จอมนักรบทรงเกียรติยศ 135 สงครามใหญ่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 135 สงครามใหญ่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนนี้เย่ชิงหยู่ร้องไห้จนกลายเป็นมนุษย์น้ำตาไปแล้ว เธอออกแรงส่ายศีรษะและพูดกับอีกฝ่ายว่า ‘อย่านะ’ สุดแรง แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจเธอ เซียวห้านนั่งอยู่บนม้านั่งตัวหนึ่ง สวมกระโปรงสั้นเสมอหู แค่เพียงนั่งลงก็ปรากฏให้เห็นขายาว ๆ ทั้งสองข้าง เธอกำลังปอกเปลือกแอปเปิลหนึ่งผลในมือ ดูเวลาอยู่บ่อย ๆ

สามคุณชายแห่งจินโจวนั่งอยู่ด้านข้างของเซียวห้าน พี่อ้วนกวาดตามองรอบหนึ่งอย่างโจรชั่ว เอ่ยว่า “คุณหนูใหญ่ ไม่ใช่ว่าหมอนั่นจะไม่มาหรอกนะ? จนป่านนี้แล้วยังไม่มาอีก นี่จะให้พวกเรารอจนถึงเมื่อไหร่?”

เจ้าผอมที่ดูสุภาพเอ่ยขึ้น “แกรีบอะไร? เขาไม่มีทางที่จะไม่มาหรอก แกนึกว่าเขาจะไม่ห่วงเมียสวย ๆ ของตัวเองเหมือนกับแกหรือไง?”

“แกพูดอะไรเหลวไหล ฉันจะไม่ห่วงได้ยังไง!” พี่อ้วนขมวดคิ้ว เอะอะโวยวายอย่างไม่พอใจ

เจ้าผอมหัวเราะ ‘เหอะ’ เสียงเย็นแล้วเอ่ยว่า “ใช่สิ แม้แต่แกก็ยังเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ห่วง แล้วแกคิดเหรอว่าเขาจะเทียบกับแกไม่ได้?”

พี่อ้วนโมโหจนร้อง ‘เอ๊ะ’ ขึ้นมา ชี้ไปที่เจ้าผอมแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”

“พวกแกทำอะไรน่ะ?” เห็นพวกเขาทำตัวขี้เล่นแบบนั้น ชายหน้าบากก็อดที่จะตวาดออกมาไม่ได้

ได้ยินเสียงตวาดด้วยความโมโหของชายหน้าบาก ทั้งสองคนจึงหุบปากฉับ!

ชื่อของสามคุณชายแห่งจินโจวนั้นเป็นแค่ชื่อที่เอาไว้เรียกให้สองคนนั้นเชื่อฟังก็เท่านั้น พวกเขามีคุณสมบัติจะเป็นคุณชายที่ไหนกัน ตอนหนุ่มอาศัยความกล้าต่อยตีมามีที่ยืนในเมืองจินโจว ต่อมาชายหน้าบากปรากฏตัวขึ้น เจ้าสองคนนี้ก็กลายเป็นสุนัขคอยเลียแข้งเลียขา ดังนั้นถึงได้กำเนิดอิทธิพลของสามคุณชายแห่งจินโจว

พี่อ้วนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง รออยู่อีกหลายนาที แล้วจึงเปลี่ยนสีหน้า หัวเราะหึหึพลางเอ่ยว่า “ที่ผมอยากจะพูดเมื่อกี้ก็คือ เขาเห็นว่าพวกเราฆ่าบอดี้การ์ดของเขาแล้วจะไม่กล้ามาหรือเปล่า?”

เจ้าผอมเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “มีเหตุผล!”

บทสนทนาของทั้งสองคนทำให้ในใจของเย่ชิงหยู่หนาวสะท้านขึ้นมาในทันที จริงสิ คนเมื่อกี้เก่งขนาดนั้นยังถูกฆ่า ฟางเหยียนยังจะมาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่คนที่เก่งหลายคนนั่น ด้านนอกยังมีอีกตั้งสามพันกว่าคนนะ

ในมือของพวกเขามีปืน ถ้าหากว่าฟางเหยียนมาถึงที่นี่ เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่รู้ว่าทำไม ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ฟางเหยียนมาแท้ ๆ แต่พอวิเคราะห์ดูแล้ว ในใจของตนกลับมีความรู้สึกผิดหวังบาง ๆ

เย่ชิงหยู่นะเย่ชิงหยู่ เธอช่างน่าเศร้าเกินไปแล้ว หรือเธออยากจะเห็นฟางเหยียนมาตายเพื่อเธอ?

ในตอนที่เธอกำลังสับสนนั้นเอง เซียวห้านพูดอย่างเยือกเย็นว่า “พวกแกรีบร้อนอะไร ในเมื่อเขาจัดคนมาอารักขาภรรยาของเขา นั่นก็แปลว่าภรรยานั้นสำคัญกับเขามาก การวิเคราะห์นี้ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย วางใจเถอะ เขามาแน่”

ชายหน้าบากที่เป็นลูกพี่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จามาโดยตลอด ตอนนี้ก็พูดขึ้นมาหนึ่งประโยค “คนที่สามารถว่าจ้างคนจากทะเลทรายมัจจุราชมาได้ ต้องไม่ใช่คนประเภทขี้ขลาดกลัวความตายแน่ ๆ”

เจ้าผอมสี่ตาจับแว่นของตัวเองแล้วเอ่ยถามขึ้น “พี่ใหญ่ คนที่อยู่ในทะเลทรายมัจจุราชไม่ใช่ว่ามีแต่นักโทษประหารหรอกเหรอ? และอีกอย่าง ได้ยินมาว่าคนที่อยู่ในนั้นหนึ่งหมื่นคน อย่างมากก็มีคนที่รอดชีวิตออกมาแค่คนเดียว แถมยังออกมาได้ด้วยการอาศัยการกินเนื้อของพวกเดียวกัน ดื่มเลือดของพวกเดียวกันอีก ต่อให้เดินออกมาได้ ก็ต้องโดนส่งไปต่อสู้ที่กองทัพ คนที่พี่ฆ่า เดินออกมาจากในทะเลทรายมัจจุราชจริง ๆ เหรอ? ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เจ้าหมอนั่นจะเป็นคนที่ออกมาจากกองทัพหรือเปล่า?”

เจ้าผอมสี่ตาชำนาญเรื่องการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนั้นจึงเข้าใจข้อมูลพวกนี้อยู่บ้าง

ชายหน้าบากพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “แล้วมันยังไงล่ะ มาจากกองทัพก็ต้องตายเหมือน ๆ กันอยู่ดี!”

พูดจบเขาก็ใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามมองศพที่อยู่บนพื้น ความรังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้า

เห็นพี่ใหญ่มั่นใจอย่างนั้น เจ้าผอมถึงได้ถอนหายใจออกมา

เซียวห้านกัดแอปเปิลเข้าไปหนึ่งคำ ยกมือขึ้นมาดูเวลา มองดูเย่ชิงหยู่ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เหลืออีกหนึ่งนาทีก็ครึ่งชั่วโมงแล้ว สามีของแกคงจะไม่ทิ้งแกไว้โดยไม่สนใจไยดีหรอกนะ”

เย่ชิงหยู่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยว่า “เขาไม่มาแน่ พวกแกอย่าได้คิดเลย”

ที่จริงแล้วฟางเหยียนอยู่ไกลถึงหนานหลิง ต่อให้คิดจะกลับมาจริง ๆ ครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก การเดินทางที่เร็วที่สุดคือเครื่องบิน จากที่นี่ถึงสนามบินก็ไม่ใช่แค่ครึ่งชั่วโมงแน่ ๆ ถึงแม้เย่ชิงหยู่จะหวาดกลัวและอกสั่นขวัญแขวน แต่เธอก็ยังเข้าใจเหตุผลอยู่

เซียวห้านยิ้มแล้วพูดว่า “ดีนี่ ถ้าหากเขาไม่มาละก็ พวกพี่น้องหลายคนของฉันก็จะลงมือกับเธอ พอถึงตอนนั้นถึงเธอจะร้องเรียกหาสวรรค์วิมานไป ก็ไม่มีใครมาช่วยเธอแล้ว”

เย่ชิงหยู่กัดฟันกรอด ดวงตาทั้งคู่จ้องเซียวห้านราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพลางเอ่ยว่า “ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมตระกูลเซียวถึงได้ประสบเรื่องราวมากมายแบบนั้น”

เซียวห้านเปลี่ยนสีหน้า ถามเสียงเย็นยะเยือกว่า “แกหมายความว่ายังไง?”

“ตระกูลเซียวให้กำเนิดคนอย่างเธอออกมา สิ่งที่รอคอยตระกูลเซียวของเธออยู่ก็มีแต่ความพังพินาศเท่านั้นแหละ” เย่ชิงหยู่พูดพลางจ้องเธออย่างไม่ยอมอ่อนข้อ

เซียวห้านกัดฟัน พูดด้วยความโมโหโกรธาว่า “นึกไม่ถึงว่าจะกล้าสาปแช่งตระกูลเซียวของพวกเรา”

เธอเงื้อมือขึ้นมากระวีกระวาดจะเข้าไปตบหน้าของเย่ชิงหยู่ แต่ในตอนนี้เอง ใบหน้าของชายหน้าบากมืดครึ้มลง พูดออกมาอย่างเย็นชาสามคำว่า “เขามาแล้ว”

เพิ่งจะสิ้นเสียง โรงงานเหล็กก็ส่งเสียงดังปังขึ้นมา ขาใหญ่ ๆ ข้างหนึ่งถีบประตูเหล็กของโรงงานเหล็กพังลงมาบนพื้น

ไม่รู้เป็นเพราะความบังเอิญหรือเป็นเพราะพละกำลัง บนท้องฟ้าในตอนนี้เกิดเสียงฟ้าร้องอันน่าสะพรึงขึ้นมากะทันหัน

จากนั้นเงาคนร่างหนึ่งก็ปรากฏอยู่ที่ประตูอาคารของโรงงาน

เป็นเงาคนรูปร่างผอม เขาสวมเครื่องแต่งกายเรียบง่าย ใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่ทั้งร่างกลับส่งไอของรังสีสังหารอย่างเข้มข้น

ชายหน้าบากจ้องมองไปที่ดวงตาของเขาเป็นอย่างแรก สายตาคู่นั้นไร้แวว มีแต่คนที่เคยฆ่าคนมา และยังฆ่าคนมามากมายถึงจะมีสายตาแบบนี้ได้!

“ฟางเหยียน!” เย่ชิงหยู่อดไม่ไหวพลั้งปากร้องออกมา ในใจของเธอทั้งสุขและทุกข์ขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ทั้งเฝ้ารอว่าฟางเหยียนจะมา ทั้งไม่อยากให้เขามา เดิมนึกว่าเขาจะมาไม่ทัน ใครจะไปนึกถึงว่าเขาจะมาแล้ว

ฟางเหยียนเป็นอย่างนี้ประจำ ปรากฏตัวในตอนที่เธอต้องการเขาที่สุด ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอประหลาดใจมากเหลือเกิน

แต่ในตอนนี้เธอกลับไม่อยากได้ความประหลาดใจนี้เลย

เธอส่ายศีรษะไปมา น้ำตาเม็ดโต ๆ ร่วงลงมาข้างล่าง ทันใดนั้นเธอก็กัดฟัน ร้องเสียงดังว่า “ฟางเหยียน อย่าเข้ามานะ ข้างในนี้มีคนเต็มไปหมด พวกเขาจะฆ่าคุณ คุณอย่าเข้ามานะ รีบไป รีบไปซะ”

เธอไม่อยากให้ฟางเหยียนเป็นอะไรไป ไม่อยากให้ฟางเหยียนถูกฆ่า! นี่เป็นความคิดที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจของเธอ

“เพี๊ยะ!” มือใหญ่ ๆ ตบเข้าที่ใบหน้าของเธอ เนื่องจากหวั่นไหวเกินไป ฝ่ามือนี้มาได้ทันเวลามาก ๆ เธอสลบไป เจ้าอ้วนพูดไปด่าไป “เสียงดังเอะอะโวยวาย ยัยผู้หญิงน่ารังเกียจนี่ น่ารำคาญเสียจริง”

สายตาดังมัจจุราชของฟางเหยียนย้ายไปอยู่บนร่างของเจ้าอ้วนด้วยความรวดเร็ว สายตาเดียวแทบจะกลืนคนลงไปทั้งคน

“ฟางเหยียน?” เซียวห้านมองขึ้นลงอย่างพิจารณาฟางเหยียน เรียกชื่อที่ทำให้เธอรออยู่นานอย่างเย็นชา

ฟางเหยียนไม่ได้ตอบ เพียงแต่ก้าวเท่าเดินหน้ามาหนึ่งก้าวอย่างเย็นชา หนึ่งก้าวนี้ทำให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในสามพันกว่าคนลุกขึ้นมาทั้งหมด พวกเขาโชว์อาวุธที่อยู่ในมือของตัวเองออกมา

นี่เป็นโรงงานที่ใหญ่มาก สามารถจุคนได้เป็นหมื่นคน สามพันคนนั้นเล็กน้อย แค่ยึดครองยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

ฟางเหยียนเงยหน้ากวาดตามองไปหนึ่งรอบ เอ่ยถามว่า “เธอพาพวกขยะมาแค่นี้เองเหรอ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด