จอมนักรบทรงเกียรติยศ 370 ทิศเหนือมีเหมิงซาน ทิศใต้มีจู่เห้อ

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 370 ทิศเหนือมีเหมิงซาน ทิศใต้มีจู่เห้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ เทียนขุยกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดออกมาว่า “คุณคิดว่าผมต้องการเงินร้อยล้านนั่นหรือ?พวกเราต้องการความเชื่อใจ พวกเรามาเจียงตูจากหนานหลิงก็เพื่อมารักษาโรคให้ลูกชายของคุณ คุณทำแบบนี้กับพวกเรา ทำให้พวกเราผิดหวังมาก”

เมื่อได้ยินดังนี้ เจี่ยเกิงจื่อก็ตาโตขึ้นมาทันใด แล้วได้พูดออกมาเดี๋ยวนั้นว่า “ท่านทั้งสองเป็นคนที่พี่ถังเชิญมางั้นเหรอ?”

“เห้อ!” เจี่ยเกิงจื่อตบหน้าขาแล้วกล่าว “ผมนี่มัน ตาบอดจริงๆ ตาบอดจริงๆ!ขอท่านทั้งสองให้อภัยด้วยนะครับ อย่าถือโทษโกรธเคืองกันเลย เป็นความผิดของผมทั้งหมด!”

เทียนขุยเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกฟางเหยียนขัดคอ เขาตบไหล่ขอเทียนขุย แล้วพูดกับเจี่ยเกิงจื่อว่า “ขอโทษนะ ลูกชายของคุณไม่คู่ควรที่จะให้ผมรักษา!เทียนขุย กลับ”

พูดพลาง ฟางเหยียนก็หันหลังจากไป แต่สาวชุดดำจู่ๆก็ไปตามกำแพงแล้วกระโดดไปที่ประตูใหญ่ เธอยืนที่ประตูใหญ่ มองทั้งสองคนอย่างเย็นชา ยกมือขึ้นมาขวางทั้งสองคนไว้

ฟางเหยียนสบตากับสาวชุดดำ แล้วส่งเสียงเออะออกมา “ทำไม?คุณอยากตาย?”

สาวชุดดำขมวดคิ้ว กลืนน้ำลายแล้วกล่าว “คุณจะไปไม่ได้นะ!”

เจี่ยเกิงจื่อที่อยู่ด้านหลังรีบกล่าวว่า “คุณผู้ชาย ได้โปรดหยุดก่อนเถอะนะ!”

พูดพลาง เขายกมือขึ้นมาเพื่อส่งสัญญาณจะเอาของ ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงที่ลักษณะเหมือนชาวต่างชาติมาด้านหลังถือบัตรใบหนึ่งยื่นให้เจี่ยเกิงจื่อ เจี่ยเกิงจื่อรับบัตรนั้นมา เดินไปด้านหลังของฟางเหยียน แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “คุณผู้ชาย เมื่อกี๊ทำผิดอย่างมหันต์ พวกเราไม่ได้อยากตั้งใจจะทำคุณ นี่เป็นของขวัญในการขอโทษคุณจากเรา นี่คือบัตรวีไอพี ในบัตรมีร้อยล้าน เห็นแก่ท่านถัง ขอคุณชายกรุณารับน้ำใจของเราไว้ด้วยนะคะ แล้วยังมีนอกอีก ถ้าคุณรักษาหาย”

เจี่ยเกิงจื่อคิด ในเมื่อฟางเหยียนเป็นคนที่ถังเสี่ยนจงเชิญมา เขาต้องให้เกียรติถังเสี่ยนจงแน่นอน

ฟางเหยียนเงียบไปสักพัก แล้วค่อยๆหันหลังกลับมาดูเจี่ยเกิงจื่อ จากนั้นยกมือขึ้นมารับบัตรวีไอพีนั้น เมื่อหลังฟางเหยียนรับบัตรสีทองไปแล้ว เจี่ยเกิงจื่อก็สูดหายใจเข้าลึกๆอย่างผ่อนคลายแล้วกล่าว “ขอบคุณคุณผู้ชายที่ใจกว้าง ถ้าคุณรักษาลูกชายผมหาย ผมจะให้คุณผู้ชายนอกอีกห้าพันล้าน ผมเชื่อคำพูดของพี่ถัง!”

ฟางเหยียนเอาบัตรสีทองใส่ไว้ในกระเป๋า ส่งเสียงอืม แล้วกล่าว “พาผมไปดูหน่อย!”

ความจริงเป้าหมายที่ฟางเหยียนรับบัตรนี้มาก็เพื่อไว้หน้าเจี่ยเกิงจื่อ ถ้าเขาไม่อยากให้โอกาสเจี่ยเกิงจื่อจริงๆ จะไม่มีทางรับเงินนี้มาอย่างแน่นอน ร้อยล้าน สำหรับฟางเหยียนแล้วมันน้อยนิดมาก ตอนนี้ถ้าไม่เอาก็ไม่เสียหายอะไร

ในขณะเดียวกันนี้ เสียงผู้เฒ่าที่ดังสนั่นดังออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเจี่ย “ฉันคิดว่าจะได้เจอกับวัยรุ่นคนเก่งที่ไม่เห็นแก่เงินเสียแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะเหมือนคนสามัญทั่วๆไป!”

มองไปตามเสียง เห็นผู้เฒ่าสวมชุดผาวสีขาวเดินออกมาข้างนอก อายุของผู้เฒ่านั้นเดายาก เขาผมขาวทั้งหัว ผมยาวประบ่า หนวดบนริมฝีปากและเคราใต้ริมฝีปากล่างได้ยาวไปจนถึงหน้าอก คิ้วขาวโพลน อีกนิดเกือบจะยาวไปที่บริเวณหนวดแล้ว ดูๆแล้วสูงศักดิ์เป็นพิเศษ

ผู้เฒ่ายกมือขึ้นมาลูบเคราของตัวเอง แล้วกล่าว “เมื่อกี๊ฉันเห็นแกไม่สนใจเงิน จะออกไปให้ได้ เดิมทีก็ชอบความกล้าของแกอยู่นะ ไม่ก้มหัวให้เงินตรา แต่ใครจะรู้เมื่อคุณท่านเจี่ยเอาเงินให้แกต่อหน้า นึกไม่ถึงว่าแกจะรับ การกระทำนี้ของแกทำให้ฉันผิดหวังอย่างหาที่เปรียบมิได้”

“เออะ?” ฟางเหยียนมองชายชราตั้งแต่หัวจรดเท้า คิดว่าผู้เฒ่าคนนี้ปัญญาอ่อนหรือเปล่า จึงได้ถามไปว่า “คุณเป็นใคร?”

“ฉันเป็นใคร?” ชายชราหัวเราะฮ่าๆๆออกมา แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยและแปลกใจ

สีหน้าของเจี่ยเกิงจื่อก็ดูไม่มีขึ้นมาก เขาชะงักไป แล้วถาม “คุณฟาง คุณไม่รู้จริงๆเหรอว่าผู้เฒ่าคนนี้คือใคร?”

ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างไม่รู้แล้วกล่าว “ไม่รู้ ทำไมผมต้องรู้ด้วยว่าเขาเป็นใคร”

สีหน้าของเจี่ยเกิงจื่อถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มรู้สึกผิดที่ให้เงินเร็วขนาดนั้น แต่สองคนนั้นแตะต้องไม่ได้ ต่อกรลำบาก ให้เงินแล้วจบกันก็พอแล้ว

เจี่ยเกิงจื่อยิ้มอย่างอึดอัด แล้วกล่าว “ดูจากท่าทีของน้องชายแล้วน่าจะเรียนแพทย์มานะ?นึกไม่ถึงว่าฉันบุคคลที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วประเทศหวา ท่านผู้อาโสเหมิงซานแกยังไม่รู้จัก?”

“เหมิงซาน?” ฟางเหยียนส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่รู้จัก เคยได้ยินแต่จู่เห้อ”

และนี่ก็ได้ยินที่ตระกูลถัง ถ้าไม่ใช่เพราะเจอคนนั้นที่ตระกูลถัง เขาก็ยังไม่รู้ว่ามีหมอเทวดาชื่อจู่เหอ

เจี่ยเกิงจื่อหน้าตาตะลึงเข้าไปใหญ่ เขาคิดว่าท่านถัมั่วแล้วหรือเปล่า นึกไม่ถึงว่าจะแนะนำคนที่ไม่น่าเชื่อถือได้ขนาดนี้ให้กับตน เขาถอนหายใจ แล้วกล่าว “ท่านผู้อาโสเหมิงซานชื่อเสียงโด่งดังพอๆกับท่านจู่เห้อ ท่านจู่เห้อฉายาหมอเทวดา ท่านผู้อาโสเหมิงซานฉายาหมอเซียน คนโบราณกล่าวไว้ว่า ทิศเหนือมีเหมิงซาน ทิศใต้มีจู่เห้อ! ”

เหมิงซานได้ยินคำแนะนำของตัวเอง ก็ยืดอกตั้ง แล้วส่งเสียงเหอะออกมา กล่าว “วัยรุ่นตอนนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ คิดว่าอ่านตำรารักษาคนหายสักหน่อย ก็กล้าเรียกตัวเองว่าหมอเทพแล้ว?”

“เหอะๆ!” ฟางเหยียนดูแคลน แล้วถาม “คุณนี่น่าสนใจเหมือนกันนะ ผมไม่เคยพูดมาก่อนว่าตัวเองคือเทพหมอ!เจี่ยเกิงจื่อ เดิมทีผมอยากรักษาลูกชายคุณ แต่ผมไม่ค่อยชอบผู้เฒ่าคนนี้ ผมไม่รักษาแล้วนะ!”

“บังอาจ!” เหมิงซานส่งเสียงเหอะ แล้วตะคอกออกมา “ฉันคือหมอประจำตัวของคุณชายเจี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน คุณชายเจี่ยเสียชีวิตไปนานแล้ว แกบอกว่ารักษาได้แล้วจะรักษาได้งั้นเหรอ? ชื่อเสียงแพทย์แผนจีนของประเทศหวาจะเสียชื่อก็เพราะคนอย่างแกนี่แหละ”

เหมิงซานประโยคเดียว พูดด้วยความแค้น และใช้อารมณ์!

ฟางเหยียนชะงักไป ไม่รู้ว่าทำไมชายชราคนนี้ต้องร้อนตัวขนาดนั้นด้วย?หรือเขาคิดว่าตัวเองเป็นตัวแทนของแพทย์แผนจีนของประเทศหวาแล้วงั้นเหรอ?หรือพอมีคนพูดว่าสามารถรักษาคุณชายเจี่ยได้ เขาก็กลัวจะเสียหน้า จึงได้ร้อนตัวขนาดนี้?

เทียนขุยตวาดออกมา “บังอาจ!ไอ้แก่ แกคิดว่าแกเป็นใคร? ถ้าแกเก่งจริง ทำไมแกรักษาคุณชายไม่หายล่ะ? แล้วแกจะมาโอหังอะไรอีก?”

เทคนิคการแพทย์ของฟางเหยียน ตราตรึงเข้าไปในจิตใจของเทียนขุย ตอนที่อยู่ในสนามรบ มีทหารได้รับบาดเจ็บ ฟางเหยียนหาหญ้ามาบดแล้วทาบนแผล ไม่นาน บาดแผลนั้นก็สมานโดยปริยาย ส่วนคนที่กระดูกหัก มากสุดใช้เวลาสามวันก็ฟื้นฟูกลับไปได้ดังเดิม ในสนามรบ เทียนขุยเห็นสถานการณ์แบบนี้มามากแล้ว

ดังนั้น เขาจึงมั่นใจในเทคนิคการแพทย์ของจอมพลโผ้จวิน ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้านี้ดูๆแล้วเหมือนจะมีฝีมือ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฟางเหยียน ก็เป็นแค่ตัวตลกเท่านั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง

“เหอะ!” เหมิงซานหล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ฉันรักษาโรคนี้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ฉันก็ทำให้คุณชายเจี่ยอยู่มาถึงวันนี้ได้ ฉันต่อชีวิตให้คุณชายเจี่ยมาตลอด ส่วนมัน ก็แค่พวกต้มตุ๋นในยุทธภพเท่านั้น!แล้วมันจะเอาอะไรมารักษา?”

เมื่อพูดจบเหมิงซานก็ยิ้มออกมา เขาไม่ชอบคนไม่ได้เรื่องที่มาหลอกเงินถึงที่แบบนี้ หลอกลวงผู้คนไปทั่ว ทำร้ายไปทุกที่ เพราะมีคนพวกนี้อยู่ ชื่อเสียงของแพทย์แผนจีนถีงได้เสื่อมโทรมลงอย่างนี้

เทียนขุยคิดจะพูดอะไรสักอย่าง ฟางเหยียนห้ามเทียนขุยไว้ แล้วถาม “คุณแน่ใจว่าผมรักษาไม่หาย?”

เหมิงซานชะงักไป หัวเราะเหอะๆแล้วถาม “งั้นแกพูดมา ว่าคุณชายเจี่ยเป็นโรคอะไร?”

ฟางเหยียนส่ายหน้าแล้วกล่าว “ผมไม่รู้ แต่ผมฝังเข็มให้คุณชายเจี่ยได้”

“ไม่รู้!” เหมิงซานเกรี้ยวกราด “แม้แต่คุณชายเจี่ยเป็นโรคอะไรแกยังไม่รู้ แล้วยังกล้าพูดว่าจะฝังเข็มให้เขาอีก จะบอกให้นะ ถ้าฝังเข็มแล้วหาย ฉันใช่ไปนานแล้วล่ะ คนอย่างแก แม้แต่เป็นโรคอะไรยังดูไม่ออก แล้วยังพูดจามั่วซั่วอีก แกมันเป็นหมาเห่าใบตองแห้งของวงการแพทย์แผนจีนเสียจริงๆ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด