คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 79 พรสวรรค์ในการหลอม

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 79 พรสวรรค์ในการหลอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เฮ้ เยว่ชิงเฉิง ในเมื่อเจ้าเองก็ไม่อยากแต่งงานกับข้า จะเป็นอย่างไรถ้าพวกเรายุติการหมั้นหมายนี้ลง ?”

เมื่อเห็นเยว่ชิงเฉิงดึงตัวฉินอวี้โม่ออกไปนั่งสนทนาอย่างสนิทสนมโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย โอวหยางชิงเฟิงก็หมดคำพูดไป คุณชายรองตระกูลโอวหยางผู้มีปัญหาหนักอกเรื่องการหมั้นหมายมาตลอดหลายปีจนถึงกับต้องหนีออกจากตระกูลแทบอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบนกับพฤติกรรมของ ‘สตรีผู้เป็นคู่หมั้น’

‘ผู้หญิงเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจได้ยากที่สุดโดยแท้’

หลังจากพบหน้ากันได้เพียงหนึ่งก้านธูปถ้วน โอวหยางชิงเฟิงก็รู้สึกว่าเยว่ชิงเฉิงและฉินอวี้โม่ดูราวกับเป็นสหายรักที่พลัดพรากจากกันไปนานแสนนาน

“โอวหยางชิงเฟิง เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ อย่ามารบกวนเวลาสนทนาของข้ากับอวี้โม่ !”

เยว่ชิงเฉิงหันมาสาดสายตาแข็งกร้าวเข้าใส่อดีตคู่หมายผู้น่ารำคาญก่อนจะหันกลับไปคุยกับฉินอวี้โม่ต่ออย่างออกรส

ในตอนนี้ฉินอวี้โม่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกลไกกับดักเมื่อครู่นี้ของเยว่ชิงเฉิง  และบอกนางเกี่ยวกับกลวิธีการวางกับดักที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน และนี่ทำให้เยว่ชิงเฉิงรู้สึกสนใจใคร่รู้เป็นอย่างมาก

อันที่จริง อดีตสาวนักฆ่าอยากจะบอกคุณหนูช่างหลอมผู้นี้ด้วยซ้ำว่าถ้าหากเอาเทคนิคการสร้างกับดักของนางมาเทียบกับตัวเธอเมื่อชีวิตก่อน  ฝีมือของเยว่ชิงเฉิงในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเด็กทารกเลย แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว นักฆ่าสาวศตวรรษที่ 21 ในร่างคุณหนูตระกูลฉินก็เลือกที่จะไม่พูดเพราะถ้าพูดออกไปแบบนั้นอีกฝ่ายอาจจะไม่เชื่อถือ

เพราะถึงอย่างไรร่างกายของคุณหนูตระกูลฉินในตอนนี้ก็มีอายุน้อยกว่าเยว่ชิงเฉิงถึงหนึ่งปี  นางจึงไม่อยากจะคุยโวโอ้อวดมากเกินตัว  แต่ถ้าหากเอาอายุและประสบการณ์ของเธอจากชีวิตก่อนมาบวกรวมเข้าด้วยกันกับประสบการณ์ในความทรงจำของคุณหนูสี่ในชีวิตนี้ อายุของฉินอวี้โม่ก็นับว่าแทบจะเป็นแม่ของเยว่ชิงเฉิงได้เลยทีเดียว

เมื่อมองดูใบหน้าอันแสนจริงจังและตั้งใจของเยว่ชิงเฉิง ฉินอวี้โม่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเยว่ชิงเฉิงผู้นี้มีความสนใจในด้านเครื่องจักรและกลไกมากเป็นพิเศษ  ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าพรสวรรค์ในด้านนี้ของคุณหนูแห่งสมาคมช่างหลอมจะสูงส่งและโดดเด่นเหนือผู้ใด  เมื่อฉินอวี้โม่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องกลไกออกไป  เยว่ชิงเฉิงก็สามารถพูดคุยโต้ตอบกับเธอที่มาจากศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไม่ด้อยกว่า  นี่ทำให้ฉินอวี้โม่อดคิดไม่ได้ว่าหากสตรีผู้นี้เกิดในยุคสมัยของเธอแล้ว เยว่ชิงเฉิงก็อาจจะกลายเป็นวิศวกรอัจฉริยะที่แม้แต่วิศวกรชายเก่ง ๆ ยังต้องยอมซูฮก

“เอ่อ ชิงเฉิง ไว้ข้าจะมาคุยเรื่องนี้ให้ฟังเจ้าอีกเยอะ ๆ ในวันหลังนะ แต่ตอนนี้ข้าว่าเจ้าฟังสิ่งที่ชิงเฟิงอยากจะพูดก่อนดีกว่า”

ฉินอวี้โม่อดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากขัดขึ้นมา เมื่อเห็นเยว่ชิงเฉิงมุ่งมั่นตั้งใจเรื่องจักรกลแห่งศตวรรษที่ 21 มากเสียจนเพิกเฉยต่อโอวหยางชิงเฟิงที่กำลังยืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้องและคล้ายจะเลือนหายไปจากความนึกคิดของคู่หมั้นสาวอย่างสมบูรณ์

“ก็ได้ ไว้หลังจากนี้ข้าจะไปหาเจ้าบ่อย ๆ เราจะสนทนาเรื่องนี้กัน ข้าจะลองเอาสิ่งที่เจ้าบอกไปหารือกับท่านปู่ดูด้วย ท่านปู่มีประสบการณ์เคยเห็นอุปกรณ์ต่าง ๆ มามาก บางทีเขาอาจจะมีคำชี้แนะเพิ่มเติมที่น่าสนใจ”

คุณหนูช่างหลอมคนงามยังมิวายเอ่ยทิ้งท้ายเรื่องการช่างเสียยาวยืด นางกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะหันไปมองโอวหยางชิงเฟิงอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก

“โอวหยางชิงเฟิง ถ้าเจ้าต้องการยกเลิกการหมั้นหมาย ก็ยกเลิกมันไปซะ ข้าเองก็ไม่ต้องการแต่งงานกับคนไม่มีใจเช่นกัน ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อของข้าและให้เขาไปคุยกับทางตระกูลของเจ้าเพื่อขอยกเลิกการหมั้นนี้เอง”

เยว่ชิงเฉิงเองก็พึงพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้ นางไม่ชอบการถูกจับคลุมถุงชน แม้ว่าความประทับใจที่มีต่อโอวหยางชิงเฟิงผู้นี้จะ…ไม่มี  แต่เขาก็ไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้าย อีกทั้งนางก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังคนผู้นี้  แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือนางไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งด้วยเหตุผลเพียงเพราะการสานสัมพันธ์ของสองตระกูล

จะกล่าวให้ถูกก็คือ สตรีที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างนางจะไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงานกับบุรุษที่ตนเองไม่ได้ผูกสมัครรักใคร่ด้วยหัวใจอย่างแน่นอน

“ถ้าได้อย่างนั้นก็วิเศษเลย ขอบคุณมาก ขอบคุณเจ้ามาก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นโอวหยางชิงเฟิงก็ยิ้มกว้างอย่างยินดี เขาพุ่งตัวไปจับมือบางของอดีตคู่หมั้นสาวมากุมไว้แล้วเอ่ยคำขอบคุณซ้ำ ๆ ดวงตาของหนุ่มหน้ามนเปล่งประกายระยิบระยับสดใส ในตอนนี้หัวใจของเขาโล่งขึ้นมามาก ในที่สุดปัญหาหนักสมองที่ทำให้เขาตรมตรอมมานานแสนนานก็คลี่คลายลงไปได้เสียที

“เหอะ ! โอวหยางชิงเฟิง ข้ามันแย่ขนาดนั้นเลยเรอะ ?! ตอนที่ได้ยินว่าการหมั้นจะถูกยกเลิกถึงได้ทำให้เจ้ารู้สึกดีใจมากมายเพียงนี้ ? ถ้าซาบซึ้งนักก็ไม่ก้มหัวขอบคุณข้าด้วยเลยเล่า เจ้าคงคิดสินะว่าข้าไม่ดีพอสำหรับเจ้า !”

เยว่ชิงเฉิงสะบัดมือโอวหยางชิงเฟิงทิ้งอย่างไม่แยแสขณะที่แก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่อเป็นริ้ว ทว่าเพียบชั่ววูบเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีคล้ำเข้ม คุณหนูตระกูลเยว่สาดวาจาเข้าใส่อดีตคู่หมั้นหนุ่มด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก ใบหน้างามเวลานี้กำลังมืดมนจนเข้าขั้นน่ากลัวแล้ว !

เพราะการแสดงออกของคุณชายรองตระกูลโอวหยางเช่นนั้น ทำให้เยว่ชิงเฉิงก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ตอนนี้นางกำลังนึกอยากเปลี่ยนใจจากไม่ได้เกลียดชังมาเป็น… เกลียดเข้าไส้

‘ต่อให้โอวหยางชิงเฟิงจะดีใจแค่ไหนก็เถอะ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องแสดงออกให้มันชัดถึงเพียงนั้นเลย หนอย~ ท่าทางเช่นนั้นไม่ใช่กำลังดูหมิ่นข้าทางอ้อมหรอกเรอะ ?!’

นางคือเยว่ชิงเฉิงแห่งสมาคมช่างหลอม นางเป็นหนึ่งในสตรีที่มีคุณสมบัติสมบูรณ์เพียบพร้อมที่สุดจนเป็นที่หมายปองของบุรุษมากมายในนครไป๋อวิ๋น  ทว่าโอวหยางชิงเฟิงผู้นี้กลับแสดงท่าทีคล้ายรังเกียจนาง !

“มะ… ไม่… ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าแค่คิดว่าข้าไม่คู่ควรกับเจ้าเท่านั้น”

โอวหยางชิงเฟิงรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน แม้ว่าเขาจะดีใจมากที่ยกเลิกเรื่องการหมั้นได้ แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายที่เป็นสตรีต้องคิดมาก

“มันก็คงจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด ดูตัวเจ้าสิ เจ้าทำตัวไม่เหมือนบุรุษที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วสักนิด อย่างเจ้าจะคู่ควรกับข้าคนนี้ได้อย่างไร”

เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจและหันไปมองฉินอวี้โม่ “อวี้โม่ เจ้าคิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่ ?”

ฉินอวี้โม่นั่งนิ่งสนิท นางทำตัวไม่ถูกจึงได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ เพื่อรับหน้าไปก่อน  โอวหยางชิงเฟิงก็เป็นเพื่อนรักของนาง เยว่ชิงเฉิงเองก็เป็นคนที่นางถูกชะตา… ในสถานการณ์เช่นนี้จะเอ่ยสิ่งใดออกไปก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน~

ถ้าให้กล่าวตามความสัตย์จริง ตอนนี้ภายในใจของฉินอวี้โม่นางอยากจะตอบไปว่า นางรู้สึกว่าเยว่ชิงเฉิงกับโอวหยางชิงเฟิงเหมาะสมกันมากกกกกก

ฝ่ายหนึ่งจริงจัง ตรงไปตรงมา ดูเป็นผู้ใหญ่ ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นคนง่าย ๆ แม้จะดูไม่โตเท่าไหร่ แต่ก็มีนิสัยเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หากได้ครองคู่กันก็น่าจะสนับสนุนกันและกันได้ดี และผลลัพธ์ที่ออกมาก็อาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้

ที่ฉินอวี้โม่ไม่กล่าวสิ่งที่นางคิดออกมาในตอนนี้นับว่าสมควรแล้ว เพราะหากลองนางพูดออกไปเช่นนั้น ไม่ใช่แค่เพียงสายตาน่ากลัวของสหายคุณหนูช่างหลอมจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่นาง แต่นางก็คงจะได้เห็นสายตาทิ่มแทงตัดพ้อมาจากสหายหนุ่มหน้ามนด้วยเป็นแน่

“ชิงเฉิง สิ่งของที่อยู่ด้านนอกเป็นผลงานการหลอมของเจ้าอย่างนั้นหรือ ?”

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ผู้นับว่าอาวุโสที่สุดหากนับจากเวลาในการมีชีวิต ก็ต้องรีบไกล่เกลี่ยและทำลายบรรยากาศน่าหวาดหวั่น  ดังนั้นสาวนักฆ่าในร่างคุณหนูตระกูลฉินจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

และนี่ก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะหลบเลี่ยงออกมาจากประเด็นที่ว่าอดีตคู่หมายทั้งสองเหมาะสมกันหรือไม่

“ใช่แล้วล่ะ เจ้าเห็นพวกมันทั้งหมดแล้วสินะ”

เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าหงึกหงักอย่างแจ่มใสพลางยิ้มแย้มจนตาหยี นางหันหลังแล้วรีบคว้ามือคนข้างกายออกไปด้านนอกทันที

ที่ขอบด้านหนึ่งของเตาหลอมขนาดยักษ์มีโต๊ะกว้างตั้งอยู่ เยว่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ของทั้งหมดนี้ข้าเป็นคนทำเอง เจ้าชอบอันไหนก็หยิบออกไปได้เลย”

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่างหลอมสาวหันกลับไปมองฉินอวี้โม่ที่นางจูงมือออกมา ใบหน้านวลก็แดงซ่านขึ้นอย่างกะทันหัน

เมื่อครู่นี้ฉินอวี้โม่กับโอวหยางชิงเฟิงยืนอยู่ใกล้กัน ในตอนที่เยว่ชิงเฉิงได้ยินฉินอวี้โม่เอ่ยถามถึงชิ้นงานที่นางสร้าง คุณหนูช่างหลอมก็ตื่นเต้นมากเพราะในกองชิ้นงานมีสิ่งประดิษฐ์จากกลไกบางชิ้นที่นางอยากจะอวด เยว่ชิงเฉิงจึงคว้ามือสหายคนใหม่ที่อยู่ใกล้ตัวและรีบเดินออกมา  ทว่าสตรีผู้หลงใหลในกลไกจนเข้าขั้นเสพติดกลับไม่รู้ตัวเลยว่าผู้ที่นางจูงมือมานั้นหาใช่ฉินอวี้โม่สหายใหม่ที่นางถูกชะตานักหนา แต่เป็นคุณชายตระกูลโอวหยางอดีตคู่หมายที่นางนึกขุ่นเคือง

ส่วนโอวหยางชิงเฟิงที่จู่ ๆ ก็ถูกอดีตคู่หมั้นสาวผู้แสนน่ากลัวลากตัวออกมานั้น เพราะรู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างมากเขาจึงต้องเดินตามไปโดยไม่ส่งเสียงหรือขัดขืน

“โอวหยางชิงเฟิง เจ้าคิดจะทำบ้าอะไร ? เมื่อครู่ก็จับมือข้าครั้งหนึ่งแล้ว ยังจะมาตอนนี้อีก นี่เจ้าคิดจะฉวยโอกาสจากสตรีอย่างข้าสินะ !”

จากที่แดงซ่านอยู่ชั่วอึดใจ ใบหน้าของเยว่ชิงเฉิงก็แปรเปลี่ยนเป็นคล้ำเข้มขึ้นเพราะความโกรธเคืองแทน  ดวงตาคู่งามที่น่ากลัวเสียมากกว่างดงามกำลังจ้องเขม็งไปที่โอวหยางชิงเฟิงราวกับพร้อมจะบดขยี้อีกฝ่ายให้บี้แบนแล้วกระทืบซ้ำ

เป็นตอนนั้นเองที่โอวหยางชิงเฟิงดึงสติของตัวเองกลับมาได้ ในตอนแรกเขาก็รู้สึกเขินอายและกระอักกระอ่วน แต่เมื่อเอะใจในสิ่งที่เยว่ชิงเฉิงกล่าวเมื่อครู่ จู่ ๆ เขาก็โกรธขึ้นมา

“เยว่ชิงเฉิง ครั้งแรกที่ข้าจับมือเจ้าเป็นเพราะข้าดีใจมากไปซึ่งเรื่องนั้นข้าก็ต้องขออภัยเจ้า แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่า จู่ ๆ เจ้าก็คว้ามือข้าแล้วลากออกมาเอง ข้าไม่ได้ว่าเจ้าเรื่องฉวยโอกาสจากข้ายังไม่พอ เจ้ากลับมาว่าข้าเสีย ๆ หาย ๆ ก่อนแบบนี้ เจ้ามันเป็นพวกป่าเถื่อนชัด ๆ”

“โอวหยางชิงเฟิง ! เจ้าว่าใครป่าเถื่อน ? ถูกสตรีอย่างข้าจับมือเจ้าควรจะรู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำ เจ้าไม่เคยรู้เลยหรือว่ามีกี่คนในนครไป๋อวิ๋นที่อยากให้ข้าชายตามองพวกเขา”

เมื่อฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วเดินออกมาก็เห็นเหตุการณ์ในตอนที่พายุอารมณ์ลูกใหญ่สองลูกกำลังจะปะทะกันพอดี

ในตอนที่เยว่ชิงเฉิงดึงคนไปผิดคนนั้น ฉินอวี้โม่ก็ตั้งใจจะเอ่ยปากร้องเตือน ทว่าเยว่ชิงเฉิงรวดเร็วเกินไป ก่อนที่คุณหนูตระกูลฉินจะได้พูดอะไร พวกเขาทั้งสองคนก็ออกจากห้องไปแล้ว

เมื่อเห็นความเป็นปรปักษ์ของทั้งสองฝ่าย ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่าความคิดที่ว่าพวกเขาทั้งคู่เหมาะสมกันเมื่อครู่นั้นผิดมหันต์ พวกเขาน่าจะไม่ใช่คู่ที่เหมาะสมกันแต่เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันมากกว่า

“ชิ !”

เมื่อเยว่ชิงเฉิงเห็นฉินอวี้โม่เดินออกมา นางก็เปล่งเสียง *ชิ* ใส่โอวหยางชิงเฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะสะบัดหน้าหนีบุรุษที่นางนึกชังก่อนจะเดินเข้าไปหาสหายใหม่อย่างเริงร่าประหนึ่งว่าเมื่อครู่ไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น

“อวี้โม่ รีบมาดูนี่เร็วเข้า นี่คือสิ่งที่ข้าเป็นผู้สรรค์สร้าง”

โอวหยางชิงเฟิงหมดคำพูดไปในทันใด นางกำลังทำให้เขากลายเป็นเสมือนอากาศธาตุอีกครั้งแล้ว คุณชายรองตระกูลโอวหยางได้แต่มองคุณหนูช่างหลอมด้วยสายตาเคียดแค้น ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางและตั้งใจจะเลิกสนใจเยว่ชิงเฉิงโดยสิ้นเชิงเช่นกัน

ฉินอวี้โม่ถูกเยว่ชิงเฉิงลากไปที่โต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่อีกจุดหนึ่ง ด้านบนของโต๊ะตัวนั้นมีสิ่งของหลายอย่างวางอยู่

“เจ้าดูนี่สิ นี่ผลิตภัณฑ์ที่ข้าหลอมเสร็จแล้ว ส่วนนี่คือผลิตภัณฑ์ที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ ส่วนกองนี้คือผลงานที่ข้าหลอมผิดพลาดจนออกมาแย่”

เยว่ชิงเฉิงจัดผลงานไว้เป็นสามกองตามหมวดหมู่ นางชี้ไปที่แต่ละกองพร้อมกับแนะนำให้ฉินอวี้โม่ได้รับรู้

ฉินอวี้โม่มองไปที่ ‘ประติมากรรม’ ทั้งสามกองอย่างสนใจ ทว่าในตอนนั้นเอง แววแห่งความประหลาดใจบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาเนื้อทราย

เมื่อเห็นแท่งยาว ๆ ดำ ๆ ที่จะเรียกว่ากระบี่ก็ไม่ใช่กระบองงอ ๆ ก็ไม่เชิง ฉินอวี้โม่ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดู รูปลักษณ์ของเจ้าสิ่งนี้ดูไม่สมบูรณ์และแปลกพิกล

“นั่นคือกระบี่อเวจีมรกต  ที่บังเอิญว่าในตอนที่ข้ากำลังหลอมขึ้นรูป ข้าทำพลาดไปนิดหน่อย มันก็เลยออกมาหน้าตาประหลาดอย่างที่เห็น”

เยว่ชิงเฉิงกล่าวพลางยิ้มเจื่อน ๆ แม้ว่านางจะเป็นคุณหนูแห่งสมาคมช่างหลอม ทว่าทักษะการหลอมของนางก็ไม่ได้สูงส่งมากนัก นั่นก็เพราะว่าการหลอมเป็นงานที่ยาก การจะหาช่างหลอมที่ฝีมือเยี่ยมนั้นยากเย็นไม่ต่างจากการหาผู้ฝึกสัตว์เลยแม้แต่น้อย

ฉินอวี้โม่ไม่เข้าใจหลักการหรือวิธีการหลอมอาวุธ ทว่าเมื่อมองดูกระบี่อเวจีมรกต ที่ดำปี๋และบูดเบี้ยวในมือ นางกลับรู้สึกว่ายังพอมีโอกาสที่จะทำให้มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ได้

เมื่อคิดเห็นเช่นนั้นคุณหนูตระกูลฉินก็หยิบเอากริชน้ำแข็งที่หลั่วเจี๋ยมอบให้ออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนที่จะตั้งสมาธิรีดเค้นพลังมายาส่งผ่านเข้าไปในกริชงามที่กำลังเปล่งประกายและเริ่มใช้มันเพื่อเจียระไนแท่งดำ ๆ ที่ผู้สร้างมันตั้งใจให้ออกมาเป็นกระบี่อเวจีมรกตเล่มนี้

เนื่องจากกระบี่อเวจีมรกตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ล้มเหลว และด้วยความคดงอของมัน การจะเจียระไนให้กลายเป็นกระบี่อีกครั้งก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นฉินอวี้โม่จึงเปลี่ยนมันให้กลายเป็นรูปทรงของกริชอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นทักษะการใช้กริชของฉินอวี้โม่ เยว่ชิงเฉิงก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือนางกำลังตื่นเต้น

ส่วนโอวหยางชิงเฟิงและเสี่ยวโร่วได้แต่ยืนดูอยู่เงียบ ๆ ห่าง ๆ ไม่กล้าคิดจะเข้าไปรบกวนพวกนางทั้งสอง

ภายในเวลาอันสั้น กริชสีดำเล่มเล็ก ๆ ก็ปรากฏในมือของฉินอวี้โม่

เมื่อเห็นกริชเล่มเล็กในมือของสหายผู้เก่งกาจ เยว่ชิงเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะรีบคว้ามันมาและรีบโยนมันเข้าไปในเตาหลอมก่อนจะเริ่มขั้นตอนการหลอมอย่างตั้งอกตั้งใจ

ภายในเวลาไม่นานนัก กริชคมกริบก็ปรากฏในมือเยว่ชิงเฉิง

เยว่ชิงเฉิงส่งกริชคืนให้ฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มกว้าง

ฉินอวี้โม่พบว่ากริชเล่มนี้กลายเป็นอาวุธคุณภาพดีที่ดูมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมไปแล้ว

“อวี้โม่ เจ้าเองก็เป็นช่างหลอมเหมือนกันหรือ ?”

เยว่ชิงเฉิงมองฉินอวี้โม่พลางถามด้วยความสงสัย ทักษะการเจียระไนของฉินอวี้โม่ดูลื่นไหลและเหนือชั้นมาก เรื่องนี้ทำให้นางอดนึกสงสัยไม่ได้

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม “จริง ๆ แล้วข้าเองก็อยากจะเป็นช่างหลอมอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีคนสอนข้า ข้าจึงไม่มีเคยได้เรียนรู้”

สิ้นคำตอบของฉินอวี้โม่ เยว่ชิงเฉิงก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

“เอ… แต่แค่ทักษะในการเจียระไนที่สูงส่งของเจ้าก็มากพอจะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ต้องทิ้งให้กลายเป็นกริชคุณภาพดีได้แล้ว เจ้านับว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงได้เลย”

เวลานี้จิตใจของเยว่ชิงเฉิงกำลังสั่นไหวเป็นอย่างมาก  สิ่งที่ช่างหลอมควรจะมีก็คือสายตาที่ยอดเยี่ยมและทักษะการเคลื่อนไหวของข้อมือและนิ้วที่เฉียบขาด ซึ่งเมื่อบวกรวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง คนผู้นั้นจะกลายเป็นสุดยอดช่างหลอมได้

ฉินอวี้โม่บอกว่านางไม่เคยสัมผัสกับเครื่องมือการหลอมและไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่กลับทำได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ นับว่านางเป็นอัจฉริยะโดยแท้

“ชิงเฉิง ดูเหมือนว่าทักษะการหลอมผลิตภัณฑ์ของเจ้าไม่ค่อยดีนัก อย่างนั้นใช่ไหม ?”

ที่ฉินอวี้โม่กล่าวออกมานับว่าไม่ผิดแม้แต่น้อย เพราะหากประเมินจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เยว่ชิงเฉิงหลอมออกมาแล้วก็จะพบว่าระดับของมันไม่ได้สูงมากนัก

“เจ้ามองออกด้วยเหรอ ?!”

เยว่ชิงเฉิงรู้สึกอับอายจนอยากจะมุดดินหนี  นางเป็นช่างหลอมตั้งแต่จำความได้ ทั้งท่านพ่อและท่านปู่ของนางก็เป็นสุดยอดช่างหลอมมือหนึ่ง ทว่าฝีมือของนางนั้น ราวกับไม่ได้รับการสืบทอดวิชามาจากพวกเขาเลย

แม้จะมีสถานะเป็นถึงคุณหนูแห่งสมาคมช่างหลอม แต่เยว่ชิงเฉิงกลับยังเป็นเพียงช่างหลอมระดับกลางอยู่จนถึงตอนนี้   ด้วยเพราะมีอาจารย์ที่ดี รวมถึงอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ครบครันสำหรับใช้ในการฝึกฝน ถึงแม้พรสวรรค์จะไม่ดีอย่างไรก็ควรจะขึ้นเป็นช่างหลอมระดับอาวุโสแล้วถึงจะถูก

ไม่ใช่แค่ เยว่ชิงเฉิงจะเป็นเพียงช่างหลอมระดับกลางอยู่ในตอนนี้ แต่ทว่านางยังไม่มีวี่แววว่าจะเลื่อนระดับขึ้นไปได้เลย นี่ทำให้บิดาของนางอ่อนอกอ่อนใจเป็นอย่างมาก จนแทบจะอดคิดไม่ได้ว่านี่ใช่บุตรสาวของเขาที่เป็นลูกหลานของสมาคมช่างหลอมจริง ๆ หรือไม่ ?

“อันที่จริงข้าไม่ได้ชื่นชอบการหลอมเท่าไหร่ แท้จริงแล้วข้าชื่นชอบกลไกและการสร้างอาวุธลับที่คุยกับเจ้าไปเมื่อครู่มากกว่า”

เยว่ชิงเฉิงไม่คิดปิดบังเรื่องนี้กับฉินอวี้โม่เลย หลังจากพบเจอกันแค่เพียงช่วงสั้น ๆ นางก็นับฉินอวี้โม่เป็นสหายสนิทของนางแล้ว

ฉินอวี้โม่พบว่าตนเองก็รู้สึกชื่นชอบในด้านกลไกและอุปกรณ์ลับเช่นเดียวกับเยว่ชิงเฉิง ทว่าในดินแดนหวงหลิงนี้ไม่มีอาชีพดังกล่าว จะมีที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือช่างหลอม ทว่ามันก็ไม่ใช่แนวทางที่เยว่ชิงเฉิงถนัด และการที่นางเอาแต่ศึกษาในด้านนี้จึงทำให้ทักษะด้านการหลอมของนางไม่ก้าวหน้าเท่าไหร่นัก แต่ฉินอวี้โม่ก็อยากจะเอาใจช่วยสหายผู้นี้ในสิ่งที่นางหลงใหล

อดีตนักฆ่าแห่งศตวรรษที่ 21 ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะบอกเยว่ชิงเฉิงเกี่ยวกับทุกเรื่องที่เธอเคยรู้มาเมื่อชีวิตก่อนในด้านของเครื่องจักร กลไกและอุปกรณ์ลับของนักฆ่า เธอตั้งใจจะทำให้เยว่ชิงเฉิงเป็นบุคคลแรกที่เชี่ยวชาญด้านนี้ในดินแดนมายาแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ก็ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของตนจะก่อให้เกิดสุดยอดช่างหลอมแนวใหม่แห่งดินแดนหวงหลิง ผู้ที่ไม่ว่าใครต่างก็ให้ความเคารพยำเกรงและไม่กล้าคิดจะทำให้นางรู้สึกระคายใจแม้แต่นิดเดียว

แต่ถึงอย่างนั้น กว่าช่วงเวลานั้นจะมาถึง หนทางก็ยังคงอีกไกลแสนไกล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 79 พรสวรรค์ในการหลอม

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 79 พรสวรรค์ในการหลอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เฮ้ เยว่ชิงเฉิง ในเมื่อเจ้าเองก็ไม่อยากแต่งงานกับข้า จะเป็นอย่างไรถ้าพวกเรายุติการหมั้นหมายนี้ลง ?”

เมื่อเห็นเยว่ชิงเฉิงดึงตัวฉินอวี้โม่ออกไปนั่งสนทนาอย่างสนิทสนมโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย โอวหยางชิงเฟิงก็หมดคำพูดไป คุณชายรองตระกูลโอวหยางผู้มีปัญหาหนักอกเรื่องการหมั้นหมายมาตลอดหลายปีจนถึงกับต้องหนีออกจากตระกูลแทบอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบนกับพฤติกรรมของ ‘สตรีผู้เป็นคู่หมั้น’

‘ผู้หญิงเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจได้ยากที่สุดโดยแท้’

หลังจากพบหน้ากันได้เพียงหนึ่งก้านธูปถ้วน โอวหยางชิงเฟิงก็รู้สึกว่าเยว่ชิงเฉิงและฉินอวี้โม่ดูราวกับเป็นสหายรักที่พลัดพรากจากกันไปนานแสนนาน

“โอวหยางชิงเฟิง เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ อย่ามารบกวนเวลาสนทนาของข้ากับอวี้โม่ !”

เยว่ชิงเฉิงหันมาสาดสายตาแข็งกร้าวเข้าใส่อดีตคู่หมายผู้น่ารำคาญก่อนจะหันกลับไปคุยกับฉินอวี้โม่ต่ออย่างออกรส

ในตอนนี้ฉินอวี้โม่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกลไกกับดักเมื่อครู่นี้ของเยว่ชิงเฉิง  และบอกนางเกี่ยวกับกลวิธีการวางกับดักที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน และนี่ทำให้เยว่ชิงเฉิงรู้สึกสนใจใคร่รู้เป็นอย่างมาก

อันที่จริง อดีตสาวนักฆ่าอยากจะบอกคุณหนูช่างหลอมผู้นี้ด้วยซ้ำว่าถ้าหากเอาเทคนิคการสร้างกับดักของนางมาเทียบกับตัวเธอเมื่อชีวิตก่อน  ฝีมือของเยว่ชิงเฉิงในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเด็กทารกเลย แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว นักฆ่าสาวศตวรรษที่ 21 ในร่างคุณหนูตระกูลฉินก็เลือกที่จะไม่พูดเพราะถ้าพูดออกไปแบบนั้นอีกฝ่ายอาจจะไม่เชื่อถือ

เพราะถึงอย่างไรร่างกายของคุณหนูตระกูลฉินในตอนนี้ก็มีอายุน้อยกว่าเยว่ชิงเฉิงถึงหนึ่งปี  นางจึงไม่อยากจะคุยโวโอ้อวดมากเกินตัว  แต่ถ้าหากเอาอายุและประสบการณ์ของเธอจากชีวิตก่อนมาบวกรวมเข้าด้วยกันกับประสบการณ์ในความทรงจำของคุณหนูสี่ในชีวิตนี้ อายุของฉินอวี้โม่ก็นับว่าแทบจะเป็นแม่ของเยว่ชิงเฉิงได้เลยทีเดียว

เมื่อมองดูใบหน้าอันแสนจริงจังและตั้งใจของเยว่ชิงเฉิง ฉินอวี้โม่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเยว่ชิงเฉิงผู้นี้มีความสนใจในด้านเครื่องจักรและกลไกมากเป็นพิเศษ  ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าพรสวรรค์ในด้านนี้ของคุณหนูแห่งสมาคมช่างหลอมจะสูงส่งและโดดเด่นเหนือผู้ใด  เมื่อฉินอวี้โม่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องกลไกออกไป  เยว่ชิงเฉิงก็สามารถพูดคุยโต้ตอบกับเธอที่มาจากศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไม่ด้อยกว่า  นี่ทำให้ฉินอวี้โม่อดคิดไม่ได้ว่าหากสตรีผู้นี้เกิดในยุคสมัยของเธอแล้ว เยว่ชิงเฉิงก็อาจจะกลายเป็นวิศวกรอัจฉริยะที่แม้แต่วิศวกรชายเก่ง ๆ ยังต้องยอมซูฮก

“เอ่อ ชิงเฉิง ไว้ข้าจะมาคุยเรื่องนี้ให้ฟังเจ้าอีกเยอะ ๆ ในวันหลังนะ แต่ตอนนี้ข้าว่าเจ้าฟังสิ่งที่ชิงเฟิงอยากจะพูดก่อนดีกว่า”

ฉินอวี้โม่อดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากขัดขึ้นมา เมื่อเห็นเยว่ชิงเฉิงมุ่งมั่นตั้งใจเรื่องจักรกลแห่งศตวรรษที่ 21 มากเสียจนเพิกเฉยต่อโอวหยางชิงเฟิงที่กำลังยืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้องและคล้ายจะเลือนหายไปจากความนึกคิดของคู่หมั้นสาวอย่างสมบูรณ์

“ก็ได้ ไว้หลังจากนี้ข้าจะไปหาเจ้าบ่อย ๆ เราจะสนทนาเรื่องนี้กัน ข้าจะลองเอาสิ่งที่เจ้าบอกไปหารือกับท่านปู่ดูด้วย ท่านปู่มีประสบการณ์เคยเห็นอุปกรณ์ต่าง ๆ มามาก บางทีเขาอาจจะมีคำชี้แนะเพิ่มเติมที่น่าสนใจ”

คุณหนูช่างหลอมคนงามยังมิวายเอ่ยทิ้งท้ายเรื่องการช่างเสียยาวยืด นางกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะหันไปมองโอวหยางชิงเฟิงอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก

“โอวหยางชิงเฟิง ถ้าเจ้าต้องการยกเลิกการหมั้นหมาย ก็ยกเลิกมันไปซะ ข้าเองก็ไม่ต้องการแต่งงานกับคนไม่มีใจเช่นกัน ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อของข้าและให้เขาไปคุยกับทางตระกูลของเจ้าเพื่อขอยกเลิกการหมั้นนี้เอง”

เยว่ชิงเฉิงเองก็พึงพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้ นางไม่ชอบการถูกจับคลุมถุงชน แม้ว่าความประทับใจที่มีต่อโอวหยางชิงเฟิงผู้นี้จะ…ไม่มี  แต่เขาก็ไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้าย อีกทั้งนางก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังคนผู้นี้  แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือนางไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งด้วยเหตุผลเพียงเพราะการสานสัมพันธ์ของสองตระกูล

จะกล่าวให้ถูกก็คือ สตรีที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างนางจะไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงานกับบุรุษที่ตนเองไม่ได้ผูกสมัครรักใคร่ด้วยหัวใจอย่างแน่นอน

“ถ้าได้อย่างนั้นก็วิเศษเลย ขอบคุณมาก ขอบคุณเจ้ามาก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นโอวหยางชิงเฟิงก็ยิ้มกว้างอย่างยินดี เขาพุ่งตัวไปจับมือบางของอดีตคู่หมั้นสาวมากุมไว้แล้วเอ่ยคำขอบคุณซ้ำ ๆ ดวงตาของหนุ่มหน้ามนเปล่งประกายระยิบระยับสดใส ในตอนนี้หัวใจของเขาโล่งขึ้นมามาก ในที่สุดปัญหาหนักสมองที่ทำให้เขาตรมตรอมมานานแสนนานก็คลี่คลายลงไปได้เสียที

“เหอะ ! โอวหยางชิงเฟิง ข้ามันแย่ขนาดนั้นเลยเรอะ ?! ตอนที่ได้ยินว่าการหมั้นจะถูกยกเลิกถึงได้ทำให้เจ้ารู้สึกดีใจมากมายเพียงนี้ ? ถ้าซาบซึ้งนักก็ไม่ก้มหัวขอบคุณข้าด้วยเลยเล่า เจ้าคงคิดสินะว่าข้าไม่ดีพอสำหรับเจ้า !”

เยว่ชิงเฉิงสะบัดมือโอวหยางชิงเฟิงทิ้งอย่างไม่แยแสขณะที่แก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่อเป็นริ้ว ทว่าเพียบชั่ววูบเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีคล้ำเข้ม คุณหนูตระกูลเยว่สาดวาจาเข้าใส่อดีตคู่หมั้นหนุ่มด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก ใบหน้างามเวลานี้กำลังมืดมนจนเข้าขั้นน่ากลัวแล้ว !

เพราะการแสดงออกของคุณชายรองตระกูลโอวหยางเช่นนั้น ทำให้เยว่ชิงเฉิงก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ตอนนี้นางกำลังนึกอยากเปลี่ยนใจจากไม่ได้เกลียดชังมาเป็น… เกลียดเข้าไส้

‘ต่อให้โอวหยางชิงเฟิงจะดีใจแค่ไหนก็เถอะ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องแสดงออกให้มันชัดถึงเพียงนั้นเลย หนอย~ ท่าทางเช่นนั้นไม่ใช่กำลังดูหมิ่นข้าทางอ้อมหรอกเรอะ ?!’

นางคือเยว่ชิงเฉิงแห่งสมาคมช่างหลอม นางเป็นหนึ่งในสตรีที่มีคุณสมบัติสมบูรณ์เพียบพร้อมที่สุดจนเป็นที่หมายปองของบุรุษมากมายในนครไป๋อวิ๋น  ทว่าโอวหยางชิงเฟิงผู้นี้กลับแสดงท่าทีคล้ายรังเกียจนาง !

“มะ… ไม่… ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าแค่คิดว่าข้าไม่คู่ควรกับเจ้าเท่านั้น”

โอวหยางชิงเฟิงรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน แม้ว่าเขาจะดีใจมากที่ยกเลิกเรื่องการหมั้นได้ แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายที่เป็นสตรีต้องคิดมาก

“มันก็คงจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด ดูตัวเจ้าสิ เจ้าทำตัวไม่เหมือนบุรุษที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วสักนิด อย่างเจ้าจะคู่ควรกับข้าคนนี้ได้อย่างไร”

เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจและหันไปมองฉินอวี้โม่ “อวี้โม่ เจ้าคิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่ ?”

ฉินอวี้โม่นั่งนิ่งสนิท นางทำตัวไม่ถูกจึงได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ เพื่อรับหน้าไปก่อน  โอวหยางชิงเฟิงก็เป็นเพื่อนรักของนาง เยว่ชิงเฉิงเองก็เป็นคนที่นางถูกชะตา… ในสถานการณ์เช่นนี้จะเอ่ยสิ่งใดออกไปก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน~

ถ้าให้กล่าวตามความสัตย์จริง ตอนนี้ภายในใจของฉินอวี้โม่นางอยากจะตอบไปว่า นางรู้สึกว่าเยว่ชิงเฉิงกับโอวหยางชิงเฟิงเหมาะสมกันมากกกกกก

ฝ่ายหนึ่งจริงจัง ตรงไปตรงมา ดูเป็นผู้ใหญ่ ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นคนง่าย ๆ แม้จะดูไม่โตเท่าไหร่ แต่ก็มีนิสัยเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หากได้ครองคู่กันก็น่าจะสนับสนุนกันและกันได้ดี และผลลัพธ์ที่ออกมาก็อาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้

ที่ฉินอวี้โม่ไม่กล่าวสิ่งที่นางคิดออกมาในตอนนี้นับว่าสมควรแล้ว เพราะหากลองนางพูดออกไปเช่นนั้น ไม่ใช่แค่เพียงสายตาน่ากลัวของสหายคุณหนูช่างหลอมจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่นาง แต่นางก็คงจะได้เห็นสายตาทิ่มแทงตัดพ้อมาจากสหายหนุ่มหน้ามนด้วยเป็นแน่

“ชิงเฉิง สิ่งของที่อยู่ด้านนอกเป็นผลงานการหลอมของเจ้าอย่างนั้นหรือ ?”

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ผู้นับว่าอาวุโสที่สุดหากนับจากเวลาในการมีชีวิต ก็ต้องรีบไกล่เกลี่ยและทำลายบรรยากาศน่าหวาดหวั่น  ดังนั้นสาวนักฆ่าในร่างคุณหนูตระกูลฉินจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

และนี่ก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะหลบเลี่ยงออกมาจากประเด็นที่ว่าอดีตคู่หมายทั้งสองเหมาะสมกันหรือไม่

“ใช่แล้วล่ะ เจ้าเห็นพวกมันทั้งหมดแล้วสินะ”

เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าหงึกหงักอย่างแจ่มใสพลางยิ้มแย้มจนตาหยี นางหันหลังแล้วรีบคว้ามือคนข้างกายออกไปด้านนอกทันที

ที่ขอบด้านหนึ่งของเตาหลอมขนาดยักษ์มีโต๊ะกว้างตั้งอยู่ เยว่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ของทั้งหมดนี้ข้าเป็นคนทำเอง เจ้าชอบอันไหนก็หยิบออกไปได้เลย”

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่างหลอมสาวหันกลับไปมองฉินอวี้โม่ที่นางจูงมือออกมา ใบหน้านวลก็แดงซ่านขึ้นอย่างกะทันหัน

เมื่อครู่นี้ฉินอวี้โม่กับโอวหยางชิงเฟิงยืนอยู่ใกล้กัน ในตอนที่เยว่ชิงเฉิงได้ยินฉินอวี้โม่เอ่ยถามถึงชิ้นงานที่นางสร้าง คุณหนูช่างหลอมก็ตื่นเต้นมากเพราะในกองชิ้นงานมีสิ่งประดิษฐ์จากกลไกบางชิ้นที่นางอยากจะอวด เยว่ชิงเฉิงจึงคว้ามือสหายคนใหม่ที่อยู่ใกล้ตัวและรีบเดินออกมา  ทว่าสตรีผู้หลงใหลในกลไกจนเข้าขั้นเสพติดกลับไม่รู้ตัวเลยว่าผู้ที่นางจูงมือมานั้นหาใช่ฉินอวี้โม่สหายใหม่ที่นางถูกชะตานักหนา แต่เป็นคุณชายตระกูลโอวหยางอดีตคู่หมายที่นางนึกขุ่นเคือง

ส่วนโอวหยางชิงเฟิงที่จู่ ๆ ก็ถูกอดีตคู่หมั้นสาวผู้แสนน่ากลัวลากตัวออกมานั้น เพราะรู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างมากเขาจึงต้องเดินตามไปโดยไม่ส่งเสียงหรือขัดขืน

“โอวหยางชิงเฟิง เจ้าคิดจะทำบ้าอะไร ? เมื่อครู่ก็จับมือข้าครั้งหนึ่งแล้ว ยังจะมาตอนนี้อีก นี่เจ้าคิดจะฉวยโอกาสจากสตรีอย่างข้าสินะ !”

จากที่แดงซ่านอยู่ชั่วอึดใจ ใบหน้าของเยว่ชิงเฉิงก็แปรเปลี่ยนเป็นคล้ำเข้มขึ้นเพราะความโกรธเคืองแทน  ดวงตาคู่งามที่น่ากลัวเสียมากกว่างดงามกำลังจ้องเขม็งไปที่โอวหยางชิงเฟิงราวกับพร้อมจะบดขยี้อีกฝ่ายให้บี้แบนแล้วกระทืบซ้ำ

เป็นตอนนั้นเองที่โอวหยางชิงเฟิงดึงสติของตัวเองกลับมาได้ ในตอนแรกเขาก็รู้สึกเขินอายและกระอักกระอ่วน แต่เมื่อเอะใจในสิ่งที่เยว่ชิงเฉิงกล่าวเมื่อครู่ จู่ ๆ เขาก็โกรธขึ้นมา

“เยว่ชิงเฉิง ครั้งแรกที่ข้าจับมือเจ้าเป็นเพราะข้าดีใจมากไปซึ่งเรื่องนั้นข้าก็ต้องขออภัยเจ้า แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่า จู่ ๆ เจ้าก็คว้ามือข้าแล้วลากออกมาเอง ข้าไม่ได้ว่าเจ้าเรื่องฉวยโอกาสจากข้ายังไม่พอ เจ้ากลับมาว่าข้าเสีย ๆ หาย ๆ ก่อนแบบนี้ เจ้ามันเป็นพวกป่าเถื่อนชัด ๆ”

“โอวหยางชิงเฟิง ! เจ้าว่าใครป่าเถื่อน ? ถูกสตรีอย่างข้าจับมือเจ้าควรจะรู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำ เจ้าไม่เคยรู้เลยหรือว่ามีกี่คนในนครไป๋อวิ๋นที่อยากให้ข้าชายตามองพวกเขา”

เมื่อฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วเดินออกมาก็เห็นเหตุการณ์ในตอนที่พายุอารมณ์ลูกใหญ่สองลูกกำลังจะปะทะกันพอดี

ในตอนที่เยว่ชิงเฉิงดึงคนไปผิดคนนั้น ฉินอวี้โม่ก็ตั้งใจจะเอ่ยปากร้องเตือน ทว่าเยว่ชิงเฉิงรวดเร็วเกินไป ก่อนที่คุณหนูตระกูลฉินจะได้พูดอะไร พวกเขาทั้งสองคนก็ออกจากห้องไปแล้ว

เมื่อเห็นความเป็นปรปักษ์ของทั้งสองฝ่าย ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่าความคิดที่ว่าพวกเขาทั้งคู่เหมาะสมกันเมื่อครู่นั้นผิดมหันต์ พวกเขาน่าจะไม่ใช่คู่ที่เหมาะสมกันแต่เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันมากกว่า

“ชิ !”

เมื่อเยว่ชิงเฉิงเห็นฉินอวี้โม่เดินออกมา นางก็เปล่งเสียง *ชิ* ใส่โอวหยางชิงเฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะสะบัดหน้าหนีบุรุษที่นางนึกชังก่อนจะเดินเข้าไปหาสหายใหม่อย่างเริงร่าประหนึ่งว่าเมื่อครู่ไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น

“อวี้โม่ รีบมาดูนี่เร็วเข้า นี่คือสิ่งที่ข้าเป็นผู้สรรค์สร้าง”

โอวหยางชิงเฟิงหมดคำพูดไปในทันใด นางกำลังทำให้เขากลายเป็นเสมือนอากาศธาตุอีกครั้งแล้ว คุณชายรองตระกูลโอวหยางได้แต่มองคุณหนูช่างหลอมด้วยสายตาเคียดแค้น ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางและตั้งใจจะเลิกสนใจเยว่ชิงเฉิงโดยสิ้นเชิงเช่นกัน

ฉินอวี้โม่ถูกเยว่ชิงเฉิงลากไปที่โต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่อีกจุดหนึ่ง ด้านบนของโต๊ะตัวนั้นมีสิ่งของหลายอย่างวางอยู่

“เจ้าดูนี่สิ นี่ผลิตภัณฑ์ที่ข้าหลอมเสร็จแล้ว ส่วนนี่คือผลิตภัณฑ์ที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ ส่วนกองนี้คือผลงานที่ข้าหลอมผิดพลาดจนออกมาแย่”

เยว่ชิงเฉิงจัดผลงานไว้เป็นสามกองตามหมวดหมู่ นางชี้ไปที่แต่ละกองพร้อมกับแนะนำให้ฉินอวี้โม่ได้รับรู้

ฉินอวี้โม่มองไปที่ ‘ประติมากรรม’ ทั้งสามกองอย่างสนใจ ทว่าในตอนนั้นเอง แววแห่งความประหลาดใจบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาเนื้อทราย

เมื่อเห็นแท่งยาว ๆ ดำ ๆ ที่จะเรียกว่ากระบี่ก็ไม่ใช่กระบองงอ ๆ ก็ไม่เชิง ฉินอวี้โม่ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดู รูปลักษณ์ของเจ้าสิ่งนี้ดูไม่สมบูรณ์และแปลกพิกล

“นั่นคือกระบี่อเวจีมรกต  ที่บังเอิญว่าในตอนที่ข้ากำลังหลอมขึ้นรูป ข้าทำพลาดไปนิดหน่อย มันก็เลยออกมาหน้าตาประหลาดอย่างที่เห็น”

เยว่ชิงเฉิงกล่าวพลางยิ้มเจื่อน ๆ แม้ว่านางจะเป็นคุณหนูแห่งสมาคมช่างหลอม ทว่าทักษะการหลอมของนางก็ไม่ได้สูงส่งมากนัก นั่นก็เพราะว่าการหลอมเป็นงานที่ยาก การจะหาช่างหลอมที่ฝีมือเยี่ยมนั้นยากเย็นไม่ต่างจากการหาผู้ฝึกสัตว์เลยแม้แต่น้อย

ฉินอวี้โม่ไม่เข้าใจหลักการหรือวิธีการหลอมอาวุธ ทว่าเมื่อมองดูกระบี่อเวจีมรกต ที่ดำปี๋และบูดเบี้ยวในมือ นางกลับรู้สึกว่ายังพอมีโอกาสที่จะทำให้มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ได้

เมื่อคิดเห็นเช่นนั้นคุณหนูตระกูลฉินก็หยิบเอากริชน้ำแข็งที่หลั่วเจี๋ยมอบให้ออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนที่จะตั้งสมาธิรีดเค้นพลังมายาส่งผ่านเข้าไปในกริชงามที่กำลังเปล่งประกายและเริ่มใช้มันเพื่อเจียระไนแท่งดำ ๆ ที่ผู้สร้างมันตั้งใจให้ออกมาเป็นกระบี่อเวจีมรกตเล่มนี้

เนื่องจากกระบี่อเวจีมรกตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ล้มเหลว และด้วยความคดงอของมัน การจะเจียระไนให้กลายเป็นกระบี่อีกครั้งก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นฉินอวี้โม่จึงเปลี่ยนมันให้กลายเป็นรูปทรงของกริชอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นทักษะการใช้กริชของฉินอวี้โม่ เยว่ชิงเฉิงก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือนางกำลังตื่นเต้น

ส่วนโอวหยางชิงเฟิงและเสี่ยวโร่วได้แต่ยืนดูอยู่เงียบ ๆ ห่าง ๆ ไม่กล้าคิดจะเข้าไปรบกวนพวกนางทั้งสอง

ภายในเวลาอันสั้น กริชสีดำเล่มเล็ก ๆ ก็ปรากฏในมือของฉินอวี้โม่

เมื่อเห็นกริชเล่มเล็กในมือของสหายผู้เก่งกาจ เยว่ชิงเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะรีบคว้ามันมาและรีบโยนมันเข้าไปในเตาหลอมก่อนจะเริ่มขั้นตอนการหลอมอย่างตั้งอกตั้งใจ

ภายในเวลาไม่นานนัก กริชคมกริบก็ปรากฏในมือเยว่ชิงเฉิง

เยว่ชิงเฉิงส่งกริชคืนให้ฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มกว้าง

ฉินอวี้โม่พบว่ากริชเล่มนี้กลายเป็นอาวุธคุณภาพดีที่ดูมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมไปแล้ว

“อวี้โม่ เจ้าเองก็เป็นช่างหลอมเหมือนกันหรือ ?”

เยว่ชิงเฉิงมองฉินอวี้โม่พลางถามด้วยความสงสัย ทักษะการเจียระไนของฉินอวี้โม่ดูลื่นไหลและเหนือชั้นมาก เรื่องนี้ทำให้นางอดนึกสงสัยไม่ได้

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม “จริง ๆ แล้วข้าเองก็อยากจะเป็นช่างหลอมอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีคนสอนข้า ข้าจึงไม่มีเคยได้เรียนรู้”

สิ้นคำตอบของฉินอวี้โม่ เยว่ชิงเฉิงก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

“เอ… แต่แค่ทักษะในการเจียระไนที่สูงส่งของเจ้าก็มากพอจะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ต้องทิ้งให้กลายเป็นกริชคุณภาพดีได้แล้ว เจ้านับว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงได้เลย”

เวลานี้จิตใจของเยว่ชิงเฉิงกำลังสั่นไหวเป็นอย่างมาก  สิ่งที่ช่างหลอมควรจะมีก็คือสายตาที่ยอดเยี่ยมและทักษะการเคลื่อนไหวของข้อมือและนิ้วที่เฉียบขาด ซึ่งเมื่อบวกรวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง คนผู้นั้นจะกลายเป็นสุดยอดช่างหลอมได้

ฉินอวี้โม่บอกว่านางไม่เคยสัมผัสกับเครื่องมือการหลอมและไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่กลับทำได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ นับว่านางเป็นอัจฉริยะโดยแท้

“ชิงเฉิง ดูเหมือนว่าทักษะการหลอมผลิตภัณฑ์ของเจ้าไม่ค่อยดีนัก อย่างนั้นใช่ไหม ?”

ที่ฉินอวี้โม่กล่าวออกมานับว่าไม่ผิดแม้แต่น้อย เพราะหากประเมินจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เยว่ชิงเฉิงหลอมออกมาแล้วก็จะพบว่าระดับของมันไม่ได้สูงมากนัก

“เจ้ามองออกด้วยเหรอ ?!”

เยว่ชิงเฉิงรู้สึกอับอายจนอยากจะมุดดินหนี  นางเป็นช่างหลอมตั้งแต่จำความได้ ทั้งท่านพ่อและท่านปู่ของนางก็เป็นสุดยอดช่างหลอมมือหนึ่ง ทว่าฝีมือของนางนั้น ราวกับไม่ได้รับการสืบทอดวิชามาจากพวกเขาเลย

แม้จะมีสถานะเป็นถึงคุณหนูแห่งสมาคมช่างหลอม แต่เยว่ชิงเฉิงกลับยังเป็นเพียงช่างหลอมระดับกลางอยู่จนถึงตอนนี้   ด้วยเพราะมีอาจารย์ที่ดี รวมถึงอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ครบครันสำหรับใช้ในการฝึกฝน ถึงแม้พรสวรรค์จะไม่ดีอย่างไรก็ควรจะขึ้นเป็นช่างหลอมระดับอาวุโสแล้วถึงจะถูก

ไม่ใช่แค่ เยว่ชิงเฉิงจะเป็นเพียงช่างหลอมระดับกลางอยู่ในตอนนี้ แต่ทว่านางยังไม่มีวี่แววว่าจะเลื่อนระดับขึ้นไปได้เลย นี่ทำให้บิดาของนางอ่อนอกอ่อนใจเป็นอย่างมาก จนแทบจะอดคิดไม่ได้ว่านี่ใช่บุตรสาวของเขาที่เป็นลูกหลานของสมาคมช่างหลอมจริง ๆ หรือไม่ ?

“อันที่จริงข้าไม่ได้ชื่นชอบการหลอมเท่าไหร่ แท้จริงแล้วข้าชื่นชอบกลไกและการสร้างอาวุธลับที่คุยกับเจ้าไปเมื่อครู่มากกว่า”

เยว่ชิงเฉิงไม่คิดปิดบังเรื่องนี้กับฉินอวี้โม่เลย หลังจากพบเจอกันแค่เพียงช่วงสั้น ๆ นางก็นับฉินอวี้โม่เป็นสหายสนิทของนางแล้ว

ฉินอวี้โม่พบว่าตนเองก็รู้สึกชื่นชอบในด้านกลไกและอุปกรณ์ลับเช่นเดียวกับเยว่ชิงเฉิง ทว่าในดินแดนหวงหลิงนี้ไม่มีอาชีพดังกล่าว จะมีที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือช่างหลอม ทว่ามันก็ไม่ใช่แนวทางที่เยว่ชิงเฉิงถนัด และการที่นางเอาแต่ศึกษาในด้านนี้จึงทำให้ทักษะด้านการหลอมของนางไม่ก้าวหน้าเท่าไหร่นัก แต่ฉินอวี้โม่ก็อยากจะเอาใจช่วยสหายผู้นี้ในสิ่งที่นางหลงใหล

อดีตนักฆ่าแห่งศตวรรษที่ 21 ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะบอกเยว่ชิงเฉิงเกี่ยวกับทุกเรื่องที่เธอเคยรู้มาเมื่อชีวิตก่อนในด้านของเครื่องจักร กลไกและอุปกรณ์ลับของนักฆ่า เธอตั้งใจจะทำให้เยว่ชิงเฉิงเป็นบุคคลแรกที่เชี่ยวชาญด้านนี้ในดินแดนมายาแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ก็ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของตนจะก่อให้เกิดสุดยอดช่างหลอมแนวใหม่แห่งดินแดนหวงหลิง ผู้ที่ไม่ว่าใครต่างก็ให้ความเคารพยำเกรงและไม่กล้าคิดจะทำให้นางรู้สึกระคายใจแม้แต่นิดเดียว

แต่ถึงอย่างนั้น กว่าช่วงเวลานั้นจะมาถึง หนทางก็ยังคงอีกไกลแสนไกล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด 79 พรสวรรค์ในการหลอม

Now you are reading คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด Chapter 79 พรสวรรค์ในการหลอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เฮ้ เยว่ชิงเฉิง ในเมื่อเจ้าเองก็ไม่อยากแต่งงานกับข้า จะเป็นอย่างไรถ้าพวกเรายุติการหมั้นหมายนี้ลง ?”

เมื่อเห็นเยว่ชิงเฉิงดึงตัวฉินอวี้โม่ออกไปนั่งสนทนาอย่างสนิทสนมโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย โอวหยางชิงเฟิงก็หมดคำพูดไป คุณชายรองตระกูลโอวหยางผู้มีปัญหาหนักอกเรื่องการหมั้นหมายมาตลอดหลายปีจนถึงกับต้องหนีออกจากตระกูลแทบอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบนกับพฤติกรรมของ ‘สตรีผู้เป็นคู่หมั้น’

‘ผู้หญิงเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจได้ยากที่สุดโดยแท้’

หลังจากพบหน้ากันได้เพียงหนึ่งก้านธูปถ้วน โอวหยางชิงเฟิงก็รู้สึกว่าเยว่ชิงเฉิงและฉินอวี้โม่ดูราวกับเป็นสหายรักที่พลัดพรากจากกันไปนานแสนนาน

“โอวหยางชิงเฟิง เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ อย่ามารบกวนเวลาสนทนาของข้ากับอวี้โม่ !”

เยว่ชิงเฉิงหันมาสาดสายตาแข็งกร้าวเข้าใส่อดีตคู่หมายผู้น่ารำคาญก่อนจะหันกลับไปคุยกับฉินอวี้โม่ต่ออย่างออกรส

ในตอนนี้ฉินอวี้โม่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกลไกกับดักเมื่อครู่นี้ของเยว่ชิงเฉิง  และบอกนางเกี่ยวกับกลวิธีการวางกับดักที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน และนี่ทำให้เยว่ชิงเฉิงรู้สึกสนใจใคร่รู้เป็นอย่างมาก

อันที่จริง อดีตสาวนักฆ่าอยากจะบอกคุณหนูช่างหลอมผู้นี้ด้วยซ้ำว่าถ้าหากเอาเทคนิคการสร้างกับดักของนางมาเทียบกับตัวเธอเมื่อชีวิตก่อน  ฝีมือของเยว่ชิงเฉิงในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเด็กทารกเลย แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว นักฆ่าสาวศตวรรษที่ 21 ในร่างคุณหนูตระกูลฉินก็เลือกที่จะไม่พูดเพราะถ้าพูดออกไปแบบนั้นอีกฝ่ายอาจจะไม่เชื่อถือ

เพราะถึงอย่างไรร่างกายของคุณหนูตระกูลฉินในตอนนี้ก็มีอายุน้อยกว่าเยว่ชิงเฉิงถึงหนึ่งปี  นางจึงไม่อยากจะคุยโวโอ้อวดมากเกินตัว  แต่ถ้าหากเอาอายุและประสบการณ์ของเธอจากชีวิตก่อนมาบวกรวมเข้าด้วยกันกับประสบการณ์ในความทรงจำของคุณหนูสี่ในชีวิตนี้ อายุของฉินอวี้โม่ก็นับว่าแทบจะเป็นแม่ของเยว่ชิงเฉิงได้เลยทีเดียว

เมื่อมองดูใบหน้าอันแสนจริงจังและตั้งใจของเยว่ชิงเฉิง ฉินอวี้โม่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเยว่ชิงเฉิงผู้นี้มีความสนใจในด้านเครื่องจักรและกลไกมากเป็นพิเศษ  ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าพรสวรรค์ในด้านนี้ของคุณหนูแห่งสมาคมช่างหลอมจะสูงส่งและโดดเด่นเหนือผู้ใด  เมื่อฉินอวี้โม่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องกลไกออกไป  เยว่ชิงเฉิงก็สามารถพูดคุยโต้ตอบกับเธอที่มาจากศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไม่ด้อยกว่า  นี่ทำให้ฉินอวี้โม่อดคิดไม่ได้ว่าหากสตรีผู้นี้เกิดในยุคสมัยของเธอแล้ว เยว่ชิงเฉิงก็อาจจะกลายเป็นวิศวกรอัจฉริยะที่แม้แต่วิศวกรชายเก่ง ๆ ยังต้องยอมซูฮก

“เอ่อ ชิงเฉิง ไว้ข้าจะมาคุยเรื่องนี้ให้ฟังเจ้าอีกเยอะ ๆ ในวันหลังนะ แต่ตอนนี้ข้าว่าเจ้าฟังสิ่งที่ชิงเฟิงอยากจะพูดก่อนดีกว่า”

ฉินอวี้โม่อดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากขัดขึ้นมา เมื่อเห็นเยว่ชิงเฉิงมุ่งมั่นตั้งใจเรื่องจักรกลแห่งศตวรรษที่ 21 มากเสียจนเพิกเฉยต่อโอวหยางชิงเฟิงที่กำลังยืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้องและคล้ายจะเลือนหายไปจากความนึกคิดของคู่หมั้นสาวอย่างสมบูรณ์

“ก็ได้ ไว้หลังจากนี้ข้าจะไปหาเจ้าบ่อย ๆ เราจะสนทนาเรื่องนี้กัน ข้าจะลองเอาสิ่งที่เจ้าบอกไปหารือกับท่านปู่ดูด้วย ท่านปู่มีประสบการณ์เคยเห็นอุปกรณ์ต่าง ๆ มามาก บางทีเขาอาจจะมีคำชี้แนะเพิ่มเติมที่น่าสนใจ”

คุณหนูช่างหลอมคนงามยังมิวายเอ่ยทิ้งท้ายเรื่องการช่างเสียยาวยืด นางกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะหันไปมองโอวหยางชิงเฟิงอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก

“โอวหยางชิงเฟิง ถ้าเจ้าต้องการยกเลิกการหมั้นหมาย ก็ยกเลิกมันไปซะ ข้าเองก็ไม่ต้องการแต่งงานกับคนไม่มีใจเช่นกัน ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อของข้าและให้เขาไปคุยกับทางตระกูลของเจ้าเพื่อขอยกเลิกการหมั้นนี้เอง”

เยว่ชิงเฉิงเองก็พึงพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้ นางไม่ชอบการถูกจับคลุมถุงชน แม้ว่าความประทับใจที่มีต่อโอวหยางชิงเฟิงผู้นี้จะ…ไม่มี  แต่เขาก็ไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้าย อีกทั้งนางก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังคนผู้นี้  แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือนางไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งด้วยเหตุผลเพียงเพราะการสานสัมพันธ์ของสองตระกูล

จะกล่าวให้ถูกก็คือ สตรีที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างนางจะไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงานกับบุรุษที่ตนเองไม่ได้ผูกสมัครรักใคร่ด้วยหัวใจอย่างแน่นอน

“ถ้าได้อย่างนั้นก็วิเศษเลย ขอบคุณมาก ขอบคุณเจ้ามาก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นโอวหยางชิงเฟิงก็ยิ้มกว้างอย่างยินดี เขาพุ่งตัวไปจับมือบางของอดีตคู่หมั้นสาวมากุมไว้แล้วเอ่ยคำขอบคุณซ้ำ ๆ ดวงตาของหนุ่มหน้ามนเปล่งประกายระยิบระยับสดใส ในตอนนี้หัวใจของเขาโล่งขึ้นมามาก ในที่สุดปัญหาหนักสมองที่ทำให้เขาตรมตรอมมานานแสนนานก็คลี่คลายลงไปได้เสียที

“เหอะ ! โอวหยางชิงเฟิง ข้ามันแย่ขนาดนั้นเลยเรอะ ?! ตอนที่ได้ยินว่าการหมั้นจะถูกยกเลิกถึงได้ทำให้เจ้ารู้สึกดีใจมากมายเพียงนี้ ? ถ้าซาบซึ้งนักก็ไม่ก้มหัวขอบคุณข้าด้วยเลยเล่า เจ้าคงคิดสินะว่าข้าไม่ดีพอสำหรับเจ้า !”

เยว่ชิงเฉิงสะบัดมือโอวหยางชิงเฟิงทิ้งอย่างไม่แยแสขณะที่แก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่อเป็นริ้ว ทว่าเพียบชั่ววูบเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีคล้ำเข้ม คุณหนูตระกูลเยว่สาดวาจาเข้าใส่อดีตคู่หมั้นหนุ่มด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก ใบหน้างามเวลานี้กำลังมืดมนจนเข้าขั้นน่ากลัวแล้ว !

เพราะการแสดงออกของคุณชายรองตระกูลโอวหยางเช่นนั้น ทำให้เยว่ชิงเฉิงก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ตอนนี้นางกำลังนึกอยากเปลี่ยนใจจากไม่ได้เกลียดชังมาเป็น… เกลียดเข้าไส้

‘ต่อให้โอวหยางชิงเฟิงจะดีใจแค่ไหนก็เถอะ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องแสดงออกให้มันชัดถึงเพียงนั้นเลย หนอย~ ท่าทางเช่นนั้นไม่ใช่กำลังดูหมิ่นข้าทางอ้อมหรอกเรอะ ?!’

นางคือเยว่ชิงเฉิงแห่งสมาคมช่างหลอม นางเป็นหนึ่งในสตรีที่มีคุณสมบัติสมบูรณ์เพียบพร้อมที่สุดจนเป็นที่หมายปองของบุรุษมากมายในนครไป๋อวิ๋น  ทว่าโอวหยางชิงเฟิงผู้นี้กลับแสดงท่าทีคล้ายรังเกียจนาง !

“มะ… ไม่… ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าแค่คิดว่าข้าไม่คู่ควรกับเจ้าเท่านั้น”

โอวหยางชิงเฟิงรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน แม้ว่าเขาจะดีใจมากที่ยกเลิกเรื่องการหมั้นได้ แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายที่เป็นสตรีต้องคิดมาก

“มันก็คงจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด ดูตัวเจ้าสิ เจ้าทำตัวไม่เหมือนบุรุษที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วสักนิด อย่างเจ้าจะคู่ควรกับข้าคนนี้ได้อย่างไร”

เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจและหันไปมองฉินอวี้โม่ “อวี้โม่ เจ้าคิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่ ?”

ฉินอวี้โม่นั่งนิ่งสนิท นางทำตัวไม่ถูกจึงได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ เพื่อรับหน้าไปก่อน  โอวหยางชิงเฟิงก็เป็นเพื่อนรักของนาง เยว่ชิงเฉิงเองก็เป็นคนที่นางถูกชะตา… ในสถานการณ์เช่นนี้จะเอ่ยสิ่งใดออกไปก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน~

ถ้าให้กล่าวตามความสัตย์จริง ตอนนี้ภายในใจของฉินอวี้โม่นางอยากจะตอบไปว่า นางรู้สึกว่าเยว่ชิงเฉิงกับโอวหยางชิงเฟิงเหมาะสมกันมากกกกกก

ฝ่ายหนึ่งจริงจัง ตรงไปตรงมา ดูเป็นผู้ใหญ่ ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นคนง่าย ๆ แม้จะดูไม่โตเท่าไหร่ แต่ก็มีนิสัยเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หากได้ครองคู่กันก็น่าจะสนับสนุนกันและกันได้ดี และผลลัพธ์ที่ออกมาก็อาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้

ที่ฉินอวี้โม่ไม่กล่าวสิ่งที่นางคิดออกมาในตอนนี้นับว่าสมควรแล้ว เพราะหากลองนางพูดออกไปเช่นนั้น ไม่ใช่แค่เพียงสายตาน่ากลัวของสหายคุณหนูช่างหลอมจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่นาง แต่นางก็คงจะได้เห็นสายตาทิ่มแทงตัดพ้อมาจากสหายหนุ่มหน้ามนด้วยเป็นแน่

“ชิงเฉิง สิ่งของที่อยู่ด้านนอกเป็นผลงานการหลอมของเจ้าอย่างนั้นหรือ ?”

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ผู้นับว่าอาวุโสที่สุดหากนับจากเวลาในการมีชีวิต ก็ต้องรีบไกล่เกลี่ยและทำลายบรรยากาศน่าหวาดหวั่น  ดังนั้นสาวนักฆ่าในร่างคุณหนูตระกูลฉินจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

และนี่ก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะหลบเลี่ยงออกมาจากประเด็นที่ว่าอดีตคู่หมายทั้งสองเหมาะสมกันหรือไม่

“ใช่แล้วล่ะ เจ้าเห็นพวกมันทั้งหมดแล้วสินะ”

เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าหงึกหงักอย่างแจ่มใสพลางยิ้มแย้มจนตาหยี นางหันหลังแล้วรีบคว้ามือคนข้างกายออกไปด้านนอกทันที

ที่ขอบด้านหนึ่งของเตาหลอมขนาดยักษ์มีโต๊ะกว้างตั้งอยู่ เยว่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ของทั้งหมดนี้ข้าเป็นคนทำเอง เจ้าชอบอันไหนก็หยิบออกไปได้เลย”

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่างหลอมสาวหันกลับไปมองฉินอวี้โม่ที่นางจูงมือออกมา ใบหน้านวลก็แดงซ่านขึ้นอย่างกะทันหัน

เมื่อครู่นี้ฉินอวี้โม่กับโอวหยางชิงเฟิงยืนอยู่ใกล้กัน ในตอนที่เยว่ชิงเฉิงได้ยินฉินอวี้โม่เอ่ยถามถึงชิ้นงานที่นางสร้าง คุณหนูช่างหลอมก็ตื่นเต้นมากเพราะในกองชิ้นงานมีสิ่งประดิษฐ์จากกลไกบางชิ้นที่นางอยากจะอวด เยว่ชิงเฉิงจึงคว้ามือสหายคนใหม่ที่อยู่ใกล้ตัวและรีบเดินออกมา  ทว่าสตรีผู้หลงใหลในกลไกจนเข้าขั้นเสพติดกลับไม่รู้ตัวเลยว่าผู้ที่นางจูงมือมานั้นหาใช่ฉินอวี้โม่สหายใหม่ที่นางถูกชะตานักหนา แต่เป็นคุณชายตระกูลโอวหยางอดีตคู่หมายที่นางนึกขุ่นเคือง

ส่วนโอวหยางชิงเฟิงที่จู่ ๆ ก็ถูกอดีตคู่หมั้นสาวผู้แสนน่ากลัวลากตัวออกมานั้น เพราะรู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างมากเขาจึงต้องเดินตามไปโดยไม่ส่งเสียงหรือขัดขืน

“โอวหยางชิงเฟิง เจ้าคิดจะทำบ้าอะไร ? เมื่อครู่ก็จับมือข้าครั้งหนึ่งแล้ว ยังจะมาตอนนี้อีก นี่เจ้าคิดจะฉวยโอกาสจากสตรีอย่างข้าสินะ !”

จากที่แดงซ่านอยู่ชั่วอึดใจ ใบหน้าของเยว่ชิงเฉิงก็แปรเปลี่ยนเป็นคล้ำเข้มขึ้นเพราะความโกรธเคืองแทน  ดวงตาคู่งามที่น่ากลัวเสียมากกว่างดงามกำลังจ้องเขม็งไปที่โอวหยางชิงเฟิงราวกับพร้อมจะบดขยี้อีกฝ่ายให้บี้แบนแล้วกระทืบซ้ำ

เป็นตอนนั้นเองที่โอวหยางชิงเฟิงดึงสติของตัวเองกลับมาได้ ในตอนแรกเขาก็รู้สึกเขินอายและกระอักกระอ่วน แต่เมื่อเอะใจในสิ่งที่เยว่ชิงเฉิงกล่าวเมื่อครู่ จู่ ๆ เขาก็โกรธขึ้นมา

“เยว่ชิงเฉิง ครั้งแรกที่ข้าจับมือเจ้าเป็นเพราะข้าดีใจมากไปซึ่งเรื่องนั้นข้าก็ต้องขออภัยเจ้า แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่า จู่ ๆ เจ้าก็คว้ามือข้าแล้วลากออกมาเอง ข้าไม่ได้ว่าเจ้าเรื่องฉวยโอกาสจากข้ายังไม่พอ เจ้ากลับมาว่าข้าเสีย ๆ หาย ๆ ก่อนแบบนี้ เจ้ามันเป็นพวกป่าเถื่อนชัด ๆ”

“โอวหยางชิงเฟิง ! เจ้าว่าใครป่าเถื่อน ? ถูกสตรีอย่างข้าจับมือเจ้าควรจะรู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำ เจ้าไม่เคยรู้เลยหรือว่ามีกี่คนในนครไป๋อวิ๋นที่อยากให้ข้าชายตามองพวกเขา”

เมื่อฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วเดินออกมาก็เห็นเหตุการณ์ในตอนที่พายุอารมณ์ลูกใหญ่สองลูกกำลังจะปะทะกันพอดี

ในตอนที่เยว่ชิงเฉิงดึงคนไปผิดคนนั้น ฉินอวี้โม่ก็ตั้งใจจะเอ่ยปากร้องเตือน ทว่าเยว่ชิงเฉิงรวดเร็วเกินไป ก่อนที่คุณหนูตระกูลฉินจะได้พูดอะไร พวกเขาทั้งสองคนก็ออกจากห้องไปแล้ว

เมื่อเห็นความเป็นปรปักษ์ของทั้งสองฝ่าย ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่าความคิดที่ว่าพวกเขาทั้งคู่เหมาะสมกันเมื่อครู่นั้นผิดมหันต์ พวกเขาน่าจะไม่ใช่คู่ที่เหมาะสมกันแต่เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันมากกว่า

“ชิ !”

เมื่อเยว่ชิงเฉิงเห็นฉินอวี้โม่เดินออกมา นางก็เปล่งเสียง *ชิ* ใส่โอวหยางชิงเฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะสะบัดหน้าหนีบุรุษที่นางนึกชังก่อนจะเดินเข้าไปหาสหายใหม่อย่างเริงร่าประหนึ่งว่าเมื่อครู่ไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น

“อวี้โม่ รีบมาดูนี่เร็วเข้า นี่คือสิ่งที่ข้าเป็นผู้สรรค์สร้าง”

โอวหยางชิงเฟิงหมดคำพูดไปในทันใด นางกำลังทำให้เขากลายเป็นเสมือนอากาศธาตุอีกครั้งแล้ว คุณชายรองตระกูลโอวหยางได้แต่มองคุณหนูช่างหลอมด้วยสายตาเคียดแค้น ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางและตั้งใจจะเลิกสนใจเยว่ชิงเฉิงโดยสิ้นเชิงเช่นกัน

ฉินอวี้โม่ถูกเยว่ชิงเฉิงลากไปที่โต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่อีกจุดหนึ่ง ด้านบนของโต๊ะตัวนั้นมีสิ่งของหลายอย่างวางอยู่

“เจ้าดูนี่สิ นี่ผลิตภัณฑ์ที่ข้าหลอมเสร็จแล้ว ส่วนนี่คือผลิตภัณฑ์ที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ ส่วนกองนี้คือผลงานที่ข้าหลอมผิดพลาดจนออกมาแย่”

เยว่ชิงเฉิงจัดผลงานไว้เป็นสามกองตามหมวดหมู่ นางชี้ไปที่แต่ละกองพร้อมกับแนะนำให้ฉินอวี้โม่ได้รับรู้

ฉินอวี้โม่มองไปที่ ‘ประติมากรรม’ ทั้งสามกองอย่างสนใจ ทว่าในตอนนั้นเอง แววแห่งความประหลาดใจบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาเนื้อทราย

เมื่อเห็นแท่งยาว ๆ ดำ ๆ ที่จะเรียกว่ากระบี่ก็ไม่ใช่กระบองงอ ๆ ก็ไม่เชิง ฉินอวี้โม่ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดู รูปลักษณ์ของเจ้าสิ่งนี้ดูไม่สมบูรณ์และแปลกพิกล

“นั่นคือกระบี่อเวจีมรกต  ที่บังเอิญว่าในตอนที่ข้ากำลังหลอมขึ้นรูป ข้าทำพลาดไปนิดหน่อย มันก็เลยออกมาหน้าตาประหลาดอย่างที่เห็น”

เยว่ชิงเฉิงกล่าวพลางยิ้มเจื่อน ๆ แม้ว่านางจะเป็นคุณหนูแห่งสมาคมช่างหลอม ทว่าทักษะการหลอมของนางก็ไม่ได้สูงส่งมากนัก นั่นก็เพราะว่าการหลอมเป็นงานที่ยาก การจะหาช่างหลอมที่ฝีมือเยี่ยมนั้นยากเย็นไม่ต่างจากการหาผู้ฝึกสัตว์เลยแม้แต่น้อย

ฉินอวี้โม่ไม่เข้าใจหลักการหรือวิธีการหลอมอาวุธ ทว่าเมื่อมองดูกระบี่อเวจีมรกต ที่ดำปี๋และบูดเบี้ยวในมือ นางกลับรู้สึกว่ายังพอมีโอกาสที่จะทำให้มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ได้

เมื่อคิดเห็นเช่นนั้นคุณหนูตระกูลฉินก็หยิบเอากริชน้ำแข็งที่หลั่วเจี๋ยมอบให้ออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนที่จะตั้งสมาธิรีดเค้นพลังมายาส่งผ่านเข้าไปในกริชงามที่กำลังเปล่งประกายและเริ่มใช้มันเพื่อเจียระไนแท่งดำ ๆ ที่ผู้สร้างมันตั้งใจให้ออกมาเป็นกระบี่อเวจีมรกตเล่มนี้

เนื่องจากกระบี่อเวจีมรกตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ล้มเหลว และด้วยความคดงอของมัน การจะเจียระไนให้กลายเป็นกระบี่อีกครั้งก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นฉินอวี้โม่จึงเปลี่ยนมันให้กลายเป็นรูปทรงของกริชอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นทักษะการใช้กริชของฉินอวี้โม่ เยว่ชิงเฉิงก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือนางกำลังตื่นเต้น

ส่วนโอวหยางชิงเฟิงและเสี่ยวโร่วได้แต่ยืนดูอยู่เงียบ ๆ ห่าง ๆ ไม่กล้าคิดจะเข้าไปรบกวนพวกนางทั้งสอง

ภายในเวลาอันสั้น กริชสีดำเล่มเล็ก ๆ ก็ปรากฏในมือของฉินอวี้โม่

เมื่อเห็นกริชเล่มเล็กในมือของสหายผู้เก่งกาจ เยว่ชิงเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะรีบคว้ามันมาและรีบโยนมันเข้าไปในเตาหลอมก่อนจะเริ่มขั้นตอนการหลอมอย่างตั้งอกตั้งใจ

ภายในเวลาไม่นานนัก กริชคมกริบก็ปรากฏในมือเยว่ชิงเฉิง

เยว่ชิงเฉิงส่งกริชคืนให้ฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มกว้าง

ฉินอวี้โม่พบว่ากริชเล่มนี้กลายเป็นอาวุธคุณภาพดีที่ดูมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมไปแล้ว

“อวี้โม่ เจ้าเองก็เป็นช่างหลอมเหมือนกันหรือ ?”

เยว่ชิงเฉิงมองฉินอวี้โม่พลางถามด้วยความสงสัย ทักษะการเจียระไนของฉินอวี้โม่ดูลื่นไหลและเหนือชั้นมาก เรื่องนี้ทำให้นางอดนึกสงสัยไม่ได้

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม “จริง ๆ แล้วข้าเองก็อยากจะเป็นช่างหลอมอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีคนสอนข้า ข้าจึงไม่มีเคยได้เรียนรู้”

สิ้นคำตอบของฉินอวี้โม่ เยว่ชิงเฉิงก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

“เอ… แต่แค่ทักษะในการเจียระไนที่สูงส่งของเจ้าก็มากพอจะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ต้องทิ้งให้กลายเป็นกริชคุณภาพดีได้แล้ว เจ้านับว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงได้เลย”

เวลานี้จิตใจของเยว่ชิงเฉิงกำลังสั่นไหวเป็นอย่างมาก  สิ่งที่ช่างหลอมควรจะมีก็คือสายตาที่ยอดเยี่ยมและทักษะการเคลื่อนไหวของข้อมือและนิ้วที่เฉียบขาด ซึ่งเมื่อบวกรวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง คนผู้นั้นจะกลายเป็นสุดยอดช่างหลอมได้

ฉินอวี้โม่บอกว่านางไม่เคยสัมผัสกับเครื่องมือการหลอมและไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่กลับทำได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ นับว่านางเป็นอัจฉริยะโดยแท้

“ชิงเฉิง ดูเหมือนว่าทักษะการหลอมผลิตภัณฑ์ของเจ้าไม่ค่อยดีนัก อย่างนั้นใช่ไหม ?”

ที่ฉินอวี้โม่กล่าวออกมานับว่าไม่ผิดแม้แต่น้อย เพราะหากประเมินจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เยว่ชิงเฉิงหลอมออกมาแล้วก็จะพบว่าระดับของมันไม่ได้สูงมากนัก

“เจ้ามองออกด้วยเหรอ ?!”

เยว่ชิงเฉิงรู้สึกอับอายจนอยากจะมุดดินหนี  นางเป็นช่างหลอมตั้งแต่จำความได้ ทั้งท่านพ่อและท่านปู่ของนางก็เป็นสุดยอดช่างหลอมมือหนึ่ง ทว่าฝีมือของนางนั้น ราวกับไม่ได้รับการสืบทอดวิชามาจากพวกเขาเลย

แม้จะมีสถานะเป็นถึงคุณหนูแห่งสมาคมช่างหลอม แต่เยว่ชิงเฉิงกลับยังเป็นเพียงช่างหลอมระดับกลางอยู่จนถึงตอนนี้   ด้วยเพราะมีอาจารย์ที่ดี รวมถึงอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ครบครันสำหรับใช้ในการฝึกฝน ถึงแม้พรสวรรค์จะไม่ดีอย่างไรก็ควรจะขึ้นเป็นช่างหลอมระดับอาวุโสแล้วถึงจะถูก

ไม่ใช่แค่ เยว่ชิงเฉิงจะเป็นเพียงช่างหลอมระดับกลางอยู่ในตอนนี้ แต่ทว่านางยังไม่มีวี่แววว่าจะเลื่อนระดับขึ้นไปได้เลย นี่ทำให้บิดาของนางอ่อนอกอ่อนใจเป็นอย่างมาก จนแทบจะอดคิดไม่ได้ว่านี่ใช่บุตรสาวของเขาที่เป็นลูกหลานของสมาคมช่างหลอมจริง ๆ หรือไม่ ?

“อันที่จริงข้าไม่ได้ชื่นชอบการหลอมเท่าไหร่ แท้จริงแล้วข้าชื่นชอบกลไกและการสร้างอาวุธลับที่คุยกับเจ้าไปเมื่อครู่มากกว่า”

เยว่ชิงเฉิงไม่คิดปิดบังเรื่องนี้กับฉินอวี้โม่เลย หลังจากพบเจอกันแค่เพียงช่วงสั้น ๆ นางก็นับฉินอวี้โม่เป็นสหายสนิทของนางแล้ว

ฉินอวี้โม่พบว่าตนเองก็รู้สึกชื่นชอบในด้านกลไกและอุปกรณ์ลับเช่นเดียวกับเยว่ชิงเฉิง ทว่าในดินแดนหวงหลิงนี้ไม่มีอาชีพดังกล่าว จะมีที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือช่างหลอม ทว่ามันก็ไม่ใช่แนวทางที่เยว่ชิงเฉิงถนัด และการที่นางเอาแต่ศึกษาในด้านนี้จึงทำให้ทักษะด้านการหลอมของนางไม่ก้าวหน้าเท่าไหร่นัก แต่ฉินอวี้โม่ก็อยากจะเอาใจช่วยสหายผู้นี้ในสิ่งที่นางหลงใหล

อดีตนักฆ่าแห่งศตวรรษที่ 21 ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะบอกเยว่ชิงเฉิงเกี่ยวกับทุกเรื่องที่เธอเคยรู้มาเมื่อชีวิตก่อนในด้านของเครื่องจักร กลไกและอุปกรณ์ลับของนักฆ่า เธอตั้งใจจะทำให้เยว่ชิงเฉิงเป็นบุคคลแรกที่เชี่ยวชาญด้านนี้ในดินแดนมายาแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ก็ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของตนจะก่อให้เกิดสุดยอดช่างหลอมแนวใหม่แห่งดินแดนหวงหลิง ผู้ที่ไม่ว่าใครต่างก็ให้ความเคารพยำเกรงและไม่กล้าคิดจะทำให้นางรู้สึกระคายใจแม้แต่นิดเดียว

แต่ถึงอย่างนั้น กว่าช่วงเวลานั้นจะมาถึง หนทางก็ยังคงอีกไกลแสนไกล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+