จอมศาสตราพลิกดารา 198 การเปลี่ยนแปลงของเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 198 การเปลี่ยนแปลงของเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้ารู้สึกเหมือนเนื้อตัวเบาหวิว จะลอยตามลมไปแล้ว…” ฮวาเสี่ยงหรงลืมตา ใบหน้าตื่นเต้นดีใจ รู้สึกเหมือนทั้งตัวมีพลังเต็มเปี่ยมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความรู้สึกสบายเช่นนี้ไม่ใช่ความรู้สึกสบายอย่างที่นอนเต็มอิ่มแล้วตื่นขึ้นมา แต่เหมือนโลกทั้งใบที่อยู่ต่อหน้าของตนสวยสดงดงามขึ้น นางพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ผลจากวิธีการหายใจแบบนี้ช่างชัดเจนยิ่งนัก…”

ท่าทางอย่างสาวน้อย น่ารักไร้เดียงสา

หลี่มู่พูดขึ้น “ยึดตามวิชานี้ ขอแค่มีเวลาก็ฝึกฝนทุกวัน อีกไม่นานก็จะเป็นสุดยอดฝีมือที่เกรียงไกรใต้ผืนฟ้าได้แน่นอน” เขาคาดหวังในตัวฮวาเสี่ยงหรงมากนัก

ฮวาเสี่ยงหรงตาเป็นประกาย บิดขี้เกียจเล็กน้อย ท่วงท่าชวนให้หลงใหล “ขอแค่ได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย ข้าก็พอใจแล้ว” พูดจบใบหน้าเรียวขาวผ่องก็แดงระเรื่อ พวงแก้มแดงปลั่ง น่ารักเป็นอย่างยิ่ง

นี่นับว่าบอกความในใจกับหลี่มู่แล้ว

จิตใจที่ทะนงตนของหลี่มู่ในฐานะหนุ่มซิงไปถึงจุดเต็มอิ่มจนถึงขีดสุด

เขาบอก “อีกครู่หนึ่งเจ้าให้ซินเอ๋อร์ไปบอกกับท่านแม่ไป๋ คืนนี้ข้าจะค้างอยู่ที่หอสดับเซียน ให้นางอย่าได้มารบกวนอีก…”

“เอ๋…คุณชายจะค้างคืนที่นี่?” ฮวาเสี่ยงหรงร้องตกใจ ใบหน้าร้อนวาบ ดวงหน้ายิ่งแดงอย่างเห็นได้ชัด เสียงสั่นเล็กน้อย ท่าทางก็เหมือนทำอะไรไม่ถูก

หลี่มู่อึ้งไป ก่อนตั้งสติกลับมาได้ทันที ฮวาเสี่ยงหรงเข้าใจความหมายของตัวเองผิดแล้ว

แต่ก็เห็นนางก้มหน้าลงอย่างน่าเอ็นดู นิ้วเรียวงามม้วนผมของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว พูดเสียงเบาเหมือนยุงว่า “ที่จริง…ที่จริงข้า…ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนของคุณชายตั้งนานแล้ว ข้า…จะให้ซินเอ๋อร์ไปบอกเดี๋ยวนี้”

นางลนลานอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังตื่นเต้นหน่อยๆ

ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูแบบนั้นเหมือนกวางน้อยที่ตกใจ อายจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา

ถึงแม้จะเป็นนางคณิกาคนดังที่นามระบือไปไกล แต่ความจริงแล้วก็เป็นแค่สาวน้อยอายุสิบหกเท่านั้น ยังไม่เคยผ่านเรื่องราวทางโลก แต่กลับเข้าใจอะไรมากกว่าเด็กสาวทั่วไป นางรู้ว่าค้างคืนหมายถึงอะไร ดังนั้นจึงยิ่งขวยเขิน

เป็นความเขินอายของสตรีพรหมจรรย์

หลี่มู่ซาบซึ้งใจ

โลกใบนี้ไม่ได้เปิดกว้างเหมือนกับดาวโลกที่จะคบกันแบบมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนได้ โดยเฉพาะจักรวรรดิฉินตะวันตกที่จารีตประเพณีเคร่งครัด ผู้หญิงคนหนึ่งตอบรับคำขอร้องเช่นนี้ของฝ่ายชาย นั่นหมายความว่านางรักชายคนนี้เป็นที่สุดจริง และอยากจะมอบทุกสิ่งให้ด้วยใจรักมั่น

ตัวข้าท่องไปไม่หยุดใต้หล้า มิควรค่ากับความรักที่มอบให้

บุญคุณของสาวงามยากจะรับไว้จริงๆ

จิตใจหลงตัวเองของหลี่มู่ได้รับการเติมเต็ม นอกจากความซาบซึ้งก็อดรู้สึกถึงความกดดันไม่ได้

ความรู้สึกที่เขามีต่อฮวาเสี่ยงหรง ตกลงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่?

เป็นความรักหรือ?

เขาก็ไม่แน่ใจ

แต่ยามว่างจากการฝึกก็จะคิดถึงนาง นี่คือเรื่องจริง

ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาขบคิดปัญหาพวกนี้อย่างเห็นได้ชัด

เขารีบอธิบาย “ฮวาเอ๋อร์ ข้าจะต้องจากเมืองฉางอันไปทำธุระอะไรสักหน่อย ทว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าข้าไปแล้ว จึงอยากจะสร้างสถานการณ์ลวงว่าข้าค้างคืนที่นี่…” หลี่มู่พูดๆ ไปแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่า…บ้าเอ๊ย แผนที่ตัวเองคิดขึ้นมาช่างแย่จริงๆ หากเป็นแบบนี้ ความบริสุทธิ์ของนางก็นับว่าพังลงในมือตนแล้ว

ฮวาเสี่ยงหรงได้ยินก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่ นางร้องอ้อแล้วรีบเอ่ยขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว คุณชายวางใจได้ ข้าให้ความร่วมมือกับท่านแน่นอน” นางไม่มีแม้แต่คำกล่าวโทษเลยสักนิด อันที่จริงนางดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยหลี่มู่ได้

หลี่มู่ถอนหายใจอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร เขายื่นมือไปจับมือเล็กๆ ของนางเอาไว้อย่างอดไม่ได้ ก่อนจะบีบเบาๆ

ฮวาเสี่ยงหรงเผยสีหน้าอ่อนโยน กลิ่นอายราวดอกกล้วยไม้ นางไม่ขัดขืน ปล่อยให้หลี่มู่จับมือของตนเอาไว้

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเพศตรงข้ามหลังจากเติบโตมาถึงขนาดนี้ แต่ไม่มีความรู้สึกตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกหรืออึดอัดใดๆ อย่างน่าประหลาด กลับกันความอบอุ่นที่ส่งมาจากมือของหลี่มู่ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

“ฝึกฝนวิธีหายใจที่ข้าสอนให้ดี หากมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจ ก็รอข้ากลับมาก่อน”

หลี่มู่ลุกขึ้นยืน

เขาโคจร ‘ยอดวิชาเปลี่ยนร่างย้ายกล้ามเนื้อแปรกระดูก’ ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของฮวาเสี่ยงหรง กล้ามเนื้อของเขาเคลื่อนย้าย กระดูกเปลี่ยนไป สุดท้ายก็กลายเป็นชายหน้ายาวดูแล้วอายุราวๆ สามสิบกว่า จากนั้นก็สำแดงวิชาเต๋า ปกปิดกลิ่นอายของตน และไปจากหอสดับเซียนอย่างเงียบงัน

……

วันที่สองตอนบ่าย

ฤดูใบไม้ร่วง แสงอาทิตย์สาดส่อง

ในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์สุขสงบ ทุกแห่งตกอยู่ในบรรยากาศปีติยินดีแห่งการเก็บเกี่ยว

อำเภอขาวพิสุทธิ์นับว่าเป็นเมืองภูเขาครึ่งหนึ่ง การเกษตรปลูกเป็นแบบนาขั้นบันไดเป็นหลัก ดีที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติมาก ระบบน้ำพัฒนา การรดน้ำจึงไม่ใช่ปัญหา รวมกับปีนี้ปริมาณน้ำฝนนับว่าสมบูรณ์ ผลเก็บเกี่ยวของไร่นาจึงไม่เลวเลย

รถม้าเดินทางมาบนถนนสายหลักนอกอำเภอโดยราบรื่นตลอดทาง

“อากาศดีจริงๆ เลยนะ” มารดาหลี่มู่นั่งอยู่ริมหน้าต่างรถม้า เมื่อมองไปยังมวลทะเลภูเขาเขียวด้านนอก ก็รู้สึกแบบนี้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เมืองฉางอันก็นับว่าเป็นสถานที่ที่ทิวทัศน์งดงามมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับทิวเขาขาวพิสุทธิ์ยังห่างชั้นอีกไกลนัก เขาขาวพิสุทธิ์ที่ใบไม้ต้องลมพลิ้วไหวราวกับแดนเซียนบนโลกมนุษย์ เมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ที่สร้างจากอิฐกระเบื้องซึ่งมองเห็นได้จากไกลๆ สวยงามแบบโบราณ ก็ดูประหนึ่งวังของเซียนในแดนเซียน

ชุนเฉ่าและเซี่ยจวี๋สองคนพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดตลอดทาง พวกนางที่ไม่เคยออกจากเมืองฉางอันเลยสิบกว่าปีไม่ต่างกับนกกระจาบฝนในกรงทองที่สุดท้ายก็หนีออกมาได้ รู้สึกสงสัยไปเสียทุกสิ่ง

เมื่อวานตอนบ่ายออกเดินทางจากเมืองฉางอันมาตลอดทั้งวันทั้งคืน วันนี้ตอนบ่ายก็มาถึงนอกเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้ว

นี่เร็วกว่าที่หลี่มู่คิดเอาไว้เสียอีก

ม้าและรถม้าที่เจิ้งฉุนเจี้ยนหามาให้เป็นของเยี่ยมยอดในเยี่ยมยอดจริงๆ

หลังจากผ่านการตรวจสอบหน้าประตูเมืองอำเภอ ขบวนรถม้าก็เข้าไปในเมืองตามถนนหลัก มุ่งหน้าไปยังที่ว่าการอำเภอขาวพิสุทธิ์ บนถนนมีคนเดินผ่านไปมาไม่น้อย สีหน้าสุขสงบ มีอิสระเสรี ไม่ว่าจะเป็นเด็กน้อยหรือคนเฒ่าคนแก่ล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส ใบหน้าของผู้คนที่สัญจรไปมาสดชื่นเปล่งปลั่ง เห็นชัดว่าชีวิตความเป็นอยู่ในอำเภอสุขสบายเป็นอย่างมาก

“ลูกชายข้าจัดการดูแลอำเภอขาวพิสุทธิ์ได้ไม่เลวเลย” มารดาหลี่มู่เอ่ยปากชม

นางมีชาติกำเนิดจากตระกูลชนชั้นสูง แน่นอนว่าย่อมตาแหลมอยู่บ้าง มองจากจุดเล็กๆ ก็รู้เรื่องทั้งหมด และมีดุลยพินิจในด้านเหล่านี้

หลี่มู่ยิ้มแย้มไม่พูดจา

สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นความดีความชอบของพวกที่ปรึกษาอย่างเฝิงหยวนซิง

เขาไม่ได้ลงมือเองมาโดยตลอด

แต่ว่าช่วงที่ตนจากไป ดูแล้วทุกอย่างในอำเภอขาวพิสุทธิ์ยังราบรื่นดี ไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้น เขาก็นับว่าโล่งใจแล้ว

ไม่นานนัก คนกลุ่มหนึ่งก็เข้าไปในที่ว่าการอำเภอ

หลี่มู่ไปจากอำเภอแค่สิบกว่าวันเท่านั้น ที่ว่าการก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลถึงเพียงนี้

‘ค่ายกลดาราพิฆาต’ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงกับที่ว่าการอำเภอ

ละอองหมอกกลิ่นอายเซียนอันเลือนรางปกคลุมทั่วที่ว่าการ ความเข้มข้นของพลังวิญญาณมากจนน่าประหลาด ต้นไม้ที่แต่เดิมย้ายมาปลูกไว้ เมื่ออยู่ในสภาพการหล่อเลี้ยงจากพลังวิญญาณเช่นนี้ก็เหมือนโตมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว เขียวดกชุ่มชอุ่ม ทั้งยังมีนกกระจาบฝน นกกระเรียนขาว นกพิราบขาว และสัตว์ปีกศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อีกหลายสิบชนิด จากนอกกำแพงจะมองเห็นได้ว่าสายน้ำไหลคดเคี้ยว เงียบสงบและงดงาม ไม่เหมือนกับโลกมนุษย์ แต่ราวกับเป็นคฤหาสน์เซียน

“นี่ก็คือที่ว่าการอำเภอ?” มารดาหลี่มู่ตะลึงตาค้าง ยากที่จะเชื่อได้

อากาศในที่ว่าการอำเภอ ยามหายใจเข้าไปยังรู้สึกว่าหวานฉ่ำ ทำให้จิตใจผ่อนคลาย เสมือนว่ามีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์กำลังชะล้างจิตใจและวิญญาณของตน รู้สึกน่าอัศจรรย์เป็นที่สุด

หลี่มู่ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน

ทุกสิ่งในเขตที่ว่าการอำเภอเต็มไปด้วยพลังชีวิต ทำให้รู้สึกเหมือนภาพมายาไม่ก็ความฝัน

การเปลี่ยนแปลงของ ‘ค่ายกลดาราพิฆาต’ ที่มีต่อที่ว่าการก็แค่สิบกว่าวันเท่านั้น กลับเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ? เกินจริงไปหน่อยแล้วกระมัง!

หลังจากตกใจ หลี่มู่ก็รู้สึกเบิกบานยินดี

ผลลัพธ์ดีกว่าตนคิดเอาไว้เสียอีก หากฝึกฝนในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แค่หายใจเฮือกหนึ่งก็เพิ่มพลังฝึกได้แล้วนะเนี่ย

พวกเฝิงหยวนซิงและเจินเหมิ่ง เมื่อได้ยินข่าวก็รุดหน้ามาต้อนรับทันที

“คารวะใต้เท้า”

“ใต้เท้า ท่านกลับมาเสียที”

ทั้งสองคนตื่นเต้นมาก

“ใต้เท้า มีงานราชการสะสมไว้มากมายนัก ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว ข้าน้อยเร่งจะให้คนไปเตรียมม้วนเอกสารมารายงานต่อท่าน…” เฝิงหยวนซิงเอ่ยอย่างดีใจเหลือคณา

หลี่มู่บอก “เอ่อ…เดี๋ยวค่อยว่ากันก็แล้วกัน”

เอกสารราชการอะไรพวกนี้ เอามันไปไกลๆ เลยเถอะ ข้าไม่ได้อยากดูมันสักนิด

ดูจากท่าทางของสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองฉางอันยังไม่แพร่มาถึงที่นี่ แต่นี่ก็สมเหตุสมผลแล้ว เมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ห่างไกลกันดาร การคมนาคมไม่สะดวก อีกทั้งการสื่อสารของโลกนี้ยุคนี้ก็ไม่ได้พัฒนาเหมือนที่คิดเอาไว้

พวกหลี่มู่ได้รับการต้อนรับเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ

เฝิงหยวนซิงหลังจากที่รู้ฐานะของมารดาหลี่มู่แล้วก็ยิ่งตกใจ ไม่กล้าเพิกเฉย รีบจัดเตรียมข้ารับใช้หลายคนมาคอยปรนนิบัติรับใช้ และจัดแจงทำความสะอาดเรือนหลักซึ่งสร้างขึ้นใหม่ในที่ว่าการ

ฐานะและตำแหน่งของชุนเฉ่ากับเซี่ยจวี๋ก็สูงขึ้นตามไปด้วย

ยามเมื่อเด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงนั่งรถเข็นมาปรากฏตัว ใจของหลี่มู่ก็โล่งได้ในที่สุด

ท่าทางของปีศาจน้อยดูไม่เลวทีเดียว สีหน้าแดงระเรื่อ แข็งแรงกว่าตอนที่หลี่มู่จากไปมากนัก อีกทั้งดูไปแล้วสภาพจิตใจของเขาก็ดีมาก ไม่ได้หดหู่เพราะขาบาดเจ็บพิการ

หมอยาสาวจ้าวหลิงแห่งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ก็มาด้วยเช่นกัน

เมื่อเห็นหลี่มู่ หงส์ฟ้าน้อยผู้หยิ่งทะนงก็ไม่ได้ทักทาย เพียงแค่ติดตามอยู่ข้างหลังคอยเข็นรถเข็นให้ชิงเฟิงเท่านั้น ทำท่าทางเหมือนไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่สายตาที่แอบลอบมองหลี่มู่เป็นบางครั้งก็ยังเปิดเผยความสงสัยใคร่รู้ในใจนางออกมา

ไม่เหมือนกับพวกเจินเหมิ่งเฝิงหยวนซิง จ้าวหลิงเป็นอัจฉริยะน้อยแห่งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นพลังฝึกของตัวเองหรือประสบการณ์ทฤษฎีวิถียุทธิ์ก็ล้วนสูงกว่ามาก นางสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าในร่างของหลี่มู่ตอนนี้มีกลิ่นอายที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง ทำให้นางรู้สึกถึงความกดดัน และยิ่งรู้สึกห่างชั้นเกินจะเทียบมากขึ้นไปอีก

ความรู้สึกนี้ นางเคยสัมผัสได้จากตัวเจ้าสำนักเท่านั้น

………………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดารา 198 การเปลี่ยนแปลงของเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 198 การเปลี่ยนแปลงของเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้ารู้สึกเหมือนเนื้อตัวเบาหวิว จะลอยตามลมไปแล้ว…” ฮวาเสี่ยงหรงลืมตา ใบหน้าตื่นเต้นดีใจ รู้สึกเหมือนทั้งตัวมีพลังเต็มเปี่ยมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความรู้สึกสบายเช่นนี้ไม่ใช่ความรู้สึกสบายอย่างที่นอนเต็มอิ่มแล้วตื่นขึ้นมา แต่เหมือนโลกทั้งใบที่อยู่ต่อหน้าของตนสวยสดงดงามขึ้น นางพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ผลจากวิธีการหายใจแบบนี้ช่างชัดเจนยิ่งนัก…”

ท่าทางอย่างสาวน้อย น่ารักไร้เดียงสา

หลี่มู่พูดขึ้น “ยึดตามวิชานี้ ขอแค่มีเวลาก็ฝึกฝนทุกวัน อีกไม่นานก็จะเป็นสุดยอดฝีมือที่เกรียงไกรใต้ผืนฟ้าได้แน่นอน” เขาคาดหวังในตัวฮวาเสี่ยงหรงมากนัก

ฮวาเสี่ยงหรงตาเป็นประกาย บิดขี้เกียจเล็กน้อย ท่วงท่าชวนให้หลงใหล “ขอแค่ได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย ข้าก็พอใจแล้ว” พูดจบใบหน้าเรียวขาวผ่องก็แดงระเรื่อ พวงแก้มแดงปลั่ง น่ารักเป็นอย่างยิ่ง

นี่นับว่าบอกความในใจกับหลี่มู่แล้ว

จิตใจที่ทะนงตนของหลี่มู่ในฐานะหนุ่มซิงไปถึงจุดเต็มอิ่มจนถึงขีดสุด

เขาบอก “อีกครู่หนึ่งเจ้าให้ซินเอ๋อร์ไปบอกกับท่านแม่ไป๋ คืนนี้ข้าจะค้างอยู่ที่หอสดับเซียน ให้นางอย่าได้มารบกวนอีก…”

“เอ๋…คุณชายจะค้างคืนที่นี่?” ฮวาเสี่ยงหรงร้องตกใจ ใบหน้าร้อนวาบ ดวงหน้ายิ่งแดงอย่างเห็นได้ชัด เสียงสั่นเล็กน้อย ท่าทางก็เหมือนทำอะไรไม่ถูก

หลี่มู่อึ้งไป ก่อนตั้งสติกลับมาได้ทันที ฮวาเสี่ยงหรงเข้าใจความหมายของตัวเองผิดแล้ว

แต่ก็เห็นนางก้มหน้าลงอย่างน่าเอ็นดู นิ้วเรียวงามม้วนผมของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว พูดเสียงเบาเหมือนยุงว่า “ที่จริง…ที่จริงข้า…ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนของคุณชายตั้งนานแล้ว ข้า…จะให้ซินเอ๋อร์ไปบอกเดี๋ยวนี้”

นางลนลานอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังตื่นเต้นหน่อยๆ

ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูแบบนั้นเหมือนกวางน้อยที่ตกใจ อายจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา

ถึงแม้จะเป็นนางคณิกาคนดังที่นามระบือไปไกล แต่ความจริงแล้วก็เป็นแค่สาวน้อยอายุสิบหกเท่านั้น ยังไม่เคยผ่านเรื่องราวทางโลก แต่กลับเข้าใจอะไรมากกว่าเด็กสาวทั่วไป นางรู้ว่าค้างคืนหมายถึงอะไร ดังนั้นจึงยิ่งขวยเขิน

เป็นความเขินอายของสตรีพรหมจรรย์

หลี่มู่ซาบซึ้งใจ

โลกใบนี้ไม่ได้เปิดกว้างเหมือนกับดาวโลกที่จะคบกันแบบมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนได้ โดยเฉพาะจักรวรรดิฉินตะวันตกที่จารีตประเพณีเคร่งครัด ผู้หญิงคนหนึ่งตอบรับคำขอร้องเช่นนี้ของฝ่ายชาย นั่นหมายความว่านางรักชายคนนี้เป็นที่สุดจริง และอยากจะมอบทุกสิ่งให้ด้วยใจรักมั่น

ตัวข้าท่องไปไม่หยุดใต้หล้า มิควรค่ากับความรักที่มอบให้

บุญคุณของสาวงามยากจะรับไว้จริงๆ

จิตใจหลงตัวเองของหลี่มู่ได้รับการเติมเต็ม นอกจากความซาบซึ้งก็อดรู้สึกถึงความกดดันไม่ได้

ความรู้สึกที่เขามีต่อฮวาเสี่ยงหรง ตกลงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่?

เป็นความรักหรือ?

เขาก็ไม่แน่ใจ

แต่ยามว่างจากการฝึกก็จะคิดถึงนาง นี่คือเรื่องจริง

ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาขบคิดปัญหาพวกนี้อย่างเห็นได้ชัด

เขารีบอธิบาย “ฮวาเอ๋อร์ ข้าจะต้องจากเมืองฉางอันไปทำธุระอะไรสักหน่อย ทว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าข้าไปแล้ว จึงอยากจะสร้างสถานการณ์ลวงว่าข้าค้างคืนที่นี่…” หลี่มู่พูดๆ ไปแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่า…บ้าเอ๊ย แผนที่ตัวเองคิดขึ้นมาช่างแย่จริงๆ หากเป็นแบบนี้ ความบริสุทธิ์ของนางก็นับว่าพังลงในมือตนแล้ว

ฮวาเสี่ยงหรงได้ยินก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่ นางร้องอ้อแล้วรีบเอ่ยขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว คุณชายวางใจได้ ข้าให้ความร่วมมือกับท่านแน่นอน” นางไม่มีแม้แต่คำกล่าวโทษเลยสักนิด อันที่จริงนางดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยหลี่มู่ได้

หลี่มู่ถอนหายใจอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร เขายื่นมือไปจับมือเล็กๆ ของนางเอาไว้อย่างอดไม่ได้ ก่อนจะบีบเบาๆ

ฮวาเสี่ยงหรงเผยสีหน้าอ่อนโยน กลิ่นอายราวดอกกล้วยไม้ นางไม่ขัดขืน ปล่อยให้หลี่มู่จับมือของตนเอาไว้

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเพศตรงข้ามหลังจากเติบโตมาถึงขนาดนี้ แต่ไม่มีความรู้สึกตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกหรืออึดอัดใดๆ อย่างน่าประหลาด กลับกันความอบอุ่นที่ส่งมาจากมือของหลี่มู่ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

“ฝึกฝนวิธีหายใจที่ข้าสอนให้ดี หากมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจ ก็รอข้ากลับมาก่อน”

หลี่มู่ลุกขึ้นยืน

เขาโคจร ‘ยอดวิชาเปลี่ยนร่างย้ายกล้ามเนื้อแปรกระดูก’ ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของฮวาเสี่ยงหรง กล้ามเนื้อของเขาเคลื่อนย้าย กระดูกเปลี่ยนไป สุดท้ายก็กลายเป็นชายหน้ายาวดูแล้วอายุราวๆ สามสิบกว่า จากนั้นก็สำแดงวิชาเต๋า ปกปิดกลิ่นอายของตน และไปจากหอสดับเซียนอย่างเงียบงัน

……

วันที่สองตอนบ่าย

ฤดูใบไม้ร่วง แสงอาทิตย์สาดส่อง

ในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์สุขสงบ ทุกแห่งตกอยู่ในบรรยากาศปีติยินดีแห่งการเก็บเกี่ยว

อำเภอขาวพิสุทธิ์นับว่าเป็นเมืองภูเขาครึ่งหนึ่ง การเกษตรปลูกเป็นแบบนาขั้นบันไดเป็นหลัก ดีที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติมาก ระบบน้ำพัฒนา การรดน้ำจึงไม่ใช่ปัญหา รวมกับปีนี้ปริมาณน้ำฝนนับว่าสมบูรณ์ ผลเก็บเกี่ยวของไร่นาจึงไม่เลวเลย

รถม้าเดินทางมาบนถนนสายหลักนอกอำเภอโดยราบรื่นตลอดทาง

“อากาศดีจริงๆ เลยนะ” มารดาหลี่มู่นั่งอยู่ริมหน้าต่างรถม้า เมื่อมองไปยังมวลทะเลภูเขาเขียวด้านนอก ก็รู้สึกแบบนี้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เมืองฉางอันก็นับว่าเป็นสถานที่ที่ทิวทัศน์งดงามมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับทิวเขาขาวพิสุทธิ์ยังห่างชั้นอีกไกลนัก เขาขาวพิสุทธิ์ที่ใบไม้ต้องลมพลิ้วไหวราวกับแดนเซียนบนโลกมนุษย์ เมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ที่สร้างจากอิฐกระเบื้องซึ่งมองเห็นได้จากไกลๆ สวยงามแบบโบราณ ก็ดูประหนึ่งวังของเซียนในแดนเซียน

ชุนเฉ่าและเซี่ยจวี๋สองคนพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดตลอดทาง พวกนางที่ไม่เคยออกจากเมืองฉางอันเลยสิบกว่าปีไม่ต่างกับนกกระจาบฝนในกรงทองที่สุดท้ายก็หนีออกมาได้ รู้สึกสงสัยไปเสียทุกสิ่ง

เมื่อวานตอนบ่ายออกเดินทางจากเมืองฉางอันมาตลอดทั้งวันทั้งคืน วันนี้ตอนบ่ายก็มาถึงนอกเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้ว

นี่เร็วกว่าที่หลี่มู่คิดเอาไว้เสียอีก

ม้าและรถม้าที่เจิ้งฉุนเจี้ยนหามาให้เป็นของเยี่ยมยอดในเยี่ยมยอดจริงๆ

หลังจากผ่านการตรวจสอบหน้าประตูเมืองอำเภอ ขบวนรถม้าก็เข้าไปในเมืองตามถนนหลัก มุ่งหน้าไปยังที่ว่าการอำเภอขาวพิสุทธิ์ บนถนนมีคนเดินผ่านไปมาไม่น้อย สีหน้าสุขสงบ มีอิสระเสรี ไม่ว่าจะเป็นเด็กน้อยหรือคนเฒ่าคนแก่ล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส ใบหน้าของผู้คนที่สัญจรไปมาสดชื่นเปล่งปลั่ง เห็นชัดว่าชีวิตความเป็นอยู่ในอำเภอสุขสบายเป็นอย่างมาก

“ลูกชายข้าจัดการดูแลอำเภอขาวพิสุทธิ์ได้ไม่เลวเลย” มารดาหลี่มู่เอ่ยปากชม

นางมีชาติกำเนิดจากตระกูลชนชั้นสูง แน่นอนว่าย่อมตาแหลมอยู่บ้าง มองจากจุดเล็กๆ ก็รู้เรื่องทั้งหมด และมีดุลยพินิจในด้านเหล่านี้

หลี่มู่ยิ้มแย้มไม่พูดจา

สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นความดีความชอบของพวกที่ปรึกษาอย่างเฝิงหยวนซิง

เขาไม่ได้ลงมือเองมาโดยตลอด

แต่ว่าช่วงที่ตนจากไป ดูแล้วทุกอย่างในอำเภอขาวพิสุทธิ์ยังราบรื่นดี ไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้น เขาก็นับว่าโล่งใจแล้ว

ไม่นานนัก คนกลุ่มหนึ่งก็เข้าไปในที่ว่าการอำเภอ

หลี่มู่ไปจากอำเภอแค่สิบกว่าวันเท่านั้น ที่ว่าการก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลถึงเพียงนี้

‘ค่ายกลดาราพิฆาต’ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงกับที่ว่าการอำเภอ

ละอองหมอกกลิ่นอายเซียนอันเลือนรางปกคลุมทั่วที่ว่าการ ความเข้มข้นของพลังวิญญาณมากจนน่าประหลาด ต้นไม้ที่แต่เดิมย้ายมาปลูกไว้ เมื่ออยู่ในสภาพการหล่อเลี้ยงจากพลังวิญญาณเช่นนี้ก็เหมือนโตมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว เขียวดกชุ่มชอุ่ม ทั้งยังมีนกกระจาบฝน นกกระเรียนขาว นกพิราบขาว และสัตว์ปีกศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อีกหลายสิบชนิด จากนอกกำแพงจะมองเห็นได้ว่าสายน้ำไหลคดเคี้ยว เงียบสงบและงดงาม ไม่เหมือนกับโลกมนุษย์ แต่ราวกับเป็นคฤหาสน์เซียน

“นี่ก็คือที่ว่าการอำเภอ?” มารดาหลี่มู่ตะลึงตาค้าง ยากที่จะเชื่อได้

อากาศในที่ว่าการอำเภอ ยามหายใจเข้าไปยังรู้สึกว่าหวานฉ่ำ ทำให้จิตใจผ่อนคลาย เสมือนว่ามีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์กำลังชะล้างจิตใจและวิญญาณของตน รู้สึกน่าอัศจรรย์เป็นที่สุด

หลี่มู่ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน

ทุกสิ่งในเขตที่ว่าการอำเภอเต็มไปด้วยพลังชีวิต ทำให้รู้สึกเหมือนภาพมายาไม่ก็ความฝัน

การเปลี่ยนแปลงของ ‘ค่ายกลดาราพิฆาต’ ที่มีต่อที่ว่าการก็แค่สิบกว่าวันเท่านั้น กลับเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ? เกินจริงไปหน่อยแล้วกระมัง!

หลังจากตกใจ หลี่มู่ก็รู้สึกเบิกบานยินดี

ผลลัพธ์ดีกว่าตนคิดเอาไว้เสียอีก หากฝึกฝนในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แค่หายใจเฮือกหนึ่งก็เพิ่มพลังฝึกได้แล้วนะเนี่ย

พวกเฝิงหยวนซิงและเจินเหมิ่ง เมื่อได้ยินข่าวก็รุดหน้ามาต้อนรับทันที

“คารวะใต้เท้า”

“ใต้เท้า ท่านกลับมาเสียที”

ทั้งสองคนตื่นเต้นมาก

“ใต้เท้า มีงานราชการสะสมไว้มากมายนัก ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว ข้าน้อยเร่งจะให้คนไปเตรียมม้วนเอกสารมารายงานต่อท่าน…” เฝิงหยวนซิงเอ่ยอย่างดีใจเหลือคณา

หลี่มู่บอก “เอ่อ…เดี๋ยวค่อยว่ากันก็แล้วกัน”

เอกสารราชการอะไรพวกนี้ เอามันไปไกลๆ เลยเถอะ ข้าไม่ได้อยากดูมันสักนิด

ดูจากท่าทางของสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองฉางอันยังไม่แพร่มาถึงที่นี่ แต่นี่ก็สมเหตุสมผลแล้ว เมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ห่างไกลกันดาร การคมนาคมไม่สะดวก อีกทั้งการสื่อสารของโลกนี้ยุคนี้ก็ไม่ได้พัฒนาเหมือนที่คิดเอาไว้

พวกหลี่มู่ได้รับการต้อนรับเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ

เฝิงหยวนซิงหลังจากที่รู้ฐานะของมารดาหลี่มู่แล้วก็ยิ่งตกใจ ไม่กล้าเพิกเฉย รีบจัดเตรียมข้ารับใช้หลายคนมาคอยปรนนิบัติรับใช้ และจัดแจงทำความสะอาดเรือนหลักซึ่งสร้างขึ้นใหม่ในที่ว่าการ

ฐานะและตำแหน่งของชุนเฉ่ากับเซี่ยจวี๋ก็สูงขึ้นตามไปด้วย

ยามเมื่อเด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงนั่งรถเข็นมาปรากฏตัว ใจของหลี่มู่ก็โล่งได้ในที่สุด

ท่าทางของปีศาจน้อยดูไม่เลวทีเดียว สีหน้าแดงระเรื่อ แข็งแรงกว่าตอนที่หลี่มู่จากไปมากนัก อีกทั้งดูไปแล้วสภาพจิตใจของเขาก็ดีมาก ไม่ได้หดหู่เพราะขาบาดเจ็บพิการ

หมอยาสาวจ้าวหลิงแห่งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ก็มาด้วยเช่นกัน

เมื่อเห็นหลี่มู่ หงส์ฟ้าน้อยผู้หยิ่งทะนงก็ไม่ได้ทักทาย เพียงแค่ติดตามอยู่ข้างหลังคอยเข็นรถเข็นให้ชิงเฟิงเท่านั้น ทำท่าทางเหมือนไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่สายตาที่แอบลอบมองหลี่มู่เป็นบางครั้งก็ยังเปิดเผยความสงสัยใคร่รู้ในใจนางออกมา

ไม่เหมือนกับพวกเจินเหมิ่งเฝิงหยวนซิง จ้าวหลิงเป็นอัจฉริยะน้อยแห่งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นพลังฝึกของตัวเองหรือประสบการณ์ทฤษฎีวิถียุทธิ์ก็ล้วนสูงกว่ามาก นางสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าในร่างของหลี่มู่ตอนนี้มีกลิ่นอายที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง ทำให้นางรู้สึกถึงความกดดัน และยิ่งรู้สึกห่างชั้นเกินจะเทียบมากขึ้นไปอีก

ความรู้สึกนี้ นางเคยสัมผัสได้จากตัวเจ้าสำนักเท่านั้น

………………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+