ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstarตอนพิเศษ : คำตาม 6

Now you are reading ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar Chapter ตอนพิเศษ : คำตาม 6 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนพิเศษ : คำตาม 6

แสงอาทิตย์

ทะเล

หาดทราย

จางเย่อารมณ์ดีขึ้นเพราะลมทะเลที่โชยมา

ตรงหน้าเขานั้น มีวิลล่าริมทะเลหลังหนึ่ง วิลล่าเดี่ยวแบบนี้ ในโรงแรมมีไม่กี่ห้องนัก ดังนั้นหาดส่วนตัวแห่งนี้จึงมีคนไม่มาก พืชพรรณเขตร้อนมีให้เห็นในสวนหน้าบ้าน กลายเป็นร่มไม้ใหญ่ บรรยากาศสบายอย่างยิ่ง

หนึ่งก้าว

สองก้าว

จางเย่ยิ่งเข้าใกล้ หัวใจเขายิ่งเต้นแรง เขาทั้งตื่นเต้น ทั้งหวาดกลัว

สามปีกว่าแล้ว คนทางบ้านเป็นอย่างไรกันบ้าง?

พ่อแม่สบายดีไหม?

หน้าคุณอู๋มีรอยเหี่ยวย่นบ้างหรือไม่?

ลูกจะจำเขาไม่ได้รึเปล่า?

แค่พริบตา จางเย่ก็เริ่มจินตนาการความเป็นไปได้มากหลาย ขณะนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยที่ทำให้เขาแทบร้องไห้

หญิงวัยกลางคนร้องขึ้น “ไปว่ายน้ำกันเถอะ”

ชายวัยกลางคนนั้นว่า “ลงน้ำหนักยังกับตะกั่ว ยังจะไปว่ายอะไรอีก?”

“เจ๋อชิงใช้เงินพาเรามาที่ซานย่าตั้งเยอะ ไม่ลงน้ำก็เสียดายเงินสิ”

“ฉันขี้เกียจขยับแล้ว จะนอนนี่แหละ เฮ้อ เมื่อไหร่เย่น้อยจะกลับบ้านมานะ? ทำไมเราเข้าเยี่ยมเขาไม่ได้แล้วล่ะ?”

“โทษจำคุกหกปี ยังเหลืออีกสามปีน่า”

“ใกล้ตรุษจีนอีกแล้ว เธอคิดถึงลูกรึเปล่า?”

หญิงวัยกลางคนนั้นฮึ่มแฮ่ “ไม่ต้องพูดถึงมัน ฉันลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่”

ด้านนอกนั้น

จางเย่พอเห็นว่าพ่อแม่อยู่ในลานหน้าบ้าน เขาก็แทบควบคุมตนเองไม่ได้ แต่พอได้ยินเสียงที่แม่พูดถึง เขาก็ได้แต่มองบน สาวเท้าเข้าไปด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “ลืมใครไปน่ะ?”

พอเสียงของเขาดังขึ้น คู่สามีภรรยาในลานบ้านนั้นก็ตะลึงไป!

พ่อเขาหันมามองด้วยความตื่นตะลึง!

แม่หันมาด้วยความตื่นตระหนก!

จางเย่ยิ้มให้ทั้งสอง “ผมกลับมาแล้วครับ!”

พ่อยืนขึ้นทันที “ลูกพ่อ!”

แม่ตะโกนแล้ววิ่งเข้ามาทันใด “ไอ้หนู ทำไมแกมาอยู่นี่? แหกคุกออกมางั้นเรอะ?”

จางเย่จนถ้อยคำ “ผมจะไปแหกคุกทำไมเล่า!”

พ่อตื่นเต้นขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”

จางเย่ยิ้ม “ผมสร้างความดีความชอบให้กับประเทศชาติเลยได้ลดหย่อนโทษน่ะครับ”

“แปลว่าแกได้ปล่อยตัวก่อนกำหนด?” แม่ถามขึ้น

จางเย่ตอบกลับ “ครับ”

แม่ “เอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว?”

จางเย่กลอกตา “แน่นอนสิ”

พ่อร้องขึ้นมา “เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยมไปเลย!”

แม่จับมือเขาไม่ยอมปล่อย “เร็วๆ มาให้ฉันดูแกให้ดีหน่อยสิ ในคุกเป็นยังไงบ้าง? ลำบากไหม? ต้องไปใช้แรงงานรึเปล่า?”

จางเย่พูดอย่างยินดี “ไม่เลยแม่”

“แกคงลำบากแน่ๆ ดูหน่อยสิว่าแกผอมลงไหม” แม่จับแก้มจับไหล่เขาก่อนพูดไม่ออกขึ้นมาจริงๆ “ทำไมดูเหมือนแกอ้วนขึ้นล่ะเนี่ย?”

จางเย่ “อาหารข้างในนั้นอร่อยนะ”

แม่ “แกรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่นี่น่ะ?”

จางเย่ “ผมมีวิธีของผมน่ะสิ”

พ่อถามขึ้น “จะยังไงก็เถอะ แกกลับมาก็ดีแล้ว! กลับมาก็ดีแล้ว!”

แม่เขายิ้มแล้วก็ว่า “เจ๋อชิงก็ต้องดีใจแน่ๆ พวกเธอกำลังจะกลับมาแล้ว แกยังไม่ได้เจอลูกสาวแกใช่ไหม?”

จางเย่ “ผมเห็นแต่รูปตอนคลอดนั่นแหละ”

“แม่หนูนั่นน่ารักมากนะ” พ่อพูดยิ้มๆ

แม่เองก็ดีใจ “ฉันบอกได้แค่ว่าสำหรับแกแล้วถือเป็นโชคดีของคนบ้าอย่างแกเลยล่ะ”

จางเย่เองก็ทนรอไม่ไหว

ขณะนั้นเอง บอลชายหาดเป่าลมกระเด้งกระดอนหลายครั้ง ก่อนมาที่หน้าลานของวิลล่า เด็กหญิงวัยราวสามขวบวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาหยิบบอล ก่อนมองจางเย่ซึ่งยืนอยู่อย่างสงสัยใคร่รู้

จางเย่ตะลึงไป!

น่ารัก!

น่ารักจริงๆ!

น้ำตาแทบไหลอาบสองแก้ม ก่อนเขาจะรีบปรี่เข้าไปอุ้มเด็กน้อยขึ้น “ลูกสาวของฉัน แม่สาวน้อยของพ่อ ให้พ่อดูให้ชัดๆ หน่อยสิ คิดถึงพ่อไหม? คิดถึงไหม? ไอ้หยา คิดถึงหนูจังเลย! มาๆ ให้พ่อหยิกแก้มยุ้ยๆ ของหนูหน่อยน้า”

ก่อนจะมีคนสะกิดเขาจากด้านข้าง

จางเย่หันไปมองก็เห็นผู้หญิงวัยยี่สิบกว่ายืนข้างเขา

เธอไม่ทราบควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ ได้แต่บอกว่า “พี่ชาย นั่นลูกฉันนะ”

จางเย่งุนงงไป “เอ๋?”

ผู้หญิงคนนั้นก้มตัวลงอุ้มลูกสาวของตนก่อนรีบจากไป

จางเย่แทบเป็นลมไปบนพื้นทราย

ด้านหลังเขานั้น แม่กำลังกุมขมับ “น่าขายหน้าเกินไปไหมเนี่ย?”

จางเย่โมโห “ทำไมไม่บอกผมก่อนเล่า?”

พ่อว่า “แกวิ่งไปนั่นพวกเรายังห้ามไม่ทันเลย”

จางเย่อายอยู่หน่อยๆ

ขณะนั้นก็มีเด็กหญิงอีกคนเดินมาจากหาดทราย

จางเย่มองเธอเขม็งในทันที “ลูก!”

แม่รั้งเขาไว้ทันที “ไม่ใช่คนนี้เหมือนกัน!”

บนชายหาดนั้น

จางเย่เรียกเด็กหญิงทุกคนที่พบว่าเป็นลูกสาวตนเอง

พ่อแม่เขารีบพาจางเย่เข้าไปในวิลล่า “เจ๋อชิงพาหลานไปเล่นน้ำ เห็นว่าจะขึ้นสปีดโบ๊ทกัน แต่ฉันกับพ่อแกเมาคลื่นเลยไม่ได้ไป อีกเดี๋ยวคงกลับมานั่นแหละ ไอ้หนู แกอย่าไปก่อเรื่องบนชายหาดอีกล่ะ คนอื่นจะคิดว่าแกเป็นแก๊งลักเด็กเอานะ!”

พ่อเขาว่า “ผ่านไปสามปี อยู่ในคุกคิดว่าแกจะดีขึ้น รู้จักสงบจิตสงบใจลงบ้าง ดูสิ แกยังเหมือนเดิมไม่มีผิด”

จางเย่โวย “ก็แค่ผมกระวนกระวายอยากเจอลูกเจอเมียผมเองนี่นา?”

พ่อ “จะกระวนกระวายไปแล้วได้อะไรกัน?”

จางเย่เร่ง “รีบๆ โทรหาเจ๋อชิงน่าพ่อ”

พ่อเขาว่า “แต่เจ๋อชิงไม่ได้เอามือถือไปด้วยน่ะสิ”

จางเย่จึงได้แต่เดินวนเวียนรอบห้อง มองไปด้านนอกเป็นพักๆ “พ่อกับแม่ว่าผมจะอู๋เจอลูกแล้วจะพูดอะไรดี?”

แม่เขาตะลึง “แกถามพวกเราเรอะ?”

จางเย่สับสนใจอย่างยิ่ง

มีหลายอย่างที่อยากจะพูด แต่พอถึงเวลาจริงๆ เขากลับกระวนกระวายถึงขีดสุด สามปีที่ผ่านมา จางเย่รอวันนี้ รอวันที่เขาได้กลับบ้านใจจดใจจ่อ เขานึกถึงวันเวลาเหล่านี้นับครั้งไม่ถ้วน คิดว่าจะพูดคำแรกกับคุณอู๋อย่างไรดีเมื่อได้เจอหน้ากันอีกครั้ง

ผมกลับมาแล้ว?

ขอบคุณครับ?

เป็นยังไงบ้าง?

เขาจะพูดออกไปว่าอะไร?

เขาจะพูดออกไปอย่างไร?

ทันใด จางเย่ก็เหลือบมองไปที่มุมห้อง

“เอ๋ วิลล่ามีเปียโนด้วยเหรอ?”

“ทางโรงแรมคงตั้งไว้ให้น่ะ เห็นมีทุกหลังเลย”

“เฮ้อ ผมไม่ได้เล่นมานานแล้วนะเนี่ย”

……

ผ่านไปสามสิบนาที

ริมหาด

หญิงงามคนหนึ่ง กำลังจูงมือเด็กหญิงวัยสามขวบเดินมาช้าๆ

พ่อแม่คนอื่นๆ ก็พาลูกของตนไปเล่นน้ำเช่นกัน พอเห็นเด็กสาวคนนี้เข้า ทุกคนก็ชื่นชอบ

“โอ๊ะ แม่หนูคนนี้สวยจริงๆ”

“นั่นสิ ยังกะตุ๊กตากระเบื้องเคลือบแน่ะ”

“พี่สาว ลูกคุณเหรอ?”

“ระวังหน่อยนะ ช่วงนี้ชายหาดน่ากลัวหน่อยๆ”

“นั่นสิๆ มีคนเกือบอุ้มลูกสาวฉันไปแล้ว กลางวันแสกๆ เลยนะ”

“ไอ้หยา ฉันก็เจอคนบ้าเหมือนกัน เห็นลูกฉันก็บอกว่าเป็นลูกสาวตัวเอง ฉันกลัวจริงๆ นะ สุดท้ายพ่อเด็กได้ยินเข้าถึงกับถามฉันว่านี่ลูกใครกันแน่ จะตรวจดีเอ็นเออีกแน่ะ นี่ฉันจะเถียงอะไรได้อีกเนี่ย? เกิดอะไรขึ้นยังไม่รู้เรื่องเลย”

“ฮ่าๆๆ”

อู๋เจ๋อชิงสวมแว่นกันแดด ยิ้มให้แล้วว่า “ขอบคุณค่ะ พวกเราจะระวังตัวนะคะ”

เด็กหญิงถือโอกาสปล่อยมือจากอู๋เจ๋อชิง นั่งยองๆ ลงใช้มือน้อยๆ วาดไปบนพื้นทรายอย่างเชื่องช้า ดูเหมือนกำลังเขียนชื่อตนเอง ดูแล้วเพิ่งจะเรียนการคัดหนังสือเป็นแน่ คำว่า ‘จาง’ นั้นเขียนโย้เย้ไปมาดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง

อู๋เจ๋อชิงลูบศีรษะของเธอ “ไปกันเถอะจ้ะ ปู่กับย่าคอยเราอยู่นะ”

เด็กหญิงไม่สนใจ ยังคงขีดเขียนต่อ

อู๋เจ๋อชิงยิ้มแล้วว่า “ไว้ค่อยให้ปาป๊าสอนหนูเขียนหนังสือนะคะ”

เด็กหญิงจึงค่อยเงยหน้าขึ้น “ปาป๊าหนูเขียนหนังสือเป็นด้วยเหรอคะ?”

อู๋เจ๋อชิงยิ้มให้ “เขียนหนังสือเป็นรึเปล่าน่ะเหรอ? แน่นอนสิคะ ปาป๊าหนูน่ะ ลายมือสวยที่สุดในประเทศนี้เลยนะ เขียนลายมือสิงซูก็ถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง หม่าม้าสู้ไม่ได้เลยสักนิด เดี๋ยวปาป๊ากลับมา หม่าม้าจะให้เขาสอนหนูดีๆ เขาต้องสอนได้ดีกว่าที่หม่าม้าสอนหนูแน่เลย”

เด็กหญิงจึงว่า “แล้วเมื่อไหร่ปาป๊าจะกลับบ้านล่ะคะ?”

อู๋เจ๋อชิงจับมือเธอไว้ “อีกไม่นานหรอกจ้ะ”

เด็กหญิงถามอีกครั้ง “ปาป๊าเก่งมากๆ เลยเหรอคะ?”

อู๋เจ๋อชิงยิ้มกว้าง “ใช่แล้วจ้ะ ปาป๊าน่ะ เป็นพิธีกรที่เยี่ยมที่สุดในประเทศ เป็นลิปิกร นักคณิตศาสตร์ เป็นนักหมากล้อมที่เก่งที่สุดในโลกด้วย”

เด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงสดใส “คุณครูที่โรงเรียนก็พูดถึงปาป๊าเยอะแยะเลย”

อู๋เจ๋อชิงพาเด็กหญิงไปทางวิลล่า “ปาป๊าน่ะ ทิ้งตำนานเอาไว้เต็มไปหมด พิธีกรเอย เพลงเอย คัดลายมือ คณิตศาสตร์ หมากล้อมก็ด้วย ปาป๊าน่ะ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังมีคนพูดถึง ถ้าอยากฟังเรื่องที่ปาป๊าทำเอาไว้ล่ะก็ หม่าม้าเล่าให้หนูฟังทั้งปีก็ไม่หมดเลยนะ”

ตรงหน้านั้น พวกเธอกำลังจะถึงวิลล่าแล้ว

ทันใดก็มีเสียงเปียโนดังขึ้น

ชายหญิงที่กำลังอาบแดดอยู่ริมหาดหลายคนก็หันมองไปทางต้นเสียง

“เอ๋ ใครเล่นเพลง ‘ตำนาน’ น่ะ?”

“ยังมีคนฟังเพลงเก่าแบบนี้อยู่อีกเหรอ?

“ก็คลาสสิกนี่”

“ก็จริง เพลงอมตะมาก”

“ใช่เลย อมตะมาก”

เสียงเพลงลอยล่องออกมา

“เพียงแค่พบคุณกลางฝูงชนแค่แวบเดียว”

“ก็ไม่อาจลืมเลือนเงาร่างของคุณได้”

“เฝ้าฝันว่าคงมีสักวันบังเอิญได้พบเจอกันอีกครั้ง”

“นับแต่นั้นผมเริ่มคะนึงหาอย่างเดียวดาย”

อู๋เจ๋อชิงสีหน้าหวนอาลัย

เด็กหญิงร้องขึ้น “เพลงของปาป๊า! เพลงของปาป๊านี่!”

อู๋เจ๋อชิงยิ้ม “ใช่แล้ว นี่เพลงที่ปาป๊าร้องให้หม่าม้าวันแต่งงาน เขาร้องเพลงนี้แค่ครั้งเดียว แต่ว่าหม่าม้ายังจำได้แม่นยำ เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นปาป๊าร้องไห้ หม่าม้าเองก็ร้องไห้เหมือนกัน” เธอจูงมือบุตรสาวเข้าไปในลานบ้าน “ปู่กับย่าต้องคิดถึงปาป๊าเหมือนกันแน่ๆ ถึงได้เล่นเพลงนี้ขึ้นมาน่ะ”

เธอเปิดประตู

พ่อแม่ของจางเย่ยืนอยู่

อู๋เจ๋อชิง “พ่อคะ แม่คะ ใครเล่นเพลงนี้น่ะ?”

แม่ของจางเย่ยิ้ม

พอเธอพูดจบ อู๋เจ๋อชิงก็ชะงักไป เพราะเธอพบว่าเสียงเปียโนนั้นไม่ได้มาจากทีวีหรือคอมพิวเตอร์ ทั้งสองเครื่องยังไม่ได้เปิดเลยด้วยซ้ำ เปียโนอยู่ใกล้ๆ เธอนี่เอง ใกล้ ใกล้มากๆ

อู๋เจ๋อชิงชะงัก เบือนหน้าไปมองที่มุมห้อง

เด็กหญิงตัวน้อยก็ชะงักไป เธอยืนซึมเซ่อ มองดูชายหนุ่มที่นั่งเล่นเปียโนอยู่ตรงนั้น

“ตอนที่คิดถึงคุณ คุณอยู่ ณ ขอบฟ้า”

“ตอนที่คิดถึงคุณ คุณอยู่ตรงเบื้องหน้า”

“ตอนที่คิดถึงคุณ คุณอยู่ในความคิด”

“ตอนที่คิดถึงคุณ คุณอยู่ในหัวใจ”

จางเย่เล่นเพลงนี้พลางร้องไปด้วย นัยน์ตาเขาแดงก่ำ

“ปรารถนาจะเชื่อว่าพวกเรามีวาสนาผูกพันในชาติก่อน”

“เรื่องราวความรักในชาติจึงไม่มีทางเปลี่ยนแปลง”

“ยินยอมรอคุณปรากฏตัวชั่วชาติภพ”

“ผมจะไม่ห่างกายคุณไปไกลอีก”

อู๋เจ๋อชิงยิ้ม ก่อนร้องไห้ออกมา

มือของจางเย่ที่กำลังเล่นเปียโนนั้นสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น

“ปรารถนาจะเชื่อว่าพวกเรามีวาสนาผูกพันในชาติก่อน”

“เรื่องราวความรักในชาติจึงไม่มีทางเปลี่ยนแปลง”

“ยินยอมรอคุณปรากฏตัวชั่วชาติภพ”

“ผมจะไม่ห่างกายคุณไปไกลอีก”

เขาเคยร้องเพลงนี้มาแค่ครั้งเดียวในชีวิต นั่นคือวันแต่งงานของเขากับอู๋เจ๋อชิง เพลงนี้คือเรื่องราวระหว่างจางเย่และอู๋เจ๋อชิง คือความรู้สึกระหว่างกันนั้น วันนี้คือครั้งที่สองที่จางเย่ร้องเพลงนี้ ทุกอยากที่เขาต้องการพูด ถูกเพลงนี้พูดออกมาแทนแล้ว

ในคุก

ที่สถาบันวิจัย

ที่ฐานทัพอากาศ

ไม่ว่าจางเย่อยู่ที่ใด หัวใจของเขาก็ไม่เคยไปจากเธอ ไม่เคยห่างไปจากเธอ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด