ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต 54

Now you are reading ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต Chapter 54 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.54 – ราชาผู้พิชิต บุกหอคอย

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

ตอนที่พวกเราถึงจุดที่มองเห็น[หอคอยอสูร] ก็ใช้เวลา2ชั่วโมงจากปราสาท

 

ม้าชั้นเลิศ[ซังคูโคคุโย]พาผมกับยูกิโนะมายังเนินเขาใกล้ๆหอคอยอย่างไม่มีหลงทาง สัมผัสตอนนั่งก็ไม่แย่ ปัญหาก็คือไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ไม่เห็นม้าขาวของขุนศึกฮิลก้าแล้ว เอาเถอะ เดี๋ยวก็คงมามั้ง

 

“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เป็นหอคอยที่ใหญ่จริงนะ”

“ถ้าเอาตามพื้นฐานโลกของพวกเรา ก็ประมาณตึก5ชั้นสินะคะ”

“ถึงความกว้างจะพอๆกับร้านสะดวกซื้อก็เถอะ”

“วิทยาการของโลกนี้สุดยอดเลยนะคะ”

 

พวกเราพยักหน้าเห็นด้วยบนหลังม้า

หอคอย ตั้งอยู่กลางป่า ไม่มีถนนที่จะขนวัสดุก่อสร้างมาได้ ไม่มีร่อยรอยการถางป่าด้วย

บางที คงจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการทางเวทมนตร์ในสมัยจักรพรรดิมังกร สุดยอดไปเลยนะ

 

“อาจจะมีวงเวทเหลืออยู่จริงๆก็ได้นะเนี่ย”

“…อะ อะไรเหรอ…ฮ้าา ละ เหลืออะไร งั้นเหรอ…?”

 

ขุนศึกฮิลก้าตามหลังมา

หายใจหอบแล้วขี่ม้าขาวปีนเนินเขาขึ้นมา

 

“เปล่า แค่คิดว่าน่าจะมีมรดกอะไรที่น่าจะใช้ได้ในหอคอยนั่นน่ะ”

“คนอื่นที่คิดแบบนั้นก็มีอยู่ แต่ว่า คนที่ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดได้ไม่มีสักคนเดียว”

 

ขุนศึกฮิลก้า ชี้ไปยัง[หอคอยอสูร]

 

“จากที่เขาว่ากันต่อมา หอคอยนั่นดูเหมือนจะมีอยู่5ชั้น แต่ว่านะ ไม่ว่านักดาบหรือจอมเวทมีชื่อคนไหน ก็ขึ้นไปได้มากสุดถึงแค่ชั้นที่2 ก็มีคนที่ขึ้นไปชั้นที่3อยู่หรอก แต่หมอนั่นก็ได้รับบาดเจ็บหนัก แล้วพูดว่า[ได้ยินเสียงกรีดร้องจากนรก…]ก่อนจะสิ้นลมหายใจไป”

“มีอสูรแบบไหนอยู่เหรอ?”

“มีบันทึกไว้ว่าชั้นที่1เป็นก็อบลินลอร์ด ชั้นที่2เป็นหมาป่าสองหัว”

“มีการค้นพบวงเวท–ไม่สิ มรดกจากสมัยจักรพรรดิมังกรไหม?”

“ชั้นที่1กับชั้นที่2นั้นดูเหมือนจะไม่มีของแบบนั้นนะ แต่จากคำบอกเล่าต่อๆกันมาก็มีเรื่องที่ว่า[ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เคยมีแสงส่องมาจากชั้นบนสุดของหอคอย]อยู่”

“ถ้าอย่างนั้นมรดกก็อยู่ชั้นบนสุดสินะ”

 

สมกับเป็นขุนศึกของตระกูลเจ้าเมืองคิโทล

ได้ข้อมูลที่มีค่ามาแล้ว แบบนี้ก็จะได้สำรวจได้ง่ายขึ้น

 

“ขอบคุณที่ให้ความราวมือ ขุนศึกตระกูลเจ้าเมืองคิโทลฮิลก้าเอ๋ย”

“จะไปสำรวจหอคอยจริงๆเหรอ? [ราชาแห่งชายแดน]”

 

ขุนศึกฮิลก้ามองมาที่ผมทั้งๆที่ยังปิดบังใบหน้าด้วยเกราะและหมวกเกราะคาบูโตะ

 

“ถึงจะเห็นเราเป็นแบบนี้ แต่ก็มองคนเป็นคน แค่เห็นก็รู้แล้วว่านายเป็นคนที่สามารถเชื่อใจได้ แถมยังมีพลังถึงขั้นทำให้ม้าที่เอาแต่พยศอย่าง[ซังคูโคคุโย]ยอมเชื่อฟัง ถ้ามีพลังขนาดนั้น แค่ยืมกำลังแบบปกติก็น่าจะช่วยได้มากแล้ว…แต่นาย ก็ยังจะไปสำรวจหอคอยอันตรายนั่น ทำไมกันล่ะ?”

“…ก็ แบบนั้นมันน่าสนุกกว่านี่นา”

“ถึงจะไม่รวบรวมทหารด้วยตัวเอง ก็พอจะมอบหน่วยที่1ที่เราดูแลให้ได้อยู่…”

“ไม่เอาอะน่ารำคาญ”

“อย่าตอบเหมือนเด็กแบบนั้นสิ!?”

“………อันตัวเราผู้มาจากชายแดนจะให้นำทหารของตระกูลเจ้าเมืองคิโทลผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงคงจะไม่น่าพึงพอใจเป็นแน่ แถมเราก็แค่จะมาสนับสนุนเท่านั้น”

 

ผมตอบกลับไป

จะให้ตาลุงวัยสามสิบอดีตจูนิเบียวออกไปแนวหน้าแล้วตะโกนว่า[อันตัวข้านั้น]มันก็กระไรอยู่

 

แถมโลกนี้ยังมี “ผู้กล้าที่ถูกเทพธิดาอัญเชิญอย่างเป็นทางการ” อยู่

ถ้าไปเจอกับคนที่มีพลังโจมตีระดับเดียวกับยูกิโนะ แล้วถือดาบอยู่แนวหน้าล่ะก็แย่แน่ ถ้าเป็นวีรชนแห่งกลียุคก็คงจะเป็นพวกแบบที่[พลังเต็ม100] ไม่อยากปะทะซึ่งหน้ากับพวกแบบนั้นเลย ผมยังพอว่า แต่ริเซ็ต ฮารุกะกับยูกิโนะมันอันตรายเกินไป

 

ดังนั้นในคราวนี้ผมจึงตัดสินใจว่าจะให้ความสนับสนุนโดยการสั่งการ[รั้ว]

 

“ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะ แต่[ราชาแห่งชายแดน]ไม่ประสงค์ที่จะออกเบื้องหน้าสินะ”

“ค่ะ พลังของนายของเรา มีความหมายที่จะต้องปิดบังเอาไว้ก่อน”

 

ยูกิโนะตอบขุนศึกฮิลก้าแทนผม

 

“คนที่จะรับมือทัพของศัตรู แค่ยูกิโนะ ดราก้อนไชนด์ผู้นี้ก็พอแล้วค่ะ”

“…ลูกน้องของ[ราชาแห่งชายแดน] มีคนอย่างเจ้าอยู่อีกหรือเปล่า”

“คือว่า นั่นสินะคะ”

 

ยูกิโนะเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากทำท่าคิดนิดหนึ่ง–

 

“ยูกิโนะ ดราก้อนไชนด์ผู้นี้คือผู้ที่อ่อนแอที่สุดในลูกน้องทั้ง3–3ขุนศึกของ[ราชาแห่งชายแดน]ค่ะ!”

 

พูดออกไป ด้วยสีหน้ามั่นใจ

ยืดร่างเล็กๆแล้วก็ทำหน้าพึงพอใจสุดๆ

เตรียมมาสินะ…คำพูดนี้

 

“…ฝันเป็นจริงแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ…คุณโชมะ”

“เลิกทำท่าพอใจแล้วไปได้แล้วน่า เอาล่ะ”

 

ผมลงจาก[ซังคูโคคุโย]ก่อนแล้วก็ยื่นมือไปทางยูกิโนะ

อุ้มร่ายกายเล็กๆลงมายืนบนพื้น

 

“โทษทีนะ ขุนศึกฮิลก้าฝากดูม้าที [ซังคูโคคุโย]เองก็รออยู่ที่นี่สักพักด้วยล่ะ พวกเราจะรีบกลับมา”

[…บรุ๊วว]

“เดี๋ยวก่อนนะ! คิดจะไปสำรวจหอคอยกันแค่2คนงั้นเหรอ!?”

 

ขุนศึกฮิลก้าตะโกนออกมา

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พวกทหารคนอื่นก็ตามมาถึงแล้ว เป็นผู้ชายที่ขี่ม้า2คน มีอาวุธเป็นดาบกับหอก บางที คงจะคิดมาสำรวจหอคอยด้วยสินะ

 

“ขืนทำให้พวกเธออยู่ในอันตราย ก็คงไม่มีหน้าไปแก้ตัวกับองค์หญิงซิลเวียร์กันพอดี”

 

ผมพูดออกไป

 

“จะรีบกลับมา คุณขุนศึกเอง ก็ต้องรีบกลับไปปราสาทก่อนจะถึงเย็นนี่นะ”

“ไม่ได้ยินที่ฉันอธิบายไปเหรอไง!?”

“ได้ยินแล้ว ในหอคอยมีอสูรอยู่ มีโอกาสสูงที่มรดกยุคจักรพรรดิมังกรจะอยู่ชั้นบนสุด ใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว ชั้นที่1มีก็อบลินลอร์ด ชั้นที่2มีหมาป่าสองหัว ชั้นที่3–จากคำสั่งเสียของคนที่ตายไปก็มีแมงป่องปีศาจอยู่”

 

ขุนศึกฮิลก้าชี้ไปยัง[หอคอยอสูร]

 

挿絵(By みてみん)

 

“อย่างนี้นี่เอง รู้ได้เลยว่าเป็นหอคอยที่อันตราย”

“ก็ไม่ได้สงสัยพลังของคุณอะไรหรอก แต่ว่า แค่2คนน่ะการที่จะไต่จากชั้น1ไปยังชั้นบนสูดมันเป็นไปไม่ได้ จะผลัดวันไปก่อนก็ไม่เป็นไรหรอก”

“ทัพของ[สิบปราชญ์]จะมาตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ งานนี้จำเป็นต้องเร่งด่วน”

 

ผมมองขึ้นไปยังหอคอย แล้วบอกไปด้วยสำเนียงแบบราชาผู้พิชิต

 

“ขอบคุณมาก ขุนศึกฮิลก้าเอ๋ย ข้อมูลช่วยได้มากจริงๆ ไปกันเถอะ ยูกิโนะ”

“ค่ะ นายของเรา”

“อย่าฝืนเลยน่า! [ราชาแห่งชายแดน]!!”

“ไม่เป็นไรน่า ถ้าเข้าไปไม่ได้จริงๆก็จะกลับออกมา”

“ก็บอกแล้วไงว่าการที่2คนจะปีนจากชั้น1ไปชั้นบนสุดมันเป็นไปไม่ได้! รอก่อนสิ–”

 

ขุนศึกฮิลก้าตะโกนออกมา

ผมปล่อยผ่านไปแล้วใช้ปลุก

 

挿絵(By みてみん)

 

“““หาาาาาาาาาาา!?”””

 

เดี๋ยว อย่าโวยวายสิคุณขุนศึกกับพวกทหาร

ถ้าพวกอสูรบนหอคอยรู้ตัวเอาจะแย่เอาน่า

 

“เอาล่ะ” “อื้ม”

 

ผมที่ใช้[ปลุกเผ่าปักษา]กางปีกออกแล้วลงจอดบนดาดฟ้าของหอคอย

ปล่อยยูกิโนะที่อุ้มอยู่ลงแล้วมองไปรอบๆ

 

“ทางเข้าบนดาดฟ้า อืม…นั่นสินะ”

“บนพื้นมีประตูขึ้นสนิมอยู่สินะคะ”

“[ปลุกเผ่ายักษา]–[Orge Force(พลังยักษ์) ZWEI(2เท่า)]!”

 

ตึ๊ง

 

เปิดออกแล้ว

สบตาเข้ากับอสูรที่หน้าเหมือนปีศาจ

 

[…วาาา?]

“(พูดเร็ว)ความมืดอันจริงแท้ จงมาสถิตที่กายข้า มันคือสัตว์ร้ายที่ออกมาจากเงามันคือความมืดอันมีนามทั้งแปดสิบแปดจงกลายเป็นคมดาบของข้าที่จะกลืนกินศัตรู คมดาบแห่งจุดจบ พรแห่งสรวงสวรรค์ได้จากไปแล้ว บรรลังค์แห่งราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ก็ได้พังทลายลง โลหิตของราชาจะนำมาซึ่งสัตว์ร้ายจากขุมนรกเพื่อฉีกกระชากเหล่าผู้ที่โง่เขลา [ปลุกเผ่ามาร]–(พูดเร็ว)[From Hide Shadow(จงออกมาจากเงาเสียเถิด)–มังกรสองเศียร]”

 

ฟู่มม

 

ผมปล่อย[มังกรสองเศียร]ที่อัญเชิญเข้าไปในปราสาท

ปิดประตู เอา[รั้ว]ออกมาจาก[ภาชนะแห่งราชา]แล้วปิดเสริมให้สนิท

 

[[–กุ๊โอ๊ววววววววววววว!!]]

 

[ก๊าา!? แก!? แกเปนคราย!? ก๊าา? กุ๊ก๊าาาาาาาาาา!!? หยุ หยุดนะ…อย่าเข้ามา…อย่าเข้ามาาาาาาาา!!]

 

[[กุ๊อ๊าาาาาาาาาาาาา!!]]

 

ตู้มต้าม

 

ได้ยินเสียงอสูรกับ[มังกรสองเศียร]ปะทะกันอยู่บนชั้นบนสุดของหอคอย

ผมกับยูกิโนะก็ดื่มชาในกระติกหนังพักผ่อน

 

“มีอสูรที่เหมือนกับปีศาจอยู่จริงๆด้วยนะเนี่ย”

“ก็ไม่รู้ว่าอะไรหรอกแต่เหมือนวัวเลยนะคะ มิโนทอร์หรือเปล่าคะนั่น”

“ถ้าเป็นสายตะวันออกก็เป็นซือโหยวสินะ”

“คนที่มีหัวเป็นสัตว์ที่โลกเดิมก็มีอยู่เยอะแยะเลยนะคะ อย่างเช่น–”

“เริ่มฟังไม่รู้เรื่องล่ะ”

“อุตส่าห์คาดหวังแท้ๆแต่ตอบแบบนั้นมันอะไรกันคะ!?”

“แล้วจะคาดหวังทำไมล่ะนั่น?”

“ก็พวกที่มีรูปร่างแบบเดียวกันไงคะ…”

 

อย่าทำหน้าแดงสิ ฝ่ายที่อายมันทางนี้ต่างหาก

ก็เพราะ[ปลุกเผ่ามาร]ทำให้ผมอยู่ในสภาพใช้ผ้าพันแผลกับผมหน้าปิดตาข้างหนึ่ง แล้วก็อยู่ในชุดคลุมสีดำ

เปลี่ยนเป็นมังกรหรือยักษ์ดีกว่า

แล้ว–ผ่านไปได้สัก3นาทีแล้วสินะ

 

กึ๊กกึ๊ก!

 

ชั้นบนสุดของหอคอยสั่นไหว

ดูเหมือน[มังกรสองเศียร]จะสลายไปแล้ว

ผมเอารั้วกลับเข้าไปใน[ภาชนะแห่งราชา]แล้วเปิดประตูดาดฟ้า

แล้วส่องชั้นบนสุดของหอคอยจากตรงนั้น–

 

[ห๊ะ…ห๊าา ปะ เปนงัยล่ะ ต่อหน้าข้าพู่เคารบบูชา“จักรพรรดิเพลิงทมิฬ”พู่ยิ่งใหย่แล้ว…กะมีแค่มังกรสองเศียร…]

 

อสูรคนหัววัว ทรุดเข่าลงกันพื้น

แขนหายไปข้างหนึ่ง น่องซ้ายเหวอะหวะ มีเลือดไหวออกมา

ทำได้ดีนี่[มังกรสองเศียร]

 

[…ตะ แต่ถึงอย่างนั้นก้อเถอะ กาน กานที่มีคนมาถึงที่นี่ได้…เอาเถอะ คงจะไม่มีคั้งที่สองแล้ว…]

“[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]–[หมัดตรง]–จงกลายเป็น[ดาบศักดิสิทธิ์]”

[–กร๊าาา–!!]

 

อสูรคนหัววัวแหลกเป็นสองท่อน

ดูเหมือนเพราะถูกมังกรสองเสียรที่สลายไปดึงความสนใจ ก็เลยไม่รู้ตัวว่าผมที่มีดาบศักดิสิทธิ์ได้ลงมาแล้ว

 

[–ทะ ทัมไม…]

 

ตุ๊บ

 

อสูรล้มลงบนพื้น เหลือเพียงผลึกสีดำ–[ผลึกมาร]แล้วสลายไป

 

“คุณโชมะ! ได้ยินเสียงเท้าค่ะ ดูเหมือนอสูรชั้นล่างจะกำลังขึ้นมาค่ะ!”

“รับทราบ รั้ว”

 

ผมอัญเชิญรั้วมาจาก[ภาชนะแห่งราชา]อีกครั้ง

ตั้งขวางปิดทางปีนขึ้นบรรได

ถ้าใช้แค่เป็นของตั้งวาง ก็ไม่เสีย[พลังเวทของราชา] พวกรั้วเนี่ย ใช้งานได้รอบด้านผิดคาดเลยแฮะ

 

“ยูกิโนะ ฝากเสริมแรงเผื่อไว้ก่อนด้วยล่ะ”

“รับทราบค่ะ! ด้วยนามของ[แม่มดเยือกแข็ง ยูกิโนะ ดราก้อนไชนด์] ขอทำการปลุกนรกเยือกแข็งขึ้นมา จงหยุดทุกการสั่นไหวของสรรพสิ่ง เปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นกำแพง! [Icicle Wall(กำแพงเยือกแข็ง)]!!”

 

กิ๊ง

 

ยูกิโนะทำการแช่แข็ง[รั้ว]ที่ผมวางไว้บนพื้น

[กำแพงน้ำแข็ง]ที่ใส่กำแพงหินทำการตัดขาดชั้นบนสุดกับชั้นที่4อย่างสิ้นเชิง ถึงอสูรข้างล่างจะกระแทกเข้ามาแค่ไหนก็ไม่ทำให้[กำแพงน้ำแข็ง]สะเทือนได้แม้แต่น้อย

 

เท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้วสินะ

เอาล่ะ

 

“มีจริงๆด้วยสินะ วงเวท”

“มีสินะคะ”

 

ผมกับยูกิโนะมองไปยังวงเวทที่วาดอยู่บนพื้น

 

เทียบกับที่[ปราสาทร้าง]–ไม่สิ[วังนาคารชุนะ]ของที่นีอยู่ในสภาพที่ดีกว่า ยังเหลือร่องรอยเดิมมากกว่าครึ่ง ถ้าเชื่อมกับสายมังกรก็น่าจะทำงานได้ทันที

 

“ก่อนอื่นก็ฟื้นฟูวงเวทกันเถอะ ยูกิโนะ ช่วยหน่อยนะ”

“ค่ะ คุณโชมะ”

 

ผมกับยูกิโนะถือดาบที่ทำการ[Enchant(เสริมแกร่ง)]แล้วทำการวาดวงเวทใหม่

ผมคืออดีตจูนิเบียว

ยูกิโนะ ยังเป็นจูนิเบียว

ผมเราสองคนพอมีความรู้เรื่องนี้อยู่พอประมาณ

 

“ยูกิโนะ สัญลักษณ์ตรงนั้นมันกลับด้านแล้วนะ?”

“เอ๊ะ? ถ้าเป็นคับบาลาห์หรือเลขมงคลคิดว่าแบบนี้จะดีกว่านะคะ”

“วงเวทที่[วังนาคารชุนะ]กับ[หมู่บ้านฮาซามะ]ทำงานด้วยสัญลักษณ์ตามเข็มนาฬิกานะ”

“อาา รูปแบบของตะวันตกสินะคะ ถ้าอย่างนั้น–”

 

–ด้วยเหตุนั้น

การซ่อมแซมวงเวทที่ทำด้วยคนสองคน ก็เสร็จสมบูรณ์ในเวลาไม่นาน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด