จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 191 สวรรค์ล่ม

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 191 สวรรค์ล่ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 191 สวรรค์ล่ม[รีไรท์]

ลูกไฟจำนวนมากของหงส์แดงรวมตัวกันกลายเป็นมังกรไฟตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ข้างลำตัวของฉู่ชวิ๋น อุณหภูมิที่พุ่งขึ้นสูงทำให้มวลอากาศโดยรอบระเบิดตัวดังตลอดทางที่มันบินผ่าน ฉู่ชวิ๋นหันไปมองด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาว

ตู้มม!

พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าของเขาระเบิดออก กลุ่มคนดูรีบหลบหนีการโจมตีของมังกรไฟ

ตู้มม!

มังกรไฟโดนเศษดินกระแทก แรงกระแทกทำให้มันระเบิดตัวออกกลายเป็นลูกไฟจำนวนมากกระจัดกระจายไปอีกครั้ง หลังจัดการมังกรไฟจากหงส์แดงได้แล้ว ฉู่ชวิ๋นก็ตรงเข้าไปหาเต่าคะนองในพริบตาต่อมา พร้อมกับเงื้อกำปั้นต่อยออกไปอย่างแรง

เปรี้ยง!

เสียงดังสนั่นเหมือนสายฟ้าฟาด ฉู่ชวิ๋นต่อยเต่าคะนอง แต่ตัวเขาเองกลับต้องถอยกลับมา เต่าคะนองมีพลังในการป้องกันตัวเองสูงมาก!

ในขณะเดียวกันนี้ มันก็เดินเข้ามาหาฉู่ชวิ๋นพร้อมกับยกขาหน้าขึ้นสูง หมายจะเหยียบย่ำให้ชายหนุ่มจมลงไปกับพื้นดิน สัตว์ปีศาจทั้งสี่ตัวมีร่างกายที่ใหญ่โตจนน่าหวาดกลัว ฉู่ชวิ๋นเป็นแค่เพียงแมลงตัวจ้อยในสายตาของพวกมันเท่านั้น

เต่าคะนองที่มีไอสีดำปกคลุมร่างกายดูมีความน่าหวาดกลัวเป็นที่สุด ร่างกายของมันปลดปล่อยไอสังหารออกมา ขาหน้าที่เป็นเหมือนกับเสาขนาดใหญ่ เวลาก้าวเดินแต่ละครั้งทำให้พื้นดินยุบตัวและแตกกระจาย ฉู่ชวิ๋นไม่ได้หลบหนี แขนของเขาเปล่งประกายสว่างไสว ชายหนุ่มยกแขนขึ้นไขว้กัน เพื่อป้องกันศีรษะในขณะที่ขาหน้าของเต่าคะนองกดทับลงมา

โครม!

พื้นหินยุบตัว เท้าของฉู่ชวิ๋นจมลงไปใต้พื้นดินทันที ตอนนี้เหลือเพียงแค่ครึ่งท่อนบนของเขาเท่านั้นที่ยังอยู่เหนือพื้นดิน

เมื่อเห็นดังนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงจนหยุดหายใจ ได้แต่จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้น ฉู่ชวิ๋นกำลังจะพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ?

ฉู่ชวิ๋นโคจรพลังอย่างเต็มที่ในขณะที่ขาของเต่าคะนองพยายามกดทับตัวเขาอย่างต่อเนื่อง แต่โชคดีที่ถึงแม้ว่ากายท่อนล่างจะจมหายลงไปใต้ผิวดิน แต่ชายหนุ่มก็ยังป้องกันขาหน้าที่เหมือนกับเสาหินขนาดยักษ์ของเต่าคะนองเอาไว้ได้

ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นเป็นเหมือนมดตัวหนึ่ง ที่กำลังพยายามแบกรับน้ำหนักของขาช้าง เขาสามารถถูกบดขยี้กลายเป็นก้อนเนื้อได้ทุกเมื่อ

เต่าคะนองส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น งูที่อยู่บนกระดองของมันส่งเสียงขู่ “ฟ่อ”

ฟู่!

พลังลมปราณแผ่กระจายออกมาจากตัวของเต่าคะนองด้วยความรวดเร็ว ลำตัวของฉู่ชวิ๋นจมลงไปใต้พื้นดินจนถึงระดับเอวแล้ว บรรดาคนดูที่รับชมเหตุการณ์อยู่แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว จอมมารฉู่จะต้านทานไว้ได้ไหมนะ?

“ฮ่าๆ ต้องอยู่ใต้ตีนเต่าแบบนั้นรู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะ จอมมารฉู่?” เฉินหวูฮุยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หวูฉางเฟิงสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ร้องเชียร์ให้เต่าคะนองเหยียบย่ำฉู่ชวิ๋นให้แหลกเละอยู่ตลอดเวลา

ผู้อาวุโสทั้งสิบของสำนักสวรรค์ฟ้าต่างก็โล่งอกไม่สำคัญหรอกว่าฉู่ชวิ๋นจะเก่งกล้าสามารถมาจากไหน สุดท้ายมันก็ต้องมาตายที่นี่อยู่ดี

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชาในขณะที่เขากวาดตามองโดยรอบแต่ตอนนี้ ลำตัวของเขาเริ่มจมลงไปอีกครั้ง จนตัวเขาแทบจะลงไปอยู่ใต้ดินทั้งตัวแล้ว เขาพยายามโคจรพลังลมปราณอีกครั้ง แขนของชายหนุ่มเปล่งแสงเป็นประกายแล้วพลังลมปราณก็ระเบิดตัวออกมา

โครม!

แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มจมลงไปอีกครั้ง

ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกเต่าคะนองมีกระดองที่แข็งแกร่งมาก ถึงเขาจะมีพลังพอต้านทานไหว แต่พื้นดินพื้นหินที่อยู่ใต้เท้าก็ไม่อาจรับน้ำหนักมันได้

ฉู่ชวิ๋นยังคงหาทางขึ้นมาจากหลุมดินนี้ไม่ได้ ตัวเขามีแต่จมลงไปลึกมากขึ้นและมากขึ้น

“ฉู่ชวิ๋น มีอะไรจะสั่งเสียไหม? วันนี้แหละแกจะต้องตายในภูเขาเซวียนฉี ฮ่า ๆ…” เฉินหวูฮุยพูดแล้วหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม หวูฉางเฟิงจ้องมองฉู่ชวิ๋น แต่แล้วในทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาก็แปลกประหลาดไป ดูเหมือนฉู่ชวิ๋น จะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

“ฉู่ชวิ๋นกำลังติดพันอยู่แบบนี้ พวกแกยังไม่เริ่มกันอีก!” หวูฉางเฟิงพลันตะโกนออกมา

พรึ่บ!

ท่ามกลางกลุ่มผู้ชมการต่อสู้ มีบุคคลหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เขาเดินเข้าไปหาพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นเพื่อจะทำการสังหารอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึง

ผู้โจมตีเป็นเจ้าสำนักที่ชื่อว่าหุบเขาสลายวิญญาณ ตัวเขาเองมีฉายาว่าราชันวิญญาณ เป็นปรมาจารย์ระดับที่แปด และมีฝีมือแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

ราชันวิญญาณถือได้ว่าเป็นเครื่องจักรสังหารในคราบมนุษย์ ต่อหน้าต่อตาของผู้คน เขาปล่อยพลังลมปราณเป็นคลื่นลมปราณสีขาวพุ่งเข้าใส่พ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นทันที

“ฝันไปเถอะ…” หลงอ๋าวเดือดดาลสุดขีด เขายกมือขึ้นพร้อมโคจรพลังลมปราณ ชายชรามีพลังกล้าแข็งมาก เขาสามารถป้องกันพลังจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่มีปัญหาและเกือบจะในเวลาเดียวกันนี้เอง หลงอ๋าวก็สะบัดฝ่ามือปล่อยพลังโต้ตอบกลับไป คลื่นลมปราณของชายชราพุ่งตรงเข้าใส่ราชันวิญญาณเป็นจุดเดียว

ราชันวิญญาณเห็นดังนั้นก็ต่อยหมัดออกมา เกิดเป็นคลื่นลมปราณพวยพุ่งออกมาจากกำปั้นของเขา

ตู้ม!

พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันกลางอากาศ มวลอากาศปั่นป่วน คลื่นพลังแตกกระจาย ทำให้ต้นไม้ที่อยู่รอบบริเวณโค่นล้มไปทันที ราชันวิญญาณถอยหลังกลับไปจนล้มลงก้นจ้ำเบ้า สองเท้าของเขายืนไม่อยู่อีกแล้ว

“ทำไมฝีมือถึงร้ายกาจขนาดนี้” เขาอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ หลงอ๋าวโคจรพลังลมปราณไปทั่วร่างกาย ก่อนที่จะสะบัดฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาข้างหน้า

สีหน้าของราชันวิญญาณเปลี่ยนแปลง เขารีบดีดตัวถอยหลังหนีทันที

ตู้ม!

ตรงบริเวณที่ราชันวิญญาณเคยอยู่เมื่อสักครู่นี้ ถูกระเบิดกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ก้อนกรวดขนาดเล็กจำนวนมากกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่งเหมือนลูกกระสุน บรรดาคนดูต้องรีบหาที่กำบังกันจ้าละหวั่นอีกครั้ง

ราชันวิญญาณหลบหนีออกไปไกลแล้ว ถึงแม้ว่าหลงอ๋าว จะเดือดดาลมากแต่ชายชราก็ไม่ได้ติดตามไป เนื่องจากเขามีหน้าที่คอยคุ้มกันพ่อแม่และผู้หญิงของฉู่ชวิ๋นนั่นเอง

“ไอ้ตัวร้ายกาจไร้ยางอาย รอให้จบเรื่องนี้ก่อนเถอะ ฉันฆ่าแกแน่” หลงอ๋าวคำรามด้วยความโกรธแค้น แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้ราชันวิญญาณกลับยกมือขึ้นดีดนิ้วเบา ๆ

ทันใดนั้น เงาร่างของอีกบุคคลหนึ่งได้ปรากฏขึ้น ท่ามกลางกลุ่มคนและคนผู้นั้นก็กำลังเคลื่อนกายตรงเข้าไปจะสังหารพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋น

เขาคือเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต เขาเองก็เป็นปรมาจารย์ระดับแปด มีฝีมือร้ายกาจไม่ใช่เล่น

“ตายซะ!”

หลงอ๋าวคำรามด้วยความบ้าคลั่ง ชายชราหมุนตัวแล้วสะบัดฝ่ามือ เกิดเป็นคลื่นพลังลมปราณพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

โครม!

คลื่นลมปราณเกิดการระเบิดขึ้นร่างของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตลอยกระเด็นออกไป แต่นี่กลับเปิดโอกาสให้ราชันวิญญาณเข้ามาโจมตีอีกครั้ง เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตก็ตั้งหลักได้และกลับเข้ามาโจมตีอีกครั้งเช่นกัน ทั้งสองคนรุมเล่นงานหลงอ๋าว

หลงอ๋าวเอาจริงขึ้นมาแล้ว ชายชราเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วและดุดัน พลังลมปราณของเขาถึงกับทำให้พื้นดินแตกกระจาย เศษก้อนหินดินทรายปลิวว่อนไปทั่ว

เขาเพิ่งจะบรรลุฝีมือระดับที่เก้า แต่ราชันวิญญาณและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตเป็นปรมาจารย์ระดับที่แปด แถมยังมีประสบการณ์ในยุทธภพอย่างโชกโชน แม้จะมีฝีมือเป็นรอง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถจัดการได้ง่าย ๆ คนทั้งสามต่อสู้กันด้วยความชุลมุน ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบบริเวณถูกทำลายไปจนหมดสิ้น ก้อนหินแตกกระจายเป็นผุยผง

แต่ไม่มีใครสังเกตเลยว่า ในกลุ่มคน ได้ปรากฏคนผู้หนึ่งแอบเดินย่องเข้าไปหาฉู่เทียนเหอ คนผู้นั้นไม่เหมือนนักฆ่าเลยแม้แต่น้อย เขาแฝงตัวเป็นคนดูคนหนึ่งได้อย่างแนบเนียน

แต่ในวินาทีนั้นเอง คนผู้นั้นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว มีดสั้นที่อยู่ในมือของเขาพุ่งตรงเข้าไปที่ลำคอของฉู่เทียนเหอแล้ว

บางคนที่เห็นเหตุการณ์ส่งเสียงร้องเตือนออกมาทันทีหลงอ๋าวคำรามลั่น อยากจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ถูกราชันวิญญาณกับเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตขวางทางเอาไว้ ทั้งสองคนเข้ามาพัวพันหลงอ๋าว ไม่ยอมปล่อยให้ชายชราเข้ามาช่วยเหลือผู้คนได้

ฉู่เทียนเหอเป็นแค่เพียงคนธรรมดา เมื่อเห็นคมมีดแวววาวพุ่งเข้ามา เขาก็ทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่อ เลือดในกายแข็งตัวเย็นเฉียบ แต่ในวินาทีแห่งความเป็นตายนี้เอง ฮวาชิงหวู่ได้สติ เธอรีบผลักฉู่เทียนเหอและหลิวหรานกระเด็นออกไป

วาบ!

คมมีดเป็นประกาย ฮวาชิงหวู่ร่างกระตุก เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากลำคอขาวผ่องของเธอ เลือดสีแดงสดสาดกระจายในอากาศ ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ เหมือนกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน

ผลั่ก!

เมื่อมือสังหารลงมือสำเร็จแล้ว ก็ได้สะบัดฝ่ามือปล่อยพลังใส่หญิงสาว ร่างของฮวาชิงหวู่ลอยกระเด็นออกไป

แต่มือสังหารผู้นี้กลับยังไม่หลบหนี มันหันกลับมาหาพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋น มีดสั้นในมือแทงสวบออกมา มีเป้าหมายอยู่ที่ลำคอของทั้งสองคน หลงอ๋าวคำรามด้วยความโกรธแค้น แต่ก็เข้ามาช่วยเหลือไม่ได้

“พวกแกมันโหดเหี้ยม ไร้ยางอายที่สุด” ในวินาทีนั้นเอง หยานอี้ก็คำรามออกมา เขายืนอยู่ใกล้มือสังหารมากที่สุด จึงยกมือขึ้นโคจรพลังลมปราณและซัดพลังออกไปเต็มแรง

มือสังหารทราบว่าหยานอี้มีฝีมือแข็งแกร่ง จึงกระโดดหนีไปหาที่กำบังหยานอี้ขยับเข้ามายืนขวางฉู่เทียนเหอกับภรรยาเอาไว้

“เฟิงอู๋หยิง ถ้าแกกล้าลงมืออีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน” หยานอี้แผดเสียง ระบุตัวตนว่ามือสังหารมาจากสำนักไหน

มือสังหารผู้นี้มาจากสำนักไร้เงา มีความชำนาญเรื่องการลอบสังหารเป็นที่สุด เฟิงอู๋หยิงชำเลืองมองไปที่หยานอี้ด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่จะถอนตัวกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก

ร่างของฮวาชิงหวู่ลอยกระเด็นไปตกอยู่ในกอหญ้า ลมหายใจของเธอแตกกระจาย ชีพจรเต้นช้าลงจนน่ากลัว ดวงตาของเธอเหม่อลอย สองแก้มที่สวยงามนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

หญิงสาวชุดขาวกำลังนอนหายใจรวยรินใกล้เสียชีวิตอยู่ในกอหญ้า ดูน่าเศร้าและโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครทนรับได้อีกแล้ว จอมยุทธ์หญิงหลายคนถึงกับดวงตาแดงก่ำ สวรรค์อิจฉาในความสวยงามของฮวาชิงหวู่หรืออย่างไร

ถึงอยากได้พาตัวเธอกลับไปแบบนี้? โชคชะตาช่างอำมหิตเกินไปแล้วจริง ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 191 สวรรค์ล่ม

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 191 สวรรค์ล่ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 191 สวรรค์ล่ม[รีไรท์]

ลูกไฟจำนวนมากของหงส์แดงรวมตัวกันกลายเป็นมังกรไฟตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ข้างลำตัวของฉู่ชวิ๋น อุณหภูมิที่พุ่งขึ้นสูงทำให้มวลอากาศโดยรอบระเบิดตัวดังตลอดทางที่มันบินผ่าน ฉู่ชวิ๋นหันไปมองด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาว

ตู้มม!

พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าของเขาระเบิดออก กลุ่มคนดูรีบหลบหนีการโจมตีของมังกรไฟ

ตู้มม!

มังกรไฟโดนเศษดินกระแทก แรงกระแทกทำให้มันระเบิดตัวออกกลายเป็นลูกไฟจำนวนมากกระจัดกระจายไปอีกครั้ง หลังจัดการมังกรไฟจากหงส์แดงได้แล้ว ฉู่ชวิ๋นก็ตรงเข้าไปหาเต่าคะนองในพริบตาต่อมา พร้อมกับเงื้อกำปั้นต่อยออกไปอย่างแรง

เปรี้ยง!

เสียงดังสนั่นเหมือนสายฟ้าฟาด ฉู่ชวิ๋นต่อยเต่าคะนอง แต่ตัวเขาเองกลับต้องถอยกลับมา เต่าคะนองมีพลังในการป้องกันตัวเองสูงมาก!

ในขณะเดียวกันนี้ มันก็เดินเข้ามาหาฉู่ชวิ๋นพร้อมกับยกขาหน้าขึ้นสูง หมายจะเหยียบย่ำให้ชายหนุ่มจมลงไปกับพื้นดิน สัตว์ปีศาจทั้งสี่ตัวมีร่างกายที่ใหญ่โตจนน่าหวาดกลัว ฉู่ชวิ๋นเป็นแค่เพียงแมลงตัวจ้อยในสายตาของพวกมันเท่านั้น

เต่าคะนองที่มีไอสีดำปกคลุมร่างกายดูมีความน่าหวาดกลัวเป็นที่สุด ร่างกายของมันปลดปล่อยไอสังหารออกมา ขาหน้าที่เป็นเหมือนกับเสาขนาดใหญ่ เวลาก้าวเดินแต่ละครั้งทำให้พื้นดินยุบตัวและแตกกระจาย ฉู่ชวิ๋นไม่ได้หลบหนี แขนของเขาเปล่งประกายสว่างไสว ชายหนุ่มยกแขนขึ้นไขว้กัน เพื่อป้องกันศีรษะในขณะที่ขาหน้าของเต่าคะนองกดทับลงมา

โครม!

พื้นหินยุบตัว เท้าของฉู่ชวิ๋นจมลงไปใต้พื้นดินทันที ตอนนี้เหลือเพียงแค่ครึ่งท่อนบนของเขาเท่านั้นที่ยังอยู่เหนือพื้นดิน

เมื่อเห็นดังนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงจนหยุดหายใจ ได้แต่จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้น ฉู่ชวิ๋นกำลังจะพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ?

ฉู่ชวิ๋นโคจรพลังอย่างเต็มที่ในขณะที่ขาของเต่าคะนองพยายามกดทับตัวเขาอย่างต่อเนื่อง แต่โชคดีที่ถึงแม้ว่ากายท่อนล่างจะจมหายลงไปใต้ผิวดิน แต่ชายหนุ่มก็ยังป้องกันขาหน้าที่เหมือนกับเสาหินขนาดยักษ์ของเต่าคะนองเอาไว้ได้

ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นเป็นเหมือนมดตัวหนึ่ง ที่กำลังพยายามแบกรับน้ำหนักของขาช้าง เขาสามารถถูกบดขยี้กลายเป็นก้อนเนื้อได้ทุกเมื่อ

เต่าคะนองส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น งูที่อยู่บนกระดองของมันส่งเสียงขู่ “ฟ่อ”

ฟู่!

พลังลมปราณแผ่กระจายออกมาจากตัวของเต่าคะนองด้วยความรวดเร็ว ลำตัวของฉู่ชวิ๋นจมลงไปใต้พื้นดินจนถึงระดับเอวแล้ว บรรดาคนดูที่รับชมเหตุการณ์อยู่แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว จอมมารฉู่จะต้านทานไว้ได้ไหมนะ?

“ฮ่าๆ ต้องอยู่ใต้ตีนเต่าแบบนั้นรู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะ จอมมารฉู่?” เฉินหวูฮุยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หวูฉางเฟิงสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ร้องเชียร์ให้เต่าคะนองเหยียบย่ำฉู่ชวิ๋นให้แหลกเละอยู่ตลอดเวลา

ผู้อาวุโสทั้งสิบของสำนักสวรรค์ฟ้าต่างก็โล่งอกไม่สำคัญหรอกว่าฉู่ชวิ๋นจะเก่งกล้าสามารถมาจากไหน สุดท้ายมันก็ต้องมาตายที่นี่อยู่ดี

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชาในขณะที่เขากวาดตามองโดยรอบแต่ตอนนี้ ลำตัวของเขาเริ่มจมลงไปอีกครั้ง จนตัวเขาแทบจะลงไปอยู่ใต้ดินทั้งตัวแล้ว เขาพยายามโคจรพลังลมปราณอีกครั้ง แขนของชายหนุ่มเปล่งแสงเป็นประกายแล้วพลังลมปราณก็ระเบิดตัวออกมา

โครม!

แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มจมลงไปอีกครั้ง

ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกเต่าคะนองมีกระดองที่แข็งแกร่งมาก ถึงเขาจะมีพลังพอต้านทานไหว แต่พื้นดินพื้นหินที่อยู่ใต้เท้าก็ไม่อาจรับน้ำหนักมันได้

ฉู่ชวิ๋นยังคงหาทางขึ้นมาจากหลุมดินนี้ไม่ได้ ตัวเขามีแต่จมลงไปลึกมากขึ้นและมากขึ้น

“ฉู่ชวิ๋น มีอะไรจะสั่งเสียไหม? วันนี้แหละแกจะต้องตายในภูเขาเซวียนฉี ฮ่า ๆ…” เฉินหวูฮุยพูดแล้วหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม หวูฉางเฟิงจ้องมองฉู่ชวิ๋น แต่แล้วในทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาก็แปลกประหลาดไป ดูเหมือนฉู่ชวิ๋น จะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

“ฉู่ชวิ๋นกำลังติดพันอยู่แบบนี้ พวกแกยังไม่เริ่มกันอีก!” หวูฉางเฟิงพลันตะโกนออกมา

พรึ่บ!

ท่ามกลางกลุ่มผู้ชมการต่อสู้ มีบุคคลหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เขาเดินเข้าไปหาพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นเพื่อจะทำการสังหารอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึง

ผู้โจมตีเป็นเจ้าสำนักที่ชื่อว่าหุบเขาสลายวิญญาณ ตัวเขาเองมีฉายาว่าราชันวิญญาณ เป็นปรมาจารย์ระดับที่แปด และมีฝีมือแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

ราชันวิญญาณถือได้ว่าเป็นเครื่องจักรสังหารในคราบมนุษย์ ต่อหน้าต่อตาของผู้คน เขาปล่อยพลังลมปราณเป็นคลื่นลมปราณสีขาวพุ่งเข้าใส่พ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นทันที

“ฝันไปเถอะ…” หลงอ๋าวเดือดดาลสุดขีด เขายกมือขึ้นพร้อมโคจรพลังลมปราณ ชายชรามีพลังกล้าแข็งมาก เขาสามารถป้องกันพลังจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่มีปัญหาและเกือบจะในเวลาเดียวกันนี้เอง หลงอ๋าวก็สะบัดฝ่ามือปล่อยพลังโต้ตอบกลับไป คลื่นลมปราณของชายชราพุ่งตรงเข้าใส่ราชันวิญญาณเป็นจุดเดียว

ราชันวิญญาณเห็นดังนั้นก็ต่อยหมัดออกมา เกิดเป็นคลื่นลมปราณพวยพุ่งออกมาจากกำปั้นของเขา

ตู้ม!

พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันกลางอากาศ มวลอากาศปั่นป่วน คลื่นพลังแตกกระจาย ทำให้ต้นไม้ที่อยู่รอบบริเวณโค่นล้มไปทันที ราชันวิญญาณถอยหลังกลับไปจนล้มลงก้นจ้ำเบ้า สองเท้าของเขายืนไม่อยู่อีกแล้ว

“ทำไมฝีมือถึงร้ายกาจขนาดนี้” เขาอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ หลงอ๋าวโคจรพลังลมปราณไปทั่วร่างกาย ก่อนที่จะสะบัดฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาข้างหน้า

สีหน้าของราชันวิญญาณเปลี่ยนแปลง เขารีบดีดตัวถอยหลังหนีทันที

ตู้ม!

ตรงบริเวณที่ราชันวิญญาณเคยอยู่เมื่อสักครู่นี้ ถูกระเบิดกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ก้อนกรวดขนาดเล็กจำนวนมากกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่งเหมือนลูกกระสุน บรรดาคนดูต้องรีบหาที่กำบังกันจ้าละหวั่นอีกครั้ง

ราชันวิญญาณหลบหนีออกไปไกลแล้ว ถึงแม้ว่าหลงอ๋าว จะเดือดดาลมากแต่ชายชราก็ไม่ได้ติดตามไป เนื่องจากเขามีหน้าที่คอยคุ้มกันพ่อแม่และผู้หญิงของฉู่ชวิ๋นนั่นเอง

“ไอ้ตัวร้ายกาจไร้ยางอาย รอให้จบเรื่องนี้ก่อนเถอะ ฉันฆ่าแกแน่” หลงอ๋าวคำรามด้วยความโกรธแค้น แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้ราชันวิญญาณกลับยกมือขึ้นดีดนิ้วเบา ๆ

ทันใดนั้น เงาร่างของอีกบุคคลหนึ่งได้ปรากฏขึ้น ท่ามกลางกลุ่มคนและคนผู้นั้นก็กำลังเคลื่อนกายตรงเข้าไปจะสังหารพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋น

เขาคือเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต เขาเองก็เป็นปรมาจารย์ระดับแปด มีฝีมือร้ายกาจไม่ใช่เล่น

“ตายซะ!”

หลงอ๋าวคำรามด้วยความบ้าคลั่ง ชายชราหมุนตัวแล้วสะบัดฝ่ามือ เกิดเป็นคลื่นพลังลมปราณพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

โครม!

คลื่นลมปราณเกิดการระเบิดขึ้นร่างของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตลอยกระเด็นออกไป แต่นี่กลับเปิดโอกาสให้ราชันวิญญาณเข้ามาโจมตีอีกครั้ง เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตก็ตั้งหลักได้และกลับเข้ามาโจมตีอีกครั้งเช่นกัน ทั้งสองคนรุมเล่นงานหลงอ๋าว

หลงอ๋าวเอาจริงขึ้นมาแล้ว ชายชราเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วและดุดัน พลังลมปราณของเขาถึงกับทำให้พื้นดินแตกกระจาย เศษก้อนหินดินทรายปลิวว่อนไปทั่ว

เขาเพิ่งจะบรรลุฝีมือระดับที่เก้า แต่ราชันวิญญาณและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตเป็นปรมาจารย์ระดับที่แปด แถมยังมีประสบการณ์ในยุทธภพอย่างโชกโชน แม้จะมีฝีมือเป็นรอง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถจัดการได้ง่าย ๆ คนทั้งสามต่อสู้กันด้วยความชุลมุน ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบบริเวณถูกทำลายไปจนหมดสิ้น ก้อนหินแตกกระจายเป็นผุยผง

แต่ไม่มีใครสังเกตเลยว่า ในกลุ่มคน ได้ปรากฏคนผู้หนึ่งแอบเดินย่องเข้าไปหาฉู่เทียนเหอ คนผู้นั้นไม่เหมือนนักฆ่าเลยแม้แต่น้อย เขาแฝงตัวเป็นคนดูคนหนึ่งได้อย่างแนบเนียน

แต่ในวินาทีนั้นเอง คนผู้นั้นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว มีดสั้นที่อยู่ในมือของเขาพุ่งตรงเข้าไปที่ลำคอของฉู่เทียนเหอแล้ว

บางคนที่เห็นเหตุการณ์ส่งเสียงร้องเตือนออกมาทันทีหลงอ๋าวคำรามลั่น อยากจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ถูกราชันวิญญาณกับเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตขวางทางเอาไว้ ทั้งสองคนเข้ามาพัวพันหลงอ๋าว ไม่ยอมปล่อยให้ชายชราเข้ามาช่วยเหลือผู้คนได้

ฉู่เทียนเหอเป็นแค่เพียงคนธรรมดา เมื่อเห็นคมมีดแวววาวพุ่งเข้ามา เขาก็ทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่อ เลือดในกายแข็งตัวเย็นเฉียบ แต่ในวินาทีแห่งความเป็นตายนี้เอง ฮวาชิงหวู่ได้สติ เธอรีบผลักฉู่เทียนเหอและหลิวหรานกระเด็นออกไป

วาบ!

คมมีดเป็นประกาย ฮวาชิงหวู่ร่างกระตุก เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากลำคอขาวผ่องของเธอ เลือดสีแดงสดสาดกระจายในอากาศ ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ เหมือนกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน

ผลั่ก!

เมื่อมือสังหารลงมือสำเร็จแล้ว ก็ได้สะบัดฝ่ามือปล่อยพลังใส่หญิงสาว ร่างของฮวาชิงหวู่ลอยกระเด็นออกไป

แต่มือสังหารผู้นี้กลับยังไม่หลบหนี มันหันกลับมาหาพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋น มีดสั้นในมือแทงสวบออกมา มีเป้าหมายอยู่ที่ลำคอของทั้งสองคน หลงอ๋าวคำรามด้วยความโกรธแค้น แต่ก็เข้ามาช่วยเหลือไม่ได้

“พวกแกมันโหดเหี้ยม ไร้ยางอายที่สุด” ในวินาทีนั้นเอง หยานอี้ก็คำรามออกมา เขายืนอยู่ใกล้มือสังหารมากที่สุด จึงยกมือขึ้นโคจรพลังลมปราณและซัดพลังออกไปเต็มแรง

มือสังหารทราบว่าหยานอี้มีฝีมือแข็งแกร่ง จึงกระโดดหนีไปหาที่กำบังหยานอี้ขยับเข้ามายืนขวางฉู่เทียนเหอกับภรรยาเอาไว้

“เฟิงอู๋หยิง ถ้าแกกล้าลงมืออีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน” หยานอี้แผดเสียง ระบุตัวตนว่ามือสังหารมาจากสำนักไหน

มือสังหารผู้นี้มาจากสำนักไร้เงา มีความชำนาญเรื่องการลอบสังหารเป็นที่สุด เฟิงอู๋หยิงชำเลืองมองไปที่หยานอี้ด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่จะถอนตัวกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก

ร่างของฮวาชิงหวู่ลอยกระเด็นไปตกอยู่ในกอหญ้า ลมหายใจของเธอแตกกระจาย ชีพจรเต้นช้าลงจนน่ากลัว ดวงตาของเธอเหม่อลอย สองแก้มที่สวยงามนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

หญิงสาวชุดขาวกำลังนอนหายใจรวยรินใกล้เสียชีวิตอยู่ในกอหญ้า ดูน่าเศร้าและโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครทนรับได้อีกแล้ว จอมยุทธ์หญิงหลายคนถึงกับดวงตาแดงก่ำ สวรรค์อิจฉาในความสวยงามของฮวาชิงหวู่หรืออย่างไร

ถึงอยากได้พาตัวเธอกลับไปแบบนี้? โชคชะตาช่างอำมหิตเกินไปแล้วจริง ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 191 สวรรค์ล่ม

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 191 สวรรค์ล่ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 191 สวรรค์ล่ม[รีไรท์]

ลูกไฟจำนวนมากของหงส์แดงรวมตัวกันกลายเป็นมังกรไฟตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ข้างลำตัวของฉู่ชวิ๋น อุณหภูมิที่พุ่งขึ้นสูงทำให้มวลอากาศโดยรอบระเบิดตัวดังตลอดทางที่มันบินผ่าน ฉู่ชวิ๋นหันไปมองด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาว

ตู้มม!

พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าของเขาระเบิดออก กลุ่มคนดูรีบหลบหนีการโจมตีของมังกรไฟ

ตู้มม!

มังกรไฟโดนเศษดินกระแทก แรงกระแทกทำให้มันระเบิดตัวออกกลายเป็นลูกไฟจำนวนมากกระจัดกระจายไปอีกครั้ง หลังจัดการมังกรไฟจากหงส์แดงได้แล้ว ฉู่ชวิ๋นก็ตรงเข้าไปหาเต่าคะนองในพริบตาต่อมา พร้อมกับเงื้อกำปั้นต่อยออกไปอย่างแรง

เปรี้ยง!

เสียงดังสนั่นเหมือนสายฟ้าฟาด ฉู่ชวิ๋นต่อยเต่าคะนอง แต่ตัวเขาเองกลับต้องถอยกลับมา เต่าคะนองมีพลังในการป้องกันตัวเองสูงมาก!

ในขณะเดียวกันนี้ มันก็เดินเข้ามาหาฉู่ชวิ๋นพร้อมกับยกขาหน้าขึ้นสูง หมายจะเหยียบย่ำให้ชายหนุ่มจมลงไปกับพื้นดิน สัตว์ปีศาจทั้งสี่ตัวมีร่างกายที่ใหญ่โตจนน่าหวาดกลัว ฉู่ชวิ๋นเป็นแค่เพียงแมลงตัวจ้อยในสายตาของพวกมันเท่านั้น

เต่าคะนองที่มีไอสีดำปกคลุมร่างกายดูมีความน่าหวาดกลัวเป็นที่สุด ร่างกายของมันปลดปล่อยไอสังหารออกมา ขาหน้าที่เป็นเหมือนกับเสาขนาดใหญ่ เวลาก้าวเดินแต่ละครั้งทำให้พื้นดินยุบตัวและแตกกระจาย ฉู่ชวิ๋นไม่ได้หลบหนี แขนของเขาเปล่งประกายสว่างไสว ชายหนุ่มยกแขนขึ้นไขว้กัน เพื่อป้องกันศีรษะในขณะที่ขาหน้าของเต่าคะนองกดทับลงมา

โครม!

พื้นหินยุบตัว เท้าของฉู่ชวิ๋นจมลงไปใต้พื้นดินทันที ตอนนี้เหลือเพียงแค่ครึ่งท่อนบนของเขาเท่านั้นที่ยังอยู่เหนือพื้นดิน

เมื่อเห็นดังนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงจนหยุดหายใจ ได้แต่จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้น ฉู่ชวิ๋นกำลังจะพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ?

ฉู่ชวิ๋นโคจรพลังอย่างเต็มที่ในขณะที่ขาของเต่าคะนองพยายามกดทับตัวเขาอย่างต่อเนื่อง แต่โชคดีที่ถึงแม้ว่ากายท่อนล่างจะจมหายลงไปใต้ผิวดิน แต่ชายหนุ่มก็ยังป้องกันขาหน้าที่เหมือนกับเสาหินขนาดยักษ์ของเต่าคะนองเอาไว้ได้

ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นเป็นเหมือนมดตัวหนึ่ง ที่กำลังพยายามแบกรับน้ำหนักของขาช้าง เขาสามารถถูกบดขยี้กลายเป็นก้อนเนื้อได้ทุกเมื่อ

เต่าคะนองส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น งูที่อยู่บนกระดองของมันส่งเสียงขู่ “ฟ่อ”

ฟู่!

พลังลมปราณแผ่กระจายออกมาจากตัวของเต่าคะนองด้วยความรวดเร็ว ลำตัวของฉู่ชวิ๋นจมลงไปใต้พื้นดินจนถึงระดับเอวแล้ว บรรดาคนดูที่รับชมเหตุการณ์อยู่แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว จอมมารฉู่จะต้านทานไว้ได้ไหมนะ?

“ฮ่าๆ ต้องอยู่ใต้ตีนเต่าแบบนั้นรู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะ จอมมารฉู่?” เฉินหวูฮุยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หวูฉางเฟิงสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ร้องเชียร์ให้เต่าคะนองเหยียบย่ำฉู่ชวิ๋นให้แหลกเละอยู่ตลอดเวลา

ผู้อาวุโสทั้งสิบของสำนักสวรรค์ฟ้าต่างก็โล่งอกไม่สำคัญหรอกว่าฉู่ชวิ๋นจะเก่งกล้าสามารถมาจากไหน สุดท้ายมันก็ต้องมาตายที่นี่อยู่ดี

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชาในขณะที่เขากวาดตามองโดยรอบแต่ตอนนี้ ลำตัวของเขาเริ่มจมลงไปอีกครั้ง จนตัวเขาแทบจะลงไปอยู่ใต้ดินทั้งตัวแล้ว เขาพยายามโคจรพลังลมปราณอีกครั้ง แขนของชายหนุ่มเปล่งแสงเป็นประกายแล้วพลังลมปราณก็ระเบิดตัวออกมา

โครม!

แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มจมลงไปอีกครั้ง

ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกเต่าคะนองมีกระดองที่แข็งแกร่งมาก ถึงเขาจะมีพลังพอต้านทานไหว แต่พื้นดินพื้นหินที่อยู่ใต้เท้าก็ไม่อาจรับน้ำหนักมันได้

ฉู่ชวิ๋นยังคงหาทางขึ้นมาจากหลุมดินนี้ไม่ได้ ตัวเขามีแต่จมลงไปลึกมากขึ้นและมากขึ้น

“ฉู่ชวิ๋น มีอะไรจะสั่งเสียไหม? วันนี้แหละแกจะต้องตายในภูเขาเซวียนฉี ฮ่า ๆ…” เฉินหวูฮุยพูดแล้วหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม หวูฉางเฟิงจ้องมองฉู่ชวิ๋น แต่แล้วในทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาก็แปลกประหลาดไป ดูเหมือนฉู่ชวิ๋น จะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

“ฉู่ชวิ๋นกำลังติดพันอยู่แบบนี้ พวกแกยังไม่เริ่มกันอีก!” หวูฉางเฟิงพลันตะโกนออกมา

พรึ่บ!

ท่ามกลางกลุ่มผู้ชมการต่อสู้ มีบุคคลหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เขาเดินเข้าไปหาพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นเพื่อจะทำการสังหารอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึง

ผู้โจมตีเป็นเจ้าสำนักที่ชื่อว่าหุบเขาสลายวิญญาณ ตัวเขาเองมีฉายาว่าราชันวิญญาณ เป็นปรมาจารย์ระดับที่แปด และมีฝีมือแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

ราชันวิญญาณถือได้ว่าเป็นเครื่องจักรสังหารในคราบมนุษย์ ต่อหน้าต่อตาของผู้คน เขาปล่อยพลังลมปราณเป็นคลื่นลมปราณสีขาวพุ่งเข้าใส่พ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นทันที

“ฝันไปเถอะ…” หลงอ๋าวเดือดดาลสุดขีด เขายกมือขึ้นพร้อมโคจรพลังลมปราณ ชายชรามีพลังกล้าแข็งมาก เขาสามารถป้องกันพลังจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่มีปัญหาและเกือบจะในเวลาเดียวกันนี้เอง หลงอ๋าวก็สะบัดฝ่ามือปล่อยพลังโต้ตอบกลับไป คลื่นลมปราณของชายชราพุ่งตรงเข้าใส่ราชันวิญญาณเป็นจุดเดียว

ราชันวิญญาณเห็นดังนั้นก็ต่อยหมัดออกมา เกิดเป็นคลื่นลมปราณพวยพุ่งออกมาจากกำปั้นของเขา

ตู้ม!

พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันกลางอากาศ มวลอากาศปั่นป่วน คลื่นพลังแตกกระจาย ทำให้ต้นไม้ที่อยู่รอบบริเวณโค่นล้มไปทันที ราชันวิญญาณถอยหลังกลับไปจนล้มลงก้นจ้ำเบ้า สองเท้าของเขายืนไม่อยู่อีกแล้ว

“ทำไมฝีมือถึงร้ายกาจขนาดนี้” เขาอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ หลงอ๋าวโคจรพลังลมปราณไปทั่วร่างกาย ก่อนที่จะสะบัดฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาข้างหน้า

สีหน้าของราชันวิญญาณเปลี่ยนแปลง เขารีบดีดตัวถอยหลังหนีทันที

ตู้ม!

ตรงบริเวณที่ราชันวิญญาณเคยอยู่เมื่อสักครู่นี้ ถูกระเบิดกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ก้อนกรวดขนาดเล็กจำนวนมากกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่งเหมือนลูกกระสุน บรรดาคนดูต้องรีบหาที่กำบังกันจ้าละหวั่นอีกครั้ง

ราชันวิญญาณหลบหนีออกไปไกลแล้ว ถึงแม้ว่าหลงอ๋าว จะเดือดดาลมากแต่ชายชราก็ไม่ได้ติดตามไป เนื่องจากเขามีหน้าที่คอยคุ้มกันพ่อแม่และผู้หญิงของฉู่ชวิ๋นนั่นเอง

“ไอ้ตัวร้ายกาจไร้ยางอาย รอให้จบเรื่องนี้ก่อนเถอะ ฉันฆ่าแกแน่” หลงอ๋าวคำรามด้วยความโกรธแค้น แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้ราชันวิญญาณกลับยกมือขึ้นดีดนิ้วเบา ๆ

ทันใดนั้น เงาร่างของอีกบุคคลหนึ่งได้ปรากฏขึ้น ท่ามกลางกลุ่มคนและคนผู้นั้นก็กำลังเคลื่อนกายตรงเข้าไปจะสังหารพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋น

เขาคือเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต เขาเองก็เป็นปรมาจารย์ระดับแปด มีฝีมือร้ายกาจไม่ใช่เล่น

“ตายซะ!”

หลงอ๋าวคำรามด้วยความบ้าคลั่ง ชายชราหมุนตัวแล้วสะบัดฝ่ามือ เกิดเป็นคลื่นพลังลมปราณพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

โครม!

คลื่นลมปราณเกิดการระเบิดขึ้นร่างของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตลอยกระเด็นออกไป แต่นี่กลับเปิดโอกาสให้ราชันวิญญาณเข้ามาโจมตีอีกครั้ง เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตก็ตั้งหลักได้และกลับเข้ามาโจมตีอีกครั้งเช่นกัน ทั้งสองคนรุมเล่นงานหลงอ๋าว

หลงอ๋าวเอาจริงขึ้นมาแล้ว ชายชราเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วและดุดัน พลังลมปราณของเขาถึงกับทำให้พื้นดินแตกกระจาย เศษก้อนหินดินทรายปลิวว่อนไปทั่ว

เขาเพิ่งจะบรรลุฝีมือระดับที่เก้า แต่ราชันวิญญาณและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตเป็นปรมาจารย์ระดับที่แปด แถมยังมีประสบการณ์ในยุทธภพอย่างโชกโชน แม้จะมีฝีมือเป็นรอง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถจัดการได้ง่าย ๆ คนทั้งสามต่อสู้กันด้วยความชุลมุน ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบบริเวณถูกทำลายไปจนหมดสิ้น ก้อนหินแตกกระจายเป็นผุยผง

แต่ไม่มีใครสังเกตเลยว่า ในกลุ่มคน ได้ปรากฏคนผู้หนึ่งแอบเดินย่องเข้าไปหาฉู่เทียนเหอ คนผู้นั้นไม่เหมือนนักฆ่าเลยแม้แต่น้อย เขาแฝงตัวเป็นคนดูคนหนึ่งได้อย่างแนบเนียน

แต่ในวินาทีนั้นเอง คนผู้นั้นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว มีดสั้นที่อยู่ในมือของเขาพุ่งตรงเข้าไปที่ลำคอของฉู่เทียนเหอแล้ว

บางคนที่เห็นเหตุการณ์ส่งเสียงร้องเตือนออกมาทันทีหลงอ๋าวคำรามลั่น อยากจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ถูกราชันวิญญาณกับเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตขวางทางเอาไว้ ทั้งสองคนเข้ามาพัวพันหลงอ๋าว ไม่ยอมปล่อยให้ชายชราเข้ามาช่วยเหลือผู้คนได้

ฉู่เทียนเหอเป็นแค่เพียงคนธรรมดา เมื่อเห็นคมมีดแวววาวพุ่งเข้ามา เขาก็ทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่อ เลือดในกายแข็งตัวเย็นเฉียบ แต่ในวินาทีแห่งความเป็นตายนี้เอง ฮวาชิงหวู่ได้สติ เธอรีบผลักฉู่เทียนเหอและหลิวหรานกระเด็นออกไป

วาบ!

คมมีดเป็นประกาย ฮวาชิงหวู่ร่างกระตุก เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากลำคอขาวผ่องของเธอ เลือดสีแดงสดสาดกระจายในอากาศ ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ เหมือนกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน

ผลั่ก!

เมื่อมือสังหารลงมือสำเร็จแล้ว ก็ได้สะบัดฝ่ามือปล่อยพลังใส่หญิงสาว ร่างของฮวาชิงหวู่ลอยกระเด็นออกไป

แต่มือสังหารผู้นี้กลับยังไม่หลบหนี มันหันกลับมาหาพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋น มีดสั้นในมือแทงสวบออกมา มีเป้าหมายอยู่ที่ลำคอของทั้งสองคน หลงอ๋าวคำรามด้วยความโกรธแค้น แต่ก็เข้ามาช่วยเหลือไม่ได้

“พวกแกมันโหดเหี้ยม ไร้ยางอายที่สุด” ในวินาทีนั้นเอง หยานอี้ก็คำรามออกมา เขายืนอยู่ใกล้มือสังหารมากที่สุด จึงยกมือขึ้นโคจรพลังลมปราณและซัดพลังออกไปเต็มแรง

มือสังหารทราบว่าหยานอี้มีฝีมือแข็งแกร่ง จึงกระโดดหนีไปหาที่กำบังหยานอี้ขยับเข้ามายืนขวางฉู่เทียนเหอกับภรรยาเอาไว้

“เฟิงอู๋หยิง ถ้าแกกล้าลงมืออีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน” หยานอี้แผดเสียง ระบุตัวตนว่ามือสังหารมาจากสำนักไหน

มือสังหารผู้นี้มาจากสำนักไร้เงา มีความชำนาญเรื่องการลอบสังหารเป็นที่สุด เฟิงอู๋หยิงชำเลืองมองไปที่หยานอี้ด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่จะถอนตัวกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก

ร่างของฮวาชิงหวู่ลอยกระเด็นไปตกอยู่ในกอหญ้า ลมหายใจของเธอแตกกระจาย ชีพจรเต้นช้าลงจนน่ากลัว ดวงตาของเธอเหม่อลอย สองแก้มที่สวยงามนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

หญิงสาวชุดขาวกำลังนอนหายใจรวยรินใกล้เสียชีวิตอยู่ในกอหญ้า ดูน่าเศร้าและโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครทนรับได้อีกแล้ว จอมยุทธ์หญิงหลายคนถึงกับดวงตาแดงก่ำ สวรรค์อิจฉาในความสวยงามของฮวาชิงหวู่หรืออย่างไร

ถึงอยากได้พาตัวเธอกลับไปแบบนี้? โชคชะตาช่างอำมหิตเกินไปแล้วจริง ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+