ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 222 ลงทุนได้ตามใจชอบ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 222 ลงทุนได้ตามใจชอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่222 ลงทุนได้ตามใจชอบ

จ้าวเฉียนไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น เขาไม่ยอมหน้าโง่จ่ายเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้เพียงเพราะอยากเอาคืนหวานเจียงแน่นอน

จ้าวเฉียนออกคำสั่งการหวู่เสี่ยวหัวอีกครั้ง

“คุณไปตรวจสอบงบการเงินของฮวาหยินกรุ๊ปในช่วงห้าปีที่ผ่านมา พร้อมวิเคราะห์ความสามารถในการทำกไรของบริษัทนี้มาโดยละเอียด ถ้าจำเป็นต้องจ่ายเงิน4พันล้านจริงๆ ผมต้องถือฮวาหยินกรุ๊ปไว้กี่ปีถึงจะคืนทุน?”

หวู่เสี่ยวหัวรีบดำเนินการโดยด่วน พร้อมนำทีมนักวิเคราะห์ของฟู่ไห่ประเมินความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฮวาหยินกรุ๊ปทันที

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หวู่เสี่ยวหัวกลับมาและมอบเอกสารการวิเคราะห์ให้จ้าวเฉียนพิจารณา

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา แนวโน้มอัตรากำไรของฮวาหยินกรุ๊ปสูงขึ้นก็จริง แต่กำไรสุทธิกลับไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ดีนัก แต่ละปีทำกำไรสุทธ์ได้แค่-20, -50, -100และ150ล้านตามลำดับ

เหตุผลที่ปีล่าสุดพวกเขามีกำไรสุทธิพุ่งแตะ150ล้านได้ ไม่ใข่เพราะสภาพเศรษฐีของพวกเขาดีขึ้น แต่เป็นเพราะพวกเขาโชคดีที่หันมาลงทุนกับหนังแนวการทหาร และติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิศที่สุดท้ายพอดี กวาดกำไรไปได้5.6พันล้านหยวน ฮวาหยินกรุ๊ปที่ร่วมลงทุนด้วยได้ส่วนแบ่งไป160ล้าน หักลบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบริษัทจึงได้ไปสุทธิ150ล้านหยวน

หากไม่ใข่เพราะวิสัยทัศน์ที่ดีเลิศของหวานเจียง พวกเขาคงขาดทุนต่อเนื่องกันสามปีซ้อน และหุ้นบริษัทอาจเสี่ยงโดนเครื่องหมายเฝ้าระวังการล้มละลาย

หากจ้าวเฉียนใช้เงินกว่า4พันล้านกับการซื้อฮวาหยินกรุ๊ป จะให้วิเคราะห์ยังไงก็ไม่คุ้ม

หวู่เสี่ยวหัวกล่าวแนะนำขึ้นว่า

“คุณชาย ดิฉันคิดว่าควรลืมเรื่องนี้ไปดีกว่า ต่อให้ประเมินยังไงก็ไม่คุ้มลงทุน ราคาต่อหุ้นในปัจจุบันมันสูงเกินความเป็นจริงมาก หากเข้าลงทุนจะมีความเสี่ยงสูงมากที่โปรเจคนี้จะล้มเหลว”

มีหรือที่จ้าวเฉียนจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่เขาก็ปล่อยให้หวานเจียงดำเนินตามแผนของเธอไม่ได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้น เฟยอวี่กรุ๊ปอาจมีแววฟื้นคืนมาได้

ในเวลานั้นเองหวานเจียงก็โทรหาจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนรับสายและเอ่ยถามว่า

“มีอะไร?”

หวานเจียงจงใจยั่วยุไปว่า

“เปล่าหรอก ก็แค่อยากจะถามนายว่า กำลังทำอะไรอยู่ หาวิธีโค่นล้มฮวาหยินกรุ๊ปของฉันได้รึยัง? 0”

“เหอะ เหอะ…เธอรู้ไหมว่า ผมเกลียดพวกที่ชอบกวนประสาทคนอื่นมากที่สุด”

จ้าวเฉียนเค้นเสียงเย็นกล่าวตอบ

“โอ๋? จริงเหรอ? จริงเหรอ? แล้วว่านายกำลังหงุดหงิดอยู่สินะ? แต่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่สนหรอก แค่จะบอกว่าคนอย่างนาย แค่จะเป็นผู้ชายดีๆ คนหนึ่งยังไม่ได้เลย แล้วจะมีปัญญาล้มฮวาหยินกรุ๊ปของฉันได้ยังไง? เลิกฝันกลางวันได้แล้ว!”

หลังจากพูดจบหวานเจียงก็กดตัดสายทิ้งทันทีจงใจไม่เปิดโอกาสให้จ้าวเฉียนเถียงตอบ ดูเหมือนว่าทางด้านเธอเองก็ไม่พอใจเช่นกัน จึงจงใจโทรสายมายั่วยุเป็นการส่วนตัวแบบนี้

ทีแรกจ้าวเฉียนยังลังเลว่าควรยึดครองฮวาหยินกรุ๊ปมาเป็นของตนเลยหรือไม่ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว จ้าวเฉียนกล่าวสั่งการหวู่เสี่ยวหัวทันทีว่า

“เตรียมลงมือกวานซื้อหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปได้เลย ลงมือในนามฟู่ไห่ แจ้งยอดทั้งหมดมาให้ผม เดี๋ยวผมจะโอนเงินกลับไปให้เองไม่ต้องห่วง”

หวู่เสี่ยวหัวได้ฟังแบบนั้นก็ปั้นสีหน้าลังเลใจขึ้นมาทันที เพราะทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้เงินอย่างต่ำ4พันล้านหยวน ซึ่งถึงจะเป็นเธอก็ไม่กล้าตัดสินใจได้โดยง่ายเช่นกัน

“คุณชายจ้าว เรื่องนี้อยู่นอกเหนือจากขอบเขตหน้าที่ของดิฉันแล้ว ถ้ายังไงโปรดรอสักครู่ก่อนได้ไหมค่ะ? เดี๋ยวดิฉันจะรีบวิดีโอคอลไปหาคุณพ่อของดิฉัน จากนั้นคุณชายก็ลองคุยกับเขาตามสะดวกเลยค่ะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและขอให้หวู่เสี่ยวหัวติดต่อหาหวู่เทียนจือโดยตรง

ไม่นาน สายก็ถูกเชื่อมต่อ พ่อลูกคู่นี้ทักทายกันสองสามคำก่อนจะเป็นฝั่งลูกสาวอย่างหวู่เสี่ยวหัวอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดโดยเร็ว จากนั้นค่อยส่งมือถือไปให้จ้าวเฉียน

หวู่เทียนจือรีบทักทายจ้าวเฉียนทันที

“คุณชายจ้าว ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ? สบายดีไหม?”

จ้าวเฉียนพยักหน้ากล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า

“สบายดีครับ เมื่อกี้คุณหวู่ได้อธิบายไปหมดแล้วใช่ไหม?”

หวู่เทียนจือระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นและกล่าวตอบไปว่า

“เรื่องนี้ผมอนุญาตอยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับคุณพ่อของคุณชายอีกทีด้วยนะครับ ยังได้ก็รบกวนรอสักครู่นะครับ”

สุดท้ายนี้โปรเจคดังกล่าวจำต้องใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า4พันล้านหยวน หวู่เทียนจือสามารถอนุมัติได้ก็จริง แต่อย่างไรก็ควรขอคำแนะนำจากจ้าวฝู่อีกทีหนึ่งเป็นการดีที่สุด ซึ่งในจุดนี้เองจ้าวเฉียนก็เข้าใจดีจึงพยักหน้าตอบไป

หวู่เทียนจือยิ้มตอบว่า

“งั้นโปรดรอสักครู่นะครับ ผมจะรีบติดต่อหาประธานจ้าวทันทีเพื่อรายงานโปรเจคดังกล่าว ตราบใดที่เขาไม่คัดค้าน ผมเซ็นอนุมัติได้ทันทีเลยครับ”

จ้าวเฉียนกดวางสายและนั่งรอข่าวคราวต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวฝู่ก็โทรสายเข้ามาหาลูกชายโดยตรง และเอ่ยถามขึ้นว่า

“ไอ้ลูกชาย ทำไมถึงอยากซื้อฮวาหยินกรุ๊ป? เป็นเพราะสาวน้อยคนนั้นใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามกลับไปทันทีด้วยความประหลาดใจว่า

“ห่ะ? พ่อรู้จักเธอได้ยังไงเนี่ย?”

“ฮ่าฮ่า…นี่แกเป็นลูกชายฉันนะเว้ย คิดว่าที่ผ่านมาฉันไม่ได้สนใจแกเลยรึไง? หรือคิดว่าพ่อคนนี้จะโยนแกทิ้งที่เมืองตงไห่โดยไม่เฝ้าติดตามอะไรเลย?”

จ้าวฝู่ระเบิดหัวเราะลั่นด้วยความภาคภูมิใจ

จ้าวฝู่มีลูกชายเพียงคนเดียว ดังนั้นย่อมต้องเอาใจใส่และตามติดไม่ห่างสายตาเป็นธรรมดา เมื่อใดที่ลูกชายของเขาตกอยู่ในอันตราย หยางหู่จะต้องออกมาปกป้องลูกชายคนนี้ของเขาด้วยชีวิต!

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“คราวนี้ผมต้องบากหน้ายืมเงินพ่อสี่พันล้านจริงๆ พ่อโอเคหรือเปล่า?”

จ้าวฝู่ยิ้มตอบไปว่า

“แน่นอน ฉันให้แกยืมได้ตลอดนั้นแหละ แต่ประเด็นสำคัญคือ ฉันอยากรู้ว่าทำไมแกถึงอยากเข้าควบคุมฮวาหยินกรุ๊ปขนาดนั้น? แกต้องให้เหตุผลกับฉันก่อน”

“เหตุผลงั้นเหรอ? ง่ายๆ เลยครับ ผมพยายามหาช่องทางลัดเพื่อผลักดันบริษัทเฉียนเก๋อของผมเป็นที่รู้จักแกสาธารณะโดยใช้เวลาอันสั้น”

เอาเข้าจริงๆ ที่เขาต้องการซื้อฮวาหยินกรุ๊ปเป็นเพราะเขาโกรธหวานเจียงเฉยๆ ส่วนเหตุผลอื่นๆ กลับตกเป็นรอง

เมื่อได้ยินว่าลูกชายตัวเองต้องการผลักดันธุรกิจ จ้าวเฉียนก็ไม่มีข้อคัดค้านเช่นกันและตอบกลับไปว่า

“ตกลง! ฉันจะลองให้โอกาสแกดู อยากจะเห็นเหมือนกันว่าแกสามารถทำอะไรได้บ้าง ฉันจะบอกหวู่เทียนจือเองว่า ถ้าแกต้องการเท่าไหร่ก็อนุมัติได้ตามต้องการเลย แต่ฉันก็ขอพูดอะไรสักหน่อยนะ ครั้งนี้มันเป็นเงินจำนวนค่อนข้างมาก ฉันไม่มีทางทิ้งเงินเล่นไปขนาดนี้ โดยที่สุดท้ายแกให้เหตุผลว่า เป็นค่าประสบการณ์เด็ดขาด”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบทันทีว่า

“ผมเข้าใจแล้วครับ พ่อไม่ต้องกังวล ผมมั่นใจว่าตัวเองจะต้องทำโครงการนี้ออกมาได้ดี และดีพอตามที่พ่อคาดหวัง ไม่ได้เอาเงินครอบครัวไปโยนทิ้งโดยเปล่าแน่นอน”

“ฮ่าฮ่า…ตกลง ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอดูผลงานแกก็แล้วกัน จะว่าไปแกกับแม่สาวน้อยฮวาหยินกรุ๊ปไปถึงไหนแล้ว?”

จ้าวฝู่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเฉียนสะดุ้งเฮือกทันใด และรีบตอบกลับไปทันทีว่า

“อะไรคือไปถึงไหนแล้ว? ผมกับเธอ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”

จ้าวฝู่หัวเราะเสียงดังลั่นซ้ำสองและตอบไปว่า

“ก็แกพูดเข้าสิ นี่กำลังงอนกันอยู่สิท่า? แต่แกก็อายุไม่น้อยแล้วนะ ควรหาใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิตได้แล้ว ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากแกมากนะ ขอแค่ใครก็ได้เหมาะแม่สาวน้อยฮวาหยินกรุ๊ปนั่น ครอบครัวมีประวัติขาวสะอาด เป็นคนมีความรู้ความสามารถ ช่วยนายบริหารธุรกิจได้ แค่นั้นเอง แต่ถ้าถามพ่อแม่สาวน้อยฮวาหยินกรุ๊ปนั้นตรงทุกคุณสมบัติเลยนะ แถมแม่แกก็ดูถูกใจอีกต่างหาก”

จ้าวเฉียนกลอกตามองบนอย่างช่วยไม่ได้และเปลี่ยนเรื่องทันที

“พ่อคิดเยอะเกินไปแล้ว ผมยังมีธุระที่ต้องทำ ว่างๆ เดี๋ยวโทรไปหาใหม่แล้วกัน แค่นี้นะครับ”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็กดวางสายำไป รอให้หวู่เทียนจือแจ้งลงมายังหวู่เสี่ยวหัวอีกทีหนึ่ง

ประมาณหน้าหาทีต่อมา หวู่เทียนจือก็โทรสายมาหาหวู่เสี่ยวหัว เพื่อให้เธอลงนามในสัญญาเงินกู้

หลังจากดำเนินการทุกอย่างเสร็จสิ้น เธอก็เดินมาหาจ้าวเฉียนอีกครั้งและกล่าวว่า

“คุณชายจ้าว ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะคะ ถ้าต้องการให้ทางฟู่ไห่เข้าออเดอร์เมื่อไหร่ ก็โทรหาดิฉันได้ตลอด24ชม.นะคะ”

จ้าวเฉียนพยัดหน้าตอบดูท่าพึงพอใจไม่น้อย และกล่าวว่า

“งั้นก็รอไปก่อนครับ เดี๋ยวคุณช่วยส่งข่าวเสียของทางฮวาหยินกรุ๊ปให้กับทางสื่อหลักต่างๆ ก่อน เพื่อกดราคาหุ้นให้ได้ต่ำที่สุด จากนั้นก็จะใช้โอกาสนี้เข้าซื้อแบบถัวเฉลี่ย หรือให้ดีที่สุด ก็รอราคาทะลุแนวรับไปเลยค่อยกวาดซื้อทั้งหมดมา ผมอยากลดต้นทุนให้ได้มากที่สุดครับ โทรหาเบอร์นี้ได้เลย เขาจะช่วยขุดหาข่าวเชิงลบให้คุณเอง”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็มอบเบอร์ของหยางหู่ให้แก่หวู่เสี่ยวหัวไป

หวู่เสี่ยวหัวที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับยกนิ้วให้ทันที เธอกล่าวชื่นชมขึ้นว่า

“ไม่คิดเลยว่าคุณชายจ้าวจะทั้งเด็ดขาด เลือดเย็นขนาดนี้ ถึงใช้กลยุทธ์ปล่อยข่าวเสียเพื่อควบคุมราคาหุ้น”

“ฮ่าฮ่า….แต่ก่อนผมเคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะน่ะครับ ความรู้สึกเลยตายด้านไปกับอะไรพวกนี้ไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์ในเวลาแบบนี้เหมือนกัน”

จ้าวเฉียนลุกขึ้นกล่าวคำอำลาและเดินจากไปทันที ทางด้านหวู่เสี่ยวหัวก็รีบเดินออกมาส่งเขาเช่นกัน

“อ่อ…จะปล่อยข่าวเสียจนทำให้ประธานบริษัทนั้นล้มละลายเลยก็ได้นะ ทางเราจะได้ประหยัดทุนหน่อย”

“ได้เลยค่ะ! คุณชายจ้าวขับรถปลอดภัยนะคะ”

จ้าวเฉียนเดินออกไปทักทายบรรดาเพื่อนร่วมงานเล็กน้อย ถึงอย่างไรเราในตอนนี้ก็เป็นพนักงานของบริษัทฟู่ไห่แล้วเช่นกัน แม้จะเป็นแค่ในนามก็เถอะ

พอจ้าวเฉียนลงลิฟต์จากไป บรรดาพนักงานเหล่านั้นก็เริ่มจับกลุ่มกระซิบกันทันที

“นี่ นายคิดว่าวันๆ จ้าวเฉียนทำอะไรบ้าง? เห็นแทบจะไม่เข้าบริษัทมาเลย”

“ฉันได้ยินมาว่า ประธานหวู่มอบหมายงานให้เขาออกไปเสาะหาบริษัทที่เหมาะแกการลงทุนเพิ่มเต้มมาน่ะ ดูเหมือนว่าเป้าหมายในครั้งนี้จะเป็น ฮวาหยินกรุ๊ป”

“แต่ความสามารถในการทำกำไรของฮวาหยินกรุ๊ปมันไม่ผ่านเกณฑ์กำหนดของบริษัทไม่ใช่เหรอ? ทำไมจ้าวเฉียนถึงยังเลือกที่นี่ล่ะ? แล้วประธานหวู่ตอบตกลงหรือเปล่า?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 222 ลงทุนได้ตามใจชอบ

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 222 ลงทุนได้ตามใจชอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่222 ลงทุนได้ตามใจชอบ

จ้าวเฉียนไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น เขาไม่ยอมหน้าโง่จ่ายเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้เพียงเพราะอยากเอาคืนหวานเจียงแน่นอน

จ้าวเฉียนออกคำสั่งการหวู่เสี่ยวหัวอีกครั้ง

“คุณไปตรวจสอบงบการเงินของฮวาหยินกรุ๊ปในช่วงห้าปีที่ผ่านมา พร้อมวิเคราะห์ความสามารถในการทำกไรของบริษัทนี้มาโดยละเอียด ถ้าจำเป็นต้องจ่ายเงิน4พันล้านจริงๆ ผมต้องถือฮวาหยินกรุ๊ปไว้กี่ปีถึงจะคืนทุน?”

หวู่เสี่ยวหัวรีบดำเนินการโดยด่วน พร้อมนำทีมนักวิเคราะห์ของฟู่ไห่ประเมินความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฮวาหยินกรุ๊ปทันที

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หวู่เสี่ยวหัวกลับมาและมอบเอกสารการวิเคราะห์ให้จ้าวเฉียนพิจารณา

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา แนวโน้มอัตรากำไรของฮวาหยินกรุ๊ปสูงขึ้นก็จริง แต่กำไรสุทธิกลับไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ดีนัก แต่ละปีทำกำไรสุทธ์ได้แค่-20, -50, -100และ150ล้านตามลำดับ

เหตุผลที่ปีล่าสุดพวกเขามีกำไรสุทธิพุ่งแตะ150ล้านได้ ไม่ใข่เพราะสภาพเศรษฐีของพวกเขาดีขึ้น แต่เป็นเพราะพวกเขาโชคดีที่หันมาลงทุนกับหนังแนวการทหาร และติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิศที่สุดท้ายพอดี กวาดกำไรไปได้5.6พันล้านหยวน ฮวาหยินกรุ๊ปที่ร่วมลงทุนด้วยได้ส่วนแบ่งไป160ล้าน หักลบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบริษัทจึงได้ไปสุทธิ150ล้านหยวน

หากไม่ใข่เพราะวิสัยทัศน์ที่ดีเลิศของหวานเจียง พวกเขาคงขาดทุนต่อเนื่องกันสามปีซ้อน และหุ้นบริษัทอาจเสี่ยงโดนเครื่องหมายเฝ้าระวังการล้มละลาย

หากจ้าวเฉียนใช้เงินกว่า4พันล้านกับการซื้อฮวาหยินกรุ๊ป จะให้วิเคราะห์ยังไงก็ไม่คุ้ม

หวู่เสี่ยวหัวกล่าวแนะนำขึ้นว่า

“คุณชาย ดิฉันคิดว่าควรลืมเรื่องนี้ไปดีกว่า ต่อให้ประเมินยังไงก็ไม่คุ้มลงทุน ราคาต่อหุ้นในปัจจุบันมันสูงเกินความเป็นจริงมาก หากเข้าลงทุนจะมีความเสี่ยงสูงมากที่โปรเจคนี้จะล้มเหลว”

มีหรือที่จ้าวเฉียนจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่เขาก็ปล่อยให้หวานเจียงดำเนินตามแผนของเธอไม่ได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้น เฟยอวี่กรุ๊ปอาจมีแววฟื้นคืนมาได้

ในเวลานั้นเองหวานเจียงก็โทรหาจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนรับสายและเอ่ยถามว่า

“มีอะไร?”

หวานเจียงจงใจยั่วยุไปว่า

“เปล่าหรอก ก็แค่อยากจะถามนายว่า กำลังทำอะไรอยู่ หาวิธีโค่นล้มฮวาหยินกรุ๊ปของฉันได้รึยัง? 0”

“เหอะ เหอะ…เธอรู้ไหมว่า ผมเกลียดพวกที่ชอบกวนประสาทคนอื่นมากที่สุด”

จ้าวเฉียนเค้นเสียงเย็นกล่าวตอบ

“โอ๋? จริงเหรอ? จริงเหรอ? แล้วว่านายกำลังหงุดหงิดอยู่สินะ? แต่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่สนหรอก แค่จะบอกว่าคนอย่างนาย แค่จะเป็นผู้ชายดีๆ คนหนึ่งยังไม่ได้เลย แล้วจะมีปัญญาล้มฮวาหยินกรุ๊ปของฉันได้ยังไง? เลิกฝันกลางวันได้แล้ว!”

หลังจากพูดจบหวานเจียงก็กดตัดสายทิ้งทันทีจงใจไม่เปิดโอกาสให้จ้าวเฉียนเถียงตอบ ดูเหมือนว่าทางด้านเธอเองก็ไม่พอใจเช่นกัน จึงจงใจโทรสายมายั่วยุเป็นการส่วนตัวแบบนี้

ทีแรกจ้าวเฉียนยังลังเลว่าควรยึดครองฮวาหยินกรุ๊ปมาเป็นของตนเลยหรือไม่ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว จ้าวเฉียนกล่าวสั่งการหวู่เสี่ยวหัวทันทีว่า

“เตรียมลงมือกวานซื้อหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปได้เลย ลงมือในนามฟู่ไห่ แจ้งยอดทั้งหมดมาให้ผม เดี๋ยวผมจะโอนเงินกลับไปให้เองไม่ต้องห่วง”

หวู่เสี่ยวหัวได้ฟังแบบนั้นก็ปั้นสีหน้าลังเลใจขึ้นมาทันที เพราะทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้เงินอย่างต่ำ4พันล้านหยวน ซึ่งถึงจะเป็นเธอก็ไม่กล้าตัดสินใจได้โดยง่ายเช่นกัน

“คุณชายจ้าว เรื่องนี้อยู่นอกเหนือจากขอบเขตหน้าที่ของดิฉันแล้ว ถ้ายังไงโปรดรอสักครู่ก่อนได้ไหมค่ะ? เดี๋ยวดิฉันจะรีบวิดีโอคอลไปหาคุณพ่อของดิฉัน จากนั้นคุณชายก็ลองคุยกับเขาตามสะดวกเลยค่ะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและขอให้หวู่เสี่ยวหัวติดต่อหาหวู่เทียนจือโดยตรง

ไม่นาน สายก็ถูกเชื่อมต่อ พ่อลูกคู่นี้ทักทายกันสองสามคำก่อนจะเป็นฝั่งลูกสาวอย่างหวู่เสี่ยวหัวอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดโดยเร็ว จากนั้นค่อยส่งมือถือไปให้จ้าวเฉียน

หวู่เทียนจือรีบทักทายจ้าวเฉียนทันที

“คุณชายจ้าว ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ? สบายดีไหม?”

จ้าวเฉียนพยักหน้ากล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า

“สบายดีครับ เมื่อกี้คุณหวู่ได้อธิบายไปหมดแล้วใช่ไหม?”

หวู่เทียนจือระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นและกล่าวตอบไปว่า

“เรื่องนี้ผมอนุญาตอยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับคุณพ่อของคุณชายอีกทีด้วยนะครับ ยังได้ก็รบกวนรอสักครู่นะครับ”

สุดท้ายนี้โปรเจคดังกล่าวจำต้องใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า4พันล้านหยวน หวู่เทียนจือสามารถอนุมัติได้ก็จริง แต่อย่างไรก็ควรขอคำแนะนำจากจ้าวฝู่อีกทีหนึ่งเป็นการดีที่สุด ซึ่งในจุดนี้เองจ้าวเฉียนก็เข้าใจดีจึงพยักหน้าตอบไป

หวู่เทียนจือยิ้มตอบว่า

“งั้นโปรดรอสักครู่นะครับ ผมจะรีบติดต่อหาประธานจ้าวทันทีเพื่อรายงานโปรเจคดังกล่าว ตราบใดที่เขาไม่คัดค้าน ผมเซ็นอนุมัติได้ทันทีเลยครับ”

จ้าวเฉียนกดวางสายและนั่งรอข่าวคราวต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวฝู่ก็โทรสายเข้ามาหาลูกชายโดยตรง และเอ่ยถามขึ้นว่า

“ไอ้ลูกชาย ทำไมถึงอยากซื้อฮวาหยินกรุ๊ป? เป็นเพราะสาวน้อยคนนั้นใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามกลับไปทันทีด้วยความประหลาดใจว่า

“ห่ะ? พ่อรู้จักเธอได้ยังไงเนี่ย?”

“ฮ่าฮ่า…นี่แกเป็นลูกชายฉันนะเว้ย คิดว่าที่ผ่านมาฉันไม่ได้สนใจแกเลยรึไง? หรือคิดว่าพ่อคนนี้จะโยนแกทิ้งที่เมืองตงไห่โดยไม่เฝ้าติดตามอะไรเลย?”

จ้าวฝู่ระเบิดหัวเราะลั่นด้วยความภาคภูมิใจ

จ้าวฝู่มีลูกชายเพียงคนเดียว ดังนั้นย่อมต้องเอาใจใส่และตามติดไม่ห่างสายตาเป็นธรรมดา เมื่อใดที่ลูกชายของเขาตกอยู่ในอันตราย หยางหู่จะต้องออกมาปกป้องลูกชายคนนี้ของเขาด้วยชีวิต!

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“คราวนี้ผมต้องบากหน้ายืมเงินพ่อสี่พันล้านจริงๆ พ่อโอเคหรือเปล่า?”

จ้าวฝู่ยิ้มตอบไปว่า

“แน่นอน ฉันให้แกยืมได้ตลอดนั้นแหละ แต่ประเด็นสำคัญคือ ฉันอยากรู้ว่าทำไมแกถึงอยากเข้าควบคุมฮวาหยินกรุ๊ปขนาดนั้น? แกต้องให้เหตุผลกับฉันก่อน”

“เหตุผลงั้นเหรอ? ง่ายๆ เลยครับ ผมพยายามหาช่องทางลัดเพื่อผลักดันบริษัทเฉียนเก๋อของผมเป็นที่รู้จักแกสาธารณะโดยใช้เวลาอันสั้น”

เอาเข้าจริงๆ ที่เขาต้องการซื้อฮวาหยินกรุ๊ปเป็นเพราะเขาโกรธหวานเจียงเฉยๆ ส่วนเหตุผลอื่นๆ กลับตกเป็นรอง

เมื่อได้ยินว่าลูกชายตัวเองต้องการผลักดันธุรกิจ จ้าวเฉียนก็ไม่มีข้อคัดค้านเช่นกันและตอบกลับไปว่า

“ตกลง! ฉันจะลองให้โอกาสแกดู อยากจะเห็นเหมือนกันว่าแกสามารถทำอะไรได้บ้าง ฉันจะบอกหวู่เทียนจือเองว่า ถ้าแกต้องการเท่าไหร่ก็อนุมัติได้ตามต้องการเลย แต่ฉันก็ขอพูดอะไรสักหน่อยนะ ครั้งนี้มันเป็นเงินจำนวนค่อนข้างมาก ฉันไม่มีทางทิ้งเงินเล่นไปขนาดนี้ โดยที่สุดท้ายแกให้เหตุผลว่า เป็นค่าประสบการณ์เด็ดขาด”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบทันทีว่า

“ผมเข้าใจแล้วครับ พ่อไม่ต้องกังวล ผมมั่นใจว่าตัวเองจะต้องทำโครงการนี้ออกมาได้ดี และดีพอตามที่พ่อคาดหวัง ไม่ได้เอาเงินครอบครัวไปโยนทิ้งโดยเปล่าแน่นอน”

“ฮ่าฮ่า…ตกลง ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอดูผลงานแกก็แล้วกัน จะว่าไปแกกับแม่สาวน้อยฮวาหยินกรุ๊ปไปถึงไหนแล้ว?”

จ้าวฝู่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเฉียนสะดุ้งเฮือกทันใด และรีบตอบกลับไปทันทีว่า

“อะไรคือไปถึงไหนแล้ว? ผมกับเธอ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”

จ้าวฝู่หัวเราะเสียงดังลั่นซ้ำสองและตอบไปว่า

“ก็แกพูดเข้าสิ นี่กำลังงอนกันอยู่สิท่า? แต่แกก็อายุไม่น้อยแล้วนะ ควรหาใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิตได้แล้ว ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากแกมากนะ ขอแค่ใครก็ได้เหมาะแม่สาวน้อยฮวาหยินกรุ๊ปนั่น ครอบครัวมีประวัติขาวสะอาด เป็นคนมีความรู้ความสามารถ ช่วยนายบริหารธุรกิจได้ แค่นั้นเอง แต่ถ้าถามพ่อแม่สาวน้อยฮวาหยินกรุ๊ปนั้นตรงทุกคุณสมบัติเลยนะ แถมแม่แกก็ดูถูกใจอีกต่างหาก”

จ้าวเฉียนกลอกตามองบนอย่างช่วยไม่ได้และเปลี่ยนเรื่องทันที

“พ่อคิดเยอะเกินไปแล้ว ผมยังมีธุระที่ต้องทำ ว่างๆ เดี๋ยวโทรไปหาใหม่แล้วกัน แค่นี้นะครับ”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็กดวางสายำไป รอให้หวู่เทียนจือแจ้งลงมายังหวู่เสี่ยวหัวอีกทีหนึ่ง

ประมาณหน้าหาทีต่อมา หวู่เทียนจือก็โทรสายมาหาหวู่เสี่ยวหัว เพื่อให้เธอลงนามในสัญญาเงินกู้

หลังจากดำเนินการทุกอย่างเสร็จสิ้น เธอก็เดินมาหาจ้าวเฉียนอีกครั้งและกล่าวว่า

“คุณชายจ้าว ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะคะ ถ้าต้องการให้ทางฟู่ไห่เข้าออเดอร์เมื่อไหร่ ก็โทรหาดิฉันได้ตลอด24ชม.นะคะ”

จ้าวเฉียนพยัดหน้าตอบดูท่าพึงพอใจไม่น้อย และกล่าวว่า

“งั้นก็รอไปก่อนครับ เดี๋ยวคุณช่วยส่งข่าวเสียของทางฮวาหยินกรุ๊ปให้กับทางสื่อหลักต่างๆ ก่อน เพื่อกดราคาหุ้นให้ได้ต่ำที่สุด จากนั้นก็จะใช้โอกาสนี้เข้าซื้อแบบถัวเฉลี่ย หรือให้ดีที่สุด ก็รอราคาทะลุแนวรับไปเลยค่อยกวาดซื้อทั้งหมดมา ผมอยากลดต้นทุนให้ได้มากที่สุดครับ โทรหาเบอร์นี้ได้เลย เขาจะช่วยขุดหาข่าวเชิงลบให้คุณเอง”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็มอบเบอร์ของหยางหู่ให้แก่หวู่เสี่ยวหัวไป

หวู่เสี่ยวหัวที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับยกนิ้วให้ทันที เธอกล่าวชื่นชมขึ้นว่า

“ไม่คิดเลยว่าคุณชายจ้าวจะทั้งเด็ดขาด เลือดเย็นขนาดนี้ ถึงใช้กลยุทธ์ปล่อยข่าวเสียเพื่อควบคุมราคาหุ้น”

“ฮ่าฮ่า….แต่ก่อนผมเคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะน่ะครับ ความรู้สึกเลยตายด้านไปกับอะไรพวกนี้ไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์ในเวลาแบบนี้เหมือนกัน”

จ้าวเฉียนลุกขึ้นกล่าวคำอำลาและเดินจากไปทันที ทางด้านหวู่เสี่ยวหัวก็รีบเดินออกมาส่งเขาเช่นกัน

“อ่อ…จะปล่อยข่าวเสียจนทำให้ประธานบริษัทนั้นล้มละลายเลยก็ได้นะ ทางเราจะได้ประหยัดทุนหน่อย”

“ได้เลยค่ะ! คุณชายจ้าวขับรถปลอดภัยนะคะ”

จ้าวเฉียนเดินออกไปทักทายบรรดาเพื่อนร่วมงานเล็กน้อย ถึงอย่างไรเราในตอนนี้ก็เป็นพนักงานของบริษัทฟู่ไห่แล้วเช่นกัน แม้จะเป็นแค่ในนามก็เถอะ

พอจ้าวเฉียนลงลิฟต์จากไป บรรดาพนักงานเหล่านั้นก็เริ่มจับกลุ่มกระซิบกันทันที

“นี่ นายคิดว่าวันๆ จ้าวเฉียนทำอะไรบ้าง? เห็นแทบจะไม่เข้าบริษัทมาเลย”

“ฉันได้ยินมาว่า ประธานหวู่มอบหมายงานให้เขาออกไปเสาะหาบริษัทที่เหมาะแกการลงทุนเพิ่มเต้มมาน่ะ ดูเหมือนว่าเป้าหมายในครั้งนี้จะเป็น ฮวาหยินกรุ๊ป”

“แต่ความสามารถในการทำกำไรของฮวาหยินกรุ๊ปมันไม่ผ่านเกณฑ์กำหนดของบริษัทไม่ใช่เหรอ? ทำไมจ้าวเฉียนถึงยังเลือกที่นี่ล่ะ? แล้วประธานหวู่ตอบตกลงหรือเปล่า?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+