คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 447 เป็นเขานั่นเอง

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 447 เป็นเขานั่นเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉินขุย ฉินจิน ส่าวชิง หุบปากก่อนเถอะ !”

เมื่อฉินขุยกำลังจะอ้าปากตอบโต้อีกครั้ง ฉินหวยก็กล่าวปรามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เขาชำเลืองมองกองทหารหงเฟิงซึ่งยืนนิ่งอย่างใจเย็นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าลืมคำสั่งของผู้นำฉินเหยียน อย่าลืมศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินหวยและสัมผัสได้ว่าเขามีน้ำโหเล็กน้อย ทั้งฉินขุยและฉินจินก็ไม่เอ่ยวาจาใด ๆ อีกและเพียงแต่มองหน้ากันด้วยแววตาดุดัน

เลี่ยหยางยิ้มและกล่าว “ผู้อาวุโสฉินหวย ไม่ทราบว่าผู้นำฉินเหยียนต้องการสิ่งใด ต้องการให้เราร่วมมือกันเพื่อกำจัดผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงงั้นรึ ?”

เลี่ยหยางทราบดีว่าฉินเหยียนสั่งการมาอย่างไร เขาเพียงเอ่ยถามออกไปเท่านั้น ถึงอย่างไรเขาก็ต้องแสดงออกต่อหน้าทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังต้องรอคำสั่งจากฉินอวี้โม่

“ส่าวชิง ปล่อยวางความเจ้าเล่ห์ของเจ้าไปก่อนเถอะ เราทั้งหมดต้องร่วมมือกันเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู แม้ว่ากองทหารหงเฟิงจะทรงพลัง แต่คนของพวกเขาก็เข้ามาในซากปรักหักพังเพียงไม่มาก หากพวกเราร่วมมือกัน การจัดการกับพวกเขาก็มิใช่ปัญหา”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินส่าวชิง ฉินหวยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ อย่างไรก็ตาม หลังจากไตร่ตรองดูเขาก็ไม่อาจค้นพบได้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นมาจากเหตุผลใด

“เหอะ เจ้าคิดว่าเราไม่รู้แผนการของฉินเหยียนงั้นรึ !? คิดว่าเราจะยอมให้พวกเจ้าจัดการได้ง่าย ๆ งั้นรึ !?”

ท่ามกลางกองทหารหงเฟิง หงเย่เป็นผู้กล่าวตอบโต้โดยไม่หวาดหวั่นเลยสักนิด คนอื่น ๆ จากกองทหารหงเฟิงเองก็มีสีหน้าเรียบเฉยบ่งบอกว่าไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้น

“หึ เห็นทีว่าพวกเจ้าคงจะไม่ได้อยู่เห็นแสงตะวันของวันพรุ่งนี้”

ฉินหวยยิ้มอย่างไม่แยแสขณะขยิบตาส่งสัญญาณให้กับฉินขุยและฉินส่าวชิงซึ่งแท้ที่จริงแล้วคือเลี่ยหยางปลอมตัวมา

แน่นอนว่าฉินขุยเข้าใจความหมายของฉินหวยในทันทีและนำคนของตนเข้าไปยืนข้างฉินหวยและพวก พวกเขาทั้งหมดจ้องมองกองทหารหงเฟิงด้วยสายตาที่เกลียดชังเหมือน ๆ กัน

อย่างไรก็ตาม เลี่ยหยางยังไม่ขยับเขยื้อนขณะรอคำสั่งของฉินอวี้โม่

“ส่าวชิง นี่เจ้ากำลังทำอะไร ? ยังไม่รีบมานี่อีก !”

เมื่อเห็นเลี่ยหยางยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ฉินหวยก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความรู้สึกกังวลในใจ

“เหตุใดเราจะต้องไปด้วยล่ะ ?”

ทันใดนั้น ฉินอวี้โม่ก็กล่าวแทรกออกไปทันที

“เหอะ อวี้โม่ เราเรียกฉินส่าวชิง มิใช่เจ้า นี่ไม่ใช่ธุระกงการที่เจ้าจะมาขัดจังหวะได้”

เซวียเม่ยแค่นเสียงเย็นชา ในที่สุดนางก็สบโอกาสสาดวาจาใส่ฉินอวี้โม่ นางจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน

“ฮิ ๆ ๆ เรียกฉินส่าวชิงงั้นรึ ? เชิญพวกท่านลงไปเรียกเขาในนรกอเวจีได้เลย ที่นี่ไม่มีผู้ใดนามว่าฉินส่าวชิง”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็นและพยักศีรษะให้เลี่ยหยาง

เมื่อเห็นเช่นนั้น เลี่ยหยางก็เข้าใจความหมายของนางเป็นอย่างดี เขาหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมากลืนกินและเปิดเผยรูปลักษณ์เดิมของตน

“เจ้าเป็นใครกัน !?”

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของ ‘ฉินส่าวชิง’  สีหน้าของฉินหวยก็บิดเบี้ยวทันที

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าฉินส่าวชิงยังไงล่ะ”

เลี่ยหยางยกยิ้มมุมปากและกล่าวออกไป

“เหอะ ข้าทราบดีว่าฉินส่าวชิงมีรูปลักษณ์อย่างไร !”

ฉินหวยแค่นเสียงในลำคอและรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

“ฮ่า ๆ ๆ ช่างตลกจริง ๆ !”

หงเย่ซึ่งอยู่ด้านข้างชะงักไปเล็กน้อยเช่นกันก่อนหัวเราะพรวดออกมา

“ฉินหวย เจ้าควรจะรู้สึกอับอายสักหน่อยที่บอกใครต่อใครว่าเจ้ารู้จักกับฉินส่าวชิง ผู้บัญชาการของเราค้นพบความจริงตั้งแต่แรกแล้วว่าฉินส่าวชิงผู้นี้คือตัวปลอม ทว่าเจ้ากลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ เลย ฮ่า ๆ ๆ”

แม้ว่าเขายังไม่เข้าใจแน่ชัดนักว่าฉินอวี้โม่และเหล่าสหายต้องการทำสิ่งใด แต่เขาก็ทราบดีว่าตนเองและพวกนางมีศัตรูเป็นฝ่ายฉินหวยเหมือน ๆ กัน

ในเมื่อมีศัตรูเหมือน ๆ กัน แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะร่วมมือกัน

“เฮ้ จอมยุทธ์อวี้โม่ เหตุใดพวกเราไม่ร่วมมือกันล่ะ ร่วมมือกันจัดการกับกลุ่มของฉินหวยที่นี่และจากนั้นท่านก็เอาสมบัติทุกอย่างในซากปรักหักพังแห่งนี้ไปได้เลย พวกเราไม่ต้องการสิ่งใด”

หงเย่ยิ้มให้ฉินอวี้โม่และกล่าวข้อเสนอ

ในเมื่อทุกอย่างดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเวลานี้ฉินอวี้โม่เป็นผู้นำที่แท้จริงของเมืองเพลิงมายาและคนอื่น ๆ ปฏิบัติตามคำสั่งของนาง

“ซูวั่งชวน จูเฟยชวี่ อวี้โม่ พวกเจ้าคิดจะทรยศต่อผู้นำฉินเหยียนงั้นรึ !?”

เซวียเม่ยกล่าวอย่างเย็นชาทว่าแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้นางไม่เคยมีเหตุผลรองรับในการจัดการกับฉินอวี้โม่ผู้นี้ที่นางไม่ชอบหน้าเป็นที่สุด ทว่าบัดนี้ต่อให้นางลงมือสังหาร มันก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องและไม่มีใครที่จะกล่าวโทษนาง

“หากไม่เคยยอมจำนน แล้วมันจะเรียกว่าการทรยศได้อย่างไร ?”

จูเฟยชวี่กล่าวขึ้นเบา ๆ แววตาของเขาเวลานี้เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาหารือกันก่อนหน้านี้แล้วและตั้งตารอวันนี้มาเนิ่นนาน

“หัวหน้าหงเย่ ข้าไม่มีปัญหากับการร่วมมือกัน ถึงอย่างไรแล้วพวกเราก็มีศัตรูเหมือน ๆ กัน ทว่าหากท่านกล่าวว่าไม่ต้องการสิ่งใด นั่นก็ดูจะไม่ยุติธรรมอยู่เล็กน้อย”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น หากเราร่วมมือกันจริง ๆ ข้าคิดว่าคงไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังสิ่งใดต่อกัน ถอดผ้าปิดหน้าของท่านและยืนยันข้อสันนิษฐานของข้าก่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ หงเย่ก็ชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงข้างกาย เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่มั่นใจในเรื่องนี้

เมื่อผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ เขาก็ส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างจนปัญญา

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าคิดอยู่แล้วเชียวว่าปิดบังท่านไม่ได้”

เขายิ้มบาง ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่คุ้นหูสำหรับฉินหวยและคนอื่น ๆ

ในขณะเดียวกันนั้น สีหน้าของเฮยรองแสดงออกถึงความตกใจอย่างสุดขีด เขาชี้นิ้วไปที่หัวหน้ากองทหารลึกลับและกล่าวอย่างติด ๆ ขัด ๆ “ท่านคือ… ท่านคือ…”

เขากล่าวเช่นนั้นหลายครา ทว่าไม่กล้าเอ่ยชื่อออกไปโดยตรง เพราะหากนั่นเป็นความจริง เรื่องนี้ถือว่าเลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง !

“ฮ่า ๆ ๆ ถูกต้อง เป็นข้าเอง”

ผู้บัญชาการกองทหารหงเฟิงยิ้มเย็นขณะยกมือขึ้นค่อย ๆ ถอดหน้ากากที่บดบังใบหน้าเผยให้เห็นใบหน้ารูปงาม

คนอื่น ๆ ในกองทหารหงเฟิงก็ถอดหน้ากากของตนเองเช่นกันและเผยให้เห็นใบหน้าประณีตหล่อเหลาและกล้าหาญ

“ฉินเฟิง ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง !”

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของหัวหน้ากองทหารหงเฟิงอย่างชัดเจน ฉินหวยและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงทันที เขายกนิ้วชี้ตรงไปที่อีกฝ่ายด้วยใบหน้าตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เกินความคาดหมายอย่างที่สุดและพวกเขาต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อเรียกสติคืนมา

“ใช่แล้ว ข้าเอง”

ฉินเฟิงยิ้มและค่อย ๆ เดินตรงเข้ามาอยู่ข้างฉินอวี้โม่

“สหายน้อยอวี้โม่ ข้าคิดไว้แล้วเชียวว่าปิดบังท่านไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าท่านจะค้นพบอย่างรวดเร็วเพียงนี้”

ฉินเฟิงมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ฉินอวี้โม่สามารถคาดเดาตัวตนของเขาได้อย่างรวดเร็วและดูเหมือนว่านางจะเป็นศัตรูของฉินเหยียนเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็สามารถผูกมิตรกับนางได้อย่างจริงใจ

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าก็แค่คาดเดาเท่านั้น หากท่านปฏิเสธไป ข้าก็คงจะรู้สึกสับสนไม่น้อย”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ เห็นทีว่านางก็ไม่ควรปิดบังตัวตนที่แท้จริงกับฉินเฟิงเช่นกัน

“เหอะ ข้าก็เคยสงสัยว่าเหตุใดเราจึงไม่เคยได้ยินข้อมูลใดเกี่ยวกับผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ แท้ที่จริงแล้วผู้บัญชาการที่ลึกลับนั่นก็เป็นหนึ่งในคนของพวกเรานี่เอง หนำซ้ำยังปิดบังตัวตนได้อย่างแนบเนียนถึงเพียงนี้ !”

ฉินขุยแค่นเสียงในลำคอ เวลานี้ใบหน้าของเขาก็เหยเกเช่นกัน ความจริงที่ว่าฉินเฟิงคือผู้บัญชาการกองทหารหงเฟิงทำให้เขาตกใจมากจริง ๆ

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าไม่เคยมีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ที่แท้เจ้าก็แอบเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังพวกเรา”

ฉินจินกล่าวเช่นกัน สีหน้าท่าทางของเขาไม่ตกตะลึงมากเท่าคนอื่น

“ฉินเฟิง เจ้าไม่กลัวรึว่าเบื้องบนจะทราบเรื่องและเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นขี้เถ้าจนมลายสิ้น !”

เซวียเม่ยกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา เดิมทีนางคิดว่าจะจัดการ ‘อวี้โม่’ ได้อย่างง่ายดาย ไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะเปิดเผยตัวเช่นนี้ พวกนางก็ทราบถึงพลังและความแข็งแกร่งของฉินเฟิงเป็นอย่างดี

ต่อให้ฉินเหยียนมาที่นี่ด้วยตัวเอง นางก็ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะเอาชนะเขาได้ นับประสาอะไรกับนางและคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่

“ฮ่า ๆ ๆ ต่อให้กลัวแล้วอย่างไรกัน ? บางสิ่งบางอย่างก็ไม่อาจล้มเลิกได้เพียงเพราะความกลัว การกลายเป็นขี้เถ้ามลายสิ้นก็เป็นเพียงแค่รูปแบบหนึ่งของความตาย”

ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ ความแข็งแกร่งของเบื้องบนทำให้เขาหวั่นใจเล็กน้อยทว่ามันก็ไม่มากพอให้เขาหวาดกลัวจนไม่กล้าลงมือทำอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้จะหวาดกลัวจริง ๆ เขาก็ยังจะทำทุกอย่างเหล่านี้เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

นี่คือภารกิจและความรับผิดชอบของเขา สำหรับผู้ที่เขาเชื่อมั่นอย่างเต็มหัวใจและสำหรับอาจารย์ของเขา เขาย่อมไม่เกรงกลัว

เมื่อได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของฉินเฟิง ทุกคนก็สั่นไหวเล็กน้อย ฉินเฟิงกล่าวถูกต้องทุกประการและเรื่องบางอย่างจะหยุดกลางคันเพียงเพราะความหวาดกลัวไม่ได้

“อวี้โม่ ซูวั่งชวน เราจะให้โอกาสอีกครา หากพวกเจ้ายังยืนกรานที่จะอยู่ฝ่ายเดียวกับกองทหารหงเฟิง พวกเราจะนำเรื่องนี้ไปรายงานผู้นำฉินเหยียน และเมื่อถึงตอนนั้น หากเมืองเพลิงมายาของพวกเจ้าถูกทำลายไป ก็อย่ามากล่าวโทษพวกเราก็แล้วกัน !”

ฉินขุยตะลึงไปครู่ใหญ่แต่เขาก็เรียกสติกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วและแอบมีความสุขเล็ก ๆ ในใจ หากฉินเหยียนทราบเรื่องนี้เข้า เมืองเพลิงมายาและเมืองวารีมายาอาจจะไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไป เมื่อถึงตอนนั้น เมืองไม้มายาของเขาก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นเมืองที่ทรงพลังที่สุดได้

“การจะทำเช่นนั้น พวกท่านก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมยิ้มอ่อน ในเมื่อกล้าทำเช่นนี้แล้ว นางย่อมมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม นางจะปล่อยให้ฉินหวยและคนอื่น ๆ ออกไปจากที่นี่ไม่ได้แน่ มิฉะนั้นมันจะนำพาปัญหามาอย่างไม่รู้จบ

“เหอะ ยโสโอหังนัก !”

เซวียเม่ยแค่นเสียงและสบถเสียงดัง ฝ่ามือวายุของนางเหวี่ยงฟาดไปที่ฉินอวี้โม่โดยตรง

“เซวียเม่ย เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้าหรอก”

ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบาง ๆ โดยปราศจากความกลัว อึดใจต่อมา จูเฟยชวี่ผู้ซึ่งไม่เอ่ยวาจาใดก็ขยับออกมาขัดขวางฝ่ามือของเซวียเม่ยไว้

“เหอะ เจ้ากล้าสู้กับข้าตัวต่อตัวรึไม่ !?”

เซวียเม่ยแค่นเสียงเย็นชา นางไม่เชื่อว่าตนเองจะเทียบสตรีจอมยุทธ์ตรงหน้าไม่ได้

“ฮ่า ๆ ๆ แล้วเหตุใดข้าจะต้องสู้กับเจ้า?”

ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบาง ๆ และไม่ต้องการลงมือทำสิ่งใดในตอนนี้

“เซวียเม่ย กลับมาก่อน”

เมื่อเห็นเซวียเม่ยก้าวออกไป ฉินหวยก็กล่าวขึ้นทันที ใบหน้าของเขาในตอนนี้เหยเกอย่างยิ่ง

แน่นอนว่าเซวียเม่ยไม่กล้าขัดคำสั่งของฉินหวย นางจ้องหน้าฉินอวี้โม่ด้วยแววตาชั่วร้ายดุดันก่อนเดินกลับไปอยู่ข้างฉินหวยตามเดิม

“อวี้โม่ เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”

เมื่อมองฉินอวี้โม่ในเวลานี้ ข้อคาดเดาทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัว อย่างไรก็ตาม เขาต้องเอ่ยถามเพื่อยืนยันความคิดเหล่านั้น

“ฮ่า ๆ ๆ ผู้อาวุโสฉินหวยคาดเดาไว้นานแล้วมิใช่รึ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มยียวนและสัมผัสได้ถึงการหยั่งเชิงในแววตาของฉินหวย

เมื่อได้ยินวาจาของทั้งสอง ทุกคนโดยรอบต่างก็ฉงนสงสัยไม่น้อย พวกเขามองฉินอวี้โม่และฉินหวยสลับกันด้วยความสนใจเป็นที่สุด

“เป็นอย่างที่คิด เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ การคาดเดาของข้าไม่ได้ผิดเลย”

ฉินหวยกล่าวเบา ๆ และยิ้มอย่างขมขื่น

“ผู้อาวุโสฉินหวย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”

สีหน้าท่าทางของฉินหวยทำให้ฉินขุยและฉินจินมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ

“ฮ่า ๆ ๆ นางคือคนที่เราตามหามาตลอดเวลาที่ผ่านมานี้…คือคนที่ผู้นำฉินเหยียนมีคำสั่งให้เราตามหามาให้ได้ !”

ฉินหวยยิ้มและจู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็หนักแน่นอย่างที่สุด

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ถึงกับตกตะลึง

.

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 447 เป็นเขานั่นเอง

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 447 เป็นเขานั่นเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉินขุย ฉินจิน ส่าวชิง หุบปากก่อนเถอะ !”

เมื่อฉินขุยกำลังจะอ้าปากตอบโต้อีกครั้ง ฉินหวยก็กล่าวปรามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เขาชำเลืองมองกองทหารหงเฟิงซึ่งยืนนิ่งอย่างใจเย็นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าลืมคำสั่งของผู้นำฉินเหยียน อย่าลืมศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินหวยและสัมผัสได้ว่าเขามีน้ำโหเล็กน้อย ทั้งฉินขุยและฉินจินก็ไม่เอ่ยวาจาใด ๆ อีกและเพียงแต่มองหน้ากันด้วยแววตาดุดัน

เลี่ยหยางยิ้มและกล่าว “ผู้อาวุโสฉินหวย ไม่ทราบว่าผู้นำฉินเหยียนต้องการสิ่งใด ต้องการให้เราร่วมมือกันเพื่อกำจัดผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงงั้นรึ ?”

เลี่ยหยางทราบดีว่าฉินเหยียนสั่งการมาอย่างไร เขาเพียงเอ่ยถามออกไปเท่านั้น ถึงอย่างไรเขาก็ต้องแสดงออกต่อหน้าทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังต้องรอคำสั่งจากฉินอวี้โม่

“ส่าวชิง ปล่อยวางความเจ้าเล่ห์ของเจ้าไปก่อนเถอะ เราทั้งหมดต้องร่วมมือกันเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู แม้ว่ากองทหารหงเฟิงจะทรงพลัง แต่คนของพวกเขาก็เข้ามาในซากปรักหักพังเพียงไม่มาก หากพวกเราร่วมมือกัน การจัดการกับพวกเขาก็มิใช่ปัญหา”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินส่าวชิง ฉินหวยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ อย่างไรก็ตาม หลังจากไตร่ตรองดูเขาก็ไม่อาจค้นพบได้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นมาจากเหตุผลใด

“เหอะ เจ้าคิดว่าเราไม่รู้แผนการของฉินเหยียนงั้นรึ !? คิดว่าเราจะยอมให้พวกเจ้าจัดการได้ง่าย ๆ งั้นรึ !?”

ท่ามกลางกองทหารหงเฟิง หงเย่เป็นผู้กล่าวตอบโต้โดยไม่หวาดหวั่นเลยสักนิด คนอื่น ๆ จากกองทหารหงเฟิงเองก็มีสีหน้าเรียบเฉยบ่งบอกว่าไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้น

“หึ เห็นทีว่าพวกเจ้าคงจะไม่ได้อยู่เห็นแสงตะวันของวันพรุ่งนี้”

ฉินหวยยิ้มอย่างไม่แยแสขณะขยิบตาส่งสัญญาณให้กับฉินขุยและฉินส่าวชิงซึ่งแท้ที่จริงแล้วคือเลี่ยหยางปลอมตัวมา

แน่นอนว่าฉินขุยเข้าใจความหมายของฉินหวยในทันทีและนำคนของตนเข้าไปยืนข้างฉินหวยและพวก พวกเขาทั้งหมดจ้องมองกองทหารหงเฟิงด้วยสายตาที่เกลียดชังเหมือน ๆ กัน

อย่างไรก็ตาม เลี่ยหยางยังไม่ขยับเขยื้อนขณะรอคำสั่งของฉินอวี้โม่

“ส่าวชิง นี่เจ้ากำลังทำอะไร ? ยังไม่รีบมานี่อีก !”

เมื่อเห็นเลี่ยหยางยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ฉินหวยก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความรู้สึกกังวลในใจ

“เหตุใดเราจะต้องไปด้วยล่ะ ?”

ทันใดนั้น ฉินอวี้โม่ก็กล่าวแทรกออกไปทันที

“เหอะ อวี้โม่ เราเรียกฉินส่าวชิง มิใช่เจ้า นี่ไม่ใช่ธุระกงการที่เจ้าจะมาขัดจังหวะได้”

เซวียเม่ยแค่นเสียงเย็นชา ในที่สุดนางก็สบโอกาสสาดวาจาใส่ฉินอวี้โม่ นางจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน

“ฮิ ๆ ๆ เรียกฉินส่าวชิงงั้นรึ ? เชิญพวกท่านลงไปเรียกเขาในนรกอเวจีได้เลย ที่นี่ไม่มีผู้ใดนามว่าฉินส่าวชิง”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็นและพยักศีรษะให้เลี่ยหยาง

เมื่อเห็นเช่นนั้น เลี่ยหยางก็เข้าใจความหมายของนางเป็นอย่างดี เขาหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมากลืนกินและเปิดเผยรูปลักษณ์เดิมของตน

“เจ้าเป็นใครกัน !?”

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของ ‘ฉินส่าวชิง’  สีหน้าของฉินหวยก็บิดเบี้ยวทันที

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าฉินส่าวชิงยังไงล่ะ”

เลี่ยหยางยกยิ้มมุมปากและกล่าวออกไป

“เหอะ ข้าทราบดีว่าฉินส่าวชิงมีรูปลักษณ์อย่างไร !”

ฉินหวยแค่นเสียงในลำคอและรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

“ฮ่า ๆ ๆ ช่างตลกจริง ๆ !”

หงเย่ซึ่งอยู่ด้านข้างชะงักไปเล็กน้อยเช่นกันก่อนหัวเราะพรวดออกมา

“ฉินหวย เจ้าควรจะรู้สึกอับอายสักหน่อยที่บอกใครต่อใครว่าเจ้ารู้จักกับฉินส่าวชิง ผู้บัญชาการของเราค้นพบความจริงตั้งแต่แรกแล้วว่าฉินส่าวชิงผู้นี้คือตัวปลอม ทว่าเจ้ากลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ เลย ฮ่า ๆ ๆ”

แม้ว่าเขายังไม่เข้าใจแน่ชัดนักว่าฉินอวี้โม่และเหล่าสหายต้องการทำสิ่งใด แต่เขาก็ทราบดีว่าตนเองและพวกนางมีศัตรูเป็นฝ่ายฉินหวยเหมือน ๆ กัน

ในเมื่อมีศัตรูเหมือน ๆ กัน แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะร่วมมือกัน

“เฮ้ จอมยุทธ์อวี้โม่ เหตุใดพวกเราไม่ร่วมมือกันล่ะ ร่วมมือกันจัดการกับกลุ่มของฉินหวยที่นี่และจากนั้นท่านก็เอาสมบัติทุกอย่างในซากปรักหักพังแห่งนี้ไปได้เลย พวกเราไม่ต้องการสิ่งใด”

หงเย่ยิ้มให้ฉินอวี้โม่และกล่าวข้อเสนอ

ในเมื่อทุกอย่างดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเวลานี้ฉินอวี้โม่เป็นผู้นำที่แท้จริงของเมืองเพลิงมายาและคนอื่น ๆ ปฏิบัติตามคำสั่งของนาง

“ซูวั่งชวน จูเฟยชวี่ อวี้โม่ พวกเจ้าคิดจะทรยศต่อผู้นำฉินเหยียนงั้นรึ !?”

เซวียเม่ยกล่าวอย่างเย็นชาทว่าแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้นางไม่เคยมีเหตุผลรองรับในการจัดการกับฉินอวี้โม่ผู้นี้ที่นางไม่ชอบหน้าเป็นที่สุด ทว่าบัดนี้ต่อให้นางลงมือสังหาร มันก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องและไม่มีใครที่จะกล่าวโทษนาง

“หากไม่เคยยอมจำนน แล้วมันจะเรียกว่าการทรยศได้อย่างไร ?”

จูเฟยชวี่กล่าวขึ้นเบา ๆ แววตาของเขาเวลานี้เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาหารือกันก่อนหน้านี้แล้วและตั้งตารอวันนี้มาเนิ่นนาน

“หัวหน้าหงเย่ ข้าไม่มีปัญหากับการร่วมมือกัน ถึงอย่างไรแล้วพวกเราก็มีศัตรูเหมือน ๆ กัน ทว่าหากท่านกล่าวว่าไม่ต้องการสิ่งใด นั่นก็ดูจะไม่ยุติธรรมอยู่เล็กน้อย”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น หากเราร่วมมือกันจริง ๆ ข้าคิดว่าคงไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังสิ่งใดต่อกัน ถอดผ้าปิดหน้าของท่านและยืนยันข้อสันนิษฐานของข้าก่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ หงเย่ก็ชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงข้างกาย เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่มั่นใจในเรื่องนี้

เมื่อผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ เขาก็ส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างจนปัญญา

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าคิดอยู่แล้วเชียวว่าปิดบังท่านไม่ได้”

เขายิ้มบาง ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่คุ้นหูสำหรับฉินหวยและคนอื่น ๆ

ในขณะเดียวกันนั้น สีหน้าของเฮยรองแสดงออกถึงความตกใจอย่างสุดขีด เขาชี้นิ้วไปที่หัวหน้ากองทหารลึกลับและกล่าวอย่างติด ๆ ขัด ๆ “ท่านคือ… ท่านคือ…”

เขากล่าวเช่นนั้นหลายครา ทว่าไม่กล้าเอ่ยชื่อออกไปโดยตรง เพราะหากนั่นเป็นความจริง เรื่องนี้ถือว่าเลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง !

“ฮ่า ๆ ๆ ถูกต้อง เป็นข้าเอง”

ผู้บัญชาการกองทหารหงเฟิงยิ้มเย็นขณะยกมือขึ้นค่อย ๆ ถอดหน้ากากที่บดบังใบหน้าเผยให้เห็นใบหน้ารูปงาม

คนอื่น ๆ ในกองทหารหงเฟิงก็ถอดหน้ากากของตนเองเช่นกันและเผยให้เห็นใบหน้าประณีตหล่อเหลาและกล้าหาญ

“ฉินเฟิง ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง !”

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของหัวหน้ากองทหารหงเฟิงอย่างชัดเจน ฉินหวยและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงทันที เขายกนิ้วชี้ตรงไปที่อีกฝ่ายด้วยใบหน้าตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เกินความคาดหมายอย่างที่สุดและพวกเขาต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อเรียกสติคืนมา

“ใช่แล้ว ข้าเอง”

ฉินเฟิงยิ้มและค่อย ๆ เดินตรงเข้ามาอยู่ข้างฉินอวี้โม่

“สหายน้อยอวี้โม่ ข้าคิดไว้แล้วเชียวว่าปิดบังท่านไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าท่านจะค้นพบอย่างรวดเร็วเพียงนี้”

ฉินเฟิงมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ฉินอวี้โม่สามารถคาดเดาตัวตนของเขาได้อย่างรวดเร็วและดูเหมือนว่านางจะเป็นศัตรูของฉินเหยียนเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็สามารถผูกมิตรกับนางได้อย่างจริงใจ

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าก็แค่คาดเดาเท่านั้น หากท่านปฏิเสธไป ข้าก็คงจะรู้สึกสับสนไม่น้อย”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ เห็นทีว่านางก็ไม่ควรปิดบังตัวตนที่แท้จริงกับฉินเฟิงเช่นกัน

“เหอะ ข้าก็เคยสงสัยว่าเหตุใดเราจึงไม่เคยได้ยินข้อมูลใดเกี่ยวกับผู้บัญชาการของกองทหารหงเฟิงตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ แท้ที่จริงแล้วผู้บัญชาการที่ลึกลับนั่นก็เป็นหนึ่งในคนของพวกเรานี่เอง หนำซ้ำยังปิดบังตัวตนได้อย่างแนบเนียนถึงเพียงนี้ !”

ฉินขุยแค่นเสียงในลำคอ เวลานี้ใบหน้าของเขาก็เหยเกเช่นกัน ความจริงที่ว่าฉินเฟิงคือผู้บัญชาการกองทหารหงเฟิงทำให้เขาตกใจมากจริง ๆ

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าไม่เคยมีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ที่แท้เจ้าก็แอบเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังพวกเรา”

ฉินจินกล่าวเช่นกัน สีหน้าท่าทางของเขาไม่ตกตะลึงมากเท่าคนอื่น

“ฉินเฟิง เจ้าไม่กลัวรึว่าเบื้องบนจะทราบเรื่องและเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นขี้เถ้าจนมลายสิ้น !”

เซวียเม่ยกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา เดิมทีนางคิดว่าจะจัดการ ‘อวี้โม่’ ได้อย่างง่ายดาย ไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะเปิดเผยตัวเช่นนี้ พวกนางก็ทราบถึงพลังและความแข็งแกร่งของฉินเฟิงเป็นอย่างดี

ต่อให้ฉินเหยียนมาที่นี่ด้วยตัวเอง นางก็ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะเอาชนะเขาได้ นับประสาอะไรกับนางและคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่

“ฮ่า ๆ ๆ ต่อให้กลัวแล้วอย่างไรกัน ? บางสิ่งบางอย่างก็ไม่อาจล้มเลิกได้เพียงเพราะความกลัว การกลายเป็นขี้เถ้ามลายสิ้นก็เป็นเพียงแค่รูปแบบหนึ่งของความตาย”

ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ ความแข็งแกร่งของเบื้องบนทำให้เขาหวั่นใจเล็กน้อยทว่ามันก็ไม่มากพอให้เขาหวาดกลัวจนไม่กล้าลงมือทำอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้จะหวาดกลัวจริง ๆ เขาก็ยังจะทำทุกอย่างเหล่านี้เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

นี่คือภารกิจและความรับผิดชอบของเขา สำหรับผู้ที่เขาเชื่อมั่นอย่างเต็มหัวใจและสำหรับอาจารย์ของเขา เขาย่อมไม่เกรงกลัว

เมื่อได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของฉินเฟิง ทุกคนก็สั่นไหวเล็กน้อย ฉินเฟิงกล่าวถูกต้องทุกประการและเรื่องบางอย่างจะหยุดกลางคันเพียงเพราะความหวาดกลัวไม่ได้

“อวี้โม่ ซูวั่งชวน เราจะให้โอกาสอีกครา หากพวกเจ้ายังยืนกรานที่จะอยู่ฝ่ายเดียวกับกองทหารหงเฟิง พวกเราจะนำเรื่องนี้ไปรายงานผู้นำฉินเหยียน และเมื่อถึงตอนนั้น หากเมืองเพลิงมายาของพวกเจ้าถูกทำลายไป ก็อย่ามากล่าวโทษพวกเราก็แล้วกัน !”

ฉินขุยตะลึงไปครู่ใหญ่แต่เขาก็เรียกสติกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วและแอบมีความสุขเล็ก ๆ ในใจ หากฉินเหยียนทราบเรื่องนี้เข้า เมืองเพลิงมายาและเมืองวารีมายาอาจจะไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไป เมื่อถึงตอนนั้น เมืองไม้มายาของเขาก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นเมืองที่ทรงพลังที่สุดได้

“การจะทำเช่นนั้น พวกท่านก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมยิ้มอ่อน ในเมื่อกล้าทำเช่นนี้แล้ว นางย่อมมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม นางจะปล่อยให้ฉินหวยและคนอื่น ๆ ออกไปจากที่นี่ไม่ได้แน่ มิฉะนั้นมันจะนำพาปัญหามาอย่างไม่รู้จบ

“เหอะ ยโสโอหังนัก !”

เซวียเม่ยแค่นเสียงและสบถเสียงดัง ฝ่ามือวายุของนางเหวี่ยงฟาดไปที่ฉินอวี้โม่โดยตรง

“เซวียเม่ย เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้าหรอก”

ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบาง ๆ โดยปราศจากความกลัว อึดใจต่อมา จูเฟยชวี่ผู้ซึ่งไม่เอ่ยวาจาใดก็ขยับออกมาขัดขวางฝ่ามือของเซวียเม่ยไว้

“เหอะ เจ้ากล้าสู้กับข้าตัวต่อตัวรึไม่ !?”

เซวียเม่ยแค่นเสียงเย็นชา นางไม่เชื่อว่าตนเองจะเทียบสตรีจอมยุทธ์ตรงหน้าไม่ได้

“ฮ่า ๆ ๆ แล้วเหตุใดข้าจะต้องสู้กับเจ้า?”

ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบาง ๆ และไม่ต้องการลงมือทำสิ่งใดในตอนนี้

“เซวียเม่ย กลับมาก่อน”

เมื่อเห็นเซวียเม่ยก้าวออกไป ฉินหวยก็กล่าวขึ้นทันที ใบหน้าของเขาในตอนนี้เหยเกอย่างยิ่ง

แน่นอนว่าเซวียเม่ยไม่กล้าขัดคำสั่งของฉินหวย นางจ้องหน้าฉินอวี้โม่ด้วยแววตาชั่วร้ายดุดันก่อนเดินกลับไปอยู่ข้างฉินหวยตามเดิม

“อวี้โม่ เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”

เมื่อมองฉินอวี้โม่ในเวลานี้ ข้อคาดเดาทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัว อย่างไรก็ตาม เขาต้องเอ่ยถามเพื่อยืนยันความคิดเหล่านั้น

“ฮ่า ๆ ๆ ผู้อาวุโสฉินหวยคาดเดาไว้นานแล้วมิใช่รึ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มยียวนและสัมผัสได้ถึงการหยั่งเชิงในแววตาของฉินหวย

เมื่อได้ยินวาจาของทั้งสอง ทุกคนโดยรอบต่างก็ฉงนสงสัยไม่น้อย พวกเขามองฉินอวี้โม่และฉินหวยสลับกันด้วยความสนใจเป็นที่สุด

“เป็นอย่างที่คิด เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ การคาดเดาของข้าไม่ได้ผิดเลย”

ฉินหวยกล่าวเบา ๆ และยิ้มอย่างขมขื่น

“ผู้อาวุโสฉินหวย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”

สีหน้าท่าทางของฉินหวยทำให้ฉินขุยและฉินจินมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ

“ฮ่า ๆ ๆ นางคือคนที่เราตามหามาตลอดเวลาที่ผ่านมานี้…คือคนที่ผู้นำฉินเหยียนมีคำสั่งให้เราตามหามาให้ได้ !”

ฉินหวยยิ้มและจู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็หนักแน่นอย่างที่สุด

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ถึงกับตกตะลึง

.

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+