จอมศาสตราพลิกดารา 231 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ค่ำคืนแห่งการสังหาร

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 231 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ค่ำคืนแห่งการสังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“น้องชาย ข้าเถี่ยมู่เจิน วันนี้ยอมรับในตัวของเจ้าแล้ว” นายน้อยเผ่ายิงจันทร์ตบลงที่บ่าของกัวจื้อฮุย พร้อมเปล่งเสียงดังออกมา

กัวจื้อฮุยตกตะลึง จากนั้นดีใจสุดขีด

คนจากทุ่งหญ้ายอมรับเป็นพี่น้อง ก็เหมือนกับได้ความสัมพันธ์แบบร่วมเป็นร่วมตายกันมาจริงๆ

เขาเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่ง สำหรับเรื่องเงินทองแล้วเขาไม่ได้ยี่หระอะไรเลย จ่ายเงินเหมือนเทน้ำ เงินทองเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น สิ่งที่เฝ้าปรารถนามาตั้งแต่เด็กก็มีคนรองรับเอาไว้ทั้งหมดแล้ว อยากจะทำอะไรก็ได้ดั่งใจ แต่ได้รับการยอมรับจากคนที่เป็นหนึ่งในวีรบุรุษในตำนานแบบนี้ กลับเป็นความยินดีที่มากล้นที่สุด

“ฮ่าๆๆ พี่เถี่ยพูดจริงหรือ?” กัวจื้อฮุยเอ่ยขึ้นอย่างยินดี “ได้คำพูดของท่านมาแบบนี้ วันนี้ข้าก็สู้ตายล่ะ ถึงแม้น้องคนนี้ทำงานอะไรก็ไม่เป็นและก็ไม่คิดจะทำงานอีกด้วย แต่บิดาของข้ากลัวข้าตายมาก เขากลัวว่าจะไม่มีคนสืบสกุลต่อ ดังนั้นข้างกายข้าจึงมียอดฝีมือหลายคนคอยแอบซุ่มคุ้มกันอยู่ อีกครู่หนึ่งพวกท่านไม่ต้องกังวลเรื่องของข้า แค่เอาข้าไปส่งจุดที่อันตรายที่สุดก็พอ ข้าไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน แล้วยังสามารถดึงดูดแรงไฟแทนพวกท่านได้บางส่วนด้วย”

แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้ว

เป็นคนที่พิลึกดีจริงๆ

ระหว่างที่พูดนั้น การประมูลด้านนอกก็สิ้นสุดลง

“ยินดีด้วยกับแขกผู้มีเกียรติหอหมายเลขหนึ่ง ประมูลเอาธิดาเทพวิหารเทพหมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้าคนนี้ไปได้ด้วยราคาสูงถึงสามล้านห้าแสนตำลึงทอง ฮ่าๆ สตรีโฉมงามสะท้านเมือง ฝึกบำเพ็ญตนจนบรรลุจุดสูงสุดของขั้นยอดปรมาจารย์ แม้จะถูกจองจำพลังและตบะเอาไว้ แต่ก็เป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว” ผู้ดำเนินการประมูลสั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น

มือของเขาทำให้เกิดมูลค่าขนาดนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั่วเมืองฉางอันนี้ได้ กระทั่งอาจจะร่ำลือออกไปถึงพื้นที่ห่างไกลของจักรวรรดิฉินตะวันตกเลยก็เป็นได้ เพราะนี่ถือเป็นสถิติครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

“หึๆ รีบส่งนางมาที่ห้องเร็ว ข้าอยากลิ้มรสธิดาเทพแห่งทุ่งหญ้านางนี้จนแทบทนไม่ไหวแล้ว” เสียงไร้ยางอายถึงขีดสุดที่ไม่มีการปิดบังความหยาบโลนแม้เพียงนิดดังลอดออกมาจากหอหมายเลขหนึ่ง เป็นเสียงที่แสดงถึงความพึงพอใจอย่างที่สุด

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ บรรดาชายหนุ่มกลัดมันทั้งหมดบนถนนกลิ่นกำจายต่างก็อดท้องน้อยร้อนวูบวาบไม่ได้ ความอิจฉาที่ยากจะเอ่ยเป็นคำพูดเอ่อล้นออกมาจากใจ

องค์รักษ์ยอดปรมาจารย์ทั้งสี่แห่งหน่วยเลี้ยงรับรองเคลื่อนย้ายโครงเหล็ก เพื่อที่จะนำตัวธิดาเทพชิงเยียนแห่งที่ราบทุ่งหญ้าส่งไปยังหอหมายเลขหนึ่ง

แววตาของธิดาเทพชิงเยียนราวกับมารดาหมาป่าแห่งทุ่งหญ้าอย่างไรอย่างนั้น ทั้งเย็นชาและเย็นยะเยือก ไม่แม้แต่จะดิ้นรนขัดขืน

ในตอนนี้เอง…

“ตายซะ!”

“ชิงตัวมา”

เงาร่างหลายร่างราวกับกระบี่แหลมคมพุ่งออกมาจากหอหมายเลขเจ็ด

เสียงดีดปึงๆๆ จากสายธนูกึกก้องดั่งเสียงฟ้าร้อง สายฟ้าดำสี่สายพุ่งแหวกความมืดออกมา หมายมั่นจะสังหารยอดปรมาจารย์ทั้งสี่แห่งหน่วยเลี้ยงรับรอง คมศรที่รวดเร็วและดุดันดุจเขี้ยวแห่งเทพหมาป่าที่จะกลืนกินฟ้าดิน ช่างน่ากลัวเหลือคณนานับ

“แย่ล่ะ”

สีหน้าของสี่ยอดปรมาจารย์แห่งหน่วยเลี้ยงรับรองถอดสีทันที

พวกเขารีบชักกระบี่ขึ้นมาสวนกลับอย่างฉุกละหุก

ตูมๆๆ!

ท่ามกลางการระเบิด เศษกระบี่กระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ ละอองเลือดกระดูกขาวสาดกระเซ็น ยอดปรมาจารย์ทั้งสี่ สองคนในนั้นถูกยิงจนกระจายเป็นชิ้นๆ ที่เหลืออีกสองก็บาดเจ็บหนัก ถูกศรยิงจนลอยกระเด็นไปไกลกว่าสามจั้ง กระแทกเข้ากับสิ่งก่อสร้างที่อยู่ไกลออกไปจนฝุ่นคลุ้ง

กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายอย่างรวดเร็ว

บนถนนกลิ่นกำจาย หลังจากที่ผู้คนตื่นตระหนกไปเพียงครู่เดียว เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น ความสับสนอลหม่านตามมาทันที

ร่างเงาห้าร่างร่อนลงมาที่กลางเวทีหลัก สี่คนในนั้นล้วนมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำอย่างชายชาตรีแห่งท้องทุ่งหญ้า ส่วนอีกหนึ่งคือแม่ทัพหนุ่มแห่งทุ่งหญ้าผู้นั้น มือของเขาจับกริชขนาดหนึ่งชุ่นออกมาสะบัด มีแสงประกายราวดวงดาวหลายเส้นพุ่งออกมา เสียงเหล็กเคร้งคร้างดังขึ้น โครงเหล็กที่พันธนาการธิดาเทพชิงเยียนอยู่แตกออกเหมือนไม้ผุทันที

ร่างของธิดาเทพชิงเหยียนโคลงเคลงเบาๆ แต่ลอยลงมายืนอย่างมั่นคง

“ปึง!”

กุนซือหนุ่มสะบัดกริชวาดเป็นวง โซ่ตรวนสะกดวรยุทธ์ที่ข้อมือและข้อเท้าของชิงเยียนขาดสะบั้นออกจากกัน

พลังเทพสีเขียวมรกตแผ่ซ่านออกมาจากร่างของธิดาเทพในทันที

ความบ้าคลั่งน่ากริ่งเกรงที่ราวกับมาจากผืนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขตแผ่มาจากรอบตัวของธิดาเทพแห่งที่ราบทุ่งหญ้า กระจายออกไปสี่ทิศแปดทางยามค่ำคืน ประหนึ่งมีเสียงกู่ร้องของหมาป่าดังขึ้น

ที่หอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขเจ็ด นายน้อยเผ่ายิงจันทร์เถี่ยมู่เจินร่างสูงตระหง่านราวกับหอเหล็ก เดินออกมาจากกำแพงที่ถูกกระแทกเป็นชิ้นๆ ก่อนตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า ”คุ้มครองชิงเยียน ออกไปจากที่นี่แล้วค่อยว่ากัน”

ศรทั้งสี่ก่อนหน้านี้ นายน้อยเผ่ายิงจันทร์นี้เองที่เป็นคนยิงออกมา

พลังแท้จริงของเขาแกร่งกล้าถึงระดับสูงสุด เป็นผู้แกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทานแล้ว

ตอนนี้เอง บนถนนกลิ่นกำจาย ความสับสนอลหม่านพุ่งถึงขีดสุด เสียงกรีดร้องของผู้มาหาความสำราญดังขึ้นทั่วสารทิศ ไหนจะบรรดาคนที่มาชมเรื่องสนุก วุ่นวายราวกับรังนกกระจอกที่ถูกฟาดด้วยกระบอง ต่างฝ่ายต่างวิ่งหนีตายออกจากถนนกลิ่นกำจายอย่างบ้าคลั่ง สภาพแวดล้อมที่เป็นระเบียบเรียบร้อยในทีแรก เพียงพริบตาเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นสนามรบ

เหล่าทหารที่เดิมทีรออยู่ด้านนอกหน่วยเลี้ยงรับรองบนถนนกลิ่นกำจายถูกบรรดาฝูงชนแตกฮือวิ่งมาพุ่งชน ทำลายขบวนแถวที่จัดเอาไว้จนวุ่นวายตามไปด้วย และไม่สามารถฝ่าฝูงชนเข้าไปสนับสนุนได้

แต่ว่ารอบๆ เวทีหลักยังมียอดฝีมือของทางการดักซุ่มอยู่จำนวนไม่น้อย

“ล้อมเอาไว้”

“ห้ามให้ใครออกไปได้แม้แต่คนเดียว”

“เจ้าพวกคนเถื่อนจากทุ่งหญ้ากล้าเข้ามาก่อเรื่องในจักรวรรดิฉิน สังหารมันให้เรียบ”

“สังหารพวกคนเถื่อน”

เสียงร้องกู่ก้องเซ็งแซ่ดังขึ้นจากรอบด้าน

เงาคนผลุบโผล่ ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ในหน่วยเลี้ยงรับรองและขั้นยอดปรมาจารย์ของทางการทยอยปรากฏตัวขึ้น และยังมีร่างอีกส่วนหนึ่งกระโจนขึ้นมาจากฝูงคนที่กำลังสับสนอลหม่าน เข้ามาล้อมกรอบรอบเวทีหลักเอาไว้ ทุกคนพกดาบแหลมคมมาด้วย พวกนี้คือยอดฝีมือจากสำนักต่างๆ ที่หน่วยเลี้ยงรับรองเชิญมา

ชัดเจนมากว่า ทางหน่วยเลี้ยงรับรองรับมืออย่างเต็มที่ ไม่ใช่ว่าไม่โต้ตอบใดๆ เลย

“ฝ่าออกไปทางตะวันตก” เถี่ยมู่เจินง้างคันศรยาว ยิงธนูออกไปอีกสี่ดอก ราวกับมังกรพิษแหวกอากาศ สังหารสี่ยอดฝีมือของหน่วยเลี้ยงรับรองที่วางแผนจะเข้าใกล้เวทีหลักจนระเบิดแดดิ้นไปกลางอากาศทันที

พลังคุกคามของศรเทพสร้างความหวาดกลัวทั่วสารทิศ

ชั่วขณะหนึ่ง ยอดฝีมือทั้งหลายต่างก็ไม่กล้าบุกเข้ามา

เถี่ยมู่เจินคำราม พาผู้แข็งแกร่งที่ราบทุ่งหญ้าสิบกว่าคนจากหอหมายเลขเจ็ดพุ่งไปบนเวทีเพื่อรวมกลุ่มกับธิดาเทพชิงเยียน

“ส่งธนูมา”

ธิดาเทพชิงเยียนยกมือขึ้น

ด้านหลังของเถี่ยมู่เจิน นักรบจากทุ่งหญ้านายหนึ่งล้วงเอาธนูยักษ์สีทองยาวกว่าห้าฉื่อออกมาจากกระเป๋าหลัง แล้วส่งให้กับธิดาเทพชิงเยียน

เทพีสงครามแห่งที่ราบทุ่งหญ้าผู้นี้ เมื่อธนูถึงมือก็ระเบิดพลังทันที

เมื่อนางง้างคันศร ธนูยักษ์สีทองโค้งงอราวจันทร์เพ็ญ บนสายธนูมีแสงจันทร์รวมตัวกัน กลายเป็นศรสีทองขนาดยักษ์เล็งไปยังหอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขหนึ่ง จากนั้นยิงออกไปทันใด

ลูกศรสีทองลอยห่างจากพื้นราวสามฉื่อ พุ่งแหวกอากาศออกไป ทิศทางที่คมศรพุ่งเข้าหา อากาศรอบๆ ปั่นป่วนราวกับแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จุดที่มันแล่นผ่าน พื้นดินด้านล่างเหมือนถูกปลายคันไถที่มองไม่เห็นลากจนเป็นรอยใหญ่ทางหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าศรทองนี้ต่างสลายกลายเป็นฝุ่น รวมไปถึงยอดฝีมือเหนือระดับหนึ่งขั้นปรมาจารย์สองคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกกระแสอากาศฉีกแยกจนกลายเป็นก้อนเนื้อ

พลังแห่งหนึ่งศร ช่างน่าหวาดหวั่นครั่นคร้าม

สตรีเพศ เป็นพวกที่อาฆาตพยาบาทจริงๆ

ก่อนหน้านี้ที่หอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขหนึ่ง มีคนที่พูดจาสัพยอกว่าจะลิ้มรสธิดาเทพชิงเยียน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาได้รับศรถล่มฟ้าผ่าปฐพีดอกหนึ่งไปแทน

……

“ไม่ได้การแล้ว”

ในหอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขสิบ ‘สุภาพบุรุษวาโย’ หวางเฉินเห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันเช่นนี้ ใจก็เต้นไม่เป็นส่ำแวบหนึ่ง

คนเถื่อนจากที่ราบทุ่งหญ้าพวกนี้มาจากไหนกัน?

สถานการณ์วุ่นวาย เรื่องการประมูลแน่นอนว่าคงดำเนินการต่อไม่ได้แล้ว แล้วถังฮูหยินเล่าจะทำอย่างไร?

เขาหันกลับไปมององค์หญิงฉินเจิน กลับเห็นร่างนางวูบไหว หายไปจากในห้องเสียแล้ว

“ข้าจะไปช่วยถังฮูหยิน ท่านหวาง ยังคงทำตามแผนเดิม รีบพาถังมี่กับถังถังออกไปจากหน่วยเลี้ยงรับรองแห่งนี้เสีย…”

เสียงสะท้อนขององค์หญิงฉินเจินดังก้องอยู่ภายในห้อง

ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวในยามวิกฤตเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงมีความเด็ดขาดมากกว่าความเฉียบแหลมของนางเป็นไหนๆ

ใจของหวางเฉินคร่ำเคร่ง เขาไม่รอช้า รีบให้ถังถังและถังมี่ที่แต่งตัวจนเสร็จสวมเสื้อคลุมศีรษะ สวมหน้ากากอำพราง พร้อมร่ายวิชาเวทลมปิดกั้นอากาศและการสอดแนมไว้บนตัวของทั้งสองคน จากนั้นดึงป้ายหยกที่เสียบอยู่บนของวิเศษมา และพาทั้งสองคนออกจากหอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขสิบ

ทุกอย่างมีลำดับขั้นตอน

ก่อนหน้าการประมูลในคืนนี้ พวกเขาเตรียมแผนสำรองเอาไว้อีกหนึ่งแผนแล้ว ถ้าหากไม่สามารถประมูลถังฮูหยินและสองพี่น้องมาได้ ก็จำต้องเข้าแย่งชิงตรงๆ ส่วนวิธีรับมือและทางหนีทีไล่ก็เตรียมไว้เช่นกัน หากทั้งหมดผ่านไปอย่างราบรื่น จะสามารถนำตัวคนออกจากเมืองฉางอันได้ในเวลาอันสั้นที่สุด

แต่ตอนนี้คนจากที่ราบทุ่งหญ้าก่อเรื่อง ทำให้แผนการที่วางไว้ถูกนำมาใช้งานล่วงหน้า

……

“หืม? แย่ล่ะ…แล้วนางหายไปไหน?”

เงาสีขาวร่างหนึ่งมาถึงรถกรงเหล็กประดับดอกไม้ที่ก่อนหน้านี้คุมขังถังฮูหยินเอาไว้ ก่อนจะตกตะลึงทันใด ประตูของรถถูกเปิดออกแล้ว ถังฮูหยินที่เดิมทีน่าจะอยู่ด้านในกลับหายไป

ถูกย้ายไปเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?

นางรีบพุ่งตัวเข้าไป ครั้นสำรวจดูรอบๆ ก็พบกับทหารของหน่วยเลี้ยงรับรองที่ยืนสั่นสู้อยู่นายหนึ่ง จึงพุ่งเข้าไปสกัดจุด เมื่อปลายกระบี่ร่วงลงพื้น จึงตะโกนถาม “ถังฮูหยินอยู่ที่ไหน? ย้ายนางไปที่ใดแล้ว?”

“ถูก…พาตัวไปแล้ว” ทหารคุ้มกันนายนั้นกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ตอบกลับมาด้วยร่างกายสั่นเทิ้ม

“พาไปที่ไหน?” เงาร่างสีขาวน้ำเสียงเย็นเยียบ เอ่ยต่อว่า “แล้วใครพาออกไป?”

“แขก…จากหอหมายเลขสิบห้าเป็นคนพาออกไป เขาถือป้ายของหัวหน้าหลิว บอกว่าซื้อล่วงหน้าไว้แล้ว พวกเราไม่กล้าขวาง…” ทหารคุ้มกันนายนี้คายออกมาจนหมดเปลือก สารภาพทั้งหมด

อะไรนะ?

แย่ล่ะสิ

เงาร่างสีขาวร้อนรนกระวนกระวาย

จากขั้นตอนของการประมูลก่อนหน้า ยืนยันได้ว่าคนที่อยู่ในหอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขสิบห้าเป็นศัตรูคู่แค้นกับขุนพลถังสมัยยังมีชีวิตอยู่ แล้วตอนนี้ถังฮูหยินตกไปอยู่ในมือคนคนนั้น ฉากต่อไป…ไม่อยากจะคิดเลย

ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมพวกเขาถึงได้เคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงนี้?

คิดดูเรื่องเวลา ตอนถังฮูหยินถูกนำตัวออกไปล่วงหน้า ก็เป็นเวลาก่อนที่พวกคนเถื่อนจากทุ่งหญ้าจะก่อเรื่องขึ้น หรือพูดอีกอย่างคือ หน่วยเลี้ยงรับรองรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการประมูลจะไม่อาจดำเนินการต่อไปได้ จึงขายถังฮูหยินให้กับหอหมายเลขสิบห้า…สถานการณ์ชอบกล ต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง!

ในใจของร่างสีขาวเคร่งเครียดขึ้นมา

ตอนนี้เอง…

“ฮ่าๆ เด็กน้อย หาอะไรอยู่หรือ?”

เสียงคล้ายเหล็กขึ้นสนิมเสียดสีกันดังขึ้นจากด้านหลัง ชายชราราวผีดิบในชุดคลุมยาวสีเทา มีใบหน้าขาวเหมือนพอกสีขาวหนาๆ โปะเอาไว้ปรากฏตัวขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ไอเย็นเยือกห้อมล้อมอยู่ทั่วตัว กำลังค่อยๆ เดินเข้ามาขณะจ้องมองร่างสีขาว

……

“ฮ่าๆๆ เจ้าพวกโง่ เอาแต่สู้กันอยู่ข้างหน้านั่น กลับคิดไม่ถึงว่าสาวงามจะถูกพวกเราเอาตัวไปล่วงหน้าแล้ว ฮ่าๆๆ จุๆๆ นางนี่งามจริงๆ ถังฉงมีฮูหยินที่สวยขนาดนี้ มิน่าเล่าถึงได้ตายไว ฮ่าๆๆ…” เหลียงอี้เฟยหัวเราะร่าอย่างได้ใจ

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมศาสตราพลิกดารา 231 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ค่ำคืนแห่งการสังหาร

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 231 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ค่ำคืนแห่งการสังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“น้องชาย ข้าเถี่ยมู่เจิน วันนี้ยอมรับในตัวของเจ้าแล้ว” นายน้อยเผ่ายิงจันทร์ตบลงที่บ่าของกัวจื้อฮุย พร้อมเปล่งเสียงดังออกมา

กัวจื้อฮุยตกตะลึง จากนั้นดีใจสุดขีด

คนจากทุ่งหญ้ายอมรับเป็นพี่น้อง ก็เหมือนกับได้ความสัมพันธ์แบบร่วมเป็นร่วมตายกันมาจริงๆ

เขาเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่ง สำหรับเรื่องเงินทองแล้วเขาไม่ได้ยี่หระอะไรเลย จ่ายเงินเหมือนเทน้ำ เงินทองเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น สิ่งที่เฝ้าปรารถนามาตั้งแต่เด็กก็มีคนรองรับเอาไว้ทั้งหมดแล้ว อยากจะทำอะไรก็ได้ดั่งใจ แต่ได้รับการยอมรับจากคนที่เป็นหนึ่งในวีรบุรุษในตำนานแบบนี้ กลับเป็นความยินดีที่มากล้นที่สุด

“ฮ่าๆๆ พี่เถี่ยพูดจริงหรือ?” กัวจื้อฮุยเอ่ยขึ้นอย่างยินดี “ได้คำพูดของท่านมาแบบนี้ วันนี้ข้าก็สู้ตายล่ะ ถึงแม้น้องคนนี้ทำงานอะไรก็ไม่เป็นและก็ไม่คิดจะทำงานอีกด้วย แต่บิดาของข้ากลัวข้าตายมาก เขากลัวว่าจะไม่มีคนสืบสกุลต่อ ดังนั้นข้างกายข้าจึงมียอดฝีมือหลายคนคอยแอบซุ่มคุ้มกันอยู่ อีกครู่หนึ่งพวกท่านไม่ต้องกังวลเรื่องของข้า แค่เอาข้าไปส่งจุดที่อันตรายที่สุดก็พอ ข้าไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน แล้วยังสามารถดึงดูดแรงไฟแทนพวกท่านได้บางส่วนด้วย”

แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้ว

เป็นคนที่พิลึกดีจริงๆ

ระหว่างที่พูดนั้น การประมูลด้านนอกก็สิ้นสุดลง

“ยินดีด้วยกับแขกผู้มีเกียรติหอหมายเลขหนึ่ง ประมูลเอาธิดาเทพวิหารเทพหมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้าคนนี้ไปได้ด้วยราคาสูงถึงสามล้านห้าแสนตำลึงทอง ฮ่าๆ สตรีโฉมงามสะท้านเมือง ฝึกบำเพ็ญตนจนบรรลุจุดสูงสุดของขั้นยอดปรมาจารย์ แม้จะถูกจองจำพลังและตบะเอาไว้ แต่ก็เป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว” ผู้ดำเนินการประมูลสั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น

มือของเขาทำให้เกิดมูลค่าขนาดนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั่วเมืองฉางอันนี้ได้ กระทั่งอาจจะร่ำลือออกไปถึงพื้นที่ห่างไกลของจักรวรรดิฉินตะวันตกเลยก็เป็นได้ เพราะนี่ถือเป็นสถิติครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

“หึๆ รีบส่งนางมาที่ห้องเร็ว ข้าอยากลิ้มรสธิดาเทพแห่งทุ่งหญ้านางนี้จนแทบทนไม่ไหวแล้ว” เสียงไร้ยางอายถึงขีดสุดที่ไม่มีการปิดบังความหยาบโลนแม้เพียงนิดดังลอดออกมาจากหอหมายเลขหนึ่ง เป็นเสียงที่แสดงถึงความพึงพอใจอย่างที่สุด

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ บรรดาชายหนุ่มกลัดมันทั้งหมดบนถนนกลิ่นกำจายต่างก็อดท้องน้อยร้อนวูบวาบไม่ได้ ความอิจฉาที่ยากจะเอ่ยเป็นคำพูดเอ่อล้นออกมาจากใจ

องค์รักษ์ยอดปรมาจารย์ทั้งสี่แห่งหน่วยเลี้ยงรับรองเคลื่อนย้ายโครงเหล็ก เพื่อที่จะนำตัวธิดาเทพชิงเยียนแห่งที่ราบทุ่งหญ้าส่งไปยังหอหมายเลขหนึ่ง

แววตาของธิดาเทพชิงเยียนราวกับมารดาหมาป่าแห่งทุ่งหญ้าอย่างไรอย่างนั้น ทั้งเย็นชาและเย็นยะเยือก ไม่แม้แต่จะดิ้นรนขัดขืน

ในตอนนี้เอง…

“ตายซะ!”

“ชิงตัวมา”

เงาร่างหลายร่างราวกับกระบี่แหลมคมพุ่งออกมาจากหอหมายเลขเจ็ด

เสียงดีดปึงๆๆ จากสายธนูกึกก้องดั่งเสียงฟ้าร้อง สายฟ้าดำสี่สายพุ่งแหวกความมืดออกมา หมายมั่นจะสังหารยอดปรมาจารย์ทั้งสี่แห่งหน่วยเลี้ยงรับรอง คมศรที่รวดเร็วและดุดันดุจเขี้ยวแห่งเทพหมาป่าที่จะกลืนกินฟ้าดิน ช่างน่ากลัวเหลือคณนานับ

“แย่ล่ะ”

สีหน้าของสี่ยอดปรมาจารย์แห่งหน่วยเลี้ยงรับรองถอดสีทันที

พวกเขารีบชักกระบี่ขึ้นมาสวนกลับอย่างฉุกละหุก

ตูมๆๆ!

ท่ามกลางการระเบิด เศษกระบี่กระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ ละอองเลือดกระดูกขาวสาดกระเซ็น ยอดปรมาจารย์ทั้งสี่ สองคนในนั้นถูกยิงจนกระจายเป็นชิ้นๆ ที่เหลืออีกสองก็บาดเจ็บหนัก ถูกศรยิงจนลอยกระเด็นไปไกลกว่าสามจั้ง กระแทกเข้ากับสิ่งก่อสร้างที่อยู่ไกลออกไปจนฝุ่นคลุ้ง

กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายอย่างรวดเร็ว

บนถนนกลิ่นกำจาย หลังจากที่ผู้คนตื่นตระหนกไปเพียงครู่เดียว เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น ความสับสนอลหม่านตามมาทันที

ร่างเงาห้าร่างร่อนลงมาที่กลางเวทีหลัก สี่คนในนั้นล้วนมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำอย่างชายชาตรีแห่งท้องทุ่งหญ้า ส่วนอีกหนึ่งคือแม่ทัพหนุ่มแห่งทุ่งหญ้าผู้นั้น มือของเขาจับกริชขนาดหนึ่งชุ่นออกมาสะบัด มีแสงประกายราวดวงดาวหลายเส้นพุ่งออกมา เสียงเหล็กเคร้งคร้างดังขึ้น โครงเหล็กที่พันธนาการธิดาเทพชิงเยียนอยู่แตกออกเหมือนไม้ผุทันที

ร่างของธิดาเทพชิงเหยียนโคลงเคลงเบาๆ แต่ลอยลงมายืนอย่างมั่นคง

“ปึง!”

กุนซือหนุ่มสะบัดกริชวาดเป็นวง โซ่ตรวนสะกดวรยุทธ์ที่ข้อมือและข้อเท้าของชิงเยียนขาดสะบั้นออกจากกัน

พลังเทพสีเขียวมรกตแผ่ซ่านออกมาจากร่างของธิดาเทพในทันที

ความบ้าคลั่งน่ากริ่งเกรงที่ราวกับมาจากผืนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขตแผ่มาจากรอบตัวของธิดาเทพแห่งที่ราบทุ่งหญ้า กระจายออกไปสี่ทิศแปดทางยามค่ำคืน ประหนึ่งมีเสียงกู่ร้องของหมาป่าดังขึ้น

ที่หอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขเจ็ด นายน้อยเผ่ายิงจันทร์เถี่ยมู่เจินร่างสูงตระหง่านราวกับหอเหล็ก เดินออกมาจากกำแพงที่ถูกกระแทกเป็นชิ้นๆ ก่อนตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า ”คุ้มครองชิงเยียน ออกไปจากที่นี่แล้วค่อยว่ากัน”

ศรทั้งสี่ก่อนหน้านี้ นายน้อยเผ่ายิงจันทร์นี้เองที่เป็นคนยิงออกมา

พลังแท้จริงของเขาแกร่งกล้าถึงระดับสูงสุด เป็นผู้แกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทานแล้ว

ตอนนี้เอง บนถนนกลิ่นกำจาย ความสับสนอลหม่านพุ่งถึงขีดสุด เสียงกรีดร้องของผู้มาหาความสำราญดังขึ้นทั่วสารทิศ ไหนจะบรรดาคนที่มาชมเรื่องสนุก วุ่นวายราวกับรังนกกระจอกที่ถูกฟาดด้วยกระบอง ต่างฝ่ายต่างวิ่งหนีตายออกจากถนนกลิ่นกำจายอย่างบ้าคลั่ง สภาพแวดล้อมที่เป็นระเบียบเรียบร้อยในทีแรก เพียงพริบตาเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นสนามรบ

เหล่าทหารที่เดิมทีรออยู่ด้านนอกหน่วยเลี้ยงรับรองบนถนนกลิ่นกำจายถูกบรรดาฝูงชนแตกฮือวิ่งมาพุ่งชน ทำลายขบวนแถวที่จัดเอาไว้จนวุ่นวายตามไปด้วย และไม่สามารถฝ่าฝูงชนเข้าไปสนับสนุนได้

แต่ว่ารอบๆ เวทีหลักยังมียอดฝีมือของทางการดักซุ่มอยู่จำนวนไม่น้อย

“ล้อมเอาไว้”

“ห้ามให้ใครออกไปได้แม้แต่คนเดียว”

“เจ้าพวกคนเถื่อนจากทุ่งหญ้ากล้าเข้ามาก่อเรื่องในจักรวรรดิฉิน สังหารมันให้เรียบ”

“สังหารพวกคนเถื่อน”

เสียงร้องกู่ก้องเซ็งแซ่ดังขึ้นจากรอบด้าน

เงาคนผลุบโผล่ ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ในหน่วยเลี้ยงรับรองและขั้นยอดปรมาจารย์ของทางการทยอยปรากฏตัวขึ้น และยังมีร่างอีกส่วนหนึ่งกระโจนขึ้นมาจากฝูงคนที่กำลังสับสนอลหม่าน เข้ามาล้อมกรอบรอบเวทีหลักเอาไว้ ทุกคนพกดาบแหลมคมมาด้วย พวกนี้คือยอดฝีมือจากสำนักต่างๆ ที่หน่วยเลี้ยงรับรองเชิญมา

ชัดเจนมากว่า ทางหน่วยเลี้ยงรับรองรับมืออย่างเต็มที่ ไม่ใช่ว่าไม่โต้ตอบใดๆ เลย

“ฝ่าออกไปทางตะวันตก” เถี่ยมู่เจินง้างคันศรยาว ยิงธนูออกไปอีกสี่ดอก ราวกับมังกรพิษแหวกอากาศ สังหารสี่ยอดฝีมือของหน่วยเลี้ยงรับรองที่วางแผนจะเข้าใกล้เวทีหลักจนระเบิดแดดิ้นไปกลางอากาศทันที

พลังคุกคามของศรเทพสร้างความหวาดกลัวทั่วสารทิศ

ชั่วขณะหนึ่ง ยอดฝีมือทั้งหลายต่างก็ไม่กล้าบุกเข้ามา

เถี่ยมู่เจินคำราม พาผู้แข็งแกร่งที่ราบทุ่งหญ้าสิบกว่าคนจากหอหมายเลขเจ็ดพุ่งไปบนเวทีเพื่อรวมกลุ่มกับธิดาเทพชิงเยียน

“ส่งธนูมา”

ธิดาเทพชิงเยียนยกมือขึ้น

ด้านหลังของเถี่ยมู่เจิน นักรบจากทุ่งหญ้านายหนึ่งล้วงเอาธนูยักษ์สีทองยาวกว่าห้าฉื่อออกมาจากกระเป๋าหลัง แล้วส่งให้กับธิดาเทพชิงเยียน

เทพีสงครามแห่งที่ราบทุ่งหญ้าผู้นี้ เมื่อธนูถึงมือก็ระเบิดพลังทันที

เมื่อนางง้างคันศร ธนูยักษ์สีทองโค้งงอราวจันทร์เพ็ญ บนสายธนูมีแสงจันทร์รวมตัวกัน กลายเป็นศรสีทองขนาดยักษ์เล็งไปยังหอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขหนึ่ง จากนั้นยิงออกไปทันใด

ลูกศรสีทองลอยห่างจากพื้นราวสามฉื่อ พุ่งแหวกอากาศออกไป ทิศทางที่คมศรพุ่งเข้าหา อากาศรอบๆ ปั่นป่วนราวกับแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จุดที่มันแล่นผ่าน พื้นดินด้านล่างเหมือนถูกปลายคันไถที่มองไม่เห็นลากจนเป็นรอยใหญ่ทางหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าศรทองนี้ต่างสลายกลายเป็นฝุ่น รวมไปถึงยอดฝีมือเหนือระดับหนึ่งขั้นปรมาจารย์สองคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกกระแสอากาศฉีกแยกจนกลายเป็นก้อนเนื้อ

พลังแห่งหนึ่งศร ช่างน่าหวาดหวั่นครั่นคร้าม

สตรีเพศ เป็นพวกที่อาฆาตพยาบาทจริงๆ

ก่อนหน้านี้ที่หอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขหนึ่ง มีคนที่พูดจาสัพยอกว่าจะลิ้มรสธิดาเทพชิงเยียน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาได้รับศรถล่มฟ้าผ่าปฐพีดอกหนึ่งไปแทน

……

“ไม่ได้การแล้ว”

ในหอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขสิบ ‘สุภาพบุรุษวาโย’ หวางเฉินเห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันเช่นนี้ ใจก็เต้นไม่เป็นส่ำแวบหนึ่ง

คนเถื่อนจากที่ราบทุ่งหญ้าพวกนี้มาจากไหนกัน?

สถานการณ์วุ่นวาย เรื่องการประมูลแน่นอนว่าคงดำเนินการต่อไม่ได้แล้ว แล้วถังฮูหยินเล่าจะทำอย่างไร?

เขาหันกลับไปมององค์หญิงฉินเจิน กลับเห็นร่างนางวูบไหว หายไปจากในห้องเสียแล้ว

“ข้าจะไปช่วยถังฮูหยิน ท่านหวาง ยังคงทำตามแผนเดิม รีบพาถังมี่กับถังถังออกไปจากหน่วยเลี้ยงรับรองแห่งนี้เสีย…”

เสียงสะท้อนขององค์หญิงฉินเจินดังก้องอยู่ภายในห้อง

ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวในยามวิกฤตเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงมีความเด็ดขาดมากกว่าความเฉียบแหลมของนางเป็นไหนๆ

ใจของหวางเฉินคร่ำเคร่ง เขาไม่รอช้า รีบให้ถังถังและถังมี่ที่แต่งตัวจนเสร็จสวมเสื้อคลุมศีรษะ สวมหน้ากากอำพราง พร้อมร่ายวิชาเวทลมปิดกั้นอากาศและการสอดแนมไว้บนตัวของทั้งสองคน จากนั้นดึงป้ายหยกที่เสียบอยู่บนของวิเศษมา และพาทั้งสองคนออกจากหอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขสิบ

ทุกอย่างมีลำดับขั้นตอน

ก่อนหน้าการประมูลในคืนนี้ พวกเขาเตรียมแผนสำรองเอาไว้อีกหนึ่งแผนแล้ว ถ้าหากไม่สามารถประมูลถังฮูหยินและสองพี่น้องมาได้ ก็จำต้องเข้าแย่งชิงตรงๆ ส่วนวิธีรับมือและทางหนีทีไล่ก็เตรียมไว้เช่นกัน หากทั้งหมดผ่านไปอย่างราบรื่น จะสามารถนำตัวคนออกจากเมืองฉางอันได้ในเวลาอันสั้นที่สุด

แต่ตอนนี้คนจากที่ราบทุ่งหญ้าก่อเรื่อง ทำให้แผนการที่วางไว้ถูกนำมาใช้งานล่วงหน้า

……

“หืม? แย่ล่ะ…แล้วนางหายไปไหน?”

เงาสีขาวร่างหนึ่งมาถึงรถกรงเหล็กประดับดอกไม้ที่ก่อนหน้านี้คุมขังถังฮูหยินเอาไว้ ก่อนจะตกตะลึงทันใด ประตูของรถถูกเปิดออกแล้ว ถังฮูหยินที่เดิมทีน่าจะอยู่ด้านในกลับหายไป

ถูกย้ายไปเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?

นางรีบพุ่งตัวเข้าไป ครั้นสำรวจดูรอบๆ ก็พบกับทหารของหน่วยเลี้ยงรับรองที่ยืนสั่นสู้อยู่นายหนึ่ง จึงพุ่งเข้าไปสกัดจุด เมื่อปลายกระบี่ร่วงลงพื้น จึงตะโกนถาม “ถังฮูหยินอยู่ที่ไหน? ย้ายนางไปที่ใดแล้ว?”

“ถูก…พาตัวไปแล้ว” ทหารคุ้มกันนายนั้นกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ตอบกลับมาด้วยร่างกายสั่นเทิ้ม

“พาไปที่ไหน?” เงาร่างสีขาวน้ำเสียงเย็นเยียบ เอ่ยต่อว่า “แล้วใครพาออกไป?”

“แขก…จากหอหมายเลขสิบห้าเป็นคนพาออกไป เขาถือป้ายของหัวหน้าหลิว บอกว่าซื้อล่วงหน้าไว้แล้ว พวกเราไม่กล้าขวาง…” ทหารคุ้มกันนายนี้คายออกมาจนหมดเปลือก สารภาพทั้งหมด

อะไรนะ?

แย่ล่ะสิ

เงาร่างสีขาวร้อนรนกระวนกระวาย

จากขั้นตอนของการประมูลก่อนหน้า ยืนยันได้ว่าคนที่อยู่ในหอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขสิบห้าเป็นศัตรูคู่แค้นกับขุนพลถังสมัยยังมีชีวิตอยู่ แล้วตอนนี้ถังฮูหยินตกไปอยู่ในมือคนคนนั้น ฉากต่อไป…ไม่อยากจะคิดเลย

ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมพวกเขาถึงได้เคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงนี้?

คิดดูเรื่องเวลา ตอนถังฮูหยินถูกนำตัวออกไปล่วงหน้า ก็เป็นเวลาก่อนที่พวกคนเถื่อนจากทุ่งหญ้าจะก่อเรื่องขึ้น หรือพูดอีกอย่างคือ หน่วยเลี้ยงรับรองรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการประมูลจะไม่อาจดำเนินการต่อไปได้ จึงขายถังฮูหยินให้กับหอหมายเลขสิบห้า…สถานการณ์ชอบกล ต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง!

ในใจของร่างสีขาวเคร่งเครียดขึ้นมา

ตอนนี้เอง…

“ฮ่าๆ เด็กน้อย หาอะไรอยู่หรือ?”

เสียงคล้ายเหล็กขึ้นสนิมเสียดสีกันดังขึ้นจากด้านหลัง ชายชราราวผีดิบในชุดคลุมยาวสีเทา มีใบหน้าขาวเหมือนพอกสีขาวหนาๆ โปะเอาไว้ปรากฏตัวขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ไอเย็นเยือกห้อมล้อมอยู่ทั่วตัว กำลังค่อยๆ เดินเข้ามาขณะจ้องมองร่างสีขาว

……

“ฮ่าๆๆ เจ้าพวกโง่ เอาแต่สู้กันอยู่ข้างหน้านั่น กลับคิดไม่ถึงว่าสาวงามจะถูกพวกเราเอาตัวไปล่วงหน้าแล้ว ฮ่าๆๆ จุๆๆ นางนี่งามจริงๆ ถังฉงมีฮูหยินที่สวยขนาดนี้ มิน่าเล่าถึงได้ตายไว ฮ่าๆๆ…” เหลียงอี้เฟยหัวเราะร่าอย่างได้ใจ

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+