ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 295 มาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ / 296 งั้นช่างมันเถอะ

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 295 มาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ / 296 งั้นช่างมันเถอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 295 มาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ

 

 

ใบหน้าเธอขึ้นสีระเรื่อ มือข้างหนึ่งค้ำลงไปบนเตียงนุ่ม ส่วนมืออีกข้างที่คล้องบ่าของเขาอยู่ ยังไม่ถูกดึงกลับมา

 

 

“แต่…” เธอมีสีหน้าลำบากใจ

 

 

“ทำไมเหรอ” ใบหน้าหล่อที่ห่างกันเพียงคืบ ทำให้เห็นถึงความอบอุ่นไร้ซึ่งความน่ายำเกรงได้อย่างเด่นชัด ความน่าหลงใหลอย่างที่สุดและเสน่ห์อันเหลือล้นที่แผ่ขยายออกมาอยู่ใกล้ใบหน้าเธอเพียงนิดเดียว

 

 

เธอเอ่ยขึ้นเสียงต่ำด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ห้องคุณเนี่ย…ฉันว่ามันดูน่าอายไปหน่อย…”

 

 

ยังจำได้เมื่อครั้งที่คุณย่าพาเธอมาพักผ่อนที่นี่ ได้ใช้ห้องน้ำร่วมกันกับเขา สวมเสื้อคลุมอาบน้ำของเขา ไหนจะอุบัติเหตุที่โดนเขากดลงบนเตียงตอนนั้นอีก…

 

 

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

 

 

เฉินฝานซิงเม้มปากไม่พูดจา

 

 

เรื่องน่าอายแบบนั้น อย่าไปพูดถึงมันเลยจะดีกว่า

 

 

“ถ้าฉันนอนที่นี่ งั้นคุณล่ะ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้น ยังไม่ทันจะได้ฟังคำตอบจากเขาจู่ๆ ก็ได้ยินเสียง  แกร๊ก  ดังขึ้นมา

 

 

ทั้งคู่หันไปมองยังประตูอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาเงียบไปก่อนจะหันกลับมามองหน้าของอีกฝ่าย

 

 

หลังจากนั้นไม่ถึงอึดใจ ป๋อจิ่งชวนก็ยกยิ้มขึ้น “ออกไปไม่ได้แล้ว”

 

 

เธอหายใจออกเฮือกใหญ่ ในเวลาแบบนี้เธอลืมคุณย่าไปได้ยังไงกันนะ

 

 

“แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะไปไหนอยู่แล้ว”

 

 

เขาว่าพลางโน้มตัวลงจับข้อเท้าของเธอเอาไว้

 

 

เฉินฝานซิงดึงเท้ากลับมาตามสัญชาตญาณ

 

 

เธอไม่ได้กลัวสัมผัสของอีกฝ่าย เพราะเธอมองความตั้งใจของเขาออก

 

 

เพียงแต่หากต้องให้ผู้ชายแบบเขายอมลดศักดิ์ศรีลงมาคุกเข่าถอดรองเท้าให้เธอ เธอคงจะยอมรับมันไว้ไม่ไหว

 

 

มือที่จับข้อเท้าเธอไว้กระชับแน่นเพื่อรั้งการปฏิเสธของเธอ ก่อนจะถอดรองเท้าของเธอออกไปอย่างนุ่มนวล ตามด้วยการลุกขึ้นยกผ้าห่มขึ้นคลุมให้เธอ แล้วเอนตัวลงนอนตะแคงข้างๆ เจ้าของสายตาที่กำลังจับจ้องเขาอยู่

 

 

เธอตัวเกร็งไปเล็กน้อย ป๋อจิ่งชวนประคองศีรษะของเธอขึ้น แขนข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้ลำคอเพื่อให้เธอหนุนนอน จากนั้นจึงรั้งเธอเข้ามาให้แนบชิดในอ้อมกอด

 

 

กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ที่คุ้นเคยเข้าโอบรัดตัวเธอ มือของเธอค่อยๆ แนบลงไปยังแผ่นอกของเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะสัมผัสได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจผ่านแผ่นอกแกร่งและอุ่นร้อน

 

 

เหมือนว่าเขาจะกดจูบลงบนหน้าผากเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยกับเธอเสียงทุ้ม

 

 

“นอนเถอะ”

 

 

เธอกะพริบตาปริบๆ พลางมองไปยังมือขวาของตัวเองราวกับกำลังประหลาดใจกับเสียงของเขาที่เธอสัมผัสได้

 

 

เพราะเธอรู้สึกถึงการสั่นไหวจากการสะท้อนของเสียงที่ออกจากปากของอีกฝ่ายผ่านทางฝ่ามือนั้น

 

 

“อืม…” เธอตอบรับเสียงแผ่ว เส้นผมของเธอสีไปมาบนแขนของเขาตามการพยักหน้า

 

 

ตอนนี้หัวใจดวงนั้นเต้นราวกับมีคนมาลั่นกลอง

 

 

เธอข่มตาลง แต่ทว่ากลับถูกเสียงหัวใจของตัวเองทำเอาแม้แต่จะแกล้งหลับยังทำไม่ได้

 

 

ห้องนี้เงียบเกินไป เธอคิดว่าเสียงหัวใจของเธอ อีกฝ่ายคงจะได้ยินมันอย่างชัดเจน

 

 

ร่างของเธอยังคงเกร็งแข็ง

 

 

“นอนไม่หลับ?” เสียงแหบทุ้มที่ดังขึ้นเหนือศีรษะทำเอาตัวเธอเกร็งขึ้นยิ่งกว่าเก่า

 

 

จากนั้นไม่นาน เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขาจากในอ้อมกอด สายตากวาดมองไปยังคางที่เย่อหยิ่งของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองยังแก้วตาสีดำสนิทแสนลึกล้ำของเขา

 

 

“ตื่นเต้นนิดหน่อย…”

 

 

เขาย่นคิ้วมองเธอ กลีบปากบางเผยอออกเบาๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงแหบทุ้มชวนหลงใหล

 

 

“เพราะรู้สึกว่าการที่ถูกคุณย่าขังไว้ที่นี่ การนอนอยู่บนเตียงหลังนี้และถูกผมโอบกอดเอาไว้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดอะไรขึ้น แม้ตอนนี้จะยังไม่ทำอะไรสักอย่าง และก็ไม่รู้ว่าผมจะลงมือตอนไหน มันเลยทำให้คุณไม่สบายใจถูกไหม”

 

 

เธอกลอกตาราวกับกำลังครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้ารับ “น่าจะใช่เรื่องนี้”

 

 

ป๋อจิ่งชวนมองเธอพลางกดขำเสียงต่ำ

 

 

“งั้นเรามาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ”

 

 

 

 

 

ตอนที่ 296 งั้นช่างมันเถอะ

 

 

“งั้นเรามาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ”

 

 

สิ้นคำนั้นเขาก็พลิกตัวขึ้นกดเฉินฝานซิงไว้ใต้ร่าง

 

 

คนถูกกดเอาไว้ดวงตาสั่นระริก เธอตั้งสติอีกครั้งแล้วสบเข้าไปยังดวงตาลึกล้ำสีดำขลับคู่นั้น

 

 

สิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในม่านตาสีรัตติกาลมีเพียงแค่เงาของเธอเท่านั้น

 

 

นัยน์ตาเธอสั่นระริก ใจดวงน้อยๆ พลันเต้นระส่ำระสาย ทรวงอกขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่ผิดเพี้ยน

 

 

ป๋อจิ่งชวนยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามใบหน้าเรียบเนียน เรียวนิ้วที่ติดจะเย็นเล็กน้อยทาบลงตรงมุมปากอย่างนุ่มนวล ตามมาด้วยเสียงแหบทุ้มชวนหลงใหล

 

 

“คุณว่า เราทำอะไรกันสักหน่อยดีไหม” เขาเอ่ยถาม

 

 

ความสับสนปนเปผุดขึ้นบนใบหน้าสวย เธอข่มอารมณ์อย่างสุดแรง ก่อนจะมองไปยังใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบ

 

 

เรื่องที่คุยกับคุณย่าในวันนี้พลันผุดขึ้นในสมอง

 

 

ทุกคำที่ก้องอยู่ในหูเธอตอนนี้แทบจะเข้าใจได้โดยไม่ต้องพึ่งทักษะภาษาหรือสัญชาตญาณเลยด้วยซ้ำ

 

 

ทั้งยอมให้เขาหน่อยนะเอย น้ำขึ้นให้รีบตักเอย ทุกๆ ถ้อยคำ ทุกๆ ตัวอักษรได้ผ่านเข้ามาในหัว ก่อนจะทิ้งตัวเลือกเอาไว้ให้เธอสองทาง ระหว่างทำในสิ่งที่ถูกที่ควร หรือทำตามปรารถนาที่เธอไม่อาจปฏิเสธมันได้

 

 

ความเงียบในช่วงเวลาสั้นๆ ทว่ากลับกลายเป็นการรอคอยที่ยาวนาน

 

 

ราวกับเวลาได้เลยผ่านไปเนิ่นนาน เธอจ้องมองไปยังนัยน์ตาสีดำสนิทน่าค้นหาของคนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะยอมตอบกลับเขาไปด้วยเสียงอ้อมแอ้ม

 

 

“งั้น…ทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ”

 

 

แม้เสียงนั้นจะแผ่วเบา ทว่าระยะห่างของทั้งคู่ใกล้กันเพียงนิด

 

 

คล้ายว่าคำตอบนี้จะดูเหนือความคาดหมายไม่น้อย มือของป๋อจิ่งชวนพลันหยุดชะงัก สายตาที่เคยสำรวจไปทั่วใบหน้าของเธอ บัดนี้กลับติดตรึงอยู่เพียงที่ดวงตาสวย

 

 

ทันใดนั้นมือที่ช้อนคางของเธออยู่นั้นยิ่งกระชับแน่น

 

 

ดวงตาสุดลึกล้ำสีรัตติกาลค่อยๆ หรี่ลง “คุณแน่ใจ?”

 

 

เฉินฝานซิงชะงักเงียบ ใบหน้าเธอถูกย้อมไปด้วยสีแดงระเรื่อ

 

 

“งั้นก็…ช่างมันเถอะ…”

 

 

“เหลวไหล”

 

 

สิ้นสองคำนั้นที่เปล่งออกมาด้วยเสียงเย็นยะเยือก จูบเย็นเยียบก็ประกบลงมา

 

 

เป็นการจูบปิดปากอย่างหนักหน่วง

 

 

ไม่เปิดโอกาสให้เธอกลับตัวกลับใจได้อีก

 

 

 รสจูบนี้ค่อนข้างรุนแรง เรียวลิ้นว่องไวบุกเข้าไปครอบครองโพรงปากของเธออย่างไม่ลดละ ทำเอาเธอพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ

 

 

เฉินฝานซิงสัมผัสได้ถึงความคุ้นชินกับรสจูบของเขาที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ

 

 

จังหวะการจูบเป็นไปอย่างหนักสลับเบาเพื่อเชิญชวนให้เธอตอบสนอง

 

 

ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มขาดห้วงและร้อนระอุ ปากที่ถูกบีบให้เปิดรับ บัดนี้เริ่มกล้าที่จะโต้ตอบ

 

 

จนถึงตอนนี้ มือของเธอที่ก็ไม่รู้ว่าไปวางอยู่ตรงบ่าของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ นิ้วเรียวขาวเหล่านั้นขยุ้มลงบนเสื้อเชิ้ตตัวแพง ก่อนจะแบกรับดวงใจที่เต้นระส่ำนั้นไว้และจูบตอบกับเขาไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

 

เวลาเนิ่นนานแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกว่านาน

 

 

ยามที่จูบอันดูดดื่มแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่นุ่มนวลลงท่ามกลางสังเวียน จมูกของเธอก็ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของอีกฝ่าย 

 

 

เขาโลมเลียกลีบปากบางของเธอ และไม่ลืมที่จะขบลงไปเบาๆ หนึ่งครั้ง ขณะที่กำลังลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา เขาก็เคลื่อนจูบไปยังมุมปาก ก่อนจะฝังลงไปบนต้นคอของเธอ

 

 

ผิวคอขาวเนียนละเอียดน่าถนอม อีกทั้งยังสะท้อนแสงแวววาวแสนเย้ายวนประดุจหยกมันแพะชั้นดีอายุกว่าพันปี

 

 

กลีบปากร้อนบดเบียดเข้าหาผิวตรงลำคอ ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มเล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ สองมือคู่นั้นยกขึ้นคล้องลำคอของป๋อจิ่งชวนไว้แน่นอย่างเผลอไผล

 

 

“อืมมม”

 

 

เสียงสะกดกลั้นอารมณ์ลอดออกมาผ่านทางจมูก ร่างทั้งสองแข็งทื่อไปทันที

 

 

ป๋อจิ่งชวนเงยหน้ามองเธอ ความต้องการปนประหลาดใจฉาบทับบนนัยน์ตาสีนิลคู่นั้น เฉินฝานซิงใบหน้าร้อนฉ่า มันแดงราวกับจะมีเลือดไหลออกมา

 

 

แม้แต่เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเสียงครางแผ่วๆ เมื่อครู่จะเป็นเสียงของเธอจริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 295 มาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ / 296 งั้นช่างมันเถอะ

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 295 มาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ / 296 งั้นช่างมันเถอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 295 มาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ

 

 

ใบหน้าเธอขึ้นสีระเรื่อ มือข้างหนึ่งค้ำลงไปบนเตียงนุ่ม ส่วนมืออีกข้างที่คล้องบ่าของเขาอยู่ ยังไม่ถูกดึงกลับมา

 

 

“แต่…” เธอมีสีหน้าลำบากใจ

 

 

“ทำไมเหรอ” ใบหน้าหล่อที่ห่างกันเพียงคืบ ทำให้เห็นถึงความอบอุ่นไร้ซึ่งความน่ายำเกรงได้อย่างเด่นชัด ความน่าหลงใหลอย่างที่สุดและเสน่ห์อันเหลือล้นที่แผ่ขยายออกมาอยู่ใกล้ใบหน้าเธอเพียงนิดเดียว

 

 

เธอเอ่ยขึ้นเสียงต่ำด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ห้องคุณเนี่ย…ฉันว่ามันดูน่าอายไปหน่อย…”

 

 

ยังจำได้เมื่อครั้งที่คุณย่าพาเธอมาพักผ่อนที่นี่ ได้ใช้ห้องน้ำร่วมกันกับเขา สวมเสื้อคลุมอาบน้ำของเขา ไหนจะอุบัติเหตุที่โดนเขากดลงบนเตียงตอนนั้นอีก…

 

 

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

 

 

เฉินฝานซิงเม้มปากไม่พูดจา

 

 

เรื่องน่าอายแบบนั้น อย่าไปพูดถึงมันเลยจะดีกว่า

 

 

“ถ้าฉันนอนที่นี่ งั้นคุณล่ะ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้น ยังไม่ทันจะได้ฟังคำตอบจากเขาจู่ๆ ก็ได้ยินเสียง  แกร๊ก  ดังขึ้นมา

 

 

ทั้งคู่หันไปมองยังประตูอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาเงียบไปก่อนจะหันกลับมามองหน้าของอีกฝ่าย

 

 

หลังจากนั้นไม่ถึงอึดใจ ป๋อจิ่งชวนก็ยกยิ้มขึ้น “ออกไปไม่ได้แล้ว”

 

 

เธอหายใจออกเฮือกใหญ่ ในเวลาแบบนี้เธอลืมคุณย่าไปได้ยังไงกันนะ

 

 

“แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะไปไหนอยู่แล้ว”

 

 

เขาว่าพลางโน้มตัวลงจับข้อเท้าของเธอเอาไว้

 

 

เฉินฝานซิงดึงเท้ากลับมาตามสัญชาตญาณ

 

 

เธอไม่ได้กลัวสัมผัสของอีกฝ่าย เพราะเธอมองความตั้งใจของเขาออก

 

 

เพียงแต่หากต้องให้ผู้ชายแบบเขายอมลดศักดิ์ศรีลงมาคุกเข่าถอดรองเท้าให้เธอ เธอคงจะยอมรับมันไว้ไม่ไหว

 

 

มือที่จับข้อเท้าเธอไว้กระชับแน่นเพื่อรั้งการปฏิเสธของเธอ ก่อนจะถอดรองเท้าของเธอออกไปอย่างนุ่มนวล ตามด้วยการลุกขึ้นยกผ้าห่มขึ้นคลุมให้เธอ แล้วเอนตัวลงนอนตะแคงข้างๆ เจ้าของสายตาที่กำลังจับจ้องเขาอยู่

 

 

เธอตัวเกร็งไปเล็กน้อย ป๋อจิ่งชวนประคองศีรษะของเธอขึ้น แขนข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้ลำคอเพื่อให้เธอหนุนนอน จากนั้นจึงรั้งเธอเข้ามาให้แนบชิดในอ้อมกอด

 

 

กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ที่คุ้นเคยเข้าโอบรัดตัวเธอ มือของเธอค่อยๆ แนบลงไปยังแผ่นอกของเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะสัมผัสได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจผ่านแผ่นอกแกร่งและอุ่นร้อน

 

 

เหมือนว่าเขาจะกดจูบลงบนหน้าผากเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยกับเธอเสียงทุ้ม

 

 

“นอนเถอะ”

 

 

เธอกะพริบตาปริบๆ พลางมองไปยังมือขวาของตัวเองราวกับกำลังประหลาดใจกับเสียงของเขาที่เธอสัมผัสได้

 

 

เพราะเธอรู้สึกถึงการสั่นไหวจากการสะท้อนของเสียงที่ออกจากปากของอีกฝ่ายผ่านทางฝ่ามือนั้น

 

 

“อืม…” เธอตอบรับเสียงแผ่ว เส้นผมของเธอสีไปมาบนแขนของเขาตามการพยักหน้า

 

 

ตอนนี้หัวใจดวงนั้นเต้นราวกับมีคนมาลั่นกลอง

 

 

เธอข่มตาลง แต่ทว่ากลับถูกเสียงหัวใจของตัวเองทำเอาแม้แต่จะแกล้งหลับยังทำไม่ได้

 

 

ห้องนี้เงียบเกินไป เธอคิดว่าเสียงหัวใจของเธอ อีกฝ่ายคงจะได้ยินมันอย่างชัดเจน

 

 

ร่างของเธอยังคงเกร็งแข็ง

 

 

“นอนไม่หลับ?” เสียงแหบทุ้มที่ดังขึ้นเหนือศีรษะทำเอาตัวเธอเกร็งขึ้นยิ่งกว่าเก่า

 

 

จากนั้นไม่นาน เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขาจากในอ้อมกอด สายตากวาดมองไปยังคางที่เย่อหยิ่งของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองยังแก้วตาสีดำสนิทแสนลึกล้ำของเขา

 

 

“ตื่นเต้นนิดหน่อย…”

 

 

เขาย่นคิ้วมองเธอ กลีบปากบางเผยอออกเบาๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงแหบทุ้มชวนหลงใหล

 

 

“เพราะรู้สึกว่าการที่ถูกคุณย่าขังไว้ที่นี่ การนอนอยู่บนเตียงหลังนี้และถูกผมโอบกอดเอาไว้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดอะไรขึ้น แม้ตอนนี้จะยังไม่ทำอะไรสักอย่าง และก็ไม่รู้ว่าผมจะลงมือตอนไหน มันเลยทำให้คุณไม่สบายใจถูกไหม”

 

 

เธอกลอกตาราวกับกำลังครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้ารับ “น่าจะใช่เรื่องนี้”

 

 

ป๋อจิ่งชวนมองเธอพลางกดขำเสียงต่ำ

 

 

“งั้นเรามาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ”

 

 

 

 

 

ตอนที่ 296 งั้นช่างมันเถอะ

 

 

“งั้นเรามาทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ”

 

 

สิ้นคำนั้นเขาก็พลิกตัวขึ้นกดเฉินฝานซิงไว้ใต้ร่าง

 

 

คนถูกกดเอาไว้ดวงตาสั่นระริก เธอตั้งสติอีกครั้งแล้วสบเข้าไปยังดวงตาลึกล้ำสีดำขลับคู่นั้น

 

 

สิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในม่านตาสีรัตติกาลมีเพียงแค่เงาของเธอเท่านั้น

 

 

นัยน์ตาเธอสั่นระริก ใจดวงน้อยๆ พลันเต้นระส่ำระสาย ทรวงอกขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่ผิดเพี้ยน

 

 

ป๋อจิ่งชวนยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามใบหน้าเรียบเนียน เรียวนิ้วที่ติดจะเย็นเล็กน้อยทาบลงตรงมุมปากอย่างนุ่มนวล ตามมาด้วยเสียงแหบทุ้มชวนหลงใหล

 

 

“คุณว่า เราทำอะไรกันสักหน่อยดีไหม” เขาเอ่ยถาม

 

 

ความสับสนปนเปผุดขึ้นบนใบหน้าสวย เธอข่มอารมณ์อย่างสุดแรง ก่อนจะมองไปยังใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบ

 

 

เรื่องที่คุยกับคุณย่าในวันนี้พลันผุดขึ้นในสมอง

 

 

ทุกคำที่ก้องอยู่ในหูเธอตอนนี้แทบจะเข้าใจได้โดยไม่ต้องพึ่งทักษะภาษาหรือสัญชาตญาณเลยด้วยซ้ำ

 

 

ทั้งยอมให้เขาหน่อยนะเอย น้ำขึ้นให้รีบตักเอย ทุกๆ ถ้อยคำ ทุกๆ ตัวอักษรได้ผ่านเข้ามาในหัว ก่อนจะทิ้งตัวเลือกเอาไว้ให้เธอสองทาง ระหว่างทำในสิ่งที่ถูกที่ควร หรือทำตามปรารถนาที่เธอไม่อาจปฏิเสธมันได้

 

 

ความเงียบในช่วงเวลาสั้นๆ ทว่ากลับกลายเป็นการรอคอยที่ยาวนาน

 

 

ราวกับเวลาได้เลยผ่านไปเนิ่นนาน เธอจ้องมองไปยังนัยน์ตาสีดำสนิทน่าค้นหาของคนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะยอมตอบกลับเขาไปด้วยเสียงอ้อมแอ้ม

 

 

“งั้น…ทำอะไรกันก่อนสักหน่อยเถอะ”

 

 

แม้เสียงนั้นจะแผ่วเบา ทว่าระยะห่างของทั้งคู่ใกล้กันเพียงนิด

 

 

คล้ายว่าคำตอบนี้จะดูเหนือความคาดหมายไม่น้อย มือของป๋อจิ่งชวนพลันหยุดชะงัก สายตาที่เคยสำรวจไปทั่วใบหน้าของเธอ บัดนี้กลับติดตรึงอยู่เพียงที่ดวงตาสวย

 

 

ทันใดนั้นมือที่ช้อนคางของเธออยู่นั้นยิ่งกระชับแน่น

 

 

ดวงตาสุดลึกล้ำสีรัตติกาลค่อยๆ หรี่ลง “คุณแน่ใจ?”

 

 

เฉินฝานซิงชะงักเงียบ ใบหน้าเธอถูกย้อมไปด้วยสีแดงระเรื่อ

 

 

“งั้นก็…ช่างมันเถอะ…”

 

 

“เหลวไหล”

 

 

สิ้นสองคำนั้นที่เปล่งออกมาด้วยเสียงเย็นยะเยือก จูบเย็นเยียบก็ประกบลงมา

 

 

เป็นการจูบปิดปากอย่างหนักหน่วง

 

 

ไม่เปิดโอกาสให้เธอกลับตัวกลับใจได้อีก

 

 

 รสจูบนี้ค่อนข้างรุนแรง เรียวลิ้นว่องไวบุกเข้าไปครอบครองโพรงปากของเธออย่างไม่ลดละ ทำเอาเธอพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ

 

 

เฉินฝานซิงสัมผัสได้ถึงความคุ้นชินกับรสจูบของเขาที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ

 

 

จังหวะการจูบเป็นไปอย่างหนักสลับเบาเพื่อเชิญชวนให้เธอตอบสนอง

 

 

ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มขาดห้วงและร้อนระอุ ปากที่ถูกบีบให้เปิดรับ บัดนี้เริ่มกล้าที่จะโต้ตอบ

 

 

จนถึงตอนนี้ มือของเธอที่ก็ไม่รู้ว่าไปวางอยู่ตรงบ่าของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ นิ้วเรียวขาวเหล่านั้นขยุ้มลงบนเสื้อเชิ้ตตัวแพง ก่อนจะแบกรับดวงใจที่เต้นระส่ำนั้นไว้และจูบตอบกับเขาไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

 

เวลาเนิ่นนานแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกว่านาน

 

 

ยามที่จูบอันดูดดื่มแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่นุ่มนวลลงท่ามกลางสังเวียน จมูกของเธอก็ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของอีกฝ่าย 

 

 

เขาโลมเลียกลีบปากบางของเธอ และไม่ลืมที่จะขบลงไปเบาๆ หนึ่งครั้ง ขณะที่กำลังลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา เขาก็เคลื่อนจูบไปยังมุมปาก ก่อนจะฝังลงไปบนต้นคอของเธอ

 

 

ผิวคอขาวเนียนละเอียดน่าถนอม อีกทั้งยังสะท้อนแสงแวววาวแสนเย้ายวนประดุจหยกมันแพะชั้นดีอายุกว่าพันปี

 

 

กลีบปากร้อนบดเบียดเข้าหาผิวตรงลำคอ ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มเล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ สองมือคู่นั้นยกขึ้นคล้องลำคอของป๋อจิ่งชวนไว้แน่นอย่างเผลอไผล

 

 

“อืมมม”

 

 

เสียงสะกดกลั้นอารมณ์ลอดออกมาผ่านทางจมูก ร่างทั้งสองแข็งทื่อไปทันที

 

 

ป๋อจิ่งชวนเงยหน้ามองเธอ ความต้องการปนประหลาดใจฉาบทับบนนัยน์ตาสีนิลคู่นั้น เฉินฝานซิงใบหน้าร้อนฉ่า มันแดงราวกับจะมีเลือดไหลออกมา

 

 

แม้แต่เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเสียงครางแผ่วๆ เมื่อครู่จะเป็นเสียงของเธอจริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+