จอมนักรบทรงเกียรติยศ 631 ศึกครั้งยิ่งใหญ่

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 631 ศึกครั้งยิ่งใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟางจินหยวนหัวเราะในลำคอ ก้าวเท้าไปข้างหน้า ท่าทางไม่สนใจความเป็นความตาย ขวังซือที่อยู่ด้านหลังของเขาก็สาวเท้ามาสองก้าวตามเขาเช่นเดียวกัน ร่างกายอันมหึมากำบังเขาไว้ ปากพลางเปล่งเสียงคำรามเบาๆ เขายิ้มขึ้นเจือจาง เอ่ยว่า “ผมก็อยู่ตรงนี้ หากท่านไม่เชื่อก็เอาชีวิตน้อยๆ ของผมไปได้ทุกเมื่อเลย ถ้าผมฟางจินหยวนกะพริบตาแม้แต่นิดเดียว เช่นนั้นผมก็ไม่ใช่คน!”

“หน้าไม่อาย!” หญิงหน้ากากพยัคฆ์ที่เจอเรื่องอันใดก็สงบนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน ก็ยังต้องแอบด่าอยู่เงียบๆ เนื่องจากใบหน้าอันเย็นชาอวดดีของฟางจินหยวนนี้ นี่น่ะหรือน้ำเสียงที่ผู้นำแห่งตระกูลฟางพึงมี?

ฟางจินหยวนกลับมิได้สนใจ เอ่ยต่อว่า “ท่าน ไม่ใช่ว่าผมกลัวตายนะ แต่เป็นเพราะว่าท่านมาผิดที่แล้ว พวกเราสองคนสู้กันเหมือนนกกระยางสู้กับหอยกาบ ทว่าฟางเหยียนนั่งรับผลประโยชน์ แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง!”

“นกกระยางสู้กับหอยกาบ ชาวประมงได้ประโยชน์งั้นเหรอ?” หญิงหน้ากากพยัคฆ์เอ่ยขึ้นด้วยความดูหมิ่น เอ่ยว่า “กะอีแค่ตระกูลฟางอย่างพวกแกก็กล้าหยิบยกมาเปรียบเทียบต่อหน้าฉันงั้นเหรอ? พอได้แล้ว ถึงเวลาแล้ว ต่อไปจะเป็นการทำลายศรัทธาที่พวกแกภาคภูมิใจแล้ว!”

เมื่อสิ้นเสียงของหญิงสาว ทุกคนจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน ทั้งรอบด้านมืดมิดลงโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลายามเช้า ทว่าท้องฟ้ากลับมืดมิดราวกับเวลากลางคืน ช่างพิลึกไร้คำอธิบายเสียจริง

การที่ท้องฟ้ามืดมิดนั้นมิใช่การเริ่มต้นและมิใช่การสิ้นสุด ครั้นตำแหน่งที่นักเบญจธาตุยืนอยู่นั้น กลับมีแสงสีทอง สีเขียว สีฟ้า สีแดง สีน้ำตาลสว่างขึ้นมา และทั้งห้าสีนั้นก็ไหลจากจุดที่ตัวเองอยู่มารวมกัน ทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงเปล่งประกายสีสันทั้งห้าสี

สีทั้งห้ารวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นการรวบรวมทักษะวรยุทธเฟิงหัวอันแข็งแกร่งที่สุด

ครั้นบัดนี้ เฟิงหัวกำลังก่อตัวเป็นรูปร่าง!

ฟางจินหยวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ช่างเป็นความเคร่งขรึมที่ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะเดียวกันเขามองไปยังขวังซือ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นเสียงทุ้มต่ำ “ลงมือเถอะ!”

ขวังซือร้องคำรามขึ้น น้ำเสียงดังสะท้านโลกา ราวกับมาจากวิญญาณร้ายแห่งขุมอเวจีอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ผู้ที่ได้ยินขนหัวลุกซู่ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ในที่สุด จะต้องเผชิญหน้ากันแล้วเช่นนั้นหรือ?

นี่คือความคิดในใจส่วนมากของคนตระกูลฟาง

ขวังซือแข็งแกร่งมาก ทว่าพวกเขายังมิเคยได้ประลองกันซึ่งๆ หน้าจริงๆ สักครั้ง ทุกครั้งที่ปรากฏตัวล้วนจะปรากฏตัวด้วยท่าทางที่มีแนวโน้มว่าจำต้องโค่นล้มศัตรูได้ต่อหน้าผู้คนเสมอ ไม่มีความตื่นเต้นเลยสักนิด ทว่าความสามารถของนักเบญจธาตุที่แสดงออกมาอยู่เบื้องหน้านั้นกลับทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นภายในใจเล็กน้อย แน่นอนว่าพวกเขาอยากจะประจักษ์มากกว่าว่าขวังซือเก่งกาจหรือนักเบญจธาตุที่มีพลังสะท้านพิภพจนผู้คนต้องหวาดกลัวนั้นเก่งกาจกว่า

เมื่อเฟิงหัวปรากฏ ทุกสรรพสิ่งสงบนิ่ง!

คำพูดนี้มิใช่คำพูดตลกแต่อย่างใด

จากนั้นทั้งห้าคนก็ได้ตะโกนเสียงดังพร้อมกัน “ฉันขอใช้ตัวเองสังเวย สังเวยด้วยทุกสรรพสิ่งของเฟิงหัว! เมื่อเฟิงหัวปรากฏ ทุกสรรพสิ่งสงบนิ่ง

ร่วมเป็นร่วมตาย เฟิงหัวจงบังเกิด!”

สิ้นเสียง สีทั้งห้าก็รวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นแสงส่องสว่างคล้ายดวงดาวดวงหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น เวลานี้รอบสี่ทิศที่เดิมมืดมิดอยู่นั้นก็กลายเป็นมีสีสันสดใสขึ้นมา ตามมาด้วยลมพัดโหมกระหน่ำ ทรายและดินลอยฟุ้ง พร้อมทั้งเสียงฟ้าผ่าอันน่ากลัวที่ไม่ได้พบบ่อยครั้งนัก

ช่างน่ากลัวเสียจริง!

ชายฉกรรจ์แห่งตระกูลฟางเห็นภาพนี้แล้ว ภายในใจก็ตกตะลึงทันที!

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

คาดไม่ถึงว่าเฟิงหัวจะสมคำร่ำลือเสียจริง พละกำลังที่สะท้านฟ้าดินนี้ สามารถทำลายตระกูลฟางทั้งหมดได้!

และในเวลานี้นั้น รอบๆ บริเวณเรือนตระกูลฟางห่างไปสิบกว่าลี้นั้นก็มีเสียงของฟ้าร้องดังขึ้นมาเช่นกัน ท้องนภาถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด มีชาวบ้านละแวกนั้นไม่น้อยคนที่จ้องมองมายังทิศทางเรือนตระกูลฟางด้วยสายตาเหลือเชื่อ ตกตะลึงจนสุดขีด

คนงานสองสามคนที่อยู่ไม่ไกลนั้นมองเห็นความผิดปกติของทางเรือนตระกูลฟาง จึงกลายมาเป็นหัวข้อซุบซิบนินทาหลังมื้ออาหารทันที

“ครั้งที่แล้วตระกูลฟางมีเรื่องที่ว่ามังกรตัวจริงปรากฏขึ้นมา ใครมันบอกว่าเป็นเรื่องไม่จริง? ถ้าไม่ใช่เพราะมีมังกร ตอนนี้จะมีวิบัติแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?”

ไม่มีผู้ใดกล้าโต้เถียงกลับ ครั้งที่แล้วเรือนตระกูลฟางมีเสียงก้องกังวานฟ้าดินขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป ครั้นบัดนี้ก็เกิดเหตุการณ์ที่พิลึกเช่นนี้ขึ้นอีก หากไม่ใช่วิบัติแล้วจะเป็นอะไร?

เวลานี้ ตระกูลฟางได้มีชื่อเสียงโด่งดังในเจียงตูโดยสมบูรณ์แล้ว!

กลับมาพูดถึงฝั่งตระกูลฟางบ้าง ช่วงเวลาที่เฟิงหัวกำเนิดขึ้น ขวังซือได้ผ่านฟางจินหยวนไป สาวเท้าหนักแน่นพุ่งไปยังนักเบญจธาตุ เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว ไม่ลังเลที่จะพุ่งไปข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย ราวกับเฟิงหัวที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้นมีกำลังอ่อนแออย่างไรอย่างนั้น มีท่าทางของผู้แข็งแกร่งที่เหยียดหยามทุกอย่าง

และในขณะเดียวกันนี้เอง ดวงตาอันดำสนิทของขวังซือก็กลายเป็นสีแดงฉับพลัน แดงก่ำจนทำให้คนที่ได้เห็นต้องหวาดกลัว สองตาคู่นั้นเฉกเช่นท้องฟ้าสีเลือด ราวกับบ่อน้ำสีเลือดอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างไรอย่างนั้น

ครั้นขวังซืออยู่ๆ ก็เกรี้ยวกราดบ้าคลั่งขึ้นมา เขาอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมสีขาวบริสุทธิ์ จากนั้น ก็ได้ยินเป็นเสียงดังสนั่นที่สั่นสะเทือนพื้นพิภพ ทันใดนั้นพื้นหินสีเขียวเบื้องหน้าเขาก็แตกกระจายทันที ส่งผลให้กระถางพืชพันธุ์สีเขียวแตกกระจายตามไปด้วย จากนั้นก็มีแรงหนึ่งพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า ราวกับมีพลังทำลายล้างที่สามารถทำให้สรรพสิ่งพังพินาศย่อยยับไปอย่างง่ายดายได้ พลังนั้นพุ่งหล่นลงมา และเป้าหมายก็คือเฟิงหัว

พลังนั้นปรากฏขึ้นมาเป็นสีขาว ราวกับแสงสีทองอร่ามบนท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ขึ้นที่พุ่งทะยานไปยังความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด ทำให้ท้องฟ้าอันมืดมิดสว่างขึ้นมาในทันที ส่งผลให้บ้านตระกูลฟางมีแสงสว่างและมืดสลับกัน มองดูราวกับเป็นภาพเหนือธรรมชาติที่พิลึกยิ่ง

เห็นได้ชัดว่าพลังลำแสงสีแดงที่ขวังซือกระจายออกมานั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงหัวก็เป็นดั่งผู้ใหญ่กับเด็กน้อยชกต่อยกัน ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้แม้แต่น้อย โดยเฉพาะเฟิงหัวที่รวมตัวกลายเป็นรูปร่างแล้ว ที่ทั้งเหี้ยมโหดและสุกใสเป็นประกาย เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลาย กวาดล้างทุกสรรพสิ่ง ทั้งสองอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลยแม้แต่น้อย!

ทว่า หญิงหน้ากากพยัคฆ์กลับไม่คิดเช่นนี้ จนกระทั่งเห็นการเปลี่ยนแปลงของขวังซือ ใบหน้าอันเรียวเล็กภายใต้หน้ากากนั้นจึงเคร่งขรึมขึ้นมาไปโดยปริยาย ถูกต้อง เธอสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า พละกำลังของขวังซือในบัดนี้เมื่อเทียบกับอดีตนั้น ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาโดยสิ้นเชิง ระดับปรมาจารย์ก็แบ่งเป็นแข็งแกร่งและอ่อนแอ ขวังซือที่ปกติจะมีดวงตาสีดำสนิท มีพละกำลังปรมาจารย์ระดับต้น เช่นนั้นเขาในบัดนี้ ได้เลื่อนเป็นพละกำลังระดับสูงโดยไม่ต้องสงสัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มองไปยังเฟิงหัวที่แลดูแข็งแกร่งทั้งยังมีพละกำลังสะท้านพิภพ ในสายตาของเธอมันไม่สามารถเทียบกับพลังที่แผ่ซ่านออกมาของขวังซือได้เลย พละกำลังนั้นราวกับกษัตริย์และขุนนางที่ทอดพระเนตรเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งปวงอยู่ใต้ฝ่าเท้า ไร้ซึ่งความเกรงกลัวและเผด็จการ

ราวกับว่าเธอมองเห็นจุดจบของนักเบญจธาตุได้แล้วอย่างไรอย่างนั้น

พลังที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าและพุ่งลงมานั้นเข้ามาประชิดเฟิงหัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หญิงหน้ากากพยัคฆ์ได้ตะโกนขึ้นมาทันที “พลังทั้งหมดมาแล้ว ระวังตัว!”

นักเบญจธาตุราวกับไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ก็ไม่ได้ละเลยในหน้าที่ของตน หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้เอ่ยขึ้นมาลอยๆ โดยไร้เหตุผล จำต้องมีมูลเหตุอันใดเป็นแน่ เพราะถึงอย่างไรความสามารถของเธอก็อยู่เหนือทุกคน เธอสามารถสังเกตเห็นช่องโหว่ที่คนทั่วไปไม่อาจเห็นได้ อีกทั้งที่เธอเอ่ยเตือนขึ้นมาเช่นนั้น จำต้องเห็นสิ่งที่เหนือกว่าที่ตนรวมถึงคนอื่นๆ ไม่ทันได้สังเกตเห็นเป็นแน่

กล่าวได้เลยว่า สายตาของหญิงหน้ากากพยัคฆ์นั้นพิเศษอย่างยิ่ง แม้กระทั่งเธอก็ยังต้องทำสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน

อีกทั้งหลังจากเสียงตะโกนของหญิงหน้ากากพยัคฆ์จบลง ทำให้ความมั่นใจของคนทั้งตระกูลฟางปะทุขึ้นมาทันทีทันใด

ตะโกนทำไม!

การที่เตือนเช่นนั้นก็แสดงว่าเธอเกรงกลัวเข้าแล้ว!

พูดง่ายๆ ก็คือ นั่นหมายความว่าขวังซือสามารถจัดการกับนักเบญจธาตุได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังทำลายล้าง

ผู้คนตระกูลฟางมีขวัญกำลังใจเพิ่มพูนขึ้น ความหวาดกลัวบนใบหน้าของทุกคนสลายหายไปภายในพริบตา แทนที่ด้วยความภาคภูมิใจที่จะได้ชมเรื่องสนุก แม้แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดของฟางจินหยวนเองก็ได้รับความผ่อนคลายและความสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

ตระกูลฟางมีขวังซือ จำต้องสามารถมีชื่อเสียงเลื่องลือไปเป็นร้อยปี อยู่คู่พิภพตลอดไป!

คำชื่นชมนี้ไม่ได้ชมเกินไปแต่อย่างใด ในทางกลับกันยังมีการถ่อมตนด้วย

ความเป็นจริงเป็นอย่างที่ผู้คนตระกูลฟางสัมผัสได้ ขวังซือในบัดนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แกร่งจนทำให้พวกเขานับถือและศรัทธาเพิ่มมากขึ้นอีก

ความสามารถคือทศพิธราชธรรมเพียงหนึ่งเดียว!

ยิ่งขวังซือแข็งแกร่งมากเท่าไร ถึงจะเป็นการรับประกันให้ตระกูลฟางอย่างดีที่สุด!

พละกำลังพุ่งลงมา ขวังซือแนบกายเข้าไปอยู่ในค่ายกลเบญจธาตุ!

เวลานี้ ทั้งตระกูลฟางใจเต้นระรัวอย่างรวดเร็วตามขวังซือ เห็นได้ชัดว่า การกระทำทุกประการของขวังซือ ทำให้คนทั้งตระกูลฟางต้องตกตะลึง ประหลาดใจอย่างถึงที่สุด ในใจของทุกคนล้วนมีความคิดหนึ่ง นั่นคือเจ้าหมอนี่เข้าไปได้อย่างไร?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมนักรบทรงเกียรติยศ 631 ศึกครั้งยิ่งใหญ่

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 631 ศึกครั้งยิ่งใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟางจินหยวนหัวเราะในลำคอ ก้าวเท้าไปข้างหน้า ท่าทางไม่สนใจความเป็นความตาย ขวังซือที่อยู่ด้านหลังของเขาก็สาวเท้ามาสองก้าวตามเขาเช่นเดียวกัน ร่างกายอันมหึมากำบังเขาไว้ ปากพลางเปล่งเสียงคำรามเบาๆ เขายิ้มขึ้นเจือจาง เอ่ยว่า “ผมก็อยู่ตรงนี้ หากท่านไม่เชื่อก็เอาชีวิตน้อยๆ ของผมไปได้ทุกเมื่อเลย ถ้าผมฟางจินหยวนกะพริบตาแม้แต่นิดเดียว เช่นนั้นผมก็ไม่ใช่คน!”

“หน้าไม่อาย!” หญิงหน้ากากพยัคฆ์ที่เจอเรื่องอันใดก็สงบนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน ก็ยังต้องแอบด่าอยู่เงียบๆ เนื่องจากใบหน้าอันเย็นชาอวดดีของฟางจินหยวนนี้ นี่น่ะหรือน้ำเสียงที่ผู้นำแห่งตระกูลฟางพึงมี?

ฟางจินหยวนกลับมิได้สนใจ เอ่ยต่อว่า “ท่าน ไม่ใช่ว่าผมกลัวตายนะ แต่เป็นเพราะว่าท่านมาผิดที่แล้ว พวกเราสองคนสู้กันเหมือนนกกระยางสู้กับหอยกาบ ทว่าฟางเหยียนนั่งรับผลประโยชน์ แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง!”

“นกกระยางสู้กับหอยกาบ ชาวประมงได้ประโยชน์งั้นเหรอ?” หญิงหน้ากากพยัคฆ์เอ่ยขึ้นด้วยความดูหมิ่น เอ่ยว่า “กะอีแค่ตระกูลฟางอย่างพวกแกก็กล้าหยิบยกมาเปรียบเทียบต่อหน้าฉันงั้นเหรอ? พอได้แล้ว ถึงเวลาแล้ว ต่อไปจะเป็นการทำลายศรัทธาที่พวกแกภาคภูมิใจแล้ว!”

เมื่อสิ้นเสียงของหญิงสาว ทุกคนจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน ทั้งรอบด้านมืดมิดลงโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลายามเช้า ทว่าท้องฟ้ากลับมืดมิดราวกับเวลากลางคืน ช่างพิลึกไร้คำอธิบายเสียจริง

การที่ท้องฟ้ามืดมิดนั้นมิใช่การเริ่มต้นและมิใช่การสิ้นสุด ครั้นตำแหน่งที่นักเบญจธาตุยืนอยู่นั้น กลับมีแสงสีทอง สีเขียว สีฟ้า สีแดง สีน้ำตาลสว่างขึ้นมา และทั้งห้าสีนั้นก็ไหลจากจุดที่ตัวเองอยู่มารวมกัน ทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงเปล่งประกายสีสันทั้งห้าสี

สีทั้งห้ารวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นการรวบรวมทักษะวรยุทธเฟิงหัวอันแข็งแกร่งที่สุด

ครั้นบัดนี้ เฟิงหัวกำลังก่อตัวเป็นรูปร่าง!

ฟางจินหยวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ช่างเป็นความเคร่งขรึมที่ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะเดียวกันเขามองไปยังขวังซือ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นเสียงทุ้มต่ำ “ลงมือเถอะ!”

ขวังซือร้องคำรามขึ้น น้ำเสียงดังสะท้านโลกา ราวกับมาจากวิญญาณร้ายแห่งขุมอเวจีอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ผู้ที่ได้ยินขนหัวลุกซู่ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ในที่สุด จะต้องเผชิญหน้ากันแล้วเช่นนั้นหรือ?

นี่คือความคิดในใจส่วนมากของคนตระกูลฟาง

ขวังซือแข็งแกร่งมาก ทว่าพวกเขายังมิเคยได้ประลองกันซึ่งๆ หน้าจริงๆ สักครั้ง ทุกครั้งที่ปรากฏตัวล้วนจะปรากฏตัวด้วยท่าทางที่มีแนวโน้มว่าจำต้องโค่นล้มศัตรูได้ต่อหน้าผู้คนเสมอ ไม่มีความตื่นเต้นเลยสักนิด ทว่าความสามารถของนักเบญจธาตุที่แสดงออกมาอยู่เบื้องหน้านั้นกลับทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นภายในใจเล็กน้อย แน่นอนว่าพวกเขาอยากจะประจักษ์มากกว่าว่าขวังซือเก่งกาจหรือนักเบญจธาตุที่มีพลังสะท้านพิภพจนผู้คนต้องหวาดกลัวนั้นเก่งกาจกว่า

เมื่อเฟิงหัวปรากฏ ทุกสรรพสิ่งสงบนิ่ง!

คำพูดนี้มิใช่คำพูดตลกแต่อย่างใด

จากนั้นทั้งห้าคนก็ได้ตะโกนเสียงดังพร้อมกัน “ฉันขอใช้ตัวเองสังเวย สังเวยด้วยทุกสรรพสิ่งของเฟิงหัว! เมื่อเฟิงหัวปรากฏ ทุกสรรพสิ่งสงบนิ่ง

ร่วมเป็นร่วมตาย เฟิงหัวจงบังเกิด!”

สิ้นเสียง สีทั้งห้าก็รวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นแสงส่องสว่างคล้ายดวงดาวดวงหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น เวลานี้รอบสี่ทิศที่เดิมมืดมิดอยู่นั้นก็กลายเป็นมีสีสันสดใสขึ้นมา ตามมาด้วยลมพัดโหมกระหน่ำ ทรายและดินลอยฟุ้ง พร้อมทั้งเสียงฟ้าผ่าอันน่ากลัวที่ไม่ได้พบบ่อยครั้งนัก

ช่างน่ากลัวเสียจริง!

ชายฉกรรจ์แห่งตระกูลฟางเห็นภาพนี้แล้ว ภายในใจก็ตกตะลึงทันที!

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

คาดไม่ถึงว่าเฟิงหัวจะสมคำร่ำลือเสียจริง พละกำลังที่สะท้านฟ้าดินนี้ สามารถทำลายตระกูลฟางทั้งหมดได้!

และในเวลานี้นั้น รอบๆ บริเวณเรือนตระกูลฟางห่างไปสิบกว่าลี้นั้นก็มีเสียงของฟ้าร้องดังขึ้นมาเช่นกัน ท้องนภาถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด มีชาวบ้านละแวกนั้นไม่น้อยคนที่จ้องมองมายังทิศทางเรือนตระกูลฟางด้วยสายตาเหลือเชื่อ ตกตะลึงจนสุดขีด

คนงานสองสามคนที่อยู่ไม่ไกลนั้นมองเห็นความผิดปกติของทางเรือนตระกูลฟาง จึงกลายมาเป็นหัวข้อซุบซิบนินทาหลังมื้ออาหารทันที

“ครั้งที่แล้วตระกูลฟางมีเรื่องที่ว่ามังกรตัวจริงปรากฏขึ้นมา ใครมันบอกว่าเป็นเรื่องไม่จริง? ถ้าไม่ใช่เพราะมีมังกร ตอนนี้จะมีวิบัติแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?”

ไม่มีผู้ใดกล้าโต้เถียงกลับ ครั้งที่แล้วเรือนตระกูลฟางมีเสียงก้องกังวานฟ้าดินขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป ครั้นบัดนี้ก็เกิดเหตุการณ์ที่พิลึกเช่นนี้ขึ้นอีก หากไม่ใช่วิบัติแล้วจะเป็นอะไร?

เวลานี้ ตระกูลฟางได้มีชื่อเสียงโด่งดังในเจียงตูโดยสมบูรณ์แล้ว!

กลับมาพูดถึงฝั่งตระกูลฟางบ้าง ช่วงเวลาที่เฟิงหัวกำเนิดขึ้น ขวังซือได้ผ่านฟางจินหยวนไป สาวเท้าหนักแน่นพุ่งไปยังนักเบญจธาตุ เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว ไม่ลังเลที่จะพุ่งไปข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย ราวกับเฟิงหัวที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้นมีกำลังอ่อนแออย่างไรอย่างนั้น มีท่าทางของผู้แข็งแกร่งที่เหยียดหยามทุกอย่าง

และในขณะเดียวกันนี้เอง ดวงตาอันดำสนิทของขวังซือก็กลายเป็นสีแดงฉับพลัน แดงก่ำจนทำให้คนที่ได้เห็นต้องหวาดกลัว สองตาคู่นั้นเฉกเช่นท้องฟ้าสีเลือด ราวกับบ่อน้ำสีเลือดอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างไรอย่างนั้น

ครั้นขวังซืออยู่ๆ ก็เกรี้ยวกราดบ้าคลั่งขึ้นมา เขาอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมสีขาวบริสุทธิ์ จากนั้น ก็ได้ยินเป็นเสียงดังสนั่นที่สั่นสะเทือนพื้นพิภพ ทันใดนั้นพื้นหินสีเขียวเบื้องหน้าเขาก็แตกกระจายทันที ส่งผลให้กระถางพืชพันธุ์สีเขียวแตกกระจายตามไปด้วย จากนั้นก็มีแรงหนึ่งพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า ราวกับมีพลังทำลายล้างที่สามารถทำให้สรรพสิ่งพังพินาศย่อยยับไปอย่างง่ายดายได้ พลังนั้นพุ่งหล่นลงมา และเป้าหมายก็คือเฟิงหัว

พลังนั้นปรากฏขึ้นมาเป็นสีขาว ราวกับแสงสีทองอร่ามบนท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ขึ้นที่พุ่งทะยานไปยังความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด ทำให้ท้องฟ้าอันมืดมิดสว่างขึ้นมาในทันที ส่งผลให้บ้านตระกูลฟางมีแสงสว่างและมืดสลับกัน มองดูราวกับเป็นภาพเหนือธรรมชาติที่พิลึกยิ่ง

เห็นได้ชัดว่าพลังลำแสงสีแดงที่ขวังซือกระจายออกมานั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงหัวก็เป็นดั่งผู้ใหญ่กับเด็กน้อยชกต่อยกัน ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้แม้แต่น้อย โดยเฉพาะเฟิงหัวที่รวมตัวกลายเป็นรูปร่างแล้ว ที่ทั้งเหี้ยมโหดและสุกใสเป็นประกาย เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลาย กวาดล้างทุกสรรพสิ่ง ทั้งสองอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลยแม้แต่น้อย!

ทว่า หญิงหน้ากากพยัคฆ์กลับไม่คิดเช่นนี้ จนกระทั่งเห็นการเปลี่ยนแปลงของขวังซือ ใบหน้าอันเรียวเล็กภายใต้หน้ากากนั้นจึงเคร่งขรึมขึ้นมาไปโดยปริยาย ถูกต้อง เธอสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า พละกำลังของขวังซือในบัดนี้เมื่อเทียบกับอดีตนั้น ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาโดยสิ้นเชิง ระดับปรมาจารย์ก็แบ่งเป็นแข็งแกร่งและอ่อนแอ ขวังซือที่ปกติจะมีดวงตาสีดำสนิท มีพละกำลังปรมาจารย์ระดับต้น เช่นนั้นเขาในบัดนี้ ได้เลื่อนเป็นพละกำลังระดับสูงโดยไม่ต้องสงสัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มองไปยังเฟิงหัวที่แลดูแข็งแกร่งทั้งยังมีพละกำลังสะท้านพิภพ ในสายตาของเธอมันไม่สามารถเทียบกับพลังที่แผ่ซ่านออกมาของขวังซือได้เลย พละกำลังนั้นราวกับกษัตริย์และขุนนางที่ทอดพระเนตรเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งปวงอยู่ใต้ฝ่าเท้า ไร้ซึ่งความเกรงกลัวและเผด็จการ

ราวกับว่าเธอมองเห็นจุดจบของนักเบญจธาตุได้แล้วอย่างไรอย่างนั้น

พลังที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าและพุ่งลงมานั้นเข้ามาประชิดเฟิงหัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หญิงหน้ากากพยัคฆ์ได้ตะโกนขึ้นมาทันที “พลังทั้งหมดมาแล้ว ระวังตัว!”

นักเบญจธาตุราวกับไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ก็ไม่ได้ละเลยในหน้าที่ของตน หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้เอ่ยขึ้นมาลอยๆ โดยไร้เหตุผล จำต้องมีมูลเหตุอันใดเป็นแน่ เพราะถึงอย่างไรความสามารถของเธอก็อยู่เหนือทุกคน เธอสามารถสังเกตเห็นช่องโหว่ที่คนทั่วไปไม่อาจเห็นได้ อีกทั้งที่เธอเอ่ยเตือนขึ้นมาเช่นนั้น จำต้องเห็นสิ่งที่เหนือกว่าที่ตนรวมถึงคนอื่นๆ ไม่ทันได้สังเกตเห็นเป็นแน่

กล่าวได้เลยว่า สายตาของหญิงหน้ากากพยัคฆ์นั้นพิเศษอย่างยิ่ง แม้กระทั่งเธอก็ยังต้องทำสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน

อีกทั้งหลังจากเสียงตะโกนของหญิงหน้ากากพยัคฆ์จบลง ทำให้ความมั่นใจของคนทั้งตระกูลฟางปะทุขึ้นมาทันทีทันใด

ตะโกนทำไม!

การที่เตือนเช่นนั้นก็แสดงว่าเธอเกรงกลัวเข้าแล้ว!

พูดง่ายๆ ก็คือ นั่นหมายความว่าขวังซือสามารถจัดการกับนักเบญจธาตุได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังทำลายล้าง

ผู้คนตระกูลฟางมีขวัญกำลังใจเพิ่มพูนขึ้น ความหวาดกลัวบนใบหน้าของทุกคนสลายหายไปภายในพริบตา แทนที่ด้วยความภาคภูมิใจที่จะได้ชมเรื่องสนุก แม้แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดของฟางจินหยวนเองก็ได้รับความผ่อนคลายและความสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

ตระกูลฟางมีขวังซือ จำต้องสามารถมีชื่อเสียงเลื่องลือไปเป็นร้อยปี อยู่คู่พิภพตลอดไป!

คำชื่นชมนี้ไม่ได้ชมเกินไปแต่อย่างใด ในทางกลับกันยังมีการถ่อมตนด้วย

ความเป็นจริงเป็นอย่างที่ผู้คนตระกูลฟางสัมผัสได้ ขวังซือในบัดนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แกร่งจนทำให้พวกเขานับถือและศรัทธาเพิ่มมากขึ้นอีก

ความสามารถคือทศพิธราชธรรมเพียงหนึ่งเดียว!

ยิ่งขวังซือแข็งแกร่งมากเท่าไร ถึงจะเป็นการรับประกันให้ตระกูลฟางอย่างดีที่สุด!

พละกำลังพุ่งลงมา ขวังซือแนบกายเข้าไปอยู่ในค่ายกลเบญจธาตุ!

เวลานี้ ทั้งตระกูลฟางใจเต้นระรัวอย่างรวดเร็วตามขวังซือ เห็นได้ชัดว่า การกระทำทุกประการของขวังซือ ทำให้คนทั้งตระกูลฟางต้องตกตะลึง ประหลาดใจอย่างถึงที่สุด ในใจของทุกคนล้วนมีความคิดหนึ่ง นั่นคือเจ้าหมอนี่เข้าไปได้อย่างไร?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+