คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 37.2 มุ่งหมายทำลายภารกิจ (2)

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 37.2 มุ่งหมายทำลายภารกิจ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราก็รอคอยกันอย่างเงียบๆ ก่อน รอให้ผลหลิวหลีสุกเต็มที่ พวกเราจะร่วมกันลงมือ”

เมื่อได้มองดูกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่อยู่ไกลออกไปแล้ว ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจว่าผลหลิวหลีนั้นยังไม่สุก นางเห็นพวกเขายังคงนั่งรออยู่หน้าถ้ำ อดีตคุณหนูสี่จึงหาที่ว่างๆ และนั่งรอ

ลั่วอวิ๋นและเสี่ยวโร่วเองก็นั่งลงข้างๆ ฉินอวี้โม่เงียบๆ เช่นกัน

แม้ว่าคนของกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนจะร้อนใจกันเป็นอย่างมาก แต่ยามนี้พวกเขาก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากต้องเชื่อใจสตรีผู้งดงามตรงหน้าและสหายของนาง  พวกเขาพากันนั่งลงบ้างเพื่อรอคอยให้นางเริ่มลงมือ

“หัวหน้าเสี้ยวฮัง พวกท่านมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้อย่างนั้นหรือ?”

ฉินอวี้โม่หันไปถามเสี้ยวฮังด้วยความสงสัย หากเป็นเช่นนั้นจริงก็หมายความว่านางอาจจะได้พบชื่อเซียวอีกครั้ง

“ไม่ใช่หรอกแม่นาง ที่จริงแล้วครั้งนี้เรามาเพื่อทำภารกิจ เมืองเยว่กวางแห่งนี้เป็นแค่ทางผ่าน แต่พอมาถึงพวกเราก็ได้ยินว่าอีกไม่กี่วันจะมีเทศกาลอสูรล้อมเมือง นายน้อยของพวกเราบอกว่าการเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งนายน้อยเห็นว่าการเดินทางด้วยคนจำนวนมากจะทำให้ชักช้า เขาจึงบอกให้พวกเราอยู่ที่นี่รอฟังข่าวแล้วค่อยออกเดินทางถ้าหากหน่วยหน้าต้องการกำลังเสริม และเขาก็อนุญาตให้พวกเราเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองได้เลยในกรณีที่ภารกิจล่าช้ากว่ากำหนดหรือพวกเขากลับมาสมทบไม่ทัน”

เสี้ยวฮังอธิบายให้ฉินอวี้โม่ฟังด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเสี้ยวฮัง ฉินอวี้โม่ก็พอจะเดาได้เลยว่าภารกิจที่พวกเขาพูดถึงกันก็คือภารกิจที่ชื่อเซียวและกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนหน่วยที่หนึ่งไปทำที่ป่าสายหมอกในเมืองหลิงซี

“แล้วตอนนี้นายน้อยของพวกท่านอยู่ที่ใดกัน?”

ฉินอวี้โม่ถามด้วยความสงสัย ตัวนางและเสี่ยวโร่วก็เดินทางมุ่งหน้าจากเมืองหลิงซีมายังเมืองเยว่กวางเช่นกัน ซึ่งในระหว่างนั้นพวกนางยังได้แวะพักล่าอสูรมายากันอีกถึงสามวัน  หากชื่อเซียวและหน่วยทหารรับจ้างของเขาออกเดินทางจากหลิงซีมาที่นี่แล้วจริงๆ พวกเขาก็ควรจะมาถึงเร็วกว่าพวกนางจึงจะถูกต้อง

“นายน้อยน่าจะมาถึงในอีกวันถึงสองวัน”

เสี้ยวฮังกล่าว และเขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าตอนนี้ชื่อเซียวอยู่ที่ใด

“นายน้อยเป็นคนบอกให้พวกเรารออยู่ที่นี่ หากไม่มีการติดต่อขอกำลังเสริมจากหน่วยหน้านั่นแสดงว่าภารกิจที่เมืองหลิงซีเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น และพวกเขาก็จะรีบกลับมาสมทบ ข้าคิดว่าตอนนี้คงอยู่ระหว่างทางกลับ”

เสี้ยวฮังกล่าวเพิ่มอีกหนึ่งประโยค นี่เป็นทั้งหมดที่เขารู้

ฉินอวี้โม่พยักหน้าและไม่ถามอีก เหมือนว่าหลังจากเสร็จภารกิจที่เมืองหลิงซี พวกเขาอาจจะแวะทำธุระอย่างอื่นก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่

“ดูนั่น ข้าว่าผลหลิวหลีเกือบจะสุกแล้ว!”

สมาชิกของกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนผู้หนึ่งสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าที่เปลี่ยนไป เขาคาดเดาว่าผลหลิวหลีน่าจะใกล้สุกแล้วจึงส่งเสียงร้องเตือนขึ้น

ฉินอวี้โม่ เสี่ยวโร่ว และลั่วอวิ๋นลุกขึ้นยืนและมองออกไปในทิศทางนั้นทันที

พวกนางเห็นว่าตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่จากเดิมนั่งรอกันอยู่ลุกขึ้นมายืมและเดินไปรวมตัวกันด้านล่างของปากถ้ำที่มีผลหลิวหลีแล้ว

คนผู้หนึ่งในกลุ่มหมาป่าปีศาจเรียกอสูรมายาของเขาออกมา อสูรมายาของคนผู้นั้นมีรูปลักษณ์เป็นกริฟฟินขนาดใหญ่

“หัวหน้า ข้าจะเป็นคนไปเอาผลหลิวหลีนั่นมาเอง”

เมื่อกล่าวจบ ชายผู้ครอบครองกริฟฟินก็กระโดดขึ้นขี่หลังอสูรมายาของตัวเอง เขาบินตรงไปยังถ้ำไหล่เขาซึ่งเป็นจุดที่มีผลหลิวหลีอยู่

“พวกเขากำลังจะเก็บผลหลิวหลีกันแล้ว แม่นาง พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของชายผู้นั้น เสี้ยวฮังก็หันไปมองฉินอวี้โม่พลางกล่าวอย่างร้อนใจ

“ไม่ต้องห่วง การจะเก็บผลหลิวหลีมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆ นางดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสงบ โดยไม่มีท่าทีเร่งร้อนให้เห็น

ซึ่งที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเสี่ยวเฮยตัวน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่บางกระซิบบอกนางเบาๆ ว่ามันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรมายาที่ทรงพลังอย่างไม่ได้ด้อยไปกว่ามันเลยจากภายในถ้ำไหล่เขาแห่งนั้น

ชายผู้ขี่กริฟฟินบินตรงไปยังเพดานถ้ำที่มีเถาของผลหลิวหลีขึ้นอยู่อย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นเถาหลิวหลีอยู่ตรงหน้าเขาก็ตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้นยินดี “หัวหน้า ครั้งนี้พวกเราโชคดีจริงๆ มีผลหลิวหลีตั้งสี่ผล!”

กล่าวจบ เขาก็รีบยื่นมือออกไปหมายจะเด็ดคว้าผลหลิวหลีมาให้เร็วที่สุด

ทว่าก่อนที่มือของเขาจะได้สัมผัสกับผลหลิวหลี ใบหน้าของชายผู้นั้นก็ปรากฏแววตื่นตระหนกขึ้น!

ชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจต่อจากนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องที่ดูทุกข์ทรมานของเขาก่อนที่ชายผู้นั้นจะล่วงลงมาจากกลางอากาศ

— ปัง! —

ชายผู้นั้นพร้อมด้วยกริฟฟินคู่ใจตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง และหากไม่ใช่เพราะมีกริฟฟินเป็นเบาะรองรับ เขาก็คงจะบาดเจ็บถึงพิการได้เลย

“เจ้าสาม เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?!”

เมื่อเห็นลูกน้องของตนตกลงมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งอสูรมายาคู่ใจก็มีสภาพปางตาย หลี่เปียวจึงตะโกนถามออกไป

“หัวหน้า วิ่งเร็ว!”

ชายที่ถูกเรียกว่าเจ้าสามเค้นแรงเฮือกสุดท้ายตะโกนออกมาก่อนจะหมดสติไป

กริฟฟินตัวใหญ่ อสูรมายาของเขาขาดใจตายไปแล้ว ส่วนเขาที่เป็นเจ้าของเองก็อาการสาหัสเช่นกัน

เมื่อหลี่เปียวได้ยินเช่นนั้น เขาก็เกิดความลังเล หัวหน้าทหารอันธพาลยังไม่กล้าเคลื่อนไหว แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงที่น่าขนลุกดังขึ้นมาจากบนฟ้าเหนือศีรษะของตน

“เจ้าพวกมนุษย์โสโครกน่ารังเกียจ กล้าดียังไงมาขโมยผลหลิวหลีของข้า!”

มันคืออสูรมายาที่มีรูปร่างคล้ายเหยี่ยว ทว่ากลับมีขนาดใหญ่และทรงพลังกว่าเหยี่ยวธรรมดามาก อีกทั้งขนของมันก็ยังเป็นสีทองอร่ามทั่วทั้งตัว ดูสง่างามเป็นอย่างมาก

“เจ้านี่คือเหยี่ยวปีกทอง อสูรเทวะสามดารา มันแข็งแกร่งกว่าข้าอีกนายหญิง”

เสียงของเสี่ยวเฮยดังขึ้นข้างหูของฉินอวี้โม่ มันบอกนางเกี่ยวกับชนิดของอสูรมายาตัวนี้

ฉินอวี้โม่พยักหน้า อสูรมายาตัวนี้แข็งแกร่งกว่าเสี่ยวเฮยเสียด้วยซ้ำ เห็นทีว่าคราวนี้กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจจะโชคร้ายเสียแล้ว

เมื่อหลี่เปียวเห็นเหยี่ยวปีกทองปรากฏต่อหน้าและยังเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขามออกมาข่มขู่ หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างอันธพาลก็หวาดกลัวจนขนหัวลุก

“หนี! เร็วเข้า หนี! มันคืออสูรเทวะ!”

เขาตะโกนออกมาอย่างแตกตื่น  ผู้นำแสนป่าเถื่อนแห่งกลุ่มทหารรับจ้างอันธพาลหันหลังวิ่งหนีเป็นคนแรก

“เจ้าพวกมนุษย์โสโคก กล้ามาขโมยผลหลิวหลีของข้า พวกเจ้าต้องชดใช้!”

เหยี่ยวปีกทองตะโกนก้องอย่างโกรธแค้น ปีกคู่ขนาดใหญ่ของมันโบกสะบัดไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่องและก่อให้เกิดกระแสลมแรงที่พัดเอาสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่กำลังออกวิ่งล้มกลิ้งระเนระนาดไม่สามารถหนีไปได้

“เพ่ย ปากดีนักนะไอ้นกยักษ์ พวกข้าจะเด็ดปีกเจ้าเอง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเราที่มีตั้งหลายคนจะจัดการเจ้าไม่ได้!”

เมื่อเห็นว่าพวกตนไม่มีทางหนีไปไหนได้อีก หลี่เปียวก็ชักอาวุธรวมถึงเรียกอสูรมายาของตัวเองออกมา คนของเขาเองก็พากันเรียกอสูรมายาคู่กายออกมาด้วยเช่นกัน

มุมปากของฉินอวี้โม่กระตุกเป็นรอยยิ้มแสนเย็นชาขึ้นทันทีเมื่อเห็นหลี่เปียวและลูกน้องกำลังถูกเหยี่ยวปีกทองเล่นงาน…อดีตสาวนักฆ่ารู้ว่า ในตอนนี้โอกาสได้มาถึงแล้ว

“ทุกท่านโปรดฟัง ขอให้รออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะเข้าไปเอาผลหลิวหลีมา”

ฉินอวี้โม่หันไปประกาศกับเหล่าทหารแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน พร้อมกันนั้นเสี่ยวเฮยตัวน้อยก็คืนร่างกลับมาสู่รูปลักษณ์แท้จริง

ยูนิคอร์นสีนิลอันสง่างามที่ปรากฏขึ้นข้างกายสตรีผู้อาสาบุกไปชิงผลไม้วิเศษ ทำให้สมาชิกกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนหลายคนผงะไป

“เสี่ยวเฮย พาข้าเข้าไปเอาผลหลิวหลี”

ฉินอวี้โม่กระโดดขึ้นไปบนหลังของอาชาสีดำก่อนจะชี้ออกไปที่ผลหลิวหลี

เสี่ยวเฮยพยักหน้ารับแล้วสยายปีกบินตรงไปยังจุดนั้นทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 37.2 มุ่งหมายทำลายภารกิจ (2)

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 37.2 มุ่งหมายทำลายภารกิจ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราก็รอคอยกันอย่างเงียบๆ ก่อน รอให้ผลหลิวหลีสุกเต็มที่ พวกเราจะร่วมกันลงมือ”

เมื่อได้มองดูกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่อยู่ไกลออกไปแล้ว ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจว่าผลหลิวหลีนั้นยังไม่สุก นางเห็นพวกเขายังคงนั่งรออยู่หน้าถ้ำ อดีตคุณหนูสี่จึงหาที่ว่างๆ และนั่งรอ

ลั่วอวิ๋นและเสี่ยวโร่วเองก็นั่งลงข้างๆ ฉินอวี้โม่เงียบๆ เช่นกัน

แม้ว่าคนของกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนจะร้อนใจกันเป็นอย่างมาก แต่ยามนี้พวกเขาก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากต้องเชื่อใจสตรีผู้งดงามตรงหน้าและสหายของนาง  พวกเขาพากันนั่งลงบ้างเพื่อรอคอยให้นางเริ่มลงมือ

“หัวหน้าเสี้ยวฮัง พวกท่านมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้อย่างนั้นหรือ?”

ฉินอวี้โม่หันไปถามเสี้ยวฮังด้วยความสงสัย หากเป็นเช่นนั้นจริงก็หมายความว่านางอาจจะได้พบชื่อเซียวอีกครั้ง

“ไม่ใช่หรอกแม่นาง ที่จริงแล้วครั้งนี้เรามาเพื่อทำภารกิจ เมืองเยว่กวางแห่งนี้เป็นแค่ทางผ่าน แต่พอมาถึงพวกเราก็ได้ยินว่าอีกไม่กี่วันจะมีเทศกาลอสูรล้อมเมือง นายน้อยของพวกเราบอกว่าการเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งนายน้อยเห็นว่าการเดินทางด้วยคนจำนวนมากจะทำให้ชักช้า เขาจึงบอกให้พวกเราอยู่ที่นี่รอฟังข่าวแล้วค่อยออกเดินทางถ้าหากหน่วยหน้าต้องการกำลังเสริม และเขาก็อนุญาตให้พวกเราเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองได้เลยในกรณีที่ภารกิจล่าช้ากว่ากำหนดหรือพวกเขากลับมาสมทบไม่ทัน”

เสี้ยวฮังอธิบายให้ฉินอวี้โม่ฟังด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเสี้ยวฮัง ฉินอวี้โม่ก็พอจะเดาได้เลยว่าภารกิจที่พวกเขาพูดถึงกันก็คือภารกิจที่ชื่อเซียวและกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนหน่วยที่หนึ่งไปทำที่ป่าสายหมอกในเมืองหลิงซี

“แล้วตอนนี้นายน้อยของพวกท่านอยู่ที่ใดกัน?”

ฉินอวี้โม่ถามด้วยความสงสัย ตัวนางและเสี่ยวโร่วก็เดินทางมุ่งหน้าจากเมืองหลิงซีมายังเมืองเยว่กวางเช่นกัน ซึ่งในระหว่างนั้นพวกนางยังได้แวะพักล่าอสูรมายากันอีกถึงสามวัน  หากชื่อเซียวและหน่วยทหารรับจ้างของเขาออกเดินทางจากหลิงซีมาที่นี่แล้วจริงๆ พวกเขาก็ควรจะมาถึงเร็วกว่าพวกนางจึงจะถูกต้อง

“นายน้อยน่าจะมาถึงในอีกวันถึงสองวัน”

เสี้ยวฮังกล่าว และเขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าตอนนี้ชื่อเซียวอยู่ที่ใด

“นายน้อยเป็นคนบอกให้พวกเรารออยู่ที่นี่ หากไม่มีการติดต่อขอกำลังเสริมจากหน่วยหน้านั่นแสดงว่าภารกิจที่เมืองหลิงซีเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น และพวกเขาก็จะรีบกลับมาสมทบ ข้าคิดว่าตอนนี้คงอยู่ระหว่างทางกลับ”

เสี้ยวฮังกล่าวเพิ่มอีกหนึ่งประโยค นี่เป็นทั้งหมดที่เขารู้

ฉินอวี้โม่พยักหน้าและไม่ถามอีก เหมือนว่าหลังจากเสร็จภารกิจที่เมืองหลิงซี พวกเขาอาจจะแวะทำธุระอย่างอื่นก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่

“ดูนั่น ข้าว่าผลหลิวหลีเกือบจะสุกแล้ว!”

สมาชิกของกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนผู้หนึ่งสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าที่เปลี่ยนไป เขาคาดเดาว่าผลหลิวหลีน่าจะใกล้สุกแล้วจึงส่งเสียงร้องเตือนขึ้น

ฉินอวี้โม่ เสี่ยวโร่ว และลั่วอวิ๋นลุกขึ้นยืนและมองออกไปในทิศทางนั้นทันที

พวกนางเห็นว่าตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่จากเดิมนั่งรอกันอยู่ลุกขึ้นมายืมและเดินไปรวมตัวกันด้านล่างของปากถ้ำที่มีผลหลิวหลีแล้ว

คนผู้หนึ่งในกลุ่มหมาป่าปีศาจเรียกอสูรมายาของเขาออกมา อสูรมายาของคนผู้นั้นมีรูปลักษณ์เป็นกริฟฟินขนาดใหญ่

“หัวหน้า ข้าจะเป็นคนไปเอาผลหลิวหลีนั่นมาเอง”

เมื่อกล่าวจบ ชายผู้ครอบครองกริฟฟินก็กระโดดขึ้นขี่หลังอสูรมายาของตัวเอง เขาบินตรงไปยังถ้ำไหล่เขาซึ่งเป็นจุดที่มีผลหลิวหลีอยู่

“พวกเขากำลังจะเก็บผลหลิวหลีกันแล้ว แม่นาง พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของชายผู้นั้น เสี้ยวฮังก็หันไปมองฉินอวี้โม่พลางกล่าวอย่างร้อนใจ

“ไม่ต้องห่วง การจะเก็บผลหลิวหลีมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆ นางดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสงบ โดยไม่มีท่าทีเร่งร้อนให้เห็น

ซึ่งที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเสี่ยวเฮยตัวน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่บางกระซิบบอกนางเบาๆ ว่ามันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรมายาที่ทรงพลังอย่างไม่ได้ด้อยไปกว่ามันเลยจากภายในถ้ำไหล่เขาแห่งนั้น

ชายผู้ขี่กริฟฟินบินตรงไปยังเพดานถ้ำที่มีเถาของผลหลิวหลีขึ้นอยู่อย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นเถาหลิวหลีอยู่ตรงหน้าเขาก็ตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้นยินดี “หัวหน้า ครั้งนี้พวกเราโชคดีจริงๆ มีผลหลิวหลีตั้งสี่ผล!”

กล่าวจบ เขาก็รีบยื่นมือออกไปหมายจะเด็ดคว้าผลหลิวหลีมาให้เร็วที่สุด

ทว่าก่อนที่มือของเขาจะได้สัมผัสกับผลหลิวหลี ใบหน้าของชายผู้นั้นก็ปรากฏแววตื่นตระหนกขึ้น!

ชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจต่อจากนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องที่ดูทุกข์ทรมานของเขาก่อนที่ชายผู้นั้นจะล่วงลงมาจากกลางอากาศ

— ปัง! —

ชายผู้นั้นพร้อมด้วยกริฟฟินคู่ใจตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง และหากไม่ใช่เพราะมีกริฟฟินเป็นเบาะรองรับ เขาก็คงจะบาดเจ็บถึงพิการได้เลย

“เจ้าสาม เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?!”

เมื่อเห็นลูกน้องของตนตกลงมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งอสูรมายาคู่ใจก็มีสภาพปางตาย หลี่เปียวจึงตะโกนถามออกไป

“หัวหน้า วิ่งเร็ว!”

ชายที่ถูกเรียกว่าเจ้าสามเค้นแรงเฮือกสุดท้ายตะโกนออกมาก่อนจะหมดสติไป

กริฟฟินตัวใหญ่ อสูรมายาของเขาขาดใจตายไปแล้ว ส่วนเขาที่เป็นเจ้าของเองก็อาการสาหัสเช่นกัน

เมื่อหลี่เปียวได้ยินเช่นนั้น เขาก็เกิดความลังเล หัวหน้าทหารอันธพาลยังไม่กล้าเคลื่อนไหว แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงที่น่าขนลุกดังขึ้นมาจากบนฟ้าเหนือศีรษะของตน

“เจ้าพวกมนุษย์โสโครกน่ารังเกียจ กล้าดียังไงมาขโมยผลหลิวหลีของข้า!”

มันคืออสูรมายาที่มีรูปร่างคล้ายเหยี่ยว ทว่ากลับมีขนาดใหญ่และทรงพลังกว่าเหยี่ยวธรรมดามาก อีกทั้งขนของมันก็ยังเป็นสีทองอร่ามทั่วทั้งตัว ดูสง่างามเป็นอย่างมาก

“เจ้านี่คือเหยี่ยวปีกทอง อสูรเทวะสามดารา มันแข็งแกร่งกว่าข้าอีกนายหญิง”

เสียงของเสี่ยวเฮยดังขึ้นข้างหูของฉินอวี้โม่ มันบอกนางเกี่ยวกับชนิดของอสูรมายาตัวนี้

ฉินอวี้โม่พยักหน้า อสูรมายาตัวนี้แข็งแกร่งกว่าเสี่ยวเฮยเสียด้วยซ้ำ เห็นทีว่าคราวนี้กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจจะโชคร้ายเสียแล้ว

เมื่อหลี่เปียวเห็นเหยี่ยวปีกทองปรากฏต่อหน้าและยังเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขามออกมาข่มขู่ หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างอันธพาลก็หวาดกลัวจนขนหัวลุก

“หนี! เร็วเข้า หนี! มันคืออสูรเทวะ!”

เขาตะโกนออกมาอย่างแตกตื่น  ผู้นำแสนป่าเถื่อนแห่งกลุ่มทหารรับจ้างอันธพาลหันหลังวิ่งหนีเป็นคนแรก

“เจ้าพวกมนุษย์โสโคก กล้ามาขโมยผลหลิวหลีของข้า พวกเจ้าต้องชดใช้!”

เหยี่ยวปีกทองตะโกนก้องอย่างโกรธแค้น ปีกคู่ขนาดใหญ่ของมันโบกสะบัดไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่องและก่อให้เกิดกระแสลมแรงที่พัดเอาสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่กำลังออกวิ่งล้มกลิ้งระเนระนาดไม่สามารถหนีไปได้

“เพ่ย ปากดีนักนะไอ้นกยักษ์ พวกข้าจะเด็ดปีกเจ้าเอง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเราที่มีตั้งหลายคนจะจัดการเจ้าไม่ได้!”

เมื่อเห็นว่าพวกตนไม่มีทางหนีไปไหนได้อีก หลี่เปียวก็ชักอาวุธรวมถึงเรียกอสูรมายาของตัวเองออกมา คนของเขาเองก็พากันเรียกอสูรมายาคู่กายออกมาด้วยเช่นกัน

มุมปากของฉินอวี้โม่กระตุกเป็นรอยยิ้มแสนเย็นชาขึ้นทันทีเมื่อเห็นหลี่เปียวและลูกน้องกำลังถูกเหยี่ยวปีกทองเล่นงาน…อดีตสาวนักฆ่ารู้ว่า ในตอนนี้โอกาสได้มาถึงแล้ว

“ทุกท่านโปรดฟัง ขอให้รออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะเข้าไปเอาผลหลิวหลีมา”

ฉินอวี้โม่หันไปประกาศกับเหล่าทหารแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน พร้อมกันนั้นเสี่ยวเฮยตัวน้อยก็คืนร่างกลับมาสู่รูปลักษณ์แท้จริง

ยูนิคอร์นสีนิลอันสง่างามที่ปรากฏขึ้นข้างกายสตรีผู้อาสาบุกไปชิงผลไม้วิเศษ ทำให้สมาชิกกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนหลายคนผงะไป

“เสี่ยวเฮย พาข้าเข้าไปเอาผลหลิวหลี”

ฉินอวี้โม่กระโดดขึ้นไปบนหลังของอาชาสีดำก่อนจะชี้ออกไปที่ผลหลิวหลี

เสี่ยวเฮยพยักหน้ารับแล้วสยายปีกบินตรงไปยังจุดนั้นทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 37.2 มุ่งหมายทำลายภารกิจ (2)

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 37.2 มุ่งหมายทำลายภารกิจ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราก็รอคอยกันอย่างเงียบๆ ก่อน รอให้ผลหลิวหลีสุกเต็มที่ พวกเราจะร่วมกันลงมือ”

เมื่อได้มองดูกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่อยู่ไกลออกไปแล้ว ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจว่าผลหลิวหลีนั้นยังไม่สุก นางเห็นพวกเขายังคงนั่งรออยู่หน้าถ้ำ อดีตคุณหนูสี่จึงหาที่ว่างๆ และนั่งรอ

ลั่วอวิ๋นและเสี่ยวโร่วเองก็นั่งลงข้างๆ ฉินอวี้โม่เงียบๆ เช่นกัน

แม้ว่าคนของกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนจะร้อนใจกันเป็นอย่างมาก แต่ยามนี้พวกเขาก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากต้องเชื่อใจสตรีผู้งดงามตรงหน้าและสหายของนาง  พวกเขาพากันนั่งลงบ้างเพื่อรอคอยให้นางเริ่มลงมือ

“หัวหน้าเสี้ยวฮัง พวกท่านมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้อย่างนั้นหรือ?”

ฉินอวี้โม่หันไปถามเสี้ยวฮังด้วยความสงสัย หากเป็นเช่นนั้นจริงก็หมายความว่านางอาจจะได้พบชื่อเซียวอีกครั้ง

“ไม่ใช่หรอกแม่นาง ที่จริงแล้วครั้งนี้เรามาเพื่อทำภารกิจ เมืองเยว่กวางแห่งนี้เป็นแค่ทางผ่าน แต่พอมาถึงพวกเราก็ได้ยินว่าอีกไม่กี่วันจะมีเทศกาลอสูรล้อมเมือง นายน้อยของพวกเราบอกว่าการเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งนายน้อยเห็นว่าการเดินทางด้วยคนจำนวนมากจะทำให้ชักช้า เขาจึงบอกให้พวกเราอยู่ที่นี่รอฟังข่าวแล้วค่อยออกเดินทางถ้าหากหน่วยหน้าต้องการกำลังเสริม และเขาก็อนุญาตให้พวกเราเข้าร่วมอสูรล้อมเมืองได้เลยในกรณีที่ภารกิจล่าช้ากว่ากำหนดหรือพวกเขากลับมาสมทบไม่ทัน”

เสี้ยวฮังอธิบายให้ฉินอวี้โม่ฟังด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเสี้ยวฮัง ฉินอวี้โม่ก็พอจะเดาได้เลยว่าภารกิจที่พวกเขาพูดถึงกันก็คือภารกิจที่ชื่อเซียวและกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนหน่วยที่หนึ่งไปทำที่ป่าสายหมอกในเมืองหลิงซี

“แล้วตอนนี้นายน้อยของพวกท่านอยู่ที่ใดกัน?”

ฉินอวี้โม่ถามด้วยความสงสัย ตัวนางและเสี่ยวโร่วก็เดินทางมุ่งหน้าจากเมืองหลิงซีมายังเมืองเยว่กวางเช่นกัน ซึ่งในระหว่างนั้นพวกนางยังได้แวะพักล่าอสูรมายากันอีกถึงสามวัน  หากชื่อเซียวและหน่วยทหารรับจ้างของเขาออกเดินทางจากหลิงซีมาที่นี่แล้วจริงๆ พวกเขาก็ควรจะมาถึงเร็วกว่าพวกนางจึงจะถูกต้อง

“นายน้อยน่าจะมาถึงในอีกวันถึงสองวัน”

เสี้ยวฮังกล่าว และเขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าตอนนี้ชื่อเซียวอยู่ที่ใด

“นายน้อยเป็นคนบอกให้พวกเรารออยู่ที่นี่ หากไม่มีการติดต่อขอกำลังเสริมจากหน่วยหน้านั่นแสดงว่าภารกิจที่เมืองหลิงซีเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น และพวกเขาก็จะรีบกลับมาสมทบ ข้าคิดว่าตอนนี้คงอยู่ระหว่างทางกลับ”

เสี้ยวฮังกล่าวเพิ่มอีกหนึ่งประโยค นี่เป็นทั้งหมดที่เขารู้

ฉินอวี้โม่พยักหน้าและไม่ถามอีก เหมือนว่าหลังจากเสร็จภารกิจที่เมืองหลิงซี พวกเขาอาจจะแวะทำธุระอย่างอื่นก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่

“ดูนั่น ข้าว่าผลหลิวหลีเกือบจะสุกแล้ว!”

สมาชิกของกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนผู้หนึ่งสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าที่เปลี่ยนไป เขาคาดเดาว่าผลหลิวหลีน่าจะใกล้สุกแล้วจึงส่งเสียงร้องเตือนขึ้น

ฉินอวี้โม่ เสี่ยวโร่ว และลั่วอวิ๋นลุกขึ้นยืนและมองออกไปในทิศทางนั้นทันที

พวกนางเห็นว่าตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่จากเดิมนั่งรอกันอยู่ลุกขึ้นมายืมและเดินไปรวมตัวกันด้านล่างของปากถ้ำที่มีผลหลิวหลีแล้ว

คนผู้หนึ่งในกลุ่มหมาป่าปีศาจเรียกอสูรมายาของเขาออกมา อสูรมายาของคนผู้นั้นมีรูปลักษณ์เป็นกริฟฟินขนาดใหญ่

“หัวหน้า ข้าจะเป็นคนไปเอาผลหลิวหลีนั่นมาเอง”

เมื่อกล่าวจบ ชายผู้ครอบครองกริฟฟินก็กระโดดขึ้นขี่หลังอสูรมายาของตัวเอง เขาบินตรงไปยังถ้ำไหล่เขาซึ่งเป็นจุดที่มีผลหลิวหลีอยู่

“พวกเขากำลังจะเก็บผลหลิวหลีกันแล้ว แม่นาง พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของชายผู้นั้น เสี้ยวฮังก็หันไปมองฉินอวี้โม่พลางกล่าวอย่างร้อนใจ

“ไม่ต้องห่วง การจะเก็บผลหลิวหลีมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆ นางดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสงบ โดยไม่มีท่าทีเร่งร้อนให้เห็น

ซึ่งที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเสี่ยวเฮยตัวน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่บางกระซิบบอกนางเบาๆ ว่ามันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรมายาที่ทรงพลังอย่างไม่ได้ด้อยไปกว่ามันเลยจากภายในถ้ำไหล่เขาแห่งนั้น

ชายผู้ขี่กริฟฟินบินตรงไปยังเพดานถ้ำที่มีเถาของผลหลิวหลีขึ้นอยู่อย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นเถาหลิวหลีอยู่ตรงหน้าเขาก็ตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้นยินดี “หัวหน้า ครั้งนี้พวกเราโชคดีจริงๆ มีผลหลิวหลีตั้งสี่ผล!”

กล่าวจบ เขาก็รีบยื่นมือออกไปหมายจะเด็ดคว้าผลหลิวหลีมาให้เร็วที่สุด

ทว่าก่อนที่มือของเขาจะได้สัมผัสกับผลหลิวหลี ใบหน้าของชายผู้นั้นก็ปรากฏแววตื่นตระหนกขึ้น!

ชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจต่อจากนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องที่ดูทุกข์ทรมานของเขาก่อนที่ชายผู้นั้นจะล่วงลงมาจากกลางอากาศ

— ปัง! —

ชายผู้นั้นพร้อมด้วยกริฟฟินคู่ใจตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง และหากไม่ใช่เพราะมีกริฟฟินเป็นเบาะรองรับ เขาก็คงจะบาดเจ็บถึงพิการได้เลย

“เจ้าสาม เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?!”

เมื่อเห็นลูกน้องของตนตกลงมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งอสูรมายาคู่ใจก็มีสภาพปางตาย หลี่เปียวจึงตะโกนถามออกไป

“หัวหน้า วิ่งเร็ว!”

ชายที่ถูกเรียกว่าเจ้าสามเค้นแรงเฮือกสุดท้ายตะโกนออกมาก่อนจะหมดสติไป

กริฟฟินตัวใหญ่ อสูรมายาของเขาขาดใจตายไปแล้ว ส่วนเขาที่เป็นเจ้าของเองก็อาการสาหัสเช่นกัน

เมื่อหลี่เปียวได้ยินเช่นนั้น เขาก็เกิดความลังเล หัวหน้าทหารอันธพาลยังไม่กล้าเคลื่อนไหว แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงที่น่าขนลุกดังขึ้นมาจากบนฟ้าเหนือศีรษะของตน

“เจ้าพวกมนุษย์โสโครกน่ารังเกียจ กล้าดียังไงมาขโมยผลหลิวหลีของข้า!”

มันคืออสูรมายาที่มีรูปร่างคล้ายเหยี่ยว ทว่ากลับมีขนาดใหญ่และทรงพลังกว่าเหยี่ยวธรรมดามาก อีกทั้งขนของมันก็ยังเป็นสีทองอร่ามทั่วทั้งตัว ดูสง่างามเป็นอย่างมาก

“เจ้านี่คือเหยี่ยวปีกทอง อสูรเทวะสามดารา มันแข็งแกร่งกว่าข้าอีกนายหญิง”

เสียงของเสี่ยวเฮยดังขึ้นข้างหูของฉินอวี้โม่ มันบอกนางเกี่ยวกับชนิดของอสูรมายาตัวนี้

ฉินอวี้โม่พยักหน้า อสูรมายาตัวนี้แข็งแกร่งกว่าเสี่ยวเฮยเสียด้วยซ้ำ เห็นทีว่าคราวนี้กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจจะโชคร้ายเสียแล้ว

เมื่อหลี่เปียวเห็นเหยี่ยวปีกทองปรากฏต่อหน้าและยังเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขามออกมาข่มขู่ หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างอันธพาลก็หวาดกลัวจนขนหัวลุก

“หนี! เร็วเข้า หนี! มันคืออสูรเทวะ!”

เขาตะโกนออกมาอย่างแตกตื่น  ผู้นำแสนป่าเถื่อนแห่งกลุ่มทหารรับจ้างอันธพาลหันหลังวิ่งหนีเป็นคนแรก

“เจ้าพวกมนุษย์โสโคก กล้ามาขโมยผลหลิวหลีของข้า พวกเจ้าต้องชดใช้!”

เหยี่ยวปีกทองตะโกนก้องอย่างโกรธแค้น ปีกคู่ขนาดใหญ่ของมันโบกสะบัดไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่องและก่อให้เกิดกระแสลมแรงที่พัดเอาสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจที่กำลังออกวิ่งล้มกลิ้งระเนระนาดไม่สามารถหนีไปได้

“เพ่ย ปากดีนักนะไอ้นกยักษ์ พวกข้าจะเด็ดปีกเจ้าเอง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเราที่มีตั้งหลายคนจะจัดการเจ้าไม่ได้!”

เมื่อเห็นว่าพวกตนไม่มีทางหนีไปไหนได้อีก หลี่เปียวก็ชักอาวุธรวมถึงเรียกอสูรมายาของตัวเองออกมา คนของเขาเองก็พากันเรียกอสูรมายาคู่กายออกมาด้วยเช่นกัน

มุมปากของฉินอวี้โม่กระตุกเป็นรอยยิ้มแสนเย็นชาขึ้นทันทีเมื่อเห็นหลี่เปียวและลูกน้องกำลังถูกเหยี่ยวปีกทองเล่นงาน…อดีตสาวนักฆ่ารู้ว่า ในตอนนี้โอกาสได้มาถึงแล้ว

“ทุกท่านโปรดฟัง ขอให้รออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะเข้าไปเอาผลหลิวหลีมา”

ฉินอวี้โม่หันไปประกาศกับเหล่าทหารแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน พร้อมกันนั้นเสี่ยวเฮยตัวน้อยก็คืนร่างกลับมาสู่รูปลักษณ์แท้จริง

ยูนิคอร์นสีนิลอันสง่างามที่ปรากฏขึ้นข้างกายสตรีผู้อาสาบุกไปชิงผลไม้วิเศษ ทำให้สมาชิกกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนหลายคนผงะไป

“เสี่ยวเฮย พาข้าเข้าไปเอาผลหลิวหลี”

ฉินอวี้โม่กระโดดขึ้นไปบนหลังของอาชาสีดำก่อนจะชี้ออกไปที่ผลหลิวหลี

เสี่ยวเฮยพยักหน้ารับแล้วสยายปีกบินตรงไปยังจุดนั้นทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+