จอมศาสตราพลิกดารา 130 เตะเป็นลูกหนัง

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 130 เตะเป็นลูกหนัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เจ้าอ้วนเจิ้งสีหน้าเหี้ยมเกรียม จ้องหลี่มู่เขม็งพลางพูดเสียงเย็น “คิดจะยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือ? ในเมืองฉางอันนี้ คนที่กล้ายุ่งเรื่องของข้านั้นมีไม่มาก เณรน้อยเจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวอยู่”

หลี่มู่ไม่สนใจชายอ้วน

เจ้าอ้วนเจิ้งและพวกสมุนของเขา ในสายตาของหลี่มู่แล้วไม่มีค่าแม้แต่จะเอ่ยถึง

ตอนนี้ สิ่งที่ในหัวของเขาขบคิดคือจะเข้าหน้ากับมารดาหลี่มู่อย่างไร ความทรงจำวัยเด็กที่หลี่มู่อยู่กับมารดาในอดีต เขาไม่รู้แม้แต่น้อย เรื่องแบบนี้ความแตกได้ง่ายจริงๆ เขาไม่รู้กระทั่งว่าหลี่มู่ตอนนั้นเรียกมารดาของตนว่าอย่างไร? เรียกแม่ ท่านแม่ มารดา หรือว่าอย่างอื่น?

“บอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น? เป็นมาอย่างไรกัน?” หลี่มู่มองไปยังแม่นางน้อยที่ขอความช่วยเหลือคนนั้น

แม่นางน้อยท่าทางลังเล นางมองหลี่มู่ ไม่ได้ไว้ใจโดยสิ้นเชิง และไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

เจ้าอ้วนเจิ้งที่อยู่อีกด้านหนึ่งหัวเราะเสียงเย็น “นังหญิงรับใช้สารเลวเป็นอนุที่ข้าจ่ายเงินก้อนโตซื้อมา แต่กลับไม่รักษาคุณธรรมของสตรี ขโมยของในคฤหาสน์ของข้าไป แต่ถูกองครักษ์ในคฤหาสน์พบเข้า ข้าตามมาจึงได้รู้ว่าขโมยมาแสดงความกตัญญูต่อนังเฒ่าไร้ประโยชน์นี่เอง ฮี่ๆ พวกมันจะต้องสมคบคิดวางแผนกันแน่นอน…” เขาหวาดระแวงพลังยุทธ์ของหลี่มู่อยู่บ้าง ในเมื่อฝ่ามือเดียวก็ตบคนขับรถของเขาลอยกระเด็น จะต้องไม่ใช่พวกไร้ฝีมือแน่

“อ้อ” หลี่มู่ยกมือตบลงไป

เพียะ!

เจ้าอ้วนเจิ้งหมุนอยู่กับที่อยู่สี่ห้ารอบ ใบหน้าด้านซ้ายมีรอยฝ่ามือประทับชัดเจน ฟันสามสี่ซี่หลุดกระเด็นออกไป

“เจ้า” เจ้าอ้วนเจิ้งโดนตบจนอึ้ง

หลี่มู่รับผ้าสีขาวจากมือเจิ้งฉุนเจี้ยนมาเช็ดมือ แล้วเอ่ยขึ้น “ฝ่ามือนี้เพื่อเตือนเจ้า พูดจาต้องมีอารยธรรม หากให้ข้าได้ยินคำสกปรกแม้เพียงแค่คำเดียวจากปากของเจ้าอีก ข้าจะเด็ดหัวเจ้ามาเตะแทนลูกหนังเสีย”

ตอนนี้เจ้าอ้วนเจิ้งถึงตั้งสติกลับมาได้บ้าง กระโดดขึ้นมาราวหมาไนถูกเหยียบหาง ก่อนตวาดอย่างดุดัน “เจ้า…เจ้ากล้าตบข้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? เจ้าตายแน่ ไม่มีใครกล้าตบข้าแบบนี้…”

หลี่มู่ไม่สนใจเขา มองมายังแม่นางน้อย

“พูดมาเถอะ พูดออกมา ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง” หลี่มู่กล่าวอีก

คราวนี้แม่นางน้อยถึงได้มีความกล้า เล่าเหตุการณ์ความเป็นมาให้ฟัง

ที่แท้หลี่มู่เดาไม่ผิดจริงๆ เด็กรับใช้คนนี้ชื่อว่าชุนเฉ่า เป็นเด็กสาวรับใช้คนสุดท้ายข้างกายมารดาหลี่มู่ ก่อนหน้านี้ถูกบังคับขายไปเป็นอนุให้กับเจ้าอ้วนเจิ้ง ชุนเฉ่าที่น่าสงสารจงรักภักดี ถึงแม้ถูกขายแต่ในใจยังนึกถึงท่านแม่หลี่ ดังนั้นจึงมักจะแอบหยิบของบางอย่างมาช่วยเหลือนายที่ตาบอดและใช้ชีวิตเองไม่ได้แล้ว วันนี้ เจ้าอ้วนเจิ้งกลับมอบของมีค่าและอาหารให้กับชุนเฉ่าเอง ให้นางส่งมายังที่พักอาศัยของมารดาหลี่มู่ ชุนเฉ่ายังนึกอยู่ว่าท่านเจิ้งมีเมตตานัก แต่ใครจะรู้ เมื่อนางก้าวออกมา เจ้าอ้วนเจิ้งก็พาคนไล่ตามบุกข้ามาในเรือนของมารดาหลี่มู่ แล้วใส่ความชุนเฉ่าว่าขโมยทรัพย์สินในคฤหาสน์ พอเข้ามาก็ลงมือตบตีอย่างเหี้ยมโหด จากนั้นจะให้มารดาหลี่มู่ให้คำตอบให้ได้

“คุณชาย ข้าไม่กล้าวาดหวังอย่างอื่น อยากจะขอแค่ให้คุณชายปกป้องฮูหยินด้วย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฮูหยินเลย ข้ายินดีให้ตีให้ลงโทษ ยินดีกลับไปกับท่านเจิ้งและรับโทษทุกอย่าง ขอแค่ไม่ทำให้ฮูหยินลำบากไปด้วย…บุญคุณของคุณชาย ชาติหน้าต่อให้ข้าเป็นวัวเป็นควายก็จะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน” ชุนเฉ่าคุกเข่าลง ขอร้องอ้อนวอน

นางไม่รู้จักหลี่มู่ ขอร้องให้เขาช่วยฮูหยินก็เป็นการล่วงเกินแล้ว จึงยิ่งไม่กล้าขอร้องให้ช่วยเหลือตน

เพราะนางไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขอให้หลี่มู่ช่วยตน แต่ต้องไปล่วงเกินเจ้าอ้วนเจิ้ง

นางรู้ เจ้าอ้วนเจิ้งมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองฉางอัน

นี่ก็นับว่าทำอะไรฉุกละหุกไม่คิดให้รอบคอบเต็มทีแล้ว

“ฮี่ๆ ขอร้องมัน? เจ้าเณรโล้นเองก็ยากจะเอาตัวรอดแล้ว…” ยามนี้เจ้าอ้วนเจิ้งตอบสนองกลับมา หัวเราะเหี้ยมเกรียมก่อนพูดขึ้น “ข้าเรียกคนมาแล้ว วันนี้พวกเจ้าหน้าไหนก็ไม่ต้องคิดจะหนีไปเลย…ฮี่ๆ เจ้าโล้น ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร แต่ว่าตบข้าเจิ้งเทียนเหลียง ต่อให้เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ก็ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนมา”

หลี่มู่มองเจิ้งฉุนเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นว่า “เจ้าเณรหัวโล้นสามคำนี้ถือเป็นคำหยาบไหม?”

เจิ้งฉุนเจี้ยนอึ้งไป ก่อนจะเข้าใจในทันที “นี่…น่าจะนับกระมัง”

หลี่มู่พยักหน้า มองไปยังเจ้าอ้วนเจิ้งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากให้ข้าจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนอะไร?”

“ฮี่ๆ นังเฒ่าไร้ประโยชน์สมคบคิดกับอนุข้า ขโมยทรัพย์สินในคฤหาสน์ของข้าไป ตามกฎหมายจักรวรรดิจะต้องชดใช้สองเท่า จากนั้นก็ติดคุก ถึงจะล้างความผิดของตัวเองได้ ฮี่ๆ หากมันไม่ยินดี เช่นนั้นข้าก็ยังชี้ทางอีกทางให้พวกมันได้…” พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเจิ้งเทียนเหลียงก็ฉายแววหื่นกาม “นังเฒ่าไร้ประโยชน์นี่นับว่าหน้าตาพอถูไถได้ ถึงจะแก่ไปหน่อย แต่ข้าก็ไม่รังเกียจ ขอแค่ไปเป็นอนุในคฤหาสน์ของข้า ปรนนิบัติรับใช้ข้าอย่างเต็มที่ เช่นนั้นเรื่องวันนี้ก็หายกัน…”

จิตสังหารฉายวาบขึ้นในดวงตาของหลี่มู่

เขาเข้าใจแล้ว นี่ต่างหากถึงจะเป็นสาเหตุที่เจิ้งเทียนเหลียงจงใจวางแผนใส่ความชุนเฉ่าและมารดาหลี่มู่กระมัง

ใครจะไปรู้ ไม่นึกว่ามันจะมองความงามของมารดาหลี่มู่จนน้ำลายไหล?

“เจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใครไม่ใช่หรือ?” หลี่มู่ขัดจังหวะเจิ้งเทียนเหลียงทันที พูดเน้นชัดถ้อยชัดคำ “ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้า ชื่อของข้าคือหลี่มู่ ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ และก็เป็นลูกชายของผู้ออกจากบ้านไปแปดปีจนในที่สุดก็กลับมาของสตรีที่เจ้าดูหมิ่นผู้นี้…ตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยัง?”

“อะไร? หลี่มู่ เจ้า…เจ้าเป็น…ลูกชายของนังแก่นี่…” เจ้าอ้วนเจิ้งสีหน้าตื่นตะลึง

“เจ้าฟังไม่ผิด เป็นข้าเอง” หลี่มู่พูดแล้วก็พลิกมือตบไปอีกฝ่ามือหนึ่ง

ผัวะ!

ฝ่ามือนี้ไม่ได้ควบคุมพลังไว้อีกต่อไป

ศีรษะของเจ้าเจิ้งอ้วนรับกับฝ่ามือนี้ หมุนอยู่บนคออยู่สิบกว่ารอบเหมือนลูกข่าง จากนั้นจึงร่วงลงพื้นดังตุบเหมือนกับแตงโม

“ข้าบอกแล้ว พูดคำสกปรกอีกแค่คำเดียว ก็จะเด็ดหัวของเจ้ามาเตะแทนลูกหนัง เจ้าคิดว่าข้าพูดเล่นรึไง?” หลี่มู่มองต่ำลงมายังหัวที่ร่วงอยู่บนพื้นของเจ้าอ้วนเจิ้ง

ผู้ดูหมิ่นมารดาต้องตาย เจ้าอ้วนเจิ้งอ้าปากก็ว่านังเฒ่าไร้ประโยชน์ ด่าทอไม่ใช่แค่ประโยคเดียว อีกทั้งยังจ้องจะครอบครองความงามของมารดาหลี่มู่ตาเป็นมัน วางแผนขุดหลุมพราง สมควรตายเป็นหมื่นครั้งโดยแท้ หนำซ้ำดูจากการกระทำของมันแล้วก็ไม่น่าใช่คนดีอะไร หลี่มู่เลยลงมือสังหารได้โดยไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย

“แค่ก แค่ก…เจ้า…ข้า…” เจ้าอ้วนเจิ้งยังตายไม่สนิทดี สมองยังคงรับรู้ ปากอ้าพะงาบๆ ส่งเสียง ท่าทางหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังรู้สึกยากจะเชื่อได้ จนเขาตายก็ไม่เชื่อว่าหลี่มู่สังหารตนจริงๆ

คนอื่นๆ อึ้งตะลึงกันไปหมด

นอกจากเจิ้งฉุนเจี้ยน

องครักษ์ของเจิ้งเทียนเหลียงสามสี่คนนั้นแทบจะอยู่ในสภาวะแข็งเป็นหิน

พวกเขายังไม่ทันตั้งตัว นายท่านของตัวเองก็โดนสังหารเด็ดหัวทิ้งเสียแล้ว…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? มีคนโง่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แม้แต่ท่านเจิ้งก็ยังกล้าสังหารจริงๆ หรือ เป็นบ้าไปแล้วกระมัง?

พวกเขาไม่ได้เตรียมใจไว้เลย

สาวใช้ชุนเฉ่าก็ตกใจอ้าปากค้างไปเช่นกัน

เมื่อครู่นางแค่อ้อนวอนหวังว่าหลี่มู่จะปกป้องฮูหยินเท่านั้น สำหรับความเป็นตายของของตน นางไม่สนใจอีกแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเณรน้อยรูปนี้กลับลงมือสังหารเจิ้งเทียนเหลียง นี่…ไม่ใช่ความฝันใช่หรือไม่?

ใช่แล้ว ยังมีอะไรอื่นอีก เมื่อครู่เขาว่าอะไรนะ?

ชุนเฉ่าฉุกคิด นึกถึงคำพูดอีกประโยคของหลี่มู่ขึ้นได้

เณรน้อยรูปนี้พูดว่าตนเองชื่อหลี่มู่ เป็นบุตรชายของฮูหยิน หรือว่า…คุณชาย…กลับมาแล้ว?

ส่วนท่านแม่หลี่นั้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยสมบูรณ์ ร่างสั่นสะท้านเล็กน้อย ลืมคำพูดไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อครู่นางได้ยินอะไร มู่เอ๋อร์กลับมาแล้ว เป็นมู่เอ๋อร์จริงๆ หรือ?

คงไม่เหมือนเมื่อก่อนที่กำลังฝัน หรือเกิดภาพลวงตาขึ้นอีกกระมัง?

“ไปเลย” หลี่มู่ยกเท้าข้างหนึ่งเตะหัวเจิ้งเทียนเหลียงลอยออกไปไกลจนกลายเป็นจุดดำ ก่อนจะหายลับไปในท้องฟ้า ไม่รู้ว่ากระเด็นไปไกลถึงไหน

พูดจารักษาคำพูด

พูดว่าจะเอามาเตะเป็นลูกหนัง ก็ต้องเอามาเตะเป็นลูกหนังจริงๆ

“เอาศพออกไป” หลี่มู่มองไปยังองครักษ์ของเจิ้งเทียนเหลียง

ตอนนี้องครักษ์สามสี่คนถึงเพิ่งตั้งสติกลับมาได้ โดยเฉพาะสองคนที่ชื่อวั่งไฉกับไหลฝู ยิ่งกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร รีบหามศพไร้หัวของเจิ้งเทียนเหลียงออกไปจากเขตเรือนเล็กทันที

“ข้าเกลียดคนแซ่เจิ้ง”

หลี่มู่พูดพึมพำกับตัวเอง

เจิ้งฉุนเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วเหงื่อตก น้อยอกน้อยใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

หลี่มู่หมุนตัวกลับมา คุกเข่าลงบนพื้นประดุจผลักเสาหยกทรุด ประหนึ่งพลิกเขาทองคว่ำ[1]ต่อหน้ามารดาหลี่มู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง “ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้ว…ลูกมาช้าไป ทำให้ท่านแม่ต้องลำบาก ลูกอกตัญญูนัก” เรียกท่านแม่แล้วกัน ในเมื่อมาแล้วก็ต้องแสดงละครให้ถึงที่สุด

“เจ้า…” มารดาหลี่มู่เหมือนตื่นจากฝัน ยกฝ่ามือสั่นเทาลูบคลำไปที่ใบหน้าของหลี่มู่ “เจ้าเป็นมู่เอ๋อร์ของข้าจริงๆ…มู่เอ๋อร์ของข้ากลับมาแล้วจริงๆ รึ?”

มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นของนางลูบไล้ไปบนใบหน้าของหลี่มู่

บุตรห่างไกล ใจแม่ห่วง

หลี่มู่จากเมืองฉางอันไปแปดปี ไม่มีข่าวคราวใดๆ แม้แต่จดหมายฉบับเดียวก็ไม่เคยส่งกลับมา ทำให้มารดารอคอยอย่างทุกข์ทน ในใจแทบจะหมดหวัง นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเมื่อไม่มีการดูแลจากตน หลี่มู่ที่อ่อนวัยจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ไม่รู้กี่คืนที่ร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง นางกังวลว่าลูกชายเจออันตรายข้างนอกหรือไม่ หรือว่าจะเป็นอะไรไปแล้ว…นางไม่กล้าคิดต่อไปเลย

ทุกวัน ทุกเวลา หลังจากที่ลูกชายจากไป สำหรับนางคือความทุกข์ทรมาน

นางก็เคยคิดจะไปตามลูกชายกลับมา

ถึงแม้ตัวนางจะเป็นอิสระ แต่ถูกเจ้าเมืองกักบริเวณ ไม่อาจออกไปจากเมืองฉางอันได้เลย

รอคอยอย่างลำบากยากเข็ญถึงแปดปี ในที่สุดลูกชายก็กลับมาแล้วหรือ?

นางลูบไล้ใบหน้าของหลี่มู่ขณะสั่นเทา อยากจะแยกแยะว่าเด็กหนุ่มข้างหน้าคนนี้ใช่ลูกชายของตนหรือไม่

“ท่านแม่ ลูกอกตัญญูเอง” หลี่มู่ก็ร้องไห้เสียงดังอย่างให้ความร่วมมือ แสดงได้ซาบซึ้งใจยิ่งนัก

มารดาหลี่มู่ตาบอดมองไม่เห็นแล้ว ดังนั้นในด้านนี้ไม่ต้องกังวลนัก อย่างน้อยนางมองไม่เห็นช่องโหว่จากภายนอก บางทีอาจจะตบตาผ่านไปได้ หวังว่าสตรีที่น่าสงสารคนนี้จะสามารถใช้ชีวิตที่เหลือของตนอยู่ในความสุขและความพึงพอใจ

ในใจของหลี่มู่กำลังคิดเช่นนี้

“เป็นมู่เอ๋อร์ของข้าจริงๆ เป็นมู่เอ๋อร์ของข้า เจ้าเติบใหญ่แล้ว แต่เค้าหน้าไม่เปลี่ยน…” มารดาหลี่มู่คลำใบหน้าของเขาอยู่นาน ในที่สุดก็มั่นใจ กล่าวกันว่าระหว่างแม่และลูกชายล้วนมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอันน่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นใจสื่อถึงกัน แปดปีผ่านไป หน้าตาของหลี่มู่เทียบกับปีก่อนๆ แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มาก เอกลักษณ์ของเครื่องหน้าบางอย่างยังมีอยู่ มารดาหลี่มู่ลูบไล้ไปมาอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็มั่นใจได้

“ลูกแม่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว” มารดาหลี่มู่ร้องไห้เสียงดัง

สาวใช้ชุนเฉ่าที่อยู่ข้างๆ ก็ดีใจจนน้ำตาไหลริน ใบหน้าฉายรอยยิ้ม แต่น้ำตากลับห้ามไว้ไม่อยู่

ในที่สุดก็รอจนถึงวันนี้ คุณชาย ในที่สุดก็กลับมาแล้ว

ภาพคนในครอบครัวกลับมาพบหน้ากัน ช่างทำให้คนซาบซึ้ง

เจิ้งฉุนเจี้ยนยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง นิ่งเงียบไม่ส่งเสียง

เขารู้ว่าในตอนนี้ การแสดงออกที่ดีที่สุดของเขาก็คืออย่าได้พูดทำลายบรรยากาศ

แต่ทว่า เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังที่หวัง

เสียงฝีเท้ากึกก้อง ดังมาจากในตรอกข้างนอกเรือน

จากนั้นก็ได้ยินเสียงไหลฝูตะโกนดังมาจากข้างนอก “ฆาตกรอยู่ข้างใน มันฆ่านายท่านเจิ้ง อย่าให้มันหนีไปได้…ใต้เท้าต่ง นายท่านของข้าถูกฆ่า ท่านต้องจัดการให้นายท่านของข้าให้ได้นะ”

……………………………………………………

[1] ประดุจผลักเสาหยกทรุด ประหนึ่งพลิกเขาทองคว่ำ เปรียบเปรยถึงการคุกเข่าให้กับเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยในทัศนคติของชาวจีน การคุกเข่าไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันง่ายๆ ทั้งยังเป็นการแสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดารา 130 เตะเป็นลูกหนัง

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 130 เตะเป็นลูกหนัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เจ้าอ้วนเจิ้งสีหน้าเหี้ยมเกรียม จ้องหลี่มู่เขม็งพลางพูดเสียงเย็น “คิดจะยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือ? ในเมืองฉางอันนี้ คนที่กล้ายุ่งเรื่องของข้านั้นมีไม่มาก เณรน้อยเจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวอยู่”

หลี่มู่ไม่สนใจชายอ้วน

เจ้าอ้วนเจิ้งและพวกสมุนของเขา ในสายตาของหลี่มู่แล้วไม่มีค่าแม้แต่จะเอ่ยถึง

ตอนนี้ สิ่งที่ในหัวของเขาขบคิดคือจะเข้าหน้ากับมารดาหลี่มู่อย่างไร ความทรงจำวัยเด็กที่หลี่มู่อยู่กับมารดาในอดีต เขาไม่รู้แม้แต่น้อย เรื่องแบบนี้ความแตกได้ง่ายจริงๆ เขาไม่รู้กระทั่งว่าหลี่มู่ตอนนั้นเรียกมารดาของตนว่าอย่างไร? เรียกแม่ ท่านแม่ มารดา หรือว่าอย่างอื่น?

“บอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น? เป็นมาอย่างไรกัน?” หลี่มู่มองไปยังแม่นางน้อยที่ขอความช่วยเหลือคนนั้น

แม่นางน้อยท่าทางลังเล นางมองหลี่มู่ ไม่ได้ไว้ใจโดยสิ้นเชิง และไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

เจ้าอ้วนเจิ้งที่อยู่อีกด้านหนึ่งหัวเราะเสียงเย็น “นังหญิงรับใช้สารเลวเป็นอนุที่ข้าจ่ายเงินก้อนโตซื้อมา แต่กลับไม่รักษาคุณธรรมของสตรี ขโมยของในคฤหาสน์ของข้าไป แต่ถูกองครักษ์ในคฤหาสน์พบเข้า ข้าตามมาจึงได้รู้ว่าขโมยมาแสดงความกตัญญูต่อนังเฒ่าไร้ประโยชน์นี่เอง ฮี่ๆ พวกมันจะต้องสมคบคิดวางแผนกันแน่นอน…” เขาหวาดระแวงพลังยุทธ์ของหลี่มู่อยู่บ้าง ในเมื่อฝ่ามือเดียวก็ตบคนขับรถของเขาลอยกระเด็น จะต้องไม่ใช่พวกไร้ฝีมือแน่

“อ้อ” หลี่มู่ยกมือตบลงไป

เพียะ!

เจ้าอ้วนเจิ้งหมุนอยู่กับที่อยู่สี่ห้ารอบ ใบหน้าด้านซ้ายมีรอยฝ่ามือประทับชัดเจน ฟันสามสี่ซี่หลุดกระเด็นออกไป

“เจ้า” เจ้าอ้วนเจิ้งโดนตบจนอึ้ง

หลี่มู่รับผ้าสีขาวจากมือเจิ้งฉุนเจี้ยนมาเช็ดมือ แล้วเอ่ยขึ้น “ฝ่ามือนี้เพื่อเตือนเจ้า พูดจาต้องมีอารยธรรม หากให้ข้าได้ยินคำสกปรกแม้เพียงแค่คำเดียวจากปากของเจ้าอีก ข้าจะเด็ดหัวเจ้ามาเตะแทนลูกหนังเสีย”

ตอนนี้เจ้าอ้วนเจิ้งถึงตั้งสติกลับมาได้บ้าง กระโดดขึ้นมาราวหมาไนถูกเหยียบหาง ก่อนตวาดอย่างดุดัน “เจ้า…เจ้ากล้าตบข้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? เจ้าตายแน่ ไม่มีใครกล้าตบข้าแบบนี้…”

หลี่มู่ไม่สนใจเขา มองมายังแม่นางน้อย

“พูดมาเถอะ พูดออกมา ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง” หลี่มู่กล่าวอีก

คราวนี้แม่นางน้อยถึงได้มีความกล้า เล่าเหตุการณ์ความเป็นมาให้ฟัง

ที่แท้หลี่มู่เดาไม่ผิดจริงๆ เด็กรับใช้คนนี้ชื่อว่าชุนเฉ่า เป็นเด็กสาวรับใช้คนสุดท้ายข้างกายมารดาหลี่มู่ ก่อนหน้านี้ถูกบังคับขายไปเป็นอนุให้กับเจ้าอ้วนเจิ้ง ชุนเฉ่าที่น่าสงสารจงรักภักดี ถึงแม้ถูกขายแต่ในใจยังนึกถึงท่านแม่หลี่ ดังนั้นจึงมักจะแอบหยิบของบางอย่างมาช่วยเหลือนายที่ตาบอดและใช้ชีวิตเองไม่ได้แล้ว วันนี้ เจ้าอ้วนเจิ้งกลับมอบของมีค่าและอาหารให้กับชุนเฉ่าเอง ให้นางส่งมายังที่พักอาศัยของมารดาหลี่มู่ ชุนเฉ่ายังนึกอยู่ว่าท่านเจิ้งมีเมตตานัก แต่ใครจะรู้ เมื่อนางก้าวออกมา เจ้าอ้วนเจิ้งก็พาคนไล่ตามบุกข้ามาในเรือนของมารดาหลี่มู่ แล้วใส่ความชุนเฉ่าว่าขโมยทรัพย์สินในคฤหาสน์ พอเข้ามาก็ลงมือตบตีอย่างเหี้ยมโหด จากนั้นจะให้มารดาหลี่มู่ให้คำตอบให้ได้

“คุณชาย ข้าไม่กล้าวาดหวังอย่างอื่น อยากจะขอแค่ให้คุณชายปกป้องฮูหยินด้วย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฮูหยินเลย ข้ายินดีให้ตีให้ลงโทษ ยินดีกลับไปกับท่านเจิ้งและรับโทษทุกอย่าง ขอแค่ไม่ทำให้ฮูหยินลำบากไปด้วย…บุญคุณของคุณชาย ชาติหน้าต่อให้ข้าเป็นวัวเป็นควายก็จะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน” ชุนเฉ่าคุกเข่าลง ขอร้องอ้อนวอน

นางไม่รู้จักหลี่มู่ ขอร้องให้เขาช่วยฮูหยินก็เป็นการล่วงเกินแล้ว จึงยิ่งไม่กล้าขอร้องให้ช่วยเหลือตน

เพราะนางไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขอให้หลี่มู่ช่วยตน แต่ต้องไปล่วงเกินเจ้าอ้วนเจิ้ง

นางรู้ เจ้าอ้วนเจิ้งมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองฉางอัน

นี่ก็นับว่าทำอะไรฉุกละหุกไม่คิดให้รอบคอบเต็มทีแล้ว

“ฮี่ๆ ขอร้องมัน? เจ้าเณรโล้นเองก็ยากจะเอาตัวรอดแล้ว…” ยามนี้เจ้าอ้วนเจิ้งตอบสนองกลับมา หัวเราะเหี้ยมเกรียมก่อนพูดขึ้น “ข้าเรียกคนมาแล้ว วันนี้พวกเจ้าหน้าไหนก็ไม่ต้องคิดจะหนีไปเลย…ฮี่ๆ เจ้าโล้น ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร แต่ว่าตบข้าเจิ้งเทียนเหลียง ต่อให้เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ก็ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนมา”

หลี่มู่มองเจิ้งฉุนเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นว่า “เจ้าเณรหัวโล้นสามคำนี้ถือเป็นคำหยาบไหม?”

เจิ้งฉุนเจี้ยนอึ้งไป ก่อนจะเข้าใจในทันที “นี่…น่าจะนับกระมัง”

หลี่มู่พยักหน้า มองไปยังเจ้าอ้วนเจิ้งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากให้ข้าจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนอะไร?”

“ฮี่ๆ นังเฒ่าไร้ประโยชน์สมคบคิดกับอนุข้า ขโมยทรัพย์สินในคฤหาสน์ของข้าไป ตามกฎหมายจักรวรรดิจะต้องชดใช้สองเท่า จากนั้นก็ติดคุก ถึงจะล้างความผิดของตัวเองได้ ฮี่ๆ หากมันไม่ยินดี เช่นนั้นข้าก็ยังชี้ทางอีกทางให้พวกมันได้…” พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเจิ้งเทียนเหลียงก็ฉายแววหื่นกาม “นังเฒ่าไร้ประโยชน์นี่นับว่าหน้าตาพอถูไถได้ ถึงจะแก่ไปหน่อย แต่ข้าก็ไม่รังเกียจ ขอแค่ไปเป็นอนุในคฤหาสน์ของข้า ปรนนิบัติรับใช้ข้าอย่างเต็มที่ เช่นนั้นเรื่องวันนี้ก็หายกัน…”

จิตสังหารฉายวาบขึ้นในดวงตาของหลี่มู่

เขาเข้าใจแล้ว นี่ต่างหากถึงจะเป็นสาเหตุที่เจิ้งเทียนเหลียงจงใจวางแผนใส่ความชุนเฉ่าและมารดาหลี่มู่กระมัง

ใครจะไปรู้ ไม่นึกว่ามันจะมองความงามของมารดาหลี่มู่จนน้ำลายไหล?

“เจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใครไม่ใช่หรือ?” หลี่มู่ขัดจังหวะเจิ้งเทียนเหลียงทันที พูดเน้นชัดถ้อยชัดคำ “ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้า ชื่อของข้าคือหลี่มู่ ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ และก็เป็นลูกชายของผู้ออกจากบ้านไปแปดปีจนในที่สุดก็กลับมาของสตรีที่เจ้าดูหมิ่นผู้นี้…ตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยัง?”

“อะไร? หลี่มู่ เจ้า…เจ้าเป็น…ลูกชายของนังแก่นี่…” เจ้าอ้วนเจิ้งสีหน้าตื่นตะลึง

“เจ้าฟังไม่ผิด เป็นข้าเอง” หลี่มู่พูดแล้วก็พลิกมือตบไปอีกฝ่ามือหนึ่ง

ผัวะ!

ฝ่ามือนี้ไม่ได้ควบคุมพลังไว้อีกต่อไป

ศีรษะของเจ้าเจิ้งอ้วนรับกับฝ่ามือนี้ หมุนอยู่บนคออยู่สิบกว่ารอบเหมือนลูกข่าง จากนั้นจึงร่วงลงพื้นดังตุบเหมือนกับแตงโม

“ข้าบอกแล้ว พูดคำสกปรกอีกแค่คำเดียว ก็จะเด็ดหัวของเจ้ามาเตะแทนลูกหนัง เจ้าคิดว่าข้าพูดเล่นรึไง?” หลี่มู่มองต่ำลงมายังหัวที่ร่วงอยู่บนพื้นของเจ้าอ้วนเจิ้ง

ผู้ดูหมิ่นมารดาต้องตาย เจ้าอ้วนเจิ้งอ้าปากก็ว่านังเฒ่าไร้ประโยชน์ ด่าทอไม่ใช่แค่ประโยคเดียว อีกทั้งยังจ้องจะครอบครองความงามของมารดาหลี่มู่ตาเป็นมัน วางแผนขุดหลุมพราง สมควรตายเป็นหมื่นครั้งโดยแท้ หนำซ้ำดูจากการกระทำของมันแล้วก็ไม่น่าใช่คนดีอะไร หลี่มู่เลยลงมือสังหารได้โดยไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย

“แค่ก แค่ก…เจ้า…ข้า…” เจ้าอ้วนเจิ้งยังตายไม่สนิทดี สมองยังคงรับรู้ ปากอ้าพะงาบๆ ส่งเสียง ท่าทางหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังรู้สึกยากจะเชื่อได้ จนเขาตายก็ไม่เชื่อว่าหลี่มู่สังหารตนจริงๆ

คนอื่นๆ อึ้งตะลึงกันไปหมด

นอกจากเจิ้งฉุนเจี้ยน

องครักษ์ของเจิ้งเทียนเหลียงสามสี่คนนั้นแทบจะอยู่ในสภาวะแข็งเป็นหิน

พวกเขายังไม่ทันตั้งตัว นายท่านของตัวเองก็โดนสังหารเด็ดหัวทิ้งเสียแล้ว…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? มีคนโง่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แม้แต่ท่านเจิ้งก็ยังกล้าสังหารจริงๆ หรือ เป็นบ้าไปแล้วกระมัง?

พวกเขาไม่ได้เตรียมใจไว้เลย

สาวใช้ชุนเฉ่าก็ตกใจอ้าปากค้างไปเช่นกัน

เมื่อครู่นางแค่อ้อนวอนหวังว่าหลี่มู่จะปกป้องฮูหยินเท่านั้น สำหรับความเป็นตายของของตน นางไม่สนใจอีกแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเณรน้อยรูปนี้กลับลงมือสังหารเจิ้งเทียนเหลียง นี่…ไม่ใช่ความฝันใช่หรือไม่?

ใช่แล้ว ยังมีอะไรอื่นอีก เมื่อครู่เขาว่าอะไรนะ?

ชุนเฉ่าฉุกคิด นึกถึงคำพูดอีกประโยคของหลี่มู่ขึ้นได้

เณรน้อยรูปนี้พูดว่าตนเองชื่อหลี่มู่ เป็นบุตรชายของฮูหยิน หรือว่า…คุณชาย…กลับมาแล้ว?

ส่วนท่านแม่หลี่นั้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยสมบูรณ์ ร่างสั่นสะท้านเล็กน้อย ลืมคำพูดไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อครู่นางได้ยินอะไร มู่เอ๋อร์กลับมาแล้ว เป็นมู่เอ๋อร์จริงๆ หรือ?

คงไม่เหมือนเมื่อก่อนที่กำลังฝัน หรือเกิดภาพลวงตาขึ้นอีกกระมัง?

“ไปเลย” หลี่มู่ยกเท้าข้างหนึ่งเตะหัวเจิ้งเทียนเหลียงลอยออกไปไกลจนกลายเป็นจุดดำ ก่อนจะหายลับไปในท้องฟ้า ไม่รู้ว่ากระเด็นไปไกลถึงไหน

พูดจารักษาคำพูด

พูดว่าจะเอามาเตะเป็นลูกหนัง ก็ต้องเอามาเตะเป็นลูกหนังจริงๆ

“เอาศพออกไป” หลี่มู่มองไปยังองครักษ์ของเจิ้งเทียนเหลียง

ตอนนี้องครักษ์สามสี่คนถึงเพิ่งตั้งสติกลับมาได้ โดยเฉพาะสองคนที่ชื่อวั่งไฉกับไหลฝู ยิ่งกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร รีบหามศพไร้หัวของเจิ้งเทียนเหลียงออกไปจากเขตเรือนเล็กทันที

“ข้าเกลียดคนแซ่เจิ้ง”

หลี่มู่พูดพึมพำกับตัวเอง

เจิ้งฉุนเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วเหงื่อตก น้อยอกน้อยใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

หลี่มู่หมุนตัวกลับมา คุกเข่าลงบนพื้นประดุจผลักเสาหยกทรุด ประหนึ่งพลิกเขาทองคว่ำ[1]ต่อหน้ามารดาหลี่มู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง “ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้ว…ลูกมาช้าไป ทำให้ท่านแม่ต้องลำบาก ลูกอกตัญญูนัก” เรียกท่านแม่แล้วกัน ในเมื่อมาแล้วก็ต้องแสดงละครให้ถึงที่สุด

“เจ้า…” มารดาหลี่มู่เหมือนตื่นจากฝัน ยกฝ่ามือสั่นเทาลูบคลำไปที่ใบหน้าของหลี่มู่ “เจ้าเป็นมู่เอ๋อร์ของข้าจริงๆ…มู่เอ๋อร์ของข้ากลับมาแล้วจริงๆ รึ?”

มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นของนางลูบไล้ไปบนใบหน้าของหลี่มู่

บุตรห่างไกล ใจแม่ห่วง

หลี่มู่จากเมืองฉางอันไปแปดปี ไม่มีข่าวคราวใดๆ แม้แต่จดหมายฉบับเดียวก็ไม่เคยส่งกลับมา ทำให้มารดารอคอยอย่างทุกข์ทน ในใจแทบจะหมดหวัง นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเมื่อไม่มีการดูแลจากตน หลี่มู่ที่อ่อนวัยจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ไม่รู้กี่คืนที่ร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง นางกังวลว่าลูกชายเจออันตรายข้างนอกหรือไม่ หรือว่าจะเป็นอะไรไปแล้ว…นางไม่กล้าคิดต่อไปเลย

ทุกวัน ทุกเวลา หลังจากที่ลูกชายจากไป สำหรับนางคือความทุกข์ทรมาน

นางก็เคยคิดจะไปตามลูกชายกลับมา

ถึงแม้ตัวนางจะเป็นอิสระ แต่ถูกเจ้าเมืองกักบริเวณ ไม่อาจออกไปจากเมืองฉางอันได้เลย

รอคอยอย่างลำบากยากเข็ญถึงแปดปี ในที่สุดลูกชายก็กลับมาแล้วหรือ?

นางลูบไล้ใบหน้าของหลี่มู่ขณะสั่นเทา อยากจะแยกแยะว่าเด็กหนุ่มข้างหน้าคนนี้ใช่ลูกชายของตนหรือไม่

“ท่านแม่ ลูกอกตัญญูเอง” หลี่มู่ก็ร้องไห้เสียงดังอย่างให้ความร่วมมือ แสดงได้ซาบซึ้งใจยิ่งนัก

มารดาหลี่มู่ตาบอดมองไม่เห็นแล้ว ดังนั้นในด้านนี้ไม่ต้องกังวลนัก อย่างน้อยนางมองไม่เห็นช่องโหว่จากภายนอก บางทีอาจจะตบตาผ่านไปได้ หวังว่าสตรีที่น่าสงสารคนนี้จะสามารถใช้ชีวิตที่เหลือของตนอยู่ในความสุขและความพึงพอใจ

ในใจของหลี่มู่กำลังคิดเช่นนี้

“เป็นมู่เอ๋อร์ของข้าจริงๆ เป็นมู่เอ๋อร์ของข้า เจ้าเติบใหญ่แล้ว แต่เค้าหน้าไม่เปลี่ยน…” มารดาหลี่มู่คลำใบหน้าของเขาอยู่นาน ในที่สุดก็มั่นใจ กล่าวกันว่าระหว่างแม่และลูกชายล้วนมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอันน่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นใจสื่อถึงกัน แปดปีผ่านไป หน้าตาของหลี่มู่เทียบกับปีก่อนๆ แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มาก เอกลักษณ์ของเครื่องหน้าบางอย่างยังมีอยู่ มารดาหลี่มู่ลูบไล้ไปมาอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็มั่นใจได้

“ลูกแม่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว” มารดาหลี่มู่ร้องไห้เสียงดัง

สาวใช้ชุนเฉ่าที่อยู่ข้างๆ ก็ดีใจจนน้ำตาไหลริน ใบหน้าฉายรอยยิ้ม แต่น้ำตากลับห้ามไว้ไม่อยู่

ในที่สุดก็รอจนถึงวันนี้ คุณชาย ในที่สุดก็กลับมาแล้ว

ภาพคนในครอบครัวกลับมาพบหน้ากัน ช่างทำให้คนซาบซึ้ง

เจิ้งฉุนเจี้ยนยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง นิ่งเงียบไม่ส่งเสียง

เขารู้ว่าในตอนนี้ การแสดงออกที่ดีที่สุดของเขาก็คืออย่าได้พูดทำลายบรรยากาศ

แต่ทว่า เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังที่หวัง

เสียงฝีเท้ากึกก้อง ดังมาจากในตรอกข้างนอกเรือน

จากนั้นก็ได้ยินเสียงไหลฝูตะโกนดังมาจากข้างนอก “ฆาตกรอยู่ข้างใน มันฆ่านายท่านเจิ้ง อย่าให้มันหนีไปได้…ใต้เท้าต่ง นายท่านของข้าถูกฆ่า ท่านต้องจัดการให้นายท่านของข้าให้ได้นะ”

……………………………………………………

[1] ประดุจผลักเสาหยกทรุด ประหนึ่งพลิกเขาทองคว่ำ เปรียบเปรยถึงการคุกเข่าให้กับเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยในทัศนคติของชาวจีน การคุกเข่าไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันง่ายๆ ทั้งยังเป็นการแสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดารา 130 เตะเป็นลูกหนัง

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 130 เตะเป็นลูกหนัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เจ้าอ้วนเจิ้งสีหน้าเหี้ยมเกรียม จ้องหลี่มู่เขม็งพลางพูดเสียงเย็น “คิดจะยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือ? ในเมืองฉางอันนี้ คนที่กล้ายุ่งเรื่องของข้านั้นมีไม่มาก เณรน้อยเจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวอยู่”

 

หลี่มู่ไม่สนใจชายอ้วน

 

เจ้าอ้วนเจิ้งและพวกสมุนของเขา ในสายตาของหลี่มู่แล้วไม่มีค่าแม้แต่จะเอ่ยถึง

 

ตอนนี้ สิ่งที่ในหัวของเขาขบคิดคือจะเข้าหน้ากับมารดาหลี่มู่อย่างไร ความทรงจำวัยเด็กที่หลี่มู่อยู่กับมารดาในอดีต เขาไม่รู้แม้แต่น้อย เรื่องแบบนี้ความแตกได้ง่ายจริงๆ เขาไม่รู้กระทั่งว่าหลี่มู่ตอนนั้นเรียกมารดาของตนว่าอย่างไร? เรียกแม่ ท่านแม่ มารดา หรือว่าอย่างอื่น?

 

“บอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น? เป็นมาอย่างไรกัน?” หลี่มู่มองไปยังแม่นางน้อยที่ขอความช่วยเหลือคนนั้น

 

แม่นางน้อยท่าทางลังเล นางมองหลี่มู่ ไม่ได้ไว้ใจโดยสิ้นเชิง และไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

 

เจ้าอ้วนเจิ้งที่อยู่อีกด้านหนึ่งหัวเราะเสียงเย็น “นังหญิงรับใช้สารเลวเป็นอนุที่ข้าจ่ายเงินก้อนโตซื้อมา แต่กลับไม่รักษาคุณธรรมของสตรี ขโมยของในคฤหาสน์ของข้าไป แต่ถูกองครักษ์ในคฤหาสน์พบเข้า ข้าตามมาจึงได้รู้ว่าขโมยมาแสดงความกตัญญูต่อนังเฒ่าไร้ประโยชน์นี่เอง ฮี่ๆ พวกมันจะต้องสมคบคิดวางแผนกันแน่นอน…” เขาหวาดระแวงพลังยุทธ์ของหลี่มู่อยู่บ้าง ในเมื่อฝ่ามือเดียวก็ตบคนขับรถของเขาลอยกระเด็น จะต้องไม่ใช่พวกไร้ฝีมือแน่

 

“อ้อ” หลี่มู่ยกมือตบลงไป

 

เพียะ!

 

เจ้าอ้วนเจิ้งหมุนอยู่กับที่อยู่สี่ห้ารอบ ใบหน้าด้านซ้ายมีรอยฝ่ามือประทับชัดเจน ฟันสามสี่ซี่หลุดกระเด็นออกไป

 

“เจ้า” เจ้าอ้วนเจิ้งโดนตบจนอึ้ง

 

หลี่มู่รับผ้าสีขาวจากมือเจิ้งฉุนเจี้ยนมาเช็ดมือ แล้วเอ่ยขึ้น “ฝ่ามือนี้เพื่อเตือนเจ้า พูดจาต้องมีอารยธรรม หากให้ข้าได้ยินคำสกปรกแม้เพียงแค่คำเดียวจากปากของเจ้าอีก ข้าจะเด็ดหัวเจ้ามาเตะแทนลูกหนังเสีย”

 

ตอนนี้เจ้าอ้วนเจิ้งถึงตั้งสติกลับมาได้บ้าง กระโดดขึ้นมาราวหมาไนถูกเหยียบหาง ก่อนตวาดอย่างดุดัน “เจ้า…เจ้ากล้าตบข้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? เจ้าตายแน่ ไม่มีใครกล้าตบข้าแบบนี้…”

 

หลี่มู่ไม่สนใจเขา มองมายังแม่นางน้อย

 

“พูดมาเถอะ พูดออกมา ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง” หลี่มู่กล่าวอีก

 

คราวนี้แม่นางน้อยถึงได้มีความกล้า เล่าเหตุการณ์ความเป็นมาให้ฟัง

 

ที่แท้หลี่มู่เดาไม่ผิดจริงๆ เด็กรับใช้คนนี้ชื่อว่าชุนเฉ่า เป็นเด็กสาวรับใช้คนสุดท้ายข้างกายมารดาหลี่มู่ ก่อนหน้านี้ถูกบังคับขายไปเป็นอนุให้กับเจ้าอ้วนเจิ้ง ชุนเฉ่าที่น่าสงสารจงรักภักดี ถึงแม้ถูกขายแต่ในใจยังนึกถึงท่านแม่หลี่ ดังนั้นจึงมักจะแอบหยิบของบางอย่างมาช่วยเหลือนายที่ตาบอดและใช้ชีวิตเองไม่ได้แล้ว วันนี้ เจ้าอ้วนเจิ้งกลับมอบของมีค่าและอาหารให้กับชุนเฉ่าเอง ให้นางส่งมายังที่พักอาศัยของมารดาหลี่มู่ ชุนเฉ่ายังนึกอยู่ว่าท่านเจิ้งมีเมตตานัก แต่ใครจะรู้ เมื่อนางก้าวออกมา เจ้าอ้วนเจิ้งก็พาคนไล่ตามบุกข้ามาในเรือนของมารดาหลี่มู่ แล้วใส่ความชุนเฉ่าว่าขโมยทรัพย์สินในคฤหาสน์ พอเข้ามาก็ลงมือตบตีอย่างเหี้ยมโหด จากนั้นจะให้มารดาหลี่มู่ให้คำตอบให้ได้

 

“คุณชาย ข้าไม่กล้าวาดหวังอย่างอื่น อยากจะขอแค่ให้คุณชายปกป้องฮูหยินด้วย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฮูหยินเลย ข้ายินดีให้ตีให้ลงโทษ ยินดีกลับไปกับท่านเจิ้งและรับโทษทุกอย่าง ขอแค่ไม่ทำให้ฮูหยินลำบากไปด้วย…บุญคุณของคุณชาย ชาติหน้าต่อให้ข้าเป็นวัวเป็นควายก็จะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน” ชุนเฉ่าคุกเข่าลง ขอร้องอ้อนวอน

 

นางไม่รู้จักหลี่มู่ ขอร้องให้เขาช่วยฮูหยินก็เป็นการล่วงเกินแล้ว จึงยิ่งไม่กล้าขอร้องให้ช่วยเหลือตน

 

เพราะนางไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขอให้หลี่มู่ช่วยตน แต่ต้องไปล่วงเกินเจ้าอ้วนเจิ้ง

 

นางรู้ เจ้าอ้วนเจิ้งมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองฉางอัน

 

นี่ก็นับว่าทำอะไรฉุกละหุกไม่คิดให้รอบคอบเต็มทีแล้ว

 

“ฮี่ๆ ขอร้องมัน? เจ้าเณรโล้นเองก็ยากจะเอาตัวรอดแล้ว…” ยามนี้เจ้าอ้วนเจิ้งตอบสนองกลับมา หัวเราะเหี้ยมเกรียมก่อนพูดขึ้น “ข้าเรียกคนมาแล้ว วันนี้พวกเจ้าหน้าไหนก็ไม่ต้องคิดจะหนีไปเลย…ฮี่ๆ เจ้าโล้น ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร แต่ว่าตบข้าเจิ้งเทียนเหลียง ต่อให้เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ก็ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนมา”

 

หลี่มู่มองเจิ้งฉุนเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นว่า “เจ้าเณรหัวโล้นสามคำนี้ถือเป็นคำหยาบไหม?”

 

เจิ้งฉุนเจี้ยนอึ้งไป ก่อนจะเข้าใจในทันที “นี่…น่าจะนับกระมัง”

 

หลี่มู่พยักหน้า มองไปยังเจ้าอ้วนเจิ้งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากให้ข้าจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนอะไร?”

 

“ฮี่ๆ นังเฒ่าไร้ประโยชน์สมคบคิดกับอนุข้า ขโมยทรัพย์สินในคฤหาสน์ของข้าไป ตามกฎหมายจักรวรรดิจะต้องชดใช้สองเท่า จากนั้นก็ติดคุก ถึงจะล้างความผิดของตัวเองได้ ฮี่ๆ หากมันไม่ยินดี เช่นนั้นข้าก็ยังชี้ทางอีกทางให้พวกมันได้…” พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเจิ้งเทียนเหลียงก็ฉายแววหื่นกาม “นังเฒ่าไร้ประโยชน์นี่นับว่าหน้าตาพอถูไถได้ ถึงจะแก่ไปหน่อย แต่ข้าก็ไม่รังเกียจ ขอแค่ไปเป็นอนุในคฤหาสน์ของข้า ปรนนิบัติรับใช้ข้าอย่างเต็มที่ เช่นนั้นเรื่องวันนี้ก็หายกัน…”

 

จิตสังหารฉายวาบขึ้นในดวงตาของหลี่มู่

 

เขาเข้าใจแล้ว นี่ต่างหากถึงจะเป็นสาเหตุที่เจิ้งเทียนเหลียงจงใจวางแผนใส่ความชุนเฉ่าและมารดาหลี่มู่กระมัง

 

ใครจะไปรู้ ไม่นึกว่ามันจะมองความงามของมารดาหลี่มู่จนน้ำลายไหล?

 

“เจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใครไม่ใช่หรือ?” หลี่มู่ขัดจังหวะเจิ้งเทียนเหลียงทันที พูดเน้นชัดถ้อยชัดคำ “ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้า ชื่อของข้าคือหลี่มู่ ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ และก็เป็นลูกชายของผู้ออกจากบ้านไปแปดปีจนในที่สุดก็กลับมาของสตรีที่เจ้าดูหมิ่นผู้นี้…ตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยัง?”

 

“อะไร? หลี่มู่ เจ้า…เจ้าเป็น…ลูกชายของนังแก่นี่…” เจ้าอ้วนเจิ้งสีหน้าตื่นตะลึง

 

“เจ้าฟังไม่ผิด เป็นข้าเอง” หลี่มู่พูดแล้วก็พลิกมือตบไปอีกฝ่ามือหนึ่ง

 

ผัวะ!

 

ฝ่ามือนี้ไม่ได้ควบคุมพลังไว้อีกต่อไป

 

ศีรษะของเจ้าเจิ้งอ้วนรับกับฝ่ามือนี้ หมุนอยู่บนคออยู่สิบกว่ารอบเหมือนลูกข่าง จากนั้นจึงร่วงลงพื้นดังตุบเหมือนกับแตงโม

 

“ข้าบอกแล้ว พูดคำสกปรกอีกแค่คำเดียว ก็จะเด็ดหัวของเจ้ามาเตะแทนลูกหนัง เจ้าคิดว่าข้าพูดเล่นรึไง?” หลี่มู่มองต่ำลงมายังหัวที่ร่วงอยู่บนพื้นของเจ้าอ้วนเจิ้ง

 

ผู้ดูหมิ่นมารดาต้องตาย เจ้าอ้วนเจิ้งอ้าปากก็ว่านังเฒ่าไร้ประโยชน์ ด่าทอไม่ใช่แค่ประโยคเดียว อีกทั้งยังจ้องจะครอบครองความงามของมารดาหลี่มู่ตาเป็นมัน วางแผนขุดหลุมพราง สมควรตายเป็นหมื่นครั้งโดยแท้ หนำซ้ำดูจากการกระทำของมันแล้วก็ไม่น่าใช่คนดีอะไร หลี่มู่เลยลงมือสังหารได้โดยไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย

 

“แค่ก แค่ก…เจ้า…ข้า…” เจ้าอ้วนเจิ้งยังตายไม่สนิทดี สมองยังคงรับรู้ ปากอ้าพะงาบๆ ส่งเสียง ท่าทางหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังรู้สึกยากจะเชื่อได้ จนเขาตายก็ไม่เชื่อว่าหลี่มู่สังหารตนจริงๆ

 

คนอื่นๆ อึ้งตะลึงกันไปหมด

 

นอกจากเจิ้งฉุนเจี้ยน

 

องครักษ์ของเจิ้งเทียนเหลียงสามสี่คนนั้นแทบจะอยู่ในสภาวะแข็งเป็นหิน

 

พวกเขายังไม่ทันตั้งตัว นายท่านของตัวเองก็โดนสังหารเด็ดหัวทิ้งเสียแล้ว…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? มีคนโง่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แม้แต่ท่านเจิ้งก็ยังกล้าสังหารจริงๆ หรือ เป็นบ้าไปแล้วกระมัง?

 

พวกเขาไม่ได้เตรียมใจไว้เลย

 

สาวใช้ชุนเฉ่าก็ตกใจอ้าปากค้างไปเช่นกัน

 

เมื่อครู่นางแค่อ้อนวอนหวังว่าหลี่มู่จะปกป้องฮูหยินเท่านั้น สำหรับความเป็นตายของของตน นางไม่สนใจอีกแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเณรน้อยรูปนี้กลับลงมือสังหารเจิ้งเทียนเหลียง นี่…ไม่ใช่ความฝันใช่หรือไม่?

 

ใช่แล้ว ยังมีอะไรอื่นอีก เมื่อครู่เขาว่าอะไรนะ?

 

ชุนเฉ่าฉุกคิด นึกถึงคำพูดอีกประโยคของหลี่มู่ขึ้นได้

 

เณรน้อยรูปนี้พูดว่าตนเองชื่อหลี่มู่ เป็นบุตรชายของฮูหยิน หรือว่า…คุณชาย…กลับมาแล้ว?

 

ส่วนท่านแม่หลี่นั้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยสมบูรณ์ ร่างสั่นสะท้านเล็กน้อย ลืมคำพูดไปโดยสิ้นเชิง

 

เมื่อครู่นางได้ยินอะไร มู่เอ๋อร์กลับมาแล้ว เป็นมู่เอ๋อร์จริงๆ หรือ?

 

คงไม่เหมือนเมื่อก่อนที่กำลังฝัน หรือเกิดภาพลวงตาขึ้นอีกกระมัง?

 

“ไปเลย” หลี่มู่ยกเท้าข้างหนึ่งเตะหัวเจิ้งเทียนเหลียงลอยออกไปไกลจนกลายเป็นจุดดำ ก่อนจะหายลับไปในท้องฟ้า ไม่รู้ว่ากระเด็นไปไกลถึงไหน

 

พูดจารักษาคำพูด

 

พูดว่าจะเอามาเตะเป็นลูกหนัง ก็ต้องเอามาเตะเป็นลูกหนังจริงๆ

 

“เอาศพออกไป” หลี่มู่มองไปยังองครักษ์ของเจิ้งเทียนเหลียง

 

ตอนนี้องครักษ์สามสี่คนถึงเพิ่งตั้งสติกลับมาได้ โดยเฉพาะสองคนที่ชื่อวั่งไฉกับไหลฝู ยิ่งกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร รีบหามศพไร้หัวของเจิ้งเทียนเหลียงออกไปจากเขตเรือนเล็กทันที

 

“ข้าเกลียดคนแซ่เจิ้ง”

 

หลี่มู่พูดพึมพำกับตัวเอง

 

เจิ้งฉุนเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วเหงื่อตก น้อยอกน้อยใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

 

หลี่มู่หมุนตัวกลับมา คุกเข่าลงบนพื้นประดุจผลักเสาหยกทรุด ประหนึ่งพลิกเขาทองคว่ำ[1]ต่อหน้ามารดาหลี่มู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง “ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้ว…ลูกมาช้าไป ทำให้ท่านแม่ต้องลำบาก ลูกอกตัญญูนัก” เรียกท่านแม่แล้วกัน ในเมื่อมาแล้วก็ต้องแสดงละครให้ถึงที่สุด

 

“เจ้า…” มารดาหลี่มู่เหมือนตื่นจากฝัน ยกฝ่ามือสั่นเทาลูบคลำไปที่ใบหน้าของหลี่มู่ “เจ้าเป็นมู่เอ๋อร์ของข้าจริงๆ…มู่เอ๋อร์ของข้ากลับมาแล้วจริงๆ รึ?”

 

มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นของนางลูบไล้ไปบนใบหน้าของหลี่มู่

 

บุตรห่างไกล ใจแม่ห่วง

 

หลี่มู่จากเมืองฉางอันไปแปดปี ไม่มีข่าวคราวใดๆ แม้แต่จดหมายฉบับเดียวก็ไม่เคยส่งกลับมา ทำให้มารดารอคอยอย่างทุกข์ทน ในใจแทบจะหมดหวัง นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเมื่อไม่มีการดูแลจากตน หลี่มู่ที่อ่อนวัยจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ไม่รู้กี่คืนที่ร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง นางกังวลว่าลูกชายเจออันตรายข้างนอกหรือไม่ หรือว่าจะเป็นอะไรไปแล้ว…นางไม่กล้าคิดต่อไปเลย

 

ทุกวัน ทุกเวลา หลังจากที่ลูกชายจากไป สำหรับนางคือความทุกข์ทรมาน

 

นางก็เคยคิดจะไปตามลูกชายกลับมา

 

ถึงแม้ตัวนางจะเป็นอิสระ แต่ถูกเจ้าเมืองกักบริเวณ ไม่อาจออกไปจากเมืองฉางอันได้เลย

 

รอคอยอย่างลำบากยากเข็ญถึงแปดปี ในที่สุดลูกชายก็กลับมาแล้วหรือ?

 

นางลูบไล้ใบหน้าของหลี่มู่ขณะสั่นเทา อยากจะแยกแยะว่าเด็กหนุ่มข้างหน้าคนนี้ใช่ลูกชายของตนหรือไม่

 

“ท่านแม่ ลูกอกตัญญูเอง” หลี่มู่ก็ร้องไห้เสียงดังอย่างให้ความร่วมมือ แสดงได้ซาบซึ้งใจยิ่งนัก

 

มารดาหลี่มู่ตาบอดมองไม่เห็นแล้ว ดังนั้นในด้านนี้ไม่ต้องกังวลนัก อย่างน้อยนางมองไม่เห็นช่องโหว่จากภายนอก บางทีอาจจะตบตาผ่านไปได้ หวังว่าสตรีที่น่าสงสารคนนี้จะสามารถใช้ชีวิตที่เหลือของตนอยู่ในความสุขและความพึงพอใจ

 

ในใจของหลี่มู่กำลังคิดเช่นนี้

 

“เป็นมู่เอ๋อร์ของข้าจริงๆ เป็นมู่เอ๋อร์ของข้า เจ้าเติบใหญ่แล้ว แต่เค้าหน้าไม่เปลี่ยน…” มารดาหลี่มู่คลำใบหน้าของเขาอยู่นาน ในที่สุดก็มั่นใจ กล่าวกันว่าระหว่างแม่และลูกชายล้วนมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอันน่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นใจสื่อถึงกัน แปดปีผ่านไป หน้าตาของหลี่มู่เทียบกับปีก่อนๆ แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มาก เอกลักษณ์ของเครื่องหน้าบางอย่างยังมีอยู่ มารดาหลี่มู่ลูบไล้ไปมาอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็มั่นใจได้

 

“ลูกแม่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว” มารดาหลี่มู่ร้องไห้เสียงดัง

 

สาวใช้ชุนเฉ่าที่อยู่ข้างๆ ก็ดีใจจนน้ำตาไหลริน ใบหน้าฉายรอยยิ้ม แต่น้ำตากลับห้ามไว้ไม่อยู่

 

ในที่สุดก็รอจนถึงวันนี้ คุณชาย ในที่สุดก็กลับมาแล้ว

 

ภาพคนในครอบครัวกลับมาพบหน้ากัน ช่างทำให้คนซาบซึ้ง

 

เจิ้งฉุนเจี้ยนยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง นิ่งเงียบไม่ส่งเสียง

 

เขารู้ว่าในตอนนี้ การแสดงออกที่ดีที่สุดของเขาก็คืออย่าได้พูดทำลายบรรยากาศ

 

แต่ทว่า เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังที่หวัง

 

เสียงฝีเท้ากึกก้อง ดังมาจากในตรอกข้างนอกเรือน

 

จากนั้นก็ได้ยินเสียงไหลฝูตะโกนดังมาจากข้างนอก “ฆาตกรอยู่ข้างใน มันฆ่านายท่านเจิ้ง อย่าให้มันหนีไปได้…ใต้เท้าต่ง นายท่านของข้าถูกฆ่า ท่านต้องจัดการให้นายท่านของข้าให้ได้นะ”

 

……………………………………………………

 

 

 

[1] ประดุจผลักเสาหยกทรุด ประหนึ่งพลิกเขาทองคว่ำ เปรียบเปรยถึงการคุกเข่าให้กับเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยในทัศนคติของชาวจีน การคุกเข่าไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันง่ายๆ ทั้งยังเป็นการแสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+