จอมนักรบทรงเกียรติยศ 568 มาแล้วจริงๆ

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 568 มาแล้วจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พลเอกแห่งยุโรปได้ยิน เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยทราย มองไม่เห็นอะไร ถึงขั้นแม้แต่เฮลิคอปเตอร์สักลำก็ไม่มี เขาถามอย่างไม่เข้าใจว่า “คนอะไรมา? ทำไมผมมองไม่เห็น?”

ชายรูปงามสีหน้านิ่งสงบอย่างมาก แต่แววตามองไปรอบๆอย่างไม่หยุด เขาตอบอย่างสงบว่า “มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มีกลิ่นอายราวกับแรงอาฆาตของนรกกำลังคืบคลานเข้ามา คุณตั้งใจฟัง แล้วจะได้ยินการมาของแรงอาฆาตนี้ เขาอยู่ใกล้กับพวกเรามากแล้ว”

เย่เฟยหันไปมองชายรูปงาม จากนั้นแสยะปากออกกล่าวว่า “ผมว่าคุณกลัวเขาแล้วล่ะ? ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าตอนนั้นทำไมคุณถึงเข้าร่วมกับพวกเรา? ถ้าคุณกลัว ตอนนี้คุณก็สามารถไปได้นะ ผมล่ะหวังอยากให้มันออกมา มันติดค้างผม ผมจะให้มันชดใช้ในสนามรบนี้พอดี”

พูดจบ เย่เฟยยกมือขึ้นมาดูรอยบากที่ลึกบนนาฬิกาของตัวเอง เขาไม่กล้าลืมรอยแผลเป็นนี้ที่ฟางเหยียนทิ้งไว้ให้เขา รอยแผลนี้เตือนเขาในทุกวัน ว่ามีคนหนึ่งที่ยังติดค้างเขาอยู่ หนี้นี้ต้องชดใช้ด้วยเลือด ดังนั้นเขาต้องรอให้ฟางเหยียนมา จากนั้นฆ่าเขา แล้วฆ่าฟางเหยียน

เขาไม่ได้ถูกความแค้นบดบังตา แต่แค้นนี้ต้องชำระ!

คนนั้นแย่งสิ่งที่รักที่สุดของตัวเองไป แล้วยังปล้นความน่าเกรงขามของเขาต่อหน้าลูกน้องของตัวเอง ความแค้นนี้ถ้าไม่ชำระ แล้วต่อไปตัวเองจะยืนได้อย่างไร แล้วจะให้พวกพ้องผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองเชื่อมั่นได้อย่างไร!

“คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!” จู่ๆ ชายรูปงามพูดประโยคนั้นออกมาอย่างชิลล์ๆ

“เลว!” เย่เฟยยกมือขึ้นมาจับคอเสื้อของชายรูปงามอย่างกล้าหาญ ตะคอกเสียงดังใส่เขาว่า “มึงแม่งพูดอะไรวะ? มึงคิดว่ามีแค่มึงที่เคยเจอมันเหรอ? กูก็เคยเจอ รอยแผลนี้มันเป็นคนทิ้งไว้ให้กู”

เย่เฟยชี้ไปที่แขนของตัวเอง ตะโกนใส่ชายรูปงามอย่างคอเป็นเอ็น

ชายรูปงามดูแคลนออกมา แล้วกล่าว “ตรงนั่นของคุณแล้วไง ตรงนี้ของผมก็เป็นมันที่ทิ้งรอยไว้”

พูดจบ ชายรูปงามถอดกางเกงของตัวเองลง เห็นเพียงขาอ่อนของเขามีรูลึก นั่นเหมือนกับเนื้อถูกกัดออกมาอย่างเป็นๆ หลังจากที่สมานแล้ว ก็เห็นเป็นเว้าลงไปอย่างชัดเจน

สีหน้าของเย่เฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชายรูปงามกล่าว “พูดกับท่านทั้งสองตรงๆ เมื่อก่อนผมท้าทายสำนักเจ็ดพิฆาตอย่างจงใจ เพียงแต่ต่อมากองทัพทั้งหมดของผมถูกฆ่าไม่เหลือ สองแสนเต็มๆ ทหารทั้งกองทัพพังทลายย่อยยับ การที่ผมมีชีวิตรอดมาได้ อาศัยการแกล้งตายจึงหนีวิกฤตมาได้ เนื้อบนขาของผมหลุดไปได้อย่างไรรู้มั้ย? ก็เพราะการปรากฏของแสงแสงหนึ่ง เนื้อบนขาของผมจึงได้หายไป ตอนนั้นหายไปได้ยังไงผมไม่รู้ บางทีคุณเคยเจอเขา แต่คุณไม่รู้ความกล้าหาญในสนามรบของเขาเลยเสียด้วยซ้ำ

สองคนสบตากัน จากนั้นถามว่า “งั้นทำไมคุณยังมาเข้าร่วมกับพวกเราอีก?

“ล้างแค้น!” ชายรูปงามกล่าวอย่างนิ่งสงบ

“ล้างแค้น?” เย่เฟยหัวเราะเหอะๆ “อยากคุณเนี่ยนะยังมีหน้ามาพูดว่าล้างแค้นอีก! แม้แต่ความกล้าในการเผชิญหน้ากับมันคุณยังไม่มีเลย แล้วจะเอาอะไรมาล้างแค้น?”

ชายรูปงามกล่าวอย่างเอาจริงเอาจังว่า “การล้างแค้นไม่ได้ใช้อารมณ์ แต่ใช้เวลา สิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย ตอนนี้ยังไม่ได้เวลา พวกเราไม่ชนะมันแน่นอน รอให้ถึงเวลา ก็จะเป็นวันสุดท้ายของมัน”

“ตูม!” ในขณะเดียวกันนี้เอง จู่ๆบนท้องฟ้ามีเสียงดังสนั่นขึ้น

เสียงดังสนั่นนี้ทำให้ทั้งสามคนเงยหน้ามองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วกลับไปมีสมาธิร้อยเปอร์เซ็นต์อีกครั้ง! เสียงดังครั้งนี้ไม่เพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ได้ยิน ทุกคนล้วนได้ยินกันหมด เดิมทีคนที่กำลังทำสงครามอยู่ล้วนหยุดการกระทำในมือลง เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เนื่องจากสงครามดุเดือดมาก ส่งผลให้บนฟ้าเต็มไปด้วยเขม่าควัน มองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

ในตอนที่ทุกคนกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น จู่ๆ มังกรดุได้กลิ่นที่คุ้นเคย คือเขา ผู้ชายคนนั้นกลับมาแล้ว เขามั่นใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พลังแบบนี้มีเพียงชายคนนั้นเท่านั้นจึงจะปล่อยออกมาได้

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า ”จอมพลโผ้จวิน จอมพลโผ้จวินมาแล้ว!”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ทำให้เหล่าทหารของสำนักเจ็ดพิฆาตกระปรี้กระเปร่า เต็มไปด้วยความยินดี

ตะโกนคำนี้จบ จู่ๆมังกรดุก็แสดงกิริยาที่แปลกออกมา เขาคุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้น พูดกับท่องฟ้าอย่างไม่สิ้นสุดว่า “มังกรดุสำนักเจ็ดพิฆาต ขอต้อนรับจอมพลโผ้จวิน!”

“จอมพลโผ้จวิน!”“จอมพลโผ้จวิน!”“จอมพลโผ้จวิน!”

หลังจากสิ้นสุดเสียงของมังกรดุ ทั้งสนามรบล้วนเป็นเสียงร้องของทหารสำนักเจ็ดพิฆาตดังกระฉ่อน แว็บเดียว ทั้งสนามรบ เต็มไปด้วยจอมพลโผ้จวินสี่คำนี้ เสียงของพวกเขาดังพร้อมเพรียงกัน ฮึกเหิมไม่หวาดหวั่น ได้ยินแล้วทรงพลังยิ่งใหญ่ ช่างน่าดูเสียจริงๆ

การตะโกนเรียกแบบนี้ ทำให้ข่มขวัญคนที่จู่โจมพวกนั้น บ้างถึงขั้นเริ่มถอยไปหลายก้าวอย่างช้าๆ พวกเขาไม่รู้ว่าใครจะมา แต่ดูจากท่าทาง น่าจะเป็นบุคคลที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว

ในขณะเดียวกันนี้เอง ผู้ชายที่สวมชุดกันลมสีดำคนหนึ่ง ลงมาจากจ้าอย่างช้าๆ ด้านหลังของเขาไม่มีสลิง และไม่มีร่มชูชีพ เขาลงมาจากฟ้า เขาเหมือนกับแสงแสงหนึ่ง ปรากฏในสนามรบต่อหน้าสายตาของทุกๆคน

มองดูสนามรบที่ศพที่เกลื่อนกลาด เลือดไหลเป็นแม่น้ำ แววตาทั้งสองของฟางเหยียนเปล่งแสงที่พิเศษออกมา สิ่งที่ปรากฏในแววตาทั้งสองไม่ใช่ความเมตตา แต่เป็นความกระหายสงครามไม่มีที่สิ้นสุด นานแล้วที่เขาไม่ได้เข่นฆ่า นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เพลิดเพลินใจกับความสุขที่มาจากในสนามรบ ดังนั้นตอนที่เขาเห็นฉากนี้ ยากที่จะทนไหวได้ตั้งนานแล้ว

ฟางเหยียนเป็นผู้ชายแห่งสนามรบ มีเพียงอยู่ในสงคราม เขาจึงจะแสดงความแข็งแกร่งดุดันของตัวเองออกมาได้

ดูใบหน้าที่แปลกหน้าแปลกตา มีสีขาว มีสีดำ แล้วยังมีสีเหลือง ดูท่าทางแล้วผสมปนเปคนจำนวนไม่น้อยมา พวกเขาเข้ามาในดินแดนของประเทศหวา มายังอาณาเขตนี้ เขาก็คือเทพแห่งการสังหาร มีสิทธิ์ตัดสินความเป็นความตายของพวกเขา

เขาลงมาบนกำแพงเมือง แววตาทั้งสองมองลงมายังทหารที่ได้ข้ามเขตแดนเข้ามา สายตาของเขาเยือกเย็น ชุดกันลมปลิวไสวตามลม ในสนามรบที่ดุเดือดก่อเกิดความนึกคิดอันลึกซึ้งที่พิเศษขึ้น

ผู้ที่เข้ามาในดินแดนของประเทศหวา ต้องตาย! นี่เป็นกฎเหล็กของประเทศหวา ไม่ว่าใครก็ห้ามแหกกฎ คนที่นี่ ไม่ว่าเยอะขนาดไหน ก็ต้องตาย! วินาทีก่อนหน้านี้ ตอนที่เขามาถึงที่นี่ คนกลุ่มนี้ได้เป็นคนตายไปแล้ว

“มาแล้ว!” ชายรูปงามกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

พลเอกแห่งยุโรปจ้องร่างกายอันผอมเล็กนั่น ส่งเสียงฮึมออกมา แล้วกล่าว “มาแล้วยังไง มันก็แค่คนเดียวเท่านั้น! แค่ความสามารถของมันคนเดียว จะสามารถพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้งั้นเหรอ?รู้ไว้นะ พวกเรามีทหารสามแสนนาย”

ใช่ ทหารสามแสนนาย ก็คือให้เขาฆ่า เขาฆ่าจนมืออ่อน อีกอย่าง จะมีคนๆหนึ่งฆ่าทหารสามแสนคนได้อย่างไรกัน อย่างน้อยพลเอกแห่งยุโรปทำสงครามมาหลายปีขนาดนั้น ไม่เคยเห็นนักสู้ที่ดุดันแบบนี้มาก่อน ต่อให้เคยได้ยิน เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นพลเอกแห่งยุโรปผ่อนคลายมาก เพียงแค่กองทัพใหญ่ไม่มา เขาไม่ร้อนรนใดๆ

ในใจของพลเอกแห่งยุโรป เขาดูถูกศักยภาพกองทัพของประเทศหวา เพราะเขาคิดว่าศักยภาพกงอทัพของประเทศหวาอ่อนแอมาก แค่หนึ่งสัปดาห์ก็ทะลวงได้แล้ว ถ้านี่เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศหวา ประเทศหวาอ่อนแอจริงๆ

เขาไม่รู้เลย ว่าการที่สำนักเจ็ดพิฆาตที่มีจอมพลโผ้จวินกับไม่มีจอมพลโผ้จวินมันสองแนวคิดโดยสิ้นเชิง

พลเอกแห่งยุโรปขี้เกียจจะใส่ใจอะไรมากมายขนาดนั้น โบกมือของตัวเอง ตะโกนเสียงดังใส่กองทัพศักยภาพของตนว่า “ฆ่ามัน! ถ้าใครทำร้ายมันได้ ให้กำนันมากมาย อนุญาตให้ปลดประจำการได้!ถ้าใครฆ่ามันได้ แต่งตั้งยศฐาบรรดาศักดิ์!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมนักรบทรงเกียรติยศ 568 มาแล้วจริงๆ

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 568 มาแล้วจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พลเอกแห่งยุโรปได้ยิน เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยทราย มองไม่เห็นอะไร ถึงขั้นแม้แต่เฮลิคอปเตอร์สักลำก็ไม่มี เขาถามอย่างไม่เข้าใจว่า “คนอะไรมา? ทำไมผมมองไม่เห็น?”

ชายรูปงามสีหน้านิ่งสงบอย่างมาก แต่แววตามองไปรอบๆอย่างไม่หยุด เขาตอบอย่างสงบว่า “มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มีกลิ่นอายราวกับแรงอาฆาตของนรกกำลังคืบคลานเข้ามา คุณตั้งใจฟัง แล้วจะได้ยินการมาของแรงอาฆาตนี้ เขาอยู่ใกล้กับพวกเรามากแล้ว”

เย่เฟยหันไปมองชายรูปงาม จากนั้นแสยะปากออกกล่าวว่า “ผมว่าคุณกลัวเขาแล้วล่ะ? ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าตอนนั้นทำไมคุณถึงเข้าร่วมกับพวกเรา? ถ้าคุณกลัว ตอนนี้คุณก็สามารถไปได้นะ ผมล่ะหวังอยากให้มันออกมา มันติดค้างผม ผมจะให้มันชดใช้ในสนามรบนี้พอดี”

พูดจบ เย่เฟยยกมือขึ้นมาดูรอยบากที่ลึกบนนาฬิกาของตัวเอง เขาไม่กล้าลืมรอยแผลเป็นนี้ที่ฟางเหยียนทิ้งไว้ให้เขา รอยแผลนี้เตือนเขาในทุกวัน ว่ามีคนหนึ่งที่ยังติดค้างเขาอยู่ หนี้นี้ต้องชดใช้ด้วยเลือด ดังนั้นเขาต้องรอให้ฟางเหยียนมา จากนั้นฆ่าเขา แล้วฆ่าฟางเหยียน

เขาไม่ได้ถูกความแค้นบดบังตา แต่แค้นนี้ต้องชำระ!

คนนั้นแย่งสิ่งที่รักที่สุดของตัวเองไป แล้วยังปล้นความน่าเกรงขามของเขาต่อหน้าลูกน้องของตัวเอง ความแค้นนี้ถ้าไม่ชำระ แล้วต่อไปตัวเองจะยืนได้อย่างไร แล้วจะให้พวกพ้องผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองเชื่อมั่นได้อย่างไร!

“คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!” จู่ๆ ชายรูปงามพูดประโยคนั้นออกมาอย่างชิลล์ๆ

“เลว!” เย่เฟยยกมือขึ้นมาจับคอเสื้อของชายรูปงามอย่างกล้าหาญ ตะคอกเสียงดังใส่เขาว่า “มึงแม่งพูดอะไรวะ? มึงคิดว่ามีแค่มึงที่เคยเจอมันเหรอ? กูก็เคยเจอ รอยแผลนี้มันเป็นคนทิ้งไว้ให้กู”

เย่เฟยชี้ไปที่แขนของตัวเอง ตะโกนใส่ชายรูปงามอย่างคอเป็นเอ็น

ชายรูปงามดูแคลนออกมา แล้วกล่าว “ตรงนั่นของคุณแล้วไง ตรงนี้ของผมก็เป็นมันที่ทิ้งรอยไว้”

พูดจบ ชายรูปงามถอดกางเกงของตัวเองลง เห็นเพียงขาอ่อนของเขามีรูลึก นั่นเหมือนกับเนื้อถูกกัดออกมาอย่างเป็นๆ หลังจากที่สมานแล้ว ก็เห็นเป็นเว้าลงไปอย่างชัดเจน

สีหน้าของเย่เฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชายรูปงามกล่าว “พูดกับท่านทั้งสองตรงๆ เมื่อก่อนผมท้าทายสำนักเจ็ดพิฆาตอย่างจงใจ เพียงแต่ต่อมากองทัพทั้งหมดของผมถูกฆ่าไม่เหลือ สองแสนเต็มๆ ทหารทั้งกองทัพพังทลายย่อยยับ การที่ผมมีชีวิตรอดมาได้ อาศัยการแกล้งตายจึงหนีวิกฤตมาได้ เนื้อบนขาของผมหลุดไปได้อย่างไรรู้มั้ย? ก็เพราะการปรากฏของแสงแสงหนึ่ง เนื้อบนขาของผมจึงได้หายไป ตอนนั้นหายไปได้ยังไงผมไม่รู้ บางทีคุณเคยเจอเขา แต่คุณไม่รู้ความกล้าหาญในสนามรบของเขาเลยเสียด้วยซ้ำ

สองคนสบตากัน จากนั้นถามว่า “งั้นทำไมคุณยังมาเข้าร่วมกับพวกเราอีก?

“ล้างแค้น!” ชายรูปงามกล่าวอย่างนิ่งสงบ

“ล้างแค้น?” เย่เฟยหัวเราะเหอะๆ “อยากคุณเนี่ยนะยังมีหน้ามาพูดว่าล้างแค้นอีก! แม้แต่ความกล้าในการเผชิญหน้ากับมันคุณยังไม่มีเลย แล้วจะเอาอะไรมาล้างแค้น?”

ชายรูปงามกล่าวอย่างเอาจริงเอาจังว่า “การล้างแค้นไม่ได้ใช้อารมณ์ แต่ใช้เวลา สิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย ตอนนี้ยังไม่ได้เวลา พวกเราไม่ชนะมันแน่นอน รอให้ถึงเวลา ก็จะเป็นวันสุดท้ายของมัน”

“ตูม!” ในขณะเดียวกันนี้เอง จู่ๆบนท้องฟ้ามีเสียงดังสนั่นขึ้น

เสียงดังสนั่นนี้ทำให้ทั้งสามคนเงยหน้ามองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วกลับไปมีสมาธิร้อยเปอร์เซ็นต์อีกครั้ง! เสียงดังครั้งนี้ไม่เพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ได้ยิน ทุกคนล้วนได้ยินกันหมด เดิมทีคนที่กำลังทำสงครามอยู่ล้วนหยุดการกระทำในมือลง เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เนื่องจากสงครามดุเดือดมาก ส่งผลให้บนฟ้าเต็มไปด้วยเขม่าควัน มองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

ในตอนที่ทุกคนกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น จู่ๆ มังกรดุได้กลิ่นที่คุ้นเคย คือเขา ผู้ชายคนนั้นกลับมาแล้ว เขามั่นใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พลังแบบนี้มีเพียงชายคนนั้นเท่านั้นจึงจะปล่อยออกมาได้

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า ”จอมพลโผ้จวิน จอมพลโผ้จวินมาแล้ว!”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ทำให้เหล่าทหารของสำนักเจ็ดพิฆาตกระปรี้กระเปร่า เต็มไปด้วยความยินดี

ตะโกนคำนี้จบ จู่ๆมังกรดุก็แสดงกิริยาที่แปลกออกมา เขาคุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้น พูดกับท่องฟ้าอย่างไม่สิ้นสุดว่า “มังกรดุสำนักเจ็ดพิฆาต ขอต้อนรับจอมพลโผ้จวิน!”

“จอมพลโผ้จวิน!”“จอมพลโผ้จวิน!”“จอมพลโผ้จวิน!”

หลังจากสิ้นสุดเสียงของมังกรดุ ทั้งสนามรบล้วนเป็นเสียงร้องของทหารสำนักเจ็ดพิฆาตดังกระฉ่อน แว็บเดียว ทั้งสนามรบ เต็มไปด้วยจอมพลโผ้จวินสี่คำนี้ เสียงของพวกเขาดังพร้อมเพรียงกัน ฮึกเหิมไม่หวาดหวั่น ได้ยินแล้วทรงพลังยิ่งใหญ่ ช่างน่าดูเสียจริงๆ

การตะโกนเรียกแบบนี้ ทำให้ข่มขวัญคนที่จู่โจมพวกนั้น บ้างถึงขั้นเริ่มถอยไปหลายก้าวอย่างช้าๆ พวกเขาไม่รู้ว่าใครจะมา แต่ดูจากท่าทาง น่าจะเป็นบุคคลที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว

ในขณะเดียวกันนี้เอง ผู้ชายที่สวมชุดกันลมสีดำคนหนึ่ง ลงมาจากจ้าอย่างช้าๆ ด้านหลังของเขาไม่มีสลิง และไม่มีร่มชูชีพ เขาลงมาจากฟ้า เขาเหมือนกับแสงแสงหนึ่ง ปรากฏในสนามรบต่อหน้าสายตาของทุกๆคน

มองดูสนามรบที่ศพที่เกลื่อนกลาด เลือดไหลเป็นแม่น้ำ แววตาทั้งสองของฟางเหยียนเปล่งแสงที่พิเศษออกมา สิ่งที่ปรากฏในแววตาทั้งสองไม่ใช่ความเมตตา แต่เป็นความกระหายสงครามไม่มีที่สิ้นสุด นานแล้วที่เขาไม่ได้เข่นฆ่า นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เพลิดเพลินใจกับความสุขที่มาจากในสนามรบ ดังนั้นตอนที่เขาเห็นฉากนี้ ยากที่จะทนไหวได้ตั้งนานแล้ว

ฟางเหยียนเป็นผู้ชายแห่งสนามรบ มีเพียงอยู่ในสงคราม เขาจึงจะแสดงความแข็งแกร่งดุดันของตัวเองออกมาได้

ดูใบหน้าที่แปลกหน้าแปลกตา มีสีขาว มีสีดำ แล้วยังมีสีเหลือง ดูท่าทางแล้วผสมปนเปคนจำนวนไม่น้อยมา พวกเขาเข้ามาในดินแดนของประเทศหวา มายังอาณาเขตนี้ เขาก็คือเทพแห่งการสังหาร มีสิทธิ์ตัดสินความเป็นความตายของพวกเขา

เขาลงมาบนกำแพงเมือง แววตาทั้งสองมองลงมายังทหารที่ได้ข้ามเขตแดนเข้ามา สายตาของเขาเยือกเย็น ชุดกันลมปลิวไสวตามลม ในสนามรบที่ดุเดือดก่อเกิดความนึกคิดอันลึกซึ้งที่พิเศษขึ้น

ผู้ที่เข้ามาในดินแดนของประเทศหวา ต้องตาย! นี่เป็นกฎเหล็กของประเทศหวา ไม่ว่าใครก็ห้ามแหกกฎ คนที่นี่ ไม่ว่าเยอะขนาดไหน ก็ต้องตาย! วินาทีก่อนหน้านี้ ตอนที่เขามาถึงที่นี่ คนกลุ่มนี้ได้เป็นคนตายไปแล้ว

“มาแล้ว!” ชายรูปงามกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

พลเอกแห่งยุโรปจ้องร่างกายอันผอมเล็กนั่น ส่งเสียงฮึมออกมา แล้วกล่าว “มาแล้วยังไง มันก็แค่คนเดียวเท่านั้น! แค่ความสามารถของมันคนเดียว จะสามารถพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้งั้นเหรอ?รู้ไว้นะ พวกเรามีทหารสามแสนนาย”

ใช่ ทหารสามแสนนาย ก็คือให้เขาฆ่า เขาฆ่าจนมืออ่อน อีกอย่าง จะมีคนๆหนึ่งฆ่าทหารสามแสนคนได้อย่างไรกัน อย่างน้อยพลเอกแห่งยุโรปทำสงครามมาหลายปีขนาดนั้น ไม่เคยเห็นนักสู้ที่ดุดันแบบนี้มาก่อน ต่อให้เคยได้ยิน เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นพลเอกแห่งยุโรปผ่อนคลายมาก เพียงแค่กองทัพใหญ่ไม่มา เขาไม่ร้อนรนใดๆ

ในใจของพลเอกแห่งยุโรป เขาดูถูกศักยภาพกองทัพของประเทศหวา เพราะเขาคิดว่าศักยภาพกงอทัพของประเทศหวาอ่อนแอมาก แค่หนึ่งสัปดาห์ก็ทะลวงได้แล้ว ถ้านี่เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศหวา ประเทศหวาอ่อนแอจริงๆ

เขาไม่รู้เลย ว่าการที่สำนักเจ็ดพิฆาตที่มีจอมพลโผ้จวินกับไม่มีจอมพลโผ้จวินมันสองแนวคิดโดยสิ้นเชิง

พลเอกแห่งยุโรปขี้เกียจจะใส่ใจอะไรมากมายขนาดนั้น โบกมือของตัวเอง ตะโกนเสียงดังใส่กองทัพศักยภาพของตนว่า “ฆ่ามัน! ถ้าใครทำร้ายมันได้ ให้กำนันมากมาย อนุญาตให้ปลดประจำการได้!ถ้าใครฆ่ามันได้ แต่งตั้งยศฐาบรรดาศักดิ์!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+