จอมนักรบทรงเกียรติยศ 738 โผ้จวินมาถึงที่ มีเจตนาฆ่า

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 738 โผ้จวินมาถึงที่ มีเจตนาฆ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทียนขุยเอ่ยพูดด้วยสีหน้าโมโห : “แกจงใจนำทางมั่ว ๆ ใช่ไหม? ทำไมเดินตั้งนานแล้วยังไม่ถึงสักที?”

จริงด้วย ตั้งแต่คนเฝ้าประตูนำทางพวกเขา พวกเขายิ่งรีบเดินทาง ก็เหมือนจงใจพาเลี่ยงทางหลัก ส่วนคำอธิบายของคนเฝ้าประตูก็คือ ทางนี้เป็นทางลัด สามารถเดินทางถึงสำนักฉิวหลงได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นทางขรุขระ อีกทั้งมีหญ้าขึ้นรก มองทางได้ยากมากจริง ๆ

ทั้งที่เห็นปลายทางอยู่ชัด ๆ แต่กลับใช้เวลานานกว่าจะไปถึง

ฟางเหยียนยังคงสงบนิ่งเหมือนที่ผ่านมา เอ่ยพูดด้วยเสียงราบเรียบ : “ที่นี่เหมาะจะซุ่มโจมตีได้เป็นอย่างดี”

คนเฝ้าประตูมองไปที่ฟางเหยียนอย่างขี้ขลาด แล้วเอ่ยพูด : “อีกครึ่งทาง ก็จะเห็นสำนักฉิวหลงแล้วครับ”

ทั้งสามคนเดินทางกันต่อ

เมื่อใกล้ถึงครึ่งทาง ก็มองเห็นสำนักฉิวหลงจริง ๆ

ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไป จู่ ๆ ฟางเหยียนก็ได้ยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้พวกเขาหยุดเดิน ทั้งสองคนไม่เข้าใจ เทียนขุยกำลังจะเอ่ยถาม ฟางเหยียนกลับเอ่ยปากก่อนว่า : “ด้านหน้ามีเสียงผู้หญิงร้องไห้”

“ทำไมถึงได้เป็นหล่อน!” คนเฝ้าประตูร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่เมื่อมองเห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน ก็ยิ่งร้องโวยวายออกมา เสียงร้องครั้งนี้ดังขึ้นกว่าครั้งก่อน “ทำไมถึงเป็นเขา!”

เดี๋ยวเป็นหล่อนเดี๋ยวเป็นเขา ทำเอาคนฟังงุนงงไปหมด เห็นได้ชัดว่า เสียงร้องครั้งที่สอง ฟังดูมีความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เหมือนเห็นผีไม่มีผิด

เทียนขุยเอ่ยถาม : “คนคนนั้นเป็นใครกันแน่?”

“เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อ ชื่อหลินเทียน!” น้ำเสียงของคนเฝ้าประตูฟังดูสั่นเครือ ไม่กล้าหันไปมองเลยแม้แต่น้อย เอ่ยพูดด้วยท่าทางก้มหน้า

เทียนขุยถามอีกว่า : “แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครอีก?”

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นสาวรับใช้ประจำตัวของนายน้อยชื่อเสี่ยวหยู่……” คนเฝ้าประตูพูดถึงตรงนี้ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “ดูท่าทางหล่อนเองก็คงหนีเคราะห์กรรมนี้ไปไม่พ้น!”

“อย่าพูดพล่ามอยู่ อ้อมค้อมทำซากอะไร จะให้ฉันหมดความอดทนหรือไง?”

คนเฝ้าประตูยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน : “คืออย่างนี้ครับ ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าผมถูกผู้อาวุโสใหญ่ข่มขู่? ตอนนั้นไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เห็นผู้อาวุโสใหญ่สมคบคิดกับคนนอกเพื่อทำให้สำนักฉิวหลงแตกแยก นอกจากผมแล้วก็มีเสี่ยวหยู่ที่ตื่นมากลางดึกอีกด้วย และตอนนี้เสี่ยวหยู่ก็ถูกพวกมันฆ่าปิดปากเหมือนกัน ดูท่าทางพวกมันคงได้ครอบครองสำนักฉิวหลงแล้วล่ะ”

ฟางเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ตั้งแต่ตัวเองช่วยชีวิตคนเฝ้าประตูเอาไว้ เขาก็เพิ่งพบว่าข้อมูลที่เทียนขุยไปสืบมาดูเหมือนจะมีความผิดพลาด สำนักฉิวหลงไม่ได้กลายเป็นหมารับใช้ของเพลิงเสวน เป็นเพียงแค่ตัวปัญหาบางตัวทำลายทั้งสำนักฉิวหลง และตัวปัญหาตัวนี้ก็คือผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อแห่งสำนักฉิวหลงนั่นเอง

ฆ่าปิดปากคนเฝ้าประตูก่อน จากนั้นก็ฆ่าปิดปากสาวรับใช้ประจำตัวของซ่งหยิง หากเป็นจริงอย่างที่คนเฝ้าประตูพูด เมื่อกำจัดภัยคุกคามพวกนี้แล้ว ต่อไป หลินชื่อคงควบคุมสำนักฉิวหลง ต้องพูดเลยว่า หลินชื่อเป็นคนที่ทำการใหญ่จริง ๆ

เพราะคิดทำการใหญ่ จำเป็นต้องใจเด็ดลงมือโหดเหี้ยม จะมีเมตตากรุณาไม่ได้เด็ดขาด!

เทียนขุยเอ่ยถาม : “จอมพลโผ้จวิน จะช่วยหรือไม่ช่วยครับ?”

แต่ไหนแต่ไรมาฟางเหยียนไม่ใช่ฮีโร่ช่วยชีวิตใคร เขาไม่คิดจะช่วยชีวิตเสี่ยวหยู่เลย แต่ได้ยินเสียงเสี่ยวหยู่ตะโกนจนเสียงแหบแห้ง เกี่ยวกับเรื่องซ่งหยิง

“ศิษย์พี่ใหญ่ ปล่อยฉันไปเถอะนะได้ไหม? เจ้าสำนักซ่งหยิงถูกพวกพี่ควบคุมไว้แล้ว ส่วนครอบครัวรองเจ้าสำนักซ่งอู่ฮุยก็กลายเป็นนักโทษของพวกพี่ไปแล้ว ฉันไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกพี่จริง ๆ พวกพี่ไว้ชีวิตฉันเถอะนะได้ไหม? ฉันยอมเป็นพวกเดียวกับพี่ ยอมเป็นพวกเดียวกัน”

ปึก!

หลินเทียนถีบเสี่ยวหยู่ที่คุกเข่าขอร้องอยู่บนพื้นจนล้มลง เอ่ยพูดอย่างไม่หวั่นไหวเลยสักนิด : “สาวใช้ชั่วเสี่ยวหยู่ ความผิดที่ทำลงไปในวันนี้ คิดจะวางยาพิษฆ่าเจ้าสำนัก ทำให้ตอนนี้เจ้าสำนักหมดสติไม่รู้สึกตัว จากการสารภาพของเสี่ยวหยู่ เธอเป็นตัวอันตรายที่ช่วยซ่งอู่ฮุยก่อความวุ่นวาย คิดลอบฆ่าเจ้าสำนัก แย่งชิงตำแหน่งและอำนาจ วันนี้ถูกพวกเราจับได้ ตามคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่ ตัดสินใจประหารชีวิตเสี่ยวหยู่”

คำพูดที่ฟังดูดีแต่จริง ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น แค่หลอกลวงเท่านั้นเอง ใครใหญ่ที่สุด

ใครก็รู้ทั้งนั้นว่าเรื่องนี้เป็นมายังไง แต่ที่ไม่กล้าสงสัยไม่กล้าเอ่ยพูดอะไร เพราะยังไงหลินเทียนสองพ่อลูกนี่ก็ควบคุมสำนักฉิวหลงไว้แล้ว เมื่อน้ำขึ้นเรือก็ย่อมสูงขึ้น ความมั่นคงไม่อาจถูกทำลายได้ และสิ่งที่พวกเขาทำดูเหมือนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แต่ความเป็นจริงกลับเป็นไฟหย่อมหนึ่ง ที่เผาทำลายศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือของพวกเขา

หากไม่เชื่อฟังคำสั่ง มีแต่ตายสถานเดียว!

เสี่ยวหยู่ลุกขึ้นมา คุกเข่าต่อหน้าหลินเทียน ขอร้องอ้อนวอน : “ไม่นะ ศิษย์พี่ใหญ่ ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น จริง ๆ นะ ไว้ชีวิตฉันเถอะนะ ฉันยอมแลกกับทุกอย่าง รวมถึงร่างกายของฉันด้วย!”

หลินเทียนเหยียบไปที่หัวของเสี่ยวหยู แล้วนั่งยอง มองต่ำเอ่ยพูดด้วยเสียงเบา : “จะโทษก็โทษที่แกเยี่ยวขี้เยอะไปหน่อย ใครใช้ให้แกเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นล่ะ แต่มันไม่สำคัญแล้ว  พวกเราก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ยังไงซะพวกเราก็ไม่สามารถโยกย้ายสั่งการพวกองครักษ์เจ้าตระกูลได้ ดังนั้นจึงต้องให้แกรับกรรมแทน”

“เอาล่ะ ที่ควรรู้และไม่ควรรู้ แกก็ได้รู้ไปหมดแล้ว ตอนนี้แกไปตายได้แล้ว!”

หลินเทียนออกแรงอย่างหนักหน่วง จะกระทืบไปที่ศีรษะของเสี่ยวหยู่ นินจาผู้มีต้าชี่ระดับกลาง แค่เท้าเดียวสามารถทำให้หินก้อนใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้

เสี่ยวหยู่ร้องแผดเสียงด้วยความกลัว : “ไม่!”

“โอ๊ย……เจ็บ……”

ทุกคนงงกันไปหมด พากันเงียบกริบไม่กล้าปริปากพูด ศีรษะของเสี่ยวหยู่ยังไม่เหมือนแตงโมที่ถูกระเบิดออกมา กลับกัน เสียงร้องโหยหวนของหลินเทียนนั้นทำให้ทุกคนใจสั่นกันเป็นแถว

เขาเป็นอะไรไป?

ไม่ใช่น่าจะกระทืบศีรษะของเสี่ยวหยู่จนเละหรอกเหรอ?

ทำไมถึงได้เอามือกุมเท้าร้องเสียงดังแบบนั้น ร้องเหมือนเสียงหมูถูกเชือด?

ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็มีเสียงเย็นชาเหมือนเสียงฟ้าร้องคำราม ระเบิดขึ้นกลางใจของทุกคน

“คนตั้งเยอะแยะรังแกผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ น่าสนุกจริง ๆ”

เมื่อสิ้นเสียง ผู้ชายสามคนได้ปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของทุกคน แต่ตอนที่คนด้านหลังหลินเทียนมองเห็นคนเฝ้าประตูอย่างชัด ๆ นอกจากจะตกตะลึงแล้วก็ยังสับสนอีกด้วย ส่วนคนนอกสองคนนั่น พวกเขาไม่รู้จักอยู่แล้ว แต่คนเฝ้าประตูเป็นคนที่ล้มซ่งอู่ฮุยลงได้ แล้วทำไมเจ้าหมอนี่ถึงมากับคนนอกสองคนล่ะ เขาคิดจะทำอะไร?

หลินเทียนที่ร้องครวญครางเมื่อเห็นคนเฝ้าประตู ก็ตะลึงแล้วตกใจ!

“แก ทำไมแกยังไม่ตาย ไม่ใช่สิ ไม่ใช่……” หลินเทียนเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ : “ลูกน้องพวกนั้นของฉันล่ะ?”

คนเฝ้าประตูทำท่าเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : “ศิษย์พี่ใหญ่ พี่คิดว่าไงล่ะ?”

สะใจ!

ความรู้สึกแบบนี้ มันสะใจเหลือเกิน!

คนเฝ้าประตูรู้สึกสะใจจนแทบอยากจะร้องเพลงออกมาเลยทีเดียว!

ใช่แล้ว!

ก่อนหน้านี้เขาเกือบถูกหลินเทียนฆ่าตาย ตอนนี้เขาสามารถยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างโอหัง โดยเฉพาะสีหน้าที่คาดไม่ถึงของหลินเทียน ทำให้คนเฝ้าประตูตื่นเต้นมาก และดีใจมาก แต่เขารู้ตัวดีว่า ยังได้ใจเกินไปไม่ได้ พละกำลังของหลินเทียนก็เห็นกันอยู่ตรงหน้า

เขาไม่อยากถูกฆ่าตายเพราะตื่นเต้นดีใจ

“ไม่ แกไม่มีทางฆ่าพวกมันได้ พวกมันฆ่าแกได้เหมือนบี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น ทำไมแกยังไม่ตาย” ทันใดนั้น สายตาของเขาก็เลื่อนไปมองที่ฟางเหยียนและเทียนขุย นอกจากเทียนขุยที่ดูทรงพลังแล้ว ผู้ชายที่ดูเหมือนคนขี้โรคนั้นได้ถูกเขามองข้ามไป เขาจ้องเทียนขุย : “เป็นแกใช่ไหมที่ฆ่าพวกมัน?”

“ตาแหลมเหมือนกันนี่นา ดูท่าทางดวงตาคู่นี้ของแกยังมีประโยชน์อยู่บ้างสินะ”

“แกเป็นใครกันแน่!” หลินเทียนไม่ใช่คนโง่ สามารถจัดการลูกน้องของเขาแล้วช่วยคนเฝ้าประตูไว้ได้ จะเป็นพวกคนใจดีได้ยังไง? อีกอย่างเขามองไปที่คนคนนั้น มีรังสีอำมหิตแรงกล้าแผ่ออกมา ไม่รู้ว่ามือเปื้อนเลือดมาเท่าไหร่แล้ว

เทียนขุยยิ้มกว้าง “ฉันเป็นใครแกยังไม่มีสิทธิ์รู้ ฉันอยากถามแก แกคือหลินเทียนที่สมคบคิดกับเพลิงเสวนใส่ร้ายคนบริสุทธิ์ใช่ไหม?”

น้ำเสียงยโสโอหังแบบนี้ ทำให้หลินเทียนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาเป็นใคร เป็นปีศาจที่โดดเด่นเก่งกาจสุดในสำนักฉิวหลง เป็นที่นับหน้าถือตามีความสามารถมากมาย แต่ไหนแต่ไรท่าทางยโสโอหังมาตลอด คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีคนทำให้กลับตาลปัตรอย่างนี้!

ทนไม่ได้ ทนไม่ได้แล้วจริง ๆ!

ตั้งท่าจะต่อสู้ หลินเทียนเตรียมจะลงมือ เขาคิดว่าจะให้ไอ้หมอนี่ได้เห็นสักหน่อย ว่าการดูถูกต้องแลกกับอะไร!

แต่เขายังไม่ทันลงมือ ผู้ชายท่าทางขี้โรคก็เอ่ยปากขึ้นมากะทันหัน

“ฉันก็คือจอมพลโผ้จวินที่ฆ่าเจ้าสำนักของพวกแก!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมนักรบทรงเกียรติยศ 738 โผ้จวินมาถึงที่ มีเจตนาฆ่า

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 738 โผ้จวินมาถึงที่ มีเจตนาฆ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทียนขุยเอ่ยพูดด้วยสีหน้าโมโห : “แกจงใจนำทางมั่ว ๆ ใช่ไหม? ทำไมเดินตั้งนานแล้วยังไม่ถึงสักที?”

จริงด้วย ตั้งแต่คนเฝ้าประตูนำทางพวกเขา พวกเขายิ่งรีบเดินทาง ก็เหมือนจงใจพาเลี่ยงทางหลัก ส่วนคำอธิบายของคนเฝ้าประตูก็คือ ทางนี้เป็นทางลัด สามารถเดินทางถึงสำนักฉิวหลงได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นทางขรุขระ อีกทั้งมีหญ้าขึ้นรก มองทางได้ยากมากจริง ๆ

ทั้งที่เห็นปลายทางอยู่ชัด ๆ แต่กลับใช้เวลานานกว่าจะไปถึง

ฟางเหยียนยังคงสงบนิ่งเหมือนที่ผ่านมา เอ่ยพูดด้วยเสียงราบเรียบ : “ที่นี่เหมาะจะซุ่มโจมตีได้เป็นอย่างดี”

คนเฝ้าประตูมองไปที่ฟางเหยียนอย่างขี้ขลาด แล้วเอ่ยพูด : “อีกครึ่งทาง ก็จะเห็นสำนักฉิวหลงแล้วครับ”

ทั้งสามคนเดินทางกันต่อ

เมื่อใกล้ถึงครึ่งทาง ก็มองเห็นสำนักฉิวหลงจริง ๆ

ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไป จู่ ๆ ฟางเหยียนก็ได้ยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้พวกเขาหยุดเดิน ทั้งสองคนไม่เข้าใจ เทียนขุยกำลังจะเอ่ยถาม ฟางเหยียนกลับเอ่ยปากก่อนว่า : “ด้านหน้ามีเสียงผู้หญิงร้องไห้”

“ทำไมถึงได้เป็นหล่อน!” คนเฝ้าประตูร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่เมื่อมองเห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน ก็ยิ่งร้องโวยวายออกมา เสียงร้องครั้งนี้ดังขึ้นกว่าครั้งก่อน “ทำไมถึงเป็นเขา!”

เดี๋ยวเป็นหล่อนเดี๋ยวเป็นเขา ทำเอาคนฟังงุนงงไปหมด เห็นได้ชัดว่า เสียงร้องครั้งที่สอง ฟังดูมีความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เหมือนเห็นผีไม่มีผิด

เทียนขุยเอ่ยถาม : “คนคนนั้นเป็นใครกันแน่?”

“เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อ ชื่อหลินเทียน!” น้ำเสียงของคนเฝ้าประตูฟังดูสั่นเครือ ไม่กล้าหันไปมองเลยแม้แต่น้อย เอ่ยพูดด้วยท่าทางก้มหน้า

เทียนขุยถามอีกว่า : “แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครอีก?”

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นสาวรับใช้ประจำตัวของนายน้อยชื่อเสี่ยวหยู่……” คนเฝ้าประตูพูดถึงตรงนี้ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “ดูท่าทางหล่อนเองก็คงหนีเคราะห์กรรมนี้ไปไม่พ้น!”

“อย่าพูดพล่ามอยู่ อ้อมค้อมทำซากอะไร จะให้ฉันหมดความอดทนหรือไง?”

คนเฝ้าประตูยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน : “คืออย่างนี้ครับ ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าผมถูกผู้อาวุโสใหญ่ข่มขู่? ตอนนั้นไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เห็นผู้อาวุโสใหญ่สมคบคิดกับคนนอกเพื่อทำให้สำนักฉิวหลงแตกแยก นอกจากผมแล้วก็มีเสี่ยวหยู่ที่ตื่นมากลางดึกอีกด้วย และตอนนี้เสี่ยวหยู่ก็ถูกพวกมันฆ่าปิดปากเหมือนกัน ดูท่าทางพวกมันคงได้ครอบครองสำนักฉิวหลงแล้วล่ะ”

ฟางเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ตั้งแต่ตัวเองช่วยชีวิตคนเฝ้าประตูเอาไว้ เขาก็เพิ่งพบว่าข้อมูลที่เทียนขุยไปสืบมาดูเหมือนจะมีความผิดพลาด สำนักฉิวหลงไม่ได้กลายเป็นหมารับใช้ของเพลิงเสวน เป็นเพียงแค่ตัวปัญหาบางตัวทำลายทั้งสำนักฉิวหลง และตัวปัญหาตัวนี้ก็คือผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อแห่งสำนักฉิวหลงนั่นเอง

ฆ่าปิดปากคนเฝ้าประตูก่อน จากนั้นก็ฆ่าปิดปากสาวรับใช้ประจำตัวของซ่งหยิง หากเป็นจริงอย่างที่คนเฝ้าประตูพูด เมื่อกำจัดภัยคุกคามพวกนี้แล้ว ต่อไป หลินชื่อคงควบคุมสำนักฉิวหลง ต้องพูดเลยว่า หลินชื่อเป็นคนที่ทำการใหญ่จริง ๆ

เพราะคิดทำการใหญ่ จำเป็นต้องใจเด็ดลงมือโหดเหี้ยม จะมีเมตตากรุณาไม่ได้เด็ดขาด!

เทียนขุยเอ่ยถาม : “จอมพลโผ้จวิน จะช่วยหรือไม่ช่วยครับ?”

แต่ไหนแต่ไรมาฟางเหยียนไม่ใช่ฮีโร่ช่วยชีวิตใคร เขาไม่คิดจะช่วยชีวิตเสี่ยวหยู่เลย แต่ได้ยินเสียงเสี่ยวหยู่ตะโกนจนเสียงแหบแห้ง เกี่ยวกับเรื่องซ่งหยิง

“ศิษย์พี่ใหญ่ ปล่อยฉันไปเถอะนะได้ไหม? เจ้าสำนักซ่งหยิงถูกพวกพี่ควบคุมไว้แล้ว ส่วนครอบครัวรองเจ้าสำนักซ่งอู่ฮุยก็กลายเป็นนักโทษของพวกพี่ไปแล้ว ฉันไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกพี่จริง ๆ พวกพี่ไว้ชีวิตฉันเถอะนะได้ไหม? ฉันยอมเป็นพวกเดียวกับพี่ ยอมเป็นพวกเดียวกัน”

ปึก!

หลินเทียนถีบเสี่ยวหยู่ที่คุกเข่าขอร้องอยู่บนพื้นจนล้มลง เอ่ยพูดอย่างไม่หวั่นไหวเลยสักนิด : “สาวใช้ชั่วเสี่ยวหยู่ ความผิดที่ทำลงไปในวันนี้ คิดจะวางยาพิษฆ่าเจ้าสำนัก ทำให้ตอนนี้เจ้าสำนักหมดสติไม่รู้สึกตัว จากการสารภาพของเสี่ยวหยู่ เธอเป็นตัวอันตรายที่ช่วยซ่งอู่ฮุยก่อความวุ่นวาย คิดลอบฆ่าเจ้าสำนัก แย่งชิงตำแหน่งและอำนาจ วันนี้ถูกพวกเราจับได้ ตามคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่ ตัดสินใจประหารชีวิตเสี่ยวหยู่”

คำพูดที่ฟังดูดีแต่จริง ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น แค่หลอกลวงเท่านั้นเอง ใครใหญ่ที่สุด

ใครก็รู้ทั้งนั้นว่าเรื่องนี้เป็นมายังไง แต่ที่ไม่กล้าสงสัยไม่กล้าเอ่ยพูดอะไร เพราะยังไงหลินเทียนสองพ่อลูกนี่ก็ควบคุมสำนักฉิวหลงไว้แล้ว เมื่อน้ำขึ้นเรือก็ย่อมสูงขึ้น ความมั่นคงไม่อาจถูกทำลายได้ และสิ่งที่พวกเขาทำดูเหมือนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แต่ความเป็นจริงกลับเป็นไฟหย่อมหนึ่ง ที่เผาทำลายศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือของพวกเขา

หากไม่เชื่อฟังคำสั่ง มีแต่ตายสถานเดียว!

เสี่ยวหยู่ลุกขึ้นมา คุกเข่าต่อหน้าหลินเทียน ขอร้องอ้อนวอน : “ไม่นะ ศิษย์พี่ใหญ่ ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น จริง ๆ นะ ไว้ชีวิตฉันเถอะนะ ฉันยอมแลกกับทุกอย่าง รวมถึงร่างกายของฉันด้วย!”

หลินเทียนเหยียบไปที่หัวของเสี่ยวหยู แล้วนั่งยอง มองต่ำเอ่ยพูดด้วยเสียงเบา : “จะโทษก็โทษที่แกเยี่ยวขี้เยอะไปหน่อย ใครใช้ให้แกเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นล่ะ แต่มันไม่สำคัญแล้ว  พวกเราก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ยังไงซะพวกเราก็ไม่สามารถโยกย้ายสั่งการพวกองครักษ์เจ้าตระกูลได้ ดังนั้นจึงต้องให้แกรับกรรมแทน”

“เอาล่ะ ที่ควรรู้และไม่ควรรู้ แกก็ได้รู้ไปหมดแล้ว ตอนนี้แกไปตายได้แล้ว!”

หลินเทียนออกแรงอย่างหนักหน่วง จะกระทืบไปที่ศีรษะของเสี่ยวหยู่ นินจาผู้มีต้าชี่ระดับกลาง แค่เท้าเดียวสามารถทำให้หินก้อนใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้

เสี่ยวหยู่ร้องแผดเสียงด้วยความกลัว : “ไม่!”

“โอ๊ย……เจ็บ……”

ทุกคนงงกันไปหมด พากันเงียบกริบไม่กล้าปริปากพูด ศีรษะของเสี่ยวหยู่ยังไม่เหมือนแตงโมที่ถูกระเบิดออกมา กลับกัน เสียงร้องโหยหวนของหลินเทียนนั้นทำให้ทุกคนใจสั่นกันเป็นแถว

เขาเป็นอะไรไป?

ไม่ใช่น่าจะกระทืบศีรษะของเสี่ยวหยู่จนเละหรอกเหรอ?

ทำไมถึงได้เอามือกุมเท้าร้องเสียงดังแบบนั้น ร้องเหมือนเสียงหมูถูกเชือด?

ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็มีเสียงเย็นชาเหมือนเสียงฟ้าร้องคำราม ระเบิดขึ้นกลางใจของทุกคน

“คนตั้งเยอะแยะรังแกผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ น่าสนุกจริง ๆ”

เมื่อสิ้นเสียง ผู้ชายสามคนได้ปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของทุกคน แต่ตอนที่คนด้านหลังหลินเทียนมองเห็นคนเฝ้าประตูอย่างชัด ๆ นอกจากจะตกตะลึงแล้วก็ยังสับสนอีกด้วย ส่วนคนนอกสองคนนั่น พวกเขาไม่รู้จักอยู่แล้ว แต่คนเฝ้าประตูเป็นคนที่ล้มซ่งอู่ฮุยลงได้ แล้วทำไมเจ้าหมอนี่ถึงมากับคนนอกสองคนล่ะ เขาคิดจะทำอะไร?

หลินเทียนที่ร้องครวญครางเมื่อเห็นคนเฝ้าประตู ก็ตะลึงแล้วตกใจ!

“แก ทำไมแกยังไม่ตาย ไม่ใช่สิ ไม่ใช่……” หลินเทียนเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ : “ลูกน้องพวกนั้นของฉันล่ะ?”

คนเฝ้าประตูทำท่าเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : “ศิษย์พี่ใหญ่ พี่คิดว่าไงล่ะ?”

สะใจ!

ความรู้สึกแบบนี้ มันสะใจเหลือเกิน!

คนเฝ้าประตูรู้สึกสะใจจนแทบอยากจะร้องเพลงออกมาเลยทีเดียว!

ใช่แล้ว!

ก่อนหน้านี้เขาเกือบถูกหลินเทียนฆ่าตาย ตอนนี้เขาสามารถยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างโอหัง โดยเฉพาะสีหน้าที่คาดไม่ถึงของหลินเทียน ทำให้คนเฝ้าประตูตื่นเต้นมาก และดีใจมาก แต่เขารู้ตัวดีว่า ยังได้ใจเกินไปไม่ได้ พละกำลังของหลินเทียนก็เห็นกันอยู่ตรงหน้า

เขาไม่อยากถูกฆ่าตายเพราะตื่นเต้นดีใจ

“ไม่ แกไม่มีทางฆ่าพวกมันได้ พวกมันฆ่าแกได้เหมือนบี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น ทำไมแกยังไม่ตาย” ทันใดนั้น สายตาของเขาก็เลื่อนไปมองที่ฟางเหยียนและเทียนขุย นอกจากเทียนขุยที่ดูทรงพลังแล้ว ผู้ชายที่ดูเหมือนคนขี้โรคนั้นได้ถูกเขามองข้ามไป เขาจ้องเทียนขุย : “เป็นแกใช่ไหมที่ฆ่าพวกมัน?”

“ตาแหลมเหมือนกันนี่นา ดูท่าทางดวงตาคู่นี้ของแกยังมีประโยชน์อยู่บ้างสินะ”

“แกเป็นใครกันแน่!” หลินเทียนไม่ใช่คนโง่ สามารถจัดการลูกน้องของเขาแล้วช่วยคนเฝ้าประตูไว้ได้ จะเป็นพวกคนใจดีได้ยังไง? อีกอย่างเขามองไปที่คนคนนั้น มีรังสีอำมหิตแรงกล้าแผ่ออกมา ไม่รู้ว่ามือเปื้อนเลือดมาเท่าไหร่แล้ว

เทียนขุยยิ้มกว้าง “ฉันเป็นใครแกยังไม่มีสิทธิ์รู้ ฉันอยากถามแก แกคือหลินเทียนที่สมคบคิดกับเพลิงเสวนใส่ร้ายคนบริสุทธิ์ใช่ไหม?”

น้ำเสียงยโสโอหังแบบนี้ ทำให้หลินเทียนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาเป็นใคร เป็นปีศาจที่โดดเด่นเก่งกาจสุดในสำนักฉิวหลง เป็นที่นับหน้าถือตามีความสามารถมากมาย แต่ไหนแต่ไรท่าทางยโสโอหังมาตลอด คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีคนทำให้กลับตาลปัตรอย่างนี้!

ทนไม่ได้ ทนไม่ได้แล้วจริง ๆ!

ตั้งท่าจะต่อสู้ หลินเทียนเตรียมจะลงมือ เขาคิดว่าจะให้ไอ้หมอนี่ได้เห็นสักหน่อย ว่าการดูถูกต้องแลกกับอะไร!

แต่เขายังไม่ทันลงมือ ผู้ชายท่าทางขี้โรคก็เอ่ยปากขึ้นมากะทันหัน

“ฉันก็คือจอมพลโผ้จวินที่ฆ่าเจ้าสำนักของพวกแก!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+