ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 218 ระดมพลฉลอง

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 218 ระดมพลฉลอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่218 ระดมพลฉลอง

ในไม่ช้าก็ผ่านไปหนึ่งเดือน พอได้รับอนุญาตจากแพทย์ อู่เลอก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในที่สุด

จ้าวเฉียนทำการจองห้องไว้สำหรับฉลองทันทีที่โรงแรมตงไห่ และเรียกบรรดาลูกน้องทั้งใหม่และเก่าแห่แหนกันเข้ามาซะชุดใหญ่

พวกเขาเหล่านี้เป็นแล่ช่างซ่อมรถและลูกมือนักแข่งธรรมดาทั่วไป ไม่เคยมีโอกาสได้มารับรับประทานอาหารและฉลองในโรงแรมตงไห่ชั้นเจ็ดสุดหรูมาก่อน พวกเขาทุนคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“บอสจ้าวของเราสุดยอดไปเลย! นี่มันโอกาสหนึ่งเดียวในชีวิตจริงๆที่ได้มีโอกาสขึ้นมาฉลองที่นี่ได้!”

“ถูกต้อง! ฉันเคยได้ยินมาว่าคนที่จะเป็นห้องอาหารส่วนตัวในชั้นที่เจ็ดได้จะต้องเป็นระดับVIPของโรงแรมตงไห่เท่านั้น! แค่ค่าอาหารขั้นต่ำก็แพงกว่าทั้งชีวิตฉันแล้ว!”

“บอสจ้าวกำลังทำธุรกิจควบคู่ไปด้วยเหรอครับ? ทำไมถึงรวยจัง?”

…..

ทุกคนต่างเกิดข้อสงสัยขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะกับพวกอู่เลอ ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้ยังต้องเก็บเงินสองแสนใช้เวลาตั้งห้าปีกว่าจะครบ ทำไมชีวิตของอีกฝ่ายถึงกลับกันราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้าขนาดนี้ได้?

เพื่อความสบายใจของทุกคน จ้าวเฉียนตึงต้องโกหกไปว่า

“ตอนแรกฉันก็เป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไปนี่แหละ แต่ดีนโชคดีถูกรางวัลที่หนึ่งเข้า ตอนนั้นบริษัทที่ฉันทำงานกำลังประสบปัญหา จึงเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุน ต่อมาบริษัทพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด มูลค่าหุ้นในส่วนของฉันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล มีรายได้เข้ามากว่าหลายสิบล้านหยวน….”

จ้าวเฉียนยังคงอธิบายกับทุกคนกว่าสืบนาที จนทำเอาทุกคนตกใจอย่างมากกับประวัติเส้นทางชีวิตอันน่าเหลือเชื่อของเขา

“บอสจ้าว เป็นคนมองการร์ไกลสรรหาโอกาสต่างๆเข้ามาในชีวิต! ถ้าตอนนั้นบังเอิญถูกรางวัลที่หนึ่งได้ แสดงว่าบอสเองก็เป็นคนโชคดีไม่น้อย?”

“นั้นสิ บอสมีเคล็ดลับเสริมโชคไหม? บอกพวกเราหน่อย! ฮ่าฮ่า…”

“ใช่แล้วบอส! มีเคล็ดลับดีๆก็ต้องแบ่งปันให้กันนะ!”

…..

จ้าวเฉียนรวนหัวเราะพลางกล่าวตอบไปว่า

“ฉันก็ไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอก อันที่จริงเพราะโชคช่วยล้วนๆล่ะนะในตอนแรก แต่ต่อมา พอมีเงินสักก้อนในมือ ฉันก็พยายามเสาะหาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาสถานะความเป็นอยู่ของตัวเอง เลยเลือกเข้ามาเป็นนักลงทุนน่ะ”

อาหารในค่ำคืนนี้ จ้าวเฉียนแทบจะไม่ได้กินอะไรมากเท่านั้น ขณะจะตักเนื้อเข้าปากคนหนึ่งก็เอ่ยถาม พอตอบเสร็จก็มีอีกคนเอ่ยถามขึ้นต่อไม่หยุด

หลังจากจบค่ำคืนการฉลอง ทุกคนรับประทานอาหารและกินดื่มจนพอใจ จ้าวเฉียนก็ขอกล่าวอะไรทิ้งท้ายให้ทุกคนฟัง

“เอาล่ะ ฉันขอพูดอะไรหน่อย วันนี้ที่จัดงานฉลองส่วนหนึ่งก็เพื่อต้อนรับอู่เลอที่ออกจากโรงพยาบาล แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อสร้างความสนิทสนมให้กับคนในทีม ได้พูดคุยและทำความรู้จักกัน สำหรับงานแข่งรอบฤดูใบไม้ร่วงในอีกสองเดือนข้างหน้าง ฉันหวังว่า อู่เลอ,หยางจานคุน, หลิวกวน พวกนายทั้งสามจะติดสามอันดับแรกกัน พวกนายมั่นใจแค่ไหน?”

อู่เลอกล่าวตอบทันที

“บอสจ้าววางใจได้ ผมจะพยายามสุดฝีมือครับ!”

หลิวกวนเองก็รีบแสดงจุดยืนของตนออกมาเช่นกัน

“ผมขอสัญญาเลยครับว่าจะอุทิศกายใจกับการแข่งครั้งหน้า และคว้าสามอันดับแรกมาให้บอสจ้าว!”

มีเพียงหยางจานคุนที่ไม่กล้าเอ่ยปากรับประกัน เขายิ้มและกล่าวว่า

“ถึงผมจะไม่สามารถเอ่ยได้เต็มปากขนาดนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่บอสจ้าวมั่นใจได้เลยคือ คุณจะไม่มีทางผิดหวังในตัวผมแน่!”

จ้าวเฉียนไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใดเมื่อได้ยินหยางจานคุนกล่าวออกมาแบบนี้ บางทีนี่อาจจะเป็นบุคลิกส่วนตัวของเขา แต่ที่แน่นอนก็คือ เขาคนนี้ไม่มีทางหาทางตันมาให้ตัวเองแน่นอน และจะทำทุกอย่างเพื่อก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด

คนที่ลงมือทำแต่พูดไม่เก่ง คนประเภทนี้นับว่าไม่เลว ตราบใดที่เขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองพยายามเต็มที่แล้ว จ้าวเฉียนย่อมพึงพอใจเป็นธรรมดา

จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบกลับไปว่า

“เอาล่ะ ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของพวกนายสามคนนะ การแข่งจะมาถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า ส่วนพวกนาย ต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนนักแข่งที่ตัวเองดูแล ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถคว้าสามอันดับแรกมาได้ โบนัสสิ้นปีนี้ของทุกคน ฉันรับประกันได้เลยว่า ต้องได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนแน่นอน!”

ทุกคนได้ยินแบบนั้นต่างชูแก้วขึ้นโดยพร้อมเพรียง และเอ่ยปากสรรเสริญแก่จ้าวเฉียน

“บอสจ้าวจงเจริญ!”

“บอสจ้าวมั่นใจในตัวพวกเราได้ครับ! พวกเราจะให้ความร่วมมือกับพวกเขาทั้งสามเป็นอย่างดี!”

…..

ทุกคนต่างเอ่ยปากชื่นชมจ้าวเฉียนไม่หยุดปาก กอดคอกันหัวเราะอย่างสนุกสนาน จ้าวเฉียนเห็นดังนั้นจึงปรบมือส่งสัญญาให้ทุกคนเงียบอีกครั้ง

“โอเค สำหรับมื้อนี้พวกนายกินดื่มต่อให้เต็มที่ จากนั้นก็กลับไปตั้งใจทำงหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ฉันจะรอฟังข่าวดีนะ! ฉันขอตัวก่อน”

ทุกคนเอ่ยอำลาจ้าวเฉียน และเขาก็เดินออกจากห้องอาหารไป

เพิ่งขับรถออกจากโรงแรมได้ไม่นาน หวานเจียงก็โทรสายเข้ามาหา

จ้าวเฉียนเอ่ยทักทายอย่างยิ้มแย้มว่า

“ว่าไงครับคนสวย? ที่โทรหากันแบบนี้ไม่ใช่ว่าคิดถึงหรอกนะ?”

หวานเจียงหัวเราะคิดคักอยู่สักครู่ ก่อนตอบกลับไปว่า

“นายนี่มันคิดเข้าข้างตัวเองตลอดเลยนะ ที่โทรมาเพราะมีเรื่องจะคุยน่ะ”

“ฮ่าฮ่า…รู้สึกซาบซึ้งจริงๆที่ได้ยินแบบนั้น คืนนี้เธอว่างหรือเปล่าล่ะ? ออกมานัดเจอกันหน่อย”

“แน่นอนฉันว่าง เจอไหนดีล่ะ?”

“ฉันอยู่ที่โรงแรมตงไห่ นัดเจอที่นี่เลยไหม?”

“โอเค ฉันกำลังไป”

หวานเจียงวางสายโทรศัพท์และรีบเดินทางมายังโรงแรมตงไห่โดยไว

ในไม่ช้า เธอและจ้าวเฉียนก็เจอกันในห้องอาหารส่วนตัว

จ้าวเฉียนประเดิมเอ่ยถามติดตลกไปว่า

“ไม่ได้พบเธอมาสักพักใหญ่เลยแหะ นี่สวยขึ้นรึเปล่า? สงสัยคงมีช่วงเวลาดีๆกับผู้กำกับหนุ่มนั้น?”

หวานเจียงกลอกตาใส่พลางสวนกลับไปทันที

“อย่ามาพูดไร้สาระ นอกจากเรื่องงาน ฉันกับเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น”

จ้าวเฉียนยิ้มเยาะพูดขึ้นว่า

“ทำไมถึงต้องประหม่าล่ะ? ก็เห็นๆอยู่ว่ากำลังโกหก เธอนี่เล่นละครไม่เนียนเลยนะ”

หวานเจียงคว้าแก้วน้ำในมือสาดใส่จ้าวเฉียนทันที แต่โชคยังดีที่เขาหลบทัน เธอสบถขึ้นอย่างเงียบๆว่า

“หยุดพูดได้แล้ว น่าเบื่อ! ตกลงนายยังจะทำหนังรถแข่งอยู่ไหม?”

จ้าวเฉียนพนักหน้าและขอให้หวานเจียงลองเล่าเนื้อเรื่องคราวๆที่กำลังร่างในสคริปต์มา

หวานเจียงเริ่มอธิบายโครงเรื่องให้แก่เขาฟังทันที รวมไปถึงเรื่องนักแสดงต่างๆที่จะมารับบท

แน่นอน เมื่อมีโอกาสมาเช่นนี้ จ้าวเฉียย่อมไม่ปล่อยทิ้งให้สูญเปล่า เขากล่าวกับหวานเจียงขึ้นว่า

“ฉันว่าคนที่จะมารับบทนางรองควรเปลี่ยนคนแสดงนะ”

หวานเจียงพยักหน้าและเอ่ยถามขึ้นทันทีอย่างรู้เท่าทันว่า

“จะให้อู่ซินมารับบทนางรองใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนยกนิ้วให้พร้อมกล่าวชมเชยตอบไปว่า

“ฉลาดหนิ เธอเป็นศิลปินคนเดียวในบริษัทฉัน แน่นอนว่าฉันไม่พลาดโอกาสนี้มาให้เธอแน่นอน”

หวานเจียงนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าตกลง แต่เธอก็มีข้อแม้เช่นกัน

“ฉันตกลง แต่นายต้องปล่อยหุ้นบาง ฉันจะเอาไปชดเชยให้กับนักลงทุนบางส่วน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบกลับว่า

“ก็ได้ ฉันแค่ต้องการ45% ที่เหลือเธอเอาไปจัดสรรได้ตามสบาย แล้วหนังเรื่องนี้สรุปตัวเลขได้รึยังว่าต้องลงทุนเท่าไหร่?”

หวานเจียงตอบกลับทันควันว่า

“ทั้งหมด300ล้าน นายที่ถือหุ้นอยู่45%ก็เท่ากับต้องออกเอง15ล้าน”

นี่มันโจทย์คณิตศาสตร์พื้นฐาน จ้าวเฉียนที่ถือหุ้นอยู่45%เขาต้องออกเงินจ่ายเพียง135ล้านไม่ใช่เหรอ? คิดได้ดันนั้นเขาก็ยิ้มถามกลับไปว่า

“แล้ว15ล้านที่เหลือมาจากไหน? เป็นค่าสินสอดให้เธอเหรอ?”

หวานเจียงปิดปากหัวเราะเล็กน้อย เธอถามกลับไปว่า

“คิดว่าเงินแค่15ล้านมันจะพอสำหรับแต่งงานกับฉันไหมล่ะ?”

จ้าวเฉียนยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ พลางเอ่ยถามไปว่า

“แล้วต้องการเท่าไหร่ล่ะ?”

หวานเจียงเค้นน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กน้อย ตอบไปว่า

“ก็สักสามหรือสี่พันล้าน! ถ้านายหาเงินมาได้ครบเมื่อไหร่ ฉันก็พร้อมแต่งงานกับนายทุกเมื่อ”

จ้าวเฉียนลุกขึ้นเดินไปกระซิบข้างหูหวานเจียง น้ำเสียาทุ่มต่ำเอ่ยขึ้นว่า

“ได้ ถ้าผมสามารถหาได้ถึงสี่พันล้านเมื่อไหร่ คุณต้องแต่งงานกับผมทันที ตกลงไหม?”

ถึงยังไงหวานเจียนก็มั่นใจว่า จ้าวเฉียนไม่มีหาเงินได้มากขนาดนั้นแน่นอน เธอจึงกล่าวตอบไปด้วยความมั่นใจว่า

“ได้ ถ้าหาได้ครบสี่พันล้านเมื่อไหร่ เอาสมุดบัญชีมาพิสูจน์ให้ดู แล้วฉันจะคุกเข่าขอนายแต่งงานเลย!”

จ้าวเฉียนเขกหัวเธอไปทีหนึ่งและสบถขึ้นว่า

“ฝันไปเถอะ! ถ้าฉันมีงินสี่พันล้าน คงไม่โง่ไปให้เธอหรอกจริงไหม? เหอะ เหอะ…เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว”

สงสัยครั้งนี้จ้าวเฉียนจะเล่นแรงเกินไปจริง ภาพฉากไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้นทันใด จู่ๆน้ำตาพลันไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของหวานเจียง เธอรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมากเมื่อได้ยินแบบนั้น พร้อมตะคอกสวนกลับไปทันทีว่า

“เออ! ฉันไม่ดีพอสำหรับนายหรอก! ถ้าจะล้อเล่นกัน ก็ช่วยเล่นเบาๆหน่อยได้ไหม! ครั้งนี้มันไม่แรงเกินไปหน่อยรึไง?”

“อ่า…ฉันขอโทษ งั้นพรุ่งนี้ฉันพาเธอไปช็อปปิ้งดีไหม? พาไปดูหนังพร้อมดินเนอร์อาหารเย็นด้วย? ถือเป็นการไถ่โทษไง?”

หวานเจียงคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยและเอ่ยถามขึ้นว่า

“จริงเหรอ?”

จ้าวเฉียนหยิบแบล็คการ์ดออกมาและนำไปยัดไว้ในมือเธอโดยตรง แล้วกล่าวขึ้นว่า

“เอาไป รหัส3638”

หวานเจียงคว้าแบล็กการ์ดขึ้นมาชื่นชมทันที เธอกล่าวน้ำเสียงดูตื่นเต้นอย่างยิ่ง

“โอ้โห! นี่มันแบล็คการ์ดของธนาคารแห่งชาติ! ขนาดฉันยังไม่มีเลย! ภูมิหลังของนายคืออะไรกันแน่? น่าทึ่งเกินไปแล้ว!”

จ้าวเฉียนเขกหัวเธออีกรอบ และกล่าวเยาะขึ้นว่า

“พอเห็นว่ารวยขึ้นหน่อยก็รีบอ่อยเหยื่อเลยรึไง?”

หวานเจียงตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไง เธอโยนแบล็คการ์ดในมือทิ้ง ผลักร่างจ้าวเฉียนจนเสถอยออกไปทันที

“ไอ้บ้า! เอาการ์ดปลอมมาหลอกฉันเหรอ! ฉันไม่สนหรอกนะว่าแบล็คการ์ดใบนี้จะของปลอมหรือของจริง แต่นายพูดเองว่า จะพาฉันไปช็อปปิ้ง ดูหนังแล้วพาไปดินเนอร์! นายต้องทำตามสัญญา! นี่เพิ่งทุ่มกว่าเอง พาฉันไปชอปปิ้งเดี๋ยวนี้เลย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 218 ระดมพลฉลอง

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 218 ระดมพลฉลอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่218 ระดมพลฉลอง

ในไม่ช้าก็ผ่านไปหนึ่งเดือน พอได้รับอนุญาตจากแพทย์ อู่เลอก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในที่สุด

จ้าวเฉียนทำการจองห้องไว้สำหรับฉลองทันทีที่โรงแรมตงไห่ และเรียกบรรดาลูกน้องทั้งใหม่และเก่าแห่แหนกันเข้ามาซะชุดใหญ่

พวกเขาเหล่านี้เป็นแล่ช่างซ่อมรถและลูกมือนักแข่งธรรมดาทั่วไป ไม่เคยมีโอกาสได้มารับรับประทานอาหารและฉลองในโรงแรมตงไห่ชั้นเจ็ดสุดหรูมาก่อน พวกเขาทุนคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“บอสจ้าวของเราสุดยอดไปเลย! นี่มันโอกาสหนึ่งเดียวในชีวิตจริงๆที่ได้มีโอกาสขึ้นมาฉลองที่นี่ได้!”

“ถูกต้อง! ฉันเคยได้ยินมาว่าคนที่จะเป็นห้องอาหารส่วนตัวในชั้นที่เจ็ดได้จะต้องเป็นระดับVIPของโรงแรมตงไห่เท่านั้น! แค่ค่าอาหารขั้นต่ำก็แพงกว่าทั้งชีวิตฉันแล้ว!”

“บอสจ้าวกำลังทำธุรกิจควบคู่ไปด้วยเหรอครับ? ทำไมถึงรวยจัง?”

…..

ทุกคนต่างเกิดข้อสงสัยขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะกับพวกอู่เลอ ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้ยังต้องเก็บเงินสองแสนใช้เวลาตั้งห้าปีกว่าจะครบ ทำไมชีวิตของอีกฝ่ายถึงกลับกันราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้าขนาดนี้ได้?

เพื่อความสบายใจของทุกคน จ้าวเฉียนตึงต้องโกหกไปว่า

“ตอนแรกฉันก็เป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไปนี่แหละ แต่ดีนโชคดีถูกรางวัลที่หนึ่งเข้า ตอนนั้นบริษัทที่ฉันทำงานกำลังประสบปัญหา จึงเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุน ต่อมาบริษัทพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด มูลค่าหุ้นในส่วนของฉันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล มีรายได้เข้ามากว่าหลายสิบล้านหยวน….”

จ้าวเฉียนยังคงอธิบายกับทุกคนกว่าสืบนาที จนทำเอาทุกคนตกใจอย่างมากกับประวัติเส้นทางชีวิตอันน่าเหลือเชื่อของเขา

“บอสจ้าว เป็นคนมองการร์ไกลสรรหาโอกาสต่างๆเข้ามาในชีวิต! ถ้าตอนนั้นบังเอิญถูกรางวัลที่หนึ่งได้ แสดงว่าบอสเองก็เป็นคนโชคดีไม่น้อย?”

“นั้นสิ บอสมีเคล็ดลับเสริมโชคไหม? บอกพวกเราหน่อย! ฮ่าฮ่า…”

“ใช่แล้วบอส! มีเคล็ดลับดีๆก็ต้องแบ่งปันให้กันนะ!”

…..

จ้าวเฉียนรวนหัวเราะพลางกล่าวตอบไปว่า

“ฉันก็ไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอก อันที่จริงเพราะโชคช่วยล้วนๆล่ะนะในตอนแรก แต่ต่อมา พอมีเงินสักก้อนในมือ ฉันก็พยายามเสาะหาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาสถานะความเป็นอยู่ของตัวเอง เลยเลือกเข้ามาเป็นนักลงทุนน่ะ”

อาหารในค่ำคืนนี้ จ้าวเฉียนแทบจะไม่ได้กินอะไรมากเท่านั้น ขณะจะตักเนื้อเข้าปากคนหนึ่งก็เอ่ยถาม พอตอบเสร็จก็มีอีกคนเอ่ยถามขึ้นต่อไม่หยุด

หลังจากจบค่ำคืนการฉลอง ทุกคนรับประทานอาหารและกินดื่มจนพอใจ จ้าวเฉียนก็ขอกล่าวอะไรทิ้งท้ายให้ทุกคนฟัง

“เอาล่ะ ฉันขอพูดอะไรหน่อย วันนี้ที่จัดงานฉลองส่วนหนึ่งก็เพื่อต้อนรับอู่เลอที่ออกจากโรงพยาบาล แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อสร้างความสนิทสนมให้กับคนในทีม ได้พูดคุยและทำความรู้จักกัน สำหรับงานแข่งรอบฤดูใบไม้ร่วงในอีกสองเดือนข้างหน้าง ฉันหวังว่า อู่เลอ,หยางจานคุน, หลิวกวน พวกนายทั้งสามจะติดสามอันดับแรกกัน พวกนายมั่นใจแค่ไหน?”

อู่เลอกล่าวตอบทันที

“บอสจ้าววางใจได้ ผมจะพยายามสุดฝีมือครับ!”

หลิวกวนเองก็รีบแสดงจุดยืนของตนออกมาเช่นกัน

“ผมขอสัญญาเลยครับว่าจะอุทิศกายใจกับการแข่งครั้งหน้า และคว้าสามอันดับแรกมาให้บอสจ้าว!”

มีเพียงหยางจานคุนที่ไม่กล้าเอ่ยปากรับประกัน เขายิ้มและกล่าวว่า

“ถึงผมจะไม่สามารถเอ่ยได้เต็มปากขนาดนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่บอสจ้าวมั่นใจได้เลยคือ คุณจะไม่มีทางผิดหวังในตัวผมแน่!”

จ้าวเฉียนไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใดเมื่อได้ยินหยางจานคุนกล่าวออกมาแบบนี้ บางทีนี่อาจจะเป็นบุคลิกส่วนตัวของเขา แต่ที่แน่นอนก็คือ เขาคนนี้ไม่มีทางหาทางตันมาให้ตัวเองแน่นอน และจะทำทุกอย่างเพื่อก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด

คนที่ลงมือทำแต่พูดไม่เก่ง คนประเภทนี้นับว่าไม่เลว ตราบใดที่เขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองพยายามเต็มที่แล้ว จ้าวเฉียนย่อมพึงพอใจเป็นธรรมดา

จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบกลับไปว่า

“เอาล่ะ ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของพวกนายสามคนนะ การแข่งจะมาถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า ส่วนพวกนาย ต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนนักแข่งที่ตัวเองดูแล ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถคว้าสามอันดับแรกมาได้ โบนัสสิ้นปีนี้ของทุกคน ฉันรับประกันได้เลยว่า ต้องได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนแน่นอน!”

ทุกคนได้ยินแบบนั้นต่างชูแก้วขึ้นโดยพร้อมเพรียง และเอ่ยปากสรรเสริญแก่จ้าวเฉียน

“บอสจ้าวจงเจริญ!”

“บอสจ้าวมั่นใจในตัวพวกเราได้ครับ! พวกเราจะให้ความร่วมมือกับพวกเขาทั้งสามเป็นอย่างดี!”

…..

ทุกคนต่างเอ่ยปากชื่นชมจ้าวเฉียนไม่หยุดปาก กอดคอกันหัวเราะอย่างสนุกสนาน จ้าวเฉียนเห็นดังนั้นจึงปรบมือส่งสัญญาให้ทุกคนเงียบอีกครั้ง

“โอเค สำหรับมื้อนี้พวกนายกินดื่มต่อให้เต็มที่ จากนั้นก็กลับไปตั้งใจทำงหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ฉันจะรอฟังข่าวดีนะ! ฉันขอตัวก่อน”

ทุกคนเอ่ยอำลาจ้าวเฉียน และเขาก็เดินออกจากห้องอาหารไป

เพิ่งขับรถออกจากโรงแรมได้ไม่นาน หวานเจียงก็โทรสายเข้ามาหา

จ้าวเฉียนเอ่ยทักทายอย่างยิ้มแย้มว่า

“ว่าไงครับคนสวย? ที่โทรหากันแบบนี้ไม่ใช่ว่าคิดถึงหรอกนะ?”

หวานเจียงหัวเราะคิดคักอยู่สักครู่ ก่อนตอบกลับไปว่า

“นายนี่มันคิดเข้าข้างตัวเองตลอดเลยนะ ที่โทรมาเพราะมีเรื่องจะคุยน่ะ”

“ฮ่าฮ่า…รู้สึกซาบซึ้งจริงๆที่ได้ยินแบบนั้น คืนนี้เธอว่างหรือเปล่าล่ะ? ออกมานัดเจอกันหน่อย”

“แน่นอนฉันว่าง เจอไหนดีล่ะ?”

“ฉันอยู่ที่โรงแรมตงไห่ นัดเจอที่นี่เลยไหม?”

“โอเค ฉันกำลังไป”

หวานเจียงวางสายโทรศัพท์และรีบเดินทางมายังโรงแรมตงไห่โดยไว

ในไม่ช้า เธอและจ้าวเฉียนก็เจอกันในห้องอาหารส่วนตัว

จ้าวเฉียนประเดิมเอ่ยถามติดตลกไปว่า

“ไม่ได้พบเธอมาสักพักใหญ่เลยแหะ นี่สวยขึ้นรึเปล่า? สงสัยคงมีช่วงเวลาดีๆกับผู้กำกับหนุ่มนั้น?”

หวานเจียงกลอกตาใส่พลางสวนกลับไปทันที

“อย่ามาพูดไร้สาระ นอกจากเรื่องงาน ฉันกับเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น”

จ้าวเฉียนยิ้มเยาะพูดขึ้นว่า

“ทำไมถึงต้องประหม่าล่ะ? ก็เห็นๆอยู่ว่ากำลังโกหก เธอนี่เล่นละครไม่เนียนเลยนะ”

หวานเจียงคว้าแก้วน้ำในมือสาดใส่จ้าวเฉียนทันที แต่โชคยังดีที่เขาหลบทัน เธอสบถขึ้นอย่างเงียบๆว่า

“หยุดพูดได้แล้ว น่าเบื่อ! ตกลงนายยังจะทำหนังรถแข่งอยู่ไหม?”

จ้าวเฉียนพนักหน้าและขอให้หวานเจียงลองเล่าเนื้อเรื่องคราวๆที่กำลังร่างในสคริปต์มา

หวานเจียงเริ่มอธิบายโครงเรื่องให้แก่เขาฟังทันที รวมไปถึงเรื่องนักแสดงต่างๆที่จะมารับบท

แน่นอน เมื่อมีโอกาสมาเช่นนี้ จ้าวเฉียย่อมไม่ปล่อยทิ้งให้สูญเปล่า เขากล่าวกับหวานเจียงขึ้นว่า

“ฉันว่าคนที่จะมารับบทนางรองควรเปลี่ยนคนแสดงนะ”

หวานเจียงพยักหน้าและเอ่ยถามขึ้นทันทีอย่างรู้เท่าทันว่า

“จะให้อู่ซินมารับบทนางรองใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนยกนิ้วให้พร้อมกล่าวชมเชยตอบไปว่า

“ฉลาดหนิ เธอเป็นศิลปินคนเดียวในบริษัทฉัน แน่นอนว่าฉันไม่พลาดโอกาสนี้มาให้เธอแน่นอน”

หวานเจียงนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าตกลง แต่เธอก็มีข้อแม้เช่นกัน

“ฉันตกลง แต่นายต้องปล่อยหุ้นบาง ฉันจะเอาไปชดเชยให้กับนักลงทุนบางส่วน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบกลับว่า

“ก็ได้ ฉันแค่ต้องการ45% ที่เหลือเธอเอาไปจัดสรรได้ตามสบาย แล้วหนังเรื่องนี้สรุปตัวเลขได้รึยังว่าต้องลงทุนเท่าไหร่?”

หวานเจียงตอบกลับทันควันว่า

“ทั้งหมด300ล้าน นายที่ถือหุ้นอยู่45%ก็เท่ากับต้องออกเอง15ล้าน”

นี่มันโจทย์คณิตศาสตร์พื้นฐาน จ้าวเฉียนที่ถือหุ้นอยู่45%เขาต้องออกเงินจ่ายเพียง135ล้านไม่ใช่เหรอ? คิดได้ดันนั้นเขาก็ยิ้มถามกลับไปว่า

“แล้ว15ล้านที่เหลือมาจากไหน? เป็นค่าสินสอดให้เธอเหรอ?”

หวานเจียงปิดปากหัวเราะเล็กน้อย เธอถามกลับไปว่า

“คิดว่าเงินแค่15ล้านมันจะพอสำหรับแต่งงานกับฉันไหมล่ะ?”

จ้าวเฉียนยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ พลางเอ่ยถามไปว่า

“แล้วต้องการเท่าไหร่ล่ะ?”

หวานเจียงเค้นน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กน้อย ตอบไปว่า

“ก็สักสามหรือสี่พันล้าน! ถ้านายหาเงินมาได้ครบเมื่อไหร่ ฉันก็พร้อมแต่งงานกับนายทุกเมื่อ”

จ้าวเฉียนลุกขึ้นเดินไปกระซิบข้างหูหวานเจียง น้ำเสียาทุ่มต่ำเอ่ยขึ้นว่า

“ได้ ถ้าผมสามารถหาได้ถึงสี่พันล้านเมื่อไหร่ คุณต้องแต่งงานกับผมทันที ตกลงไหม?”

ถึงยังไงหวานเจียนก็มั่นใจว่า จ้าวเฉียนไม่มีหาเงินได้มากขนาดนั้นแน่นอน เธอจึงกล่าวตอบไปด้วยความมั่นใจว่า

“ได้ ถ้าหาได้ครบสี่พันล้านเมื่อไหร่ เอาสมุดบัญชีมาพิสูจน์ให้ดู แล้วฉันจะคุกเข่าขอนายแต่งงานเลย!”

จ้าวเฉียนเขกหัวเธอไปทีหนึ่งและสบถขึ้นว่า

“ฝันไปเถอะ! ถ้าฉันมีงินสี่พันล้าน คงไม่โง่ไปให้เธอหรอกจริงไหม? เหอะ เหอะ…เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว”

สงสัยครั้งนี้จ้าวเฉียนจะเล่นแรงเกินไปจริง ภาพฉากไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้นทันใด จู่ๆน้ำตาพลันไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของหวานเจียง เธอรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมากเมื่อได้ยินแบบนั้น พร้อมตะคอกสวนกลับไปทันทีว่า

“เออ! ฉันไม่ดีพอสำหรับนายหรอก! ถ้าจะล้อเล่นกัน ก็ช่วยเล่นเบาๆหน่อยได้ไหม! ครั้งนี้มันไม่แรงเกินไปหน่อยรึไง?”

“อ่า…ฉันขอโทษ งั้นพรุ่งนี้ฉันพาเธอไปช็อปปิ้งดีไหม? พาไปดูหนังพร้อมดินเนอร์อาหารเย็นด้วย? ถือเป็นการไถ่โทษไง?”

หวานเจียงคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยและเอ่ยถามขึ้นว่า

“จริงเหรอ?”

จ้าวเฉียนหยิบแบล็คการ์ดออกมาและนำไปยัดไว้ในมือเธอโดยตรง แล้วกล่าวขึ้นว่า

“เอาไป รหัส3638”

หวานเจียงคว้าแบล็กการ์ดขึ้นมาชื่นชมทันที เธอกล่าวน้ำเสียงดูตื่นเต้นอย่างยิ่ง

“โอ้โห! นี่มันแบล็คการ์ดของธนาคารแห่งชาติ! ขนาดฉันยังไม่มีเลย! ภูมิหลังของนายคืออะไรกันแน่? น่าทึ่งเกินไปแล้ว!”

จ้าวเฉียนเขกหัวเธออีกรอบ และกล่าวเยาะขึ้นว่า

“พอเห็นว่ารวยขึ้นหน่อยก็รีบอ่อยเหยื่อเลยรึไง?”

หวานเจียงตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไง เธอโยนแบล็คการ์ดในมือทิ้ง ผลักร่างจ้าวเฉียนจนเสถอยออกไปทันที

“ไอ้บ้า! เอาการ์ดปลอมมาหลอกฉันเหรอ! ฉันไม่สนหรอกนะว่าแบล็คการ์ดใบนี้จะของปลอมหรือของจริง แต่นายพูดเองว่า จะพาฉันไปช็อปปิ้ง ดูหนังแล้วพาไปดินเนอร์! นายต้องทำตามสัญญา! นี่เพิ่งทุ่มกว่าเอง พาฉันไปชอปปิ้งเดี๋ยวนี้เลย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+