จอมศาสตราพลิกดารา 208 จอมเวทที่แข็งแกร่ง?

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 208 จอมเวทที่แข็งแกร่ง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่ว่าเขาก็ยังคงไม่รีบร้อนกลับไป

ยังนั่งอยู่ใน ‘ค่ายกลมังกรเขียวพ้นน้ำ’ ปิดด่านกักตัวชั่วคราว หลี่มู่เริ่มทำให้พลังฝึกที่ได้มาจากการปิดด่านครั้งนี้มั่นคง ทำให้ทุกอย่างตกตะกอนอย่างช้าๆ เปลี่ยนให้เป็นกำลังรบที่แท้จริง

เมื่อเขามองดูข้างในก็ค้นพบอะไรใหม่

ปราณแท้ฟ้าประทานที่แต่เดิมขนาดประมาณเส้นผม ตอนนี้หนาขึ้นเล็กน้อย ประมาณสิบเท่าของก่อนหน้านี้ ดูท่าทางตอนที่ฝึกฝนหมัดยุทธ์แท้ท่าที่สี่ ‘รวบหางยูง’ เมื่อครู่ กำลังภายในและปราณแท้ฟ้าประทานหมุนโคจรเองในร่างกาย จึงได้รับการบำรุงเพิ่มประโยชน์

“ทำตามความเร็วนี้ต่อไป อย่างมากหนึ่งปี เราจะสามารถแปรเปลี่ยนกำลังภายในในร่างให้เป็นปราณแท้ฟ้าประทานได้ทั้งหมด และก้าวสู่ขั้นเหนือมนุษย์”

หลี่มู่ยิ่งมั่นใจขึ้นทุกที

ตอนนี้พลังของเขาเทียบกับเมื่อวันก่อนแล้วพูดได้ว่าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หากโลกภายนอกรับรู้ น่ากลัวว่าคงตกใจกันจนคลั่ง หากเจอกับคู่ต่อสู้พลังเหมือนธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ที่ก้าวสู่ขั้นฟ้าประทานอย่างวันนั้นอีก แค่เคลื่อนไหวก็สังหารได้แล้ว ไม่ต้องดึงเวลาให้นานเลย

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม

ต้องกลับไปแล้ว

หลี่มู่ไปจากสวนสุสานทหาร

ไม่ได้กลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนติดๆ ฮวาเสี่ยงหรงคงร้อนใจแล้ว

……

“แม่นางฮวา เชิญไปสำนักตรวจการสักหน่อยเถิด”

ชายหนุ่มสวมชุดเฟยอวี๋[1]คนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าฮวาเสี่ยงหรง ภายในดวงตาซึ่งดูเหมือนทำตามหน้าที่ซ่อนความเร่าร้อนที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ไว้เลาๆ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฮวาเสี่ยงหรงแห่งหอสดับเซียนจะสวยถึงขนาดนี้ เกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก

สาวใช้ซินเอ๋อร์จับมือของฮวาเสี่ยงหรงไว้แน่น

ไป๋เซวียนยิ้มสู้เสืออยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ใต้เท้า ฮวาเอ๋อร์ถึงแม้จะรู้จักกับคุณชายหลี่มู่ แต่ไม่รู้ตำแหน่งแห่งหนของเขา ยิ่งไม่มีทางเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอะไร พวกเราหอสดับเซียนทำการค้า ผู้มาเยือนล้วนเป็นแขก พวกท่านเข้าใจอะไรผิดแล้วหรือไม่?”

ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋หัวเราะเสียงเย็น “ในเมืองฉางอัน ใครไม่รู้บ้างว่าหลายวันมานี้หลี่มู่อยู่กับฮวาเสี่ยงหรงที่นี่ โปรดปรานแม่นางฮวาคนเดียว ข้าไม่ได้บอกว่าแม่นางฮวาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแน่ แต่ก็ต้องตามข้ากลับไปรับการตรวจสอบ เชื่อว่าเมื่อได้ยินว่าแม่นางฮวาไปสำนักตรวจการ หลี่มู่ก็จะไปมอบตัวที่นั่น”

“เช่นนี้จะได้อย่างไร?” ไป๋เซวียนเอ่ยอย่างร้อนใจ “ฮวาเสี่ยงหรงต้องเข้าร่วมประกวดนางคณิกาในวันมะรืน…”

“เหอะๆ งานประกวดนางคณิกาอะไร สำคัญกว่ากฎหมายของบ้านเมืองหรืออย่างไร?” สีหน้าของชายหนุ่มเย็นชาขึ้น “สำนักตรวจการสืบคดี ใครกล้าขวาง? ท่านแม่ไป๋เซวียน ข้ารู้ว่าเจ้ามีกำลังอยู่บ้างในเมืองฉางอัน แต่ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้เที่ยวจุ้นจ้าน คดีนี้นายตรวจลู่ที่มาจากสำนักตรวจการสาขาหลักเมืองฉินมาทำคดีตรวจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะสอดมือยุ่งได้”

ไป๋เซวียนร้อนใจจนเหงื่อซึมหน้าผาก แต่ถ้าอีกฝ่ายจะพาฮวาเสี่ยงหรงไปจริงๆ นางก็ไม่กล้าขัดขวาง

คนของสำนักตรวจการ เป็นใครได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีแล้ว น่ากลัวกว่าพวกขุนนางในที่ว่าการมาก ว่ากันว่าในคุกของสำนักตรวจการไม่ต่างอะไรกับนรกอสุรภูมิเลย ต่อให้เป็นผู้ชายอกสามศอกเข้าไปก็ยังศิโรราบอ้อนวอน บุคคลยอดเยี่ยมไม่รู้ต่อเท่าไหร่ หลังจากถูกจับเข้าไปในสำนักตรวจการก็หายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง

หลี่มู่ไปอยู่ที่ไหนกันแน่ จู่ๆ หายตัวไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม หรือจะหนีความผิดไปแล้วจริงๆ

หากเป็นแบบนั้นจริง นั่นจะเป็นการทำร้ายฮวาเอ๋อร์จนน่าอนาถเลยนะ

ไป๋เซวียนร้อนรุ่มดั่งไฟเผา

ทว่า สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือฮวาเสี่ยงหรงเวลานี้กลับสงบนิ่งยิ่งนัก นางส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเป็นไปตามหลักเหตุผล “ก่อนพี่มู่กลับมา ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หากข้าตามเจ้าไป เขากลับมาจะเป็นกังวลได้”

ชายหนุ่มอึ้งไป คิดไม่ถึงว่ากับแค่นางคณิกาชื่อดัง ยามได้ยินชื่อสำนักตรวจการกลับยังสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้ เขาหัวเราะก่อนจะเอ่ย “เกรงว่านี่จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า”

นายตรวจลู่แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะจัดการหลี่มู่ ผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานที่ไม่มีภูมิหลัง ต่อให้เป็นอัจฉริยะ สำนักตรวจการก็ไม่กลัว หลายปีมานี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีขั้นฟ้าประทานตายอยู่ในคุกของสำนักตรวจการเลย ส่วนเรื่องบังคับจับตัวนางโลมในหน่วยเลี้ยงรับรองมาก็ยิ่งไม่มีความกดดันอะไร ฮวาเสี่ยงหรงคนนี้หน้าตางดงามชวนตะลึง เหนือกว่าจินตนาการของเขา ความละโมบและความปรารถนาในใจทำให้เขาตัดสินใจแล้วว่า วันนี้จะต้องจับฮวาเสี่ยงหรงไปสำนักตรวจการให้ได้ สาวงามหยาดเยิ้มเช่นนี้ เมื่ออยู่ในคุกจะไม่แล้วแต่เขาจะนวดคลึงหรืออย่างไร

“อย่าบังคับข้า” ฮวาเสี่ยงหรงก้าวขึ้นไปก้าวหนึ่ง ปกป้องสาวใช้ซินเอ๋อร์เอาไว้ข้างหลัง

สีหน้าของนางแน่วแน่ ในแววตามีประกายจะพลีชีพชัดเจน

นางที่ฝึกฝนวิชาก่อนกำเนิดฉบับง่าย พลังจิตวิญญาณและสัญชาตญาณฉับไวยิ่งนัก นางมองเห็นความปรารถนาจะครอบครองอันร้อนเร่าชั่วร้ายในดวงตาของขุนนางสำนักตรวจการหนุ่มคนนี้ เห็นได้ชัดว่าหากตนถูกจับเข้าไปอยู่ในคุกสำนักตรวจการจะมีเรื่องน่ากลัวอะไรเกิดขึ้น ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว

ตัวของนาง ร่างของนาง ความบริสุทธิ์ของนาง ทุกสิ่งทุกอย่างของนาง ทั้งหมดเป็นของพี่มู่

หากทุกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่นนั้นนางก็จะขัดขืน ต่อให้ตายนางก็เป็นผีของพี่มู่

ชั่วชีวิตนี้จะไม่ให้ใครอื่นนอกจากพี่มู่ดูการร่ายรำของนาง มองร่างกายของนาง

“หือ?” ขุนนางหนุ่มอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ ขัดขืนรึ นางโลมตัวเล็กๆ อย่างเจ้าอาศัยอะไรมาขัดขืน ฮ่าๆ อย่าทำให้ตัวเองอับอายเลย มิฉะนั้นเมื่ออยู่ในคุกสำนักตรวจการ เจอทัณฑ์ทรมานเจ็ดสิบสองชนิด ถึงตอนนั้น ฮี่ๆ…”

เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงหัวเราะเยาะหยันก็พลันหยุดชะงัก

เพราะคลื่นพลังเวทที่แข็งแกร่งทะลักขึ้นมาในห้อง

ฮวาเสี่ยงหรงสะบัดมือเบาๆ กลางฝ่ามืองามราวหยกมันแพะแกะสลักมีแสงสายฟ้าสีม่วงแปลบปลาบลูกหนึ่งขยายขึ้นช้าๆ แสงอัสนีวิบวับนั่นและคลื่นพลังเวทรางเลือนแต่มหาศาล ล้วนบ่งบอกว่าลูกสายฟ้านี้แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว

จอมเวทหกดาว?

ไม่สิ แข็งแกร่งยิ่งกว่า

ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋มองฮวาเสี่ยงหรงอย่างตะลึงตาค้าง ยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น

ในรายงานของสำนักตรวจการไม่เคยบอกว่านางคณิกาอันดับหนึ่งของหอสดับเซียนเป็นจอมเวทหกดาวที่พลังเวทล้ำลึก

ไป๋เซวียนที่อยู่ข้างๆ ก็ตื่นตะลึงงันไปเช่นกัน

นี่…เป็นไปไม่ได้

ตนเองรู้จักฮวาเสี่ยงหรงดี นางเป็นสตรีตัวเล็กๆ ที่ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ ไม่เคยฝึกฝนวิชาเวทอะไรนี่ จะเป็นไปได้อย่างไร…ถึงแม้นางมองไม่ออกว่าสายฟ้าในมือของฮวาเสี่ยงหรงจะสื่อแทนจอมเวทขั้นไหน แต่เห็นได้ชัดยิ่ง จากท่าทีของขุนนางหนุ่มชุดเฟยอวี๋ของสำนักตรวจการและความกดดันชวนพรั่นพรึงที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นทั่วทั้งห้อง พลังเวทของฮวาเสี่ยงหรงไม่ต่ำแน่นอน

นี่เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อใดกัน?

ฮวาเสี่ยงหรงไม่มีทางเก็บซ่อนพลังมาโดยตลอดแน่ นางไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแบบนั้น

คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวคือ…หลี่มู่ถ่ายทอดวิชาให้นาง?

ในเวลาสั้นๆ แค่นี้ เปลี่ยนฮวาเสี่ยงหรงจากสตรีอ่อนแอไร้กำลังเป็นผู้ฝึกฝนวิชาเวทที่แม้แต่ยอดฝีมือสำนักตรวจการยังต้องหวาดเกรง?

หลี่มู่ไม่ใช่ว่าเป็นเทพเซียนจุติลงมาหรอกกระมัง?

ไป๋เซวียนรู้สึกว่าสมองของตนไม่ค่อยจะพอใช้แล้ว

“เจ้า…” ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋แข็งนอกอ่อนใน ตอบไปว่า “เจ้ากล้าขัดขืนการจับกุม? เจ้ารู้ไหมว่าผลของการทำแบบนี้คืออะไร? เจ้าจะบ้านแตกสาแหรกขาด เป็นปฏิปักษ์กับสำนักตรวจการ นี่คือการรนหาที่ตาย”

“ข้าก็บ้านแตกสาแหรกขาดอยู่แล้ว” ในหัวของฮวาเสี่ยงหรงตอนนี้ชัดเจนและมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมากก่อน สีหน้าทั้งสุขุมและเด็ดเดี่ยว “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่ไปกับเจ้า ถ้าไปก็ต้องรอพี่มู่กลับมาก่อน หากเขาให้ข้าไป ข้าจึงจะไปด้วย”

สีหน้าของชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋ครึ้มดำ ก่อตัวเป็นฝนออกมาได้แล้ว

ตัวเขาก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง พลังฝึกอยู่ขั้นปรมาจารย์สูงสุด ด้วยอายุของเขา พลังฝึกเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของวิชาเวทสายฟ้าในมือของฮวาเสี่ยงหรง หากลูกสายฟ้าระเบิดปะทุ เขาก็จะบาดเจ็บสาหัส

“งั้นหรือ? อ้อ ก็ใช่ เจ้าคนตระกูลซ่างกวนตายกันเกือบหมดแล้ว เจ้าต้องรู้นะว่าหากเจ้าลงมือ สาวใช้ของเจ้า ท่านแม่ไป๋ผู้นี้ แล้วก็ทุกคนที่เจ้ารู้จักในหอสดับเซียนจะต้องตายไปกับเจ้า” ชายหนุ่มความคิดจิตใจชั่วร้าย จับจุดอ่อนในนิสัยของฮวาเสี่ยงหรงได้ในทันที แค่นเสียงเย็นบอก “เจ้าจะให้คนตายมากมายเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเองคนเดียวหรือ?”

ในสายตาของฮวาเสี่ยงหรงฉายแววลังเล

ดวงตาของชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋ลุกวาบ

ตอนนี้แหละ!

ร่างเขาวูบไหว ลงมือทันทีราวภูตผี ชี้ไปยังหว่างคิ้วของฮวาเสี่ยงหรง

เขามีประสบการณ์ในการรับมือกับจอมเวท ขอแค่ประชิดตัว โจมตีให้อีกฝ่ายงวยงงในชั่วพริบตา วิชาเวททั้งหมดก็จะหายไป

“กรี๊ด…” ซินเอ๋อร์กรีดร้อง “คุณหนูระวัง”

ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียง ภาพที่เคลื่อนไหวทุกอย่างก็พลันหยุดชะงัก เงียบนิ่ง

ตราประทับดัชนีของชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋ใกล้จะแตะลงที่หว่างคิ้วของฮวาเสี่ยงหรงแล้ว แต่กลับมีครอบแสงโปร่งใสชั้นที่บางราวกระดาษชั้นหนึ่งสกัดกั้นดัชนีของเขาเอาไว้ จากนั้นครอบแก้วโปร่งแสงสะท้อนดัชนีกลับไปทีละชุ่นท่ามกลางสายตาที่หวาดกลัวของชายหนุ่มคนนี้

ตูม!

ชายหนุ่มถูกกระแทกลอยไปชนโต๊ะชาข้างหลังหลายตัว

บนใบหน้าของฮวาเสี่ยงหรง ความตกใจฉายขึ้นแล้วหายวับไป จากนั้นก็กลับเป็นปกติ

นี่คือการต่อสู้ครั้งแรกของนาง

ถึงแม้ก่อนหน้านี้พี่มู่จะย้ำแล้วย้ำอีกว่าเงื่อนไขการต่อสู้ของจอมเวทคือต้องรักษากายเนื้อที่ค่อนข้างอ่อนแอของตัวเองให้ดี อย่าให้คู่ต่อสู้ประชิดตัว แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เกือบถูกคู่ต่อสู้ลอบโจมตีได้แล้ว

ยังดีที่ชั่วขณะสุดท้ายนางตั้งตัวทัน ปล่อยวิชาเต๋าคุ้มกาย ‘ครอบแก้วไม่ดับสูญ’ สกัดกั้นการลอบโจมตีของชายหนุ่มเอาไว้

ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋กระโดดโหยงขึ้นมา ทำหน้าแค้นเคือง “เจ้ากล้าลงมือกับข้า? นางโลมชั้นต่ำ เจ้าก่อเรื่องร้ายแรงเข้าแล้ว ต่อให้เหาะขึ้นฟ้ามุดลงดิน ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้…” นี่นับว่าอายจนโมโห แต่แท้ที่จริงในใจของเขาสั่นสะท้านหวาดกลัวยิ่งนัก เพราะวิชาเวทป้องกันที่สำแดงในชั่วพริบตาไม่ใช่สิ่งที่จอมเวทหกดาวจะทำได้

พลังของฮวาเสี่ยงหรงทำให้เขาอึ้งตะลึง

“งั้นหรือ? ข้าว่าคนที่เหาะขึ้นฟ้ามุดลงดินใครก็ช่วยไม่ได้ จะเป็นเจ้ามากกว่ากระมัง” ตอนนี้เอง เสียงหนึ่งพลันดังเข้ามา

……………………………………………………

[1]ชุดเฟยอวี๋หรือชุดปลาบิน คือชุดเครื่องแบบพระราชทาน เป็นเครื่องแบบปฏิบัติราชการตามปกติขององครักษ์เสื้อแพร

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดารา 208 จอมเวทที่แข็งแกร่ง?

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 208 จอมเวทที่แข็งแกร่ง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่ว่าเขาก็ยังคงไม่รีบร้อนกลับไป

ยังนั่งอยู่ใน ‘ค่ายกลมังกรเขียวพ้นน้ำ’ ปิดด่านกักตัวชั่วคราว หลี่มู่เริ่มทำให้พลังฝึกที่ได้มาจากการปิดด่านครั้งนี้มั่นคง ทำให้ทุกอย่างตกตะกอนอย่างช้าๆ เปลี่ยนให้เป็นกำลังรบที่แท้จริง

เมื่อเขามองดูข้างในก็ค้นพบอะไรใหม่

ปราณแท้ฟ้าประทานที่แต่เดิมขนาดประมาณเส้นผม ตอนนี้หนาขึ้นเล็กน้อย ประมาณสิบเท่าของก่อนหน้านี้ ดูท่าทางตอนที่ฝึกฝนหมัดยุทธ์แท้ท่าที่สี่ ‘รวบหางยูง’ เมื่อครู่ กำลังภายในและปราณแท้ฟ้าประทานหมุนโคจรเองในร่างกาย จึงได้รับการบำรุงเพิ่มประโยชน์

“ทำตามความเร็วนี้ต่อไป อย่างมากหนึ่งปี เราจะสามารถแปรเปลี่ยนกำลังภายในในร่างให้เป็นปราณแท้ฟ้าประทานได้ทั้งหมด และก้าวสู่ขั้นเหนือมนุษย์”

หลี่มู่ยิ่งมั่นใจขึ้นทุกที

ตอนนี้พลังของเขาเทียบกับเมื่อวันก่อนแล้วพูดได้ว่าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หากโลกภายนอกรับรู้ น่ากลัวว่าคงตกใจกันจนคลั่ง หากเจอกับคู่ต่อสู้พลังเหมือนธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ที่ก้าวสู่ขั้นฟ้าประทานอย่างวันนั้นอีก แค่เคลื่อนไหวก็สังหารได้แล้ว ไม่ต้องดึงเวลาให้นานเลย

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม

ต้องกลับไปแล้ว

หลี่มู่ไปจากสวนสุสานทหาร

ไม่ได้กลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนติดๆ ฮวาเสี่ยงหรงคงร้อนใจแล้ว

……

“แม่นางฮวา เชิญไปสำนักตรวจการสักหน่อยเถิด”

ชายหนุ่มสวมชุดเฟยอวี๋[1]คนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าฮวาเสี่ยงหรง ภายในดวงตาซึ่งดูเหมือนทำตามหน้าที่ซ่อนความเร่าร้อนที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ไว้เลาๆ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฮวาเสี่ยงหรงแห่งหอสดับเซียนจะสวยถึงขนาดนี้ เกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก

สาวใช้ซินเอ๋อร์จับมือของฮวาเสี่ยงหรงไว้แน่น

ไป๋เซวียนยิ้มสู้เสืออยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ใต้เท้า ฮวาเอ๋อร์ถึงแม้จะรู้จักกับคุณชายหลี่มู่ แต่ไม่รู้ตำแหน่งแห่งหนของเขา ยิ่งไม่มีทางเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอะไร พวกเราหอสดับเซียนทำการค้า ผู้มาเยือนล้วนเป็นแขก พวกท่านเข้าใจอะไรผิดแล้วหรือไม่?”

ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋หัวเราะเสียงเย็น “ในเมืองฉางอัน ใครไม่รู้บ้างว่าหลายวันมานี้หลี่มู่อยู่กับฮวาเสี่ยงหรงที่นี่ โปรดปรานแม่นางฮวาคนเดียว ข้าไม่ได้บอกว่าแม่นางฮวาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแน่ แต่ก็ต้องตามข้ากลับไปรับการตรวจสอบ เชื่อว่าเมื่อได้ยินว่าแม่นางฮวาไปสำนักตรวจการ หลี่มู่ก็จะไปมอบตัวที่นั่น”

“เช่นนี้จะได้อย่างไร?” ไป๋เซวียนเอ่ยอย่างร้อนใจ “ฮวาเสี่ยงหรงต้องเข้าร่วมประกวดนางคณิกาในวันมะรืน…”

“เหอะๆ งานประกวดนางคณิกาอะไร สำคัญกว่ากฎหมายของบ้านเมืองหรืออย่างไร?” สีหน้าของชายหนุ่มเย็นชาขึ้น “สำนักตรวจการสืบคดี ใครกล้าขวาง? ท่านแม่ไป๋เซวียน ข้ารู้ว่าเจ้ามีกำลังอยู่บ้างในเมืองฉางอัน แต่ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้เที่ยวจุ้นจ้าน คดีนี้นายตรวจลู่ที่มาจากสำนักตรวจการสาขาหลักเมืองฉินมาทำคดีตรวจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะสอดมือยุ่งได้”

ไป๋เซวียนร้อนใจจนเหงื่อซึมหน้าผาก แต่ถ้าอีกฝ่ายจะพาฮวาเสี่ยงหรงไปจริงๆ นางก็ไม่กล้าขัดขวาง

คนของสำนักตรวจการ เป็นใครได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีแล้ว น่ากลัวกว่าพวกขุนนางในที่ว่าการมาก ว่ากันว่าในคุกของสำนักตรวจการไม่ต่างอะไรกับนรกอสุรภูมิเลย ต่อให้เป็นผู้ชายอกสามศอกเข้าไปก็ยังศิโรราบอ้อนวอน บุคคลยอดเยี่ยมไม่รู้ต่อเท่าไหร่ หลังจากถูกจับเข้าไปในสำนักตรวจการก็หายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง

หลี่มู่ไปอยู่ที่ไหนกันแน่ จู่ๆ หายตัวไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม หรือจะหนีความผิดไปแล้วจริงๆ

หากเป็นแบบนั้นจริง นั่นจะเป็นการทำร้ายฮวาเอ๋อร์จนน่าอนาถเลยนะ

ไป๋เซวียนร้อนรุ่มดั่งไฟเผา

ทว่า สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือฮวาเสี่ยงหรงเวลานี้กลับสงบนิ่งยิ่งนัก นางส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเป็นไปตามหลักเหตุผล “ก่อนพี่มู่กลับมา ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หากข้าตามเจ้าไป เขากลับมาจะเป็นกังวลได้”

ชายหนุ่มอึ้งไป คิดไม่ถึงว่ากับแค่นางคณิกาชื่อดัง ยามได้ยินชื่อสำนักตรวจการกลับยังสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้ เขาหัวเราะก่อนจะเอ่ย “เกรงว่านี่จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า”

นายตรวจลู่แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะจัดการหลี่มู่ ผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานที่ไม่มีภูมิหลัง ต่อให้เป็นอัจฉริยะ สำนักตรวจการก็ไม่กลัว หลายปีมานี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีขั้นฟ้าประทานตายอยู่ในคุกของสำนักตรวจการเลย ส่วนเรื่องบังคับจับตัวนางโลมในหน่วยเลี้ยงรับรองมาก็ยิ่งไม่มีความกดดันอะไร ฮวาเสี่ยงหรงคนนี้หน้าตางดงามชวนตะลึง เหนือกว่าจินตนาการของเขา ความละโมบและความปรารถนาในใจทำให้เขาตัดสินใจแล้วว่า วันนี้จะต้องจับฮวาเสี่ยงหรงไปสำนักตรวจการให้ได้ สาวงามหยาดเยิ้มเช่นนี้ เมื่ออยู่ในคุกจะไม่แล้วแต่เขาจะนวดคลึงหรืออย่างไร

“อย่าบังคับข้า” ฮวาเสี่ยงหรงก้าวขึ้นไปก้าวหนึ่ง ปกป้องสาวใช้ซินเอ๋อร์เอาไว้ข้างหลัง

สีหน้าของนางแน่วแน่ ในแววตามีประกายจะพลีชีพชัดเจน

นางที่ฝึกฝนวิชาก่อนกำเนิดฉบับง่าย พลังจิตวิญญาณและสัญชาตญาณฉับไวยิ่งนัก นางมองเห็นความปรารถนาจะครอบครองอันร้อนเร่าชั่วร้ายในดวงตาของขุนนางสำนักตรวจการหนุ่มคนนี้ เห็นได้ชัดว่าหากตนถูกจับเข้าไปอยู่ในคุกสำนักตรวจการจะมีเรื่องน่ากลัวอะไรเกิดขึ้น ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว

ตัวของนาง ร่างของนาง ความบริสุทธิ์ของนาง ทุกสิ่งทุกอย่างของนาง ทั้งหมดเป็นของพี่มู่

หากทุกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่นนั้นนางก็จะขัดขืน ต่อให้ตายนางก็เป็นผีของพี่มู่

ชั่วชีวิตนี้จะไม่ให้ใครอื่นนอกจากพี่มู่ดูการร่ายรำของนาง มองร่างกายของนาง

“หือ?” ขุนนางหนุ่มอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ ขัดขืนรึ นางโลมตัวเล็กๆ อย่างเจ้าอาศัยอะไรมาขัดขืน ฮ่าๆ อย่าทำให้ตัวเองอับอายเลย มิฉะนั้นเมื่ออยู่ในคุกสำนักตรวจการ เจอทัณฑ์ทรมานเจ็ดสิบสองชนิด ถึงตอนนั้น ฮี่ๆ…”

เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงหัวเราะเยาะหยันก็พลันหยุดชะงัก

เพราะคลื่นพลังเวทที่แข็งแกร่งทะลักขึ้นมาในห้อง

ฮวาเสี่ยงหรงสะบัดมือเบาๆ กลางฝ่ามืองามราวหยกมันแพะแกะสลักมีแสงสายฟ้าสีม่วงแปลบปลาบลูกหนึ่งขยายขึ้นช้าๆ แสงอัสนีวิบวับนั่นและคลื่นพลังเวทรางเลือนแต่มหาศาล ล้วนบ่งบอกว่าลูกสายฟ้านี้แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว

จอมเวทหกดาว?

ไม่สิ แข็งแกร่งยิ่งกว่า

ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋มองฮวาเสี่ยงหรงอย่างตะลึงตาค้าง ยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น

ในรายงานของสำนักตรวจการไม่เคยบอกว่านางคณิกาอันดับหนึ่งของหอสดับเซียนเป็นจอมเวทหกดาวที่พลังเวทล้ำลึก

ไป๋เซวียนที่อยู่ข้างๆ ก็ตื่นตะลึงงันไปเช่นกัน

นี่…เป็นไปไม่ได้

ตนเองรู้จักฮวาเสี่ยงหรงดี นางเป็นสตรีตัวเล็กๆ ที่ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ ไม่เคยฝึกฝนวิชาเวทอะไรนี่ จะเป็นไปได้อย่างไร…ถึงแม้นางมองไม่ออกว่าสายฟ้าในมือของฮวาเสี่ยงหรงจะสื่อแทนจอมเวทขั้นไหน แต่เห็นได้ชัดยิ่ง จากท่าทีของขุนนางหนุ่มชุดเฟยอวี๋ของสำนักตรวจการและความกดดันชวนพรั่นพรึงที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นทั่วทั้งห้อง พลังเวทของฮวาเสี่ยงหรงไม่ต่ำแน่นอน

นี่เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อใดกัน?

ฮวาเสี่ยงหรงไม่มีทางเก็บซ่อนพลังมาโดยตลอดแน่ นางไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแบบนั้น

คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวคือ…หลี่มู่ถ่ายทอดวิชาให้นาง?

ในเวลาสั้นๆ แค่นี้ เปลี่ยนฮวาเสี่ยงหรงจากสตรีอ่อนแอไร้กำลังเป็นผู้ฝึกฝนวิชาเวทที่แม้แต่ยอดฝีมือสำนักตรวจการยังต้องหวาดเกรง?

หลี่มู่ไม่ใช่ว่าเป็นเทพเซียนจุติลงมาหรอกกระมัง?

ไป๋เซวียนรู้สึกว่าสมองของตนไม่ค่อยจะพอใช้แล้ว

“เจ้า…” ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋แข็งนอกอ่อนใน ตอบไปว่า “เจ้ากล้าขัดขืนการจับกุม? เจ้ารู้ไหมว่าผลของการทำแบบนี้คืออะไร? เจ้าจะบ้านแตกสาแหรกขาด เป็นปฏิปักษ์กับสำนักตรวจการ นี่คือการรนหาที่ตาย”

“ข้าก็บ้านแตกสาแหรกขาดอยู่แล้ว” ในหัวของฮวาเสี่ยงหรงตอนนี้ชัดเจนและมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมากก่อน สีหน้าทั้งสุขุมและเด็ดเดี่ยว “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่ไปกับเจ้า ถ้าไปก็ต้องรอพี่มู่กลับมาก่อน หากเขาให้ข้าไป ข้าจึงจะไปด้วย”

สีหน้าของชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋ครึ้มดำ ก่อตัวเป็นฝนออกมาได้แล้ว

ตัวเขาก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง พลังฝึกอยู่ขั้นปรมาจารย์สูงสุด ด้วยอายุของเขา พลังฝึกเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของวิชาเวทสายฟ้าในมือของฮวาเสี่ยงหรง หากลูกสายฟ้าระเบิดปะทุ เขาก็จะบาดเจ็บสาหัส

“งั้นหรือ? อ้อ ก็ใช่ เจ้าคนตระกูลซ่างกวนตายกันเกือบหมดแล้ว เจ้าต้องรู้นะว่าหากเจ้าลงมือ สาวใช้ของเจ้า ท่านแม่ไป๋ผู้นี้ แล้วก็ทุกคนที่เจ้ารู้จักในหอสดับเซียนจะต้องตายไปกับเจ้า” ชายหนุ่มความคิดจิตใจชั่วร้าย จับจุดอ่อนในนิสัยของฮวาเสี่ยงหรงได้ในทันที แค่นเสียงเย็นบอก “เจ้าจะให้คนตายมากมายเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเองคนเดียวหรือ?”

ในสายตาของฮวาเสี่ยงหรงฉายแววลังเล

ดวงตาของชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋ลุกวาบ

ตอนนี้แหละ!

ร่างเขาวูบไหว ลงมือทันทีราวภูตผี ชี้ไปยังหว่างคิ้วของฮวาเสี่ยงหรง

เขามีประสบการณ์ในการรับมือกับจอมเวท ขอแค่ประชิดตัว โจมตีให้อีกฝ่ายงวยงงในชั่วพริบตา วิชาเวททั้งหมดก็จะหายไป

“กรี๊ด…” ซินเอ๋อร์กรีดร้อง “คุณหนูระวัง”

ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียง ภาพที่เคลื่อนไหวทุกอย่างก็พลันหยุดชะงัก เงียบนิ่ง

ตราประทับดัชนีของชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋ใกล้จะแตะลงที่หว่างคิ้วของฮวาเสี่ยงหรงแล้ว แต่กลับมีครอบแสงโปร่งใสชั้นที่บางราวกระดาษชั้นหนึ่งสกัดกั้นดัชนีของเขาเอาไว้ จากนั้นครอบแก้วโปร่งแสงสะท้อนดัชนีกลับไปทีละชุ่นท่ามกลางสายตาที่หวาดกลัวของชายหนุ่มคนนี้

ตูม!

ชายหนุ่มถูกกระแทกลอยไปชนโต๊ะชาข้างหลังหลายตัว

บนใบหน้าของฮวาเสี่ยงหรง ความตกใจฉายขึ้นแล้วหายวับไป จากนั้นก็กลับเป็นปกติ

นี่คือการต่อสู้ครั้งแรกของนาง

ถึงแม้ก่อนหน้านี้พี่มู่จะย้ำแล้วย้ำอีกว่าเงื่อนไขการต่อสู้ของจอมเวทคือต้องรักษากายเนื้อที่ค่อนข้างอ่อนแอของตัวเองให้ดี อย่าให้คู่ต่อสู้ประชิดตัว แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เกือบถูกคู่ต่อสู้ลอบโจมตีได้แล้ว

ยังดีที่ชั่วขณะสุดท้ายนางตั้งตัวทัน ปล่อยวิชาเต๋าคุ้มกาย ‘ครอบแก้วไม่ดับสูญ’ สกัดกั้นการลอบโจมตีของชายหนุ่มเอาไว้

ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋กระโดดโหยงขึ้นมา ทำหน้าแค้นเคือง “เจ้ากล้าลงมือกับข้า? นางโลมชั้นต่ำ เจ้าก่อเรื่องร้ายแรงเข้าแล้ว ต่อให้เหาะขึ้นฟ้ามุดลงดิน ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้…” นี่นับว่าอายจนโมโห แต่แท้ที่จริงในใจของเขาสั่นสะท้านหวาดกลัวยิ่งนัก เพราะวิชาเวทป้องกันที่สำแดงในชั่วพริบตาไม่ใช่สิ่งที่จอมเวทหกดาวจะทำได้

พลังของฮวาเสี่ยงหรงทำให้เขาอึ้งตะลึง

“งั้นหรือ? ข้าว่าคนที่เหาะขึ้นฟ้ามุดลงดินใครก็ช่วยไม่ได้ จะเป็นเจ้ามากกว่ากระมัง” ตอนนี้เอง เสียงหนึ่งพลันดังเข้ามา

……………………………………………………

[1]ชุดเฟยอวี๋หรือชุดปลาบิน คือชุดเครื่องแบบพระราชทาน เป็นเครื่องแบบปฏิบัติราชการตามปกติขององครักษ์เสื้อแพร

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+