จอมศาสตราพลิกดารา 121 ถ่ายทอดวิชา

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 121 ถ่ายทอดวิชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่ทักษะการปลอบโยนของหลี่มู่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเทียบกับความสามารถในการฆ่าคนไม่ได้เลย ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่ได้ดีสักเท่าไหร่

ผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง แม่เฒ่าไช่ตั้งสติกลับมาได้เล็กน้อย

หญิงชรารีบเตือนให้หลี่มู่รีบจากไปอีกครั้ง “หม่าซานนั่น สมุนของมันไม่ได้มีแค่พวกอันธพาลยอมถวายหัวให้เท่านั้น แม้แต่ขุนนางในตำบลก็มีบางคนให้ท้าย ไต้ซือบ้าบอฆ่าคนของพวกมัน พวกขุนนางจะต้องไม่ปล่อยท่านไป ต้องมาจับเจ้าไปขึ้นศาลแน่ ไต้ซือบ้าบอรีบไปจากตำบลสุขสงบเสียเถอะ”

ไช่ไช่มองหลี่มู่ตาปริบๆ

นางหวังว่าจะได้ร่ำเรียนวิชาอย่างหลี่มู่ไว้ปกป้องย่า แต่ได้ยินย่าพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าตอนนี้หลี่มู่ต้องรีบไป มิฉะนั้นจะอันตรายมาก ดังนั้นนางจะเอ่ยปากร้องขออีกไม่ได้

เด็กบ้านยากจนมักจะรู้เรื่องเร็วยิ่งกว่า

“อามิตตาพุทธ” หลี่มู่เสพติดการเป็นพระปลอมแล้ว เอ่ยนามพุทธองค์ไปตามปากอีก “ท่านยายวางใจเถอะ อาตมาย่อมมีวิธีจัดการคนชั่วพวกนี้ ขุนนางก็ต้องพูดจาด้วยเหตุด้วยผล…ครั้งนี้ในเมื่อเจอเรื่องแบบนี้ เช่นนั้นอาตมาก็ควรกำจัดเนื้อร้ายพวกนี้เพื่อชาวตำบลสุขสงบ และมอบความสงบสุขให้กับประชาชนที่ใสซื่อจิตใจดี” ในใจของเขาก็คิดเช่นนี้จริงๆ

หลี่มู่จำต้องยอมรับ เขาที่ดูถูกพ่อพระแม่พระมาโดยตลอด ตอนนี้กลับมีแนวโน้มเป็นพ่อพระแม่พระขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

เมื่อปลอบโยนแม่เฒ่าไช่และไช่ไช่แล้ว เขาก็ยังไม่จากไป

เขาลากศพอันธพาลที่อยู่ในสวนพวกนั้นออกไป หาสุสานรกร้างแล้วฝังอย่างลวกๆ

จากนั้นเขาก็กลับมาบ้านแม่เฒ่าไช่อีก

แม่เฒ่าไช่กำลังเก็บของ คิดจะพาไช่ไช่น้อยหนีไปจากที่นี่

ถึงแม้หวงหย่งจะกลัวหนีไปแล้ว แต่ยากจะรับประกันว่าหม่าซานอันธพาลพวกนี้จะไม่มารังควานอีก อีกทั้งในลานบ้านมีคนตาย ทางการจะต้องมาสอบสวนแน่ ถึงตอนนั้นพวกขุนนางชั่วลูกสมุนของผู้ดูแลคนใหม่ จะต้องสาดโคลนใส่พวกนางสองย่าหลาน ก็เป็นเคราะห์ภัยอีกเช่นกัน

“ท่านยาย อันที่จริงพวกท่านไม่ต้องหนีหรอก วางใจเถอะ อาตมารับประกัน ต่อไปตำบลสุขสงบจะไม่มีอันธพาลอีกต่อไป ผู้ดูแลคนนั้นจะไม่กล้าทำร้ายทุกคนอีก” หลี่มู่พูดอย่างมั่นใจ

แม่เฒ่าไช่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

แต่ที่จริงในชนบทนางก็ไม่มีญาติพี่น้องเหลือนานแล้ว พาไช่ไช่หลบหนีก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ระหว่างทางจะเจออันตรายอะไรหรือไม่ นางลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจอยู่ที่นี่ไปก่อนชั่วคราว ดูสถานการณ์แล้วค่อยว่ากัน

“พี่ชายบ้าบอ ท่านสอนวิชาให้ข้าได้หรือไม่?” ในที่สุดไช่ไช่ก็รวบรวมความกล้าหาญ แตะแขนเสื้อของหลี่มู่เบาๆ “ไช่ไช่อยากเป็นเหมือนกับท่าน แบบนี้ก็จะปกป้องท่านย่าได้แล้ว”

ความคิดของเด็กน้อยมักจะบริสุทธิ์และงดงาม

แรงขับเคลื่อนในการฝึกยุทธ์ของนางไม่ใช่เพื่อกลายเป็นชาวยุทธจักรอะไรพวกนั้น ไม่ใช่เพื่อมีชื่อเสียง ยิ่งไม่ใช่เพื่อล้างแค้น แต่แค่อยากจะปกป้องท่านย่าที่พึ่งพิงซึ่งกันและกันไม่ให้ถูกรังแก

หลี่มู่คิดๆ ดูแล้วก็พยักหน้าตกลง

หาปลามาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับปลาให้

หากไช่ไช่เป็นวิทยายุทธ์ บางทีวันข้างหน้าอาจสบายขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง และทำให้ชีวิตของย่าสบายขึ้นได้บ้าง

“ดีจริงๆ ขอบคุณพี่ชายบ้าบอเจ้าค่ะ” ไช่ไช่ดีใจกระโดดโลดเต้น

หลี่มู่จนคำพูด

“วันหลังเรียกข้าว่าพี่ชายไปเลยก็แล้วกัน” เขาบอก

วันนี้ไม่ควรเลือกฉายาทางธรรมนี้เพื่อความขำขันไร้สาระเลยจริงๆ

เขากำลังขบคิดในใจว่าควรจะถ่ายทอดวิชาอะไรให้ไช่ไช่ดี

‘วิชาก่อนกำเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ เกี่ยวพันกับเรื่องสำคัญ หากยังไม่ได้รับอนุญาตจากซินแสเฒ่าก็ไม่อาจถ่ายทอดให้กับผู้อื่นได้ อีกทั้งเมื่อแพร่งพรายออกไปจะต้องดึงความสนใจจากโลกวิถียุทธ์ใบนี้แน่นอน หากถ่ายทอดให้กับไช่ไช่ไปจะกลายเป็นเคราะห์ภัยต่อนาง

ส่วน ‘หกดาบวายุเมฆา’ วิชาดาบที่อาศัยการผลักดันจากกายเนื้ออันแข็งแกร่งล้วนๆ ไช่ไช่ไม่อาจฝึกฝนได้เลย

ดีที่หลายวันก่อนหน้านี้ หลี่มู่ขูดรีดและแย่งชิงตำราเคล็ดวิชาต่อสู้จากสำนักในยุทธจักรอย่างพรรคมังกรฟ้าและสำนักเขี้ยวพยัคฆ์มาได้ไม่น้อย เคล็ดวิชาเข้าขั้นทั้งหมดในนั้น เขาเปิดอ่านศึกษาจำจนขึ้นใจ บรรลุอย่างถ่องแท้แล้วทั้งหมด หลี่มู่ในตอนนี้คือคลังตำราลับเคลื่อนที่ในร่างคนชัดๆ ดังนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีวิชาถ่ายทอดให้

หลังจากที่คิดทบทวนไปรอบหนึ่ง หลี่มู่ก็เลือกถ่ายทอดวิชาชื่อว่า ‘เคล็ดฝึกปราณอายุยืนยาว’ ให้กับไช่ไช่

นี่เป็นเคล็ดฝึกลมปราณที่พรรคมังกรฟ้ามอบให้กับหลี่มู่เพื่อไถ่ตัว ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนไป

‘วิชาฝึกปราณอายุยืนยาว’ ไม่มีเงื่อนไขด้านความแข็งแกร่งของร่างกายเท่าใดนัก คนธรรมดาก็ฝึกฝนได้ และไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเพื่อฝึกฝนอะไรมาก ค่อนข้างหนักไปในด้านดูแลสุขภาพ ฝึกฝนอวัยวะภายใน สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรง ขั้นตอนการฝึกฝนค่อนข้างนุ่มนวล ช้าเนิบ ให้ความสำคัญกับการ ‘ไม่กระทำปล่อยไปตามครรลอง’ เงื่อนไขทางด้านจิตใจค่อนข้างสูง แต่สามารถสำแดงพลังในช่วงหลังได้ หากฝึกฝนจนถึงขั้นลึกจะไปถึงได้กระทั่งขั้นยอดปรมาจารย์ เป็นวิชาระดับแปดขึ้นไป

ในขณะเดียวกัน วิชานี้ยังมีข้อดีอีกข้อหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะฝึกฝนถึงขั้นไหนแล้วเปลี่ยนไปฝึกวิชาอื่นก็ตาม จะไม่เกิดการต่อต้านใดๆ ไม่จำเป็นต้องสลายพลัง จึงสามารถใช้เป็นวิชาแรกฝึกได้อย่างดีเยี่ยม

เพียงแต่วิชานี้ให้ความสำคัญกับการเป็นไปตามธรรมชาติ จะรีบร้อนไม่ได้ การพัฒนาฝึกฝนช้า ไม่สามารถสร้างพลังสังหารที่แข็งแกร่งได้ในทันที ดังนั้นในหมู่สำนักในยุทธจักรจึงไม่นิยม คนที่เลือกฝึกวิชานี้ก็น้อยมาก

แต่สำหรับไช่ไช่ วิชาเช่นนี้เหมาะสมเป็นที่สุด

หลี่มู่เรียกไช่ไช่มา อธิบายเคล็ดควบคุมจิตใจและเงื่อนไขการฝึกฝนของวิชานี้ให้นางฟังอย่างละเอียด

เด็กน้อยปีนี้สิบขวบแล้ว แต่ไม่เคยสัมผัสกับความรู้ด้านการฝึกฝนวรยุทธ์ใดๆ ไม่มีความรู้อะไรในหลายๆ ด้าน กระทั่งว่าพูดอธิบายหลายรอบก็เพิ่งจะบรรลุได้เล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงเรียนได้ช้ามาก และเมื่อยิ่งช้าก็ยิ่งร้อนรน ยิ่งพลาดได้ง่ายขึ้น เจออุปสรรคไม่ราบรื่น นางร้อนใจจนน้ำตาใกล้จะร่วงเต็มที

แต่หลี่มู่ก็มีความอดทนอย่างมาก

เขาไม่ว่ากล่าวเลย อธิบายให้นางฟังทีละเล็กทีละน้อย ถึงขั้นสาธิตให้ดูด้วยตัวเอง ไม่มีสีหน้ารำคาญหมดความอดทนเลยแม้แต่น้อย

แม่เฒ่าไช่เห็นภาพนี้ ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก นึกดีใจแทนหลานสาวของตน

ถึงแม้นางจะเป็นเพียงแค่ชาวบ้านบ้านนอก แต่ก็รู้ว่าโอกาสเช่นนี้สำหรับไช่ไช่แล้วมีไม่มากนัก

ในโลกใบนี้ วิชาฝึกฝนลมปราณทั้งหลาย โดยพื้นฐานแล้วเป็นวิชากำหนดลมหายใจ จะต้องมีท่านั่งสงบจิตเฉพาะคู่กับจังหวะและวิธีการหายใจเฉพาะ ใช้การทำสมาธิเหนี่ยวนำกระแสอากาศให้โคจรภายในกาย คล้ายกับวิชาชี่กงของโลก เห็นได้ว่าวิชาฝึกฝนภายใน ต่อให้ห่างกันจักรวาลกั้นก็เป็นเช่นนี้ แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ประมาณหนึ่งชั่วยาม ไช่ไช่น้อยก็นับว่าเข้าใจ ‘เคล็ดฝึกปราณอายุยืนยาว’ แล้ว

“เริ่มจากวิชานี้ นานวันไปเจ้าจะรู้สึกว่าพลัง ความเร็ว ปฏิกิริยา และด้านอื่นๆของเจ้ายกระดับขึ้น ร่างกายก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกอย่างสำคัญที่อดทน จำต้องฝึกฝนเช้ากลางวันเย็นทุกวัน และพากเพียรไม่ลดละจึงจะประสบผล”

หลี่มู่สอนอย่างอดทน

ไช่ไช่น้อยฟังอย่างตั้งใจ พร้อมพยักหน้าหงึกๆ

แต่นางจะไปได้ถึงขั้นไหน หลี่มู่ก็มองไม่ออกเช่นกัน

ในเมื่อประสบการณ์และมุมมองของเขายังตื้นเขิน ไม่อาจเทียบกับบุคคลขั้นยอดปรมาจารย์เช่นกัวอวี่ชิงได้ กระทั่งตอนนี้เขาไม่อาจยืนยันได้ว่าไช่ไช่น้อยมีพรสวรรค์ฝึกฝนวิทยายุทธ์หรือไม่ด้วยซ้ำ

หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นลง หลี่มู่ก็ไปจากบ้านของแม่เฒ่าไช่

เขาจะไปหาพวกหม่าซานแล้ว

เหตุที่ให้อันธพาลหวงหย่งกลับไปเตือนหม่าซาน ความคิดของหลี่มู่นั้นเรียบง่ายมาก…หลังจากทำให้หม่าซานเกิดความกลัวจนเรียกรวมพลลูกสมุน กระทั่งขอความช่วยเหลือจากที่พึ่งขุนนางทั้งหลายเบื้องหลัง เช่นนี้แล้วพวกขั้วอำนาจชั่วรวมตัวอยู่ด้วยกัน ก็ประหยัดแรงให้เขาไม่ต้องไปหาทีละคน จัดการไปพร้อมกันเสียทีเดียวเลย

……

“อะไรนะ?”

คฤหาสน์แห่งหนึ่งทางด้านตะวันออกของตำบลสุขสงบ เยื้องไปทางตะวันตกของสะพานสุขสงบ หม่าซานที่กลัวระคนแค้น เมื่อฟังคำของหวงหย่งจบก็ตบโต๊ะลุกพรวดขึ้น โมโหจนเขวี้ยงจอกเหล้าในมือทิ้ง

“เจ้าโล้นเวรรนหาที่ตาย”

เขาพูดพลางกัดฟันกรอด

“มันพูดจริงหรือว่าจะมาฆ่าข้าคืนนี้?” หม่าซานหน้ายาวเหมือนม้า บีบลูกเหล็กในมือขยับหมุนไม่หยุด พร้อมถามขึ้น “พูดว่าจะมาเมื่อไหร่หรือไม่?”

หวงหย่งรีบตอบ “ไม่ได้บอก แค่พูดว่าคืนนี้…ท่านหม่า เจ้าโล้นเวรนั่นพลังค่อนข้างแข็งแกร่ง จัดการยากยิ่งกว่าคนนอกถิ่นเมื่อหลายวันก่อนนัก อีกทั้งลงมือได้เหี้ยมโหดอำมหิต ฆ่าคนไม่ใจอ่อนเลย ต้องป้องกันเอาไว้นะ” เขาใส่สีตีไข่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านแม่เฒ่าไช่ เน้นบรรยายเหตุการณ์ที่หลี่มู่ลงมือเป็นพิเศษ

หม่าซานฟังจบแล้วก็ขมวดคิ้ว

เขาตระหนักได้ว่าเรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ไม่นึกว่าจะเสียการควบคุมไปบ้าง

คิดไม่ถึงว่าเจ้าโล้นฉายาทางธรรมบ้าบอนั่นจะจัดการยากถึงขนาดนี้

อีกทั้งเจ้าโล้นนี่ไปปรากฏตัวขึ้นที่บ้านแม่เฒ่าไช่ได้ทันเวลา ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน จากอีกด้านหนึ่งก็อธิบายได้ว่า มันเริ่มวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งใจตามไปโดยเฉพาะ…อืม เจ้าโล้นนี่ตั้งใจหาเรื่องชัดๆ

“รวบรวมพี่น้องทั้งหมดมา กลับไปป้องกันวางกับดักที่ตำบล เปิดกับดักกลไกทั้งหมด ขนธนูหน้าไม้ในโกดังออกมาแจกจ่าย บอกทุกคนให้ทำลูกธนูอาบยาพิษไว้ เตรียมยาสลบเอาไว้ให้ดี…ฮี่ๆ ข้าไม่เชื่อว่าคนร่างกายมีเลือดมีเนื้อจะฝ่ากับดักมากมายของพวกเราไปได้”

หม่าซานโมโหแล้ว

หลังจากที่เขาชิงคฤหาสน์แห่งนี้มาได้ก็ทุ่มเทกายใจดูแล วางกับดักไม่รู้ต่อเท่าไหร่เอาไว้ทุกที่

นอกจากนั้น เขายังแอบซื้ออาวุธสงครามบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นธนูที่สามารถทำลายการป้องกันกำลังภายในและธนูเจาะเกราะ ซ้ำยังซื้อยาสลบ ยาพิษ ของประเภทนี้มาจากคนในยุทธจักร จัดการทำให้ทั่วทั้งคฤหาสน์แห่งนี้แข็งแกร่งราวกับปราสาท ก็เพื่อป้องกันเผื่อวันใดจะเกิดสถานการณ์อย่างเช่นวันนี้

หม่าซานไม่เชื่อว่า ภายใต้การเตรียมตัวที่พร้อมสมบูรณ์ และการล้อมป้องกันโดยลูกสมุนที่ติดอาวุธครบครันไปยันฟันสามร้อยกว่าคน เณรนั่นจะสร้างความวุ่นวายและคุกคามมาจนถึงตนได้?

แน่นอน เพื่อรับประกันว่าจะสำเร็จแน่ หม่าซานยังเตรียมการอย่างอื่นอีกด้วย

“ไปศาลาว่าการหาใต้เท้าซ่งและกุนซือหลิว ให้พวกเขาส่งมือปราบที่ตำบลมาช่วย…ฮี่ๆ ไอ้โล้นเวรนี่กล้าฆ่าคนตำบลสุขสงบ ทำผิดกฎหมายจักรวรรดิ ข้าว่ามันคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ให้ทางการจัดการมันด้วยเลย ฮี่ๆ หากจัดการไปพร้อมกันสองทาง เจ้าโล้นเวรนี่ต่อให้ติดปีกก็ยากจะบินหนีได้”

หม่าซานสั่งการทุกอย่างเสร็จ ความกระวนกระวายในใจแต่เดิมก็หายไป กลับกลายเป็นมั่นใจเต็มเปี่ยม

เขาถึงขั้นเริ่มเฝ้ารอการมาถึงของเณรที่ชื่อว่าบ้าบอแล้ว

‘ถึงตอนนั้นข้าจะตัดแขนขา ตัดลิ้น ทำให้มันเป็นมนุษย์สุกร[1]ซะ ให้มันทุกข์ทรมานคร่ำครวญอยู่สี่สิบเก้าวัน ถึงตอนนั้น ข้าจะดูซิว่าใครมันกล้าเป็นศัตรูกับข้าอีก’

เขายิ้มเหี้ยมเกรียม พลางคิดอย่างได้ใจ

……………………………………………………

[1] มนุษย์สุกร เป็นวิธีลงโทษคนที่โหดเหี้ยมทารุณเป็นอย่างมาก จะตัดแขน ขา ควักลูกตาทิ้ง ใช้ทองแดงกรอกหูทำให้หูหนวก กรอกยาทำให้เป็นใบ้ และตัดลิ้น บางรายอาจเพิ่มตัดจมูก โกนผมและขน แล้วทายาไม่ให้ผมและขนขึ้น จากนั้นก็นำไปทิ้งไว้ในกองอาจม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดารา 121 ถ่ายทอดวิชา

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 121 ถ่ายทอดวิชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่ทักษะการปลอบโยนของหลี่มู่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเทียบกับความสามารถในการฆ่าคนไม่ได้เลย ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่ได้ดีสักเท่าไหร่

ผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง แม่เฒ่าไช่ตั้งสติกลับมาได้เล็กน้อย

หญิงชรารีบเตือนให้หลี่มู่รีบจากไปอีกครั้ง “หม่าซานนั่น สมุนของมันไม่ได้มีแค่พวกอันธพาลยอมถวายหัวให้เท่านั้น แม้แต่ขุนนางในตำบลก็มีบางคนให้ท้าย ไต้ซือบ้าบอฆ่าคนของพวกมัน พวกขุนนางจะต้องไม่ปล่อยท่านไป ต้องมาจับเจ้าไปขึ้นศาลแน่ ไต้ซือบ้าบอรีบไปจากตำบลสุขสงบเสียเถอะ”

ไช่ไช่มองหลี่มู่ตาปริบๆ

นางหวังว่าจะได้ร่ำเรียนวิชาอย่างหลี่มู่ไว้ปกป้องย่า แต่ได้ยินย่าพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าตอนนี้หลี่มู่ต้องรีบไป มิฉะนั้นจะอันตรายมาก ดังนั้นนางจะเอ่ยปากร้องขออีกไม่ได้

เด็กบ้านยากจนมักจะรู้เรื่องเร็วยิ่งกว่า

“อามิตตาพุทธ” หลี่มู่เสพติดการเป็นพระปลอมแล้ว เอ่ยนามพุทธองค์ไปตามปากอีก “ท่านยายวางใจเถอะ อาตมาย่อมมีวิธีจัดการคนชั่วพวกนี้ ขุนนางก็ต้องพูดจาด้วยเหตุด้วยผล…ครั้งนี้ในเมื่อเจอเรื่องแบบนี้ เช่นนั้นอาตมาก็ควรกำจัดเนื้อร้ายพวกนี้เพื่อชาวตำบลสุขสงบ และมอบความสงบสุขให้กับประชาชนที่ใสซื่อจิตใจดี” ในใจของเขาก็คิดเช่นนี้จริงๆ

หลี่มู่จำต้องยอมรับ เขาที่ดูถูกพ่อพระแม่พระมาโดยตลอด ตอนนี้กลับมีแนวโน้มเป็นพ่อพระแม่พระขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

เมื่อปลอบโยนแม่เฒ่าไช่และไช่ไช่แล้ว เขาก็ยังไม่จากไป

เขาลากศพอันธพาลที่อยู่ในสวนพวกนั้นออกไป หาสุสานรกร้างแล้วฝังอย่างลวกๆ

จากนั้นเขาก็กลับมาบ้านแม่เฒ่าไช่อีก

แม่เฒ่าไช่กำลังเก็บของ คิดจะพาไช่ไช่น้อยหนีไปจากที่นี่

ถึงแม้หวงหย่งจะกลัวหนีไปแล้ว แต่ยากจะรับประกันว่าหม่าซานอันธพาลพวกนี้จะไม่มารังควานอีก อีกทั้งในลานบ้านมีคนตาย ทางการจะต้องมาสอบสวนแน่ ถึงตอนนั้นพวกขุนนางชั่วลูกสมุนของผู้ดูแลคนใหม่ จะต้องสาดโคลนใส่พวกนางสองย่าหลาน ก็เป็นเคราะห์ภัยอีกเช่นกัน

“ท่านยาย อันที่จริงพวกท่านไม่ต้องหนีหรอก วางใจเถอะ อาตมารับประกัน ต่อไปตำบลสุขสงบจะไม่มีอันธพาลอีกต่อไป ผู้ดูแลคนนั้นจะไม่กล้าทำร้ายทุกคนอีก” หลี่มู่พูดอย่างมั่นใจ

แม่เฒ่าไช่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

แต่ที่จริงในชนบทนางก็ไม่มีญาติพี่น้องเหลือนานแล้ว พาไช่ไช่หลบหนีก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ระหว่างทางจะเจออันตรายอะไรหรือไม่ นางลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจอยู่ที่นี่ไปก่อนชั่วคราว ดูสถานการณ์แล้วค่อยว่ากัน

“พี่ชายบ้าบอ ท่านสอนวิชาให้ข้าได้หรือไม่?” ในที่สุดไช่ไช่ก็รวบรวมความกล้าหาญ แตะแขนเสื้อของหลี่มู่เบาๆ “ไช่ไช่อยากเป็นเหมือนกับท่าน แบบนี้ก็จะปกป้องท่านย่าได้แล้ว”

ความคิดของเด็กน้อยมักจะบริสุทธิ์และงดงาม

แรงขับเคลื่อนในการฝึกยุทธ์ของนางไม่ใช่เพื่อกลายเป็นชาวยุทธจักรอะไรพวกนั้น ไม่ใช่เพื่อมีชื่อเสียง ยิ่งไม่ใช่เพื่อล้างแค้น แต่แค่อยากจะปกป้องท่านย่าที่พึ่งพิงซึ่งกันและกันไม่ให้ถูกรังแก

หลี่มู่คิดๆ ดูแล้วก็พยักหน้าตกลง

หาปลามาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับปลาให้

หากไช่ไช่เป็นวิทยายุทธ์ บางทีวันข้างหน้าอาจสบายขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง และทำให้ชีวิตของย่าสบายขึ้นได้บ้าง

“ดีจริงๆ ขอบคุณพี่ชายบ้าบอเจ้าค่ะ” ไช่ไช่ดีใจกระโดดโลดเต้น

หลี่มู่จนคำพูด

“วันหลังเรียกข้าว่าพี่ชายไปเลยก็แล้วกัน” เขาบอก

วันนี้ไม่ควรเลือกฉายาทางธรรมนี้เพื่อความขำขันไร้สาระเลยจริงๆ

เขากำลังขบคิดในใจว่าควรจะถ่ายทอดวิชาอะไรให้ไช่ไช่ดี

‘วิชาก่อนกำเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ เกี่ยวพันกับเรื่องสำคัญ หากยังไม่ได้รับอนุญาตจากซินแสเฒ่าก็ไม่อาจถ่ายทอดให้กับผู้อื่นได้ อีกทั้งเมื่อแพร่งพรายออกไปจะต้องดึงความสนใจจากโลกวิถียุทธ์ใบนี้แน่นอน หากถ่ายทอดให้กับไช่ไช่ไปจะกลายเป็นเคราะห์ภัยต่อนาง

ส่วน ‘หกดาบวายุเมฆา’ วิชาดาบที่อาศัยการผลักดันจากกายเนื้ออันแข็งแกร่งล้วนๆ ไช่ไช่ไม่อาจฝึกฝนได้เลย

ดีที่หลายวันก่อนหน้านี้ หลี่มู่ขูดรีดและแย่งชิงตำราเคล็ดวิชาต่อสู้จากสำนักในยุทธจักรอย่างพรรคมังกรฟ้าและสำนักเขี้ยวพยัคฆ์มาได้ไม่น้อย เคล็ดวิชาเข้าขั้นทั้งหมดในนั้น เขาเปิดอ่านศึกษาจำจนขึ้นใจ บรรลุอย่างถ่องแท้แล้วทั้งหมด หลี่มู่ในตอนนี้คือคลังตำราลับเคลื่อนที่ในร่างคนชัดๆ ดังนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีวิชาถ่ายทอดให้

หลังจากที่คิดทบทวนไปรอบหนึ่ง หลี่มู่ก็เลือกถ่ายทอดวิชาชื่อว่า ‘เคล็ดฝึกปราณอายุยืนยาว’ ให้กับไช่ไช่

นี่เป็นเคล็ดฝึกลมปราณที่พรรคมังกรฟ้ามอบให้กับหลี่มู่เพื่อไถ่ตัว ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนไป

‘วิชาฝึกปราณอายุยืนยาว’ ไม่มีเงื่อนไขด้านความแข็งแกร่งของร่างกายเท่าใดนัก คนธรรมดาก็ฝึกฝนได้ และไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเพื่อฝึกฝนอะไรมาก ค่อนข้างหนักไปในด้านดูแลสุขภาพ ฝึกฝนอวัยวะภายใน สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรง ขั้นตอนการฝึกฝนค่อนข้างนุ่มนวล ช้าเนิบ ให้ความสำคัญกับการ ‘ไม่กระทำปล่อยไปตามครรลอง’ เงื่อนไขทางด้านจิตใจค่อนข้างสูง แต่สามารถสำแดงพลังในช่วงหลังได้ หากฝึกฝนจนถึงขั้นลึกจะไปถึงได้กระทั่งขั้นยอดปรมาจารย์ เป็นวิชาระดับแปดขึ้นไป

ในขณะเดียวกัน วิชานี้ยังมีข้อดีอีกข้อหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะฝึกฝนถึงขั้นไหนแล้วเปลี่ยนไปฝึกวิชาอื่นก็ตาม จะไม่เกิดการต่อต้านใดๆ ไม่จำเป็นต้องสลายพลัง จึงสามารถใช้เป็นวิชาแรกฝึกได้อย่างดีเยี่ยม

เพียงแต่วิชานี้ให้ความสำคัญกับการเป็นไปตามธรรมชาติ จะรีบร้อนไม่ได้ การพัฒนาฝึกฝนช้า ไม่สามารถสร้างพลังสังหารที่แข็งแกร่งได้ในทันที ดังนั้นในหมู่สำนักในยุทธจักรจึงไม่นิยม คนที่เลือกฝึกวิชานี้ก็น้อยมาก

แต่สำหรับไช่ไช่ วิชาเช่นนี้เหมาะสมเป็นที่สุด

หลี่มู่เรียกไช่ไช่มา อธิบายเคล็ดควบคุมจิตใจและเงื่อนไขการฝึกฝนของวิชานี้ให้นางฟังอย่างละเอียด

เด็กน้อยปีนี้สิบขวบแล้ว แต่ไม่เคยสัมผัสกับความรู้ด้านการฝึกฝนวรยุทธ์ใดๆ ไม่มีความรู้อะไรในหลายๆ ด้าน กระทั่งว่าพูดอธิบายหลายรอบก็เพิ่งจะบรรลุได้เล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงเรียนได้ช้ามาก และเมื่อยิ่งช้าก็ยิ่งร้อนรน ยิ่งพลาดได้ง่ายขึ้น เจออุปสรรคไม่ราบรื่น นางร้อนใจจนน้ำตาใกล้จะร่วงเต็มที

แต่หลี่มู่ก็มีความอดทนอย่างมาก

เขาไม่ว่ากล่าวเลย อธิบายให้นางฟังทีละเล็กทีละน้อย ถึงขั้นสาธิตให้ดูด้วยตัวเอง ไม่มีสีหน้ารำคาญหมดความอดทนเลยแม้แต่น้อย

แม่เฒ่าไช่เห็นภาพนี้ ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก นึกดีใจแทนหลานสาวของตน

ถึงแม้นางจะเป็นเพียงแค่ชาวบ้านบ้านนอก แต่ก็รู้ว่าโอกาสเช่นนี้สำหรับไช่ไช่แล้วมีไม่มากนัก

ในโลกใบนี้ วิชาฝึกฝนลมปราณทั้งหลาย โดยพื้นฐานแล้วเป็นวิชากำหนดลมหายใจ จะต้องมีท่านั่งสงบจิตเฉพาะคู่กับจังหวะและวิธีการหายใจเฉพาะ ใช้การทำสมาธิเหนี่ยวนำกระแสอากาศให้โคจรภายในกาย คล้ายกับวิชาชี่กงของโลก เห็นได้ว่าวิชาฝึกฝนภายใน ต่อให้ห่างกันจักรวาลกั้นก็เป็นเช่นนี้ แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ประมาณหนึ่งชั่วยาม ไช่ไช่น้อยก็นับว่าเข้าใจ ‘เคล็ดฝึกปราณอายุยืนยาว’ แล้ว

“เริ่มจากวิชานี้ นานวันไปเจ้าจะรู้สึกว่าพลัง ความเร็ว ปฏิกิริยา และด้านอื่นๆของเจ้ายกระดับขึ้น ร่างกายก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกอย่างสำคัญที่อดทน จำต้องฝึกฝนเช้ากลางวันเย็นทุกวัน และพากเพียรไม่ลดละจึงจะประสบผล”

หลี่มู่สอนอย่างอดทน

ไช่ไช่น้อยฟังอย่างตั้งใจ พร้อมพยักหน้าหงึกๆ

แต่นางจะไปได้ถึงขั้นไหน หลี่มู่ก็มองไม่ออกเช่นกัน

ในเมื่อประสบการณ์และมุมมองของเขายังตื้นเขิน ไม่อาจเทียบกับบุคคลขั้นยอดปรมาจารย์เช่นกัวอวี่ชิงได้ กระทั่งตอนนี้เขาไม่อาจยืนยันได้ว่าไช่ไช่น้อยมีพรสวรรค์ฝึกฝนวิทยายุทธ์หรือไม่ด้วยซ้ำ

หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นลง หลี่มู่ก็ไปจากบ้านของแม่เฒ่าไช่

เขาจะไปหาพวกหม่าซานแล้ว

เหตุที่ให้อันธพาลหวงหย่งกลับไปเตือนหม่าซาน ความคิดของหลี่มู่นั้นเรียบง่ายมาก…หลังจากทำให้หม่าซานเกิดความกลัวจนเรียกรวมพลลูกสมุน กระทั่งขอความช่วยเหลือจากที่พึ่งขุนนางทั้งหลายเบื้องหลัง เช่นนี้แล้วพวกขั้วอำนาจชั่วรวมตัวอยู่ด้วยกัน ก็ประหยัดแรงให้เขาไม่ต้องไปหาทีละคน จัดการไปพร้อมกันเสียทีเดียวเลย

……

“อะไรนะ?”

คฤหาสน์แห่งหนึ่งทางด้านตะวันออกของตำบลสุขสงบ เยื้องไปทางตะวันตกของสะพานสุขสงบ หม่าซานที่กลัวระคนแค้น เมื่อฟังคำของหวงหย่งจบก็ตบโต๊ะลุกพรวดขึ้น โมโหจนเขวี้ยงจอกเหล้าในมือทิ้ง

“เจ้าโล้นเวรรนหาที่ตาย”

เขาพูดพลางกัดฟันกรอด

“มันพูดจริงหรือว่าจะมาฆ่าข้าคืนนี้?” หม่าซานหน้ายาวเหมือนม้า บีบลูกเหล็กในมือขยับหมุนไม่หยุด พร้อมถามขึ้น “พูดว่าจะมาเมื่อไหร่หรือไม่?”

หวงหย่งรีบตอบ “ไม่ได้บอก แค่พูดว่าคืนนี้…ท่านหม่า เจ้าโล้นเวรนั่นพลังค่อนข้างแข็งแกร่ง จัดการยากยิ่งกว่าคนนอกถิ่นเมื่อหลายวันก่อนนัก อีกทั้งลงมือได้เหี้ยมโหดอำมหิต ฆ่าคนไม่ใจอ่อนเลย ต้องป้องกันเอาไว้นะ” เขาใส่สีตีไข่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านแม่เฒ่าไช่ เน้นบรรยายเหตุการณ์ที่หลี่มู่ลงมือเป็นพิเศษ

หม่าซานฟังจบแล้วก็ขมวดคิ้ว

เขาตระหนักได้ว่าเรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ไม่นึกว่าจะเสียการควบคุมไปบ้าง

คิดไม่ถึงว่าเจ้าโล้นฉายาทางธรรมบ้าบอนั่นจะจัดการยากถึงขนาดนี้

อีกทั้งเจ้าโล้นนี่ไปปรากฏตัวขึ้นที่บ้านแม่เฒ่าไช่ได้ทันเวลา ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน จากอีกด้านหนึ่งก็อธิบายได้ว่า มันเริ่มวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งใจตามไปโดยเฉพาะ…อืม เจ้าโล้นนี่ตั้งใจหาเรื่องชัดๆ

“รวบรวมพี่น้องทั้งหมดมา กลับไปป้องกันวางกับดักที่ตำบล เปิดกับดักกลไกทั้งหมด ขนธนูหน้าไม้ในโกดังออกมาแจกจ่าย บอกทุกคนให้ทำลูกธนูอาบยาพิษไว้ เตรียมยาสลบเอาไว้ให้ดี…ฮี่ๆ ข้าไม่เชื่อว่าคนร่างกายมีเลือดมีเนื้อจะฝ่ากับดักมากมายของพวกเราไปได้”

หม่าซานโมโหแล้ว

หลังจากที่เขาชิงคฤหาสน์แห่งนี้มาได้ก็ทุ่มเทกายใจดูแล วางกับดักไม่รู้ต่อเท่าไหร่เอาไว้ทุกที่

นอกจากนั้น เขายังแอบซื้ออาวุธสงครามบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นธนูที่สามารถทำลายการป้องกันกำลังภายในและธนูเจาะเกราะ ซ้ำยังซื้อยาสลบ ยาพิษ ของประเภทนี้มาจากคนในยุทธจักร จัดการทำให้ทั่วทั้งคฤหาสน์แห่งนี้แข็งแกร่งราวกับปราสาท ก็เพื่อป้องกันเผื่อวันใดจะเกิดสถานการณ์อย่างเช่นวันนี้

หม่าซานไม่เชื่อว่า ภายใต้การเตรียมตัวที่พร้อมสมบูรณ์ และการล้อมป้องกันโดยลูกสมุนที่ติดอาวุธครบครันไปยันฟันสามร้อยกว่าคน เณรนั่นจะสร้างความวุ่นวายและคุกคามมาจนถึงตนได้?

แน่นอน เพื่อรับประกันว่าจะสำเร็จแน่ หม่าซานยังเตรียมการอย่างอื่นอีกด้วย

“ไปศาลาว่าการหาใต้เท้าซ่งและกุนซือหลิว ให้พวกเขาส่งมือปราบที่ตำบลมาช่วย…ฮี่ๆ ไอ้โล้นเวรนี่กล้าฆ่าคนตำบลสุขสงบ ทำผิดกฎหมายจักรวรรดิ ข้าว่ามันคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ให้ทางการจัดการมันด้วยเลย ฮี่ๆ หากจัดการไปพร้อมกันสองทาง เจ้าโล้นเวรนี่ต่อให้ติดปีกก็ยากจะบินหนีได้”

หม่าซานสั่งการทุกอย่างเสร็จ ความกระวนกระวายในใจแต่เดิมก็หายไป กลับกลายเป็นมั่นใจเต็มเปี่ยม

เขาถึงขั้นเริ่มเฝ้ารอการมาถึงของเณรที่ชื่อว่าบ้าบอแล้ว

‘ถึงตอนนั้นข้าจะตัดแขนขา ตัดลิ้น ทำให้มันเป็นมนุษย์สุกร[1]ซะ ให้มันทุกข์ทรมานคร่ำครวญอยู่สี่สิบเก้าวัน ถึงตอนนั้น ข้าจะดูซิว่าใครมันกล้าเป็นศัตรูกับข้าอีก’

เขายิ้มเหี้ยมเกรียม พลางคิดอย่างได้ใจ

……………………………………………………

[1] มนุษย์สุกร เป็นวิธีลงโทษคนที่โหดเหี้ยมทารุณเป็นอย่างมาก จะตัดแขน ขา ควักลูกตาทิ้ง ใช้ทองแดงกรอกหูทำให้หูหนวก กรอกยาทำให้เป็นใบ้ และตัดลิ้น บางรายอาจเพิ่มตัดจมูก โกนผมและขน แล้วทายาไม่ให้ผมและขนขึ้น จากนั้นก็นำไปทิ้งไว้ในกองอาจม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดารา 121 ถ่ายทอดวิชา

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 121 ถ่ายทอดวิชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่ทักษะการปลอบโยนของหลี่มู่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเทียบกับความสามารถในการฆ่าคนไม่ได้เลย ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่ได้ดีสักเท่าไหร่

ผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง แม่เฒ่าไช่ตั้งสติกลับมาได้เล็กน้อย

หญิงชรารีบเตือนให้หลี่มู่รีบจากไปอีกครั้ง “หม่าซานนั่น สมุนของมันไม่ได้มีแค่พวกอันธพาลยอมถวายหัวให้เท่านั้น แม้แต่ขุนนางในตำบลก็มีบางคนให้ท้าย ไต้ซือบ้าบอฆ่าคนของพวกมัน พวกขุนนางจะต้องไม่ปล่อยท่านไป ต้องมาจับเจ้าไปขึ้นศาลแน่ ไต้ซือบ้าบอรีบไปจากตำบลสุขสงบเสียเถอะ”

ไช่ไช่มองหลี่มู่ตาปริบๆ

นางหวังว่าจะได้ร่ำเรียนวิชาอย่างหลี่มู่ไว้ปกป้องย่า แต่ได้ยินย่าพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าตอนนี้หลี่มู่ต้องรีบไป มิฉะนั้นจะอันตรายมาก ดังนั้นนางจะเอ่ยปากร้องขออีกไม่ได้

เด็กบ้านยากจนมักจะรู้เรื่องเร็วยิ่งกว่า

“อามิตตาพุทธ” หลี่มู่เสพติดการเป็นพระปลอมแล้ว เอ่ยนามพุทธองค์ไปตามปากอีก “ท่านยายวางใจเถอะ อาตมาย่อมมีวิธีจัดการคนชั่วพวกนี้ ขุนนางก็ต้องพูดจาด้วยเหตุด้วยผล…ครั้งนี้ในเมื่อเจอเรื่องแบบนี้ เช่นนั้นอาตมาก็ควรกำจัดเนื้อร้ายพวกนี้เพื่อชาวตำบลสุขสงบ และมอบความสงบสุขให้กับประชาชนที่ใสซื่อจิตใจดี” ในใจของเขาก็คิดเช่นนี้จริงๆ

หลี่มู่จำต้องยอมรับ เขาที่ดูถูกพ่อพระแม่พระมาโดยตลอด ตอนนี้กลับมีแนวโน้มเป็นพ่อพระแม่พระขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

เมื่อปลอบโยนแม่เฒ่าไช่และไช่ไช่แล้ว เขาก็ยังไม่จากไป

เขาลากศพอันธพาลที่อยู่ในสวนพวกนั้นออกไป หาสุสานรกร้างแล้วฝังอย่างลวกๆ

จากนั้นเขาก็กลับมาบ้านแม่เฒ่าไช่อีก

แม่เฒ่าไช่กำลังเก็บของ คิดจะพาไช่ไช่น้อยหนีไปจากที่นี่

ถึงแม้หวงหย่งจะกลัวหนีไปแล้ว แต่ยากจะรับประกันว่าหม่าซานอันธพาลพวกนี้จะไม่มารังควานอีก อีกทั้งในลานบ้านมีคนตาย ทางการจะต้องมาสอบสวนแน่ ถึงตอนนั้นพวกขุนนางชั่วลูกสมุนของผู้ดูแลคนใหม่ จะต้องสาดโคลนใส่พวกนางสองย่าหลาน ก็เป็นเคราะห์ภัยอีกเช่นกัน

“ท่านยาย อันที่จริงพวกท่านไม่ต้องหนีหรอก วางใจเถอะ อาตมารับประกัน ต่อไปตำบลสุขสงบจะไม่มีอันธพาลอีกต่อไป ผู้ดูแลคนนั้นจะไม่กล้าทำร้ายทุกคนอีก” หลี่มู่พูดอย่างมั่นใจ

แม่เฒ่าไช่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

แต่ที่จริงในชนบทนางก็ไม่มีญาติพี่น้องเหลือนานแล้ว พาไช่ไช่หลบหนีก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ระหว่างทางจะเจออันตรายอะไรหรือไม่ นางลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจอยู่ที่นี่ไปก่อนชั่วคราว ดูสถานการณ์แล้วค่อยว่ากัน

“พี่ชายบ้าบอ ท่านสอนวิชาให้ข้าได้หรือไม่?” ในที่สุดไช่ไช่ก็รวบรวมความกล้าหาญ แตะแขนเสื้อของหลี่มู่เบาๆ “ไช่ไช่อยากเป็นเหมือนกับท่าน แบบนี้ก็จะปกป้องท่านย่าได้แล้ว”

ความคิดของเด็กน้อยมักจะบริสุทธิ์และงดงาม

แรงขับเคลื่อนในการฝึกยุทธ์ของนางไม่ใช่เพื่อกลายเป็นชาวยุทธจักรอะไรพวกนั้น ไม่ใช่เพื่อมีชื่อเสียง ยิ่งไม่ใช่เพื่อล้างแค้น แต่แค่อยากจะปกป้องท่านย่าที่พึ่งพิงซึ่งกันและกันไม่ให้ถูกรังแก

หลี่มู่คิดๆ ดูแล้วก็พยักหน้าตกลง

หาปลามาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับปลาให้

หากไช่ไช่เป็นวิทยายุทธ์ บางทีวันข้างหน้าอาจสบายขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง และทำให้ชีวิตของย่าสบายขึ้นได้บ้าง

“ดีจริงๆ ขอบคุณพี่ชายบ้าบอเจ้าค่ะ” ไช่ไช่ดีใจกระโดดโลดเต้น

หลี่มู่จนคำพูด

“วันหลังเรียกข้าว่าพี่ชายไปเลยก็แล้วกัน” เขาบอก

วันนี้ไม่ควรเลือกฉายาทางธรรมนี้เพื่อความขำขันไร้สาระเลยจริงๆ

เขากำลังขบคิดในใจว่าควรจะถ่ายทอดวิชาอะไรให้ไช่ไช่ดี

‘วิชาก่อนกำเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ เกี่ยวพันกับเรื่องสำคัญ หากยังไม่ได้รับอนุญาตจากซินแสเฒ่าก็ไม่อาจถ่ายทอดให้กับผู้อื่นได้ อีกทั้งเมื่อแพร่งพรายออกไปจะต้องดึงความสนใจจากโลกวิถียุทธ์ใบนี้แน่นอน หากถ่ายทอดให้กับไช่ไช่ไปจะกลายเป็นเคราะห์ภัยต่อนาง

ส่วน ‘หกดาบวายุเมฆา’ วิชาดาบที่อาศัยการผลักดันจากกายเนื้ออันแข็งแกร่งล้วนๆ ไช่ไช่ไม่อาจฝึกฝนได้เลย

ดีที่หลายวันก่อนหน้านี้ หลี่มู่ขูดรีดและแย่งชิงตำราเคล็ดวิชาต่อสู้จากสำนักในยุทธจักรอย่างพรรคมังกรฟ้าและสำนักเขี้ยวพยัคฆ์มาได้ไม่น้อย เคล็ดวิชาเข้าขั้นทั้งหมดในนั้น เขาเปิดอ่านศึกษาจำจนขึ้นใจ บรรลุอย่างถ่องแท้แล้วทั้งหมด หลี่มู่ในตอนนี้คือคลังตำราลับเคลื่อนที่ในร่างคนชัดๆ ดังนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีวิชาถ่ายทอดให้

หลังจากที่คิดทบทวนไปรอบหนึ่ง หลี่มู่ก็เลือกถ่ายทอดวิชาชื่อว่า ‘เคล็ดฝึกปราณอายุยืนยาว’ ให้กับไช่ไช่

นี่เป็นเคล็ดฝึกลมปราณที่พรรคมังกรฟ้ามอบให้กับหลี่มู่เพื่อไถ่ตัว ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนไป

‘วิชาฝึกปราณอายุยืนยาว’ ไม่มีเงื่อนไขด้านความแข็งแกร่งของร่างกายเท่าใดนัก คนธรรมดาก็ฝึกฝนได้ และไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเพื่อฝึกฝนอะไรมาก ค่อนข้างหนักไปในด้านดูแลสุขภาพ ฝึกฝนอวัยวะภายใน  สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรง ขั้นตอนการฝึกฝนค่อนข้างนุ่มนวล ช้าเนิบ ให้ความสำคัญกับการ ‘ไม่กระทำปล่อยไปตามครรลอง’ เงื่อนไขทางด้านจิตใจค่อนข้างสูง แต่สามารถสำแดงพลังในช่วงหลังได้ หากฝึกฝนจนถึงขั้นลึกจะไปถึงได้กระทั่งขั้นยอดปรมาจารย์ เป็นวิชาระดับแปดขึ้นไป

ในขณะเดียวกัน วิชานี้ยังมีข้อดีอีกข้อหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะฝึกฝนถึงขั้นไหนแล้วเปลี่ยนไปฝึกวิชาอื่นก็ตาม จะไม่เกิดการต่อต้านใดๆ ไม่จำเป็นต้องสลายพลัง จึงสามารถใช้เป็นวิชาแรกฝึกได้อย่างดีเยี่ยม

เพียงแต่วิชานี้ให้ความสำคัญกับการเป็นไปตามธรรมชาติ จะรีบร้อนไม่ได้ การพัฒนาฝึกฝนช้า ไม่สามารถสร้างพลังสังหารที่แข็งแกร่งได้ในทันที ดังนั้นในหมู่สำนักในยุทธจักรจึงไม่นิยม คนที่เลือกฝึกวิชานี้ก็น้อยมาก

แต่สำหรับไช่ไช่ วิชาเช่นนี้เหมาะสมเป็นที่สุด

หลี่มู่เรียกไช่ไช่มา อธิบายเคล็ดควบคุมจิตใจและเงื่อนไขการฝึกฝนของวิชานี้ให้นางฟังอย่างละเอียด

เด็กน้อยปีนี้สิบขวบแล้ว แต่ไม่เคยสัมผัสกับความรู้ด้านการฝึกฝนวรยุทธ์ใดๆ ไม่มีความรู้อะไรในหลายๆ ด้าน กระทั่งว่าพูดอธิบายหลายรอบก็เพิ่งจะบรรลุได้เล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงเรียนได้ช้ามาก และเมื่อยิ่งช้าก็ยิ่งร้อนรน ยิ่งพลาดได้ง่ายขึ้น เจออุปสรรคไม่ราบรื่น นางร้อนใจจนน้ำตาใกล้จะร่วงเต็มที

แต่หลี่มู่ก็มีความอดทนอย่างมาก

เขาไม่ว่ากล่าวเลย อธิบายให้นางฟังทีละเล็กทีละน้อย ถึงขั้นสาธิตให้ดูด้วยตัวเอง ไม่มีสีหน้ารำคาญหมดความอดทนเลยแม้แต่น้อย

แม่เฒ่าไช่เห็นภาพนี้ ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก นึกดีใจแทนหลานสาวของตน

ถึงแม้นางจะเป็นเพียงแค่ชาวบ้านบ้านนอก แต่ก็รู้ว่าโอกาสเช่นนี้สำหรับไช่ไช่แล้วมีไม่มากนัก

ในโลกใบนี้ วิชาฝึกฝนลมปราณทั้งหลาย โดยพื้นฐานแล้วเป็นวิชากำหนดลมหายใจ จะต้องมีท่านั่งสงบจิตเฉพาะคู่กับจังหวะและวิธีการหายใจเฉพาะ ใช้การทำสมาธิเหนี่ยวนำกระแสอากาศให้โคจรภายในกาย คล้ายกับวิชาชี่กงของโลก เห็นได้ว่าวิชาฝึกฝนภายใน ต่อให้ห่างกันจักรวาลกั้นก็เป็นเช่นนี้ แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ประมาณหนึ่งชั่วยาม ไช่ไช่น้อยก็นับว่าเข้าใจ ‘เคล็ดฝึกปราณอายุยืนยาว’ แล้ว

“เริ่มจากวิชานี้ นานวันไปเจ้าจะรู้สึกว่าพลัง ความเร็ว ปฏิกิริยา และด้านอื่นๆของเจ้ายกระดับขึ้น ร่างกายก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกอย่างสำคัญที่อดทน จำต้องฝึกฝนเช้ากลางวันเย็นทุกวัน และพากเพียรไม่ลดละจึงจะประสบผล”

หลี่มู่สอนอย่างอดทน

ไช่ไช่น้อยฟังอย่างตั้งใจ พร้อมพยักหน้าหงึกๆ

แต่นางจะไปได้ถึงขั้นไหน หลี่มู่ก็มองไม่ออกเช่นกัน

ในเมื่อประสบการณ์และมุมมองของเขายังตื้นเขิน ไม่อาจเทียบกับบุคคลขั้นยอดปรมาจารย์เช่นกัวอวี่ชิงได้ กระทั่งตอนนี้เขาไม่อาจยืนยันได้ว่าไช่ไช่น้อยมีพรสวรรค์ฝึกฝนวิทยายุทธ์หรือไม่ด้วยซ้ำ

หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นลง หลี่มู่ก็ไปจากบ้านของแม่เฒ่าไช่

เขาจะไปหาพวกหม่าซานแล้ว

เหตุที่ให้อันธพาลหวงหย่งกลับไปเตือนหม่าซาน ความคิดของหลี่มู่นั้นเรียบง่ายมาก…หลังจากทำให้หม่าซานเกิดความกลัวจนเรียกรวมพลลูกสมุน กระทั่งขอความช่วยเหลือจากที่พึ่งขุนนางทั้งหลายเบื้องหลัง เช่นนี้แล้วพวกขั้วอำนาจชั่วรวมตัวอยู่ด้วยกัน ก็ประหยัดแรงให้เขาไม่ต้องไปหาทีละคน จัดการไปพร้อมกันเสียทีเดียวเลย

……

“อะไรนะ?”

คฤหาสน์แห่งหนึ่งทางด้านตะวันออกของตำบลสุขสงบ เยื้องไปทางตะวันตกของสะพานสุขสงบ หม่าซานที่กลัวระคนแค้น เมื่อฟังคำของหวงหย่งจบก็ตบโต๊ะลุกพรวดขึ้น โมโหจนเขวี้ยงจอกเหล้าในมือทิ้ง

“เจ้าโล้นเวรรนหาที่ตาย”

เขาพูดพลางกัดฟันกรอด

“มันพูดจริงหรือว่าจะมาฆ่าข้าคืนนี้?” หม่าซานหน้ายาวเหมือนม้า บีบลูกเหล็กในมือขยับหมุนไม่หยุด พร้อมถามขึ้น “พูดว่าจะมาเมื่อไหร่หรือไม่?”

หวงหย่งรีบตอบ “ไม่ได้บอก แค่พูดว่าคืนนี้…ท่านหม่า เจ้าโล้นเวรนั่นพลังค่อนข้างแข็งแกร่ง จัดการยากยิ่งกว่าคนนอกถิ่นเมื่อหลายวันก่อนนัก อีกทั้งลงมือได้เหี้ยมโหดอำมหิต ฆ่าคนไม่ใจอ่อนเลย ต้องป้องกันเอาไว้นะ” เขาใส่สีตีไข่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านแม่เฒ่าไช่ เน้นบรรยายเหตุการณ์ที่หลี่มู่ลงมือเป็นพิเศษ

หม่าซานฟังจบแล้วก็ขมวดคิ้ว

เขาตระหนักได้ว่าเรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ไม่นึกว่าจะเสียการควบคุมไปบ้าง

คิดไม่ถึงว่าเจ้าโล้นฉายาทางธรรมบ้าบอนั่นจะจัดการยากถึงขนาดนี้

อีกทั้งเจ้าโล้นนี่ไปปรากฏตัวขึ้นที่บ้านแม่เฒ่าไช่ได้ทันเวลา ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน จากอีกด้านหนึ่งก็อธิบายได้ว่า มันเริ่มวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งใจตามไปโดยเฉพาะ…อืม เจ้าโล้นนี่ตั้งใจหาเรื่องชัดๆ

“รวบรวมพี่น้องทั้งหมดมา กลับไปป้องกันวางกับดักที่ตำบล เปิดกับดักกลไกทั้งหมด ขนธนูหน้าไม้ในโกดังออกมาแจกจ่าย บอกทุกคนให้ทำลูกธนูอาบยาพิษไว้ เตรียมยาสลบเอาไว้ให้ดี…ฮี่ๆ ข้าไม่เชื่อว่าคนร่างกายมีเลือดมีเนื้อจะฝ่ากับดักมากมายของพวกเราไปได้”

หม่าซานโมโหแล้ว

หลังจากที่เขาชิงคฤหาสน์แห่งนี้มาได้ก็ทุ่มเทกายใจดูแล วางกับดักไม่รู้ต่อเท่าไหร่เอาไว้ทุกที่

นอกจากนั้น เขายังแอบซื้ออาวุธสงครามบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นธนูที่สามารถทำลายการป้องกันกำลังภายในและธนูเจาะเกราะ ซ้ำยังซื้อยาสลบ ยาพิษ ของประเภทนี้มาจากคนในยุทธจักร จัดการทำให้ทั่วทั้งคฤหาสน์แห่งนี้แข็งแกร่งราวกับปราสาท ก็เพื่อป้องกันเผื่อวันใดจะเกิดสถานการณ์อย่างเช่นวันนี้

หม่าซานไม่เชื่อว่า ภายใต้การเตรียมตัวที่พร้อมสมบูรณ์ และการล้อมป้องกันโดยลูกสมุนที่ติดอาวุธครบครันไปยันฟันสามร้อยกว่าคน เณรนั่นจะสร้างความวุ่นวายและคุกคามมาจนถึงตนได้?

แน่นอน เพื่อรับประกันว่าจะสำเร็จแน่ หม่าซานยังเตรียมการอย่างอื่นอีกด้วย

“ไปศาลาว่าการหาใต้เท้าซ่งและกุนซือหลิว ให้พวกเขาส่งมือปราบที่ตำบลมาช่วย…ฮี่ๆ ไอ้โล้นเวรนี่กล้าฆ่าคนตำบลสุขสงบ ทำผิดกฎหมายจักรวรรดิ ข้าว่ามันคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ให้ทางการจัดการมันด้วยเลย ฮี่ๆ หากจัดการไปพร้อมกันสองทาง เจ้าโล้นเวรนี่ต่อให้ติดปีกก็ยากจะบินหนีได้”

หม่าซานสั่งการทุกอย่างเสร็จ ความกระวนกระวายในใจแต่เดิมก็หายไป กลับกลายเป็นมั่นใจเต็มเปี่ยม

เขาถึงขั้นเริ่มเฝ้ารอการมาถึงของเณรที่ชื่อว่าบ้าบอแล้ว

‘ถึงตอนนั้นข้าจะตัดแขนขา ตัดลิ้น ทำให้มันเป็นมนุษย์สุกร[1]ซะ ให้มันทุกข์ทรมานคร่ำครวญอยู่สี่สิบเก้าวัน ถึงตอนนั้น ข้าจะดูซิว่าใครมันกล้าเป็นศัตรูกับข้าอีก’

เขายิ้มเหี้ยมเกรียม พลางคิดอย่างได้ใจ

……………………………………………………

[1] มนุษย์สุกร เป็นวิธีลงโทษคนที่โหดเหี้ยมทารุณเป็นอย่างมาก จะตัดแขน ขา ควักลูกตาทิ้ง ใช้ทองแดงกรอกหูทำให้หูหนวก กรอกยาทำให้เป็นใบ้ และตัดลิ้น บางรายอาจเพิ่มตัดจมูก โกนผมและขน แล้วทายาไม่ให้ผมและขนขึ้น จากนั้นก็นำไปทิ้งไว้ในกองอาจม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+