ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 165 นายชอบเพราะเธอใสซื่อ แสนดี และอ่อนโยนเหรอ / 166 ให้ฉันเป็นแสงไฟส่องสว่างให้กับพวกคุณ

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 165 นายชอบเพราะเธอใสซื่อ แสนดี และอ่อนโยนเหรอ / 166 ให้ฉันเป็นแสงไฟส่องสว่างให้กับพวกคุณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 165 นายชอบเพราะเธอใสซื่อ แสนดี และอ่อนโยนเหรอ

 

 

มือของเธอบีบถ้วยน้ำชาเอาไว้แน่น รู้สึกเย็นไปทั่วทั้งกายราวกับนั่งอยู่ในโดมน้ำแข็ง

 

 

“คุณน้าพูดว่า…ก่อนที่ฉันจะไปต่างประเทศ? ซูเหิงก็ชอบเฉินเชียนโหรวแล้ว?”

 

 

น้ำตาของไช่จิ้งอี๋น้ำตาไหลพรากเมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินคำถามนั้นจากเฉินฝานซิง สีหน้าของเธอเศร้าหมองลงก่อนจะกัดปากพลางพยักหน้า

 

 

เฉินฝานซิงค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่ซูเหิง ก่อนจะเห็นกับสายตารู้สึกผิดที่มองมายังเธอ

 

 

เธอมองเขาอยู่เนิ่นนาน หัวใจดวงนั้นสั่นไหวไปทั้งดวง “นายชอบเธอตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะไปต่างประเทศ? นายทนทรมานมาหกปีเต็มเพราะสัมพันธ์นี้?”

 

 

เขาไม่พูดอะไร ทว่าความรู้สึกผิดที่ทวีคูณขึ้นในดวงตาคู่นั้นกลับได้ให้คำตอบได้อย่างเงียบงัน

 

 

เธอเค้นหัวเราะเย็นขึ้น “ฉันก็นึกว่าอย่างน้อยๆ ก็น่าจะเป็นตอนที่ฉันไปต่างประเทศแล้ว เพราะนายทนเหงาก็เลยเริ่มไปมาหาสู่กับเธอ…นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะเร็วขนาดนี้…”

 

 

เธอพูดอย่างเฉยชาเย้ยหยัน

 

 

ทุกตัวอักษรที่ร้อยเรียงกันเป็นคำพูด แต่มันกลับเหมือนมีดเล่มคมที่แทงทะลุหัวใจเขาอย่างไร้ปรานี

 

 

เฉินฝานซิงปวดใจไ แต่ก็อดถากถางไม่ได้เช่นกันที่แท้พวกเขาก็ต่ำเสียยิ่งกว่าต่ำอย่างสุดที่เธอจะคาดเดา

 

 

“ซูเหิงฉันขอถามอะไรนายสักคำได้ไหม”

 

 

เขาเผยอริมฝีปากขึ้นไม่พูดอะไรแต่ก็ยังคงพยักหน้ารับ

 

 

“นายชอบเฉินเชียนโหรวที่ตรงไหน สวย ใสซื่อ แสนดี และอ่อนโยนงั้นเหรอ”

 

 

เธอจ้องเขาเขม็ง ไม่แม้แต่จะกะพริบตา

 

 

ซูเหิงถูกสายตาที่ทั้งเย็นชาและกดดนจับจ้องจนแข็งทื่อไปทั้งตัว

 

 

เขาอมพะนำเช่นนั้นอยู่เนิ่นนาน แต่เฉินฝานซิงก็ดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ

 

 

เวลาผ่านไปหลายนาที…

 

 

“ใช่…”

 

 

แค่คำคำเดียวที่ดูเหมือนเขาจะใช้ความกล้าทั้งหมดของร่างกายเค้นมันออกมาจากไรฟัน

 

 

เฉินฝานซิงดวงตาเป็นประกาย เธอยกยิ้มเย็นขึ้นแล้วพยักหน้า “แบบนี้นี่เอง ดันบังเอิญเป็นสิ่งที่ฉันไม่มีซะด้วย…”

 

 

“ฝานซิง…” เสียงของซูเหิงแหบจนสังเกตได้ “ขอโทษ…”

 

 

“บอกแล้วไงว่าฉันไม่รับ…ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับคำว่าไม่เป็นไรหลังจากที่พูดคำว่าขอโทษ แค่ฉันไม่ตอบว่าไม่เป็นไรแค่นี้ พวกเธอคงไม่สะเทือนถึงชีวิตคู่หรอกนะ! เหตุผลที่นายชอบเธอ…เหอะ เข้าใจแล้ว ฉันไม่ห้ามให้พวกเธอคบกันหรอก!”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนที่ห้องก็ต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

 

เจียงหรงหรงเอ่ยขึ้นเธอว่า

 

 

“แกปล่อยวางได้ก็ดี! วางใจเถอะ ย่ามองคนที่เหมาะกับแกเอาไว้แล้ว แกเองก็เคยเจอกับเขาแล้ว นั่นก็คือคุณติงห้าวติง ทายาทของบริษัทเหิงติ่ง…”

 

 

ซูเหิงเงยหน้าขึ้นมองเจียงหรงหรงด้วยสีหน้าชา

 

 

“คุณย่า!”

 

 

คิ้วของเธอขมวดเข้า ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะ!

 

 

“คุณไม่จำเป็นต้องลำบาก ชีวิตฉันใครก็ไม่มีสิทธิมายุ่ง!”

 

 

“อวดดี!” เฉินเต๋อฝานปรามเสียงดุ

 

 

“ทำไมแกถึงได้พูดกับย่าแกแบบนั้น หมายความว่ายังไงที่บอกว่าชีวิตของแกใครก็ไม่มีสิทธิ์ยื่นมือเข้าไปยุ่ง แกเคยสำนึกบ้างไหมว่าแกเป็นคนของตระกูลเฉิน!”

 

 

“หลายปีมานี้…พวกคุณเคยเห็นฉันเป็นคนตระกูลเฉินด้วยเหรอ”

 

 

“แก…แกมันเลี้ยงไม่เชื่อง! อย่าลืมนะว่าเรื่องโง่ๆ ที่แกเคยก่อเอาไว้ใครเป็นคนช่วยกลบข่าวให้ แล้วใครที่เป็นคส่งแกไปต่างประเทศ!”

 

 

เธอยกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว “สกุลเฉิน”

 

 

“เหอะ! แกก็จำได้?!”

 

 

“อืม จำได้สิ ปีนั้นเพราะฉันไม่เห็นด้วยที่คุณแอบไปสมัครแข่งเปียโน ในวันแข่งวันนั้นนักข่าวพบว่าฉันกับกรรมการอยู่ในห้องพักกันสองต่อสอง เสื้อผ้าก็ยุ่งเหยิง ฉันบอกว่าฉันถูกล่วงเกิน แต่กรรมการกลับบอกว่าฉันไปให้ท่าเขา พวกคุณเชื่อคำพูดของกรรมการคนนั้น แต่ไม่เชื่อฉัน…”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 166 ให้ฉันเป็นแสงไฟส่องสว่างให้กับพวกคุณ

 

 

“เมื่อก่อนฉันขอให้ทุกคนเชื่อฉัน แต่สุดท้ายก็เป็นพวกคุณที่คิดจะเหยียบเรื่องนี้เอาไว้ ยิ่งปิดก็ยิ่งฉาว จนใครต่อใครเขาคิดกันว่าฉันให้ท่ากรรมการในงานแข่งเปียโนปีนั้น!”

 

 

“ในงานแข่งขันแฟชั่นครั้งยิ่งใหญ่ฉันถูกหลอกเอาผลงานไป! ฉันบอกว่านั่นเป็นของฉัน แต่เชียนโหรวบีบน้ำตาแล้วพูดว่านั่นเป็นงานที่เธออดหลับอดนอนเพื่อทำมันขึ้นมา ผลสุดท้ายพวกคุณก็เชื่อเฉินเชียนโหรว แต่ไม่เชื่อฉัน…”

 

 

“จนสุดท้ายฉันก็ถูกสถาบันคัดชื่อออก พวกคุณโมโหที่ฉันทำขายหน้า! เลยเขี่ยฉันทิ้งไปต่างประเทศ! สามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี…”

 

 

เสียงในลำคอของเธอเริ่มฝืด แต่เธอก็ต้องฝืนทนเอาไว้ แผ่นหลังยืดตรง ดวงตาคู่นั้นไม่อาจปิดบังความบอบช้ำ แต่กลับเยือกเย็นได้อย่างไร้ที่ติ

 

 

“เพราะฉันมันเป็นเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้งอแงไม่เป็นใช่ไหม ถึงไม่ได้รับความเห็นใจและสนใจจากพวกคุณ คุณคิดว่าเรื่องทุกอย่างที่คุณทำมันมากพอแล้ว เมตตาพอแล้วใช่ไหม”

 

 

“แต่พวกคุณเคยคิดบ้างไหม ว่าเป็นพวกคุณนั่นแหละ…ที่ผลักฉันลงเหวด้วยน้ำมือของตัวเอง”

 

 

“พวกคุณไม่เคยยื่นมือมาฉุดรั้งฉันในช่วงเวลาที่ฉันต้องการมากที่สุด แม้แต่ในยามที่พวกคุณภาคภูมิใจ ความภูมิใจเหล่านั้นก็ไม่เคยจะตกมาถึงฉัน! พอพวกคุณกำลังจะตกเหวและอยากได้ความช่วยเหลือจากฉัน พวกคุณก็สรรหาประโยชน์ สุดท้ายที่ฉันพอทำให้ได้ก็คือมาเป็นแสงไฟส่องสว่างให้กับพวกคุณ?”

 

 

“บนโลกใบนี้มีเรื่องดีๆ แบบนั้นที่ไหนกัน ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาทำเหมือนใครเป็นไอ้งั่งกันทั้งนั้น พวกเรามาให้เกียรติกันเป็นครั้งสุดท้ายดีไหม”

 

 

คำพูดสุดท้ายของเฉินฝานซิงจบลง เธอเพียงกวาดสายตาไปมองเฉินซั่งหวาที่นั่งอยู่อย่างเรียบเฉย

 

 

คนในสกุลเฉินเพียงคนเดียวที่เธอยังไว้หน้าก็มีเพียงท่านคนเดียวเท่านั้น

 

 

ส่วนที่ดีนี้ หากพวกเขาต้องการก็รับมันไป!

 

 

ไม่ว่าจะรับมันได้หรือไม่ เธอก็ไม่อยากจะข้องเกี่ยวใดๆ กับบ้านตระกูลเฉินอีกแล้ว

 

 

“งานเลี้ยงครบรอบของบริษัทฉันจะไป อีกเดี๋ยวดินเนอร์ครอบครัว…พวกคุณต่อกันเถอะ”

 

 

เธอพูดจบก็ลากเก้าอี้ออกแล้วเดินจากไป

 

 

“ฝานซิง!”

 

 

เฉินซั่งหวาตะโกนเรียกแผ่นหลังของหลานสาว เขาบังคับวีลแชร์แล้วตามเธอออกไปด้วยตัวเอง!

 

 

“คุณปู่ หนูช่วยนะคะ…”

 

 

เฉินเชียนโหรวรีบแสดงให้เห็นทันทีว่าหลานสาวที่ดีนั้นควรเป็นเช่นไร

 

 

เธอรีบลุกขึ้นจากที่นั่งทันที!

 

 

“ไม่ต้องตามมา!”

 

 

เฉินซั่งหวาตะคอกเสียงต่ำ ทำให้เฉินเชียนโหรวรู้สึกกลัวจนไม่กล้าขยับ

 

 

เฉินฝานซิงรีบสับเท้าออกจากคลับแห่งนั้นอย่างเร็ว เธอสะอิดสะเอียนอากาศภายในนั้นทุกๆ อณู อยากจะออกจากที่นี่ให้ได้เร็วที่สุด

 

 

“ฝานซิงลูก!”

 

 

ในที่สุดเฉินซั่งหวาก็ตามเธอมาทัน

 

 

“มีธุระอะไรอีกเหรอคะ”

 

 

เฉินฝานซิงมองชายชราที่นั่งบนวีลแชร์อย่างเรียบเฉย เธอเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“หนูโทษปู่เหรอ”

 

 

เสียงของชายชราที่ไร้เรี่ยวแรงที่เนื่องมาจากความโรยราไปตามกาลเวลา

 

 

เฉินฝานซิงปิดตาลงแน่น

 

 

“…ดินเนอร์คืนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพาปู่ออกมาด้วย หนูก็คงไม่มาหรอกค่ะ…หนูก็แค่อยากรู้ว่าคืนนี้คุณปู่เป็นคนที่อยากให้หนูมาใช่ไหมคะ”

 

 

เฉินซั่งหวาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เขาเงียบไปชั่วขณะก่อนจะยื่นมือออกไปคว้ามือเธอเอาไว้ ฝ่ามือกร้านนั้นยังคงแฝงไปด้วยความอบอุ่น

 

 

“ปู่แค่หวังดีกับหนู เรื่องพวกนี้…”

 

 

ทันใดนั้นหัวใจของเธอพลันรู้สึกหนาวเหน็บ เรียวนิ้วของเธอสั่นระริก ปลายจมูกรู้สึกร้อนผ่าว

 

 

“คุณปู่ ก็แค่โทรมาบอกหนูยังดีซะกว่า หนูกับซูเหิงถอนหมั้นกันจริงๆ แล้ว ทั้งบ้านสกุลซูและสกุลเฉินต้องนึกถึงภาพรวม ไหนจะให้ฉันขึ้นไปป่าวประกาศบนเวทีว่าเป็นฝ่ายขอถอนหมั้น…ต่อให้ทั้งสองเรื่องที่พูดมาจะแย่แล้ว แต่ก็ยังดีกว่าการที่หนูต้องมาที่นี่ในคืนนี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด