คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 5 บุรุษน่ารังเกียจ

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 5 บุรุษน่ารังเกียจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อ๊ากก!”

เสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างมากของเยี่ยเสี่ยวตี๋ดังลั่นไปทั่วลานกว้างหน้าเรือนของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น

“หึ นี่ยังถือว่าน้อยไป”

เสียงของฉินอวี้โม่ฟังราวกับเสียงของปีศาจสาวที่กำลังกระซิบอยู่ข้างหูเยี่ยเสี่ยวตี๋ ก่อนเสียงต่อมาที่ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินจะได้ยินจะเป็นเสียง *กร็อบ* ที่ฟังคุ้นหู….แขนอีกข้างของนางถูกฉินอวี้โม่หักจนหมุนได้รอบทิศเช่นกัน!!!

หลังจากบิดแขนเยี่ยเสี่ยวตี๋จนหัก ฉินอวี้โม่ก็เตะร่างอนุภรรยาของบิดาเต็มแรงจนนางล้มคะมำใบหน้าฟาดพื้น ก่อนจะกลิ้งหลุนๆ ไปไกล

เยี่ยเสี่ยวตี๋เจ็บจนพูดไม่ออก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าในตอนนี้แขนทั้งสองข้างถูกทำลายจนใช้การไม่ได้แล้ว

ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองไปทั่วลานกว้าง สายตาคู่งามมองเห็นคนของเยี่ยเสี่ยวอวิ๋นพากันวิ่งเตลิดหนีตายออกไปจากลานแห่งนี้อย่างรวดเร็ว  คุณหนูสี่ผู้มิใช่คนเดิมมองตามคนเหล่านั้นพลางยกมุมปากอย่างเย้ยหยัน ทว่านางกลับไม่คิดที่จะไล่ตามคนพวกนั้นไป

เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือคนที่จะทำร้ายพวกนางได้อยู่ในลานกว้าง คุณหนูผู้เลอโฉมก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาของตน

“ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?”

หลังจากมั่นใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นปลอดภัย ไม่มีสิ่งใดให้กังวล ฉินอวี้โม่ก็ประคองร่างของเสี่ยวโร่วที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องอวี๋เสี่ยวอวิ๋นขึ้นมา

โชคดีที่เสี่ยวโร่วเองก็ฝึกยุทธ์มาบ้าง แม้ว่านางจะไม่แข็งแกร่งนัก ทว่าก็ยังเพียงพอที่จะรับฝ่ามือของเยี่ยเสี่ยวตี๋ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง

“คุณหนู รีบเก็บข้าวของและหนีกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะหยุดคนพวกนั้นให้เอง!”

เสี่ยวโร่วเห็นผู้ติดตามของเยี่ยเสี่ยวตี๋หลายคนพากันวิ่งหนีออกไป นางก็รู้ทันทีว่าคนเหล่านั้นคงจะรีบไปฟ้องนายท่านฉินเทียนเป็นแน่ แม้ว่าตอนนี้คุณหนูของนางจะไม่ใช่ขยะไร้ค่าอีกต่อไป แต่ฉินเทียนนั้นไม่ชอบหน้าฉินอวี้โม่บุตรสาวคนเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นครั้งนี้เห็นทีว่าเขาคงไม่ละเว้นนางแน่

นางมั่นใจว่าด้วยการชักจูงของฮูหยินรอง ผู้นำตระกูลฉินจะต้องลงโทษคุณหนูและฮูหยินของนางสถานหนักแน่

“ไม่ ไม่จำเป็นต้องวิ่งหรอก”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างใจเย็น นางพาเสี่ยวโร่วและฮูหยินใหญ่ตรงไปที่ม้านั่ง ก่อนจะประคองทั้งสองให้นั่งลง

เมื่อเห็นใบหน้าสงบ อีกทั้งแววตาอันเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ของฉินอวี้โม่ ทั้งเสี่ยวโร่วและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่พูดอะไรอีก พวกนางตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พวกนางก็จะปกป้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยชีวิต

“ฮูหยินรอง ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

ฉินอวี้โม่กล่าวกับเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่กองอยู่บนพื้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนหนาวเหน็บและแผ่วเบาสั่นประสาท

“ฉินอวี้โม่ เจ้ามันตัวเดรัจฉาน ปีศาจตนไหนสิงสู่เจ้าอยู่กันแน่?!”

เยี่ยเสี่ยวตี๋รู้สึกขนลุกกับวาจาของฉินอวี้โม่ นางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นอย่างตื่นกลัว ความแข็งแกร่งที่ฉินอวี้โม่แสดงออกมาอย่างกะทันหันนี้น่ามหัศจรรย์จนเกินมนุษย์และชวนให้ตื่นตระหนกได้อย่างแท้จริง!

เยี่ยเสี่ยวตี๋ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ขยะไร้ค่าอย่างคุณหนูสี่ตระกูลฉิน เหตุใดจู่ๆ ถึงแข็งแกร็งขึ้นมาได้ หรือแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่จะปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนมาโดยตลอด?

“ปีศาจรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า!.”

ฉินอวี้โม่ฉินหัวเราะแล้วกล่าว “ฮูหยินรอง ข้าเพียงแค่กำลัง ‘คืน’ สิ่งท่านมอบให้ข้าในตลอดหลายปีมานี้ก็เท่านั้น น้ำใจท่านกว้างขวางนักคงต้องตอบแทนให้สาสม! ฉะนั้นข้าจึงคิดว่าจะค่อย ๆ คืน ‘สิ่งเหล่านั้นให้ท่าน’ เตรียมตัวให้ดีเถอะ เตรียมใจรับสิ่งที่ท่านทำไว้ในหลายปีมานี้ มันไม่จบง่ายๆ แน่!”

แม้ไม่มีใครทราบเลยว่าหลายปีมานี้ฉินอวี้โม่ต้องอยู่อย่างอัปยศอดสูมากเพียงใด ความเจ็บช้ำและคับแค้นใจที่นางได้รับไม่สามารถบรรยายออกมาให้หมดได้ ทว่าฉินอวี้โม่คนใหม่ที่ได้รับสืบทอดความทรงจำของนางมานั้นรู้ดี …และ ‘เธอ’ จะเป็นคนเอาคืนให้เอง!

เยี่ยเสี่ยวตี๋และฉินฉืออวี้ต่างก็อิจฉารูปโฉมงดงามและสถานะลูกฮูหยินใหญ่ของฉินอวี้โม่ พวกนางสองแม่ลูกข่มเหงรังแกหญิงสาวผู้มีศักดิ์สูงกว่ามาโดยตลอด  ยิ่งกว่านั้นเยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ไม่เคยเคารพยำเกรงอวี๋เสี่ยวอวิ๋นที่เป็นภรรยาเอกเลย ตรงกันข้ามสิ่งที่นางทำยังเรียกได้ว่าหยามเกียรติฮูหยินใหญ่ของตระกูล! แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและบุตรสาวจะอ่อนแอกว่าและไร้หนทางสู้ แต่เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยังคอยแต่จะหาเรื่องสองแม่ลูกมาโดยตลอด ….ทั้งหมดนี้ฉินอวี้โม่คนนี้จะคิดบัญชีแค้นให้เอง

“นังปีศาจ เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะถูกบิดาเจ้าลงโทษที่ทำเช่นนี้?”

เยี่ยเสี่ยวตี๋ตวาดลั่น การกล่าวออกไปเช่นนี้เสมือนเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้นางเอง ซึ่งมันก็สร้างความกล้าให้นางได้ไม่น้อย

ในสายตาของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินอวี้โม่ในตอนนี้คือปีศาจร้าย นางน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง   คุณหนูสี่ สตรีไร้ค่า ขยะแห่งตระกูล ผู้ที่นางเคยข่มเหงรังแกอย่างสนุกสนานกำลังทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ!

“หึ หึ เขาเคยเห็นข้าเป็นบุตรสาวตั้งแต่เมื่อใดกัน ? แล้วเมื่อใดกันที่คนผู้นั้นเคยทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ?!”

รอยยิ้มของฉินอวี้โม่เย็นเยียบชวนเหน็บหนาวเมื่อนึกถึงบิดาที่ไม่เคยมาเหลียวแลพวกนางแม่ลูก ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่ามารดาของนางจะมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ ฉินเทียนมิเคยมาสนใจไยดี

“นังลูกชั่ว! เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินอวี้โม่ เสียงอันเดือดดาลของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้น ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ของฉินเทียนก็เดินผ่านประตูเข้ามายังลานกว้าง

ฉินเทียนคือผู้นำแห่งตระกูลฉิน เขาเป็นบิดาของฉินอวี้โม่ ความแข็งแกร่งของเขานับว่าอยู่แถวหน้าของเมืองหลิงซี เขาคือยอดฝีมือที่อยู่ขอบเขตมายารัตนะระดับห้าดารา ยิ่งกว่านั้นในหลายปีมานี้ เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อพัฒนาตระกูลฉินให้ขึ้นไปอยู่แถวหน้าของเมือง   แท้จริงแล้วอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีเลิศคนหนึ่ง หากไม่เสียที่คนผู้นี้ใจดำอำมหิต ปล่อยปละละเลยภรรยาเอกและเหยียดหยามชิงชังบุตรสาวในอุทร

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของฉินอวี้โม่ เขาไม่ดีพอที่จะให้เคารพนับถือ…ไม่ดีพอให้เรียกว่า ‘พ่อ’ เสียด้วยซ้ำ

ฉินเทียนโปรดปรานเพียงอนุ เขาละเลยอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและสำหรับบุตรทั้งสองที่เกิดจากอวี๋เสี่ยวหวิ๋นนั้นเขาก็ไม่เคยทำหน้าที่ของผู้เป็นบิดาเลยสักครั้ง

มิใช่เพียงไม่รักเขายังไร้เยื่อใยอย่างสิ้นเชิง และที่สำคัญที่สุดคือเขาเกลียดชังความไร้ประโยชน์ของฉินอวี้โม่

หลายต่อหลายปีที่ผ่านมา เขาปล่อยให้ภรรยารองข่มเหงรังแกอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและลูกของนาง เขาไม่เคยลงโทษ ไม่เคยห้ามปราม ไม่เอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ยิ่งกว่านั้นฉินเทียนแทบจะมิเคยเหยียบย่างเข้าไปในเรือนที่ฮูหยินใหญ่อยู่เลยสักครั้ง เรื่องนี้ทำให้สองแม่ลูกรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และผิดหวังในตัวคนผู้นี้เป็นอย่างมาก

ในครั้งนี้เหตุผลเดียวที่เขาต้องเข้ามายังอาณาเขตของเรือนเล็กหลังนี้ก็เป็นเพราะต้องการมาช่วยเยี่ยเสี่ยวตี๋ภรรยาคนโปรด

เมื่อเยี่ยเสี่ยวตี๋เห็นว่าสามีมาถึงแล้ว นางก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันใด

ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น นางใช้แขนสองข้างที่หมดสภาพปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะก่อนจะถลาเข้าสู่อ้อมแขนของฉินเทียนได้ในที่สุด ผู้ที่เคยปากกล้าด่าทอและจงใจจะลงมือตีผู้อื่นให้ตายมาบัดนี้กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแอและใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาอย่างน่าสงสาร “ท่านพี่ ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้ข้าด้วย!”

เมื่อเห็นแขนสองข้างที่บิดเบี้ยวผิดรูปของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินเทียนก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “เสี่ยวตี๋ เกิดอะไรขึ้นกับแขนเจ้า?”

เยี่ยเสี่ยวตี๋กล่าวด้วยใบหน้าหมองเศร้า น้ำตายังคงรินไหลไม่หยุด  “ท่านพี่ ฉินอวี้โม่เป็นคนทำร้ายข้า!”

จากนั้นสตรีผู้กำลังออดอ้อนสามีก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับสามีของนางฟัง  และแน่นอนว่า เรื่องเล่า…ไม่สิ…บทละคร ฉบับที่นางใส่สีตีไข่และถ่ายทอดออกมานั้นแตกต่างไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงโดยสิ้นเชิง

นางบรรยายให้ฉินอวี้โม่และอวี๋เสี่ยวหวิ๋นเป็นสองแม่ลูกที่ไร้เหตุผล ฉินฉืออวี้ไปเยี่ยมเยียนเรือนของฉินอวี้โม่อย่างเป็นมิตรในยามเว่ย ทว่ากลับถูกฉินอวี้โม่ทำร้ายจนมือเท้าใช้การไม่ได้   ส่วนตัวนางเองเพียงแค่จะมาถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบุตรสาว ทว่ากลับถูกฮูหยินใหญ่และคุณหนูสี่รุมรังแกอย่างไร้เหตุผลไปอีกคน  ส่วนแขนของนางที่หมดสภาพไปก็เป็นฝีมือของฉินอวี้โม่ด้วย

ยิ่งเล่า เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ตอนนี้นางสะอึกสะอื้นเสียจนพูดไม่เป็นประโยคไปเสียแล้ว

“หยุดร้องเถอะเสี่ยวตี๋ เจ้าวางใจได้เลย ข้าจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าแน่”

ฉินเทียนประคองเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่อยู่ในอ้อมแขนให้นั่งลง ก่อนจะหันไปมองอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่โกรธจัด

“ตอนนี้พวกเจ้าสองแม่ลูกแข็งแกร่งขึ้นแล้วสินะ ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเจ้าสองคนไปทำอะไรมา!”

อวี๋เสี่ยวอวิ๋นมองฉินเทียนด้วยสีหน้าที่หม่นหมองลงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นความรักที่สามีมอบให้กับภรรยารอง สภาพจิตใจของนางก็ย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม

ด้านฉินอวี้โม่นั้นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผู้เป็นมารดา นางจับกุมมือของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไว้อย่างนุ่มนวล

เมื่อเห็นกิริยาของบุตรสาว อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็คลี่ยิ้มบางส่งให้ เมื่อมีฉินอวี้โม่อยู่ข้าง ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด แต่นางกลับรู้สึกเบาใจขึ้นได้อย่างประหลาด ตอนนี้นางสนใจเพียงแต่ลูกของนางเท่านั้น ส่วนเรื่องของผู้อื่นมิใช่ธุระใดๆ ของนางอีกแล้ว!

ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็เปิดปาก “ ‘บิดา’ ที่รักของข้า ท่านช่วยบอกข้าหน่อยสิว่าพวกเราทำได้ดีรึไม่?”

“เด็กสามหาว! แค่เอาชนะพี่สาวและแม่รองของตัวเองได้ คิดว่าตัวเจ้าวิเศษมากอย่างนั้นรึ?”

ฉินเทียนกล่าวอย่างเย็นชาพลางมองไปที่ฉินอวี้โม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

อวี๋เสี่ยวอวิ๋นต้องการจะกล่าวบางอย่าง ทว่านางก็ถูกฉินอวี้โม่หยุดไว้เสียก่อน

“บิดาที่รักของข้า ข้ามีคำถามจะท่าน”

ฉินอวี้โม่จ้องมองฉินเทียนอย่างแข็งกร้าว ความรู้สึกในตอนนี้ทำให้นางยิ้มไม่ออก วันนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะสะสางความทั้งหมดกับบุรุษที่น่ารังเกียจผู้นี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 5 บุรุษน่ารังเกียจ

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 5 บุรุษน่ารังเกียจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อ๊ากก!”

เสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างมากของเยี่ยเสี่ยวตี๋ดังลั่นไปทั่วลานกว้างหน้าเรือนของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น

“หึ นี่ยังถือว่าน้อยไป”

เสียงของฉินอวี้โม่ฟังราวกับเสียงของปีศาจสาวที่กำลังกระซิบอยู่ข้างหูเยี่ยเสี่ยวตี๋ ก่อนเสียงต่อมาที่ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินจะได้ยินจะเป็นเสียง *กร็อบ* ที่ฟังคุ้นหู….แขนอีกข้างของนางถูกฉินอวี้โม่หักจนหมุนได้รอบทิศเช่นกัน!!!

หลังจากบิดแขนเยี่ยเสี่ยวตี๋จนหัก ฉินอวี้โม่ก็เตะร่างอนุภรรยาของบิดาเต็มแรงจนนางล้มคะมำใบหน้าฟาดพื้น ก่อนจะกลิ้งหลุนๆ ไปไกล

เยี่ยเสี่ยวตี๋เจ็บจนพูดไม่ออก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าในตอนนี้แขนทั้งสองข้างถูกทำลายจนใช้การไม่ได้แล้ว

ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองไปทั่วลานกว้าง สายตาคู่งามมองเห็นคนของเยี่ยเสี่ยวอวิ๋นพากันวิ่งเตลิดหนีตายออกไปจากลานแห่งนี้อย่างรวดเร็ว  คุณหนูสี่ผู้มิใช่คนเดิมมองตามคนเหล่านั้นพลางยกมุมปากอย่างเย้ยหยัน ทว่านางกลับไม่คิดที่จะไล่ตามคนพวกนั้นไป

เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือคนที่จะทำร้ายพวกนางได้อยู่ในลานกว้าง คุณหนูผู้เลอโฉมก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาของตน

“ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?”

หลังจากมั่นใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นปลอดภัย ไม่มีสิ่งใดให้กังวล ฉินอวี้โม่ก็ประคองร่างของเสี่ยวโร่วที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องอวี๋เสี่ยวอวิ๋นขึ้นมา

โชคดีที่เสี่ยวโร่วเองก็ฝึกยุทธ์มาบ้าง แม้ว่านางจะไม่แข็งแกร่งนัก ทว่าก็ยังเพียงพอที่จะรับฝ่ามือของเยี่ยเสี่ยวตี๋ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง

“คุณหนู รีบเก็บข้าวของและหนีกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะหยุดคนพวกนั้นให้เอง!”

เสี่ยวโร่วเห็นผู้ติดตามของเยี่ยเสี่ยวตี๋หลายคนพากันวิ่งหนีออกไป นางก็รู้ทันทีว่าคนเหล่านั้นคงจะรีบไปฟ้องนายท่านฉินเทียนเป็นแน่ แม้ว่าตอนนี้คุณหนูของนางจะไม่ใช่ขยะไร้ค่าอีกต่อไป แต่ฉินเทียนนั้นไม่ชอบหน้าฉินอวี้โม่บุตรสาวคนเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นครั้งนี้เห็นทีว่าเขาคงไม่ละเว้นนางแน่

นางมั่นใจว่าด้วยการชักจูงของฮูหยินรอง ผู้นำตระกูลฉินจะต้องลงโทษคุณหนูและฮูหยินของนางสถานหนักแน่

“ไม่ ไม่จำเป็นต้องวิ่งหรอก”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างใจเย็น นางพาเสี่ยวโร่วและฮูหยินใหญ่ตรงไปที่ม้านั่ง ก่อนจะประคองทั้งสองให้นั่งลง

เมื่อเห็นใบหน้าสงบ อีกทั้งแววตาอันเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ของฉินอวี้โม่ ทั้งเสี่ยวโร่วและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่พูดอะไรอีก พวกนางตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พวกนางก็จะปกป้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยชีวิต

“ฮูหยินรอง ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

ฉินอวี้โม่กล่าวกับเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่กองอยู่บนพื้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนหนาวเหน็บและแผ่วเบาสั่นประสาท

“ฉินอวี้โม่ เจ้ามันตัวเดรัจฉาน ปีศาจตนไหนสิงสู่เจ้าอยู่กันแน่?!”

เยี่ยเสี่ยวตี๋รู้สึกขนลุกกับวาจาของฉินอวี้โม่ นางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นอย่างตื่นกลัว ความแข็งแกร่งที่ฉินอวี้โม่แสดงออกมาอย่างกะทันหันนี้น่ามหัศจรรย์จนเกินมนุษย์และชวนให้ตื่นตระหนกได้อย่างแท้จริง!

เยี่ยเสี่ยวตี๋ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ขยะไร้ค่าอย่างคุณหนูสี่ตระกูลฉิน เหตุใดจู่ๆ ถึงแข็งแกร็งขึ้นมาได้ หรือแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่จะปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนมาโดยตลอด?

“ปีศาจรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า!.”

ฉินอวี้โม่ฉินหัวเราะแล้วกล่าว “ฮูหยินรอง ข้าเพียงแค่กำลัง ‘คืน’ สิ่งท่านมอบให้ข้าในตลอดหลายปีมานี้ก็เท่านั้น น้ำใจท่านกว้างขวางนักคงต้องตอบแทนให้สาสม! ฉะนั้นข้าจึงคิดว่าจะค่อย ๆ คืน ‘สิ่งเหล่านั้นให้ท่าน’ เตรียมตัวให้ดีเถอะ เตรียมใจรับสิ่งที่ท่านทำไว้ในหลายปีมานี้ มันไม่จบง่ายๆ แน่!”

แม้ไม่มีใครทราบเลยว่าหลายปีมานี้ฉินอวี้โม่ต้องอยู่อย่างอัปยศอดสูมากเพียงใด ความเจ็บช้ำและคับแค้นใจที่นางได้รับไม่สามารถบรรยายออกมาให้หมดได้ ทว่าฉินอวี้โม่คนใหม่ที่ได้รับสืบทอดความทรงจำของนางมานั้นรู้ดี …และ ‘เธอ’ จะเป็นคนเอาคืนให้เอง!

เยี่ยเสี่ยวตี๋และฉินฉืออวี้ต่างก็อิจฉารูปโฉมงดงามและสถานะลูกฮูหยินใหญ่ของฉินอวี้โม่ พวกนางสองแม่ลูกข่มเหงรังแกหญิงสาวผู้มีศักดิ์สูงกว่ามาโดยตลอด  ยิ่งกว่านั้นเยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ไม่เคยเคารพยำเกรงอวี๋เสี่ยวอวิ๋นที่เป็นภรรยาเอกเลย ตรงกันข้ามสิ่งที่นางทำยังเรียกได้ว่าหยามเกียรติฮูหยินใหญ่ของตระกูล! แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและบุตรสาวจะอ่อนแอกว่าและไร้หนทางสู้ แต่เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยังคอยแต่จะหาเรื่องสองแม่ลูกมาโดยตลอด ….ทั้งหมดนี้ฉินอวี้โม่คนนี้จะคิดบัญชีแค้นให้เอง

“นังปีศาจ เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะถูกบิดาเจ้าลงโทษที่ทำเช่นนี้?”

เยี่ยเสี่ยวตี๋ตวาดลั่น การกล่าวออกไปเช่นนี้เสมือนเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้นางเอง ซึ่งมันก็สร้างความกล้าให้นางได้ไม่น้อย

ในสายตาของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินอวี้โม่ในตอนนี้คือปีศาจร้าย นางน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง   คุณหนูสี่ สตรีไร้ค่า ขยะแห่งตระกูล ผู้ที่นางเคยข่มเหงรังแกอย่างสนุกสนานกำลังทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ!

“หึ หึ เขาเคยเห็นข้าเป็นบุตรสาวตั้งแต่เมื่อใดกัน ? แล้วเมื่อใดกันที่คนผู้นั้นเคยทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ?!”

รอยยิ้มของฉินอวี้โม่เย็นเยียบชวนเหน็บหนาวเมื่อนึกถึงบิดาที่ไม่เคยมาเหลียวแลพวกนางแม่ลูก ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่ามารดาของนางจะมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ ฉินเทียนมิเคยมาสนใจไยดี

“นังลูกชั่ว! เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินอวี้โม่ เสียงอันเดือดดาลของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้น ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ของฉินเทียนก็เดินผ่านประตูเข้ามายังลานกว้าง

ฉินเทียนคือผู้นำแห่งตระกูลฉิน เขาเป็นบิดาของฉินอวี้โม่ ความแข็งแกร่งของเขานับว่าอยู่แถวหน้าของเมืองหลิงซี เขาคือยอดฝีมือที่อยู่ขอบเขตมายารัตนะระดับห้าดารา ยิ่งกว่านั้นในหลายปีมานี้ เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อพัฒนาตระกูลฉินให้ขึ้นไปอยู่แถวหน้าของเมือง   แท้จริงแล้วอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีเลิศคนหนึ่ง หากไม่เสียที่คนผู้นี้ใจดำอำมหิต ปล่อยปละละเลยภรรยาเอกและเหยียดหยามชิงชังบุตรสาวในอุทร

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของฉินอวี้โม่ เขาไม่ดีพอที่จะให้เคารพนับถือ…ไม่ดีพอให้เรียกว่า ‘พ่อ’ เสียด้วยซ้ำ

ฉินเทียนโปรดปรานเพียงอนุ เขาละเลยอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและสำหรับบุตรทั้งสองที่เกิดจากอวี๋เสี่ยวหวิ๋นนั้นเขาก็ไม่เคยทำหน้าที่ของผู้เป็นบิดาเลยสักครั้ง

มิใช่เพียงไม่รักเขายังไร้เยื่อใยอย่างสิ้นเชิง และที่สำคัญที่สุดคือเขาเกลียดชังความไร้ประโยชน์ของฉินอวี้โม่

หลายต่อหลายปีที่ผ่านมา เขาปล่อยให้ภรรยารองข่มเหงรังแกอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและลูกของนาง เขาไม่เคยลงโทษ ไม่เคยห้ามปราม ไม่เอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ยิ่งกว่านั้นฉินเทียนแทบจะมิเคยเหยียบย่างเข้าไปในเรือนที่ฮูหยินใหญ่อยู่เลยสักครั้ง เรื่องนี้ทำให้สองแม่ลูกรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และผิดหวังในตัวคนผู้นี้เป็นอย่างมาก

ในครั้งนี้เหตุผลเดียวที่เขาต้องเข้ามายังอาณาเขตของเรือนเล็กหลังนี้ก็เป็นเพราะต้องการมาช่วยเยี่ยเสี่ยวตี๋ภรรยาคนโปรด

เมื่อเยี่ยเสี่ยวตี๋เห็นว่าสามีมาถึงแล้ว นางก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันใด

ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น นางใช้แขนสองข้างที่หมดสภาพปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะก่อนจะถลาเข้าสู่อ้อมแขนของฉินเทียนได้ในที่สุด ผู้ที่เคยปากกล้าด่าทอและจงใจจะลงมือตีผู้อื่นให้ตายมาบัดนี้กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแอและใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาอย่างน่าสงสาร “ท่านพี่ ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้ข้าด้วย!”

เมื่อเห็นแขนสองข้างที่บิดเบี้ยวผิดรูปของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินเทียนก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “เสี่ยวตี๋ เกิดอะไรขึ้นกับแขนเจ้า?”

เยี่ยเสี่ยวตี๋กล่าวด้วยใบหน้าหมองเศร้า น้ำตายังคงรินไหลไม่หยุด  “ท่านพี่ ฉินอวี้โม่เป็นคนทำร้ายข้า!”

จากนั้นสตรีผู้กำลังออดอ้อนสามีก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับสามีของนางฟัง  และแน่นอนว่า เรื่องเล่า…ไม่สิ…บทละคร ฉบับที่นางใส่สีตีไข่และถ่ายทอดออกมานั้นแตกต่างไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงโดยสิ้นเชิง

นางบรรยายให้ฉินอวี้โม่และอวี๋เสี่ยวหวิ๋นเป็นสองแม่ลูกที่ไร้เหตุผล ฉินฉืออวี้ไปเยี่ยมเยียนเรือนของฉินอวี้โม่อย่างเป็นมิตรในยามเว่ย ทว่ากลับถูกฉินอวี้โม่ทำร้ายจนมือเท้าใช้การไม่ได้   ส่วนตัวนางเองเพียงแค่จะมาถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบุตรสาว ทว่ากลับถูกฮูหยินใหญ่และคุณหนูสี่รุมรังแกอย่างไร้เหตุผลไปอีกคน  ส่วนแขนของนางที่หมดสภาพไปก็เป็นฝีมือของฉินอวี้โม่ด้วย

ยิ่งเล่า เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ตอนนี้นางสะอึกสะอื้นเสียจนพูดไม่เป็นประโยคไปเสียแล้ว

“หยุดร้องเถอะเสี่ยวตี๋ เจ้าวางใจได้เลย ข้าจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าแน่”

ฉินเทียนประคองเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่อยู่ในอ้อมแขนให้นั่งลง ก่อนจะหันไปมองอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่โกรธจัด

“ตอนนี้พวกเจ้าสองแม่ลูกแข็งแกร่งขึ้นแล้วสินะ ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเจ้าสองคนไปทำอะไรมา!”

อวี๋เสี่ยวอวิ๋นมองฉินเทียนด้วยสีหน้าที่หม่นหมองลงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นความรักที่สามีมอบให้กับภรรยารอง สภาพจิตใจของนางก็ย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม

ด้านฉินอวี้โม่นั้นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผู้เป็นมารดา นางจับกุมมือของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไว้อย่างนุ่มนวล

เมื่อเห็นกิริยาของบุตรสาว อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็คลี่ยิ้มบางส่งให้ เมื่อมีฉินอวี้โม่อยู่ข้าง ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด แต่นางกลับรู้สึกเบาใจขึ้นได้อย่างประหลาด ตอนนี้นางสนใจเพียงแต่ลูกของนางเท่านั้น ส่วนเรื่องของผู้อื่นมิใช่ธุระใดๆ ของนางอีกแล้ว!

ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็เปิดปาก “ ‘บิดา’ ที่รักของข้า ท่านช่วยบอกข้าหน่อยสิว่าพวกเราทำได้ดีรึไม่?”

“เด็กสามหาว! แค่เอาชนะพี่สาวและแม่รองของตัวเองได้ คิดว่าตัวเจ้าวิเศษมากอย่างนั้นรึ?”

ฉินเทียนกล่าวอย่างเย็นชาพลางมองไปที่ฉินอวี้โม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

อวี๋เสี่ยวอวิ๋นต้องการจะกล่าวบางอย่าง ทว่านางก็ถูกฉินอวี้โม่หยุดไว้เสียก่อน

“บิดาที่รักของข้า ข้ามีคำถามจะท่าน”

ฉินอวี้โม่จ้องมองฉินเทียนอย่างแข็งกร้าว ความรู้สึกในตอนนี้ทำให้นางยิ้มไม่ออก วันนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะสะสางความทั้งหมดกับบุรุษที่น่ารังเกียจผู้นี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 5 บุรุษน่ารังเกียจ

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 5 บุรุษน่ารังเกียจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อ๊ากก!”

เสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างมากของเยี่ยเสี่ยวตี๋ดังลั่นไปทั่วลานกว้างหน้าเรือนของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น

“หึ นี่ยังถือว่าน้อยไป”

เสียงของฉินอวี้โม่ฟังราวกับเสียงของปีศาจสาวที่กำลังกระซิบอยู่ข้างหูเยี่ยเสี่ยวตี๋ ก่อนเสียงต่อมาที่ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินจะได้ยินจะเป็นเสียง *กร็อบ* ที่ฟังคุ้นหู….แขนอีกข้างของนางถูกฉินอวี้โม่หักจนหมุนได้รอบทิศเช่นกัน!!!

หลังจากบิดแขนเยี่ยเสี่ยวตี๋จนหัก ฉินอวี้โม่ก็เตะร่างอนุภรรยาของบิดาเต็มแรงจนนางล้มคะมำใบหน้าฟาดพื้น ก่อนจะกลิ้งหลุนๆ ไปไกล

เยี่ยเสี่ยวตี๋เจ็บจนพูดไม่ออก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าในตอนนี้แขนทั้งสองข้างถูกทำลายจนใช้การไม่ได้แล้ว

ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองไปทั่วลานกว้าง สายตาคู่งามมองเห็นคนของเยี่ยเสี่ยวอวิ๋นพากันวิ่งเตลิดหนีตายออกไปจากลานแห่งนี้อย่างรวดเร็ว  คุณหนูสี่ผู้มิใช่คนเดิมมองตามคนเหล่านั้นพลางยกมุมปากอย่างเย้ยหยัน ทว่านางกลับไม่คิดที่จะไล่ตามคนพวกนั้นไป

เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือคนที่จะทำร้ายพวกนางได้อยู่ในลานกว้าง คุณหนูผู้เลอโฉมก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาของตน

“ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?”

หลังจากมั่นใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นปลอดภัย ไม่มีสิ่งใดให้กังวล ฉินอวี้โม่ก็ประคองร่างของเสี่ยวโร่วที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องอวี๋เสี่ยวอวิ๋นขึ้นมา

โชคดีที่เสี่ยวโร่วเองก็ฝึกยุทธ์มาบ้าง แม้ว่านางจะไม่แข็งแกร่งนัก ทว่าก็ยังเพียงพอที่จะรับฝ่ามือของเยี่ยเสี่ยวตี๋ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง

“คุณหนู รีบเก็บข้าวของและหนีกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะหยุดคนพวกนั้นให้เอง!”

เสี่ยวโร่วเห็นผู้ติดตามของเยี่ยเสี่ยวตี๋หลายคนพากันวิ่งหนีออกไป นางก็รู้ทันทีว่าคนเหล่านั้นคงจะรีบไปฟ้องนายท่านฉินเทียนเป็นแน่ แม้ว่าตอนนี้คุณหนูของนางจะไม่ใช่ขยะไร้ค่าอีกต่อไป แต่ฉินเทียนนั้นไม่ชอบหน้าฉินอวี้โม่บุตรสาวคนเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นครั้งนี้เห็นทีว่าเขาคงไม่ละเว้นนางแน่

นางมั่นใจว่าด้วยการชักจูงของฮูหยินรอง ผู้นำตระกูลฉินจะต้องลงโทษคุณหนูและฮูหยินของนางสถานหนักแน่

“ไม่ ไม่จำเป็นต้องวิ่งหรอก”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างใจเย็น นางพาเสี่ยวโร่วและฮูหยินใหญ่ตรงไปที่ม้านั่ง ก่อนจะประคองทั้งสองให้นั่งลง

เมื่อเห็นใบหน้าสงบ อีกทั้งแววตาอันเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ของฉินอวี้โม่ ทั้งเสี่ยวโร่วและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่พูดอะไรอีก พวกนางตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พวกนางก็จะปกป้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยชีวิต

“ฮูหยินรอง ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

ฉินอวี้โม่กล่าวกับเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่กองอยู่บนพื้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนหนาวเหน็บและแผ่วเบาสั่นประสาท

“ฉินอวี้โม่ เจ้ามันตัวเดรัจฉาน ปีศาจตนไหนสิงสู่เจ้าอยู่กันแน่?!”

เยี่ยเสี่ยวตี๋รู้สึกขนลุกกับวาจาของฉินอวี้โม่ นางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นอย่างตื่นกลัว ความแข็งแกร่งที่ฉินอวี้โม่แสดงออกมาอย่างกะทันหันนี้น่ามหัศจรรย์จนเกินมนุษย์และชวนให้ตื่นตระหนกได้อย่างแท้จริง!

เยี่ยเสี่ยวตี๋ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ขยะไร้ค่าอย่างคุณหนูสี่ตระกูลฉิน เหตุใดจู่ๆ ถึงแข็งแกร็งขึ้นมาได้ หรือแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่จะปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนมาโดยตลอด?

“ปีศาจรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า!.”

ฉินอวี้โม่ฉินหัวเราะแล้วกล่าว “ฮูหยินรอง ข้าเพียงแค่กำลัง ‘คืน’ สิ่งท่านมอบให้ข้าในตลอดหลายปีมานี้ก็เท่านั้น น้ำใจท่านกว้างขวางนักคงต้องตอบแทนให้สาสม! ฉะนั้นข้าจึงคิดว่าจะค่อย ๆ คืน ‘สิ่งเหล่านั้นให้ท่าน’ เตรียมตัวให้ดีเถอะ เตรียมใจรับสิ่งที่ท่านทำไว้ในหลายปีมานี้ มันไม่จบง่ายๆ แน่!”

แม้ไม่มีใครทราบเลยว่าหลายปีมานี้ฉินอวี้โม่ต้องอยู่อย่างอัปยศอดสูมากเพียงใด ความเจ็บช้ำและคับแค้นใจที่นางได้รับไม่สามารถบรรยายออกมาให้หมดได้ ทว่าฉินอวี้โม่คนใหม่ที่ได้รับสืบทอดความทรงจำของนางมานั้นรู้ดี …และ ‘เธอ’ จะเป็นคนเอาคืนให้เอง!

เยี่ยเสี่ยวตี๋และฉินฉืออวี้ต่างก็อิจฉารูปโฉมงดงามและสถานะลูกฮูหยินใหญ่ของฉินอวี้โม่ พวกนางสองแม่ลูกข่มเหงรังแกหญิงสาวผู้มีศักดิ์สูงกว่ามาโดยตลอด  ยิ่งกว่านั้นเยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ไม่เคยเคารพยำเกรงอวี๋เสี่ยวอวิ๋นที่เป็นภรรยาเอกเลย ตรงกันข้ามสิ่งที่นางทำยังเรียกได้ว่าหยามเกียรติฮูหยินใหญ่ของตระกูล! แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและบุตรสาวจะอ่อนแอกว่าและไร้หนทางสู้ แต่เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยังคอยแต่จะหาเรื่องสองแม่ลูกมาโดยตลอด ….ทั้งหมดนี้ฉินอวี้โม่คนนี้จะคิดบัญชีแค้นให้เอง

“นังปีศาจ เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะถูกบิดาเจ้าลงโทษที่ทำเช่นนี้?”

เยี่ยเสี่ยวตี๋ตวาดลั่น การกล่าวออกไปเช่นนี้เสมือนเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้นางเอง ซึ่งมันก็สร้างความกล้าให้นางได้ไม่น้อย

ในสายตาของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินอวี้โม่ในตอนนี้คือปีศาจร้าย นางน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง   คุณหนูสี่ สตรีไร้ค่า ขยะแห่งตระกูล ผู้ที่นางเคยข่มเหงรังแกอย่างสนุกสนานกำลังทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ!

“หึ หึ เขาเคยเห็นข้าเป็นบุตรสาวตั้งแต่เมื่อใดกัน ? แล้วเมื่อใดกันที่คนผู้นั้นเคยทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ?!”

รอยยิ้มของฉินอวี้โม่เย็นเยียบชวนเหน็บหนาวเมื่อนึกถึงบิดาที่ไม่เคยมาเหลียวแลพวกนางแม่ลูก ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่ามารดาของนางจะมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ ฉินเทียนมิเคยมาสนใจไยดี

“นังลูกชั่ว! เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินอวี้โม่ เสียงอันเดือดดาลของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้น ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ของฉินเทียนก็เดินผ่านประตูเข้ามายังลานกว้าง

ฉินเทียนคือผู้นำแห่งตระกูลฉิน เขาเป็นบิดาของฉินอวี้โม่ ความแข็งแกร่งของเขานับว่าอยู่แถวหน้าของเมืองหลิงซี เขาคือยอดฝีมือที่อยู่ขอบเขตมายารัตนะระดับห้าดารา ยิ่งกว่านั้นในหลายปีมานี้ เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อพัฒนาตระกูลฉินให้ขึ้นไปอยู่แถวหน้าของเมือง   แท้จริงแล้วอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีเลิศคนหนึ่ง หากไม่เสียที่คนผู้นี้ใจดำอำมหิต ปล่อยปละละเลยภรรยาเอกและเหยียดหยามชิงชังบุตรสาวในอุทร

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของฉินอวี้โม่ เขาไม่ดีพอที่จะให้เคารพนับถือ…ไม่ดีพอให้เรียกว่า ‘พ่อ’ เสียด้วยซ้ำ

ฉินเทียนโปรดปรานเพียงอนุ เขาละเลยอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและสำหรับบุตรทั้งสองที่เกิดจากอวี๋เสี่ยวหวิ๋นนั้นเขาก็ไม่เคยทำหน้าที่ของผู้เป็นบิดาเลยสักครั้ง

มิใช่เพียงไม่รักเขายังไร้เยื่อใยอย่างสิ้นเชิง และที่สำคัญที่สุดคือเขาเกลียดชังความไร้ประโยชน์ของฉินอวี้โม่

หลายต่อหลายปีที่ผ่านมา เขาปล่อยให้ภรรยารองข่มเหงรังแกอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและลูกของนาง เขาไม่เคยลงโทษ ไม่เคยห้ามปราม ไม่เอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ยิ่งกว่านั้นฉินเทียนแทบจะมิเคยเหยียบย่างเข้าไปในเรือนที่ฮูหยินใหญ่อยู่เลยสักครั้ง เรื่องนี้ทำให้สองแม่ลูกรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และผิดหวังในตัวคนผู้นี้เป็นอย่างมาก

ในครั้งนี้เหตุผลเดียวที่เขาต้องเข้ามายังอาณาเขตของเรือนเล็กหลังนี้ก็เป็นเพราะต้องการมาช่วยเยี่ยเสี่ยวตี๋ภรรยาคนโปรด

เมื่อเยี่ยเสี่ยวตี๋เห็นว่าสามีมาถึงแล้ว นางก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันใด

ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น นางใช้แขนสองข้างที่หมดสภาพปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะก่อนจะถลาเข้าสู่อ้อมแขนของฉินเทียนได้ในที่สุด ผู้ที่เคยปากกล้าด่าทอและจงใจจะลงมือตีผู้อื่นให้ตายมาบัดนี้กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแอและใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาอย่างน่าสงสาร “ท่านพี่ ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้ข้าด้วย!”

เมื่อเห็นแขนสองข้างที่บิดเบี้ยวผิดรูปของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินเทียนก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “เสี่ยวตี๋ เกิดอะไรขึ้นกับแขนเจ้า?”

เยี่ยเสี่ยวตี๋กล่าวด้วยใบหน้าหมองเศร้า น้ำตายังคงรินไหลไม่หยุด  “ท่านพี่ ฉินอวี้โม่เป็นคนทำร้ายข้า!”

จากนั้นสตรีผู้กำลังออดอ้อนสามีก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับสามีของนางฟัง  และแน่นอนว่า เรื่องเล่า…ไม่สิ…บทละคร ฉบับที่นางใส่สีตีไข่และถ่ายทอดออกมานั้นแตกต่างไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงโดยสิ้นเชิง

นางบรรยายให้ฉินอวี้โม่และอวี๋เสี่ยวหวิ๋นเป็นสองแม่ลูกที่ไร้เหตุผล ฉินฉืออวี้ไปเยี่ยมเยียนเรือนของฉินอวี้โม่อย่างเป็นมิตรในยามเว่ย ทว่ากลับถูกฉินอวี้โม่ทำร้ายจนมือเท้าใช้การไม่ได้   ส่วนตัวนางเองเพียงแค่จะมาถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบุตรสาว ทว่ากลับถูกฮูหยินใหญ่และคุณหนูสี่รุมรังแกอย่างไร้เหตุผลไปอีกคน  ส่วนแขนของนางที่หมดสภาพไปก็เป็นฝีมือของฉินอวี้โม่ด้วย

ยิ่งเล่า เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ตอนนี้นางสะอึกสะอื้นเสียจนพูดไม่เป็นประโยคไปเสียแล้ว

“หยุดร้องเถอะเสี่ยวตี๋ เจ้าวางใจได้เลย ข้าจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าแน่”

ฉินเทียนประคองเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่อยู่ในอ้อมแขนให้นั่งลง ก่อนจะหันไปมองอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่โกรธจัด

“ตอนนี้พวกเจ้าสองแม่ลูกแข็งแกร่งขึ้นแล้วสินะ ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเจ้าสองคนไปทำอะไรมา!”

อวี๋เสี่ยวอวิ๋นมองฉินเทียนด้วยสีหน้าที่หม่นหมองลงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นความรักที่สามีมอบให้กับภรรยารอง สภาพจิตใจของนางก็ย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม

ด้านฉินอวี้โม่นั้นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผู้เป็นมารดา นางจับกุมมือของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไว้อย่างนุ่มนวล

เมื่อเห็นกิริยาของบุตรสาว อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็คลี่ยิ้มบางส่งให้ เมื่อมีฉินอวี้โม่อยู่ข้าง ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด แต่นางกลับรู้สึกเบาใจขึ้นได้อย่างประหลาด ตอนนี้นางสนใจเพียงแต่ลูกของนางเท่านั้น ส่วนเรื่องของผู้อื่นมิใช่ธุระใดๆ ของนางอีกแล้ว!

ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็เปิดปาก “ ‘บิดา’ ที่รักของข้า ท่านช่วยบอกข้าหน่อยสิว่าพวกเราทำได้ดีรึไม่?”

“เด็กสามหาว! แค่เอาชนะพี่สาวและแม่รองของตัวเองได้ คิดว่าตัวเจ้าวิเศษมากอย่างนั้นรึ?”

ฉินเทียนกล่าวอย่างเย็นชาพลางมองไปที่ฉินอวี้โม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

อวี๋เสี่ยวอวิ๋นต้องการจะกล่าวบางอย่าง ทว่านางก็ถูกฉินอวี้โม่หยุดไว้เสียก่อน

“บิดาที่รักของข้า ข้ามีคำถามจะท่าน”

ฉินอวี้โม่จ้องมองฉินเทียนอย่างแข็งกร้าว ความรู้สึกในตอนนี้ทำให้นางยิ้มไม่ออก วันนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะสะสางความทั้งหมดกับบุรุษที่น่ารังเกียจผู้นี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 5 บุรุษน่ารังเกียจ

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 5 บุรุษน่ารังเกียจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อ๊ากก!”

เสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างมากของเยี่ยเสี่ยวตี๋ดังลั่นไปทั่วลานกว้างหน้าเรือนของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น

“หึ นี่ยังถือว่าน้อยไป”

เสียงของฉินอวี้โม่ฟังราวกับเสียงของปีศาจสาวที่กำลังกระซิบอยู่ข้างหูเยี่ยเสี่ยวตี๋ ก่อนเสียงต่อมาที่ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินจะได้ยินจะเป็นเสียง *กร็อบ* ที่ฟังคุ้นหู….แขนอีกข้างของนางถูกฉินอวี้โม่หักจนหมุนได้รอบทิศเช่นกัน!!!

หลังจากบิดแขนเยี่ยเสี่ยวตี๋จนหัก ฉินอวี้โม่ก็เตะร่างอนุภรรยาของบิดาเต็มแรงจนนางล้มคะมำใบหน้าฟาดพื้น ก่อนจะกลิ้งหลุนๆ ไปไกล

เยี่ยเสี่ยวตี๋เจ็บจนพูดไม่ออก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าในตอนนี้แขนทั้งสองข้างถูกทำลายจนใช้การไม่ได้แล้ว

ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองไปทั่วลานกว้าง สายตาคู่งามมองเห็นคนของเยี่ยเสี่ยวอวิ๋นพากันวิ่งเตลิดหนีตายออกไปจากลานแห่งนี้อย่างรวดเร็ว  คุณหนูสี่ผู้มิใช่คนเดิมมองตามคนเหล่านั้นพลางยกมุมปากอย่างเย้ยหยัน ทว่านางกลับไม่คิดที่จะไล่ตามคนพวกนั้นไป

เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือคนที่จะทำร้ายพวกนางได้อยู่ในลานกว้าง คุณหนูผู้เลอโฉมก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาของตน

“ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?”

หลังจากมั่นใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นปลอดภัย ไม่มีสิ่งใดให้กังวล ฉินอวี้โม่ก็ประคองร่างของเสี่ยวโร่วที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องอวี๋เสี่ยวอวิ๋นขึ้นมา

โชคดีที่เสี่ยวโร่วเองก็ฝึกยุทธ์มาบ้าง แม้ว่านางจะไม่แข็งแกร่งนัก ทว่าก็ยังเพียงพอที่จะรับฝ่ามือของเยี่ยเสี่ยวตี๋ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง

“คุณหนู รีบเก็บข้าวของและหนีกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะหยุดคนพวกนั้นให้เอง!”

เสี่ยวโร่วเห็นผู้ติดตามของเยี่ยเสี่ยวตี๋หลายคนพากันวิ่งหนีออกไป นางก็รู้ทันทีว่าคนเหล่านั้นคงจะรีบไปฟ้องนายท่านฉินเทียนเป็นแน่ แม้ว่าตอนนี้คุณหนูของนางจะไม่ใช่ขยะไร้ค่าอีกต่อไป แต่ฉินเทียนนั้นไม่ชอบหน้าฉินอวี้โม่บุตรสาวคนเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นครั้งนี้เห็นทีว่าเขาคงไม่ละเว้นนางแน่

นางมั่นใจว่าด้วยการชักจูงของฮูหยินรอง ผู้นำตระกูลฉินจะต้องลงโทษคุณหนูและฮูหยินของนางสถานหนักแน่

“ไม่ ไม่จำเป็นต้องวิ่งหรอก”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างใจเย็น นางพาเสี่ยวโร่วและฮูหยินใหญ่ตรงไปที่ม้านั่ง ก่อนจะประคองทั้งสองให้นั่งลง

เมื่อเห็นใบหน้าสงบ อีกทั้งแววตาอันเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ของฉินอวี้โม่ ทั้งเสี่ยวโร่วและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่พูดอะไรอีก พวกนางตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พวกนางก็จะปกป้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยชีวิต

“ฮูหยินรอง ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

ฉินอวี้โม่กล่าวกับเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่กองอยู่บนพื้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนหนาวเหน็บและแผ่วเบาสั่นประสาท

“ฉินอวี้โม่ เจ้ามันตัวเดรัจฉาน ปีศาจตนไหนสิงสู่เจ้าอยู่กันแน่?!”

เยี่ยเสี่ยวตี๋รู้สึกขนลุกกับวาจาของฉินอวี้โม่ นางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นอย่างตื่นกลัว ความแข็งแกร่งที่ฉินอวี้โม่แสดงออกมาอย่างกะทันหันนี้น่ามหัศจรรย์จนเกินมนุษย์และชวนให้ตื่นตระหนกได้อย่างแท้จริง!

เยี่ยเสี่ยวตี๋ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ขยะไร้ค่าอย่างคุณหนูสี่ตระกูลฉิน เหตุใดจู่ๆ ถึงแข็งแกร็งขึ้นมาได้ หรือแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่จะปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนมาโดยตลอด?

“ปีศาจรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า!.”

ฉินอวี้โม่ฉินหัวเราะแล้วกล่าว “ฮูหยินรอง ข้าเพียงแค่กำลัง ‘คืน’ สิ่งท่านมอบให้ข้าในตลอดหลายปีมานี้ก็เท่านั้น น้ำใจท่านกว้างขวางนักคงต้องตอบแทนให้สาสม! ฉะนั้นข้าจึงคิดว่าจะค่อย ๆ คืน ‘สิ่งเหล่านั้นให้ท่าน’ เตรียมตัวให้ดีเถอะ เตรียมใจรับสิ่งที่ท่านทำไว้ในหลายปีมานี้ มันไม่จบง่ายๆ แน่!”

แม้ไม่มีใครทราบเลยว่าหลายปีมานี้ฉินอวี้โม่ต้องอยู่อย่างอัปยศอดสูมากเพียงใด ความเจ็บช้ำและคับแค้นใจที่นางได้รับไม่สามารถบรรยายออกมาให้หมดได้ ทว่าฉินอวี้โม่คนใหม่ที่ได้รับสืบทอดความทรงจำของนางมานั้นรู้ดี …และ ‘เธอ’ จะเป็นคนเอาคืนให้เอง!

เยี่ยเสี่ยวตี๋และฉินฉืออวี้ต่างก็อิจฉารูปโฉมงดงามและสถานะลูกฮูหยินใหญ่ของฉินอวี้โม่ พวกนางสองแม่ลูกข่มเหงรังแกหญิงสาวผู้มีศักดิ์สูงกว่ามาโดยตลอด  ยิ่งกว่านั้นเยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ไม่เคยเคารพยำเกรงอวี๋เสี่ยวอวิ๋นที่เป็นภรรยาเอกเลย ตรงกันข้ามสิ่งที่นางทำยังเรียกได้ว่าหยามเกียรติฮูหยินใหญ่ของตระกูล! แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและบุตรสาวจะอ่อนแอกว่าและไร้หนทางสู้ แต่เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยังคอยแต่จะหาเรื่องสองแม่ลูกมาโดยตลอด ….ทั้งหมดนี้ฉินอวี้โม่คนนี้จะคิดบัญชีแค้นให้เอง

“นังปีศาจ เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะถูกบิดาเจ้าลงโทษที่ทำเช่นนี้?”

เยี่ยเสี่ยวตี๋ตวาดลั่น การกล่าวออกไปเช่นนี้เสมือนเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้นางเอง ซึ่งมันก็สร้างความกล้าให้นางได้ไม่น้อย

ในสายตาของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินอวี้โม่ในตอนนี้คือปีศาจร้าย นางน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง   คุณหนูสี่ สตรีไร้ค่า ขยะแห่งตระกูล ผู้ที่นางเคยข่มเหงรังแกอย่างสนุกสนานกำลังทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ!

“หึ หึ เขาเคยเห็นข้าเป็นบุตรสาวตั้งแต่เมื่อใดกัน ? แล้วเมื่อใดกันที่คนผู้นั้นเคยทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ?!”

รอยยิ้มของฉินอวี้โม่เย็นเยียบชวนเหน็บหนาวเมื่อนึกถึงบิดาที่ไม่เคยมาเหลียวแลพวกนางแม่ลูก ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่ามารดาของนางจะมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ ฉินเทียนมิเคยมาสนใจไยดี

“นังลูกชั่ว! เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินอวี้โม่ เสียงอันเดือดดาลของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้น ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ของฉินเทียนก็เดินผ่านประตูเข้ามายังลานกว้าง

ฉินเทียนคือผู้นำแห่งตระกูลฉิน เขาเป็นบิดาของฉินอวี้โม่ ความแข็งแกร่งของเขานับว่าอยู่แถวหน้าของเมืองหลิงซี เขาคือยอดฝีมือที่อยู่ขอบเขตมายารัตนะระดับห้าดารา ยิ่งกว่านั้นในหลายปีมานี้ เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อพัฒนาตระกูลฉินให้ขึ้นไปอยู่แถวหน้าของเมือง   แท้จริงแล้วอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีเลิศคนหนึ่ง หากไม่เสียที่คนผู้นี้ใจดำอำมหิต ปล่อยปละละเลยภรรยาเอกและเหยียดหยามชิงชังบุตรสาวในอุทร

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของฉินอวี้โม่ เขาไม่ดีพอที่จะให้เคารพนับถือ…ไม่ดีพอให้เรียกว่า ‘พ่อ’ เสียด้วยซ้ำ

ฉินเทียนโปรดปรานเพียงอนุ เขาละเลยอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและสำหรับบุตรทั้งสองที่เกิดจากอวี๋เสี่ยวหวิ๋นนั้นเขาก็ไม่เคยทำหน้าที่ของผู้เป็นบิดาเลยสักครั้ง

มิใช่เพียงไม่รักเขายังไร้เยื่อใยอย่างสิ้นเชิง และที่สำคัญที่สุดคือเขาเกลียดชังความไร้ประโยชน์ของฉินอวี้โม่

หลายต่อหลายปีที่ผ่านมา เขาปล่อยให้ภรรยารองข่มเหงรังแกอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้เป็นภรรยาเอกและลูกของนาง เขาไม่เคยลงโทษ ไม่เคยห้ามปราม ไม่เอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ยิ่งกว่านั้นฉินเทียนแทบจะมิเคยเหยียบย่างเข้าไปในเรือนที่ฮูหยินใหญ่อยู่เลยสักครั้ง เรื่องนี้ทำให้สองแม่ลูกรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และผิดหวังในตัวคนผู้นี้เป็นอย่างมาก

ในครั้งนี้เหตุผลเดียวที่เขาต้องเข้ามายังอาณาเขตของเรือนเล็กหลังนี้ก็เป็นเพราะต้องการมาช่วยเยี่ยเสี่ยวตี๋ภรรยาคนโปรด

เมื่อเยี่ยเสี่ยวตี๋เห็นว่าสามีมาถึงแล้ว นางก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันใด

ฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น นางใช้แขนสองข้างที่หมดสภาพปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะก่อนจะถลาเข้าสู่อ้อมแขนของฉินเทียนได้ในที่สุด ผู้ที่เคยปากกล้าด่าทอและจงใจจะลงมือตีผู้อื่นให้ตายมาบัดนี้กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแอและใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาอย่างน่าสงสาร “ท่านพี่ ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้ข้าด้วย!”

เมื่อเห็นแขนสองข้างที่บิดเบี้ยวผิดรูปของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินเทียนก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “เสี่ยวตี๋ เกิดอะไรขึ้นกับแขนเจ้า?”

เยี่ยเสี่ยวตี๋กล่าวด้วยใบหน้าหมองเศร้า น้ำตายังคงรินไหลไม่หยุด  “ท่านพี่ ฉินอวี้โม่เป็นคนทำร้ายข้า!”

จากนั้นสตรีผู้กำลังออดอ้อนสามีก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับสามีของนางฟัง  และแน่นอนว่า เรื่องเล่า…ไม่สิ…บทละคร ฉบับที่นางใส่สีตีไข่และถ่ายทอดออกมานั้นแตกต่างไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงโดยสิ้นเชิง

นางบรรยายให้ฉินอวี้โม่และอวี๋เสี่ยวหวิ๋นเป็นสองแม่ลูกที่ไร้เหตุผล ฉินฉืออวี้ไปเยี่ยมเยียนเรือนของฉินอวี้โม่อย่างเป็นมิตรในยามเว่ย ทว่ากลับถูกฉินอวี้โม่ทำร้ายจนมือเท้าใช้การไม่ได้   ส่วนตัวนางเองเพียงแค่จะมาถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบุตรสาว ทว่ากลับถูกฮูหยินใหญ่และคุณหนูสี่รุมรังแกอย่างไร้เหตุผลไปอีกคน  ส่วนแขนของนางที่หมดสภาพไปก็เป็นฝีมือของฉินอวี้โม่ด้วย

ยิ่งเล่า เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ตอนนี้นางสะอึกสะอื้นเสียจนพูดไม่เป็นประโยคไปเสียแล้ว

“หยุดร้องเถอะเสี่ยวตี๋ เจ้าวางใจได้เลย ข้าจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าแน่”

ฉินเทียนประคองเยี่ยเสี่ยวตี๋ที่อยู่ในอ้อมแขนให้นั่งลง ก่อนจะหันไปมองอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่โกรธจัด

“ตอนนี้พวกเจ้าสองแม่ลูกแข็งแกร่งขึ้นแล้วสินะ ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเจ้าสองคนไปทำอะไรมา!”

อวี๋เสี่ยวอวิ๋นมองฉินเทียนด้วยสีหน้าที่หม่นหมองลงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นความรักที่สามีมอบให้กับภรรยารอง สภาพจิตใจของนางก็ย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม

ด้านฉินอวี้โม่นั้นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผู้เป็นมารดา นางจับกุมมือของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไว้อย่างนุ่มนวล

เมื่อเห็นกิริยาของบุตรสาว อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็คลี่ยิ้มบางส่งให้ เมื่อมีฉินอวี้โม่อยู่ข้าง ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด แต่นางกลับรู้สึกเบาใจขึ้นได้อย่างประหลาด ตอนนี้นางสนใจเพียงแต่ลูกของนางเท่านั้น ส่วนเรื่องของผู้อื่นมิใช่ธุระใดๆ ของนางอีกแล้ว!

ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็เปิดปาก “ ‘บิดา’ ที่รักของข้า ท่านช่วยบอกข้าหน่อยสิว่าพวกเราทำได้ดีรึไม่?”

“เด็กสามหาว! แค่เอาชนะพี่สาวและแม่รองของตัวเองได้ คิดว่าตัวเจ้าวิเศษมากอย่างนั้นรึ?”

ฉินเทียนกล่าวอย่างเย็นชาพลางมองไปที่ฉินอวี้โม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

อวี๋เสี่ยวอวิ๋นต้องการจะกล่าวบางอย่าง ทว่านางก็ถูกฉินอวี้โม่หยุดไว้เสียก่อน

“บิดาที่รักของข้า ข้ามีคำถามจะท่าน”

ฉินอวี้โม่จ้องมองฉินเทียนอย่างแข็งกร้าว ความรู้สึกในตอนนี้ทำให้นางยิ้มไม่ออก วันนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะสะสางความทั้งหมดกับบุรุษที่น่ารังเกียจผู้นี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+