จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 206 ราชันย์โลหิต

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 206 ราชันย์โลหิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 206 ราชันย์โลหิต[รีไรท์]

ฉู่ชวิ๋นพร้อมกับพ่อแม่เดินทางกลับไปยังเมืองกู่เจียง

ตลอดทั้งเดือนนั้น พ่อแม่ลูกทั้งสามคนเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเมืองกู่เจียงแทบจะทุกซอกทุกมุมแล้ว

ณ คฤหาสน์ตระกูลฉู่

“เสี่ยวชวิ๋น ดูแลตัวเองด้วยนะลูก อย่าใจร้อนวู่วามจนทำให้ตัวเองมีปัญหา…” นี่คือสิ่งที่หลิวหรานกำชับบุตรชายหลายร้อยรอบแล้ว ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า แต่ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้

พ่อแม่ของเขาเลือกที่จะเป็นผู้ฝึกตน พวกท่านไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่พ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นเลือกฝึกวิชา เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่ต้องมาคอยดูแล

“เจ้าตัวแสบ รอให้พ่อฝึกวิชาเสร็จเมื่อไหร่ พ่อจะจัดการพวกที่มันเคยทำไม่ดีกับเราเอาไว้แน่” ฉู่เถียนเหอพูดอย่าง มีความสุขขณะตบไหล่ฉู่ชวิ๋น

แต่ชายหนุ่มก็เห็นว่า พ่อมีน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้า หลังจากนั้น เขาก็พาพ่อแม่ไปที่ห้องฝึกวิชา ฉู่ชวิ๋นไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งมากพอจนอดรู้สึกเกลียดชังตัวเองไม่ได้

พลังลมปราณในร่างกายของเขาลดลงไปอย่างน่าใจหาย ประเมินได้ว่าถ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับพื้นฐานในอีกไม่ช้า เวลาที่เผชิญหน้ากับผู้อาวุโสระดับเจ็ด ฉู่ชวิ๋นก็ทำได้เพียงแค่หลบหนีแล้ว แบบนี้จะมีหน้าไปปกป้องใครได้อีก ?

ฉู่ชวิ๋นทราบดีว่า การที่เขาถล่มสำนักสวรรค์ฟ้าคงดึงดูดตัวร้ายในยุทธภพให้มาหาเขาอีกไม่น้อยแล้วแต่ละคนคงมีพลังลมปราณร้ายกาจไม่ใช่เล่น

คนเหล่านั้นมักจะปกปิดฝีมือที่แท้จริงของตัวเอง ในยุทธภพถือว่ามีอยู่เป็นจำนวนมาก ฉู่ชวิ๋นไม่อาจรู้ได้เลยว่าในขณะนี้ตนเองกำลังถูกจับตามองจากผู้คนมากมายขนาดไหน

การที่พ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นเลือกที่จะเป็นผู้ฝึกตนก็เพราะว่า ในภายหลังหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกท่านก็จะสามารถดูแลตัวเองได้นั่นเอง

ฉู่ชวิ๋นน้ำตาไหลออกมาแล้ว ในขณะที่โคจรพลังลมปราณและสร้างเป็นม่านพลังมาห่อหุ้มห้องฝึกวิชาเอาไว้ เท่ากับว่าพ่อแม่ของเขาจะตกอยู่ในสภาวะจำศีล หากไม่มีการรบกวนอย่างรุนแรงจากภายนอกพวกท่านก็จะไม่ตื่นขึ้นมา เว้นแต่เลือกที่จะตื่นขึ้นมาเองเท่านั้น

นี่จะเป็นการฝึกวิชาที่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ฉู่ชวิ๋นก้มหัวคำนับพ่อแม่ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องฝึกวิชาแห่งนั้น

ฉู่ชวิ๋นเดินลงจากภูเขามาเพียงลำพัง เขาตั้งใจจะไปหาจักรพรรดิอ๋าวฮวง เพื่อเริ่มต้นฝึกวิชาพลังลมปราณจำแลงในตำนาน

ที่บริเวณเชิงเขา ฉู่ชวิ๋นกลับต้องหยุดชะงักตัวแข็งทื่อ

ตู้ม!

เบื้องหน้าเขา พื้นดินถล่มยุบตัวลงไป

ฉู่ชวิ๋นเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งบนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ชายชราคนนี้มีดวงตาและเส้นผมสีแดง สภาพร่างกายเหมือนกับไร้น้ำหนัก เวลาลมพัดกิ่งไม้แกว่งไกว ร่างของเขาก็จะโยกขึ้นลงตามกิ่งไม้ไปด้วย

ฉู่ชวิ๋นหัวใจกระตุกวูบ นี่ขนาดยังไม่เห็นฝีมือแค่ดูจากลมปราณก็รู้แล้วว่า อีกฝ่ายหนึ่งมีวิชาตัวเบายอดเยี่ยม

แค่ไหนและการที่จะมีวิชาตัวเบายอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ได้ จำเป็นต้องมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งระดับสุดยอด

“คุณเป็นใคร ?” ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลง ถามด้วยสีหน้าเยือกเย็น

อีกฝ่ายหนึ่งหัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง แต่ลมปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

“ไม่เสียทีที่เป็นถึงจอมมารฉู่ ข้าขอยอมรับเลยว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นมีจิตใจที่เยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง แม้แต่ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย”

ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่เช่นเดิม ขณะที่พูดอย่างดูถูกว่า “แล้วผมต้องกลัวคุณหรือไงละ ตาแก่ คุณอาจจะหลงตัวเองเกินไปก็ได้นะ โลกนี้เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ” ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น ดวงตาสีแดงของเขาเป็นประกายแปลกประหลาด ตอบกลับมาพร้อมกับกำมือเป็นหมัดแน่น

“ชื่อของข้าคือ ราชันย์โลหิต มาเพื่อขอคำชี้แนะ”

ฉู่ชวิ๋นมองอีกฝ่ายด้วยความเงียบงัน หลังจากนั้นอีกครึ่งค่อนวันถึงได้ตอบออกมาว่า “ไม่เห็นรู้จัก”

ราชันย์โลหิตหัวเราะหึ ๆ ไอสังหารลอยออกมาแรงมากขึ้น พูดว่า “จอมมารฉู่เป็นผู้โด่งดังของโลกยุทธภพ ข้าไม่ใช่คนโด่งดังอะไรจะไม่รู้จักข้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เจ้าคงไม่ลืมว่าตัวเองเคยฆ่าเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต เจ้านั้นเป็นน้องชายร่วมอาจารย์กับข้าเอง”

ฉู่ชวิ๋นนึกออกแล้วไม่สงสัยเลยว่า ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับวิชาลมปราณของอีกฝ่ายนัก ที่แท้ก็เป็นศิษย์ผู้พี่ของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตนี่เอง

เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตเป็นปรมาจารย์ระดับแปด อย่างน้อยศิษย์พี่ของเขาก็ต้องเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วแค่เจอผู้อาวุโสระดับแปด เขาก็แทบจะเอาตัวไม่รอด ไม่ต้องพูดเลยว่า จะสู้ผู้อาวุโสระดับเก้า ได้หรือไม่

พันธนาการแห่งท้องฟ้าบัดซบ ถ้าไม่มีมันนะ เขาจะไม่กลัวผู้อาวุโสระดับเก้า อย่างนี้เลย

ฉู่ชวิ๋นคิดอะไรบางอย่างอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าคุณไม่พูดออกมา ผมก็ลืมไปแล้วนะเนี่ย”

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกได้เลยว่า ไอสังหารของราชันย์โลหิตแผ่ออกมารุนแรงมากขึ้นหลายเท่า

“มีคนตกตายในเงื้อมมือของจอมมารฉู่มากมาย เจ้าฆ่าคนมานับไม่ถ้วน คงจำได้ไม่หมดทุกคน ข้ารู้อยู่แล้ว” ราชันย์โลหิตยิ้มกว้าง พ่นลมหายใจอย่างรุนแรง

“แล้วนี่จะมาแก้แค้นให้ศิษย์น้องหรือยังไง ?” ฉู่ชวิ๋นถาม

“อันที่จริงเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตกับตัวข้าเอง ก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ แต่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์ก็ไม่ได้ ไม่งั้น ข้าคงไม่เลือกมาเป็นศัตรูกับจอมมารฉู่หรอก” ราชันย์โลหิตตอบ

ฉู่ชวิ๋นไม่อยากเชื่อ ราชันย์โลหิตเป็นถึงปรมาจารย์ระดับเก้า แต่ก็ยังมีอาจารย์คอยบงการอยู่อีกคน อย่างน้อยอาจารย์ผู้นั้น ก็ต้องเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า หรือไม่ก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเป็นอย่างน้อย

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความเดือดร้อนที่แท้จริงแล้ว ถ้าชายหนุ่มไม่สามารถปกป้องตัวเองได้แล้วเขาจะปกป้องคนรอบตัวได้ยังไง ?

“จอมมารฉู่ ยื่นหัวออกมาให้ข้าตัดซะดี ๆ เถอะเจ้าจะได้ไม่ต้องทรมานอะไรมากมาย ส่วนข้าจะได้เอาหัวไปส่งให้อาจารย์ แบบนี้พวกเราต่างฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์ เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ ?”  ราชันย์โลหิตถามอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่สีหน้าจะเริ่มมีความน่ากลัวขึ้นมาแล้ว

ฉู่ชวิ๋นมองหน้าชายชรา ตอบพร้อมกับยิ้มว่า “คุณไม่น่ามาหาผมเลย”

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง

เปรี๊ยะ!

กิ่งไม้ที่ราชันโลหิตยืนอยู่แตกหักอย่างไม่มีสัญญาณเตือน ส่งผลให้กิ่งไม้กิ่งนั้น ร่วงวูบลงมาบนพื้นดิน

ราชันย์โลหิตไม่ทันตั้งตัว มองไม่เห็นว่าฉู่ชวิ๋นแอบลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนที่ได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ ราชันย์โลหิตได้ดีดเท้ากระโดดไปยืนอยู่บนต้นไม้อีกต้นหนึ่งก่อนแล้ว

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกาย พลังลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่างกาย มือของเขากำเป็นหมัดและต่อยออกไป พลังลมปราณสีขาวพุ่งเข้าใส่ร่างของราชันย์โลหิตทันที

ราชันย์โลหิตกระโดดหนีไปจากต้นไม้ต้นนั้น

ตู้ม!

พลังลมปราณกระแทกเข้าใส่ต้นไม้อย่างแรง ทำให้ต้นไม้ต้นนั้นระเบิดกระจุย เศษไม้ปลิวว่อนในอากาศ

ราชันย์โลหิตกระโดดกลับมายืนบนพื้นดิน ดวงตาสีแดงก่ำเป็นประกายอาฆาตแค้น

“ไหนทุกคนต่างก็ร่ำลือกันว่า ฉายาจอมมารฉู่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยไงล่ะ ว่ากันว่าลงมือครั้งใดไม่เคยพลาด

ถ้าครั้งต่อไปเจ้าลงมือไม่สำเร็จ มันก็น่าสงสัยแล้วนะว่า ข่าวลือเรื่องพวกนั้นคงไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน”

ฉู่ชวิ๋นพลันหัวใจกระตุกวูบ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาหมุนมือเป็นวงกลมและชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า

เปรี้ยง!

สายฟ้าฟาดกลางอากาศ มวลอากาศสั่นไหวอย่างรุนแรง บรรยากาศเกิดแรงกดดันอย่างหนักหน่วง แล้วนิ้วมือขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและกำลังร่วงลงมา พร้อมกับพลังที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

นี่คือกระบวนท่า สามอสุราสยบฟ้าดิน!

เปรี๊ยะ!

ต้นไม้ที่อยู่รอบบริเวณแตกหักโค่นล้ม ใบไม้ปลิวว่อนไปตามแรงลม

แต่ก่อนที่นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์นั้น จะร่วงลงมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนก็โค่นล้มไปจากแรงกดดันนั้นแล้ว

ร่างกายของราชันย์โลหิตพลันห่อหุ้มด้วยม่านพลังสีแดง ซึ่งเหม็นกลิ่นคาวเลือดชวนให้เวียนศีรษะ

“วันนี้ ข้าจะสอนให้จอมมารฉู่ได้รู้ว่า การฆ่าคนที่แท้จริงมันเป็นยังไง”

มือของเขาเต้นระบำไปมา ม่านพลังสีแดงวิ่งวนรอบตัว เมื่อชายชรายกมือขึ้น ม่านพลังสีแดงนั้นก็รวมตัวกันกลายเป็นรูปทรงหัวกะโหลกขนาดใหญ่ กำลังเงยหน้าคำรามใส่นิ้วมือขนาดยักษ์ที่ร่วงหล่นลงมา

เปรี้ยง!

หลังจากนั้น หัวกะโหลกยักษ์ก็พุ่งขึ้นไปปะทะเข้ากับนิ้วมือขนาดใหญ่ เกิดเป็นแรงระเบิดสั่นสะเทือนทั่วบริเวณ

นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์เกิดรอยแตกร้าว แต่ก็ไม่ได้แตกสลายหายไป มันยังคงร่วงลงมาตรงลงสู่พื้นดิน

มือของราชันย์โลหิตเต้นระบำอีกรอบ หัวกระโหลกสีแดงสดน่ากลัวขนาดเท่ากับโต๊ะกินข้าวปรากฏขึ้น และพุ่งขึ้นไปกระแทกใส่นิ้วมือยักษ์อย่างรุนแรง

เปรี้ยง!

ภูเขาสั่นสะเทือน แผ่นดินไหว ก้อนหินถล่มหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน แรงระเบิดก็กวาดไปทั่วบริเวณ แรงระเบิดนั้นเป็นม่านพลังสีแดง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกย้อมไปด้วยทะเลเลือด ต้นไม้ถูกทำลาย ก้อนหินแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี

“จอมมารอย่างฉู่ชวิ๋นมีฝีมือแค่นี้เองหรือ”

ราชันย์โลหิตระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม

ฉู่ชวิ๋นยังคงมีดวงตาเย็นชา มือของเขารีบปล่อยพลังโต้ตอบกลับไปอีกครั้ง

แว๊ก!

ฟินิกซ์ส่งเสียงร้องกึกก้องในอากาศ อาบไล้ท้องฟ้าด้วยเปลวไฟสีแดงเพลิง

ม่านพลังเลือดของราชันย์โลหิตหนาแน่นมากกว่าเดิม เมื่อเขายื่นมือออกมาข้างหน้า มวลพลังเหล่านั้นก็มารวมตัวกัน

ย๊าก!

มวลพลังนั้นรวมตัวเป็นรูปทรงมนุษย์ที่มีความสูงสามเมตรกำลังส่งเสียงร้องคำราม ร่างกายเต็มไปด้วย

กลิ่นคาวเลือด มองไปแล้วเหมือนกับเป็นมนุษย์เลือดขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งดูน่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง

ตู้ม!

ฟินิกซ์และมนุษย์เลือดปะทะกันอย่างรุนแรง เปลวไฟลุกโชนผสมกับเลือดสีแดงสด เกิดเป็นก้อนเมฆรูปเห็ดระเบิดเต็มท้องฟ้า กลิ่นเลือดเหม็นคาวคลุ้ง ตามมาด้วยกลิ่นเนื้อไหม้ พร้อมกันนั้นก็เกิดเสียงดัง

“ฉี่” ซึ่งเป็นเสียงผิวหนังไหม้ไฟดังขึ้นตลอดเวลา ฟินิกซ์ยังคงอยู่ แต่พลังของมันหายไปหมดแล้ว

เปรี้ยง!

ฝ่ามือขนาดใหญ่ของมนุษย์เลือดกระแทกเข้าใส่หางของฟินิกซ์อย่างแรง หลังจากนั้น ร่างของฟินิกซ์ก็หมุนคว้างก่อนที่จะหายวับไปในอากาศ

ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ใบหน้าของเขาซีดขาวแล้ว

นอกจากพันธนาการแห่งท้องฟ้าจะดูดซับพลังลมปราณของเขาแล้ว มันยังดูดซับพลังไปจากวิชาที่เขาใช้อีกด้วย

นิ้วมือขนาดยักษ์และฟินิกซ์ จึงมีอานุภาพลดทอนไปจากเดิมถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

ที่สำคัญก็คือ พลังลมปราณในร่างกายของเขาลดลงอย่างฮวบฮาบ การใช้วิชาสามอสุราสยบฟ้าดิน และการเรียกฟินิกซ์ออกมาเมื่อสักครู่นี้ ผลาญพลังลมปราณของเขาไปประมาณเจ็ดแปดส่วน

ยิ่งไปกว่านั้น การมีพันธนาการแห่งท้องฟ้าอยู่ในร่างกาย ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มฟื้นตัวได้ช้ามากขึ้นไปอีก!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 206 ราชันย์โลหิต

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 206 ราชันย์โลหิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 206 ราชันย์โลหิต[รีไรท์]

ฉู่ชวิ๋นพร้อมกับพ่อแม่เดินทางกลับไปยังเมืองกู่เจียง

ตลอดทั้งเดือนนั้น พ่อแม่ลูกทั้งสามคนเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเมืองกู่เจียงแทบจะทุกซอกทุกมุมแล้ว

ณ คฤหาสน์ตระกูลฉู่

“เสี่ยวชวิ๋น ดูแลตัวเองด้วยนะลูก อย่าใจร้อนวู่วามจนทำให้ตัวเองมีปัญหา…” นี่คือสิ่งที่หลิวหรานกำชับบุตรชายหลายร้อยรอบแล้ว ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า แต่ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้

พ่อแม่ของเขาเลือกที่จะเป็นผู้ฝึกตน พวกท่านไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่พ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นเลือกฝึกวิชา เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่ต้องมาคอยดูแล

“เจ้าตัวแสบ รอให้พ่อฝึกวิชาเสร็จเมื่อไหร่ พ่อจะจัดการพวกที่มันเคยทำไม่ดีกับเราเอาไว้แน่” ฉู่เถียนเหอพูดอย่าง มีความสุขขณะตบไหล่ฉู่ชวิ๋น

แต่ชายหนุ่มก็เห็นว่า พ่อมีน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้า หลังจากนั้น เขาก็พาพ่อแม่ไปที่ห้องฝึกวิชา ฉู่ชวิ๋นไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งมากพอจนอดรู้สึกเกลียดชังตัวเองไม่ได้

พลังลมปราณในร่างกายของเขาลดลงไปอย่างน่าใจหาย ประเมินได้ว่าถ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับพื้นฐานในอีกไม่ช้า เวลาที่เผชิญหน้ากับผู้อาวุโสระดับเจ็ด ฉู่ชวิ๋นก็ทำได้เพียงแค่หลบหนีแล้ว แบบนี้จะมีหน้าไปปกป้องใครได้อีก ?

ฉู่ชวิ๋นทราบดีว่า การที่เขาถล่มสำนักสวรรค์ฟ้าคงดึงดูดตัวร้ายในยุทธภพให้มาหาเขาอีกไม่น้อยแล้วแต่ละคนคงมีพลังลมปราณร้ายกาจไม่ใช่เล่น

คนเหล่านั้นมักจะปกปิดฝีมือที่แท้จริงของตัวเอง ในยุทธภพถือว่ามีอยู่เป็นจำนวนมาก ฉู่ชวิ๋นไม่อาจรู้ได้เลยว่าในขณะนี้ตนเองกำลังถูกจับตามองจากผู้คนมากมายขนาดไหน

การที่พ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นเลือกที่จะเป็นผู้ฝึกตนก็เพราะว่า ในภายหลังหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกท่านก็จะสามารถดูแลตัวเองได้นั่นเอง

ฉู่ชวิ๋นน้ำตาไหลออกมาแล้ว ในขณะที่โคจรพลังลมปราณและสร้างเป็นม่านพลังมาห่อหุ้มห้องฝึกวิชาเอาไว้ เท่ากับว่าพ่อแม่ของเขาจะตกอยู่ในสภาวะจำศีล หากไม่มีการรบกวนอย่างรุนแรงจากภายนอกพวกท่านก็จะไม่ตื่นขึ้นมา เว้นแต่เลือกที่จะตื่นขึ้นมาเองเท่านั้น

นี่จะเป็นการฝึกวิชาที่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ฉู่ชวิ๋นก้มหัวคำนับพ่อแม่ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องฝึกวิชาแห่งนั้น

ฉู่ชวิ๋นเดินลงจากภูเขามาเพียงลำพัง เขาตั้งใจจะไปหาจักรพรรดิอ๋าวฮวง เพื่อเริ่มต้นฝึกวิชาพลังลมปราณจำแลงในตำนาน

ที่บริเวณเชิงเขา ฉู่ชวิ๋นกลับต้องหยุดชะงักตัวแข็งทื่อ

ตู้ม!

เบื้องหน้าเขา พื้นดินถล่มยุบตัวลงไป

ฉู่ชวิ๋นเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งบนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ชายชราคนนี้มีดวงตาและเส้นผมสีแดง สภาพร่างกายเหมือนกับไร้น้ำหนัก เวลาลมพัดกิ่งไม้แกว่งไกว ร่างของเขาก็จะโยกขึ้นลงตามกิ่งไม้ไปด้วย

ฉู่ชวิ๋นหัวใจกระตุกวูบ นี่ขนาดยังไม่เห็นฝีมือแค่ดูจากลมปราณก็รู้แล้วว่า อีกฝ่ายหนึ่งมีวิชาตัวเบายอดเยี่ยม

แค่ไหนและการที่จะมีวิชาตัวเบายอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ได้ จำเป็นต้องมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งระดับสุดยอด

“คุณเป็นใคร ?” ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลง ถามด้วยสีหน้าเยือกเย็น

อีกฝ่ายหนึ่งหัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง แต่ลมปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

“ไม่เสียทีที่เป็นถึงจอมมารฉู่ ข้าขอยอมรับเลยว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นมีจิตใจที่เยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง แม้แต่ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย”

ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่เช่นเดิม ขณะที่พูดอย่างดูถูกว่า “แล้วผมต้องกลัวคุณหรือไงละ ตาแก่ คุณอาจจะหลงตัวเองเกินไปก็ได้นะ โลกนี้เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ” ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น ดวงตาสีแดงของเขาเป็นประกายแปลกประหลาด ตอบกลับมาพร้อมกับกำมือเป็นหมัดแน่น

“ชื่อของข้าคือ ราชันย์โลหิต มาเพื่อขอคำชี้แนะ”

ฉู่ชวิ๋นมองอีกฝ่ายด้วยความเงียบงัน หลังจากนั้นอีกครึ่งค่อนวันถึงได้ตอบออกมาว่า “ไม่เห็นรู้จัก”

ราชันย์โลหิตหัวเราะหึ ๆ ไอสังหารลอยออกมาแรงมากขึ้น พูดว่า “จอมมารฉู่เป็นผู้โด่งดังของโลกยุทธภพ ข้าไม่ใช่คนโด่งดังอะไรจะไม่รู้จักข้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เจ้าคงไม่ลืมว่าตัวเองเคยฆ่าเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต เจ้านั้นเป็นน้องชายร่วมอาจารย์กับข้าเอง”

ฉู่ชวิ๋นนึกออกแล้วไม่สงสัยเลยว่า ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับวิชาลมปราณของอีกฝ่ายนัก ที่แท้ก็เป็นศิษย์ผู้พี่ของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตนี่เอง

เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตเป็นปรมาจารย์ระดับแปด อย่างน้อยศิษย์พี่ของเขาก็ต้องเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วแค่เจอผู้อาวุโสระดับแปด เขาก็แทบจะเอาตัวไม่รอด ไม่ต้องพูดเลยว่า จะสู้ผู้อาวุโสระดับเก้า ได้หรือไม่

พันธนาการแห่งท้องฟ้าบัดซบ ถ้าไม่มีมันนะ เขาจะไม่กลัวผู้อาวุโสระดับเก้า อย่างนี้เลย

ฉู่ชวิ๋นคิดอะไรบางอย่างอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าคุณไม่พูดออกมา ผมก็ลืมไปแล้วนะเนี่ย”

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกได้เลยว่า ไอสังหารของราชันย์โลหิตแผ่ออกมารุนแรงมากขึ้นหลายเท่า

“มีคนตกตายในเงื้อมมือของจอมมารฉู่มากมาย เจ้าฆ่าคนมานับไม่ถ้วน คงจำได้ไม่หมดทุกคน ข้ารู้อยู่แล้ว” ราชันย์โลหิตยิ้มกว้าง พ่นลมหายใจอย่างรุนแรง

“แล้วนี่จะมาแก้แค้นให้ศิษย์น้องหรือยังไง ?” ฉู่ชวิ๋นถาม

“อันที่จริงเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตกับตัวข้าเอง ก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ แต่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์ก็ไม่ได้ ไม่งั้น ข้าคงไม่เลือกมาเป็นศัตรูกับจอมมารฉู่หรอก” ราชันย์โลหิตตอบ

ฉู่ชวิ๋นไม่อยากเชื่อ ราชันย์โลหิตเป็นถึงปรมาจารย์ระดับเก้า แต่ก็ยังมีอาจารย์คอยบงการอยู่อีกคน อย่างน้อยอาจารย์ผู้นั้น ก็ต้องเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า หรือไม่ก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเป็นอย่างน้อย

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความเดือดร้อนที่แท้จริงแล้ว ถ้าชายหนุ่มไม่สามารถปกป้องตัวเองได้แล้วเขาจะปกป้องคนรอบตัวได้ยังไง ?

“จอมมารฉู่ ยื่นหัวออกมาให้ข้าตัดซะดี ๆ เถอะเจ้าจะได้ไม่ต้องทรมานอะไรมากมาย ส่วนข้าจะได้เอาหัวไปส่งให้อาจารย์ แบบนี้พวกเราต่างฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์ เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ ?”  ราชันย์โลหิตถามอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่สีหน้าจะเริ่มมีความน่ากลัวขึ้นมาแล้ว

ฉู่ชวิ๋นมองหน้าชายชรา ตอบพร้อมกับยิ้มว่า “คุณไม่น่ามาหาผมเลย”

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง

เปรี๊ยะ!

กิ่งไม้ที่ราชันโลหิตยืนอยู่แตกหักอย่างไม่มีสัญญาณเตือน ส่งผลให้กิ่งไม้กิ่งนั้น ร่วงวูบลงมาบนพื้นดิน

ราชันย์โลหิตไม่ทันตั้งตัว มองไม่เห็นว่าฉู่ชวิ๋นแอบลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนที่ได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ ราชันย์โลหิตได้ดีดเท้ากระโดดไปยืนอยู่บนต้นไม้อีกต้นหนึ่งก่อนแล้ว

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกาย พลังลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่างกาย มือของเขากำเป็นหมัดและต่อยออกไป พลังลมปราณสีขาวพุ่งเข้าใส่ร่างของราชันย์โลหิตทันที

ราชันย์โลหิตกระโดดหนีไปจากต้นไม้ต้นนั้น

ตู้ม!

พลังลมปราณกระแทกเข้าใส่ต้นไม้อย่างแรง ทำให้ต้นไม้ต้นนั้นระเบิดกระจุย เศษไม้ปลิวว่อนในอากาศ

ราชันย์โลหิตกระโดดกลับมายืนบนพื้นดิน ดวงตาสีแดงก่ำเป็นประกายอาฆาตแค้น

“ไหนทุกคนต่างก็ร่ำลือกันว่า ฉายาจอมมารฉู่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยไงล่ะ ว่ากันว่าลงมือครั้งใดไม่เคยพลาด

ถ้าครั้งต่อไปเจ้าลงมือไม่สำเร็จ มันก็น่าสงสัยแล้วนะว่า ข่าวลือเรื่องพวกนั้นคงไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน”

ฉู่ชวิ๋นพลันหัวใจกระตุกวูบ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาหมุนมือเป็นวงกลมและชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า

เปรี้ยง!

สายฟ้าฟาดกลางอากาศ มวลอากาศสั่นไหวอย่างรุนแรง บรรยากาศเกิดแรงกดดันอย่างหนักหน่วง แล้วนิ้วมือขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและกำลังร่วงลงมา พร้อมกับพลังที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

นี่คือกระบวนท่า สามอสุราสยบฟ้าดิน!

เปรี๊ยะ!

ต้นไม้ที่อยู่รอบบริเวณแตกหักโค่นล้ม ใบไม้ปลิวว่อนไปตามแรงลม

แต่ก่อนที่นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์นั้น จะร่วงลงมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนก็โค่นล้มไปจากแรงกดดันนั้นแล้ว

ร่างกายของราชันย์โลหิตพลันห่อหุ้มด้วยม่านพลังสีแดง ซึ่งเหม็นกลิ่นคาวเลือดชวนให้เวียนศีรษะ

“วันนี้ ข้าจะสอนให้จอมมารฉู่ได้รู้ว่า การฆ่าคนที่แท้จริงมันเป็นยังไง”

มือของเขาเต้นระบำไปมา ม่านพลังสีแดงวิ่งวนรอบตัว เมื่อชายชรายกมือขึ้น ม่านพลังสีแดงนั้นก็รวมตัวกันกลายเป็นรูปทรงหัวกะโหลกขนาดใหญ่ กำลังเงยหน้าคำรามใส่นิ้วมือขนาดยักษ์ที่ร่วงหล่นลงมา

เปรี้ยง!

หลังจากนั้น หัวกะโหลกยักษ์ก็พุ่งขึ้นไปปะทะเข้ากับนิ้วมือขนาดใหญ่ เกิดเป็นแรงระเบิดสั่นสะเทือนทั่วบริเวณ

นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์เกิดรอยแตกร้าว แต่ก็ไม่ได้แตกสลายหายไป มันยังคงร่วงลงมาตรงลงสู่พื้นดิน

มือของราชันย์โลหิตเต้นระบำอีกรอบ หัวกระโหลกสีแดงสดน่ากลัวขนาดเท่ากับโต๊ะกินข้าวปรากฏขึ้น และพุ่งขึ้นไปกระแทกใส่นิ้วมือยักษ์อย่างรุนแรง

เปรี้ยง!

ภูเขาสั่นสะเทือน แผ่นดินไหว ก้อนหินถล่มหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน แรงระเบิดก็กวาดไปทั่วบริเวณ แรงระเบิดนั้นเป็นม่านพลังสีแดง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกย้อมไปด้วยทะเลเลือด ต้นไม้ถูกทำลาย ก้อนหินแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี

“จอมมารอย่างฉู่ชวิ๋นมีฝีมือแค่นี้เองหรือ”

ราชันย์โลหิตระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม

ฉู่ชวิ๋นยังคงมีดวงตาเย็นชา มือของเขารีบปล่อยพลังโต้ตอบกลับไปอีกครั้ง

แว๊ก!

ฟินิกซ์ส่งเสียงร้องกึกก้องในอากาศ อาบไล้ท้องฟ้าด้วยเปลวไฟสีแดงเพลิง

ม่านพลังเลือดของราชันย์โลหิตหนาแน่นมากกว่าเดิม เมื่อเขายื่นมือออกมาข้างหน้า มวลพลังเหล่านั้นก็มารวมตัวกัน

ย๊าก!

มวลพลังนั้นรวมตัวเป็นรูปทรงมนุษย์ที่มีความสูงสามเมตรกำลังส่งเสียงร้องคำราม ร่างกายเต็มไปด้วย

กลิ่นคาวเลือด มองไปแล้วเหมือนกับเป็นมนุษย์เลือดขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งดูน่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง

ตู้ม!

ฟินิกซ์และมนุษย์เลือดปะทะกันอย่างรุนแรง เปลวไฟลุกโชนผสมกับเลือดสีแดงสด เกิดเป็นก้อนเมฆรูปเห็ดระเบิดเต็มท้องฟ้า กลิ่นเลือดเหม็นคาวคลุ้ง ตามมาด้วยกลิ่นเนื้อไหม้ พร้อมกันนั้นก็เกิดเสียงดัง

“ฉี่” ซึ่งเป็นเสียงผิวหนังไหม้ไฟดังขึ้นตลอดเวลา ฟินิกซ์ยังคงอยู่ แต่พลังของมันหายไปหมดแล้ว

เปรี้ยง!

ฝ่ามือขนาดใหญ่ของมนุษย์เลือดกระแทกเข้าใส่หางของฟินิกซ์อย่างแรง หลังจากนั้น ร่างของฟินิกซ์ก็หมุนคว้างก่อนที่จะหายวับไปในอากาศ

ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ใบหน้าของเขาซีดขาวแล้ว

นอกจากพันธนาการแห่งท้องฟ้าจะดูดซับพลังลมปราณของเขาแล้ว มันยังดูดซับพลังไปจากวิชาที่เขาใช้อีกด้วย

นิ้วมือขนาดยักษ์และฟินิกซ์ จึงมีอานุภาพลดทอนไปจากเดิมถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

ที่สำคัญก็คือ พลังลมปราณในร่างกายของเขาลดลงอย่างฮวบฮาบ การใช้วิชาสามอสุราสยบฟ้าดิน และการเรียกฟินิกซ์ออกมาเมื่อสักครู่นี้ ผลาญพลังลมปราณของเขาไปประมาณเจ็ดแปดส่วน

ยิ่งไปกว่านั้น การมีพันธนาการแห่งท้องฟ้าอยู่ในร่างกาย ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มฟื้นตัวได้ช้ามากขึ้นไปอีก!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+