ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต 34

Now you are reading ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต Chapter 34 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.34 – ปรากฎกายพร้อมกับความเจ็บปวด [ร่างมาร]ของราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

“อุว๊ากกกกกกกกกกกกก!”

 

ผมเอามือกุมหัว

 

เจ็บ ทรมานทรมานทรมาน

อุหวา นี่มันอะไรกัน เจ็บสุดๆ! แขนซ้ายก็ชาไปหมดเลย!?

 

ทำไมถึงมี[เสียงเรียกราชาผู้พิชิต]ที่นี่ได้ล่ะ?

ผมช่วยแท้ๆ แต่ทำไมผมถึงได้รับการโจมตีทางจิตใจจากพวกเดียวกันฟะ?

 

“ทะ ท่านพี่!? เป็นอะไรไหมคะ!?”

“…ช่างเรื่องของผมเถอะ… ยิ่งกว่านั้น ริเซ็ตไปสนับสนุนคุณกัลลุงก้าที ทุกคนไม่สามารถรับมือกับแมลงที่บินอยู่ได้ แต่ถ้าเป็นเวทมนต์ของริเซ็ตสามารถจัดการได้แน่”

“ค ค่ะ”

 

ริเซ็ตออกวิ่งตามคำสั่งของผม

ทั้งคุณกัลลุงก้า ทั้งพวกคนในหมู่บ้าน ต่างก็ต่อสู้กับทหารของศัตรูอย่างมุ่งมั่น

เรื่องนั้นก็ดีอยู่หรอก…แต่ทำไมต้องเรียกราชาผู้พิชิตฟะ พอแล้ว! หยุดตะโกนได้แล้ว!

 

“…งั้นเหรอ ตอนที่ผมหลอกอัศวินดำ พวกคุณกัลลุงก้าก็อยู่ใกล้ๆด้วยสินะ”

 

ทั้งคำพูดที่ว่า[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]หรือ[ศัตรูคู่อาฆาตของเทพธิดาบนสรวงสวรรค์]ของผม ได้ยินด้วยงั้นเหรอ

 

บางทีพวกคุณกัลลุงก้าคงจะใช้ชื่อของผมเพื่อปลุกความกล้าของชาวบ้าน

ดังนั้น คุณกัลลุงก้าไม่ได้ทำอะไรผิด

พวกชาวบ้านเอง…ก็ต้องตะโกนเพื่อปลุกกำลังใจดังนั้นก็ช่วยไม่ได้

ถ้าอย่างนั้น ที่ทำให้ผมต้องได้รับการโจมตีทางจิตใจ…มันเป็นความผิดของใครกัน–

………

……

 

 

“ยกโทษให้ไม่ได้! เจ้าพวก[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]!!”

“เอ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋อ๋!?”

 

 

จะมาตกใจอะไรกันฟะ ไอ้เจ้าผ้าคลุม!

ทั้งหมด มันเป็นความผิดของแกไม่ใช่เหรอไงกัน!

ถ้าพวกนายไม่โจมตีหมู่บ้าน ผมก็คงไม่ได้รับ[เสียงเรียกราชาผู้พิชิต]หรอก!

 

“จัดการแล้วเอาข้อมูลของลัทธิมาให้หมด แล้วเอาไปแจ้งให้กับ[เจ้าเมืองคิโทล]กันเถอะ!”

 

ผมใช้สภาพ[ปลุกเผ่ามังกร]แล้ววิ่งออกไป

 

ทหารของลัทธินั้นรับมืออยู่กับเผ่ายักษ์ และพวกชาวบ้าน แมลงก็มีริเซ็ตเป็นคนรับมือ

ศัตรูของผมมี2คน

ผู้ชายผ้าคลุมสีเหลือง กับชายที่สวมเสื้อคลุมดำ

 

“อะ อาาา ทะ ทำยังไงดีครับ!? ท่าน[ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์]!?”

 

ชายผ้าคลุมเหลืองตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ถึงจะถือดาบอยู่ แต่ท่าทางก็อยากจะหนีเต็มแก่แล้ว ท่าทางหมอนั่นจะมีหน้าที่ในการชักจูง ไม่ใช่หน่วยต่อสู้

ชายผ้าคลุมดำนั้น–

 

“[ศัตรู…ความสามารถ…เกินคาด]”

 

ผมยาวสีเทาปิดใบหน้า

แขนขาบาง ผอมจนเห็นหนังหุ้มกระดูก ที่เห็นว่าตัวใหญ่ก็เพราะผ้าคลุมสีดำแดง

แถมยังมีพลังเวทแปลกๆ ที่ไหลออกมาจากร่างกาย

 

“รู้สึกแบบเดียวกับ[อัศวินดำเมเซรัท]เลย แกเองก็เป็นลูกน้องของ[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]งั้นเหรอ?”

 

อัศวินดำเมเซรัทใช้พลังนั้นในการยึดครอง[ปราสาทร้าง]แล้วควบคุมอสูรชั้นต่ำ

ถ้าเป็นประเภทเดียวกัน จะทำกับมนุษย์แบบเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

“เสียมารยาท! ท่านผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ จะเป็นลูกน้องของ[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]ได้ยังไง!!”

 

ชายผ้าคุลมเหลืองตะโกนออกมา

 

“ท่านผู้ชี้นำกับท่านปรมาจารย์ คือผู้ที่ก้าวข้ามความเป็ฯมนุษย์ด้วย[เวทมนตร์ดำ] เพียงแค่ใช้ประโยชน์จากของเหลือจาก[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]เท่านั้น! แล้วใช้มันในการชี้นำพวกเราเพื่อจัดการอาริเชียในปัจจุบัน เพื่อราชวงศ์ใหม่–อุเกี๊ยก!?”

 

ชายผ้าคลุมเหลืองถูกเตะจากด้านข้างจนตัวปลิว

 

“ท่านพี่โชมะ! จัดการแมลงตรงนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ! ขอมาร่วมต่อสู้ด้วยนะคะ!!”

 

ริเซ็ตสะบัดผมสีเงินแล้วพูดออกมา

ดูเหมือนเพราะชายผ้าคลุมเหลืองเอาแต่พูด ก็เลยไม่รู้สึกตัวว่าริเซ็ตเข้ามาใกล้

 

“เร็วจริงๆเลยนะ ริเซ็ต”

“ถ้ามีดาบที่ท่านพี่ให้มา อย่างแมลงแปปๆก็จบแล้วค่ะ!”

 

ในมือของริเซ็ตคือ [ดาบยาวโคตรแข็ง]ที่ผมเสริมแข็ง

พอหันกลับไป ที่อยู่ข้างหลังของเธอก็คือ พวกตั๊กแตนปาทังกาที่ไม้เกรียมกลายเป็นศพนอนเกลื่อนกลาด พวกระดับนั้น ไม่ใช่คู่มือของริเซ็ตสินะ

 

อีกฝั่งคือกองกำลังผสมของเผ่ายักษ์กับชาวบ้านที่ต่อสู้อยู่กับทหารของลัทธิ

เผ่ายักษ์ใช้กระบองที่[Enchant(เสริมแกร่ง)]พังอาวุธของทหาร ถ้าเป็นแบบนั้นปล่อยไว้ก็คงไม่เป็นไร

 

“เผ่ายักษ์ กับหมู่บ้านใกล้ๆอุตส่าห์มีความสัมพันธ์กันได้แล้วแท้ๆ”

 

ผมกับริเซ็ตยืนเรียงกันแล้วกำดาบ

 

“จัดการเจ้าพวกนี้แล้วทำให้ชายแดนสงบสุขกันเถอะ”

“ค่ะ แต่ว่า ระวังตัวด้วยนะคะ เจ้านี่…เป็นอสูรระดับสูงค่ะ”

“จริงๆด้วยสินะ”

“ไม่รู้ว่าเป็นมนุษย์ที่กลายพันธุ์จากการที่ใช้[เวทมนตร์ดำ]มากเกินไป หรือถูกลูกน้อง[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]อัญเชิญมาค่ะ แต่ว่า แข็งแกร่งคนละระดับกับอสูรธรรมดาไม่ผิดแน่ค่ะ ถ้าเป็นท่านพี่คงจะชนะได้ง่ายๆอยู่หรอก แต่ระวังเป็นแผลด้วยนะคะ!”

“พี่ชายก็ไม่โกงขนาดนั้นสักหน่อยนะ!?”

 

ผมกับริเซ็ตออกวิ่ง

 

[–แมลงแห่งคมดาบเอ๋ย จงออกมา]

 

 

 

ชิ้ง

 

 

 

มีเคียว2เล่มพุ่งออกมาจากผ้าคลุมของ[ผู้ชี้นำ]ที่เดินเข้ามาใกล้อยู่ตรงหน้า

 

“[ปลุกเผ่ายักษ์]! [Orge Force(พลังยักษ์)]・zwei(2เท่า)!!”

 

ผมใช้ดาบยาวที่[เสริมแกร่ง]ปัดเคียวสีดำ

 

 

 

ก๊ะ กิ๊งกิ๊งกิ๊งกิ๊งกิ๊ง!! กํ๊ง!!

 

 

 

เสียงชวนเสียดหูดังขึ้น แล้วเคียวที่เล็งคอของผมก็ขาดเป็นสองท่อน

 

ถ้าเป็น[ดาบศักดิ์สิทธิ์]ก็คงจะจัดการง่ายๆ…แต่ว่ามันกินพลังเวทมหาศาล ถ้าใช้นอกเขตแดนพลังเวทของ[ราชา]ก็จะหมดแทบจะในทันที…แล้วการ[เสริมแกร่ง]ทั้งหมดก็จะหายไป ถ้าจะใช้ก็ต้องเป็นสถาณการณ์ที่โดนแน่นอน

 

“ริเซ็ตเป็นอะไรไหม?”

“ไม่เป็นไรค่ะ–! [Craile Flare(เพลิงชำระล้าง)]!!”

 

ฟู๊ม

 

เพลิงชำระล้างที่ปล่อยจากมือของริเซ็ต เผาเคียวสีดำ

 

[กิช๊าาาาาา!]

 

ตัวจริงของแมลงที่โผล่ออกมาจากผ้าคลุม–บิดร่างกายแล้วกรีดร้องออกมา เป็นแมลงที่มีเคียวขนาดยักษ์ ร่างปกคลุมด้วยเปลือกสีดำ…ด้วงคีม

 

“การที่อสูรจะหันคมมีดให้ท่านพี่โชมะน่ะ ยังเร็วไป100ปีค่ะ!!”

 

ริเซ็ตถีบพื้น ขึ้นไปใช้ดาบยาวตัดส่วนหัวของมัน

 

[–กว๊าา]

 

ฉับ

 

ส่วนหัวของด้วงคีมถูกตัดจนร่วงลงบนพื้น

 

“เจ้าผู้ชี้นำ–อยู่ด้านบนเหรอ?”

 

ผมมองขึ้นไปเหนือหัว

ร่างกายของผู้ชี้นำผู้จับอยู่โดยตั๊กแตนปาทังกายักษ์

เจ้านั่นเคลื่อนที่บนอากาศได้ด้วยเหรอ…น่ารำคาญจริง

 

“ขอประกาศว่าราชวงศ์[อาริเชีย]ที่จักรพรรดิมังกรก่อตั้งขึ้น มันจบสิ้นลงแล้ว”

 

[ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์]แห่ง[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]พูดออกมา

 

“ราชวงศ์ใหม่จะก่อกำเนิดขึ้นจาก[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ที่ได้รับพรจากเปลวเพลิงสีดำทมิฬ สืบทอดจักรพรรดิยุคโบราณ ก่อตั้งราชวงศ์ที่ถูกต้อง –”

“จะพูดอะไรเท่ๆก็เชิญเลย แต่ว่า ผมน่ะเลิกทำอะไรแบบนั้นไปแล้วล่ะ”

 

ผมพูดออกไป

 

“ตอบแค่คำถามเดียวก็พอ แกคิดจะใช้เวทมนตร์ดำสร้างราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาจริงเหรอ?”

“ไอ้พวกผิดปกติหรืออมนุษย์ จะมาเข้าใจความหมายของหน้าที่อันสูงส่งของพวกเราได้ยังไง–”

 

[ผู้ชี้นำ]สะบัดผ้าคลุมดำแล้วตะโกนออกมา

 

“แล้ว ที่ใช้เวทมนตร์ดำให้เชื่อฟัง เพื่อทำประโยชน์ให้กับเจ้าจักรพรรดิเพลิงทมิฬงั้นเหรอ?”

“ไร้ความหมาย ไร้ความหมาย ไม่มีค่าให้ต้องพูดกับอมนุษย์ ไร้ค่า…”

 

พูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว ก็อสูรนี่นา

 

“บางที…คงคิดจะเพิ่มพรรคพวกเพื่อจักรพรรดิเพลิงทมิฬสินะ”

 

แล้วริเซ็ตก็เป็นคนตอบแทน

 

“ที่รวบรวมคำมาเข้าลัทธิ บางที ก็คงจะกำลังหาคนที่เหมาะสมกับเวทมนตร์ดำค่ะ จากนั้นก็สอน[เวทมนตร์ดำ]ให้ แล้วตั้งให้เป็นผู้มีอำนาจ ในระหว่างที่ทำแบบนั้น ทั้งร่างกายและจิตใจ ก็จะถูกเวทมนตร์ดำกลืนกิน–”

“จนกลายร่างเป็นอสูร สินะ”

“[ผู้ชี้นำ]นี่ก็คงเป็นหน่วยบุกเบิกนั่นน่ะค่ะ”

 

พอมอง[ผู้ชี้นำ]ที่อยู่เหนือหัวก็เข้าใจ

ร่างกายของมันค่อยๆกลายเป็นหนึ่งเดียวกับตั๊กแตนปาทังกา ไม่ว่าดูยังไงก็อสูร–หรือยังไงดี สัตว์ประหาดในหนังเกรดB

 

“คิค๊ะค๊ะค๊ะค๊ะค๊ะค๊ะค๊ะ! [ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ของพวกเราได้รับพลังมาเพื่อที่จะโค่นล้มราชวงศ์อันเน่าเฟะ พวกเราไม่ได้ถูกเวทมนตร์ดำใช้งาน แต่เลือกที่จะใช้เวทมนตร์ดำต่างหาก–เอระ เอระเอระเอระเอระ”

“สัตว์ประหลาดพรรค์นี้ ไม่ต้องให้ถึงมือท่านพี่หรอกค่ะ! ริเซ็ตจะจัดการเองค่ะ!”

 

ริเซ็ตออกวิ่ง จากนั้นก็ถีบต้นไม้ใกล้ๆกระโดดขึ้นไป

กระโดดอย่างสวยงามขึ้นไปฟาดดาบใส่ผู้ชี้นำที่อยู่บนอากาศ

 

“[ด้วยนามแห่งเพลิงสีดำทมิฬ–ผู้ทิ่มแทง]”

 

อยู่ๆ[ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์]ก็ตะโกนออกมา

แล้วสิ่งที่ปรากฏออกมาจากผ้าคลุมก็คือ–

 

“–กรี๊ด”

“[ปลุกเผ่าปักษา]!!”

 

ผมรีบกางปีกบินขึ้นไป จับมือของริเซ็ตแล้วดึงร่างกายบางๆมากอดไว้

แกร๊ง เกิดเสียงดังขึ้น

ดาบของริเซ็ตปะทะเข้ากับเข็มของพวกผึ้งยักษ์

 

“เป็นอะไรไหม ริเซ็ต!?”

“ค ค่ะ ขออภัยด้วยค่ะ ท่านพี่โชมะ!”

 

ยุ่งยากจริงๆเลยนะ ผู้ใช้แมลง รอบนี้เป็นผึ้งเหรอ

เจ้านั่น–ตัวเกลียร์ พิลล่าร์นั้นลอยอยู่กลางอากาศ แล้วให้ผึ้งหลายตัวล้อมเอาไว้ มีจำนวน8ตัว มาทางเรา2ตัว ส่วนที่เหลือตรงไปทางเผ่ายักษ์และชาวบ้าน

 

“โทษที ริเซ็ตช่วยไปสนับสนุนเผ่ายักษ์กับชาวบ้านอีกครั้งที”

“ค่ะ แค่ว่า ท่านพี่โชมะล่ะคะ?”

“ผมจะจัดการ[ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์] ถ้าไม่อย่างนั้นผ่านไปนานแค่ไหนก็คงไม่จบหรอก”

 

พอมั่นใจว่าริเซ็ตวิ่งออกไปแล้ว ผมก็มองขึ้นไปด้านบน

 

[วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊!!]

“หนวกหู”

 

ผมใช้[ปลุกเผ่ามังกร]

ผึ้งที่ตรงมาทางนี้กลายเป็นฝุ่นด้วย[Breath(มังกรคำราม)]

ตัว[ผู้ชี้นำ]กำลังบินวนอยู่บนอากาศ [Breath(มังกรคำราม)]ก็ไม่น่าจะโดนเจ้านั่น ถึงคิดจะสู้กันบนอากาศไป หมอนั่นก็น่าจะเรียกแมลงมาอีก น่ารำคาญจริง ถ้ามีวิธีที่จะโจมตีเจ้านั่นจากบนพื้นง่ายๆอยู่ล่ะก็–

 

“[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ อะไลกัน!][ราชาผู้พิชิตที่แท้จริงมีเพียงแค่จักรพรรดิเพลิงทมิฬเท่านั้น!][เจ้าผู้ที่ไม่รู้จักความมืด จงเป็นอาหารแมลงไปซะ!][คุค๊ะค๊ะค๊ะ]!!”

“–หืมม?”

 

รู้สึกหงุดหงิด

ทหารกับแมลง

เป็นแค่เจ้าพวกต่ำต้อยที่ทำได้แค่ใช้งานลูกน้องแล้วหนีไปแท้ๆอย่ามาทำหัวเราะนะว้อย

 

“พูดว่า ผู้ที่ไม่รู้จักความมืด สินะ”

“[คุค๊ะค๊ะค๊ะ!?]”

 

[ผู้ชี้นำ]มองมาที่ผม

หัวเราะจนปากเป็นรูปจันทร์เสี้ยว

 

“ผู้ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความมืดเหรอ…น่าขัน จะหุบปากโง่ๆนั่นให้เอง”

 

ผมพูด

 

“ไอ้คนที่ได้แต่ใช้งานคนอื่นแล้วทำได้แค่หัวเราะไปวันๆ จะไปรู้จักความมืดที่แท้จริงได้ยังไง”

 

แมลงคืออสูรรับใช้使い魔ของเจ้านั่น–หรือก็คือ[มาร魔]

แล้วเมื่อกี้ผมก็จัดการมันไป

 

ดังนั้น สกิลก็เลยเปิดใช้งานได้แล้ว

พลังอันดับที่5ของ[คิริวโอ โชมะ]ที่สร้างความเสียหายให้แม้แต่ตัวผู้ถือครอง

 

“–[ด้วยนามแห่งราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ ขอปลดปล่อยพลังต้องห้าม จงรับฟัง บทสวดแห่งความมืดมิด–]”

 

ดังนั้นผมจึงยืดแขนซ้ายออกแล้วพูดออกไป

 

 

 

“[ความมืดอันจริงแท้ จงมาสถิตที่กายข้า]”

 

 

 

 

ผม–ปลุกถ้อยคำที่เคยลืมไปแล้ว

…ให้ตายสิ อายุก็ปาเข้าไปสามสิบแล้ว ทำไมต้องมาพูดคำแบบนี้ด้วยเนี่ย …

 

 

“[มันคือสัตว์ร้ายที่ออกมาจากเงา

มันคือความมืดอันมีนามทั้งแปดสิบแปด

จงกลายเป็นคมดาบของข้าที่จะกลืนกินศัตรู คมดาบแห่งจุดจบ]”

 

“[คุค๊ะค๊ะ?] พูดอะไลน่ะ…?”

 

“[พรแห่งสรวงสวรรค์ได้จากไปแล้ว

บรรลังค์แห่งราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ก็ได้พังทลายลง

โลหิตของราชาจะนำมาซึ่งสัตว์ร้ายจากขุมนรก

เพื่อฉีกกระชากเหล่าผู้ที่โง่เขลา!!]”

 

“อะไล…พูดอะไลไม่เห็นเข้าใจเลย! แกพูดอะไร!?”

“เรื่องนั้นก็ไปถามผมตอนสิบขวบเอาสิฟะ!!”

 

ผมแทงดาบลงบนพื้น พิธีใช้งานสกิลเสร็จสมบูรณ์แล้ว

 

 

 

“นี่คือพลังที่จะทำให้แกจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกของขุมนรก–[ปลุกเผ่ามาร]!”

 

 

 

จากนั้น–หมอกพลังเวทสีดำก็เข้าปกคลุมร่างของผม

 

รูปลักษณ์ของผมเปลี่ยนไป

เสื้อของต่างโลกที่ใส่จนเริ่มชินแล้ว เปลี่ยนไปเป็นชุดของโลกเดิม

ผมที่ตัดสั้นตอนหางานก็ยาวขึ้น ผ้าสีขาวเข้าปกคลุมร่างกาย

 

–[ปลุกเผ่ามาร]

มันคือหนึ่งในรูปลักษณ์ของ[คิริวโอ โชมะ]ที่มีพลังโจมตีแข็งแกร่งที่สุด

 

[เผายักษ์]ก็คือยักษ์ [เผ่ามังกร]ก็คือมังกร [เผ่าปักษา]ก็คือผู้ที่สามารถบินได้ทั้งหมด

เผ่ามารก็คือ การที่สามารถใช้พลังที่มี[มาร魔]ได้

 

มันคือพลังที่ใช้งานยากที่สุด สร้างความเสียหายมากที่สุด–

 

 

 

–แถมยังเป็นพลังที่น่าอายที่สุด

 

 

 

“…โอ้”

 

หมอกสีดำ จางหายไป

แปลงร่างเสร็จสมบูรณ์

…อยากกลับไปมุดผ้าห่มที่บ้านมันซะเดี๋ยวนี้เลย

 

“ท่านพี่โชมะ รูปร่างนั้นมัน!?”

“โทษที ริเซ็ต ช่วยอย่ามองมาทางนี้ที”

“แต่ว่าแต่ว่า เท่สุด–”

“ช่างเถอะน่า! นี่เป็นคำสั่งของพี่ชาย ขอร้องล่ะ!!”

 

ผมพนมมือหันไปทางริเซ็ต

 

ดีจริงๆที่ไม่มีกระจกอยู่ ขีนได้เห็นตัวเองในร่างนี้คงทนไม่ไหวแหงๆ

ที่แขนซ้ายของผม มีผ้าพันแผลโบกสะบัด

 

รู้สึกหนักๆที่แขนขวา ก็พบว่ามีกำไลข้อมืออยู่2อัน เป็นอันที่ติดพาวเวอร์สโตนที่น่าจะหายไปในโลกเดิมแล้วแท้ๆ เป็นของที่ใช้ค่าขนมซื้อมาสมัยจูนิเบียว

 

ที่หน้าผากมีผ้าพันแผลพันอยู่ เพื่อสกัดกั้นจักระที่จะบ้าคลั่ง(ตามที่เซ็ตติ้งไว้) ผมหน้ายาวปิดซ่อนตาซ้ายสีแดง

ผ้าคลุมสีดำยาวเข้ากับร่างกายในตอนนี้

ไม่ใช่การอัญเชิญเอาของจริงมา แต่เป็นการใช้พลังเวทสร้างเสื้อขึ้นมาชั่วคราว

 

นี่คือ[ปลุกเผ่ามาร]

 

คิริว โชมะวัยสามสิบที่สวมชุดคอสตูมของคิริวโอ โชมะในสมัยจูนิเบียว

 

“อั๊ก!!”

 

เจ็บ เจ็บว้อยยยยยยยย

ไม่ไหว ยังไงชุดนี้มันก็หนักเกินไปแล้ว ดาเมจทางจิตใจไม่ใช่น้อยๆเลย

ถึงจะมีพลังอันแข็งแกร่งที่สามารถรับมือกับการต่อสู้เป็นกลุ่มได้…แต่สกิลนี้ จิตใจของทางนี้ทนไม่ได้หรอก

ทำใจดีๆไว้…ผมน่ะ เลิกเป็นจูนิเบียวแล้ว…

 

“อายุก็จะสามสิบแล้ว ทำไมต้องมาคอสเพลย์เป็นจูนิเบียวด้วยเนี่ย…”

 

สวมผ้าคลุมสีดำ มีผ้าพันแผลที่หน้าผาก และแขนซ้าย มือขวามีกำไลสีเงินและสีดำ บางที ถ้าแกะผ้าพันแผลที่แขนซ้ายออกคงจะมีตราสัญลักษณ์ที่สร้างขึ้นมาเองอยู่ด้วย ถึงไม่คิดจะไปดูก็เถอะ!

 

“…อะไลกัน แก รูปร่างนั่นมัน!?”

 

[ผู้ชี้นำ]ที่กลายเป็นแมลงเหนือหัวเบิกตากว้าง

ตกใจที่อยู่ๆก็แปลงร่างเหรอ หรือว่าตะลึงกับพลังเวทอันล้นเหลือของ[คิริวโอ โชมะ]…

 

“บอกคนที่จะกำลังตายไปมันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ?”

 

ที่กลายเป็นร่างนี้ ก็เพื่อที่จะบดขยี้[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]มันซะที่นี่

ใช้พลังโจมตีสูงที่สุด ใช้พลังโดดเด่นที่สุด ทำให้รู้ว่าไม่ควรที่จะมายุ่งกับอมนุษย์

เพื่อไม่ให้มารุกรานหมู่บ้านฮาซามะและหมู่บ้านในเขตชายแดนอีกเป็นครั้งที่สอง

แล้วถ้าเป็นไปได้ ผมก็จะได้จบเรื่องโดยไม่ต้องแปลงเป็นร่างนี้อีกครั้ง…

 

“ต่อจากนี้แกจะได้รับรู้ถึงความมืดที่แท้จริง ข้าจะทำการเรียกสิ่งที่อยู่ในความโกลาหลจากอดีตราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์[คิริวโอ โชมะ]จะได้ร่างนี้ออกมา พลังแห่งมารทั้ง88เผ่า!!”

 

ผมพูดออกไป

ก็มันเป็นหนึ่งในบทสวดใช้งานนี่นะ ก็ช่วยไม่ได้

 

“มารทั้ง88 งั้นเหรอ!?”

“อา แม้แต่ข้าก็ยังรู้ชื่อของพวกมันไม่ถึงครึ่ง จงเปิดออกประตูแห่งหมู่มาร”

 

ผมใช้นิ้ววาดวงเวทบนอากาศ

มารทั้ง88–เป็นอสูรรับใช้ที่ผมสร้างขึ้นมาด้วยพลังเวท ที่สร้างขึ้นมาก็มีถึง20ตัว แต่หลังจากนั้นก็เบื่อไปซะก่อน

ที่ดูน่าจะใช้ได้ก็…

 

“[From Hide Shadow(จงออกมาจากเงาเสียเถิด)]!! [Hawk of Darkness(เหยี่ยวแห่งมนต์ดำ)]!!”

 

ผมกระทืบส้นเท้าไปที่เงาของตัวเอง

 

[กิช๊าาาาา!]

 

นกที่เหมือนกับเงา–สีดำ บินออกมาจากเงาของผม

บินตรงไปหาฝูงผึ้งที่บินอยู่เหนือหัวของเผ่ายักษ์และชาวบ้าน

 

“หา–!?”

[กิช๊า! กิช๊า! กีช๊าาาาา–!!]

 

นกเงากรีดร้องออกมา–ส่งเสียงว่า ช่าา

 

เสียงกระพือปีกของผึ้งหายไป ปีกถูกฉีก ท้องถูกแทง พวกผึ้งทั้งหมดก็ร่วงหล่นลงมา

 

“…กะ เกิดอะไรขึ้น?”

“มองไม่เห็นเลย อสูรรับใช้ขององค์ราชา จัดการพวกผึ้งไปงั้นเหรอ!?”

“สุดยอด…นี่น่ะเหรอพลัง–ของราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์”

 

พวกคุณกัลลุงก้าพึมพำ

แต่ว่ามันทำเอาเสียสมาธิหมดช่วยหยุดไอ้[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]ทีเถอะนะ

 

“จัดการตัวผู้ชี้นำซะ! อสูรรับใช้ของราชาผู้พิชิตเอ๋ย!”

 

ผมพูดออกไป

เหยี่ยวเงาเปลี่ยนทิศทาง

หันไปหา[ผู้ชี้นำที่บินอยู่บนอากาศ]

 

“บ้าน่า!”

 

[ผู้ชี้นำ]ร้องออกมา

 

“บ้าน่า! บ้าน่า! [มะ มะมะมะมะมะมะ–แมลงใบมีดเอ๋ย จงออกมา]!!”

 

 

 

แซ่ก

 

 

 

[เคียว]ที่ออกมาจากผ้าคลุมของ[ผู้ชี้นำ] ผ่านกของผมเป็นสองท่อน

 

“ปะ เปนไงร่ะ อสูรรับใช้ระดับนี้–พออยู่ตรงหน้าเวทแห่งความมืดแล้ว…”

“ก็นะ ก็คงอย่างนั้นละ ก็ไม่ได้ใส่พลังเวทไปขนาดนั้นนี่นา”

“หา!?”

“จริงๆพึ่งเคยใช้ครั้งแรกน่ะ ก็เลยลองด้วยอสูรรับใช้ที่อ่อนที่สุดดู แต่ว่าความแม่นยำมันต่ำจริงๆด้วยสินะ สั่งก็ไม่ค่อยได้ด้วย ถ้าอย่างนั้น ใช้กำลังอัดไปตรงๆเลยคงจะดีที่สุด”

“…อะ อะ อาาา”

 

หืม? [ผู้ชี้นำ]ของ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน] หน้าซีดสินะ เมื่อกี้ทำสีหน้าแบบนั้นเหรอ?

ก็อสูรนี่นา ก็ไม่แปลกที่จะอ่านสีหน้ายาก

 

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่การต่อสู้ระหว่างกองกำลังเผ่ายักษ์・ชาวบ้านกับทหารลัทธิก็จบลงแล้ว ทหารทุกคนหมดแรงคุกเข่าลงกับพื้น ทุกคนหน้าซีดมองมาทางนี้

น่าแปลก น่าจะเห็นอสูรรับใช้จนชินแล้วนี่นา? ทำไมถึงตัวสั่นแบบนั้นล่ะ?

ถ้าเป็นแบบนั้น ถ้าเจอกับผู้ที่ถูกอัญเชิญแบบถูกต้อง…อย่างยูกิโนะคงได้ช็อคจนตายแหงๆ

 

“เวทมนตร์ธรรมดาเนี่ยมันสะดวกกว่าอสูรรับใช้จริงๆด้วยสินะ…”

 

ทำไมตัวผมสมัยจูนิเบียว ถึงไม่ทำให้[ปลุกเผ่ามาร]เป็นผู้ใช้เวทติดตามแบบสะดวกๆกันนะ

ไม่สิ เพราะท่าไม้ตายที่ใช้ร่วมกับอสูรรับใช้มันเท่กว่าสินะ

 

“…เป็นไรล่ะ? แมลงหมดแล้วเหรอ?”

 

ผมหันไปถามผู้ชี้นำของ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]

 

“ถ้าไม่มีแรงจะสุ้แล้วก็ตอบคำถามมาซะ ผู้ชี้นำแห่ง[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]–ไม่สิ อสูรระดับสูง เกลียร์ พิลล่าร์ พวกแบบแกยังมีอีกไหม? อสูรประเภทที่แฝงเข้าในองค์กรของมนุษย์แล้วกัดกินจากภายใน มีสังกัดอยู่องค์กรไหนบ้าง? ถ้าไม่มีแมลงแล้วการต่อสู้มันก็จบแล้วล่ะ จะตอบก็ไม่มีอะไรให้เสียแล้วนี่?”

“…หุบ・ปาก・ไป・ซะ!!”

 

[ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์]ตะโกนแบบเห็นฟันออกมา

 

“[–จงออกมา!]”

 

ซู่

แมงมุมขนาดยักษ์ปรากฎตัวออกมาจากผ้าคลุมของผู้ชี้นำ

 

“[จากร่างมนุษย์–กลับสู่ร่างจริงอันสูงส่ง]–[กระตุ้นสัญชาตญาณ]–[ความหิวกระหาย–จงกินให้สิ้นเขมือบให้สิ้น]–[ในนามของจักรพรรดิเพลิงทมิฬผู้ยิ่งใหญ่]”

 

[ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์]ขึ้นขี่แมงมุมยักษ์ที่มีดวงตาสีม่วง ร่างท่อนบนฝังเข้าไป แล้วก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่ใช่ทั้งคนและแมลง ถ้าให้พูดตรงๆ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายแมงมุมสีเขียวที่มีขนนกงอกออกมา

 

“[โอ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊อ๊!!]–[ราชวงศ์ใหม่ที่จะมาเป็นภาชนะให้กับจักรพรรดิเพลิงทมิฬ]–[ศัตรูที่จะขัดขวางต้องถูกกำจัดซะที่นี่]–[จงถูกกินเป็นอาหารแบบไม่สามารถทำอะไรได้]–”

 

แมงมุมพ่นใยไปสี่ทิศทาง

แล้วก็ใช้ขาขนาดยักษ์กระโดดขึ้นไปบนอากาศ เร็วจริงแฮะ ทั้งๆที่เป็นแมงมุมแท้ๆ

 

แล้วแมงมุมตกลงใส่ชายผ้าคลุมเหลืองที่นอนกลิ้งอยูบนพื้น

 

“กุ๊เอ๊!? ทะ ท่านผู้ชี้นำ!?”

“[ไว้กินทีหลัง]–[จงกลายเป็นภาชนะให้กับลูกแมงมุมเสียเถิด]”

 

พริบตาเดียว

ใยที่แมงมุมยักษ์พ่นออกมาคลุมร่างชายผ้าคลุม แล้วแมลงเล็กๆก็ไต่เข้าปกคลุมร่าง เดินบนใยดังแกร๊กแกร๊ก ดูเหมือนจะกินไปทั้งอย่างนั้นเลย

 

“[แก]–[ล้อม]–[กิน]–[กลายเป็นอาหาร]–[ทั้งชายแดน][ทั้งหมู่บ้านของแก][ทั้งเด็กสาวตรงนั้น][ทุกสิ่ง][เหยื่อสังเวยของลัทธิ]”

“…งั้นเหรอ”

 

ผมตรวจสอบพลังเวทที่เหลืออีกครั้ง

[ยักษฺ์][มังกร]ลดลงไป20% [ปักษา]ลดลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง [มาร]ยังเกือบเต็มอยู่

ใช้อีกเยอะก็ยังสบายๆสินะ

 

ถ้าอย่างนั้น ก็จัดการด้วยท่าใหญ่ๆเท่าที่ทำได้ไปเลย

ระดับที่ทำให้[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]มันไม่อยากจะมาเหยียบชายแดนอีกเป็นครั้งที่สอง

 

“ถ้าอย่างนั้นจะแสดงให้ดู วิชาของ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์] คิริวโอ โชมะ จงใช้ดวงตานั่นจับตาดูให้ดี”

“ค่ะ ท่านพี่โชมะ!”

“ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์!”

“องค์ราชา!”

“ราชาโชมะ!!”

“ไม่ได้พูดกับริเซ็ต เผ่ายักษ์ แล้วก็พวกชาวบ้านสักหน่อย! ช่วยหันไปทางนั้นทีเถอะ!”

 

ผมพูดขัดสุดชีวิต แล้วปลดปล่อยพลังเวท

 

พลังของ[มาร] พลังของ[มังกร]

จากนั้นก็เอามาผสมกันสร้างขึ้นเป็นอสูรรับใช้อันดับที่16

ไม่สิ…อันดับที่17หรือเปล่า? บางทีอาจจะเป็นถนนหมายเลข11…ไม่สิ เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง

 

ถ้ามีพลงที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตรอดไปกับพรรคพวกได้ในยุคมืดนี้ แค่นั้นก็พอแล้ว!

 

 

 

“–[From Hide Shadow(จงออกมาจากเงาเสียเถิด)]!! ผู้ที่มีครอบครองอัตลักษณ์แห่งมังกรและมาร–[มังกรสองเศียร]!!”

 

 

 

พริบตาต่อมา–

 

มังกรสองหัวขนาดใหญ่พอๆกับต้นไม้ใหญ่ ออกมาจากเงาของผม

ไม่เหมือนกับมังกรของโลกนี้ เป็นมังกรที่มีลำตัวยาว

วิธีใช้งาน–ก็เข้าใจดี มันออกจะพื้นฐานสุดๆ

 

 

ถ้ามีเจ้านี้ก็สามารถใช้–หนึ่งในท่าไม้ตายทั้ง9ของ[คิริวโอ โชมะ]ได้แน่ๆ!

 

 

 

“จะแสดงให้แกที่กำลังจะตายได้เห็น ท่าไม้ตายของข้า[Absolute Scythe(มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์)]!!”

 

[GUอ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!]

 

 

 

จากนั้นมังกรสองเศียร ก็เข้าไปรุมฆ่าผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลลาร์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด