จอมศาสตราพลิกดารา 172 การต่อสู้จบลงกะทันหันนัก

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 172 การต่อสู้จบลงกะทันหันนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลี่มู่ก็ไม่ใช้อาวุธใดๆ ตามคาด ยังคงใช้ฝ่ามือเปล่าทั้งสองต่อกรกับศัตรู

หกดาบวายุเมฆาเป็นกระบวนท่าที่เขาคิดค้นออกมาเอง ตอนนี้สำเร็จไปแค่ชักดาบสะบั้นกับตัดอสุนีรวมสองท่าเท่านั้น อาศัยแค่พลังกายอันแข็งแกร่งของเขาปะทุพละกำลังออกมาฝืนต่อกรกับกระบี่สวรรค์สิบหกท่า ส่วนอีกสี่ท่าที่เหลือยังไม่สำเร็จ เป็นเพียงแค่ต้นแบบเท่านั้น ยังเอามาใช้สู้กับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ไม่ได้

ดังนั้น เขาจึงยังใช้วิชาดาบสองท่านี้ต่อสู้ หากเปลี่ยนแปลงไม่ทันจริงๆ ก็ซัด ‘หมัดยุทธ์แท้’ กระบวนท่าที่หนึ่ง ‘ค้อนทะยานฟ้า’ ออกมา ปลดปล่อยพลังรุนแรงที่สุด ด้วยหนึ่งหมัดนี้ กระบวนท่ากระบี่ทรงพลังน่าอัศจรรย์ใดๆ ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ก็สลายไปสิ้น

การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งสองปะทะกันเต็มกำลัง การต่อสู้เป็นพลังกระบวนท่าสังหารล้วนๆ สู้กันราวอุกกาบาตพุ่งชนโลกก็ไม่ปาน

ในสนามรอบเวทีประลอง เสียงฮือฮาเสียงทอดถอนใจดังสอดรับกันเป็นระลอกราวคลื่นน้ำ

เหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายต่างตื่นตะลึง เบิกตากว้าง กลัวว่าจะพลาดฉากสำคัญใดไป สำหรับพวกเขาการต่อสู้ระดับนี้เป็นการต่อสู้ของเทพมารชัดๆ ไม่ต่างอะไรกับเทพเซียนต่อสู้กันเลย ทั้งยังกลับตาลปัตรความรู้ด้านวิถียุทธ์ของพวกเขาหลายคนโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาตระหนักได้เป็นครั้งแรกว่า ที่แท้วรยุทธ์ซึ่งฝึกฝนจนถึงขั้นยอดปรมาจารย์นั้นน่ากลัวถึงเพียงนี้

บนเวทีชมการประลอง สีหน้าท่าทางของเหล่าคนใหญ่คนโตทั้งหลายกลับต่างออกไป

‘กระบี่เทพเบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิงสีหน้ายังคงผ่อนคลาย แต่ยากที่จะปิดความตกใจเอาไว้

ในใจเจ้าเมืองหลี่กังกลับกำลังคิดถึงคำพูดของหลี่มู่ก่อนหน้านี้ ผ้าพันคอแดง เยาวชนกองหน้า ผ้าสามแถบ พวกนี้คืออะไร ไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือจะเป็นสำนักใหญ่แห่งใดที่ปลีกตัวจากโลกไปตั้งแต่โบราณกาล? หรือว่าเจ้าลูกนอกคอกนี่หายไปแปดปีแล้วจะโชควาสนาที่เยี่ยมยอดอะไรมา?

หนิงหรูซานกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ทุกข์ไม่ร้อน

กลับกันคู่สามีภรรยาหนิงจิ้งและตงเสวี่ยที่อยู่ด้านหลังเขาเคร่งเครียดสุดขีด กลัวว่าหลี่มู่จะเป็นอะไรไป

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ค่อยๆ สำแดงกระบวนท่า ‘กระบี่สวรรค์สิบหกท่า’ ตั้งแต่ต้นจนจบรอบหนึ่งแล้ว แม้แต่ท่ากระบี่เหินหาวที่ร้ายกาจที่สุดก็ยังใช้ออกมา ทิ้งรอยบาดแผลไว้บนร่างหลี่มู่หลายรอย แต่ก็เป็นแค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายไปจนถึงกระดูก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอวัยวะภายในเลย

และสิ่งที่ทำให้ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ยิ่งสู้ยิ่งตะลึงก็คือ ความสามารถในการฟื้นฟูกายเนื้อของหลี่มู่ช่างน่ากลัวนัก เวลาแค่ไม่กี่ชั่วอึดใจ บาดแผลบนร่างเขาก็สมานตัวแล้ว ผิวกายเหลือไว้เพียงแค่รอยสีขาวจางๆ อีกทั้งยังจางหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับตัวประหลาดฆ่าไม่ตายอย่างไรอย่างนั้น

ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์สำแดงท่ากระบี่เหินหาวรอบที่สาม

“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆ หลี่มู่ถอยหลังออกไปจากเวทีประลอง ยืนโบกมืออยู่ริมเวที

ท่ากระบี่ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ชะงักงัน

นี่ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะให้โอกาสหลี่มู่ได้พักหายใจ และก็ไม่ใช่เขาคุณธรรมสูงส่งอะไร แต่เพราะ…ตนสำแดงกระบี่สวรรค์สิบหกท่าในระดับแข็งแกร่งสุดยอดติดๆ กัน จึงใช้กำลังภายในหมดไปมหาศาล เขาก็จำเป็นต้องพักหายใจครู่หนึ่งเหมือนกัน

สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังหลี่มู่

อะไร?

จะยอมแพ้แล้ว?

หรือว่า…จะปล่อยกระบวนท่าสังหาร?

เห็นแต่หลี่มู่ปลดกระดุมเสื้อ ถอดชุดคลุมตัวนอกและเสื้อข้างในออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อราวหยกสลัก แล้วจึงแยกเขี้ยวพูดขึ้นว่า “อุ่นเครื่องร่างกายเรียบร้อย…ข้าต้องถอดเสื้อสู้แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าตาแก่นี่ทำเสื้อข้าขาดหมดต้องเปลี่ยนใหม่อีก”

พูดจบก็โยนเสื้อที่ถอดออกมาไปไว้ในอ้อมกอดของเหลยอินอินที่ทำหน้ามึนงงอยู่ด้านล่างเวทีพอดิบพอดี

“ช่วยข้าเก็บไว้ที”

หลี่มู่พูด

เหลยอินอินรู้สึกแค่ว่ากลิ่นแปลกประหลาดที่แฝงกลิ่นหยาดเหงื่อของบุรุษเพศไว้จางๆ ลอยมากระทบหน้า ในกายราวกับวาเลือดร้อนลุกโหม ตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที “พี่หลี่มู่วางใจ ต่อให้พรหมจรรย์ข้าต้องหลุดหายไป เสื้อของท่านจะไม่มีทางหายเด็ดขาด…”

“สวรรค์” สหายที่อยู่ข้างๆ พากันปิดหน้า ต่างเว้นระยะห่างจากเหลยอินอินพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

อย่ามองพวกเรา พวกเราไม่รู้จักแม่เด็กบ้านี่

หน้าอับอายจริงๆ

หลี่มู่หัวเราะลั่นอยู่บนเวที ก่อนหมุนตัวเดินไปหาธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์

“กระบี่สวรรค์สิบหกท่า เจ้าสำแดงไปแล้วสามรอบ ข้ามองจนทะลุปรุโปร่งแล้ว หากไม่มีอะไรใหม่ๆ แล้วละก็ วันนี้เจ้าต้องแพ้แล้วแหละ”

เขายืดเส้นยืดสาย กระดูกส่งเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ กล้ามเนื้อดุจหยกแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน เสียงคำรามจากกระดูกสันหลังส่งออกมาจากใต้ผิวหนัง คล้ายกักขังมังกรยักษ์เอาไว้ในกาย ช่างประหลาดพิลึกยิ่งนัก

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์สีหน้าเหี้ยมโหด “เจ้าเด็กเมื่อวานซืน คุยโวไร้ยางอาย”

“ฮ่าๆๆๆ…” หลี่มู่หัวเราะอย่างหน้าไม่อาย เหมือนว่าเป็นตัวร้ายระดับพระกาฬ “เจ้ารู้ไหม เมื่อครู่ข้าใช้พลังไปแค่ห้าส่วนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นละก็เจ้าล้มไปนานแล้ว”

รูม่านตาของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์หดเล็กลง “วางมาดตบตา…”

ยังพูดไม่ทันจบ

หมัดขนาดหม้อดินก็ปรากฏขึ้นในสายตาเขาและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ถือกระบี่แนวขวาง โคจรพลัง

“กระบี่สกัดกั้น!”

นี่เป็นหนึ่งในท่าป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในกระบี่สวรรค์ทั้งสิบหกท่า ก่อนหน้านี้ก็ต้านทานการโจมตีของหลี่มู่มาแล้วหลายครั้ง

ทว่า ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม

ท่ากระบี่ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เพิ่งจะรวมพลังสำเร็จ หมัดก็โจมตีมาบนตัวกระบี่ พลังมหาศาลที่เกินควบคุมทำลายทุกสิ่งในชั่วพริบตา ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์แผดเสียงคำรามอย่างโมโห โจมตีกลับแต่ก็ไร้ประโยชน์ พลังที่น่าพรั่นพรึงทำลายท่ากระบี่ รุกโจมตีไปยังแขนทั้งสองของเขาตามกระบี่ยาวสี่แฉกทันที…

กร๊อบ กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น

แขนข้างที่ถือกระบี่ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ราวกิ่งไม้แห้งที่หักลง งอเป็นมุมที่คนเห็นแล้วต้องตกใจ

“นั่นอะไร?”

“สวรรค์ นี่…”

“แพ้แล้ว?”

เสียงร้องตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อดังขึ้นรอบด้านดุจขุนเขาคำรามคลื่นยักษ์โหมซัด

แต่เดิมยังนับว่าเป็นการต่อสู้ที่พอสูสีกัน จู่ๆ ตาชั่งแห่งชัยชนะก็เอียงไปทางหลี่มู่ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้นกะทันหันเหลือเกิน ทำให้ทุกคนยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

ยอดปรมาจารย์หนุ่มน้อยหลี่มู่ที่เปลือยท่อนบนเหตุใดจึงเหมือนปลดพันธนาการ น่ากลัวได้ถึงเพียงนี้

“หมัดนี้คือพลังเจ็ดส่วน”

หลี่มู่ยืนเหวี่ยงหมัดไปมาอยู่ที่เดิม

“ให้โอกาสเจ้าได้พักหายใจ โคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บสักหน่อย หมัดต่อไปจะเป็นพลังแปดส่วน”

ในสายตาของลูกศิษย์โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ รอยยิ้มเขาประดุจรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของมารร้าย

ท่ามกลางคลื่นมหาชน เสียงอุทานฮือฮาดังขึ้นมาอีกครั้ง

“แข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ รึ?”

“ไม่ได้บอกว่าหลี่มู่เพิ่งจะก้าวเข้าขั้นยอดปรมาจารย์หรือ?”

“นี่ถึงจะเป็นพลังที่แท้จริงของเขา?”

“คงไม่ใช่…ฟ้าประทานกระมัง?”

เสียงวิจารณ์ดังก้องดุจคลื่นโหมซัด

“สุดยอด ฮึกเหิมจริง แข็งแกร่งจริง…วะฮะฮะฮ่า พี่หลี่มู่ช่างมีเอกลักษณ์ยิ่งนัก ข้าเลื่อมใสท่านจริงๆ” เหลยอินอินกรีดร้องอยู่ข้างล่าง

บนเวที คิ้วของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ดุจเปลวเพลิง โคจรกำลังภายในรักษาแขนที่บาดเจ็บ พลังของหลี่มู่เป็นพลังกายล้วนๆ ดังนั้นจึงไม่มีเศษเสี้ยวพลังแปลกปลอมหลงเหลืออยู่ที่แขน ถึงแม้พลังฝึกขั้นยอดปรมาจารย์จะฟื้นตัวได้ไม่เกินจริงขนาดหลี่มู่ แต่ก็เร็วมากเช่นกัน

“ผู้เยาว์ เจ้ากำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว” เพียงชั่วครู่ แขนของธรรมจารย์กระบี่สวรรค์ก็ฟื้นตัวหลายส่วนจนถึงขั้นจับกระบี่ได้แล้ว เขาแค่นเสียงหยันกล่าว “โอหังเช่นนี้ยามต่อสู้กับศัตรู เจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับพฤติกรรมของเจ้า”

หลี่มู่หัวเราะลั่น “หมัดเดียวอัดเจ้าตาย มันจะน่าเบื่อเกินไปหน่อยกระมัง ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวดีแล้ว เช่นนั้น…”

ร่างของเขาขยับวูบ สำแดงวิชาตัวเบาจนถึงขีดสุด มาถึงยังเบื้องหน้าของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ในชั่วพริบตาราวภูตผี จากนั้นทำลายสนามพลังกำลังภายในป้องกันของฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้กังวล หมัดหนึ่งซัดออกมา

“งั้นก็มาต่อเลยแล้วกัน หมัดนี้พลังแปดส่วน”

เพลิงโทสะในดวงตาของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ลุกไหม้ดุจเปลวไฟ

ความรู้สึกเหมือนโดนดูถูกหยอกล้อแบบนี้ เขาไม่ได้ลิ้มลองมันมานานเท่าไหร่แล้ว?

สมควรตาย!

ให้อภัยไม่ได้

“ท่ากระบี่คุ้มกัน!” กระบี่ยาวสี่แฉกทรงประหลาดกะพริบแสงเพลิงวูบวาบผนึกไปบนหมัดของหลี่มู่ ดึงไปตามแรง จากนั้นชี้ปลายกระบี่ลง ทำท่าแทงไปบนพื้นใต้เท้า

ครืน!

เวทีประลองหินใต้เท้าสั่นไหวรุนแรง ปรากฏรอยแยกหลายเส้น บนพื้นเวทีประลองมีลวดลายค่ายกลวิชาเวทบางอย่างกะพริบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแตกร้าวออกทีละนิด

ท่ากระบี่คุ้มกันที่ว่าคล้ายวิธีอาศัยแรงปะทะแรงหรือลดแรง โดยการดึงพลังของศัตรูลงสู่พื้นดิน แต่เวทีประลองที่เพิ่งสร้างนี้ ต่อให้มีจอมเวทที่เชิญมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ แต่จะไปต้านทานหมัดของหลี่มู่ได้อย่างไร ค่ายกลเสริมความแข็งแกร่งถูกทำลายลงในชั่วพริบตา เวทีประลองสูงสามสี่จั้งใกล้จะพังลงเต็มที

ต่อให้เป็นเช่นนี้ ท่ากระบี่คุ้มกันก็ไม่อาจลบล้างพลังของหมัดนี้ของหลี่มู่ได้โดยสิ้นเชิง

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ฝืนต้านรับชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นใบหน้าแดงก่ำ อ้าปากกระอักเลือดออกมา ร่างกระเด็นลอยออกไป กระบี่สี่แฉกทรงประหลาดที่ทำจากเหล็กอุกกาบาตนอกโลกเล่มนั้นงอทำมุมเก้าสิบองศา ตัวกระบี่เต็มไปด้วยรอยร้าว

หลี่มู่ไม่ได้ตามไปโจมตี

ใบหน้าของเขาฉายแววผิดหวังเล็กน้อย “นี่คือพลังที่เจ้าแกล้งตายมายี่สิบปีแล้วฝึกฝนออกมา? อ่อนแอเหลือเกิน…ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ได้แค่อบอุ่นร่างกายเป็นเพื่อนข้าเท่านั้น”

นี่ไม่ใช่การวางมาด

เพราะหลี่มู่ไม่มีความสนใจจะสู้แล้วจริง

ดูท่าพลังของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ยังไม่ถึงระดับที่ทำให้หลี่มู่ ‘วัด’ ขีดจำกัดของกำลังรบตนเองได้อย่างชัดเจน

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ถูกซัดออกไปนอกเวทีประลอง แต่กลับหมุนควงกลางอากาศอย่างน่าประหลาดแล้วย้อนกลับมากะทันหัน ก่อนจะร่วงลงบนเวทีประลอง

ใบหน้าของเขาแดงก่ำ มุมปากมีเลือดไหลออกมา หน้าอกเปื้อนคราบเลือด มือทั้งสองเนื้อแตกเหวอะหวะ นิ้วทั้งสิบถูกสะเทือนจนแหลกเหลวเผยให้เห็นข้อกระดูกสีเทาจางๆ เหมือนกับกระดูกที่ผุกร่อนไปแล้ว

กระบี่ยาวสี่แฉกทรงแปลกประหลาดที่ตีขึ้นจากเหล็กนอกโลกโค้งงอดุจคันศร พังแล้วอย่างสมบูรณ์

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์หายใจหอบ ปอดเหมือนกล่องสูบลมพังๆ สภาพย่ำแย่มาก

หลี่มู่ส่ายหน้าเอ่ย “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ…ตำราลับกระบี่สวรรค์สิบหกท่า ส่งมาซะ” แก่นแท้ในกระบวนท่าส่วนใหญ่ของกระบี่สวรรค์สิบหกท่า อันที่จริงเขาสำรวจแล้วและเข้าใจเรียบร้อยจากการประลองกับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ แต่มีตำราลับอยู่ในมือน่าจะศึกษาความลับวิถียุทธ์ได้ลึกขึ้นอีกขั้น

บนสนามรอบด้านเงียบกริบ

การต่อสู้จบลงได้กะทันหันนัก

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดารา 172 การต่อสู้จบลงกะทันหันนัก

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 172 การต่อสู้จบลงกะทันหันนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลี่มู่ก็ไม่ใช้อาวุธใดๆ ตามคาด ยังคงใช้ฝ่ามือเปล่าทั้งสองต่อกรกับศัตรู

หกดาบวายุเมฆาเป็นกระบวนท่าที่เขาคิดค้นออกมาเอง ตอนนี้สำเร็จไปแค่ชักดาบสะบั้นกับตัดอสุนีรวมสองท่าเท่านั้น อาศัยแค่พลังกายอันแข็งแกร่งของเขาปะทุพละกำลังออกมาฝืนต่อกรกับกระบี่สวรรค์สิบหกท่า ส่วนอีกสี่ท่าที่เหลือยังไม่สำเร็จ เป็นเพียงแค่ต้นแบบเท่านั้น ยังเอามาใช้สู้กับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ไม่ได้

ดังนั้น เขาจึงยังใช้วิชาดาบสองท่านี้ต่อสู้ หากเปลี่ยนแปลงไม่ทันจริงๆ ก็ซัด ‘หมัดยุทธ์แท้’ กระบวนท่าที่หนึ่ง ‘ค้อนทะยานฟ้า’ ออกมา ปลดปล่อยพลังรุนแรงที่สุด ด้วยหนึ่งหมัดนี้ กระบวนท่ากระบี่ทรงพลังน่าอัศจรรย์ใดๆ ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ก็สลายไปสิ้น

การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งสองปะทะกันเต็มกำลัง การต่อสู้เป็นพลังกระบวนท่าสังหารล้วนๆ สู้กันราวอุกกาบาตพุ่งชนโลกก็ไม่ปาน

ในสนามรอบเวทีประลอง เสียงฮือฮาเสียงทอดถอนใจดังสอดรับกันเป็นระลอกราวคลื่นน้ำ

เหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายต่างตื่นตะลึง เบิกตากว้าง กลัวว่าจะพลาดฉากสำคัญใดไป สำหรับพวกเขาการต่อสู้ระดับนี้เป็นการต่อสู้ของเทพมารชัดๆ ไม่ต่างอะไรกับเทพเซียนต่อสู้กันเลย ทั้งยังกลับตาลปัตรความรู้ด้านวิถียุทธ์ของพวกเขาหลายคนโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาตระหนักได้เป็นครั้งแรกว่า ที่แท้วรยุทธ์ซึ่งฝึกฝนจนถึงขั้นยอดปรมาจารย์นั้นน่ากลัวถึงเพียงนี้

บนเวทีชมการประลอง สีหน้าท่าทางของเหล่าคนใหญ่คนโตทั้งหลายกลับต่างออกไป

‘กระบี่เทพเบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิงสีหน้ายังคงผ่อนคลาย แต่ยากที่จะปิดความตกใจเอาไว้

ในใจเจ้าเมืองหลี่กังกลับกำลังคิดถึงคำพูดของหลี่มู่ก่อนหน้านี้ ผ้าพันคอแดง เยาวชนกองหน้า ผ้าสามแถบ พวกนี้คืออะไร ไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือจะเป็นสำนักใหญ่แห่งใดที่ปลีกตัวจากโลกไปตั้งแต่โบราณกาล? หรือว่าเจ้าลูกนอกคอกนี่หายไปแปดปีแล้วจะโชควาสนาที่เยี่ยมยอดอะไรมา?

หนิงหรูซานกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ทุกข์ไม่ร้อน

กลับกันคู่สามีภรรยาหนิงจิ้งและตงเสวี่ยที่อยู่ด้านหลังเขาเคร่งเครียดสุดขีด กลัวว่าหลี่มู่จะเป็นอะไรไป

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ค่อยๆ สำแดงกระบวนท่า ‘กระบี่สวรรค์สิบหกท่า’ ตั้งแต่ต้นจนจบรอบหนึ่งแล้ว แม้แต่ท่ากระบี่เหินหาวที่ร้ายกาจที่สุดก็ยังใช้ออกมา ทิ้งรอยบาดแผลไว้บนร่างหลี่มู่หลายรอย แต่ก็เป็นแค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายไปจนถึงกระดูก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอวัยวะภายในเลย

และสิ่งที่ทำให้ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ยิ่งสู้ยิ่งตะลึงก็คือ ความสามารถในการฟื้นฟูกายเนื้อของหลี่มู่ช่างน่ากลัวนัก เวลาแค่ไม่กี่ชั่วอึดใจ บาดแผลบนร่างเขาก็สมานตัวแล้ว ผิวกายเหลือไว้เพียงแค่รอยสีขาวจางๆ อีกทั้งยังจางหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับตัวประหลาดฆ่าไม่ตายอย่างไรอย่างนั้น

ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์สำแดงท่ากระบี่เหินหาวรอบที่สาม

“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆ หลี่มู่ถอยหลังออกไปจากเวทีประลอง ยืนโบกมืออยู่ริมเวที

ท่ากระบี่ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ชะงักงัน

นี่ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะให้โอกาสหลี่มู่ได้พักหายใจ และก็ไม่ใช่เขาคุณธรรมสูงส่งอะไร แต่เพราะ…ตนสำแดงกระบี่สวรรค์สิบหกท่าในระดับแข็งแกร่งสุดยอดติดๆ กัน จึงใช้กำลังภายในหมดไปมหาศาล เขาก็จำเป็นต้องพักหายใจครู่หนึ่งเหมือนกัน

สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังหลี่มู่

อะไร?

จะยอมแพ้แล้ว?

หรือว่า…จะปล่อยกระบวนท่าสังหาร?

เห็นแต่หลี่มู่ปลดกระดุมเสื้อ ถอดชุดคลุมตัวนอกและเสื้อข้างในออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อราวหยกสลัก แล้วจึงแยกเขี้ยวพูดขึ้นว่า “อุ่นเครื่องร่างกายเรียบร้อย…ข้าต้องถอดเสื้อสู้แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าตาแก่นี่ทำเสื้อข้าขาดหมดต้องเปลี่ยนใหม่อีก”

พูดจบก็โยนเสื้อที่ถอดออกมาไปไว้ในอ้อมกอดของเหลยอินอินที่ทำหน้ามึนงงอยู่ด้านล่างเวทีพอดิบพอดี

“ช่วยข้าเก็บไว้ที”

หลี่มู่พูด

เหลยอินอินรู้สึกแค่ว่ากลิ่นแปลกประหลาดที่แฝงกลิ่นหยาดเหงื่อของบุรุษเพศไว้จางๆ ลอยมากระทบหน้า ในกายราวกับวาเลือดร้อนลุกโหม ตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที “พี่หลี่มู่วางใจ ต่อให้พรหมจรรย์ข้าต้องหลุดหายไป เสื้อของท่านจะไม่มีทางหายเด็ดขาด…”

“สวรรค์” สหายที่อยู่ข้างๆ พากันปิดหน้า ต่างเว้นระยะห่างจากเหลยอินอินพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

อย่ามองพวกเรา พวกเราไม่รู้จักแม่เด็กบ้านี่

หน้าอับอายจริงๆ

หลี่มู่หัวเราะลั่นอยู่บนเวที ก่อนหมุนตัวเดินไปหาธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์

“กระบี่สวรรค์สิบหกท่า เจ้าสำแดงไปแล้วสามรอบ ข้ามองจนทะลุปรุโปร่งแล้ว หากไม่มีอะไรใหม่ๆ แล้วละก็ วันนี้เจ้าต้องแพ้แล้วแหละ”

เขายืดเส้นยืดสาย กระดูกส่งเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ กล้ามเนื้อดุจหยกแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน เสียงคำรามจากกระดูกสันหลังส่งออกมาจากใต้ผิวหนัง คล้ายกักขังมังกรยักษ์เอาไว้ในกาย ช่างประหลาดพิลึกยิ่งนัก

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์สีหน้าเหี้ยมโหด “เจ้าเด็กเมื่อวานซืน คุยโวไร้ยางอาย”

“ฮ่าๆๆๆ…” หลี่มู่หัวเราะอย่างหน้าไม่อาย เหมือนว่าเป็นตัวร้ายระดับพระกาฬ “เจ้ารู้ไหม เมื่อครู่ข้าใช้พลังไปแค่ห้าส่วนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นละก็เจ้าล้มไปนานแล้ว”

รูม่านตาของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์หดเล็กลง “วางมาดตบตา…”

ยังพูดไม่ทันจบ

หมัดขนาดหม้อดินก็ปรากฏขึ้นในสายตาเขาและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ถือกระบี่แนวขวาง โคจรพลัง

“กระบี่สกัดกั้น!”

นี่เป็นหนึ่งในท่าป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในกระบี่สวรรค์ทั้งสิบหกท่า ก่อนหน้านี้ก็ต้านทานการโจมตีของหลี่มู่มาแล้วหลายครั้ง

ทว่า ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม

ท่ากระบี่ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เพิ่งจะรวมพลังสำเร็จ หมัดก็โจมตีมาบนตัวกระบี่ พลังมหาศาลที่เกินควบคุมทำลายทุกสิ่งในชั่วพริบตา ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์แผดเสียงคำรามอย่างโมโห โจมตีกลับแต่ก็ไร้ประโยชน์ พลังที่น่าพรั่นพรึงทำลายท่ากระบี่ รุกโจมตีไปยังแขนทั้งสองของเขาตามกระบี่ยาวสี่แฉกทันที…

กร๊อบ กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น

แขนข้างที่ถือกระบี่ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ราวกิ่งไม้แห้งที่หักลง งอเป็นมุมที่คนเห็นแล้วต้องตกใจ

“นั่นอะไร?”

“สวรรค์ นี่…”

“แพ้แล้ว?”

เสียงร้องตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อดังขึ้นรอบด้านดุจขุนเขาคำรามคลื่นยักษ์โหมซัด

แต่เดิมยังนับว่าเป็นการต่อสู้ที่พอสูสีกัน จู่ๆ ตาชั่งแห่งชัยชนะก็เอียงไปทางหลี่มู่ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้นกะทันหันเหลือเกิน ทำให้ทุกคนยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

ยอดปรมาจารย์หนุ่มน้อยหลี่มู่ที่เปลือยท่อนบนเหตุใดจึงเหมือนปลดพันธนาการ น่ากลัวได้ถึงเพียงนี้

“หมัดนี้คือพลังเจ็ดส่วน”

หลี่มู่ยืนเหวี่ยงหมัดไปมาอยู่ที่เดิม

“ให้โอกาสเจ้าได้พักหายใจ โคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บสักหน่อย หมัดต่อไปจะเป็นพลังแปดส่วน”

ในสายตาของลูกศิษย์โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ รอยยิ้มเขาประดุจรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของมารร้าย

ท่ามกลางคลื่นมหาชน เสียงอุทานฮือฮาดังขึ้นมาอีกครั้ง

“แข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ รึ?”

“ไม่ได้บอกว่าหลี่มู่เพิ่งจะก้าวเข้าขั้นยอดปรมาจารย์หรือ?”

“นี่ถึงจะเป็นพลังที่แท้จริงของเขา?”

“คงไม่ใช่…ฟ้าประทานกระมัง?”

เสียงวิจารณ์ดังก้องดุจคลื่นโหมซัด

“สุดยอด ฮึกเหิมจริง แข็งแกร่งจริง…วะฮะฮะฮ่า พี่หลี่มู่ช่างมีเอกลักษณ์ยิ่งนัก ข้าเลื่อมใสท่านจริงๆ” เหลยอินอินกรีดร้องอยู่ข้างล่าง

บนเวที คิ้วของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ดุจเปลวเพลิง โคจรกำลังภายในรักษาแขนที่บาดเจ็บ พลังของหลี่มู่เป็นพลังกายล้วนๆ ดังนั้นจึงไม่มีเศษเสี้ยวพลังแปลกปลอมหลงเหลืออยู่ที่แขน ถึงแม้พลังฝึกขั้นยอดปรมาจารย์จะฟื้นตัวได้ไม่เกินจริงขนาดหลี่มู่ แต่ก็เร็วมากเช่นกัน

“ผู้เยาว์ เจ้ากำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว” เพียงชั่วครู่ แขนของธรรมจารย์กระบี่สวรรค์ก็ฟื้นตัวหลายส่วนจนถึงขั้นจับกระบี่ได้แล้ว เขาแค่นเสียงหยันกล่าว “โอหังเช่นนี้ยามต่อสู้กับศัตรู เจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับพฤติกรรมของเจ้า”

หลี่มู่หัวเราะลั่น “หมัดเดียวอัดเจ้าตาย มันจะน่าเบื่อเกินไปหน่อยกระมัง ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวดีแล้ว เช่นนั้น…”

ร่างของเขาขยับวูบ สำแดงวิชาตัวเบาจนถึงขีดสุด มาถึงยังเบื้องหน้าของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ในชั่วพริบตาราวภูตผี จากนั้นทำลายสนามพลังกำลังภายในป้องกันของฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้กังวล หมัดหนึ่งซัดออกมา

“งั้นก็มาต่อเลยแล้วกัน หมัดนี้พลังแปดส่วน”

เพลิงโทสะในดวงตาของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ลุกไหม้ดุจเปลวไฟ

ความรู้สึกเหมือนโดนดูถูกหยอกล้อแบบนี้ เขาไม่ได้ลิ้มลองมันมานานเท่าไหร่แล้ว?

สมควรตาย!

ให้อภัยไม่ได้

“ท่ากระบี่คุ้มกัน!” กระบี่ยาวสี่แฉกทรงประหลาดกะพริบแสงเพลิงวูบวาบผนึกไปบนหมัดของหลี่มู่ ดึงไปตามแรง จากนั้นชี้ปลายกระบี่ลง ทำท่าแทงไปบนพื้นใต้เท้า

ครืน!

เวทีประลองหินใต้เท้าสั่นไหวรุนแรง ปรากฏรอยแยกหลายเส้น บนพื้นเวทีประลองมีลวดลายค่ายกลวิชาเวทบางอย่างกะพริบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแตกร้าวออกทีละนิด

ท่ากระบี่คุ้มกันที่ว่าคล้ายวิธีอาศัยแรงปะทะแรงหรือลดแรง โดยการดึงพลังของศัตรูลงสู่พื้นดิน แต่เวทีประลองที่เพิ่งสร้างนี้ ต่อให้มีจอมเวทที่เชิญมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ แต่จะไปต้านทานหมัดของหลี่มู่ได้อย่างไร ค่ายกลเสริมความแข็งแกร่งถูกทำลายลงในชั่วพริบตา เวทีประลองสูงสามสี่จั้งใกล้จะพังลงเต็มที

ต่อให้เป็นเช่นนี้ ท่ากระบี่คุ้มกันก็ไม่อาจลบล้างพลังของหมัดนี้ของหลี่มู่ได้โดยสิ้นเชิง

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ฝืนต้านรับชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นใบหน้าแดงก่ำ อ้าปากกระอักเลือดออกมา ร่างกระเด็นลอยออกไป กระบี่สี่แฉกทรงประหลาดที่ทำจากเหล็กอุกกาบาตนอกโลกเล่มนั้นงอทำมุมเก้าสิบองศา ตัวกระบี่เต็มไปด้วยรอยร้าว

หลี่มู่ไม่ได้ตามไปโจมตี

ใบหน้าของเขาฉายแววผิดหวังเล็กน้อย “นี่คือพลังที่เจ้าแกล้งตายมายี่สิบปีแล้วฝึกฝนออกมา? อ่อนแอเหลือเกิน…ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ได้แค่อบอุ่นร่างกายเป็นเพื่อนข้าเท่านั้น”

นี่ไม่ใช่การวางมาด

เพราะหลี่มู่ไม่มีความสนใจจะสู้แล้วจริง

ดูท่าพลังของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ยังไม่ถึงระดับที่ทำให้หลี่มู่ ‘วัด’ ขีดจำกัดของกำลังรบตนเองได้อย่างชัดเจน

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ถูกซัดออกไปนอกเวทีประลอง แต่กลับหมุนควงกลางอากาศอย่างน่าประหลาดแล้วย้อนกลับมากะทันหัน ก่อนจะร่วงลงบนเวทีประลอง

ใบหน้าของเขาแดงก่ำ มุมปากมีเลือดไหลออกมา หน้าอกเปื้อนคราบเลือด มือทั้งสองเนื้อแตกเหวอะหวะ นิ้วทั้งสิบถูกสะเทือนจนแหลกเหลวเผยให้เห็นข้อกระดูกสีเทาจางๆ เหมือนกับกระดูกที่ผุกร่อนไปแล้ว

กระบี่ยาวสี่แฉกทรงแปลกประหลาดที่ตีขึ้นจากเหล็กนอกโลกโค้งงอดุจคันศร พังแล้วอย่างสมบูรณ์

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์หายใจหอบ ปอดเหมือนกล่องสูบลมพังๆ สภาพย่ำแย่มาก

หลี่มู่ส่ายหน้าเอ่ย “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ…ตำราลับกระบี่สวรรค์สิบหกท่า ส่งมาซะ” แก่นแท้ในกระบวนท่าส่วนใหญ่ของกระบี่สวรรค์สิบหกท่า อันที่จริงเขาสำรวจแล้วและเข้าใจเรียบร้อยจากการประลองกับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ แต่มีตำราลับอยู่ในมือน่าจะศึกษาความลับวิถียุทธ์ได้ลึกขึ้นอีกขั้น

บนสนามรอบด้านเงียบกริบ

การต่อสู้จบลงได้กะทันหันนัก

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+