ช่วงเวลาแห่งราชา (เกมออนไลน์) 34

Now you are reading ช่วงเวลาแห่งราชา (เกมออนไลน์) Chapter 34 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.34 – เป็ดต้มสุก

Translator : Asiran / Author

 

ตอนที่ 34 – เป็ดต้มสุก

 

ปัญหาที่เกาเกอตระหนักได้ที่จริงแล้วเหออวี้ก็ทราบดี แต่ว่าก็ด้วยสาเหตุนี้นั่นแหละที่ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างใหญ่หลวง

ความตระหนักรู้ของเขามีพื้นที่ให้เล่นมากกว่าในเกมระดับสูงหรือ

พูดอีกอย่างก็คือเวลาที่ต้องมาต่อยตีกันจริง ๆ แล้ว ไม่มีใครที่รู้ดีไปกว่าเขาว่าการบังคับควบคุมของเขาไม่ถึงเกณฑ์เลยจริง ๆ ไม่ว่าจะมีความตระหนักรู้ดีแค่ไหนก็ไม่มีช่องว่างให้แสดงออกมาได้

อย่างตอนที่ตายกันไปรอบที่แล้ว ตอนที่อาธีน่าถือดาบปลายปืนพุ่งมาหาเจงกิสข่านของเขาจะให้มานั่งคิดแล้วค่อย ๆ ทำอะไรได้ ตอนนั้นไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก! ณ ขณะนั้นสิ่งที่เหอเหลียงบอกกับเขาก็คือความจริง : ซ้อมการควบคุมจนเล่นได้ตามสัญชาตญาณ ซ้อมจนตอบสนองได้โดยไม่ต้องคิด

การคาดการณ์ตามความตระหนักรู้อย่างช้า ๆ มีประโยชน์ในภาพใหญ่เท่านั้น แต่ในตอนที่ต้องปะทะกันตรง ๆ แบบนี้ ความตระหนักรู้จะต้องซึมลึกเข้าไปในระดับสัญชาตญาณ จะต้องคาดการณ์อย่างถูกต้องจากประสบการณ์และความตระหนักรู้ในระดับจิตใต้สำนึก และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การคาดการณ์เช่นนั้นไม่เพียงแต่คิดในสมองเท่านั้น แต่ว่าจะต้องคิดพร้อมกับควบคุมไปด้วยพร้อม ๆ กัน

เหออวี้ในตอนนี้ทำได้แค่ครึ่งแรกเท่านั้น คือมีการคาดการณ์ในระดับจิตใต้สำนึก แต่ว่าการคาดการณ์กับการควบคุมของเขามันตัดขาดจากกัน รอจนเขาพร้อมจะเริ่มลงมือ สิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก็ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว

เพียงแต่ว่าตอนนี้ทีมต้องพึ่งพาอาศัยเขา ในสถานการณ์ที่เป็นรองและได้แต่ตั้งรับแบบนี้ ตัวดาเมจไม่อาจจะเล่นพลาดได้เลย

แต่ว่าตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เล่นพลาดหรือเล่นไม่พลาด ตัวป่ากับซัพพอร์ตของอีกฝ่ายไปเวดป่าโซนบัฟแดง เพียงพริบตาเดียวก็หันมาฆ่าเขาได้แล้ว นาจาตัวออฟเลนของอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าได้รับสัญญาณมา เอาแต่ยืนอยู่นอกระยะป้อม ตอนนี้มีเจงกิสข่านอยู่แค่คนเดียว ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระยะป้องกันของป้อมก็ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ

กลับบ้านเหรอ นั่นต้องใช้เวลาร่าย เกรงว่าจะสายเกินไปแล้ว ทำแบบเดิมคือถอยลงไปที่ป้อมกลางไหม

ถ้าจะตายที่เดิมซ้ำซากอย่างนั้นยังจะเรียกว่ามีความตระหนักรู้ขั้นสูงประเภทไหนได้ล่ะ

ไม่มีทางถอยก็ได้แต่รอรับการโจมตีจากศัตรูอยู่ใต้ป้อมเท่านั้น การควบคุมไม่ใช่จุดแข็งของเขา ในช่วงเวลานี้จะต้องคิดก่อนว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีการแบบไหนเข้ามาโจมตีป้อม

นาจายืนอยู่นอกระยะยิงของป้อม ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังรอสัญญาณจากตัวป่าและซัพพอร์ตอยู่ หลังจากนั้นค่อยต้อนครีปเดินไปหาป้อม ในช่วงเวลาที่ครีปเดินหน้ารับการโจมตีจากป้อมอีกฝ่ายน่าจะใช้กุ่ยกู๋จื่อเปิดสกิลหนึ่งสกิลสองตามหลังมา สกิลที่สองหมื่นชีวิตมีวิญญาณต้องร่ายล่วงหน้า 2 วินาที หลังจาก 2 วินาทีผ่านพ้นไปก็จะเกิดลูกไฟวิญญาณกรูกันเข้าไปหาเป้าหมาย ดึงตัวเป้าหมายเอาไว้และมีผลสตันด้วย ถ้าเกิดโดนสกิลอันนี้ดึงตัวไปก็ตายแน่นอน ไม่มีทางที่จะควบคุมบังคับอะไรได้เลย ดังนั้นการหนีจากการดึงตัวของกุ่ยกู๋จื่อจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง

แต่นอกจากนั้นก็ไม่อาจละเลยการคงอยู่ของอาธีน่ากับนาจาไปได้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องรอหมื่นชีวิตมีวิญญาณของกุ่ยกู๋จื่อก็มีความสามารถพอที่จะฆ่าเขาได้เหมือนกัน นั่นเพียงแต่เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุดเท่านั้น พวกเขายังมีทางเล่นอีกหลายอย่างมาก ๆ นาจาของอีกฝ่ายตอนนี้มีเลเวลสี่แล้ว ถ้าหากเปิดท่าอัลติหยินหยาง.สวรรค์ถล่มใส่เขาขึ้นมาก็บอกได้เลยว่าหมดทางแก้  ท่าอัลติของนาจากับท่าอัลติของหลิวปังมีความคล้ายคลึงกันเล็กน้อย มีความสามารถในการวาร์ปไปทั่วแมปได้เหมือนกัน ความแตกต่างมีเพียงหลิวปังย้ายไปที่ตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีม ส่วนนาจาย้ายไปที่ฮีโร่ของศัตรู สำนวนที่ว่าไล่ล่าพันหลี้ก็คือเรื่องปกติสำหรับนาจา เจงกิสข่านของเหออวี้ตอนนี้มีสภาพค่อนข้างดี ถ้าเกิดว่ามีเลือดเหลือน้อยมากก็เกรงว่านาจาก็คงจะไม่ได้มานั่งรอตัวป่าตัวซัพพอร์ตอะไรและพุ่งเข้ามาไปแล้ว

หลังจากสังเกตดูสถานการณ์อย่างรวดเร็วไปรอบหนึ่งแล้ว เหออวี้ก็พบว่าคิดจะมีชีวิตรอดในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมตอนนี้ถึงแทบไม่เคยเห็นไลน์อัพแครี่ล้วนหรือแครี่ไปตีป่าเลยล่ะ ที่จริงก็เป็นเพราะว่าเวลาแครี่อยู่ตัวคนเดียวที่เลนข้างถึงจะมีป้อมคุ้มกะลาหัวก็ยังยากที่จะอยู่รอดปลอดภัย คนอย่างจางสือฉือแห่งทีมเทียนเจ๋อที่มีพรสวรรค์ควบคุมได้อย่างละเอียดอ่อนจะอย่างไรก็ยังเป็นชนกลุ่มน้อย

ทำให้ดีที่สุดแล้วกัน!

เมื่อคิดได้แบบนี้เหออวี้ก็ให้เจงกิสข่านเดินไปที่ริม ๆ หน้าป้อมสำรวจดู พบว่านาจาของอีกฝ่ายได้เริ่มเคลียร์ครีปแล้ว

มาแล้ว!

เหออวี้เตรียมตัวพร้อมแล้ว เห็นว่าครีปของตัวเองโดนนาจาฆ่าหมด ครีปของอีกฝ่ายเริ่มเคลื่อนตัวมาข้างหน้า

1, 2….

เหออวี้นับอยู่ในใจ และในเวลาพริบตาเดียวกับที่แถวครีปเดินเข้ามาในระยะของป้อม เหนือหัวของเจงกิสข่านก็มีเสียงเหยี่ยวร้องออกมา นกเหยี่ยวบินวนอยู่บนท้องฟ้า เพิ่มวิชั่นให้กับพื้นที่โดยรอบ

เจอแล้ว!

เหออวี้อยากจะรู้ล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเข้ามาจากทางไหน ในชั่วขณะที่ปล่อยนกเหยี่ยวออกมาเขาก็เห็นว่าในพุ่มริมป้อมป่าด้านบนมีร่างของกุ่ยกู๋จื่ออยู่ สกิลหนึ่งสกิลสองต่างก็เปิดออกมาหมดแล้ว เข้าป้อมมาตามทางเดียวกันกับครีป แต่อาธีน่ากลับปรากฏตัวขึ้นนอกระยะป้อมทางด้านหลัง ไม่ได้วิ่งเข้ามาจากด้านหน้า แล้วก็ไม่ได้รวมกลุ่มกันเข้ามาจากด้านหลังป้อมทั้งสองคน ตัวป่ากับซัพพอร์ตของศัตรูเลือกที่จะแยกทางกันตี นี่ก็คือสิ่งที่เหออวี้ไม่อยากเห็นที่สุดแล้ว

บ่นไปก็เท่านั้น การหนีจากหมื่นชีวิตมีวิญญาณของกุ่ยกู๋จื่อมีความสำคัญอันดับหนึ่ง เจงกิสข่านของเหออวี้รีบหลบถอยหลัง แต่ก็ยังคอยใส่ใจความเคลื่อนไหวของอาธีน่าด้วย

กุ่ยกู๋จื่อที่โดนเผยตัวก่อนล่วงหน้าเซ็งเล็กน้อย แต่สกิลของเขาร่ายออกไปแล้วก็เหมือนกับลูกศรที่ออกจากแล่ง ถึงแม้ว่าเจงกิสข่านก็เริ่มหลบแล้วแต่สกิลที่หนึ่งก็มีโบนัสความเร็วเคลื่อนที่อยู่ 40% เขารู้สึกว่าตัวเองยังมีโอกาสไล่ตามไปจับตัวเจงกิสข่านได้ แต่ไม่นึกเลยว่าตอนนั้นเองที่เท้าของกุ่ยกู๋จื่อก็เกิดเสียงดังขึ้นมา กับดักร้อยสังหารอันหนึ่งจู่ ๆ ก็เด้งขึ้นมา

เตรียมพร้อมอยู่แล้วนิ!

กุ่ยกู๋จื่ออึ้งไป เมื่อโดนกับดักร้อยสังหารเข้าทำให้ความเร็วของเขาลดลง 30% ในทันที ข้อได้เปรียบของความเร็วเคลื่อนที่หายวับไปอย่างกะทันหัน การจับตัวเจงกิสข่านกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงจำกัดตำแหน่งของเจงกิสข่านเท่านั้น อาธีน่าพวกตัวเองก็คาดการณ์ได้เหมือนกัน เริ่มเดินลงมาเตรียมหาโอกาสโจมตีเจงกิสข่าน

ใครจะคิดว่าจู่ ๆ เจงกิสข่านก็ไม่วิ่งหนี จู่ ๆ ก็เดินไปทิศทางตรงกันข้าม

แม่งคิดว่าแค่กับดักร้อยสังหารก็ฆ่ากูได้เหรอ

กุ่ยกู๋จื่อดีใจสุด ๆ รีบปรับเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่

มาหาฉันมา!

ลูกไฟวิญญาณจากหมื่นชีวิตมีวิญญาณก็ได้ก่อตัวขึ้นมาแล้วในขณะนี้ เริ่มที่จะดึงตัวศัตรูที่อยู่ในระยะ ใครจะคิดว่าเจงกิสข่านกลับไม่ได้ถูกดึงเข้ามาสู่อ้อมอกของเขาอย่างที่เขาหวังเอาไว้ เขาเบิกตากว้างมองดูเจงกิสข่านกระโดดเข้าป่าไปดื้อ ๆ

Flicker เหรอ

เดินไปติดกับกำแพงจากนั้นก็ใช้ Flicker หนึ่งครั้งทะลุกำแพงเข้าป่าไปอย่างงั้นเหรอ

Flicker เป็นสกิลชาเลนเจอร์ กุ่ยกู๋จื่อเองก็เลือกสกิลชาเลนเจอร์เป็น Flicker เหมือนกัน ถ้าเกิดว่ามีสกิลนี้อยู่การที่เขาคิดจะจับตัวคนเอาไว้ก็มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า น่าเสียดายที่สกิลนี้มีเวลาคูดาวน์นานถึง 120 วินาที และเนื่องจากว่ามันเป็นสกิลชาเลนเจอร์ก็เลยไม่ได้รับผลจากการลดเวลาคูลดาวน์ของรูนของฮีโร่และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเกมนี้กุ่ยกู๋จื่อได้ใช้ Flicker ไปสองรอบแล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงคูลดาวน์ ไม่มีทางใช้ออกมาได้ สุดท้ายแล้วจึงถูกเจงกิสข่านใช้ Flicker หนึ่งทีข้ามกำแพงหนีออกไปได้ เป็ดที่ต้มสุกแล้วยังบินหนีไปได้ก็คงเป็นความรู้สึกแบบนี้นั้นแหละ กุ่ยกู๋จื่อยังไม่คิดจะยอมแพ้ วิ่งอ้อมกำแพงไล่ตามเข้าไปในเขตป่า ผลก็คือพบว่าอาธีน่าพวกตัวเองไม่คิดที่จะตามมาเลยจึงได้แต่ยอมแพ้กลับไป

“สวย!” เหออวี้ที่หนีรอดจากการถูกล้อมมาได้อดไม่ได้ที่จะพูดชมตัวเอง

“ไม่เลว ไม่เลว” เกาเกอที่ตั้งใจดูมาตลอดกล่าว เธอปากก็พูดว่าไม่มีทางสู้แต่ที่จริงก็ยังบังคับจางเฟยตามไปสนับสนุนที่เลนล่างอย่างรวดเร็วที่สุดแล้ว ผลก็คือเห็นเจงกิสข่าน Flicker หนีออกมาจากป้อม ถึงมันจะเป็นเพียงการหลบหนีอย่างน่าสมเพช แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการหาทางรอดแบบนี้สำหรับตัวดาเมจแล้วเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมาก

“มีโอกาสสู้กลับไหมครับ” เจงกิสข่านของเหออวี้พบเข้ากับจางเฟยกลางทาง ตัวป่าผู้น่าสงสารซึ่งไม่มีครีปป่าให้ตีตอนนี้ก็มาชะโงกมองว่ามีอะไรให้ช่วยไหมเหมือนกัน ฮีโร่สามตัวมาอยู่รวมกันทำให้เหออวี้เลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมาเล็กน้อย

“น้องชาย ไม่ใช่ว่านายเพิ่งจะถูกสามคนล้อมฆ่าตายคาป้อมมารึไง เมื่อกี้หนีมาหางจุกก้น ทำไมถึงได้ผยองขึ้นมาเร็วนักล่ะ” เกาเกอกล่าว

“พวกเรามาซุ่มโจมตีกันตรงนี้เหอะ!” เหออวี้พูด

“ตีตีตี! ฉันเวลสี่แล้ว ไปซัพพวกนายได้แล้ว” โจวม่อที่โดนอาธีน่าคนเดียวฆ่าไปได้ตอนนี้ก็หัวร้อนเหมือนกัน

เสียงเพิ่งจากหลุดออกจากปาก เหนือหัวของเจงกิสข่านของเหออวี้อยู่ดี ๆ ก็มีสัญลักษณ์วงกลมหยินหยางของนาจาปรากฏขึ้น

“จะวาร์ปมาหาผมแล้ว!” เหออวี้ร้อง

แต่ในวินาทีถัดมาสัญลักษณ์เหนือหัวของเขาก็จางหายไปแล้ว

“หลงตัวเองไปเปล่า คนเขาก็แค่มองดูนาย” เกาเกอกล่าว

“ดูพวกเรา” เหออวี้แก้คำพูดเกาเกอ ท่าอัลติของนาจาเมื่อเริ่มใช้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกไล่ตามเป้าหมายคนใดคนหนึ่ง ใช้สกิลนี้เป็นวิชั่นหาตำแหน่งของศัตรู จากนั้นก็วิเคราะห์ว่าสามารถจะวาร์ปไปหาได้หรือไม่เป็นการเล่นที่พื้นฐานมาก

ตอนนี้เจงกิสข่านที่ซ่อนอยู่ในพุ่มมีคนตัวเบ้อเริ่มอีกสองคนล้อมรอบอยู่ นาจาคนนี้สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เป็นนาจาที่มีสามเศียรหกกรคนนั้น รีบดึงพลังเทพของเขากลับทันที

“หาโอกาสฟาร์มต่อไปแล้วกัน” เกาเกอกล่าว

“ยากอะ” เหออวี้ถอนหายใจ

เมื่อกี้ที่เขาใช้ Flicker วิ่งข้ามกำแพงมามันแม่นยำและรอบคอบจริง ๆ แต่ว่านี่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับสถานการณ์โดยรวม อีกฝ่ายไม่ได้ฆ่าเขา แต่ก็ยังใช้โอกาสที่ป้อมแรกเลนล่างของพวกเขาไม่มีคนกันตีป้อมจนแตกไปได้ ถ้าพูดถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเกมนี้แล้ว พวกเขาก็ยังเล่นได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก จะได้คิลเจงกิสข่านอีกหนึ่งรอบได้หรือไม่ที่จริงแล้วก็ไม่ได้สำคัญเป็นพิเศษ

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด