ช่วงเวลาแห่งราชา (เกมออนไลน์) 12

Now you are reading ช่วงเวลาแห่งราชา (เกมออนไลน์) Chapter 12 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.12 – ยินดีต้อนรับ

Translator : Asiran / Author

 

ตอนที่ 12 – ยินดีต้อนรับ

 

สองคนพี่น้องแทบจะชะงักตะเกียบในมือไปในเวลาเดียวกันแล้วหันไปตั้งใจดูเกม

นี่เป็นกลยุทธ์ที่เหออวี้จินตนาการเอาไว้จริง ๆ ด้วย รายละเอียดบางอย่างที่เขายังไม่ทันได้อธิบายออกมาก็ถูกการโจมตีของเทียนเจ๋อแสดงออกมาให้เห็น ฮีโร่แครี่ที่จางสือฉือเลือกใช้คือซุนซ่างเซียง ใช้สกิลที่หนึ่งกลิ้งตัวลอบยิงซึ่งมีผลวาร์ปทำให้ทะลุผ่านกำแพงในป่าที่ปกติจะผ่านไปไม่ได้ไปได้ การโจมตีจากอีสือกวงใส่เขาไม่ค่อยได้ผลเลย นี่ก็คือการใช้แครี่ในทางตรงกันข้าม อาศัยช่วงที่แครี่ยังอ่อนแออยู่ไปล่อดึงดูดความสนใจของอีสือกวง

ในช่วงเริ่มเกมฮีโร่ทุกตัวต่างก็มีเลเวลแค่หนึ่ง มีสกิลที่ใช้ได้เพียงแค่สกิลเดียว ในช่วงต่อสู้มีความสำคัญถึงที่สุด อีสือกวงเกาะติดจางสือฉือขนาดนี้ การโจมตีไม่ประสบผล สกิลก็ไม่สามารถทำร้ายอะไรได้เท่าไหร่ ไม่นานก็อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ได้แต่ถอนตัวออกมาจากสนามรบยอมคืนป่าไป การเผชิญหน้าตอนเปิดเกมนี้ไม่มีใครตาย แต่การที่สามารถจะคว้าการเงินของอีสือกวงมาได้ครึ่งป่าสำหรับเทียนเจ๋อก็เป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากแล้ว

ป่าของแมปหุบเขากษัตริย์ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน แต่ละฝ่ายก็มีคนละสองส่วน อีสือกวงที่เสียป่าไปส่วนหนึ่งพยายามเข้าไปเวดป่าของเทียนเจ๋อเพื่อเอาคืน ทีมเทียนเจ๋อที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วก็กลับไปป้องกันอย่างทันท่วงที ฮีโร่สองตัวของอีสือกวงที่แอบเข้ามาเวดป่าอย่างลับ ๆ ถูกล้อมเอาไว้ทุกด้าน เสียคิลไปสองคิลในทันที เกมเพิ่งเริ่มได้ยังไม่ถึงสองนาที ทีมเทียนเจ๋อก็ได้รับแต้มคิลนำไป 2 ต่อ 0 แล้ว การเงินนำอยู่หนึ่งพัน ทำให้แฟน ๆ เทียนเจ๋อที่อยู่ในสนามตื่นเต้นดีใจมาก

จากนั้นเกมทั้งเกมก็เดินตามจังหวะการเล่นของเทียนเจ๋อโดยสิ้นเชิง การโจมตี การป้องกัน การล้วง ฮีโร่ทุกตัวต่างก็ยุ่งวุ่นวายอย่างมีระเบียบ อีสือกวงถูกจูงจมูกไปตลอดทั้งเกม แต้มคิลยิ่งสูงขึ้นกว่า 2 ต่อ 0 ความห่างของการเงินก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เล่นที่เล่นเกมนี้เป็นต่างก็รู้ว่าบางครั้งแต้มคิลก็ไม่ได้อธิบายอะไรได้มากมายนัก ความห่างชั้นของการเงินต่างหากที่จะระบุได้อย่างชัดเจนถึงความได้เปรียบเสียเปรียบของทั้งสองฝ่าย ทีมเทียนเจ๋อที่ได้เปรียบอย่างที่สุดไม่ให้โอกาสใด ๆ กับอีสือกวง ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟน ๆ ทีมเหย้าก็บุกเข้าไปตีบ้านของอีสือกวงอย่างไร้ความปรานี ใช้เวลาทั้งสิ้น 14 นาที 11 วินาที

“สวย ถล่มซะราบเลย!” นักศึกษาในร้านอาหารที่สนใจดูเกมหลังจากที่เห็นผลลัพธ์ก็แสดงความรู้สึกออกมา เมืองตงเจียงเป็นเมืองเหย้าของอีสือกวง ผู้เล่นท้องถิ่นส่วนมากก็สนับสนุนอีสือกวง แต่ว่าดูเหมือนพวกที่มารับประทานอาหารที่ร้านอาหารชั้นสองแห่งนี้จะไม่ค่อยมีแฟนพันธุ์แท้ของอีสือกวงสักเท่าไหร่ ถึงจะมีตอนนี้ก็ได้แต่ก้มหัวลงเท่านั้น ในเกมนี้อีสือกวงไม่มีโอกาสเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้คนอื่นก็ไม่มีอะไรจะพูด

แต่ว่าเหอเหลียงและเหออวี้สองคนพี่น้องตอนนี้ไม่ได้สนใจแต่เพียงผลลัพธ์ของเกมนี้เท่านั้น แต่เป็นกลยุทธ์ของเทียนเจ๋อที่แสดงออกมาในเกมนี้

ถ้าหากว่าตัวฟาร์มป่ายังเป็นเหอเหลียง โจมตีออกไปภายใต้กลยุทธ์เช่นนี้ จะมีผลลัพทธ์เป็นอย่างไรกันนะ

สองพี่น้องครุ่นคิดถึงคำถามข้อนี้อย่างเงียบงัน ถึงแม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะพูดไปว่าไม่ต้องสนใจอดีตอีกต่อไป แต่เมื่อกลยุทธ์ที่เหออวี้เพิ่งจะพูดถึงปรากฎขึ้นต่อหน้าคนทั้งสอง พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะคิดขึ้นมา

“นายเห็นว่ายังไง” เหอเหลียงถาม

เหออวี้ยังไม่ทันจะตอบก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านข้าง “ถ้าเทียนเจ๋อเล่นแบบนี้มาตั้งแต่แรกจะต้องรอตั้งหลายปีขนาดนี้ถึงจะได้แชมป์เหรอ”

สองพี่น้องหันไปมองตามสัญชาตญาณก็เห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีคนอีกสองคนเพิ่มขึ้นมาบนโต๊ะตัวข้าง ๆ เป็นพวกที่เหออวี้เพิ่งจะร่วมต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้เอง เมื่อเห็นสองพี่น้องหันมามองเกาเกอก็ยกชามข้าวในมือของตนเองขึ้นมาส่งสัญญาณทักทาย

“นี่…ถ้าก่อนหน้านี้เทียนเจ๋อเล่นแบบนี้ล่ะก็…” โจวม่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเกาเกอเข้ามาแล้วก็ตั้งใจดูเกมอย่างจริงจัง ไม่ได้สังเกตเห็นสองคนพี่น้องนี่ด้วยซ้ำ มาตอนนี้ได้ยินเกาเกอพูดขึ้นก็อยากที่จะพูดความเห็นของตัวเองออกมาอย่างจริงจัง ผลก็คือเห็นท่าทางของเกาเกอถึงได้สังเกตเห็นเหอเหลียงกับเหออวี้ที่อยู่ตรงนั้น คำพูดที่เตรียมจะพ่นออกมาถูกกลืนกลับลงไปทันที ก่อนหน้านี้ที่เขาอยากจะพูดย่อมต้องเป็นเรื่องของเหอเหลียง แต่ตอนนี้คนเขามานั่งอยู่ติด ๆ กัน ทำให้โจวม่อกระอักกระอ่วนใจขึ้นมา

“นี่ก็ยังไม่เหมือนกับที่ผมคิดซะทีเดียว” เหออวี้พูดขึ้นมา

“อ้อ ไม่เหมือนตรงไหนเหรอ” คนที่ตอบคำพูดของเขากลับกลายเป็นเกาเกออีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ยังตรงไปตรงมากว่าเดิม เกาเกอย้ายชามข้าวมาตั้งลงข้าง ๆ เหออวี้เลย สองพี่น้องอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปสนใจใครอื่น

สองพี่น้องยังคงมองหน้ากันอยู่ โต๊ะของพวกเกาเกอตรงนั้นก็มีกับข้าวมาเสิร์ฟแล้ว เกาเกอโบกมือเรียก “เอามาวางนี่”

โจวม่อยังมองอย่างปากอ้าตาค้าง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าตนเองควรจะตามไปหรือไม่ จากนั้นก็เห็นเกาเกอเริ่มคีบกับเข้าปากแล้ว กินไปพลางพูดเร่งเหออวี้ไปพลางว่า “พูดต่อสิ!”

“เอ่อ…เกมที่เทียนเจ๋อเล่นอยู่เมื่อกี้นี้ จางสือฉือเข้าร่วมการโจมตี ที่จริงแล้วเป้าหมายหลักก็คือให้เขารับการเงินไป ตัวป่ากับซัพพอร์ตทั้งคู่ก็เป็นแค่หลักประกันการเจริญเติบโตของแครี่เท่านั้น หลังจากฟาร์มป่าเสร็จแล้วพวกเขาก็จะช่วยกันแยกย้ายเพิ่มวิชั่นให้จางสือฉือ ทำให้เขาปลอดภัยจากการถูกล้วง พอป่าเกิดใหม่อีกครั้งก็กลับไปทำเหมือนเดิม ทำให้ของของจางสือฉือเก็บได้ครบเร็วขึ้น ถ้าเกิดเทียนเจ๋อก่อนหน้านี้ทำแบบนี้ล่ะก็…” เหออวี้มองตาของเหอเหลียงแล้วก็อยากจะหยุดพูด

“ไม่ต้องสนใจพี่ นายพูดเถอะ” เหอเหลียงกล่าวยิ้ม ๆ

“การเล่นที่ผมคิดเอาไว้ให้เทียนเจ๋อก่อนหน้านี้ การเงินยังต้องให้พี่ นี่เป็นหลักความคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย” เหออวี้กล่าว

“อ้อ มีอะไรต่างกันเหรอ” เกาเกอถาม

“ปกป้องพัฒนาการของตัวแครี่ แม้ว่านี่จะทำให้ช่วงเริ่มเกมของเทียนเจ๋อมีความได้เปรียบสูงมาก แต่การโจมตีที่แท้จริงจะอยู่ในช่วงกลางเกมกับปลายเกม หลังจากที่ซุนซ่างเซียงมีการเงินนำแล้วก็เข้าไปแก้ง พวกอีสือกวงนั่นไม่มีใครทนรับดาเมจจากนางได้เลย พอเจอกับการดันเข้าไปของเทียนเจ๋อก็ได้แต่ล่าถอยทีละก้าวเท่านั้น ถึงจะสามารถป้องกันป้อมในได้ถึงสองรอบ แต่ยังไงก็ไม่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เป็นรองไปได้ ถ้าให้การเงินกับตัวฟาร์มป่าก็จะต้องเร่งการดันป้อมกับการจู่โจมในช่วงต้นเกม กดดันทุก ๆ เลน ทำให้ศัตรูเล่นลำบาก ให้เพื่อนร่วมทีมมีจังหวะการเล่นที่ง่าย ๆ ในช่วงกลางเกมกับท้ายเกมก็ดูสถานการณ์เฉพาะหน้าว่าจะยอมแพ้ที่เลนไหน ให้เพื่อนร่วมทีมนำจังหวะการเล่น ตัวเองก็เน้นที่การเข้าช่วยสนับสนุนไป” เหออวี้พูด

“สายตาแหลมคมมาก! ว่าไง เรื่องเข้าร่วมคลื่น7 ของพวกเราได้กลับไปทบทวนดูรึยัง” เกาเกออุทานแล้วก็ถามต่อทันที

เหออวี้อึ้งไป ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะได้ตกลงใจไปแล้ว แต่การพูดตรง ๆ อย่างแน่วแน่ของเกาเกอก็ทำให้เขารู้สึกไม่พร้อม เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเพิ่งจะปฏิเสธคนเขาไปเอง แค่สองชั่วโมงผ่านไปก็พร้อมจะตกลงแล้วเหรอ เหออวี้รู้สึกว่ามีอะไรประหลาด ๆ ชอบกล

“พวกเธอคิดว่าระดับของเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ” จากนั้นเหอเหลียงก็ยิ้มขึ้นมาแล้วถามเกาเกอ

“นี่ อยากให้ฉันพูดความจริงเหรอ” เกาเกอกล่าว

“พูดเถอะ” เหออวี้มองดูเกาเกออย่างคาดหวังอยู่บ้าง

“ภาคทฤษฏีดุกว่าเสือ ภาคปฏิบัติห่วยอย่างหมา” เกาเกอกล่าว

“ฮา ๆๆ” เหอเหลียงหัวเราะขึ้นมาทันที เหออวี้เองก็รู้สึกขายหน้ามาก “ขอโทษครับ ความจริงนั่นเป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เล่นเกม”

“อ้อ เป็นงั้นเองเหรอ” เกาเกอประหลาดใจ แต่ว่าจากสีหน้าของเธอแล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีความผิดหวังใด ๆ เลยที่เหออวี้เป็น “นู้บ” ขนาดนี้ ตรงกันข้ามเธอกลับดูจะพอใจมากกว่า

ในเกมเกมนั้นเกาเกอตั้งใจสังเกตความเคลื่อนไหวของหวงจง การเล่นของเหออวี้หลายครั้งหลายหนมันมั่วนิ่มเละเทะจนทนดูไม่ได้จริง ๆ หลังจากนั้นก็เลยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเหออวี้เห็นว่าเกมเกมนี้มันไม่มีอะไรให้ต้องจริงจังก็เลยไม่ได้สนใจรายละเอียดอะไรมากนัก

ท่าทีที่มีต่อเกมแบบนี้ให้ว่ากันตามจริงแล้วเกาเกอก็ถือสามาก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มีอะไรมายืนยันก็เลยไม่ดีถ้าจะพูดอะไรออกไป มาตอนนี้พอฟังว่าเป็นเพราะเหออวี้เพิ่งเคยเล่นเกมเป็นครั้งแรก ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นมั่วจริง ๆ เกาเกอกลับรู้สึกโล่งใจ

“เขาพูดจริง” ตอนนั้นเองเหอเหลียงก็ช่วยพูดยืนยันให้เหออวี้

“พี่ก็เห็นด้วยเหรอ” จู่ ๆ เหออวี้ก็ตระหนักขึ้นมาได้

“ใช่ อย่างที่เพื่อนคนนี้พูดนั้นแหละ ด้านการปฏิบัติยังค่อนข้าง…ไก่มาก” เหอเหลียงพูดยิ้ม ๆ ตอนนั้นหลายคนดูเกมจากโทรศัพท์มือถือ เหอเหลียงเองก็ส่องดูจากโทรศัพท์มือถือของคนอื่นเหมือนกัน และแน่นอนว่าต้องสนใจการเล่นของเหออวี้มากเป็นพิเศษ

“วางใจเถอะ ฉันไม่ถือคนไก่ แค่ถือคนที่เล่นไม่จริงจัง เกลียดที่สุดก็พวกที่ตัวเองไก่แต่ไม่รู้ตัว อย่างเช่นพานรุ่ยหมิงที่อยู่งานกิจการนักศึกษานั่น” เกาเกอพูดแล้วก็หันไปมองเหอเหลียง

“ให้ถูกแล้วเธอควรจะเรียกเขาเป็นอาจารย์นะ” เหอเหลียงกล่าวขึ้น

“ก็ได้ค่ะ อาจารย์เหอ” เกาเกอพยักหน้า จากนั้นก็หันไปมองเหออวี้ตรง ๆ “ลองคิดทบทวนดูรึยัง”

“ผม…ลองดูก็ได้…” เหออวี้หยักหน้ารับในที่สุด ในเมื่อตกลงใจไปแล้วเขาก็จะไม่ลังเลอะไรอีก

“ดีมาก ยินดีต้อนรับนะ” เกาเกอพูดแล้วยื่นมือไปจับกับเหออวี้ ในขณะเดียวกันก็หันไปเรียกทางโต๊ะของเธอเองว่า “โจวม่อ มาต้อนรับสมาชิกใหม่หน่อยสิ”

“ยินดีต้อนรับ!!” โจวม่อก็กางหูฟังด้านนี้คุยกันมาตลอด พอได้ยินว่าเหออวี้ตกลงแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจมาก เมื่อได้ยินเกาเกอเรียก เขาที่เป็นคนเงียบ ๆ เก็บตัวมาเสมอก็ยังอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ รีบวิ่งฉิวมาทันที

“ยินดีต้อนรับ สหายเหออวี้ พี่*คือโจวม่อของคลื่น7” หลังจากโจวม่อจับมือกับเหออวี้เหมือนเกาเกอแล้วก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“ขอบคุณครับ ผมจำไอดีพี่ได้” เหออวี้พูดอย่างยิ้มแย้ม ตอนนี้ในใจของเขาก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน เพียงแต่ว่าไม่ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่เท่านั้น จะอย่างไรเสีย เขากับคนสองคนที่อยู่ตรงหน้า…ที่จริงแล้วก็ยังไม่ได้คุ้นเคยกันเลย

“ดีมากเลย ในที่สุดพวกเราคลื่น7 ก็มีสามคนแล้ว” โจวม่อหันหน้าไปพูดกับเกาเกอ

เอ๊ะ สามคนเหรอ แล้วยังในที่สุดอีก เหออวี้มองคนทั้งสองอย่างอึ้งกิมกี่ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าที่ตนเองทำลงไปอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็ได้

“นายนี่ก็พูดมากจริง!” ตอนนั้นเองเกาเกอก็ชี้นิ้วจิ้มไปที่ศีรษะของโจวม่อ

“ที่ว่าสามคนนี่มันเรื่องอะไรกันครับ” เหออวี้มองดูคนทั้งสอง แล้วหันไปมองเหอเหลียง ทีมของ The Kings of Glory ไม่ใช่ว่าจะต้องมีห้าคนหรอกหรือ มีสามคน งั้นก็เป็นกลุ่มเล่นฉางผิงหรือไง

“ความหมายของการมีคนสามคนก็คือว่าสิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือนี่ไงล่ะ” เกาเกอพูดแล้วก็หันกลับไปที่โต๊ะตัวนั้นของเธอกับโจวม่อแล้วคว้ากระดาษปึกใหญ่จากบนโต๊ะขึ้นมา

 

…………………………………………………………..

* ความจริงในเรื่องเขาก็ใช้ หว่อ กันธรรมดาทุกคนแหละ จีน (สมัยใหม่) เขามีคำแทนตัวแบบเดียวเหมือนอังกฤษ แต่เราจะเปลี่ยนสรรพนามไปตามที่คิดว่าเหมาะสมนะคะ

 

นู้บ แปลว่าผู้เล่นใหม่

ไก่ แปลว่าผู้เล่นที่เล่นได้แย่มาก (ในจีนเขาใช้คำว่า ไช่ ที่แปลว่าผักค่ะ)

แก้ง คือการที่ผู้เล่นเข้ามาร่วมต่อสู้ช่วยเพื่อนร่วมทีม เช่นมีเพื่อนเราดวลกับศัตรูเดี่ยว ๆ อยู่ เราก็วิ่งเข้าไปช่วยฆ่าคู่ต่อสู้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด