ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 160 ไม่ใช่เหรอ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 160 ไม่ใช่เหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่160 ไม่ใช่เหรอ

ต่อให้รวยแค่ไหนก็ไม่มีความสุขเท่ากับซื้อของฟรีอีกแล้ว เหลียวเซียวหยุนเดินชี้ไม่หยุดหย่อนเทียบจะรอบทั้งห้าง ทั้งเธอและจ้าวเฉียนต่างแบกถุงช็อปปิ้งจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด

“ฮ่าฮ่า…ฉันไม่เคยช็อปปิ้งครั้งไหนมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย! เจ๋งมาก! จ้าวเฉียน ฉันต้องขอบคุณนายจริงๆ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนาย ฉันคงไม่มีโอกาสทองแบบนี้!”

เหลียวเซียวหยุนเหลือบไปมองถุงช็อปปิ้งมากมายเต็มสองมือ และโห่ร้องออกมาด้วยความพึงพอใจ

รอยยิ้มประดับทั่วใบหน้าของจ้าวเฉียน เขาตอบกลับไปว่า

“นี่ขนาดเพิ่งรู้จักกันก็ใช้กันขนาดนี้แล้ว ถ้าสนิทกว่านี้คงไม่ต้องยกทั้งห้างเลยเหรอ?”

เหลียวเซียวหยุนยิ้มเล็กน้อยพลางยกขาขึ้นเตะจ้าวเฉียน พร้อมกล่าวว่า

“เจ้าบ้า! ใครจะหนักถึงขั้นนั้น? หุหุ…แต่ฉันต้องขอบคุณนายจริงๆนั่นแหละ ช่วยพูดอะไรสักอย่างที่ไม่ทำลายบรรยากาศดีๆแบบนี้หน่อยได้ไหม?”

“งั้นผมขออวยพรว่าอย่าไปถล่มห้างไหนจนย่อยยับแบบนี้อีกจะดีมาก ภูมิใจจริงๆที่ได้ยกของหนักขนาดนี้!”

จ้าวเฉียนแสร้งยกอกทำท่าทำทางดูภาคภูมิ จงใจกล่าวเสียดสีออกไปให้เธอได้ยิน

เหลียวเซียวหยุนขดริมฝีปากโค้งงอดูบึ้งบูด เธอตอบกลับไปว่า

“นายนี่มันกวนประสาทดีจริงๆ! ฉันว่าหน้าตาอย่างนาย ผู้หญิงคงสนใจไม่น้อย แต่พอมาดูเรื่องนิสัย อ่อ…ฉันไม่แปลกใจเลยถ้านายจะเป็นโสดตลอดชีวิต ไม่น่าสงสัยเลย ไม่น่าสงสัย”

“ฮ่าฮ่า…โอเค งั้นผมไม่พูดเรื่องไร้สาระแล้วก็ได้ มีอะไรอยากจะซื้ออีกไหม ผมจะได้แจ้งล้มลายกับห้างนี้ไว้เผื่อ”

“พอแล้ว! ไม่ซื้อแล้ว!”

เหลียวเซียวหยุนยิ้มตอบอย่างพึงพอใจ

จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวว่า

“ถ้าอย่างงั้นคุณรอตรงนี้ก่อน ผมจะนำบิลไปให้กันทางห้าง”

หลังพูดจบจ้าวเฉียนก็ตรงไปหาชางเจียกงเพื่อนำบิลซื้อของไปให้

ชางจียกงรออยู่ในห้องทำงานผู้จัดการอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าจ้าวเฉียนเดินมาที่ออฟฟิศห้าง เขาก็รีบลุกไปเรียกทันทีและเชิญอีกฝ่ายนั่งลง

จ้าวเฉียนโบกมือปัดกล่าวตอบไปว่า

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมก็จะกลับแลว นี่คือบิลค่าใช้จ่ายทั้งหมดครับ ต้องรบกวนด้วย”

ทันใดนั้นชางเจียกงก็โค้งศีรษะให้และกล่าวด้วยความเคารพว่า

“ไม่ต้องสุภาพเกินไปหรอกครับคุณชายจ้าว แค่ได้ช่วยเหลือคุณนับว่าเป็นเกียรติมากแล้ว”

จ้าวเฉียนถึงบางอ๋อทันที ก่อนตอบไปว่า

“ที่แท้พ่อฉันก็ส่งคุณมานี่เอง ไม่ต้องกังวลไป ถ้าทำงานออกมาดี เรื่องนี้ผมจะเอาไปเล่าให้พ่อฟังแน่นอน”

ชางเจียกงตื่นเต้นอย่างมากเมื่อได้ยิน เขาโค้งคำนับจ้าวเฉียนอีกคราและกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ

“ขอบคุณคุณชายจ้าวอย่างมากครับ ผมจะพยายามบริหารที่นี่ต่อไปให้ดีที่สุด และจะไม่ทำให้คุณชายจ้าวผิดหวังแน่นอนครับ!”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบ เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก จึงขอแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์และกล่าวไปว่า

“คุณรอข้อความจากผม ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้พ่อฟัง แล้วรอฟังข่าวดีจากผมได้เลย”

“ด-ได้…ได้เลยครับคุณชายจ้าว ผมต้องขอบพระคุณ…ขอบพระคุณอย่างมากจริงๆ…”

ชางเจียกงตื้นตันอย่างมากเมื่อได้ยิน จนน้ำตารินไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

จ้าวเฉียนเดินกลับออกจากออฟฟิศมาหาเหลียวเซียวหยุน พร้อมถามว่า

“กลับบ้านกันเลยไหม?”

เหลียวเซียวหยุนพยักหน้าตอบ

“อืม แต่นายต้องไปส่งฉันที่บ้านนะ ของมากมายขนาดนี้ รถฉันขนไม่พอแน่นอน”

พอได้ยินว่าจะต้องไปบ้านเธอ จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นประหม่าเล็กน้อย ปั้นสีหน้าวิตกกล่าวว่า

“โอ้? แสดงว่าผมใกล้เจอหน้าครอบครัวคุณแล้วใช่ไหม? ผมรู้สึกประหม่าจัง”

เหลียวเซียวหยุนกลอกตาไปที กำชับกำปั้นต่อยจ้าวเฉียนหนึ่งหมัด เธอยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“นี่นายเคยจริงจังกับคนอื่นเขาบ้างไหม?”

คราวหน้าจ้าวเฉียนแสร้งปั้นหน้าเคร่งขรึม กล่าวน้ำเสียงจริงจังตอบกลับไปว่า

“อะแฮ่ม! ก็ผมกำลังจริงจังอยู่นี่ไง พ่อของคุณเองก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันพัฒนาไปไหนต่อไหนแล้ว วันนี้ผมต้องไปเจอกับครอบครัวคุณ ผมไม่รู้ว่าจะระงับความตื่นเต้นลงได้ไหม อืม…กลัวพวกเขาคิดไปไกลถึงเรื่องบนเตียงนี่สิ”

เหลียวเซียวหยุนเบะปาก กล่าวเยาะไปว่า

“ตัดความคิดสกปรกพวกนั้นออกไปได้เลย ฉันไม่ให้ย่ะ!”

จ้าวเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และตอบไปว่า

“ดีแล้ว เพราะผมเองก็ไม่ให้ร่างกายนี้กับคุณเช่นกัน หรือว่า…คุณจะหลอกผมไปที่บ้านเพื่อข่มขืน? ไม่…ผมไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่! ผมก็มีพ่อมีแม่นะ อย่าฉวยโอกาสกันเชียว!”

เหลียวเซียวหยุนกระหน่ำซัดกำปั้นทุบอกจ้าวเฉียนไม่หยุดยั้ง

ขณะที่ทั้งสองกำลังตบตีกันอยู่นั่นเอง พวกเขาที่กำลังเดินลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดิน ก็บังเอิญเจอเข้ากับฟางนี่และจางหยางเข้า

ฟางนี่แสร้งทำเป็นไม่รู้จักจ้าวเฉียน แต่จางหยางไม่คิดจะทำแบบนั้นเลย เขามองจ้าวเฉียนด้วยความโกรธเกรี้ยว ราวกับว่ามีรัศมีจิตสังหารพวยพุ่งออกมาได้อย่างไงอย่างงั้น

เหลียวเซียวหยุนสังเกตจเห็นความผิดปกติของจางหยางอย่างชัดเจน จึงหันไปถามจ้าวเฉียนว่า

“นายรู้จักกับพวกเขาเหรอ?”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“แน่นอน พวกเขาเป็นคนที่ผมเล่าให้ฟังไง ประธานฟางนี่และสามีของเธอ”

“โอ้! เป็นสามีของประธานบริษัทที่เอาแต่เห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม แถมยังโง่อวดฉลาด โง่บริสุทธิ์คนนั้นน่ะเหรอ?”

เหลียวเซียวหยุนจงใจตะโกนเสียงดัง

จางหยางที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธมาก เขาตรงเข้าไปหาจ้าวเฉียนและกล่าวว่า

“นี่นายเอาเรื่องฉันไปนินทาเสียๆหายๆข้างนอกอีกแล้วใช่ไหม?! เหอะ! เวลาทำงานแท้ๆแต่กลับมาควงเด็กผู้หญิงเที่ยวเล่น เสี่ยวนี่ เธอเห็นรึยัง? นี่และโฉมหน้าที่แท้จริงของจ้าวเฉียนมัน! ทีนี้เลิกยกย่องมันสักทีได้ไหม!!”

จ้าวเฉียนหันศีรษะเหลือบมองเหลียวเซียวหยุนอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่รู้เลยว่าตนควรตอบคำถามนี้ยังไงกลับไปดี จากนั้นเขาจึงเบี่ยงปนะเด็นเอ่ยถามฟางนี่กับจางหยางขึ้นว่า

“แล้วประธานฟางกับผู้จัดการจาง มาทำอะไรที่ห้างเหรอครับ?”

ขณะที่ฟางนี่กำลังจะเอ่ยปากตอบ กลับเป็นจางหยางที่พูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“ทำไม? ยุ่งอะไรด้วย? เราเป็นเจ้าของบริษัท จะออกจากออฟฟิศตอนไหนก็ได้ตามที่ต้องการ แต่นายในฐานะพนักงาน เมื่อวานก็ไปทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พอมาวันนี้ก็เดินเที่ยวกับสาวในห้างอีก ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่า อย่ามาทำเรื่องไร้สาระในเวลางาน!”

ฟางนี่รีบดึงจางหยางกลับมาทันทีและคำหนิว่า

“จางหยาง คุณเลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว จ้าวเฉียนมากับลูกค้า อย่ามาพูดแบบนี้ต่อหน้าเธอสิ!”

“มากับลูกค้า? ลูกค้าบ้าบออะไร? ผมได้ตรวจสอบพนักงานระดับสูงของบริษัทหัวโหย้วหมดแล้ว แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าเด็กสาวคนนี้มาก่อนเลย แล้วเธอจะเป็นลูกค้าได้ยังไง? มันออกมาเที่ยวกับผู้หญิงในระหว่าาทำงาน! แกนี่มันน่ารังเกียจจริงๆจ้าวเฉียน!”

จางหยางยังคงกรนด่าสาปส่งต่อไป

จ้าเฉียนทราบดีว่าจางหยางเป็นคนนิสัยยังไง เขาจึงขี้เกียจมายืนเถียงกับอีกฝ่าย

แต่เหลียวเซียวหยุน เป็นสาวน้อยหัวร้อนง่าย เธอย่อมไม่สามารถทนต่อคำดุด่าของจางหยางได้โดยธรรมชาติ จึงตะคอกสวนกลับไปต่อหน้าจ้าวเฉียนไปว่า

“นายนี่มันโง่บริสุทธิ์อย่างที่จ้าวเฉียนเล่าให้ฟังจริงๆ ปัญญาอ่อนขนาดนี้เรียนจบจากอเมริกามาได้ยังไง?”

จางหยางคิดว่าตัวเองทั้งหล่อและฉลาด นอกจากนี้ยังอยู่เหนือคนอื่นเสมอ แถมต่อหน้าภรรยาตัวเองแบบนี้ เขายิ่งไม่อาจทนต่อคาวมอัปยศอดสูที่เหลียวเซียวหยุนมอบให้ได้

“นี่คิดว่าตัวเองเป็นใครห่ะไอ้หนู? แต่ตัวก็ดูดีนะ แต่ปากหมาเหลือเกิน!”

จางหยางสวนตอบกลับไปทันควัน

“นี่แกรู้ไหมว่ากำลังผู้กับใครอยู่!?”

เหลียวเซียวหยุนทิ้งของทุกอย่างในมือ และทำท่าทำทางราวกับว่าจะเดินไปตบหน้าจางหยาง

ชายร่างใหญ่ปะทะกับเก็กสาวตัวเล็กๆ คงทราบดีว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

จ้าวเฉียนกลั้นหัวเราะสุดใจ และรีบพุ่งไปดึงร่างของเหลียวเซียวหยุนกลับมา พร้อมปลอบโยนไปว่า

“ใจเย็นก่อน ใจเย็น ถึงยังไงเขาก็เป็นเจ้านายผม”

เหลียวเซียวหยุนกรนด่าอีกชุดใหญ่ใส่จางหยาง

“นี่แกสติยังดีอยู่รึเปล่า? ฉันนี่แหละที่เป็นคนวานให้จ้าวเฉียนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แล้วยังขอให้เขาเดินช็อปปิ้งเป็นเพื่อนในวันนี้ อีกอย่างนะ…ฉันคือลูกสาวของเหลียวปี้ซ่ง ประธานบริษัทเกมหัวโหย้ว! จำใส่กะโหลกไว้ซะ!!”

จางหยางที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับอ้าปากค้าง ยืนแข็งทื่อเป็นหินในทันใด

ฟางนี่รีบกระชากจางหยางให้ถอยหลับ และเป็นเธอที่ออกมารับหน้าแทนทันที

“ต้องขอโทษจริงๆนะคะ พอดีสามีของฉันเพิ่งกลับมาจากอเมริกา เรื่องมนุษย์สัมพันธ์จึงยังขาดๆเกินๆ ยังคงก็ช่วยยกโทษให้พวกเราด้วยค่ะ…”

เหลียวเซียวปิงตอบกลับพร้อมสีหน้าดูรังเกียจไม่น้อยว่า

“ประธานโทษนะคะ เขาเพิ่งด่าดิฉันว่าปากหมา แล้วขอโทษก็จบแล้วเหรอค่ะ? ฉันได้ยินที่จ้าวเฉียนเล่าให้ฟังหมดปแล้ว บรรดาลูกน้องรวมไปถึงสามีของคุณ วันๆสร้างแต่ปัญหาให้จ้าวเฉียน ทั้งๆที่เขาพยายามเต็มที่เพื่อผลประโยชน์บริษัท แต่คนของคุณกลับไม่เห็นค่าของเขาเลยแม้แต่น้อย นี่ยังมีหน้าเป็นประธานบริษัทได้ยังไง? ในเมื่อควบคุมไม่ให้สามีตัวเองปากหมา ด่าคนอื่นไปทั่วแบบนี้! ทีแรกฉันก็จะยอมให้ความร่วมมือเพราะเห็นแก่หน้าจ้าวเฉียนหรอกนะ แต่พอมาเจอสามีสันดารเสียแบบมัน ฉันคงต้องกลับไปคิดใหม่!”

จางหยางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะคำรามใส่อีกระลอกว่า

“เธอบอกว่าเป็นลูกสาวของเหลียวปี้ซ่งใช่ไหม? งั้นฉันก็พูดได้เช่นกันว่า พ่อของฉันคือจ้าวฝู่ มหาเศรษฐีระดับประเทศ! เหอะ! โกรงน้ำขุ่นๆ ใครก็พูดได้วะ!”

เหลียวเซียวหยุนเดือดจัดจนเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ เธอหยิบบัตรประชาชนออกมาและฟาดใส่หน้าจางหยางอย่างแรง พลางสบถด่าขึ้นว่า

“งั้นก็แหกตาดูไอ้โง่! คงไม่ใช่ว่าอยู่อเมริกานานจนอ่านภาษาจีนไม่ออกนะ!!”

จางหยางหยิบบัตรประชาชนขึ้นมาอดูอย่างละเอียดทันที และปรากฏว่าเธอมีชื่อว่า เหลียวเซียวหยุน ถึงขั้นนี้แล้วเขาไม่กล้าพูดอะไรต่ออีกเลย

จ้าวเฉียนจับจ้องจางหยางด้วยสีหน้าแสนว่างเปล่า นับวันเขายิ่งผิดหวังกับชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ชอบผลักดันตัวเองให้ทำเรื่องขายหน้า นี่เขารู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 160 ไม่ใช่เหรอ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 160 ไม่ใช่เหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่160 ไม่ใช่เหรอ

ต่อให้รวยแค่ไหนก็ไม่มีความสุขเท่ากับซื้อของฟรีอีกแล้ว เหลียวเซียวหยุนเดินชี้ไม่หยุดหย่อนเทียบจะรอบทั้งห้าง ทั้งเธอและจ้าวเฉียนต่างแบกถุงช็อปปิ้งจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด

“ฮ่าฮ่า…ฉันไม่เคยช็อปปิ้งครั้งไหนมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย! เจ๋งมาก! จ้าวเฉียน ฉันต้องขอบคุณนายจริงๆ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนาย ฉันคงไม่มีโอกาสทองแบบนี้!”

เหลียวเซียวหยุนเหลือบไปมองถุงช็อปปิ้งมากมายเต็มสองมือ และโห่ร้องออกมาด้วยความพึงพอใจ

รอยยิ้มประดับทั่วใบหน้าของจ้าวเฉียน เขาตอบกลับไปว่า

“นี่ขนาดเพิ่งรู้จักกันก็ใช้กันขนาดนี้แล้ว ถ้าสนิทกว่านี้คงไม่ต้องยกทั้งห้างเลยเหรอ?”

เหลียวเซียวหยุนยิ้มเล็กน้อยพลางยกขาขึ้นเตะจ้าวเฉียน พร้อมกล่าวว่า

“เจ้าบ้า! ใครจะหนักถึงขั้นนั้น? หุหุ…แต่ฉันต้องขอบคุณนายจริงๆนั่นแหละ ช่วยพูดอะไรสักอย่างที่ไม่ทำลายบรรยากาศดีๆแบบนี้หน่อยได้ไหม?”

“งั้นผมขออวยพรว่าอย่าไปถล่มห้างไหนจนย่อยยับแบบนี้อีกจะดีมาก ภูมิใจจริงๆที่ได้ยกของหนักขนาดนี้!”

จ้าวเฉียนแสร้งยกอกทำท่าทำทางดูภาคภูมิ จงใจกล่าวเสียดสีออกไปให้เธอได้ยิน

เหลียวเซียวหยุนขดริมฝีปากโค้งงอดูบึ้งบูด เธอตอบกลับไปว่า

“นายนี่มันกวนประสาทดีจริงๆ! ฉันว่าหน้าตาอย่างนาย ผู้หญิงคงสนใจไม่น้อย แต่พอมาดูเรื่องนิสัย อ่อ…ฉันไม่แปลกใจเลยถ้านายจะเป็นโสดตลอดชีวิต ไม่น่าสงสัยเลย ไม่น่าสงสัย”

“ฮ่าฮ่า…โอเค งั้นผมไม่พูดเรื่องไร้สาระแล้วก็ได้ มีอะไรอยากจะซื้ออีกไหม ผมจะได้แจ้งล้มลายกับห้างนี้ไว้เผื่อ”

“พอแล้ว! ไม่ซื้อแล้ว!”

เหลียวเซียวหยุนยิ้มตอบอย่างพึงพอใจ

จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวว่า

“ถ้าอย่างงั้นคุณรอตรงนี้ก่อน ผมจะนำบิลไปให้กันทางห้าง”

หลังพูดจบจ้าวเฉียนก็ตรงไปหาชางเจียกงเพื่อนำบิลซื้อของไปให้

ชางจียกงรออยู่ในห้องทำงานผู้จัดการอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าจ้าวเฉียนเดินมาที่ออฟฟิศห้าง เขาก็รีบลุกไปเรียกทันทีและเชิญอีกฝ่ายนั่งลง

จ้าวเฉียนโบกมือปัดกล่าวตอบไปว่า

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมก็จะกลับแลว นี่คือบิลค่าใช้จ่ายทั้งหมดครับ ต้องรบกวนด้วย”

ทันใดนั้นชางเจียกงก็โค้งศีรษะให้และกล่าวด้วยความเคารพว่า

“ไม่ต้องสุภาพเกินไปหรอกครับคุณชายจ้าว แค่ได้ช่วยเหลือคุณนับว่าเป็นเกียรติมากแล้ว”

จ้าวเฉียนถึงบางอ๋อทันที ก่อนตอบไปว่า

“ที่แท้พ่อฉันก็ส่งคุณมานี่เอง ไม่ต้องกังวลไป ถ้าทำงานออกมาดี เรื่องนี้ผมจะเอาไปเล่าให้พ่อฟังแน่นอน”

ชางเจียกงตื่นเต้นอย่างมากเมื่อได้ยิน เขาโค้งคำนับจ้าวเฉียนอีกคราและกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ

“ขอบคุณคุณชายจ้าวอย่างมากครับ ผมจะพยายามบริหารที่นี่ต่อไปให้ดีที่สุด และจะไม่ทำให้คุณชายจ้าวผิดหวังแน่นอนครับ!”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบ เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก จึงขอแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์และกล่าวไปว่า

“คุณรอข้อความจากผม ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้พ่อฟัง แล้วรอฟังข่าวดีจากผมได้เลย”

“ด-ได้…ได้เลยครับคุณชายจ้าว ผมต้องขอบพระคุณ…ขอบพระคุณอย่างมากจริงๆ…”

ชางเจียกงตื้นตันอย่างมากเมื่อได้ยิน จนน้ำตารินไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

จ้าวเฉียนเดินกลับออกจากออฟฟิศมาหาเหลียวเซียวหยุน พร้อมถามว่า

“กลับบ้านกันเลยไหม?”

เหลียวเซียวหยุนพยักหน้าตอบ

“อืม แต่นายต้องไปส่งฉันที่บ้านนะ ของมากมายขนาดนี้ รถฉันขนไม่พอแน่นอน”

พอได้ยินว่าจะต้องไปบ้านเธอ จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นประหม่าเล็กน้อย ปั้นสีหน้าวิตกกล่าวว่า

“โอ้? แสดงว่าผมใกล้เจอหน้าครอบครัวคุณแล้วใช่ไหม? ผมรู้สึกประหม่าจัง”

เหลียวเซียวหยุนกลอกตาไปที กำชับกำปั้นต่อยจ้าวเฉียนหนึ่งหมัด เธอยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“นี่นายเคยจริงจังกับคนอื่นเขาบ้างไหม?”

คราวหน้าจ้าวเฉียนแสร้งปั้นหน้าเคร่งขรึม กล่าวน้ำเสียงจริงจังตอบกลับไปว่า

“อะแฮ่ม! ก็ผมกำลังจริงจังอยู่นี่ไง พ่อของคุณเองก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันพัฒนาไปไหนต่อไหนแล้ว วันนี้ผมต้องไปเจอกับครอบครัวคุณ ผมไม่รู้ว่าจะระงับความตื่นเต้นลงได้ไหม อืม…กลัวพวกเขาคิดไปไกลถึงเรื่องบนเตียงนี่สิ”

เหลียวเซียวหยุนเบะปาก กล่าวเยาะไปว่า

“ตัดความคิดสกปรกพวกนั้นออกไปได้เลย ฉันไม่ให้ย่ะ!”

จ้าวเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และตอบไปว่า

“ดีแล้ว เพราะผมเองก็ไม่ให้ร่างกายนี้กับคุณเช่นกัน หรือว่า…คุณจะหลอกผมไปที่บ้านเพื่อข่มขืน? ไม่…ผมไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่! ผมก็มีพ่อมีแม่นะ อย่าฉวยโอกาสกันเชียว!”

เหลียวเซียวหยุนกระหน่ำซัดกำปั้นทุบอกจ้าวเฉียนไม่หยุดยั้ง

ขณะที่ทั้งสองกำลังตบตีกันอยู่นั่นเอง พวกเขาที่กำลังเดินลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดิน ก็บังเอิญเจอเข้ากับฟางนี่และจางหยางเข้า

ฟางนี่แสร้งทำเป็นไม่รู้จักจ้าวเฉียน แต่จางหยางไม่คิดจะทำแบบนั้นเลย เขามองจ้าวเฉียนด้วยความโกรธเกรี้ยว ราวกับว่ามีรัศมีจิตสังหารพวยพุ่งออกมาได้อย่างไงอย่างงั้น

เหลียวเซียวหยุนสังเกตจเห็นความผิดปกติของจางหยางอย่างชัดเจน จึงหันไปถามจ้าวเฉียนว่า

“นายรู้จักกับพวกเขาเหรอ?”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“แน่นอน พวกเขาเป็นคนที่ผมเล่าให้ฟังไง ประธานฟางนี่และสามีของเธอ”

“โอ้! เป็นสามีของประธานบริษัทที่เอาแต่เห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม แถมยังโง่อวดฉลาด โง่บริสุทธิ์คนนั้นน่ะเหรอ?”

เหลียวเซียวหยุนจงใจตะโกนเสียงดัง

จางหยางที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธมาก เขาตรงเข้าไปหาจ้าวเฉียนและกล่าวว่า

“นี่นายเอาเรื่องฉันไปนินทาเสียๆหายๆข้างนอกอีกแล้วใช่ไหม?! เหอะ! เวลาทำงานแท้ๆแต่กลับมาควงเด็กผู้หญิงเที่ยวเล่น เสี่ยวนี่ เธอเห็นรึยัง? นี่และโฉมหน้าที่แท้จริงของจ้าวเฉียนมัน! ทีนี้เลิกยกย่องมันสักทีได้ไหม!!”

จ้าวเฉียนหันศีรษะเหลือบมองเหลียวเซียวหยุนอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่รู้เลยว่าตนควรตอบคำถามนี้ยังไงกลับไปดี จากนั้นเขาจึงเบี่ยงปนะเด็นเอ่ยถามฟางนี่กับจางหยางขึ้นว่า

“แล้วประธานฟางกับผู้จัดการจาง มาทำอะไรที่ห้างเหรอครับ?”

ขณะที่ฟางนี่กำลังจะเอ่ยปากตอบ กลับเป็นจางหยางที่พูดแทรกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“ทำไม? ยุ่งอะไรด้วย? เราเป็นเจ้าของบริษัท จะออกจากออฟฟิศตอนไหนก็ได้ตามที่ต้องการ แต่นายในฐานะพนักงาน เมื่อวานก็ไปทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พอมาวันนี้ก็เดินเที่ยวกับสาวในห้างอีก ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่า อย่ามาทำเรื่องไร้สาระในเวลางาน!”

ฟางนี่รีบดึงจางหยางกลับมาทันทีและคำหนิว่า

“จางหยาง คุณเลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว จ้าวเฉียนมากับลูกค้า อย่ามาพูดแบบนี้ต่อหน้าเธอสิ!”

“มากับลูกค้า? ลูกค้าบ้าบออะไร? ผมได้ตรวจสอบพนักงานระดับสูงของบริษัทหัวโหย้วหมดแล้ว แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าเด็กสาวคนนี้มาก่อนเลย แล้วเธอจะเป็นลูกค้าได้ยังไง? มันออกมาเที่ยวกับผู้หญิงในระหว่าาทำงาน! แกนี่มันน่ารังเกียจจริงๆจ้าวเฉียน!”

จางหยางยังคงกรนด่าสาปส่งต่อไป

จ้าเฉียนทราบดีว่าจางหยางเป็นคนนิสัยยังไง เขาจึงขี้เกียจมายืนเถียงกับอีกฝ่าย

แต่เหลียวเซียวหยุน เป็นสาวน้อยหัวร้อนง่าย เธอย่อมไม่สามารถทนต่อคำดุด่าของจางหยางได้โดยธรรมชาติ จึงตะคอกสวนกลับไปต่อหน้าจ้าวเฉียนไปว่า

“นายนี่มันโง่บริสุทธิ์อย่างที่จ้าวเฉียนเล่าให้ฟังจริงๆ ปัญญาอ่อนขนาดนี้เรียนจบจากอเมริกามาได้ยังไง?”

จางหยางคิดว่าตัวเองทั้งหล่อและฉลาด นอกจากนี้ยังอยู่เหนือคนอื่นเสมอ แถมต่อหน้าภรรยาตัวเองแบบนี้ เขายิ่งไม่อาจทนต่อคาวมอัปยศอดสูที่เหลียวเซียวหยุนมอบให้ได้

“นี่คิดว่าตัวเองเป็นใครห่ะไอ้หนู? แต่ตัวก็ดูดีนะ แต่ปากหมาเหลือเกิน!”

จางหยางสวนตอบกลับไปทันควัน

“นี่แกรู้ไหมว่ากำลังผู้กับใครอยู่!?”

เหลียวเซียวหยุนทิ้งของทุกอย่างในมือ และทำท่าทำทางราวกับว่าจะเดินไปตบหน้าจางหยาง

ชายร่างใหญ่ปะทะกับเก็กสาวตัวเล็กๆ คงทราบดีว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

จ้าวเฉียนกลั้นหัวเราะสุดใจ และรีบพุ่งไปดึงร่างของเหลียวเซียวหยุนกลับมา พร้อมปลอบโยนไปว่า

“ใจเย็นก่อน ใจเย็น ถึงยังไงเขาก็เป็นเจ้านายผม”

เหลียวเซียวหยุนกรนด่าอีกชุดใหญ่ใส่จางหยาง

“นี่แกสติยังดีอยู่รึเปล่า? ฉันนี่แหละที่เป็นคนวานให้จ้าวเฉียนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แล้วยังขอให้เขาเดินช็อปปิ้งเป็นเพื่อนในวันนี้ อีกอย่างนะ…ฉันคือลูกสาวของเหลียวปี้ซ่ง ประธานบริษัทเกมหัวโหย้ว! จำใส่กะโหลกไว้ซะ!!”

จางหยางที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับอ้าปากค้าง ยืนแข็งทื่อเป็นหินในทันใด

ฟางนี่รีบกระชากจางหยางให้ถอยหลับ และเป็นเธอที่ออกมารับหน้าแทนทันที

“ต้องขอโทษจริงๆนะคะ พอดีสามีของฉันเพิ่งกลับมาจากอเมริกา เรื่องมนุษย์สัมพันธ์จึงยังขาดๆเกินๆ ยังคงก็ช่วยยกโทษให้พวกเราด้วยค่ะ…”

เหลียวเซียวปิงตอบกลับพร้อมสีหน้าดูรังเกียจไม่น้อยว่า

“ประธานโทษนะคะ เขาเพิ่งด่าดิฉันว่าปากหมา แล้วขอโทษก็จบแล้วเหรอค่ะ? ฉันได้ยินที่จ้าวเฉียนเล่าให้ฟังหมดปแล้ว บรรดาลูกน้องรวมไปถึงสามีของคุณ วันๆสร้างแต่ปัญหาให้จ้าวเฉียน ทั้งๆที่เขาพยายามเต็มที่เพื่อผลประโยชน์บริษัท แต่คนของคุณกลับไม่เห็นค่าของเขาเลยแม้แต่น้อย นี่ยังมีหน้าเป็นประธานบริษัทได้ยังไง? ในเมื่อควบคุมไม่ให้สามีตัวเองปากหมา ด่าคนอื่นไปทั่วแบบนี้! ทีแรกฉันก็จะยอมให้ความร่วมมือเพราะเห็นแก่หน้าจ้าวเฉียนหรอกนะ แต่พอมาเจอสามีสันดารเสียแบบมัน ฉันคงต้องกลับไปคิดใหม่!”

จางหยางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะคำรามใส่อีกระลอกว่า

“เธอบอกว่าเป็นลูกสาวของเหลียวปี้ซ่งใช่ไหม? งั้นฉันก็พูดได้เช่นกันว่า พ่อของฉันคือจ้าวฝู่ มหาเศรษฐีระดับประเทศ! เหอะ! โกรงน้ำขุ่นๆ ใครก็พูดได้วะ!”

เหลียวเซียวหยุนเดือดจัดจนเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ เธอหยิบบัตรประชาชนออกมาและฟาดใส่หน้าจางหยางอย่างแรง พลางสบถด่าขึ้นว่า

“งั้นก็แหกตาดูไอ้โง่! คงไม่ใช่ว่าอยู่อเมริกานานจนอ่านภาษาจีนไม่ออกนะ!!”

จางหยางหยิบบัตรประชาชนขึ้นมาอดูอย่างละเอียดทันที และปรากฏว่าเธอมีชื่อว่า เหลียวเซียวหยุน ถึงขั้นนี้แล้วเขาไม่กล้าพูดอะไรต่ออีกเลย

จ้าวเฉียนจับจ้องจางหยางด้วยสีหน้าแสนว่างเปล่า นับวันเขายิ่งผิดหวังกับชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ชอบผลักดันตัวเองให้ทำเรื่องขายหน้า นี่เขารู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+