเรียกใครอย่างนั้นหรือ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและถามน้ำเสียงนุ่มนวล

“เรียกเจ้านั่นแหละ”

ชายคนนั้นตอบคำถามของฉินอวี้โม่ออกไปตรงๆ

“ดี แต่ข้าไม่ใช่ลูกเจ้า”

ฉินอวี้โม่ตอบกลับไปด้วยวาจาเสียดสี

เมื่อได้ยินคำพูดของโฉมงามผู้มีฝีมือเก่งกาจ คณะนักล่าหมาป่ารุ่นเยาว์ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

ฉีอวี้และหลิงเฟิงไม่สามารถหยุดหัวเราะได้เลย ในขณะที่ฉีฉีนั้นหัวเราะตัวงอจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว ราวกับว่าพวกเขาทั้งสามไม่เคยได้ยินอะไรที่ตลกขนาดนี้มาก่อน ต่างจากโจรชิงแก่นมายาปากดีที่ยืนนิ่งอย่างขบคิด

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ! ไหนลองพูดอีกครั้งสิ!”

ในที่สุดชายผู้นั้นก็คิดได้ เมื่อเข้าใจคำด่าทอของฉินอวี้โม่เขาก็รีบตอบโต้พลางชี้หน้าด้วยความเดือดดาล

“ของดีมีเพียงครั้งเดียว หากเจ้าอยากจะฟังอีกเป็นครั้งที่สอง เจ้าก็ต้องจ่ายแพงหน่อยนะ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าววาจาเสียดสีต่อ

“เจ้า!!!…”

ด้วยวาจาเสียดสีของฉินอวี้โม่ ชายผู้นั้นจึงทนไม่ไหว เขาก้มลงเก็บกระบี่ที่พื้นแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อมจู่โจม

“พอแค่นั้นแหละ!”

หลี่หลินที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งตะโกนขึ้นมาพลางจ้องหน้าผู้ติดตามของตนเพื่อสั่งให้เขาหยุดมือ

“เจ้ามาจากที่ใด เหตุใดถึงกล้ามาลบหลู่คนของข้า?”

หลี่หลินย่างสามขุมเข้ามาอย่างวางท่า ขณะเดียวกันเขาก็กล่าววาจาด้วยเสียงเนิบช้าพลางเชิดหน้าเล็กน้อย ท่าทางของเขาดูราวกับเป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ก็มิปาน

“พวกข้าอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว เพียงแต่คนของเจ้าเองนั่นแหละที่ไร้ตา ถึงได้มองไม่เห็นพวกเรา”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย คนเหล่านี้มาถึงก็ลงมือชิงของผู้อื่น เห็นชัดว่าไม่คิดจะสังเกตดูพวกนางตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ

“แค่ก– เรื่องนั้นช่างมันก่อน แต่เหตุใดเจ้าถึงลบหลู่คนของข้า?”

หลี่หลินสำลักวาจาของฉินอวี้โม่ เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นสตรีผู้นี้และสหายของนางจริงๆ

“หึ หากมีคนมาปล้นแก่นมายาและแกนชีวิตของพวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่เข้าไปขว้างอย่างนั้นหรือ?!”

หลินเฟิงกล่าวขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง พลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก

“แก่นมายาและแกนชีวิตของพวกเจ้า?”

หลังจากที่กวาดสายตามองคณะล่าหมาป่าของฉินอวี้โม่ หลี่หลินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“อย่ามาตลกไปเลยหน่อยเลย แค่พวกเจ้าจะฆ่าอสูรมายามากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”

“อะแฮ่ม!”

หลังจากหยุดและส่งเสียงกระแอมออกมาครั้งหนึ่งเขาก็กล่าวต่อ “ที่สำคัญ ต่อให้พวกเจ้าฆ่าพวกมันจริงก็เถอะ แต่แก่นมายาในตัวหมาป่าเหล่านี้มีชื่อพวกเจ้าสลักเอาไว้งั้นหรือ ในเมื่อคนของข้าเป็นผู้มาพบมัน ถ้าหากว่าพวกเราจะเก็บก็เป็นสิทธิ์ของเรา”

วาจาของหลี่หลิงหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าเขาไม่สนใจว่าผู้ใดจะเป็นผู้ที่สังหารอสูรมายาเหล่านี้ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องการจะเก็บเอาแก่นมายาและแกนชีวิตพวกนี้ไป อีกอย่างเขาก็มั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรกลุ่มคนที่ดูกระจอกงอกง่อยกลุ่มนี้ก็คงจะขัดขวางพวกเขาไม่ได้แน่

ความคิดของหลี่หลินนับว่าไม่ผิด เขาพาคนติดตามมาด้วยเป็นมากมาย ดูเหมือนว่าฝ่ายพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าฝ่ายของฉินอวี้โม่มาก

เมื่อพิจารณาดูแล้ว มีเพียงฉินอวี้โม่คนเดียวที่อาภรณ์ยังคงอยู่ในสภาพดี ส่วนฉีฉี ฉีอวี้และหลิงเฟิงนั้นเนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบโลหิต แม้ว่าบุรุษสองคนในกลุ่มอาจจะแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ดูแล้วก็น่าจะเพิ่งผ่านการต่อสู้อันหนักหน่วงมา  ไม่ต้องพูดถึงเด็กหญิงผมเปียตัวกะเปี๊ยกที่เห็นชัดว่าอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม  หากคนพวกนี้ต้องรับมือกับคนของเขาในตอนนี้แล้ว หลี่หลินก็เชื่อว่าฝ่ายตัวเองจะมีชัยอย่างแน่นอน

“เจ้าคนหน้าไม่อาย เจ้ากล้าเหรอ?”

เมื่อฉีฉีได้ยินสิ่งที่หลี่หลินกล่าวออกมา นางก็อดไม่ได้ที่จะชี้หน้าต่อว่าเขากลับไป

“เพ่ย ไม่เจียมตัว! เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กลับกล้ามาขู่ข้าอย่างนั้นรึ?”

เมื่อได้ยินวาจาโอหังของฉีฉี สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ผู้เป็นหลานชายของเจ้าเมืองเยว่กวางเริ่มโกรธขึ้นมา

“เจ้าคนบ้า ข้าจะเล่นงานเจ้า”

ฉีฉีไม่ได้เกรงกลัว นางหยิบก้อนหินขึ้นมาและปาใส่อีกฝ่ายอย่างแรง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+