ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 63 หนึ่งฉาด / 64 เพราะเธอมันรกหูรกตาไง

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 63 หนึ่งฉาด / 64 เพราะเธอมันรกหูรกตาไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 63 หนึ่งฉาด  

 

 

ความหลักแหลมปรากฏขึ้นในดวงตาของหญิงชราอย่างเด่นชัด  

 

 

“ปล่อยให้เธอได้ใจไปก่อน มันจะต้องมีสักวันที่เธอต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า!”  

 

 

ไหลหลงแย้มยิ้ม เธอเชื่อมั่นในความคิดของนายหญิงอย่างไม่มีข้อสงสัย  

 

 

“ค่ะ นายหญิง”  

 

 

ขณะเดินออกจากจัตุรัสซินซื่อเจี้ย เฉินฝานซิงเดินไปขึ้นรถที่ลานจอดรถ ส่วนแม่บ้านไหลหรงและหญิงชรายืนรอเธออยู่ริมทาง  

 

 

และขณะนั้นเฉินเชียนโหรวก็ได้ขับรถออกมาจากโรงจอดรถใต้ดิน ก็ได้เห็นหญิงชราที่นั่งอยู่บนวิลแชร์และผู้ติดตามของเธอจากที่ไกลๆ  

 

 

แม้จะบอกว่าเมื่อกี้ยังไม่ได้เห็นหน้าแบบชัดๆ แต่จะมีสักกี่คนกันที่นั่งวิลแชร์มาช้อปปิ้งในห้างแบบนี้?  

 

 

เธอยกยิ้มเย็นขึ้นในใจ  อยู่กับผู้หญิงเย็นชาและหม่นหมองอย่างเฉินฝานซิง?   

 

 

เข้าใจยากเสียจริง!   

 

 

ดวงตาเธอวูบไหวเล็กน้อยจากนั้นจึงได้เร่งความเร็วของรถขึ้นอย่างเงียบๆ   

 

 

ขณะที่เฉินฝานซิงขับผ่านมาได้ เหลือบไปเห็น เฉินเชียนโหรวที่กำลังขับ ซูเปอร์คาร์เฟอรารี่สีแดง  

 

 

สัญชาตญาณบอกเธอว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง รู้ตัวอีกทีรถของเฉินเชียนโหรวก็ได้พุ่งเข้าไปยังริมทางที่มีหญิงชรากับแม่บ้านไหลหรงยืนอยู่ !   

 

 

หัวใจเธอเย็นวาบ !   

 

 

กล้ามาก!  

 

 

กลางวันแสกๆ แบบนี้ เฉินเชียนโหรวเธอคิดจะทำอะไรกันแน่!  

 

 

เธอรีบบีบแตรอย่างเร็ว เสียงยาวแสบแก้วหูดังสนั่นทั่วจัตุรัส!  

 

 

“เชียนโหรว! ระวังคน!”  

 

 

ซูเหิงที่นั่งอยู่ตำแหน่งผู้โดยสารก้มลงหาเพลงอยู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงแตรแสบแก้วหูดังขึ้นเขาก็ได้เงยหน้าขึ้นทันที จนเห็นว่าเฉินเชียนโหรวกำลังจะชนคน  

 

 

เสียงหยุดรถดังขึ้นทันควัน  เฟอร์รารี่ สมรรถนะเยี่ยมจอดสนิทลงตรงหน้าของไหลหรงและหญิงชราภายในเสี้ยววินาที  

 

 

ไหลหรงที่มักจะสงบนิ่งอยู่เสมอตกใจจนหน้าซีดเผือดนำตัวเข้ามาขวางหน้านายหญิงของเธอไว้ด้วยสัญชาตญาณ ความภักดีสามารถเห็นได้ในครั้งนี้  

 

 

“พี่เหิง พี่ทำฉันตกใจหมดเลยเกิดอะไรขึ้นเหรอ”  

 

 

ซูเหิงสีหน้าเคร่งขรึมกว่าปกติ “เมื่อกี้เธอเกือบจะชนคนอยู่แล้ว!”  

 

 

“จะเป็นไปได้ไงฉันก็มีขอบเขตนะ !”  

 

 

ซูเหิงชะโงกมองหญิงชราสองคนที่กำลังตกใจจนขวัญกระเจิงอยู่หน้ารถ  

 

 

ไม่นานเขาก็เห็นเฉินฝานซิงลงมาจากรถ วิ่งมาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้าขาวซีดแล้วทรุดตัวลงไปมองหญิงชราบนวีลแชร์ด้วยสีหน้าร้อนรน  

 

 

“คุณย่าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”  

 

 

แววตาของหญิงชราดุดันจนน่ากลัว แก่จนปูนนี้แล้วทำไมจะมองไม่ออกว่ารถคันนั้นมีเจตนาอะไร!  

 

 

รถคันนั้นไม่ได้ต้องการจะมาเอาชีวิตเธอแค่ขู่ให้ตกใจเล่นมากกว่า  

 

 

“ไม่เป็นไร ยังไงย่าก็อายุมาก แล้วรับเรื่องตกใจไม่ค่อยจะไหว  ไหลหรงไม่เป็นไรใช่ไหม”  

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะท่าน”  

 

 

เมื่อแน่ใจว่าทั้งคู่ปลอดภัยแล้ว สีหน้าของเฉินฝานซิงก็ขุ่นมัวลงทันตา  

 

 

เธอเด้งตัวขึ้นยืนแล้วมองไปยัง ซูเปอร์คาร์เฟอร์รารี่ คันนั้นก่อนจะปรี่เข้าไป  

 

 

ท่าทางที่เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวและเดือดดาล ทำเอาพวกที่เกือบเกิดอุบัติเหตุเมื่อครู่และพวกจีนมุงหนาวกันไปเป็นแถบๆ  

 

 

เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น  ปึ้งๆ ปึ้ง  เสียงนั้นดังมากเสียจนกระจกรถแทบแตก  

 

 

เฉินเชียนโหรวขบฟันก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถไป  

 

 

“พี่คะ…”   

 

 

เพี้ยะ!  เสียงดังสนั่น !   

 

 

เฉินเชียนโหรวที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกประเคนฝ่ามือลงบนใบหน้าไปฉาดใหญ่!  

 

 

เพราะจับประตูรถเอาไว้แน่น ร่างของเฉินเชียนโหรวถึงได้ไม่ร่วงลงไปกับพื้น  

 

 

แต่ฝ่ามือที่ฟาดลงมาอย่างไม่ออมแรงของเฉินฝานซิง ทำเอาเลือดสีสดไหลรินออกมาจากมุมปาก ใบหน้าบวมเป่งไปครึ่งหน้า!  

 

 

เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเฉินฝานซิงที่ดูผอมบางเช่นนี้จะมีเรี่ยวแรงได้ขนาดนี้!  

 

 

“แกคิดจะทำอะไร!”  

 

 

เธอถามด้วยเสียงเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด จ้องเฉินเชียนโหรวเขม็งราวกับจะใช้สายตานั้นทิ่มแทงเธอจนตาย!  

 

 

“พี่คะ ฉันไม่รู้ว่าพี่กำลังพูดเรื่องอะไร…ฉันผิดอะไรเหรอ จู่ๆ พี่ถึงได้มาตบฉันแบบนี้?”  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 64 เพราะเธอมันรกหูรกตาไง  

 

 

เฉินเชียนโหรวประคองใบหน้า ตาคู่นั่นเปลี่ยนเป็นสีแดงน้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อล้นขึ้นมาจากกรอบตา  

 

 

สุดท้ายแสงจากหยดน้ำก็สะท้อนกลับมาสองหยด น้ำตาร่วงหล่นจากกรอบตาออกมาได้อย่างพอดิบพอดี!  

 

 

เล่นละครเก่งเสียจริงนะ!  

 

 

“เธอไม่รู้ใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงตบเธอ”  

 

 

เธอก้มหน้าอันแสนเย็นชาลงแล้วพูดต่อ  

 

 

“ได้ เชิญเธอแกล้งโง่ต่อไป! ฉันจะตอบเธอเอง ทำไมนะเหรอ ก็เพราะเธอมันรกหูรกตาไง!”  

 

 

เฉินฝานซิงพูดจบก็ง้างมือเตรียมจะฟาดลงไปอีกครั้ง แต่สุดท้ายกลับโดนใครบางคนคว้ามือเอาไว้!  

 

 

“ฝานซิง!”  

 

 

ซูเหิงที่ไม่รู้ว่าเดินลงมาจากรถตั้งแต่ตอนไหน ได้เดินมาหยุดตรงหน้าแล้วคว้ามือของเฉินฝานซิงเอาไว้มองเธอด้วยสายตาวาวโรจน์ก่อนจะ ส่งเสียงเข้มออกมาจากลำคอ  

 

 

“เมื่อกี้เชียนโหรวไม่ได้ตั้งใจ !”   

 

 

เฉินฝานซิงมองเขาอย่างเยือกเย็นไร้ความรู้สึกใดๆ  

 

 

“เธอไม่ได้ตั้งใจ?” สีหน้าเธอไร้อารมณ์ แววตาเย็นเยียบจนเสียดแทงไปถึงกระดูก  

 

 

“อ๋อ สำหรับนายต่อให้วันนี้เธอเกิดชนคนตายขึ้นมาก็ถือว่าไม่ตั้งใจสินะ”  

 

 

ซูเหิงขยับปากแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากลำคอ  

 

 

ความเย็นชาของเธอราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยบีบเบาๆ ที่หัวใจของเขากดให้บรรยากาศดูอึดอัด  

 

 

รถโรลส์รอยซ์ โฮลดิงส์คันสีดำได้จอดลงข้างๆ กัน หลินเฟยเฟยลงมาจากรถ เหมือนจะเห็นว่าทางนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้วจึงได้วิ่งมาหยุดที่เฉินเชียนโหรวเพื่อปกป้องเธอ!  

 

 

“เฉินฝานซิงเธอจะจบไม่จบ ทำไมไม่ว่าหันไปทางไหนก็มีแต่เธอนะ ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ ทำไมเธอถึงได้น่ารำคาญแบบนี้…นี่ก็ยังไม่ได้ชนไม่ใช่เหรอ จะว่าไปต่อให้ชนไปแล้วยังไงล่ะ สองคนนั้นยังไงก็ไม่มีค่าเท่ากับกระจกมองหลังอันหนึ่งของรถคันนี้หรอก!”  

 

 

เฉินฝานซิงกลอกตามองไปยังเฉินเชียนโหรวที่ก้มหน้าร้องห่มร้องไห้อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม สายตาที่มอบให้เธอกลับเต็มไปด้วยเงาแห่งความเกลียดชัง ไหนจะคำพูดที่ออกมาจากปากของหลินเฟยเฟยจนต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์!  

 

 

“พี่คะ เมื่อกี้ฉันไม่ทันระวังเอง ทำให้ผู้ใหญ่สองท่านนี้ต้องตกใจ ฉันจะชดใช้ให้ก็ได้ สักสองแสนพอไหมคะเดี๋ยวฉันจะรีบให้…”  

 

 

คิ้วงามขมวดเข้าหากัน น้ำแข็งได้ก่อตัวขึ้นจากส่วนลึกในดวงตา!  

 

 

สายตากวาดมองไปยังรถที่จอดอยู่ด้านหลังเฉินเชียนโหรว  

 

 

เฟอร์รารี่ GTC แปดล้านห้า!  

 

 

ค่าชดใช้สองแสน ไม่เห็นจะสมกับที่หลินเฟยเฟย พูดว่ากระจกมองหลังแพงๆ อันหนึ่ง!  

 

 

หลินเฟยเฟยพูดจาไม่เข้าหูอีกแล้ว ไร้สมองสิ้นดี  

 

 

เธอแสดงสีหน้าที่ทั้งแสนดีและบอบบาง ระหว่างนั้นก็ทิ่มแทงคนให้เจ็บปวดรวดร้าว ถากถางคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยและความคิด ลึกซึ้ง  

 

 

คิดๆ ดูแล้วไม่ใช่ว่าเธอถูกหลอกมาตลอดหรอกเหรอ  

 

 

“สองแสน? !”   

 

 

หลินเฟยเฟยหัวเราะเยาะ แววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม  

 

 

“นับว่าเข้าทางพวกเขาแล้วนะ เป็นครั้งแรกที่จะได้รู้สึกว่าเงินที่หาได้มาจากการหลอกลวงนั้นได้มาช่างง่ายดาย!”  

 

 

“…เฟยเฟย อย่าพูดแบบนั้น”  

 

 

ใบหน้าของเชียนโหรวยังคงเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ท่าทางน่าสงสารจับใจ  

 

 

ริมฝีปากบางยกขึ้นอย่างถากถางพร้อมกับรอยยิ้มอันเยือกเย็น  

 

 

มองคนเหล่านี้ที่เริ่มจะชาหนังศีรษะ  [1]   

 

 

ขณะที่เดาไม่ออกว่าเฉินฝานซิงคิดจะทำอะไรเพียงแต่เห็นเธอหันไปยังรถพาสสาท ซีซี ของตน เปิดกระจกรถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก  

 

 

—  

 

 

ณ ห้องประชุมสมาคมสกุลป๋อชั้นสิบแปด การประชุมในภาคบ่ายกำลังดำเนินต่อไป  

 

 

ทุกๆ ฝ่ายกำลังทำการรายงานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้บรรยากาศเคร่งเครียดดุดันราวกับอยู่ในขุมนรกเหมือนอย่างเคยเป็นมา  

 

 

แม้ว่าอวี๋ซงจะอยู่ในสภาพที่ตาแดงบวมฉึ่งน้ำตาหยดติ๋งๆ ต่างกับเขาในลุคปกติที่มักจะเคร่งขรึมแข็งทื่อราวฟ้ากับเหว  

 

 

แต่เมื่อมองไปยังชายหนุ่มรูปงามเจ้าของสีหน้าเรียบเฉยไม่แยแสคนนั้นเป็นอันดับแรก ใครก็ยิ้มไม่ออก  

 

 

หัวหน้าฝ่ายยังคงยืนรายงานอยู่หน้าโปรเจคเตอร์ เหลือบมองสีหน้าของชายหนุ่มเป็นครั้งคราว คิ้วโก่งดังภูเขา นัยน์ตาสีนิลเงียบสงบ ยากแก่การคาดเดา  

 

 

การประชุมไม่ได้เคร่งเครียดตลอดเวลา แต่อวี๋ซงที่ยืนอยู่อีกด้าน กลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง  

 

 

ครืด ครืด  เสียงนั้นได้ยินชัดเจนเมื่ออยู่ในห้องประชุมอันเงียบสงบ…  

 

 

 

 

 

——  

 

 

[1]  ชาหนังศีรษะ  หมายถึง กลัวหรือเคร่งเครียดจนทำตัวไม่ถูก  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด