ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 205 ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 205 ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่205 ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้

จ้าวเฉียนแค่อยากหยอกล้อหวู่เสี่ยวหัวนิดหน่อยเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่า เธอจะตกใจกลัวถึงขนาดนี้ เขารีบก้มพยุงร่างของเธอขึ้นมาทันทีและรีบกล่าวปลอบว่า

“โอเค ไม่ต้องร้องนะ เรามาดูกันว่าเธอจะแสดงความสามารถได้แค่ไหนหลังจากนี้ ถ้าทำได้ดีผมก็ชื่นชม แต่ถ้าไม่ก็อย่าตำหนิผมแล้วกัน”

หวู่เสี่ยวหัวเร่งปาดเช็ดน้ำตาโดยไว และให้สัญญากับจ้าวเฉียนทันทีว่า

“ไม่ต้องกังวลค่ะคุณชายจ้าว ดิฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด ไม่ทำให้คุณชายผิดหวังแน่นอน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและเรียกพนักงานเสิร์ฟเตรียมสั่งอาหารทันที จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันต่อระหว่างรับประทานอาหาร

ความหยิ่งผยองของหวู่เสี่ยวหัวก่อนหน้าอย่างตอนที่อยู่หน้าห้องน้ำห้าง ยามนี้ไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆ ปัจจุบันเปรียบเสมือนลูกแกะเชื่องตัวหนึ่ง เธอนั่งก้มศีรษะรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ

จ้าวเฉียนเพิ่งพบแจอเธอเป็นครั้งแรก จึงไม่มีเรื่องอะไรให้สนทนามากนัก ขณะที่ทั้งสองกำลังกินข้าว เขาก็วางตะเกียบลงและเริ่มเข้าเรื่องธุระของวันนี้ทันที

“ที่ผมสั่งงานพ่อของคุณไป เรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม?”

หวู่เสี่ยวหัวกล่าวตอบทันทีว่า

“ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ ทั้งบริษัทจินหยวนและบริษัทเหล่ยอู่ ตอนนี้อยู่ในการควบคุมของฟู่ไห่โดยสมบูรณ์แล้วค่ะ”

“ดีมาก แล้วเรื่องที่พ่อของเธอโอนหุ้นมาให้ เขาได้ให้เหตุผลกับทั้งสองบริษัทยังไงบ้าง? เพราะเรื่องนี้ผมอยากให้มันดูสมเหตุสมผลที่สุด ไม่อยากนั้นพวกนั้นรู้แน่ว่าผมต้องไม่ใช่คนธรรมดา”

หวู่เสี่ยวหัวรีบกล่าวต่อ

“พ่อของดิฉันบอกว่า มูลค่าหุ้นของทั้งสองบริษัทเป็นจำนวนที่มหาศาลเกินไป จึงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะโอนหุ้นให้คุณโดยตรงได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่อย่างนั้นบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะเกิดความสงสัยในตัวตนของคุณชายได้ ดังนั้นพ่อดิฉันจึงให้เหตุผลพวกเขาไปว่า บริษัทฟู่ไห่ของเราได้แต่งตั้งคุณให้มาดำเนินการบริหารและควบคุม ทั้งยังต้องการให้คุณพิสูจน์ความสามารถ ด้วยเหตุนี้สองบริษัทดังกล่าวจึงขึ้นตรงกับคุณ และมีสิทธิ์ในการบริหารเต็มรูปแบบ ดังนั้นแล้วจะไม่มีใครสงสัยในตัวตนของคึณชายได้แน่ค่ะ ไม่ต้องห่วงเลย”

จ้าวเฉียนพลางคิดตามและรู้สึกว่านี่เป็นวิธีที่ดีไม่ใช่น้อย ไม่ว่าหุ้นจะอยู่ในมือของเขาแค่ในนามหรือจริงๆก็ตาม แต่สิ่งสำคัญที่เขาสนใจคือ การมีอำนาจเหนือหัวประธานบริษัททั้งสองอย่างเหล่ยอู่และจินหยวน

“ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีมากเลย ทำตามพ่อของคุณเลย”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบ

หวู่เสี่ยวหัวรีบหยิบสัญญาที่เตรียมไว้ออกมาและกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า

“นี่เป็นสัญญาจ้างงานของเราที่กล่าวไว้ข้างต้น รบกวนเซ็นยอมรับด้วยค่ะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและหยิบเอกสารดังกล่าวขึ้นมาอ่าน หลังจากยืนยันแล้วว่า ตัวสัญญาไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงค่อยเซ็นลงนามปิดท้าย ที่เขาต้องทำแบบนี้เพื่อป้องกันอันตราย กันไว้ว่าคนของเขาเองจะเล่นไม่ซื่อ

หวู่เสี่ยวหัวยิ้มและนำสัญญาเก็บเขากระเป๋าไป เธอเอ่ยถามขึ้นว่า

“คุณชายจ้าว หลังจากนี้จะกลับบ้านพักผ่อนเลยรึเปล่าค่ะ?”

ฟังจากน้ำเสียงและเนื้อความของเธอ คล้ายมีบางอย่างที่ต้องการจะพูดออกมาเพียงว่าไม่กล้า

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”

หวู่เสี่ยวหัวขบริมฝีปากเล็กน้อย คล้อยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พยายมรวบรวมความกล้าและกล่าวขึ้นทันทีว่า

“เอ่อ…คุณชายจ้าว…ถ้าไม่ว่าอะไร…พวกเรา…ไปดูหนังกันไหมค่ะ?”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“ถ้าคุณอยากดูหนังก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมพาไปดู”

ดวงตาคู่สวยของหวู่เสี่ยวหัวเปล่งประกายขึ้นทันที เธอรีบพยักหน้าตอบดูมีความสุขอย่างยิ่ง

“ขอบคุณค่ะคุณชาย งั้นเราไปกันเถอะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและลุกออกไป พาหวู่เสี่ยวหัวไปโรงหนัง

เหตุผลที่จ้าวเฉียนตอบตกลงไปเพราะว่า ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของอู่ซินเข้าฉายในโรงพอดี อย่างไรก็ตาม บทวิจารณ์ของหนังเรื่องนี้กลับมีกระแสไม่ค่อยดีนัก เขาจึงอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองว่ามันแย่ยังไง

นื่คือหนังภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกที่อู่ซินได้เล่น ซึ่งนี่สำคัญอย่างมากต่อเส้นทางอาชีพนี้ของเธอในอนาคตต่อไป จ้าวเฉียนต้องการจะดูว่าเธอเล่นผิดพลาดตรงไหน และพยายามหาวิธีแก้ไขให้ สิ่งที่กลัวที่สุดคือ อู่ซินจะสูญเสียความมั่นใจไปหลังจากนี้

ไม่นานภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เริ่มฉาย แต่หลังจากนั้นเพียงห้านาที บรรดาผู้ชมบางกลุ่มก็ถึงกับโห่ร้องออกมา ผู้ชมที่นั่งข้างๆจ้าวเฉียนระซิบนินทากันทันที

“เธอคนนี้แสดงแข็งมาก แค่เห็นยังอายแทนเลย”

“ทักษะการแสดงของเธอยังอ่อนเกินไป ถ้าแบบนี้ให้ฉันไปเล่นเองคงไม่ต่างเท่าไหร่”

ภายในฉากนี้ ตัวละครที่รับบทโดยอู่ซินจำเป็นต้องแสดงความน่าเกรงขามออกมา แต่เธอกลับเบิกตากว้างพยายามตะโกนเสียงดังเพื่อให้ดูน่ากลัวเท่านั้น ซึ่งนี่ยังดูไม่สมจริงเกินไปจริงๆ

เพียงไม่กี่นาทีต่อมา บรรดาผู้ชมก็เริ่มเอ่ยปากบ่นขึ้นทันทีเกี่ยวกับการแสดงของอู่ซิน

“เธอดูไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ทั้งๆที่เห็นตัวร้ายพ่อเธอต่อหน้า”

“ดูเฉยชาไม่เท่าไหร่ แต่ในแววตาเธอควรแสดงออกให้เห็นถึงความเกลียดชังไม่ใช่เหรอ แต่นี่ยังกับคนง่วงนอน? พ่อของเธอตายต่อหน้าต่อตาเลยนะ! ทำไมนักแสดงดูเหมือนอยากจะนอนท่าเดียว?”

ในตอนนี้จ้าวเฉียนเริ่มเข้าใจได้แล้วว่า สาเหตุหลักที่หนังเรื่องนี้ล้มเหลวคือทักษะการแสดงของอู่ซินที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ถึงเส้นเรื่องจะดี แต่ถ้าการแสดงออกมาแย่ คนดูก็จะไม่อินโดยธรรมชาติ

หลังจากดูไปได้ครึ่งชั่วโมง หวู่เสี่ยวหัวดูอึดอัดเกินจะทนแล้วเช่นกัน เธอจึงหันไปกระซิบกับจ้าวเฉียนว่า

“ออกกันเถอะค่ะ หนังเรื่องนี้น่าเบื่อมาก ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทในเครือของเราเป็นคนผลิต ดิฉันคงออกตั้งแต่ห้านาทีแรก…”

แต่จ้าวเฉียนยังคงต้องการเฝ้าสังเกตต่อไปว่า ทักษาะการแสดงของอู่ซินมีจุดด้อยตรงไหนอีก ดังนั้นเขาจึงไม่อยากออกไปกลางคัน

“ไหนๆก็จ่ายเงินแล้ว ผมอยากจะดูหน่อยว่าทักษะการแสดงของนางเอกคนนี้จะมีอะไรให้แปลกใจอีก”

นี่เปรียบเสมือนคนสั่งของคุณชายจ้าว หวู่เสี่ยวหัวไม่กล้าขัดแน่นอน ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงอดทนนั่งดูต่อไป แต่จะพยายามดูยังไงเธอก็ไม่อินหรือรู้สึกสนุกเลยสักนิด จนท้ายที่สุดเธอก็เอนตัวลงบนเก้าอีและเผลอหลับไปทั้งแบบนั้น

จ้าวเฉียนเองก็ไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่เช่นกัน เขายังคงจับตาดูหนังเรื่องนี้อย่างตั้งใจ ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทันทีที่หนังจบจ้าวเฉียนก็หันมาปลุกหวู่เสี่ยวหัว

“ตื่นเถอะ หนังจบแล้ว”

หวู่เสี่ยวค่อยๆได้สติขึ้นมาพร้อมสีหน้ามึนงง พอรู้ตัวว่าตนเองเผลอหลับก็รีบขอโทษจ้าวเฉียนใหญ่

“ดิฉันขอโทษ ดิฉันขอโทษจริงๆค่ะที่เผลอหลับไป! หนังเรื่องนี้มันน่าเบื่อเกินไปจริงๆ ดิฉันก็เลย…”

จ้าวเฉียนหัวเราะคิกคักพลางตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่เป็นไร พวกเราไปกันเถอะ”

หวู่เสี่ยวหัวรีบติดตามจ้าวเฉียนออกไปยังลานจอดรถ ระหว่งาทางทั้งสองไม่เอ่ยปากสนทนากันใดๆ

จ้าวเฉียนกำลังหาคำพูดที่ดูไม่รุนแรงเกินไปเพื่อเตือนเกี่ยวกับการแสดงของอู่ซิน เขากลัวว่าจะเผลอไปทำลายความมั่นใจของเธอไป

หวู่เสี่ยวหัวรู้สึกประหม่าอย่างยิ่งภายในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดูหนังกับคุณชายจ้าว แต่ตัวเธอเองดันผล็อบหลับไป ถ้าพ่อเธอมารู้เรื่องนี้ มีหวังเธอถูกฆ่าตายแน่

จ้าวเฉียนเปิดประตูรถ เรียกหวู่เสี่ยวหัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

“คุณชายจ้าว ดิฉันรู้ตัวดีค่ะว่าผิด ดิฉันไม่ขอโอกาสให้คุณชายยกโทษหรอกนะคะ แค่อย่าไล่ดิฉันกับพ่อออกเลยค่ะ”

หวู่เสี่ยวหัวยังคงก้มศีรษะขอโทษ

จ้าวเฉียนยิ้มตอบแบบสบายๆไปว่า

“เลิกขอโทษได้แล้ว! ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย ขึ้นรถไปนอนพักก่อนเถอะ วันนี้คุณคงเหนื่อยมามากแล้ว อยู่โรงแรมไหนล่ะ? เดี๋ยวผมไปส่ง”

หวู่เสี่ยวหัวดูสงบลงเล็กน้อยและเอ่ยตอบไปว่า

“โรงแรมเชอราตันค่ะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและบอกให้เธอปรับเบาะนอนพักสายตาไปก่อน ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงโรงแรมเชอราตันและบอกลาหวู่เสี่ยวหัว

หลังจากเธอเดินเข้าโรงแรมไป จ้าวเฉียนก็โทรหาอู่ซินต่อทันที

อู่ซินในขณะนี้กำลังทุกข์ในไม่น้อย พอเห็นว่าจ้าวเฉียนโทรสายเข้ามา เธอจึงรีบรับโดยไว

“ฮาโหล นายยังไม่นอนอีกเหรอ?”

อู่ซินเอ่ยทักทายเสียงอ่อน

“ฮ่าฮ่า…ฉันเพิ่งไปดูหนังที่เธอแสดงมา สนุกมาก! เธอแสดงดีกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”

จ้าวเฉียนรีบกล่าวให้กำลังใจก่อน

อู่ซินยิ้มแย้มขึ้นทันทีดูมีความสุขขึ้นมาก และเอ่ยถามกลับไปว่า

“จริงเหรอ? ฉันเห็นคนในโซเซียลด่าเรื่องการแสดงของฉันไม่หยุดเลยวันนี้ ฉันรู้สึกเสียใจมาก… ไม่ใช่ว่านายพยายามปลอบฉันอยู่เหรอ?”

“ใช่ที่ไหนกัน? ฉันเคยโกหกเธอเหรอ? ทั้งหมดฉันพูดจากใจเลยนะ อย่าลืมไปสิว่าเธอเป็นนักแสดงหน้าใหม่นะ จะเอาไปเทียบชั้นกับราชินีแห่งวงการที่อยู่มาก่อนเธอได้ยังไงจริงไหม ดังนั้นถ้าไม่อยากให้คนมาวิจารณ์เธอแบบนี้อีก เธอก็พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นไปสิว่า ตัวเองมีดีกว่าที่คนพวกนั้นสบประมาทไว้ หลังจากนี้ก็พยายามตั้งใจฝึกให้หนัก”

พอได้ยินจ้าวเฉียนพูดให้กำลังใจแบบนั้น อู่ซินก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็น

“ฉันรู้นะว่านายพยายามปลอบใจฉัน แต่ฉันก็ดีใจนะ ต่อจากนี้จะพยามยามตั้งใจฝึกฝนมากกว่านี้ แต่จะว่าไป…ตอนนี้นายอยู่ไหน? กำลังกลับบ้านเหรอ? ทำไมกลับดึกจัง?”

“อ่อ ฉันเพิ่งส่งเพื่อนที่มาจากหยานจิ้งกลับโรงแรมน่ะ ตอนนี้กำลังขับกลับบ้านแล้ว”

อู่ซินได้ยินแบบนั้นพลันรู้สึกใจหายเล็กน้อย จู่ๆเธอก็โพล่งถามขึ้นว่า

“เพื่อน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบไปตามตรงอย่างไม่ได้คิดอะไร

“เพื่อนผู้หญิงน่ะ เป็นคู่ค้าของบริษัท”

จากที่อู่ซินยิ้มแย้มแจ่มใสดูมีความสุข ยามนี้ความสุขเหล่านั้นจางหายไปจากใบหน้าของเขาในทันใด

“อืมม….ฉันเริ่มง่วงแล้วล่ะ แค่นี้นะ…”

อู่ซินกล่าวน้ำเสียงอ่อนด้วยความผิดหวัง

จ้าวฉัยนกำลังขับรถอยู่เช่นกัน ไม่สามารถคุยเล่นต่อได้นานจึงตอบกลับไปว่า

“โอเค ไว้ว่างๆเดี๋ยวฉันโทรไปหาใหม่ ตั้งใจซ้อมเข้าล่ะ ฉันเชื่อว่าเธอจะต้องเก่งกว่านี้ได้แน่”

“อืม ขอบใจนะ”

อู่ซินกดสายสายทันทีที่พูดจบ

‘นี่ฉันเป็นอะไรกันแน่? ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้…’

อู่ซินพลางกล่าวกับตัวเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 205 ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 205 ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่205 ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้

จ้าวเฉียนแค่อยากหยอกล้อหวู่เสี่ยวหัวนิดหน่อยเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่า เธอจะตกใจกลัวถึงขนาดนี้ เขารีบก้มพยุงร่างของเธอขึ้นมาทันทีและรีบกล่าวปลอบว่า

“โอเค ไม่ต้องร้องนะ เรามาดูกันว่าเธอจะแสดงความสามารถได้แค่ไหนหลังจากนี้ ถ้าทำได้ดีผมก็ชื่นชม แต่ถ้าไม่ก็อย่าตำหนิผมแล้วกัน”

หวู่เสี่ยวหัวเร่งปาดเช็ดน้ำตาโดยไว และให้สัญญากับจ้าวเฉียนทันทีว่า

“ไม่ต้องกังวลค่ะคุณชายจ้าว ดิฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด ไม่ทำให้คุณชายผิดหวังแน่นอน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและเรียกพนักงานเสิร์ฟเตรียมสั่งอาหารทันที จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันต่อระหว่างรับประทานอาหาร

ความหยิ่งผยองของหวู่เสี่ยวหัวก่อนหน้าอย่างตอนที่อยู่หน้าห้องน้ำห้าง ยามนี้ไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆ ปัจจุบันเปรียบเสมือนลูกแกะเชื่องตัวหนึ่ง เธอนั่งก้มศีรษะรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ

จ้าวเฉียนเพิ่งพบแจอเธอเป็นครั้งแรก จึงไม่มีเรื่องอะไรให้สนทนามากนัก ขณะที่ทั้งสองกำลังกินข้าว เขาก็วางตะเกียบลงและเริ่มเข้าเรื่องธุระของวันนี้ทันที

“ที่ผมสั่งงานพ่อของคุณไป เรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม?”

หวู่เสี่ยวหัวกล่าวตอบทันทีว่า

“ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ ทั้งบริษัทจินหยวนและบริษัทเหล่ยอู่ ตอนนี้อยู่ในการควบคุมของฟู่ไห่โดยสมบูรณ์แล้วค่ะ”

“ดีมาก แล้วเรื่องที่พ่อของเธอโอนหุ้นมาให้ เขาได้ให้เหตุผลกับทั้งสองบริษัทยังไงบ้าง? เพราะเรื่องนี้ผมอยากให้มันดูสมเหตุสมผลที่สุด ไม่อยากนั้นพวกนั้นรู้แน่ว่าผมต้องไม่ใช่คนธรรมดา”

หวู่เสี่ยวหัวรีบกล่าวต่อ

“พ่อของดิฉันบอกว่า มูลค่าหุ้นของทั้งสองบริษัทเป็นจำนวนที่มหาศาลเกินไป จึงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะโอนหุ้นให้คุณโดยตรงได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่อย่างนั้นบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะเกิดความสงสัยในตัวตนของคุณชายได้ ดังนั้นพ่อดิฉันจึงให้เหตุผลพวกเขาไปว่า บริษัทฟู่ไห่ของเราได้แต่งตั้งคุณให้มาดำเนินการบริหารและควบคุม ทั้งยังต้องการให้คุณพิสูจน์ความสามารถ ด้วยเหตุนี้สองบริษัทดังกล่าวจึงขึ้นตรงกับคุณ และมีสิทธิ์ในการบริหารเต็มรูปแบบ ดังนั้นแล้วจะไม่มีใครสงสัยในตัวตนของคึณชายได้แน่ค่ะ ไม่ต้องห่วงเลย”

จ้าวเฉียนพลางคิดตามและรู้สึกว่านี่เป็นวิธีที่ดีไม่ใช่น้อย ไม่ว่าหุ้นจะอยู่ในมือของเขาแค่ในนามหรือจริงๆก็ตาม แต่สิ่งสำคัญที่เขาสนใจคือ การมีอำนาจเหนือหัวประธานบริษัททั้งสองอย่างเหล่ยอู่และจินหยวน

“ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีมากเลย ทำตามพ่อของคุณเลย”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบ

หวู่เสี่ยวหัวรีบหยิบสัญญาที่เตรียมไว้ออกมาและกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า

“นี่เป็นสัญญาจ้างงานของเราที่กล่าวไว้ข้างต้น รบกวนเซ็นยอมรับด้วยค่ะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและหยิบเอกสารดังกล่าวขึ้นมาอ่าน หลังจากยืนยันแล้วว่า ตัวสัญญาไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงค่อยเซ็นลงนามปิดท้าย ที่เขาต้องทำแบบนี้เพื่อป้องกันอันตราย กันไว้ว่าคนของเขาเองจะเล่นไม่ซื่อ

หวู่เสี่ยวหัวยิ้มและนำสัญญาเก็บเขากระเป๋าไป เธอเอ่ยถามขึ้นว่า

“คุณชายจ้าว หลังจากนี้จะกลับบ้านพักผ่อนเลยรึเปล่าค่ะ?”

ฟังจากน้ำเสียงและเนื้อความของเธอ คล้ายมีบางอย่างที่ต้องการจะพูดออกมาเพียงว่าไม่กล้า

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”

หวู่เสี่ยวหัวขบริมฝีปากเล็กน้อย คล้อยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พยายมรวบรวมความกล้าและกล่าวขึ้นทันทีว่า

“เอ่อ…คุณชายจ้าว…ถ้าไม่ว่าอะไร…พวกเรา…ไปดูหนังกันไหมค่ะ?”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“ถ้าคุณอยากดูหนังก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมพาไปดู”

ดวงตาคู่สวยของหวู่เสี่ยวหัวเปล่งประกายขึ้นทันที เธอรีบพยักหน้าตอบดูมีความสุขอย่างยิ่ง

“ขอบคุณค่ะคุณชาย งั้นเราไปกันเถอะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและลุกออกไป พาหวู่เสี่ยวหัวไปโรงหนัง

เหตุผลที่จ้าวเฉียนตอบตกลงไปเพราะว่า ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของอู่ซินเข้าฉายในโรงพอดี อย่างไรก็ตาม บทวิจารณ์ของหนังเรื่องนี้กลับมีกระแสไม่ค่อยดีนัก เขาจึงอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองว่ามันแย่ยังไง

นื่คือหนังภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกที่อู่ซินได้เล่น ซึ่งนี่สำคัญอย่างมากต่อเส้นทางอาชีพนี้ของเธอในอนาคตต่อไป จ้าวเฉียนต้องการจะดูว่าเธอเล่นผิดพลาดตรงไหน และพยายามหาวิธีแก้ไขให้ สิ่งที่กลัวที่สุดคือ อู่ซินจะสูญเสียความมั่นใจไปหลังจากนี้

ไม่นานภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เริ่มฉาย แต่หลังจากนั้นเพียงห้านาที บรรดาผู้ชมบางกลุ่มก็ถึงกับโห่ร้องออกมา ผู้ชมที่นั่งข้างๆจ้าวเฉียนระซิบนินทากันทันที

“เธอคนนี้แสดงแข็งมาก แค่เห็นยังอายแทนเลย”

“ทักษะการแสดงของเธอยังอ่อนเกินไป ถ้าแบบนี้ให้ฉันไปเล่นเองคงไม่ต่างเท่าไหร่”

ภายในฉากนี้ ตัวละครที่รับบทโดยอู่ซินจำเป็นต้องแสดงความน่าเกรงขามออกมา แต่เธอกลับเบิกตากว้างพยายามตะโกนเสียงดังเพื่อให้ดูน่ากลัวเท่านั้น ซึ่งนี่ยังดูไม่สมจริงเกินไปจริงๆ

เพียงไม่กี่นาทีต่อมา บรรดาผู้ชมก็เริ่มเอ่ยปากบ่นขึ้นทันทีเกี่ยวกับการแสดงของอู่ซิน

“เธอดูไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ทั้งๆที่เห็นตัวร้ายพ่อเธอต่อหน้า”

“ดูเฉยชาไม่เท่าไหร่ แต่ในแววตาเธอควรแสดงออกให้เห็นถึงความเกลียดชังไม่ใช่เหรอ แต่นี่ยังกับคนง่วงนอน? พ่อของเธอตายต่อหน้าต่อตาเลยนะ! ทำไมนักแสดงดูเหมือนอยากจะนอนท่าเดียว?”

ในตอนนี้จ้าวเฉียนเริ่มเข้าใจได้แล้วว่า สาเหตุหลักที่หนังเรื่องนี้ล้มเหลวคือทักษะการแสดงของอู่ซินที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ถึงเส้นเรื่องจะดี แต่ถ้าการแสดงออกมาแย่ คนดูก็จะไม่อินโดยธรรมชาติ

หลังจากดูไปได้ครึ่งชั่วโมง หวู่เสี่ยวหัวดูอึดอัดเกินจะทนแล้วเช่นกัน เธอจึงหันไปกระซิบกับจ้าวเฉียนว่า

“ออกกันเถอะค่ะ หนังเรื่องนี้น่าเบื่อมาก ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทในเครือของเราเป็นคนผลิต ดิฉันคงออกตั้งแต่ห้านาทีแรก…”

แต่จ้าวเฉียนยังคงต้องการเฝ้าสังเกตต่อไปว่า ทักษาะการแสดงของอู่ซินมีจุดด้อยตรงไหนอีก ดังนั้นเขาจึงไม่อยากออกไปกลางคัน

“ไหนๆก็จ่ายเงินแล้ว ผมอยากจะดูหน่อยว่าทักษะการแสดงของนางเอกคนนี้จะมีอะไรให้แปลกใจอีก”

นี่เปรียบเสมือนคนสั่งของคุณชายจ้าว หวู่เสี่ยวหัวไม่กล้าขัดแน่นอน ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงอดทนนั่งดูต่อไป แต่จะพยายามดูยังไงเธอก็ไม่อินหรือรู้สึกสนุกเลยสักนิด จนท้ายที่สุดเธอก็เอนตัวลงบนเก้าอีและเผลอหลับไปทั้งแบบนั้น

จ้าวเฉียนเองก็ไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่เช่นกัน เขายังคงจับตาดูหนังเรื่องนี้อย่างตั้งใจ ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทันทีที่หนังจบจ้าวเฉียนก็หันมาปลุกหวู่เสี่ยวหัว

“ตื่นเถอะ หนังจบแล้ว”

หวู่เสี่ยวค่อยๆได้สติขึ้นมาพร้อมสีหน้ามึนงง พอรู้ตัวว่าตนเองเผลอหลับก็รีบขอโทษจ้าวเฉียนใหญ่

“ดิฉันขอโทษ ดิฉันขอโทษจริงๆค่ะที่เผลอหลับไป! หนังเรื่องนี้มันน่าเบื่อเกินไปจริงๆ ดิฉันก็เลย…”

จ้าวเฉียนหัวเราะคิกคักพลางตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่เป็นไร พวกเราไปกันเถอะ”

หวู่เสี่ยวหัวรีบติดตามจ้าวเฉียนออกไปยังลานจอดรถ ระหว่งาทางทั้งสองไม่เอ่ยปากสนทนากันใดๆ

จ้าวเฉียนกำลังหาคำพูดที่ดูไม่รุนแรงเกินไปเพื่อเตือนเกี่ยวกับการแสดงของอู่ซิน เขากลัวว่าจะเผลอไปทำลายความมั่นใจของเธอไป

หวู่เสี่ยวหัวรู้สึกประหม่าอย่างยิ่งภายในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดูหนังกับคุณชายจ้าว แต่ตัวเธอเองดันผล็อบหลับไป ถ้าพ่อเธอมารู้เรื่องนี้ มีหวังเธอถูกฆ่าตายแน่

จ้าวเฉียนเปิดประตูรถ เรียกหวู่เสี่ยวหัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

“คุณชายจ้าว ดิฉันรู้ตัวดีค่ะว่าผิด ดิฉันไม่ขอโอกาสให้คุณชายยกโทษหรอกนะคะ แค่อย่าไล่ดิฉันกับพ่อออกเลยค่ะ”

หวู่เสี่ยวหัวยังคงก้มศีรษะขอโทษ

จ้าวเฉียนยิ้มตอบแบบสบายๆไปว่า

“เลิกขอโทษได้แล้ว! ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย ขึ้นรถไปนอนพักก่อนเถอะ วันนี้คุณคงเหนื่อยมามากแล้ว อยู่โรงแรมไหนล่ะ? เดี๋ยวผมไปส่ง”

หวู่เสี่ยวหัวดูสงบลงเล็กน้อยและเอ่ยตอบไปว่า

“โรงแรมเชอราตันค่ะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและบอกให้เธอปรับเบาะนอนพักสายตาไปก่อน ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงโรงแรมเชอราตันและบอกลาหวู่เสี่ยวหัว

หลังจากเธอเดินเข้าโรงแรมไป จ้าวเฉียนก็โทรหาอู่ซินต่อทันที

อู่ซินในขณะนี้กำลังทุกข์ในไม่น้อย พอเห็นว่าจ้าวเฉียนโทรสายเข้ามา เธอจึงรีบรับโดยไว

“ฮาโหล นายยังไม่นอนอีกเหรอ?”

อู่ซินเอ่ยทักทายเสียงอ่อน

“ฮ่าฮ่า…ฉันเพิ่งไปดูหนังที่เธอแสดงมา สนุกมาก! เธอแสดงดีกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”

จ้าวเฉียนรีบกล่าวให้กำลังใจก่อน

อู่ซินยิ้มแย้มขึ้นทันทีดูมีความสุขขึ้นมาก และเอ่ยถามกลับไปว่า

“จริงเหรอ? ฉันเห็นคนในโซเซียลด่าเรื่องการแสดงของฉันไม่หยุดเลยวันนี้ ฉันรู้สึกเสียใจมาก… ไม่ใช่ว่านายพยายามปลอบฉันอยู่เหรอ?”

“ใช่ที่ไหนกัน? ฉันเคยโกหกเธอเหรอ? ทั้งหมดฉันพูดจากใจเลยนะ อย่าลืมไปสิว่าเธอเป็นนักแสดงหน้าใหม่นะ จะเอาไปเทียบชั้นกับราชินีแห่งวงการที่อยู่มาก่อนเธอได้ยังไงจริงไหม ดังนั้นถ้าไม่อยากให้คนมาวิจารณ์เธอแบบนี้อีก เธอก็พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นไปสิว่า ตัวเองมีดีกว่าที่คนพวกนั้นสบประมาทไว้ หลังจากนี้ก็พยายามตั้งใจฝึกให้หนัก”

พอได้ยินจ้าวเฉียนพูดให้กำลังใจแบบนั้น อู่ซินก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็น

“ฉันรู้นะว่านายพยายามปลอบใจฉัน แต่ฉันก็ดีใจนะ ต่อจากนี้จะพยามยามตั้งใจฝึกฝนมากกว่านี้ แต่จะว่าไป…ตอนนี้นายอยู่ไหน? กำลังกลับบ้านเหรอ? ทำไมกลับดึกจัง?”

“อ่อ ฉันเพิ่งส่งเพื่อนที่มาจากหยานจิ้งกลับโรงแรมน่ะ ตอนนี้กำลังขับกลับบ้านแล้ว”

อู่ซินได้ยินแบบนั้นพลันรู้สึกใจหายเล็กน้อย จู่ๆเธอก็โพล่งถามขึ้นว่า

“เพื่อน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบไปตามตรงอย่างไม่ได้คิดอะไร

“เพื่อนผู้หญิงน่ะ เป็นคู่ค้าของบริษัท”

จากที่อู่ซินยิ้มแย้มแจ่มใสดูมีความสุข ยามนี้ความสุขเหล่านั้นจางหายไปจากใบหน้าของเขาในทันใด

“อืมม….ฉันเริ่มง่วงแล้วล่ะ แค่นี้นะ…”

อู่ซินกล่าวน้ำเสียงอ่อนด้วยความผิดหวัง

จ้าวฉัยนกำลังขับรถอยู่เช่นกัน ไม่สามารถคุยเล่นต่อได้นานจึงตอบกลับไปว่า

“โอเค ไว้ว่างๆเดี๋ยวฉันโทรไปหาใหม่ ตั้งใจซ้อมเข้าล่ะ ฉันเชื่อว่าเธอจะต้องเก่งกว่านี้ได้แน่”

“อืม ขอบใจนะ”

อู่ซินกดสายสายทันทีที่พูดจบ

‘นี่ฉันเป็นอะไรกันแน่? ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้…’

อู่ซินพลางกล่าวกับตัวเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 205 ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 205 ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่205 ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้

จ้าวเฉียนแค่อยากหยอกล้อหวู่เสี่ยวหัวนิดหน่อยเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่า เธอจะตกใจกลัวถึงขนาดนี้ เขารีบก้มพยุงร่างของเธอขึ้นมาทันทีและรีบกล่าวปลอบว่า

“โอเค ไม่ต้องร้องนะ เรามาดูกันว่าเธอจะแสดงความสามารถได้แค่ไหนหลังจากนี้ ถ้าทำได้ดีผมก็ชื่นชม แต่ถ้าไม่ก็อย่าตำหนิผมแล้วกัน”

หวู่เสี่ยวหัวเร่งปาดเช็ดน้ำตาโดยไว และให้สัญญากับจ้าวเฉียนทันทีว่า

“ไม่ต้องกังวลค่ะคุณชายจ้าว ดิฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด ไม่ทำให้คุณชายผิดหวังแน่นอน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและเรียกพนักงานเสิร์ฟเตรียมสั่งอาหารทันที จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันต่อระหว่างรับประทานอาหาร

ความหยิ่งผยองของหวู่เสี่ยวหัวก่อนหน้าอย่างตอนที่อยู่หน้าห้องน้ำห้าง ยามนี้ไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆ ปัจจุบันเปรียบเสมือนลูกแกะเชื่องตัวหนึ่ง เธอนั่งก้มศีรษะรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ

จ้าวเฉียนเพิ่งพบแจอเธอเป็นครั้งแรก จึงไม่มีเรื่องอะไรให้สนทนามากนัก ขณะที่ทั้งสองกำลังกินข้าว เขาก็วางตะเกียบลงและเริ่มเข้าเรื่องธุระของวันนี้ทันที

“ที่ผมสั่งงานพ่อของคุณไป เรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม?”

หวู่เสี่ยวหัวกล่าวตอบทันทีว่า

“ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ ทั้งบริษัทจินหยวนและบริษัทเหล่ยอู่ ตอนนี้อยู่ในการควบคุมของฟู่ไห่โดยสมบูรณ์แล้วค่ะ”

“ดีมาก แล้วเรื่องที่พ่อของเธอโอนหุ้นมาให้ เขาได้ให้เหตุผลกับทั้งสองบริษัทยังไงบ้าง? เพราะเรื่องนี้ผมอยากให้มันดูสมเหตุสมผลที่สุด ไม่อยากนั้นพวกนั้นรู้แน่ว่าผมต้องไม่ใช่คนธรรมดา”

หวู่เสี่ยวหัวรีบกล่าวต่อ

“พ่อของดิฉันบอกว่า มูลค่าหุ้นของทั้งสองบริษัทเป็นจำนวนที่มหาศาลเกินไป จึงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะโอนหุ้นให้คุณโดยตรงได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่อย่างนั้นบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะเกิดความสงสัยในตัวตนของคุณชายได้ ดังนั้นพ่อดิฉันจึงให้เหตุผลพวกเขาไปว่า บริษัทฟู่ไห่ของเราได้แต่งตั้งคุณให้มาดำเนินการบริหารและควบคุม ทั้งยังต้องการให้คุณพิสูจน์ความสามารถ ด้วยเหตุนี้สองบริษัทดังกล่าวจึงขึ้นตรงกับคุณ และมีสิทธิ์ในการบริหารเต็มรูปแบบ ดังนั้นแล้วจะไม่มีใครสงสัยในตัวตนของคึณชายได้แน่ค่ะ ไม่ต้องห่วงเลย”

จ้าวเฉียนพลางคิดตามและรู้สึกว่านี่เป็นวิธีที่ดีไม่ใช่น้อย ไม่ว่าหุ้นจะอยู่ในมือของเขาแค่ในนามหรือจริงๆก็ตาม แต่สิ่งสำคัญที่เขาสนใจคือ การมีอำนาจเหนือหัวประธานบริษัททั้งสองอย่างเหล่ยอู่และจินหยวน

“ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีมากเลย ทำตามพ่อของคุณเลย”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบ

หวู่เสี่ยวหัวรีบหยิบสัญญาที่เตรียมไว้ออกมาและกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า

“นี่เป็นสัญญาจ้างงานของเราที่กล่าวไว้ข้างต้น รบกวนเซ็นยอมรับด้วยค่ะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและหยิบเอกสารดังกล่าวขึ้นมาอ่าน หลังจากยืนยันแล้วว่า ตัวสัญญาไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงค่อยเซ็นลงนามปิดท้าย ที่เขาต้องทำแบบนี้เพื่อป้องกันอันตราย กันไว้ว่าคนของเขาเองจะเล่นไม่ซื่อ

หวู่เสี่ยวหัวยิ้มและนำสัญญาเก็บเขากระเป๋าไป เธอเอ่ยถามขึ้นว่า

“คุณชายจ้าว หลังจากนี้จะกลับบ้านพักผ่อนเลยรึเปล่าค่ะ?”

ฟังจากน้ำเสียงและเนื้อความของเธอ คล้ายมีบางอย่างที่ต้องการจะพูดออกมาเพียงว่าไม่กล้า

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”

หวู่เสี่ยวหัวขบริมฝีปากเล็กน้อย คล้อยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พยายมรวบรวมความกล้าและกล่าวขึ้นทันทีว่า

“เอ่อ…คุณชายจ้าว…ถ้าไม่ว่าอะไร…พวกเรา…ไปดูหนังกันไหมค่ะ?”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“ถ้าคุณอยากดูหนังก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมพาไปดู”

ดวงตาคู่สวยของหวู่เสี่ยวหัวเปล่งประกายขึ้นทันที เธอรีบพยักหน้าตอบดูมีความสุขอย่างยิ่ง

“ขอบคุณค่ะคุณชาย งั้นเราไปกันเถอะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและลุกออกไป พาหวู่เสี่ยวหัวไปโรงหนัง

เหตุผลที่จ้าวเฉียนตอบตกลงไปเพราะว่า ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของอู่ซินเข้าฉายในโรงพอดี อย่างไรก็ตาม บทวิจารณ์ของหนังเรื่องนี้กลับมีกระแสไม่ค่อยดีนัก เขาจึงอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองว่ามันแย่ยังไง

นื่คือหนังภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกที่อู่ซินได้เล่น ซึ่งนี่สำคัญอย่างมากต่อเส้นทางอาชีพนี้ของเธอในอนาคตต่อไป จ้าวเฉียนต้องการจะดูว่าเธอเล่นผิดพลาดตรงไหน และพยายามหาวิธีแก้ไขให้ สิ่งที่กลัวที่สุดคือ อู่ซินจะสูญเสียความมั่นใจไปหลังจากนี้

ไม่นานภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เริ่มฉาย แต่หลังจากนั้นเพียงห้านาที บรรดาผู้ชมบางกลุ่มก็ถึงกับโห่ร้องออกมา ผู้ชมที่นั่งข้างๆจ้าวเฉียนระซิบนินทากันทันที

“เธอคนนี้แสดงแข็งมาก แค่เห็นยังอายแทนเลย”

“ทักษะการแสดงของเธอยังอ่อนเกินไป ถ้าแบบนี้ให้ฉันไปเล่นเองคงไม่ต่างเท่าไหร่”

ภายในฉากนี้ ตัวละครที่รับบทโดยอู่ซินจำเป็นต้องแสดงความน่าเกรงขามออกมา แต่เธอกลับเบิกตากว้างพยายามตะโกนเสียงดังเพื่อให้ดูน่ากลัวเท่านั้น ซึ่งนี่ยังดูไม่สมจริงเกินไปจริงๆ

เพียงไม่กี่นาทีต่อมา บรรดาผู้ชมก็เริ่มเอ่ยปากบ่นขึ้นทันทีเกี่ยวกับการแสดงของอู่ซิน

“เธอดูไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ทั้งๆที่เห็นตัวร้ายพ่อเธอต่อหน้า”

“ดูเฉยชาไม่เท่าไหร่ แต่ในแววตาเธอควรแสดงออกให้เห็นถึงความเกลียดชังไม่ใช่เหรอ แต่นี่ยังกับคนง่วงนอน? พ่อของเธอตายต่อหน้าต่อตาเลยนะ! ทำไมนักแสดงดูเหมือนอยากจะนอนท่าเดียว?”

ในตอนนี้จ้าวเฉียนเริ่มเข้าใจได้แล้วว่า สาเหตุหลักที่หนังเรื่องนี้ล้มเหลวคือทักษะการแสดงของอู่ซินที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ถึงเส้นเรื่องจะดี แต่ถ้าการแสดงออกมาแย่ คนดูก็จะไม่อินโดยธรรมชาติ

หลังจากดูไปได้ครึ่งชั่วโมง หวู่เสี่ยวหัวดูอึดอัดเกินจะทนแล้วเช่นกัน เธอจึงหันไปกระซิบกับจ้าวเฉียนว่า

“ออกกันเถอะค่ะ หนังเรื่องนี้น่าเบื่อมาก ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทในเครือของเราเป็นคนผลิต ดิฉันคงออกตั้งแต่ห้านาทีแรก…”

แต่จ้าวเฉียนยังคงต้องการเฝ้าสังเกตต่อไปว่า ทักษาะการแสดงของอู่ซินมีจุดด้อยตรงไหนอีก ดังนั้นเขาจึงไม่อยากออกไปกลางคัน

“ไหนๆก็จ่ายเงินแล้ว ผมอยากจะดูหน่อยว่าทักษะการแสดงของนางเอกคนนี้จะมีอะไรให้แปลกใจอีก”

นี่เปรียบเสมือนคนสั่งของคุณชายจ้าว หวู่เสี่ยวหัวไม่กล้าขัดแน่นอน ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงอดทนนั่งดูต่อไป แต่จะพยายามดูยังไงเธอก็ไม่อินหรือรู้สึกสนุกเลยสักนิด จนท้ายที่สุดเธอก็เอนตัวลงบนเก้าอีและเผลอหลับไปทั้งแบบนั้น

จ้าวเฉียนเองก็ไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่เช่นกัน เขายังคงจับตาดูหนังเรื่องนี้อย่างตั้งใจ ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทันทีที่หนังจบจ้าวเฉียนก็หันมาปลุกหวู่เสี่ยวหัว

“ตื่นเถอะ หนังจบแล้ว”

หวู่เสี่ยวค่อยๆได้สติขึ้นมาพร้อมสีหน้ามึนงง พอรู้ตัวว่าตนเองเผลอหลับก็รีบขอโทษจ้าวเฉียนใหญ่

“ดิฉันขอโทษ ดิฉันขอโทษจริงๆค่ะที่เผลอหลับไป! หนังเรื่องนี้มันน่าเบื่อเกินไปจริงๆ ดิฉันก็เลย…”

จ้าวเฉียนหัวเราะคิกคักพลางตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่เป็นไร พวกเราไปกันเถอะ”

หวู่เสี่ยวหัวรีบติดตามจ้าวเฉียนออกไปยังลานจอดรถ ระหว่งาทางทั้งสองไม่เอ่ยปากสนทนากันใดๆ

จ้าวเฉียนกำลังหาคำพูดที่ดูไม่รุนแรงเกินไปเพื่อเตือนเกี่ยวกับการแสดงของอู่ซิน เขากลัวว่าจะเผลอไปทำลายความมั่นใจของเธอไป

หวู่เสี่ยวหัวรู้สึกประหม่าอย่างยิ่งภายในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดูหนังกับคุณชายจ้าว แต่ตัวเธอเองดันผล็อบหลับไป ถ้าพ่อเธอมารู้เรื่องนี้ มีหวังเธอถูกฆ่าตายแน่

จ้าวเฉียนเปิดประตูรถ เรียกหวู่เสี่ยวหัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

“คุณชายจ้าว ดิฉันรู้ตัวดีค่ะว่าผิด ดิฉันไม่ขอโอกาสให้คุณชายยกโทษหรอกนะคะ แค่อย่าไล่ดิฉันกับพ่อออกเลยค่ะ”

หวู่เสี่ยวหัวยังคงก้มศีรษะขอโทษ

จ้าวเฉียนยิ้มตอบแบบสบายๆไปว่า

“เลิกขอโทษได้แล้ว! ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย ขึ้นรถไปนอนพักก่อนเถอะ วันนี้คุณคงเหนื่อยมามากแล้ว อยู่โรงแรมไหนล่ะ? เดี๋ยวผมไปส่ง”

หวู่เสี่ยวหัวดูสงบลงเล็กน้อยและเอ่ยตอบไปว่า

“โรงแรมเชอราตันค่ะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและบอกให้เธอปรับเบาะนอนพักสายตาไปก่อน ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงโรงแรมเชอราตันและบอกลาหวู่เสี่ยวหัว

หลังจากเธอเดินเข้าโรงแรมไป จ้าวเฉียนก็โทรหาอู่ซินต่อทันที

อู่ซินในขณะนี้กำลังทุกข์ในไม่น้อย พอเห็นว่าจ้าวเฉียนโทรสายเข้ามา เธอจึงรีบรับโดยไว

“ฮาโหล นายยังไม่นอนอีกเหรอ?”

อู่ซินเอ่ยทักทายเสียงอ่อน

“ฮ่าฮ่า…ฉันเพิ่งไปดูหนังที่เธอแสดงมา สนุกมาก! เธอแสดงดีกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”

จ้าวเฉียนรีบกล่าวให้กำลังใจก่อน

อู่ซินยิ้มแย้มขึ้นทันทีดูมีความสุขขึ้นมาก และเอ่ยถามกลับไปว่า

“จริงเหรอ? ฉันเห็นคนในโซเซียลด่าเรื่องการแสดงของฉันไม่หยุดเลยวันนี้ ฉันรู้สึกเสียใจมาก… ไม่ใช่ว่านายพยายามปลอบฉันอยู่เหรอ?”

“ใช่ที่ไหนกัน? ฉันเคยโกหกเธอเหรอ? ทั้งหมดฉันพูดจากใจเลยนะ อย่าลืมไปสิว่าเธอเป็นนักแสดงหน้าใหม่นะ จะเอาไปเทียบชั้นกับราชินีแห่งวงการที่อยู่มาก่อนเธอได้ยังไงจริงไหม ดังนั้นถ้าไม่อยากให้คนมาวิจารณ์เธอแบบนี้อีก เธอก็พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นไปสิว่า ตัวเองมีดีกว่าที่คนพวกนั้นสบประมาทไว้ หลังจากนี้ก็พยายามตั้งใจฝึกให้หนัก”

พอได้ยินจ้าวเฉียนพูดให้กำลังใจแบบนั้น อู่ซินก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็น

“ฉันรู้นะว่านายพยายามปลอบใจฉัน แต่ฉันก็ดีใจนะ ต่อจากนี้จะพยามยามตั้งใจฝึกฝนมากกว่านี้ แต่จะว่าไป…ตอนนี้นายอยู่ไหน? กำลังกลับบ้านเหรอ? ทำไมกลับดึกจัง?”

“อ่อ ฉันเพิ่งส่งเพื่อนที่มาจากหยานจิ้งกลับโรงแรมน่ะ ตอนนี้กำลังขับกลับบ้านแล้ว”

อู่ซินได้ยินแบบนั้นพลันรู้สึกใจหายเล็กน้อย จู่ๆเธอก็โพล่งถามขึ้นว่า

“เพื่อน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบไปตามตรงอย่างไม่ได้คิดอะไร

“เพื่อนผู้หญิงน่ะ เป็นคู่ค้าของบริษัท”

จากที่อู่ซินยิ้มแย้มแจ่มใสดูมีความสุข ยามนี้ความสุขเหล่านั้นจางหายไปจากใบหน้าของเขาในทันใด

“อืมม….ฉันเริ่มง่วงแล้วล่ะ แค่นี้นะ…”

อู่ซินกล่าวน้ำเสียงอ่อนด้วยความผิดหวัง

จ้าวฉัยนกำลังขับรถอยู่เช่นกัน ไม่สามารถคุยเล่นต่อได้นานจึงตอบกลับไปว่า

“โอเค ไว้ว่างๆเดี๋ยวฉันโทรไปหาใหม่ ตั้งใจซ้อมเข้าล่ะ ฉันเชื่อว่าเธอจะต้องเก่งกว่านี้ได้แน่”

“อืม ขอบใจนะ”

อู่ซินกดสายสายทันทีที่พูดจบ

‘นี่ฉันเป็นอะไรกันแน่? ทำไมรู้สึกเจ็บแบบนี้…’

อู่ซินพลางกล่าวกับตัวเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+