จอมนักรบทรงเกียรติยศ 277 จ้าวเอ้อ ตายแล้ว

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 277 จ้าวเอ้อ ตายแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พ่อคุณ?”ชายผมทองเตรียมจะลุกขึ้นอย่างตะเกียกตะกาย แต่เขาลุกไม่ไหวจริงๆ เขากัดฟันกรอดแล้วตะโกน“คุณตาบอดหรือไง หรือมเห็นว่าผมจะลุกขึ้น?รีบพยุงผมสิ ผมจะไปฆ่ามัน!ต้องฆ่ามันให้ได้”

เขาคำรามด้วยความโกรธ เหมือนคนบ้าคลั่ง หญิงสาวถูกด่าตำหนิจนไม่เหลือชิ้นดี แต่ยังคงไม่กล้าตอบกลับแม้แต่คำเดียว หลังจากที่พยุงเขาลุกขึ้นยืนแล้ว หญิงสาวก็รีบโทรศัพท์หาพ่อของตัวเองทันที

อีกด้านฟางเหยียนกับเทียนขุยเดินเข้าไปในซอยหนึ่ง!

เทียนขุยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้เขาฟังไปหนึ่งรอบ ฟางเหยียนตอบรับอืม แล้วพูดว่า“นายทำได้ไม่เลว แต่น่าฆ่าเขาซะ พูดไร้สาระกับเขาเยอะแยะทำไม?”

พอได้ยินฟางเหยียนพูดดังนั้นแล้ว เทียนขุยก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า“ท่านบอกว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามไม่ใช่เหรอครับ?ฆ่าคนต่อหน้าคนเยอะแยะมากมายขนาดนี้ จะเป็นการไม่ดีนะครับ!”

“ฆ่าคนแบบนี้ จะมีผลกระทบอะไร?”ฟางเหยียนพูดต่ออย่างเรียบเฉย

หยิ่งผยองจองหองในประเทศของตัวเอง คนในประเทศของตัวเองยังไม่กล้าทำอะไรเขาอีก คนแบบนี้ต้องทำให้รู้ซะบ้างว่าที่นี่คือผืนแผ่นดินของประเทศหวา เขาไม่อาจจะกำเริบเสิบสานได้ อยู่ในประเทศหวาก็ต้องเคารพกฎกติกาของประเทศหวา!ไม่อย่างนั้นตายสถานเดียว

เทียนขุยพยักหน้าแล้วพูดว่า“คราวหน้าผมรู้แล้วครับว่าต้องจัดการยังไง!”

ฟางเหยียนไม่พูดอะไร รถยังคงแล่นอยู่ในตรอก เดินได้ประมาณสิบนาที ในที่สุดก็มองเห็นร้านขายยาจีนร้านหนึ่ง ป้ายชื่อของร้ายใช้ผ้าขาวเขียนด้วยวิธีการดั้งเดิมมีตัวหนังสือหลายตัว:ร้านยาสมุนไพรจ้าวเอ้อ

เป็นอะไรที่ติดดินมาก ใกล้เคียงกับแบบโบราณมาก!แผ่นป้ายร้าน ที่เก่ามาก ดูไปแล้วให้ความรู้สึกเก่าแก่ จ้าวเอ้อคนนี้น่าจะเป็นคนที่ค่อนข้างชอบประวัติศาสตร์ของประเทศหวา

พอลงจากรถมา เทียนขุยก็เดินมาเคาะที่ประตู แต่ภายในร้านไม่มีเสียงตอบกลับเลย

ฟางเหยียนเดินลงมา แล้วพูดว่า“ผลักประตูเข้าไปดูเถอะ คนแบบนี้ส่วนมากนิสัยค่อนข้างประหลาด”

“อืม!”เทียนขุยตอบรับหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็ผลักประตูเปิดออก ประตูพึ่งเปิดออกมาได้ ฟางเหยียนก็ได้กลิ่นลมหายใจแห่งความตาย ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นระมัดระวังตัวขึ้น รีบดึงเทียนขุยที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน เขาขมวดคิ้วพลางเรียก“ช้าก่อน!”

เทียนขุยที่หันกลับไปมองฟางเหยียนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่ภาพต่อมา ทำให้เขาเข้าใจได้ในทันที!

เปิดประตูออกมาก็เป็นเคาน์เตอร์สไตล์จีน ด้านหลังเคาน์เตอร์เต็มไปด้วยกล่องยาจีน ทุกอย่างถูกตกแต่งด้วยสไตล์จีนทั้งหมด ทั้งร้านตกแต่งด้วยสไตล์จีนหมดเลย

ทั้งสองมองเห็นจ้าวเอ้อ ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวหนึ่งของเคาน์เตอร์ ศีรษะของเขาแหงนไปทางเพดาน ไม่เห็นหน้า เห็นเพียงเคราเล็กๆที่คางเท่านั้น เทียนขุยเป็นนักรบที่ต่อสู้อยู่ในสนามรบมานาน มองปราดเดียวก็รู้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

เขาพูดอย่างตกตะลึง“เขาตายแล้ว?!”

ฟางเหยียนใช้เพียงการสูดดมก็สามารถได้กลิ่นแห่งความตายแล้ว แต่เทียนขุยต้องมองเห็น นี่คือความแตกต่างของทั้งสองคน ถึงจะอยู่ในกองทัพกันมาก่อน มักได้ทักทายกับคนตายอยู่บ่อยๆ แต่จำนวนศพที่พบเจอมาไม่เหมือนกัน และความไวต่อความตายก็แตกต่างกัน

เทียนขุยมากสุดก็เคยแค่ฆ่าคนนับหมื่น แต่ฟางเหยียนกลับลงมือฆ่าเองนับแสนคน อาจจะถึงล้านด้วยซ้ำ!

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ!”

พูดจบ เทียนขุยก็เดินมาอยู่ข้างๆชายหนุ่ม กำลังจะยกมือขึ้นสัมผัสลำคอของเขา แต่ศีรษะของเขากลับคอพับอ่อนลงมาแล้ว

พอคอพับลงมาก็ทำให้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจน อายุประมาณสี่ปี ไว้หนวดเคราเล็กน้อย มองดูไปแล้วท่าทางเหมือนคนเจ้าเล่ห์ ชื่อจ้าวเอ้อนี้เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพของเขามาก เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกต่อไปแล้ว

“ตายได้ยังไง?”ฟางเหยียนหรี่ตาลง แล้วนิ้วมือของเขาก็เริ่มหมุนวนไปมาอย่างไม่สบายใจ

ฟางเหยียนรู้ดี เขาพึ่งตาย ถ้าเกิดตายนานแล้ว ร่างกายของเขาไม่มีทางอ่อนนิ่มแบบนี้!ถ้ายังไม่ตาย เขาก็ไม่มีทางสัมผัสปุ๊บแล้วตัวอ่อนลงมาแบบนี้!

เทียนขุยลูกคลำไปที่ร่าง หลังจากที่ตรวจสอบร่างกายของเขาแล้ว จึงพูดว่า“จอมพลโผ้จวินครับ ตายเพราะเส้นลมปราณทั่วร่างขาดสะบั้น ตามร่างกายภายนอกไม่มีบาดแผล น่าจะถูกมือดีเล่นงาน!”

ฟางเหยียนขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ตายเพราะเส้นลมปราณขาดทั่วร่าง แถมพึ่งตายอีกต่างหาก และอาจพูดได้ว่าคนผู้นี้รู้ว่าพวกเขากำลังมาหาจ้าวเอ้อ เพราะฉะนั้นจึงลงมือสังหารก่อน ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรงคือ จ้าวเอ้อมีเรื่องบาดหมางกับคนอื่น จึงบังเอิญถูกบุคคลนั้นฆ่า อย่างที่สอง ที่เดากันไว้เมื่อครู่ มุ่งตรงมาที่พวกเขา รู้ว่าพวกเขากำลังมาหาจ้าวเอ้อ เพราะฉะนั้นจึงชิงลงมือสังหารก่อน

ฟางเหยียนไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างแรก เพราะว่าไม่มีความบังเอิญขนาดนั้น จ้าวเอ้อเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น มีเรื่องขุ่นข้องบาดหมางกับใครไม่น่าจะเป็นคนเก่งกาจอะไร คนที่เจ้าเล่ห์มักอ่านเกมขาดเสมอ ส่วนมากจะไม่มีทางไปมีเรื่องกับคนที่แตะต้องไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีทางหาเรื่องใส่ตัวอย่างแน่นอน จ้าวเอ่อไม่ใช่คนโง่ที่จะไปมีเรื่องบาดหมางกับคนที่ตัวเองแตะต้องไม่ได้

ถึงแม้จะเป็นศัตรูที่มาเพื่อฆ่าเขาจริงๆ คนแบบเขาไม่น่าจะนั่งรอความตายแบบนี้เป็นแน่!เมื่อเห็นศัตรู อย่างน้อยก็ต้องวิ่งหนี เขาจะต้องหลบ!และขัดขืน ด้านในไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้หนี และไม่ได้วิ่ง

คนที่เขาเผชิญหน้าคือคนแปลกหน้าคนหนึ่ง น่าจะเป็นคนที่มาตรวจโรค ถึงได้นั่งอยู่เก้าอี้ ไม่ขยับไปไหน

บุคคลนั้นไม่เดินเข้ามาอย่างเปิดเผย อีกทั้งยังสนทนากับจ้าวเอ้อ ไม่ต้องสงสัยเลย เขามาพบหมอ ต่อมาบุคคลนั้นก็อาศัยจังหวะตอนที่จ้าวเอ้อตรวจดูอาการของตนเอง ลงมือสังหารเขา!ขั้นตอนทั้งหมด จ้าวเอ้อไม่มีโอกาสแม้แต่จะดิ้นรนหรือขัดขืน การเคลื่อนไหวที่อันตรายถึงชีวิต ฆาตกรที่ลงมือ เจตนาของคนผู้นี้ ชัดเจนเกินไปแล้ว

เอาความเป็นไปได้อย่างแรกออกไป งั้นก็เหลือแค่อย่างที่สองแล้ว!

คนที่สามารถรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ ยังสามารถฆ่าคนก่อนที่พวกเขาจะมาถึงได้ มาและไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากองค์กรที่เขาจะสืบหาเบาะแสแล้ว ยังมีใครอีก?เพลิงเสวน ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นองค์กรนั้นไม่ผิดแน่!

ฟางเหยียนที่นี่เพื่อตามหาจ้าวเอ้อ เพราะอยากรู้จักองค์กรนั้น!ดูท่าพวกเขาจะรู้เจตนาของฟางเหยียนแล้ว เพราะฉะนั้นถึงได้ชิงลงมือจัดการสังหาร ฆ่าจ้าวเอ้อ

เพลิงเสวน กลับเร็วกว่าเขาไปหนึ่งก้าว ฆ่าคนก่อนหน้าเขา!

“จอมพลโผ้จวินครับ คนของเพลิงเสวนทำใช่ไหมครับ?”เทียนขุยเอ่ยถาม

ฟางเหยียนค่อยๆพยักหน้า ไม่พูดอะไร สีหน้าของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก!

“คนต้องพึ่งไปแน่ ผมจะไปตามเดี๋ยวนี้แหละครับ!”เทียนขุยพูดจบก็ก้าวเท้าเตรียมจะวิ่งออกไปข้างนอก แต่ถูกฟางเหยียนจับไว้เสียก่อน ฟางเหยียนส่ายหัวไปมาแล้วพูดว่า“ไม่ต้องแล้ว ไม่มีประโยชน์หรอก!ในเมื่อพวกเขาจัดการได้เร็วกว่าเราหนึ่งก้าว แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางอยู่ที่นี่แน่”

เทียนขุยชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า“จอมพลโผ้จวิน ทำยังไงดีล่ะครับ?เราจะยืนดูพวกเขาฆ่าเบาะแสที่เรากำลังตามหาอย่างนั้นเหรอครับ?องค์กรที่ฆ่าเทียนหม่าลอยโผล่ออกมาเหนือน้ำแล้วนะครับ!หรือว่า เบาะแสของพวกเราจะขาดไปอีกครั้ง?”

เทียนขุยคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ใบหน้าของเขากระวนกระวายมาก!แน่นอนว่า เขาไม่ได้คำรามใส่ฟางเหยียน แต่กู่ร้องเพื่อเทียนหม่าเพื่อนของตนเอง!

ภายใต้สำนักเจ็ดพิฆาตของจอมพลโผ้จวินมีความสัมพันธ์อันดีกับเจ็ดเทียนมาก สนิทกันดุจดั่งพี่น้อง ในตอนที่เทียนหม่าตายนั้น คนทั้งสำนักเจ็ดพิฆาตต่างชูปืนขึ้นฟ้า ยิงอยู่อย่างนั้นสามวันสามคืน!ทำให้สัตว์ร้ายและนกบินหายจากไปหมด!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด