ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต 49

Now you are reading ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต Chapter 49 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.49 – การเดินทางเล็กน้อยของราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์กับการสร้างฐานนอกเขตแดน

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

หลายวันต่อมา

ผม ริเซ็ต และยูกิโนะก็ออกเดินทางไปยังเมืองหลวง

 

สัมภาระก็ใส่ไว้ใน[ภาชนะแห่งราชา] รวมถึงเสื้อไว้เปลี่ยน เสบียงอาหาร และของที่น่าจะใช้ได้ในการเดินทางทั้งหมดด้วย ตอนที่ใกล้ถึง[จุดเชื่อมเมือง]ก็เอาออก    มาแล้วใช้ปลอมตัวเป็นพ่อค้า

 

เดินทางด้วยทางอากาศ

ผมที่[ปลุกเผ่าปักษา]กับฮาร์ปี้ก็เป็นคนพาริเซ็ตกับยูกิโนะไป

ถ้าลัดผ่านถนนคดเคี้ยวป่าแล้วก็ทะเลสาปไป ก็จะเร็วกว่าทางบกอย่างมาก

ถ้าพลังเวทของผมใกล้หมดก็พักแล้วเดินสบายๆ บางทีก็มีจัดการอสูรไปบ้าง–

 

หลายวันต่อมา พวกเราก็เห็น[จุดเชื่อมเมือง]ในที่สุด

 

“…นั่นคือ[จุดเชื่อมเมือง]ที่ปกป้องเมืองหลวงเหรอ แค่กแค่ก”

 

ระหว่างที่บิน ผมก็มองไปยังสิ่งปลูกสร้าง

ที่เห็นอยู่ไกลๆก็คือกำแพงเมืองขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบภูเขาหินสีชาไหม้

 

ภ้าให้พูดแบบโลกเดิม ก็สูงประมาณตึก8ชั้น รอบๆกำแพงเมืองมีหอคอยเฝ้าระวัง พอเห็นอะไรที่เคลื่อนไหวอยู่บนนั้นลางๆด้วย คงจะเป็นทหารเฝ้ายามสินะ

 

เบื้องหน้ากำแพงเมืองก็มีเมืองอยู่ หน้านั้นอีกก็มีกำแพงเมือง

หรือก็คือถ้าจะผ่าน[จุดเชื่อมเมือง]ไป ก่อนอื่นก็ต้องผ่านกำแพงของเมือง หลังจากนั้นก็ต้องไปผ่านกำแพงเมืองขนาดยักษ์ของจริง

 

“ริเซ็ตเองก็พึ่งเคยเห็นครั้งแรกค่ะ สุดยอดเลยนะคะ…แค่กแค่ก”

 

ริเซ็ตเกาะตัวของผมพลางพูดแบบนั้นออกมา

เพราะเคยบินด้วยกันมาหลายรอบแล้ว ก็เลยชินกับการขนมาแล้ว

ผมสีเงินสยายไปตามลม สายตามองไปยังประตูที่อยู่ไกลๆ

 

“นั่นคือ…[จุดเชื่อมเมืองสินะคะ สมกับที่บอกเป็นจุดป้องกันเมืองหลวงเลยค่ะ]”

“ด้วยเทคโนโลยีของโลกนี้ สามารถสร้างของใหญ่ขนาดนั้นได้ด้วยเหรอ?”

“บางที…คงจะเป็นของที่ถูกสร้างในสมัยท่านจักรพรรดิมังกรค่ะ”

 

ริเซ็ตพูดออกมา

 

“ถ้าเป็นความสามารถกับพลังอำนาจของท่านจักรพรรดิมังกร ของแบบนั้นก็อาจจะสร้างได้อยู่ค่ะ”

“หรือก็คือ ไอ้นั่นก็เป็นมรดกของคุณจักพรรดิมังกรเหรอ”

“อาจจะมีวงเวทอยู่ด้วยนะคะ”

“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ”

 

ผมเงยหน้าขึ้น มองไปยัง[จุดเชื่อมเมือง]อีกครั้ง

 

ถึงจะยังห่างอยู่ แต่ก็เข้าใจเลยว่าใหญ่มาก เมืองที่อยู่ด้านหน้าจุดเชื่อมก็มีขนาดพอตัว ถ้าพูดด้วยมาตรฐานของโลกนี้ ก็คงพูดได้เลยว่าเป็นเมืองใหญ่

จะให้ทำเป็นไม่สนแล้วไปพูดตรงว่า“ขอโทษทีนะครับ ขอใช้วงเวทหน่อยได้ไหมครับ?”ไม่ได้

กลับกันถ้าได้รับอนุญาติ ก็คิดว่าเป็นกับดักได้เลย

 

เดิมทีคนที่ปกครอง[จุดเชื่อมเมือง]กับเมืองรอบๆก็คือเชื้อสายของ[สิบปราชญ์]ที่อยู่รอบตัวจักรพรรดิ ถ้าอยู่ๆผมเข้าไปถาม อย่างดีก็ถูกไล่ออกมา ถ้าอย่างร้ายก็คงโดนจับขังคุก

 

“คงจะเอาที่นั่นมาเป็นเขตของผมไม่ได้หรอก บางที”

“ค่ะ ริเซ็ตก็คิดแบบนั้นค่ะ ในตอนนี้

 

…นี่พูดอะไรแปลกๆต่อท้ายหรือเปล่าน่ะ?

 

“ยูกิโนะเคยผ่านจุดเชื่อมนั่นมาสินะ”

“การจะออกมันก็ง่ายๆค่ะ คุณโชมะ”

 

รุรุยกับโรโรย ฮาร์ปี้กางปีกบินเข้ามาใกล้ๆ

ยูกิโนะที่นั่งอยู่บนตะกร้าที่พวกเธอหิ้วอยู่ก็ใช้ผ้าล้างหน้าแล้วมองมาที่ผม

 

“ทางด้านใต้กับเหนือของ[จุดเชื่อมเมือง]มีเมืองต่างๆอยู่หลายเมืองใช่ไหมล่ะคะ?”

“อา ฝั่งนี้–ทางเหนือเป็นเมืองธรรมดา ส่วนทางใต้เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยระดับสูงกับเขตค้าขายสินะ?”

“ใช่แล้วค่ะ ทางเหนือหันเข้าหา[เขตของเจ้าเมืองคิโทล]กับชายแดน ทางใต้หันเข้าหาเมืองหลวงค่ะ ดังนั้น ด้านที่การเฝ้าระวังแน่นหนาก็คือด้านที่หันเข้าเมืองหลวงค่ะ ด้านที่ออกจากเมืองหลวงนั้น ก็แค่ปล่อยๆให้ออกจากเมืองหลวงไปเขตบ้านนอก ก็เลยไม่ได้ยากอะไรค่ะ…ฮัดชิ้ว”

“การจะไปฝั่งเมือลงหลวงนี่ยากจริงๆด้วยสินะ…แค่ก”

“จากคนที่ฉันเคยพบมา ก็จ่ายให้คนเฝ้าประตูไปหลายเหรียญ…ฮัดจิ้ว!”

“องค์ราชา!” “ครอบครัวขององค์ราชา!”

 

พวกฮาร์ปี้ส่งเสียงออกมา

 

““ลงไปล้างตัวกันหน่อยไหมค้า ที่นี่ ฝุ่นเต็มไปหมดเลยค่าา!””

“…นั่นสินะ”

 

ผมเห็นด้วยกับทั้งสองคน

จะว่ายังไงดี อากาศรอบๆก็เป็นสีเหลืองด้วยสิ

 

มีทรายฟุ้งมาจากภูเขาสีชาไหม้ทางด้านซ้ายขวาของ[จุดเชื่อมเมือง] ถึงบนพื้นจะไม่ได้มากมายอะไร แต่บนฟ้าค่อนข้างจะมีลมแรง ด้วยเหตุนั้น ทรายที่ลอยมาจากบนภูเขาก็เลยปลิวมาตามลม ทั้งผมทั้งริเซ็ตและยูกิโนะ ทั้งพวกฮาร์ปี้ก็เลยเต็มไปด้วยทราย แล้วเพราะว่ามันเข้าไปในจมูกก็เลยจามไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

 

“รุรุย โรโรย รู้จักแหล่งน้ำที่ไม่มีคนบ้างไหม? แถวๆนี้”

“มีอยู่ค่ะ!” “มีทะเลสาปอยู่ด้านบนค่ะ!”

“นำทางไปที ไปพักที่นั่นกันเถอะ”

““ค่าา””

 

ที่ที่รุรุยกับโรโรยฮาร์ปี้นำไปก็คือทะเลสาปที่อยู่ใจกลางของภูเขา

เพราะว่าถูกต้นไม้ซ่อนเอาไว้ก็เลยไม่รู้สึกถึงผู้คนเลย แถมไม่มีถนนที่ปีนมาถึงที่นี่ด้วย

แม่น้ำที่ไหลจากทะเลสาปก็ลงไปตามภูเขาไปเชื่อมกับแม่น้ำใหญ่บนพื้นดิน บริเวณปลายก็มีหมู่บ้านอยู่ ก็น่าจะเป็นต้นน้ำของตรงนั้น เพราะว่าเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่ ดังนั้นจะล้างตัวขนาดไหนก็ไม่มีปัญหากับคุณภาพน้ำ

 

“จะลงแล้วนะ ริเซ็ต จับให้แน่นๆล่ะ”

“ค ค่ะ ท่านพี่”

 

ผมหยุดปีกของ[ปลุกเผ่าปักษา] แล้วเริ่มร่อนไปตามอากาศ

จากนั้นก็ค่อยๆลดระดับลง ลงไปที่ริมทะเลสาป

 

“อาบน้ำมันก็ดีอยู่หรอก…”

 

มันไม่มีอะไรมาบังสายตาได้เลย

เบื้องหน้าเป็นผืนน้ำกว้าง เพราะว่าไม่มีคนเข้ามา ก็เลยไม่มีอาคารใดๆ

พอคิดว่าอาจจะมีอสูรหรือสัตว์ป่าบุกเข้ามา จะให้แยกกับทั้งสองคนก็ไม่ได้ด้วย

 

แล้วถ้าให้พูดจะให้ผมอาบน้ำกับริเซ็ต(อายุระดับนักเรียนมอปลาย)กับยูกิโนะ(อายุระดับนักเรียนมอต้น)มันก็…

 

“ฮะฮ๊าา!” ”รู้สึกดีจังเลยค่ะ!”

 

ถึงฮาร์ปีิ โรโรยกับรุรุยจะตัวเปลือยลงไปเล่นน้ำในทะเลสาปกันแล้วก็เถอะ

 

“…คือว่า จะเอายังไงกันดีคะ”

“…ฉะ ฉัน…คือว่า ไม่ค่อยมีความมั่นใจสักเท่าไหร่ดังนั้น…”

 

ริเซ็ตกับยูกิโนะหน้าแดงมองไปทางทิศอื่น

ถ้าเป็นฮาร์ปี้ที่ดูเป็นเด็กก็ว่าไปอย่าง แต่จะให้ผม ริเซ็ตแล้วก็ยูกิโนะอาบน้ำร่วมกันเนี่ย…จะว่ายังไงดี มันแปลกๆ

 

แล้วระหว่างที่อาบน้ำก็อาจจะมีอสูรหรือสัตว์ป่าบุกมาด้วย

มาคิดวิธีแก้ปัญหาดีกว่า

 

“ถึงจะอยู่นอก[เขตแดน]แต่ก็ใช้[ทหารมีจิตใจ]ได้สินะ”

 

เพราะอย่างนั้นก็เลยใส่[กำแพง]ที่เอนชานต์เก็บไว้ใน[ภาชนะแห่งราชา]เผื่อไว้

ขนาดก็มีทั้งใหญ่เล็ก เอามาเผื่อไว้หมด

 

[ทหารมีจิตใจ]นั้นถ้าอยู่ในเขตแดนก็สามารถใช้งานได้ตลอด แต่ข้างนอกก็จะผลาญพลังเวทส่วน[ราชา]ของผม

จะใช้งานนานๆก็คงไม่ไหว ใช้งานโลดโผนก็ไม่ได้–แต่ว่า ก็ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้

ในส่วนนั้นก็เลยลองทดสอบใช้งานจริงนอกเขตแดนมาแล้ว

 

“ก่อนอื่นก็ รั้ว เอาออกมาก่อนละกัน”

[เฮ! ][เฮเฮ!] [เฮฮฮฮฮฮ!]

“คือว่า…ทหารของเราเอ๋ย จะกลายเป็นห้องอาบน้ำเพื่อครอบครัวของเราเถิด”

[[[……เฮ?]]]

 

พวกทหารเอียงคอสงสัย…หรืออะไรแบบนั้นล่ะ

สำหรับรั้วของโลกนี้คงเข้าใจยากสินะ

 

“ด้วยนามของ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]ขอสั่งพวกเจ้า! ทุกคนเรียงแถว!”

[[[เฮฮ!]]]

“เจ้ามาตรงนี้ เจ้า…ตรงนี้ล่ะมั้ง ใช่แล้วใช่แล้ว ปิดสักหน่อย อย่าให้มีช่องว่างล่ะ อืม ดีมากดีมาก จนกว่าจะสั่งก็อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ…เอาล่ะ คงได้แล้วล่ะ”

 

จากนั้น ที่สำหรับอาบน้ำของครอบครัวก็เสร็จสมบูรณ์

 

ทะเลสาป

─┬─

โช │ริ ยู ฮาร์

──┴───

 

““““โอะ โอ้—-””””

 

ริเซ็ต ยูกิโนะ รุรุยและโรโรยส่งเสียงตื่นเต้นออกมา(จากอีกฝั่งกำแพง)

รั้วของเรานี่สุดยอดจริงๆ

ตั้งขบวนได้สมบูรณ์แบบ กลายเป็นที่ว่างอาบน้ำแบ่งชายหญิงอย่างงดงาม

 

พลังเวทของ[ราชา]ก็แทบจะไม่ลด

ก็เพราะแค่เรียกออกมาจาก[ภาชนะแห่งราชา]แล้วให้ตั้งขบวนเท่านั้นเอง ไม่ได้ขยับอะไรมากมาย

พวกรั้วตั้งอยู่บนส่วนตื้นๆของทะเลสาป เพราะว่าดินมันอ่อนก็เลยสั่นไปมาเพื่อรักษาสมดุล ในระหว่างนั้นก็เสียพลังเวทไปทีละนิดหน่อย ในส่วนนั้นยังจำเป็นต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติม

 

“ริเซ็ต ยูกิโนะ รุรุยกับโรโรยอยู่ฝั่งนั้นไปนะ ผมขอล้างตัวที่ฝั่งนี้ล่ะ”

“ค ค่ะ” “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะคะ” “เอ๋” “มู๊”

 

มีเสียงตอบมาจากอีกฝั่งของกำแพง

 

ริเซ็ตเป็นน้องสาวร่วมสาบาย บางทีอาจจะไม่ต้องใส่ใจก็ได้…แต่ว่านะ ยังไงผมก็เป็นตาลุงวัยสามสิบ กับเด็กอายุมัธยมปลาย…แล้วยูกิโนะก็ยังอยู่ระดับมอต้น ยังไงใส่ใจไว้ก่อนก็คงดีกว่า บางทีนะ

 

“…เอาล่ะ”

ผมถอดเสื้อนอก ส่วนทรายที่เปื้อนเสื้อก็คงทำอะไรไม่ได้ กลับกันถ้าสะอาดเกินไปก็คงดูไม่เหมือนนักเดินทาง จากนั้นก็ถอดเสื้อใน–แล้วเอาทั้งหมดใส่ไว้ใน[ภาชนะแห่งราชา]

ผมหันไปมองพวกรั้ว

 

“…จะว่าไปแล้วพวกนาย มีเพศไหมเนี่ย?”

[เฮ?]

“ยังไงก็อย่าหันไปมองทางพวกริเซ็ตล่ะ เผื่อไว้ก่อนละกัน”

[เฮฮ]

 

พวกรั้วพยักหน้าตกลง(ในมุมมองของผม)

ผมหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจาก[ภาชนะแห่งราชา] แล้ววางไว้บนรั้ว

 

“เอาไว้ล้างตัว จะวางไว้ด้านบนนะจะใช้ก็หยิบล่ะ”

““…ค่ะ””

 

ฉุ๊บ ผ้าหายไปยังอีกฝั่ง

เงียบจังเลย

อีกฝั่งของรั้ว–พวกริเซ็ตเป็นยังไงบ้างเนี่ย

 

──มุมมองริเซ็ต──

 

““…เฮ้อ””

 

ริเซ็ตกับยูกิโนะถอนหายใจ

เสื้อ ถอดหมดแล้ว ชุดชั้นในเอง ก็วางไว้ตรงรั้วฝั่งพื้นดิน–ตำแหน่งที่โชมะมองไม่เห็นแล้ว

ท้องฟ้ามีเมฆนิดหน่อย บางครั้ง ก็มีแสงส่องลงมา

หลังอาบน้ำ ถ้านั่งอยู่เฉยๆเดี๋ยวร่างกายก็คงแห้งง่ายๆ

 

“คะ เครียดจังเลยค่ะ”

 

ริเซ็๋ตกวักน้ำขึ้นมาใส่ร่างกาย

อุณหภูมิน้ำกำลังดี น้ำก็ใส ทรายที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเองก็ไม่ตกลงมาตรงนี้

ริเซ็ตลงแช่น้ำจนถึงระดับเข่า ล้างทรายออกจากร่างกาย

 

“…รู้สึกดี จังเลยนะคะ”

 

แต่ทั้งๆแบบนั้นร่างกายก็ยังเกร็ง ขยับแขนขาไม่ค่อยออก

แค่คิดว่า[ท่านพี่โชมะ]อาบน้ำอยู่อีกฝั่งของรั้ว ก็รู้สึกตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ

 

“…ที่อีกฝั่ง มีท่านพี่โชมะ”

“…คุณริเซ็ต?”

“อ๊าา!?”

 

อยู่ๆก็ถูกทักมา ริเซ็ตก็เลยสะดุ้ง

กระโดดดึ๋งขึ้นไป พลังการกระโดดของริเซ็ตที่มีสายเลือดของมังกรนั้นสุดยอดมาก ทำเอาครึ่งหัวเลยกำแพงขึ้นไปอีก ชั่วพริบตานั้น เหมือนจะเห็นหลังของโชมะ ทำให้ตัวร้อนผ่าวขึ้นไปอีก ขณะที่หยดน้ำไหลลงมาจากผมสีเงิน ริเซ็ตที่กำลังเปลือยก็เอาแต่ก้มหน้า

 

“ปะ เปล่าค่ะ ไม่เห็นอะไรเลยค่ะ ริเซ็ตไม่เห็นอะไรค่ะ…”

“…คุณริเซ็ต…หุ่นดีจังเลยนะคะ ดีจังเลย…”

“คะ?”

 

พอเงยหน้าขึ้นไป ก็เห็นยูกิโนะที่กำลังเอามือแตะที่รั้วน้ำลายไหลอยู่

 

“ฉัน ป่วยหนักที่โรคเดิม…ก็เลยไม่ค่อยได้เจริญเติบโตเท่าไหร่…แล้วก็มาเกิดใหม่ทั้งๆแบบนั้นค่ะ…”

 

ยูกิโนะจับหน้าอกตัวเอง

คลำดูขนาดไปพลางใช้มุมสายตามองไปที่ริเซ็ต

 

“…ฉัน ถ้าได้เกิดเป็นฮาร์ปี้ก็คงจะดีนะคะ ถ้าอย่างนั้นถึงจะมีรูปร่างเป็นเด็กก็พูดได้ว่า[เป็นกรรมพันธุ์ค่ะ]”

“มะ ไม่นะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณยูกิโนะยังโตได้อีกค่ะ ต่อจากนี้!”

“หืมม” “ทั้งสองคน ทำอะไรกันเหรอ?”

 

ฮาร์ปี้ โรโรยกับรุรุยที่กำลังตีน้ำล้างปีกหันกลับมา

ที่ทั้ง2คนมีรูปร่างเป็นเด็กก็เพราะเป็นเผ่าพันธุ์แบบนั้น แต่อายุก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว

ถึงทั้ง2คนจะชอบทำตามใจตัวเอง แต่ก็ทำตามคำสั่งของราชา แล้วก็ล้างตัวที่ฝั่งนี้ของรั้วอย่างเชื่อฟัง

 

“เรื่องร่างกายไม่เห็นต้องสนใจเลยนี่คะ” “สิ่งที่สำคัญคือความรักค่ะ ความซื่อสัตย์ค่ะ”

“…ท่านเทพธิดา ได้โปรดทำให้ฉันเป็นฮาณ์ปี้เดี๋ยวนี้เลยเถิด…”

“หวา ไม่ได้นะคะคุณยูกิโนะ ถ้าเกิดเป็นจริงขึ้นมาจะทำยังไงล่ะคะ!?”

 

อยู่ๆริเซ็ตก็พูดออกมา

เธอจับมือของยูกิโนะ แล้วก็มองตา

 

“………ริเซ็ตเอง ก็อิจฉาคุณยูกิโนะค่ะ?”

 

คำพูดไหลออกมาเรื่อยๆ

 

“คุณยูกิโนะ…มีความทรงจำกับท่านพี่ที่โลกเดิมไม่ใช่เหรอคะ”

 

อาจจะเพราะทั้งคู่กำลังเปลือยอยู่ก็เป็นได้

คำพูดที่ปิดบังไว้มาตลอด ก็เลยหลุดออกมาจากปากของริเซ็ต

แน่นอนว่าพูดเบาๆที่หูของยูกิโนะไม่ให้โชมะได้ยิน

 

“…ริเซ็ตเอง ก็อยากจะลอง–ปลุกพลังแบบเดียวกับท่านพี่ค่ะ อยากจะเกิดมาในโลกใบเดียวกันค่ะ นะ แน่นอนว่า ที่ได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานที่โลกนี้ก็ดีใจหรอก…แต่ว่าแต่ว่า คุณยูกิโนะก็ได้พบเจอกับท่านพี่ในโลกที่ริเซ็ตไม่อาจจะจินตนาการได้ มีความทรงจำร่วมกัน อยู่ค่ะ…”

“…คือว่า”

“ระ หรือก็คือ มั่นใจตัวเองเข้าไว้เถอะค่ะ ประมาณนั้นล่ะค่ะ”

 

ริเซ็ตรีบจบคำพูด

เอามือแตะบนไหล่ของยูกิโนะ แล้วพยักหน้า

 

“คือว่า…คุณยูกิโนะก็มีสเน่ห์พอตัวค่ะ ผิวก็ดี ผมสีฟ้าก็น่ารักค่ะ ตอนที่พบกับองค์หญิงซิลเวียร์ ก็เป็นเหมือนองค์หญิงค่ะ ริเซ็ตที่เป็นคนของโลกนี้เป็นคนพูดเอง ดังนั้นไม่ผิดแน่นอนค่ะ แน่นอนค่ะ”

“คะ ค่ะ”

 

ยูกิโนะกำหมัดแน่น

 

“ใช่แล้วค่ะ อุตส่าห์ได้เกิดใหม่ทั้งที ก็ต้องมีความมั่นใจเข้าไว้!”

“ค่ะ!”

“ถึงโลกเดินฉันจะตายไวก็เถอะ แต่ต่อจากนี้ยังเติบโตได้อีกค่ะ!”

“ใช่แล้วค่ะ!”

“นั่นสินะคะ เอาให้ถึงขั้นอยากจะรู้ว่าโตไปถึงขั้นไหนแล้วเลยค่ะ! นายของเรา!”

“ค่ะ ความตั้งใจนั่นแหล่ะค่ะ! ริเซ็ตเองก็จะคอยสนับสนุนนะคะ!!”

 

ยูกิโนะพูดออกไป ริเซ็ตก็พยักหน้า

 

[[[เฮ!!]]

 

พวกรั้วเองก็พยักหน้า (ในมุมมองของริเซ็ต)

 

ตึ๊ก รั้วไถลตัวออกไป

 

“……เอ๊ะ?” “เอ๋?” ““ว้ายย องค์ราชา!””

 

ทะเลสาป

───

 

โช  ริ ยู ฮาร์

──┬───

 

พวก[ทหารมีจิตใจ]ที่เต็มไปด้วยความเชื่อฟังนั้นทำตามคำสั่งของเหล่าเด็กสาวเจ้าปราสาทอย่างซื่อตรง

ให้กำลังใจอย่างตรงไปตรงมา

 

โชมะกับพวกริเซ็ต

รั้วที่แบ่งชายหญิงเคลื่อนที่ออกไปนอกสายตา

ทั้งสองฝ่ายต่างก็เห็นกันและกัน

 

ฮาร์ปี้ โรโรยกับรุรุยตรงเข้าไปหาโชมะ

โชมะก็มองไปที่พวกเธอ

ริเซ็ตและยูกิโนะเอง ก็มองตามไปที่โรโรยกับรุรุย

 

สายตาของแต่ละฝ่ายสบเข้าด้วยกัน

จากนั้น–

 

“““——!!!?”””

 

ราชากับเหล่าเด็กสาวเจ้าปราสาทต่างก็ร้องเสียงหลงดังไปทั้งทะเลสาป

 

──มุมมองโชมะ──

 

“ถ้าอย่างนั้น พวกฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” “หลังจากนี้จะมารับค่ะ”

“องค์ราชา” “องค์ราชาโชมะ”

““ได้เห็นของดีๆแล้ว! ถือว่าเป็นรางวัลค่ะ!””

 

หลังจากพูดแบบนั้น ฮาร์ปี้ โรโรยกับรุรุยก็บินไปทางชายแดน

 

“…โอะ โอ้”

 

ไม่ได้การ พูดอะไรไม่ออกเลย

ตั้งแต่ลงเขามา ทางนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย

 

“………อู๊” “………หะ เห็นของไม่ควรแล้วค่ะ”

 

ริเซ็ตกับยูกิโนะเองก็หน้าแดงก่ำก้มหน้าลงพื้น

……รู้สึกแย่

ก็ดันมาเห็นกันตอนเปลือยระหว่างอาบน้ำนี่นะ

ให้พูดตรงๆ ตอนนั้นผมก็ยังสวมด้านหลังอยู่ ก็จะล้างแค่ผมกับร่างกายนี่นา

ส่วนริเซ็ตกับยูกิโนะ…ก็…คือว่า

 

“…ทั้ง2คน ไม่ต้องใส่ใจหรอก นะ ในนามของ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]”

 

เอาเถอะ ปล่อยไว้อย่างนี้ก็คงไม่ได้ทำอะไร

เอาออกมาสักพริบตาละกัน[คิริวโอ โชมะ] ผมในวัยจูนิเบียว ถ้าเป็นตอนนั้นจะพูดว่าอะไรนะ? ถ้าเห็นร่างเปลือยของสาวโดยไม่ตั้งใจ…นั่นสินะ

 

“เทพธิดาบนสรวงสวรรค์ศัตรูคู่อาฆาตของเรา บนโลกเบื้องบนนั้น เครื่องนุ่งห่มนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น! โลกที่ข้าเคยใช้ชีวิตอยู่มันเป็นโลกแบบนั้นล่ะ”

“…เอ๊ะ?” “…งั้นเหรอคะ?”

“อา ในวันที่ปลุกพลังเวทที่แท้จริงของตนได้จนAscensionไปยังโลกเบื้องบนได้แล้ว เสื้อผ้าก็เป็นเพียงเกราะที่จำกัดตัวเราเท่านั้น ลองคิดให้ดีสิ ดวงวิญญาณนั้นสวมเสื้อกันหรือ? ริเซ็ตเอ๋ย มังกรนั้นสวมเสื้องั้นหรือ? ถ้าสามารถใช้น้ำแข็งเป็นชุดเกราะได้ ยูกิโนะเองก็ไม่จำเป็นต้องมีเสื้อ แถมทั้งสองคนก็งดงามยิ่งกว่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์เสียอีก ดังนั้น คราวนี้จะคิดว่าเป็นการฝึกก่อนย้ายไปยังโลกเบื้องบินก็ได้–”

 

—จากนั้นก็พูดเสริมไปว่า ถ้าเป็นผมในวัยจูนิเบียวก็คงจะพูดอย่างนี้ล่ะ–

 

“เข้าใจแล้วค่ะ!” “รับทราบค่ะ!”

 

ทั้ง2คนตาเป็๋นประกายแล้วมองมาที่ผม

 

“หรือก็คือ [ทหารมีจิตใจ]ทำตามความตั้งใจของท่านพี่สินะคะ!”

“ถ้าเป็นสิ่งที่นายที่แท้–ในตอนนี้อย่างคุณโชมะต้องการ กะ ก็คงช่วยไม่ได้สินะคะ”

“…เดี๋ยวสิ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”

“โลกเบื้องบนในอุดมคติของท่านพี่ เสื้อผ้าไม่ใช่ของจำเป็นสินะคะ…”

“ฟุมุฟุมุ ดินแดนที่ไปถึงจากการตื่นคือที่นั่นเองสินะคะ…”

“เดี๋ยวสิขอเอาใหม่!”

 

สุดท้าย กว่าผมจะคลายความเข้าใจผิดจนริเซ็ตกับยูกิโนะกลับมาเป็นปกติได้ก็มาถึงใกล้ๆ[จุดเชื่อมเมือง]แล้ว

ระวังเรื่องการใช้ความจูนิเบียวอธิบายดีกว่า…

 

“…ก็รู้กันแล้วว่าแม้จะเป็น[นอกเขตแดน]ก็สามารถใช้งาน[ทหารมีจิตใจ]ได้”

 

ถึงจะมีปัญหาก็เถอะ

ถ้าแค่เอารั้วออกมาจาก[ภาชนะแห่งราชา]แล้วให้เคลื่อนไหวนิดหน่อยนอก[เขตแดน]ก็สามารถทำได้เหลือเฟือ

จะใช้ต่อสู้แบบก่อนหน้านี้คงจะไม่ไหว แต่ถ้าใช้สร้างฐานแบบรวดเร็วก็ใช้ได้

 

เป็นโอกาสอันดี ไว้ลองคิดวิธีใช้งานในเมืองด้วยดูดีกว่า

ถึงทางนี้จะไม่ได้คิดบุกเมือง แต่บางทีก็อาจจะโดนบุกได้

ยังไงก็ควรจะคิด[วิธีใช้งานรั้ว]ในเมืองเอาไว้ อืม

 

แล้วผม ริเซ็ตกับยูกิโนะก็แยกกับพวกฮาร์ปี้แล้วออกเดิน

ระหว่างที่เดินไปตามทางก็มีคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแถว–

จนพวกเราก็มาถึงขอบด้านเหนือของ[จุดเชื่อมเมือง]ในที่สุด

 

[จุดเชื่อมเมือง]ที่เห็นจากข้างๆนั้นใหญ่จริงๆด้วย

 

กำแพงหินที่มีความสูงประมาณตึก7ถึง8ชั้น แถมยังยาวไประหว่างภูเขาหินขนาดใหญ่ ความกว้างก็เป็น2ถึง3เท่าของอาคารเรียนของโรงเรียน สีเป็นสีดำเข้ม มีหอคอยที่เป็นหนึ่งเดียวกับกำแพงก็เรียงห่างกันเป็นความกว้างที่เท่ากัน

กำแพงปราสาททำจากไม้ ข้างหน้ามีแม่น้ำไหลทำหน้าที่แทนรั้ว

สะพานข้ามแม่น้ำตอนนี้ถูกเอาลงมาอยู่

หลังจากผ่านมันไปก็ยังดูเหมือนมีขั้นตอนต่ออีก ตอนนี้ที่เลยเวลาเที่ยงไปแล้วก็ยังมีแถวต่อกันยาว

 

“สมกับเป็นการมาเมืองหลวงจริงๆนะ”

 

ถึงเมืองจะธรรมดา แต่จำนวนคนก็เยอะจริงๆ

 

ที่พวกผมอยู่ก็คือ ทางเหนือของ[จุดเชื่อมเมือง]

ตามที่ยูกิโนะบอกก็คือมีเมืองอยู่ที่ทางเหนือของกำแพงขนาดใหญ่ ถูกล้อมด้วยกำแพงเมืองเตี้ยๆทางเข้าก็มีจุดคัดกรอง แต่ว่า ก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรขนาดนั้น พอให้เห็นห่อของโทรมๆ(ดัมมี่ ข้างในใส่ผลผลิตพืชพันธุ์เอาไว้ ส่วนสินค้าจริงๆก็เก็บไว้ใน[ภาชนะแห่งราชา])แล้วบอกไปว่ามาเพื่อขายของที่เมืองหลวง ก็ให้ผ่านเข้ามาง่ายๆ

 

ปัญหาก็คือต่อจากนี้

ทางใต้ของ[จุดเชื่อมเมือง]คือที่อยู่อาศัยระดับสูง เป็นที่อยู่อาศัยของคนที่มีหน้าที่รับใช้จักรพรรดิมังกรหรือพ่อค้าผู้ร่ำรวย หรือให้พูดไปอีก ก็คือประตูสู่เมืองหลวง ดังนัน้การตรวจเช็คก็เข็มงวดอยู่แล้ว แถวก็ไม่ได้ขยับเลยตั้งแต่เมื่อสักครู่ด้วย

 

“รับขนมอบของขึ้นชื่อของ[จุดเชื่อมเมือง]หน่อยไหมครับ”

“…รับแลกเงินค่าา คนที่อยากเปลี่ยนโลหะมีค่าเป็นเงินก็รับแลกค่าา”

 

พอต่อแถว ก็มีคนขายของกับรับแลกเงินเข้ามาหา

 

“…เข้าไปยุ่งไม่ได้เขียวนะคะ คุณโชมะ”

 

ยูกิโนะเข้ามากระซิบที่หูของผม

 

“ได้ยินมาจากเมืองหลวงค่ะ การขายของของที่นี่เกี่ยวข้องกับ[สิบปราชญ์]ค่ะ”

“เป็นสายลับเพื่อหาคนที่น่าสงสัย–ไม่สิ หน่วยข่าวกรองเหรอ”

 

ผมพูดกับริเซ็ตอีกรอบเพื่อให้เข้าใจตรงกัน

 

“ก็เป็นไปได้นะคะ”

 

ริเซ็ตพยักหน้า

พอมองดูรอบๆ ส่วนที่คึกคักก็มีแค่ถนนสายหลักที่พวกเรากำลังผ่านเท่านั้น ตรงอื่นก็เป็นอาคารหินแออัด ถนนซอกซอนไปมาราวกับเขาวงกต

ถ้ามองจากชายแดนหรือ[เขตเจ้าเมืองคิโทล] ที่นี่ก็คือประตูสู่เมืองหลวง ดังนั้นก็เลยมีคนมารวมกัน

 

“ต้องทำตัวไม่ให้น่าสงสัยเข้าไว้สินะ”

 

ก็คงจะรู้อยู่แล้วแต่ผมกับริเซ็ตไม่มีคนรู้จักอยู่ที่เมืองนี้

ถึงจะถูกสงสัยหรือถูกพาไปไหน ก็ไม่มีคนมาช่วยปกป้อง–

 

““–เอ๊ะ?””

 

ได้ยินเสียง
จากด้านหน้าของแถว

 

คู่ผู้ชายกับเด็กผู้หญิงมองมาที่ทางนี้ นั่งอยู่บนรถม้า ดูเหมือนพ่อค้าแบบเดียวกับพวกเรา

แต่ว่า หน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะฝั่งผู้ชาย เหมือนเคยคุยเมื่อหลายวันก่อน…

จะว่าไป ก็เหมือนจะอยู่กับองค์หญิงซิลเวียร์

 

“คุณโดรุสไม่ใช่เหรอคะ?”

“คุณหัวหน้าหน่วยลูกน้องขององค์หญิงซิลเวียร์สินะคะ…”

 

ริเซ็ตกับยูกิโนะเอียงคอสงสัย ท่าทางจะไม่มั่นใจ

ผมเองก็ไม่ได้มั่นใจ

 

ก็เลยแค่คุยกันนิดหน่อย เสื้อก็ไม่เหมือนเดิม

แต่จะใช้ชื่อ[ราชาแห่งชายแดน]ที่นี่ก็ไม่ได้ แต่ว่า ก็ยังสงสัยอยู่

 

“–หวัดดี”

 

ผมโบกมือเบาๆแบบไม่ให้ใครสนใจ

 

“ฮะ เฮ!” “เฮเฮ!”

 

หัวหน้าหน่วยโดรุส(ชั่วคราว)กับเด็กสาวที่อยู่ข้างๆก็โบกมือมา พร้อมกับหน้าซีด

มั่นใจละ แล้วไอ้[เฮ]มันกลายเป็นรหัสลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

 

“คนพวกนั้นมุ่งหน้าไปเมืองหลวงสินะ”

“ข้ารับใช้ขององค์หญิงซิลเวียร์สินะคะ”

“ถึงพวกเราจะมาได้ด้วยทางอากาศ แต่จากชายแดนมาถึงนี่มันใช้เวลากี่วันกันนะคะ?”

 

หรือก็คือ มีความเป็นไปได้ว่าคนพวกนั้นตรงจากชายแดนมาที่นี่ทันทีตั้งแต่ตอนนั้นเลย

เพราะว่าพวกเราลัดป่ากับทะเลสาปมา ก็เลยตามมาทัน

 

“ถ้าเป็นข้ารับใช้ขององค์หญิงซิลเวียร์ ก็คงจะเป็นการพูดคุยของเจ้าเมืองนั่นล่ะ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราหรอก”

 

ผมพูดแบบนั้น แล้วทั้ง2คนที่อยู่ด้านหน้าของแถวก็หันไปอีกทาง

ถึงจะจับมือเป็นพันธมิตรส่วนตัวกับองค์หญิงซิลเวียร์ แต่จุดยืนก็ต่างกัน ผมเป็นแค่คนไร้ชื่อจากนอกชายแดน แต่อีกฝั่งคือลูกสาวของเจ้าเมืองผู้มีชื่อมีจุดยืนที่สามารถสั่งการทหารได้ ถ้าเป็นที่ชายแดนก็ว่าไปอย่าง แต่ในเมืองมนุษย์เนี่ยไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันเลยสักนิด

 

แถมคุณโดรุสหัวหน้าหน่วยก็ดูจะกลัวทางนี้ด้วย ยังไงก็คงไม่มาเป็นศัตรูอยู่แล้ว ที่เมืองนี้สำหรับผมแล้ว สำหรับทางนู้นด้วยก็ไม่ได้เป็นเจ้าเมืองอะไร

 

ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวด้วย

พวกเราก็ทำงานของเราไป

 

ตอนที่คิดแบบนั้น–

 

ตึกตึกตึกตึกตึกตึก!

 

มีทหารหลายนายออกมาจากประตูทางทิศใต้ของ[จุดเชื่อมเมือง]

 

“เจ้าเมืองคิโทล อัลโกส คิโทล ต้องสงสัยว่าคิดจะก่อกบฎต่อ[สิบปราชญ์]!”

 

ทหารตะโกนออกมา

 

“คำสั่งจากท่านซักกัสญาติของ[สิบปราชญ์]ผู้ปกครอง[จุดเชื่อมเมือง]แห่งนี้ ถ้าพบคนของ[เจ้าเมืองคิโทล]จงแจ้งให้ทราบ! คนที่จับได้จะตบรางวัลให้อย่างงาม ขอย้ำ เจ้าเมืองคิโทลต้องสงสัยว่าก่อกบฎ–ขัดขืน[สิบปราชญ์]! ถ้าพบผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็จงรีบแจ้งทันที!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด