ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 1034 ข้าศึกประชิดเมือง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 1034 ข้าศึกประชิดเมือง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ป้อมปราการไท่เทียน รุ่งเช้าวันถัดมา

แสงสว่างเพิ่งเริ่มปรากฏบนท้องฟ้าสีเทาขมุกขมัว บนกำแพงเมืองรอบด้านที่เดิมทีเงียบสงัดจู่ๆ กลับมีเสียงตะโกนร้อนรนดังขึ้น

“ฝั่งตะวันออกมีร่องรอยของกองทัพผี!”

“ฝั่งเหนือมีทหารผีจำนวนมากรวมตัวอยู่! ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือก็ด้วย!”

“แย่แล้ว ทางใต้มีกองทัพผีปรากฏตัว…”

เวลานี้เสียงระฆังดังเหง่งหง่างดังลั่นสะท้อนก้องไปทั่วทั้งป้อมปราการ

ต่อจากนั้นเสียงบุรุษกังวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกลางท้องฟ้า ส่งมาถึงในหูของทุกคนอย่างชัดเจนยิ่งนัก

“ระวัง รอบป้องปราการมีกองทัพผีจำนวนมาก ทุกคนกลับประจำตำแหน่งทันที!”

เดิมทีหลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิโคจรปราณอยู่ในที่พักชั่วคราว ทันทีที่ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่กล้าชักช้าและมุ่งไปยังลานกว้างใจกลางป้อมอย่างรวดเร็ว

ลานกว้างใจกลางป้อมปราการไท่เทียนเวลานี้มีสิ่งก่อสร้างหน้าตาเหมือนหอคอยขนาดมหึมาที่สูงกว่ากำแพงเมืองรอบด้านหนึ่งเท่ากว่าอยู่เจ็ดหลัง

สิ่งก่อสร้างเหล่านี้เรียงตัวเป็นวง แต่ละหลังสูงถึงสองสามร้อยจั้ง แต่หอที่อยู่ตรงกลางเห็นชัดว่าสูงกว่าหกหลังที่อยู่รอบด้านอยู่บ้าง ตัวสิ่งก่อสร้างเป็นทรงหกเหลี่ยม แต่ละด้านเรียบลื่นผิดธรรมดาและสลักยันต์พิเศษจำนวนหนึ่งเอาไว้ พวกมันทอแสงจิตวิญญาณเลือนรางแล้วไหลเคลื่อนไปมาไม่หยุด

เวลานี้บนยอดหอคอยมหึมาตรงกลางมีลูกกลมสีทองอร่ามลูกหนึ่งลอยอยู่ มันหมุนเชื่องช้าแผ่แสงเรืองรองสีทองอ่อนออกมาไม่หยุด เฉาฉางเฮ่อชายหนุ่มผมเงินนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ลูกกลม

“ศิษย์น้องหลิ่ว ไปอยู่บนหอด้านหน้าทางซ้ายของข้า” เมื่อหลิ่วหมิงรีบเร่งมาถึงใต้หอคอย หูก็พลันได้ยินเสียงกระแสจิตของเฉาฉางเฮ่อ

หลิ่วหมิงฟังจบก็ทะยานร่างขึ้นไปบนยอดหอคอยสูงที่เฉาฉางเฮ่อชี้ทันที

ค่ายกลชั้นจำกัดรูปหกเหลี่ยมที่แทบจะอัดเต็มแท่นเรียบบนยอดหอปรากฏตรงหน้า อีกห้ามุมที่เหลือมีผู้ฝึกฝนของกองทัพแสงทองที่สวมชุดเกราะสีน้ำเงินนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านในแล้ว เสี่ยวอู่ก็อยู่ในนั้นด้วย แต่มุมหนึ่งฝั่งซ้ายของเขากลับว่างเปล่า

เวลานี้ตรงหน้าทุกคนมีกระจกแสงสีทองขนาดหนึ่งฉื่อกว่าบานหนึ่งลอยอยู่ เวลานี้หอคอยสูงห้าหลังรอบด้านก็มีคนทยอยมาถึงแล้วทะยานขึ้นไปบนหอสูงหลังอื่นตามการสั่งการของเฉาฉางเฮ่อเช่นเดียวกัน

หลังจากเสี่ยวอู่เห็นหลิ่วหมิงปรากฏตัวก็ผงกศีรษะให้เขานิดๆ แล้วเหลือบสายตามองมุมด้านข้างที่ว่างเปล่า

หลิ่วหมิงเข้าใจความหมาย เขาไม่พูดพร่ำเดินไปนั่งขัดสมาธิที่มุมว่างนั่นแล้วเรียกกระจกแสงสีทองเหมือนกับคนอื่นออกมา จากนั้นยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งเข้าไป กระจกแสงสีทองลอยนิ่งอย่างมั่นคงอยู่เบื้องหน้าทันที

เพียงครู่เดียวบนหอคอยสูงทั้งหกหลังก็มีผู้ฝึกฝนของกองทัพแสงทองหกคนอยู่ประจำตำแหน่งจนครบ กระจกแสงสีทองสามสิบหกบานเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า มองจากไกลๆ ยอดหอคอยสูงทั้งหกหลัง ทอแสงสีทองระยิบระยับจนไม่อาจมองตรงๆ ได้แม้แต่น้อย

“ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งในค่ายกลแสงทองแล้ว ศิษย์น้องทุกคน ฟังคำสั่งของข้าแล้วกระตุ้นค่ายกล อย่าให้ผิดพลาด!” เฉาฉางเฮ่อลุกขึ้นยืน เขากวาดสายตามองรอบด้าน เมื่อเห็นทุกคนพร้อมเรียบร้อยจึงเอ่ยเสียงขรึมทันที

ต่อจากนั้นก็เห็นแสงสีทองสว่างขึ้นบนมือทั้งสองข้างของเขา ธงค่ายกลสีทองสองผืนปรากฏออกมา เขาหลับตาทั้งสองข้างลงประหนึ่งภิกษุชราเข้าฌาน นิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ

หลิ่วหมิงฟังแล้วก็กวาดสายตาไปรอบด้านพบว่าบนกำแพงเมืองรอบด้านมีผู้คนวิ่งขวักไขว่ ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกฝนจากกองทัพอีกสามแห่งที่สวมเสื้อผ้าสีเหลือง สีขาวและสีดำซึ่งกำลังตีฆ้องลั่นกลองรบเตรียมตัวสำหรับศึกใหญ่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น

สี่มุมของป้อมปราการคือดวงตาค่ายกลของมหาค่ายกลชั้นจำกัดของป้อมปราการไท่เทียน แต่ละมุมมีศิษย์ของกองทัพคุณธรรมผู้สวมชุดเกราะสีขาวสิบกว่าคนอยู่ ใต้เท้าของคนเหล่านี้ล้วนมีค่ายกลรูปวงกลมที่ทอแสงสีเงินอ่อนวงหนึ่ง ยันต์บนผิวค่ายกลไหลเคลื่อนไปมาแลดูสะดุดตาอย่างยิ่ง

คนเหล่านี้ถือแผ่นค่ายกลและธงค่ายกลไว้ในมือ ปากเอ่ยท่องมนตร์ ถ่ายเทพลังเวทเข้าไปในค่ายกลรูปวงกลมใต้เท้าไม่หยุด

ในเวลาเดียวกันนี้ศิษย์นิกายเทียนกงที่สวมอาภรณ์สีเหลืองคนแล้วคนเล่าบนกำแพงเมืองรอบด้านก็กำลังปล่อยหุ่นสารพัดแบบออกมาไม่หยุด แสงจิตวิญญาณหลากสีกะพริบวูบวาบพร้อมกับที่หุ่นตัวแล้วตัวเล่าปรากฏขึ้นตีนกำแพงเมืองเบื้องหน้าพวกเขา ในนั้นมีหุ่นขนาดยักษ์ประหนึ่งขุนเขาลูกย่อมๆ อยู่หลายตัว

หุ่นทั้งหมดยืนเรียงกันเป็นแถวขวางหน้ากำแพงเมืองทั้งสี่ด้านกลายเป็นกำแพงชั้นแรกของทั้งป้อมปราการ

ด้านข้างศิษย์นิกายเทียนกง เงาดำร่างแล้วร่างเล่าที่มีปราณดำวนเวียนรอบตัวกำลังตั้งท่ารอต่อสู้ พวกเขาก็คือกลุ่มศิษย์จากนิกายปีศาจลี้ลับนั่นเอง

นอกจากศิษย์หัวกะทิจากนิกายต่างๆ เหล่านี้ ศิษย์ประจำป้อมก็ทยอยมาอยู่ข้างเครื่องยิงศรขนาดยักษ์เครื่องแล้วเครื่องเล่าและตามหอคอยทรงกลม ทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจแผ่วเบา เขารั้งสายตากลับมาแล้วเริ่มแผ่จิตสัมผัสตรวจสอบสภาพรอบด้านป้อมปราการ

แล้วเขาก็เห็นว่าเวลานี้สี่ด้านแปดทิศของป้อมปราการไท่เทียนเต็มไปด้วยไอหมอกสีเทาปั่นป่วนผืนหนึ่ง กลางไอหมอกมีจุดสีดำขนาดใหญ่เล็กมากมายรวมตัวเป็นกระบวนทัพสี่เหลี่ยมอย่างเป็นระเบียบกองแล้วกองเล่า มองดูคร่าวๆ มีมากถึงหลายหมื่นตน!

แม้จะตรวจสอบสภาพโดยละเอียดในกองทัพของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ดูจากที่กองทัพผีร้ายสร้างความรู้สึกกดดันได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดูท่าอีกฝ่ายคงวางแผนมานานแล้ว

นี่ทำให้หลิ่วหมิงอดไม่ได้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเผยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย

ในตอนนี้เองเสียงดังลั่นก็ดังขึ้นจากมุมกำแพงเมืองทั้งสี่

ค่ายกลรูปวงกลมใต้เท้าของศิษย์กองทัพคุณธรรมพลันทอแสงสว่างจ้า แสงเรืองรองสีเงินสาดออกมาจากด้านในก่อนจะผนึกรวมกันกลางอากาศ ค่อยๆ ก่อตัวเป็นม่านแสงสีเงินขนาดยักษ์ผืนหนึ่ง ล้อมป้อมปราการไท่เทียนทั้งป้อมเอาไว้ด้านใน

ทว่าครู่ต่อมาเมฆสีเทาหนาที่อยู่รอบด้านพลันถาโถมปั่นป่วน บีบเข้ามาใกล้ป้อมปราการมืดฟ้ามัวดิน เสียงคำรามของผีร้ายกับเสียงภูตผีโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด บรรยากาศน่าหวาดผวาชวนให้คนรู้สึกหวาดกลัว

เห็นชัดว่ากองทัพผีร้ายค้นพบการเคลื่อนไหวของเผ่ามนุษย์ฝั่งนี้แล้ว จึงคิดจะใช้จังหวะที่มหาค่ายกลชั้นจำกัดป้องกันของป้อมปราการทั้งหมดเพิ่งทำงานแต่ยังไม่ทันมั่นคงบุกเข้าโจมตีเมือง

“มหาค่ายกลแสงทอง ตั้ง!” ในตอนนี้เอง เสียงของเฉาฉางเฮ่อพลันดังขึ้น

ธงค่ายกลในมือทั้งสองข้างของเขาสะบัดว่องไว ขณะที่ปากท่องมนตร์ฟังดูแปลกประหลาดลี้ลับ บาตรแห่งการสร้างสีทองส่องแสงสีทองเจิดจ้าลอยอยู่เหนือกระหม่อม

หลิ่วหมิงหน้าเคร่งขรึม ปากเอ่ยท่องมนตร์ ยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าเข้าไปในกระจกแสงสีทองเบื้องหน้าร่าง

แท่นสูงที่เขาอยู่ กระจกแสงสีทองหกบานส่องสะท้อนกันจากไกลๆ แล้วสั่นไหวขึ้นมาเอง แสงสีทองหกสายพุ่งจากผิวกระจกแสงขึ้นฟ้า จากนั้นรวมตัวกันที่จุดหนึ่งกลางท้องนภา กลายเป็นแสงสีทองดวงหนึ่งล้อมทั้งหกคนไว้ด้านใน

เวลาเพียงครู่เดียวนี้ เมฆสีเทาทั่วทุกสารทิศก็ลอยข้ามเทือกเขาห่างไกลมาถึงท้องฟ้าเหนือทุ่งหญ้านอกป้อมปราการไท่เทียน ห่างจากป้อมปราการไท่เทียนเพียงไม่กี่ลี้

ทันใดนั้นเสียงภูตผีโหยหวนก็ดังขึ้นท่ามกลางกองทัพผี

ผีร้ายทั้งหมดราวกับได้รับคำสั่ง ชั่วครู่เดียวผีรองแม่ทัพมากมายพลันตะโกนก้องฟ้าพาทหารผีกองแล้วกองเล่าพุ่งเข้ามายังกำแพงเมืองของป้อมปราการไท่เทียนอย่างรวดเร็วดุจคลื่นสมุทรสีดำ

“เหอะ มาพอดี!”

ใบหน้าของเฉาฉางเฮ่อฉายแววเหี้ยมเกรียม สองมือสะบัดธงค่ายกล บาตรแห่งการสร้างหมุนอยู่เหนือศีรษะ ทันใดนั้นลำแสงสีทองหกสายก็พุ่งออกจากด้านในมายังหอคอยสูงหกหลังที่พวกหลิ่งหมิงอยู่

หลิ่วหมิงเห็นแต่แสงสีทองที่สว่างอยู่เบื้องหน้า ลำแสงสีทองสายหนึ่งร่วงลงบนกระจกแสงในมือ จากนั้นหักเหกลายเป็นลำแสงสีทองอีกหกสายพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

บนหอสูงแต่ละแห่งมีลำแสงสามสิบหกสายพุ่งออกมา ลำแสงสีทองสองร้อยกว่าสายจากหอสูงหกหลังส่องท้องฟ้าเหนือป้อมปราการทั้งหมดจนเป็นสีทองระยิบระยับ ลำแสงสีทองมากมายถี่ยิบพาดตัดประสานกลายเป็นตาข่ายยักษ์สีทองผืนหนึ่งครอบคลุมสี่ทิศแปดด้าน

 “พรึ่บ” ลำแสงสีทองหลายสายกวาดผ่านห่างกำแพงเมืองฝั่งเหนือหลายร้อยจั้งเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอทำให้ทหารผีระดับของเหลวจิตวิญญาณหลายสิบตนกับผีรองแม่ทัพตนหนึ่งในกระบวนทัพสี่เหลี่ยมทัพหนึ่งกลายเป็นควันสีดำวิญญาณแตกสลายไปทันที

ทุกคนที่ได้เห็นผลของมันต่างกระตุ้นพลังเวทกรอกเข้าไปในกระจกแสงสีทองเบื้องหน้าไม่ขาดทันที ลำแสงสีทองที่สานเป็นตาข่ายผืนแล้วผืนเล่าอยู่เหนือศีรษะกวาดไปสี่ด้านแปดทิศต่อ

ชั่วขณะหนึ่งเสียงภูตผีโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด จุดที่แสงสีทองผ่าน มวลอากาศฉับพลันอัดแน่น ภูตผีนับไม่ถ้วนสลายกลายเป็นเถ้าปลิวไปกับสายลมในทันใด

ลำแสงสีทองเหล่านี้ราวกับมังกรสีทองตัวแล้วตัวเล่าทะยานขึ้นท้องฟ้า พุ่งทะลวงไปมาท่ามกลางเมฆสีเทาหนาที่กองทัพผีร้ายสร้างขึ้นมา

เมื่อภูตผีจำนวนมากถูกสังหารล้มตายบาดเจ็บ แม้แต่ผีแม่ทัพระดับแก่นแท้ที่เห็นภาพนี้ก็ไม่กล้าต้านโดยตรง ได้แต่หลบหลีกแสงสีทองไม่หยุดเท่านั้น

พลังของมหาค่ายกลแสงทองยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำให้ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ทุกคนในป้อมปราการอดดีใจยิ่งนักไม่ได้

แต่เฉาฉางเฮ่อที่อยู่บนหอสูงตรงกลางกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเคร่งขรึม

แม้ค่ายกลแสงทองจะต้านทานภูตผีได้ผลดียิ่ง แต่จำนวนภูตผีรอบด้านมากเกินไปแล้วจริงๆ ไม่มีที่ท่าว่าจะพ่ายแพ้ถอยทัพแม้แต่น้อย

กองทัพผีค่อยๆ ค้นพบว่ามีช่องว่างระหว่างที่ลำแสงสีทองพุ่งออกมา ภูตผีนับไม่ถ้วนจึงฉวยช่องว่างระหว่างลำแสงที่พุ่งออกมาทะลวงบุกเข้าไปต่อ จากนั้นพุ่งเข้าใส่ค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่สีเงินที่ปกป้องป้อมปราการไท่เทียนอยู่

ในตอนนี้เองหุ่นยักษ์หลายตัวที่เดิมยืนอยู่หน้ากำแพงก็เริ่มเคลื่อนไหว

“ครืน” เสียงดังสนั่น หุ่นขนาดยักษ์ที่สวมชุดเกราะกลไกยกสองขาอันเทอะทะก้าวเชื่องช้าออกห่างจากกำแพงเมือง

หุ่นขนาดยักษ์เหล่านี้ไม่ถนัดโจมตี แต่พลังป้องกันของแต่ละตัวน่าตะลึง พวกมันร่างกายดุจดั่งขุนเขาไม่หวาดกลัวการโจมตีของกองทัพผีที่รุมกระหน่ำแม้แต่น้อย

หุ่นนักรบสวมชุดเกราะสีเหลืองตัวแล้วตัวเล่ารวมถึงหุ่นอสูรวิหครูปร่างประหลาดต่างๆ นานาด้านข้างหุ่นยักษ์ก็พากันทะยานเข้าไปในเมฆภูตสีเทาโรมรันกับกองทัพผีด้วย หยุดกองทัพผีที่กำลังบุกทะลวงเข้ามาเอาไว้

ไอปีศาจบนกำแพงเมืองขยับไหววูบ ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับแห่งกองทัพซ่อนมารใช้จังหวะที่กองทัพผีถูกหุ่นขวางอยู่เรียกอาวุธมารนานาชนิดหรือใช้วิชามารออกมา ไอปีศาจระลอกแล้วระลอกเล่ากับแสงสีดำดวงแล้วดวงเล่ารี่เข้าใส่กองทัพผีที่พุ่งเข้ามาใกล้

ในช่วงเวลาหนึ่งลำแสงสีทองพุ่งฉวัดเฉวียนรอบป้อมปราการไท่เทียน แสงหลากสีเริงระบำทั่วท้องนภา กลางกลุ่มเมฆภูตสีเทาเสียงต่อสู้เข่นฆ่าดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ สถานการณ์ชุลมุนอย่างที่สุด

ขณะที่ทั้งสองฝั่งสู้กันโรมรันพันตูอยู่นั่นเอง พื้นที่ราบตรงกลางระหว่างนอกกำแพงเมืองทิศเหนือของป้อมปราการไท่เทียนกับแนวป้องกันของหุ่นฉับพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

พื้นดินทั้งผืนราวกับถูกฉีกขาดออกจากกัน แผ่นดินเจ็ดแปดจุดยุบถล่มเป็นหลุมเส้นผ่านศูนย์กลางหลายจั้ง

ต่อมาจุดที่ยุบก็มีเสียงดังสนั่นดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หมอกภูตสีเทากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าพุ่งขึ้นฟ้า

“ลมปราณนี่…แย่แล้ว ไส้เดือนผี ดูท่าอีกฝ่ายจะมีกองหนุน!” เฉาฉางเฮ่อที่อยู่บนหอสูงตรงกลางกวาดสายตาลงไปแล้วเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 1034 ข้าศึกประชิดเมือง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 1034 ข้าศึกประชิดเมือง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ป้อมปราการไท่เทียน รุ่งเช้าวันถัดมา

แสงสว่างเพิ่งเริ่มปรากฏบนท้องฟ้าสีเทาขมุกขมัว บนกำแพงเมืองรอบด้านที่เดิมทีเงียบสงัดจู่ๆ กลับมีเสียงตะโกนร้อนรนดังขึ้น

“ฝั่งตะวันออกมีร่องรอยของกองทัพผี!”

“ฝั่งเหนือมีทหารผีจำนวนมากรวมตัวอยู่! ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือก็ด้วย!”

“แย่แล้ว ทางใต้มีกองทัพผีปรากฏตัว…”

เวลานี้เสียงระฆังดังเหง่งหง่างดังลั่นสะท้อนก้องไปทั่วทั้งป้อมปราการ

ต่อจากนั้นเสียงบุรุษกังวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกลางท้องฟ้า ส่งมาถึงในหูของทุกคนอย่างชัดเจนยิ่งนัก

“ระวัง รอบป้องปราการมีกองทัพผีจำนวนมาก ทุกคนกลับประจำตำแหน่งทันที!”

เดิมทีหลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิโคจรปราณอยู่ในที่พักชั่วคราว ทันทีที่ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่กล้าชักช้าและมุ่งไปยังลานกว้างใจกลางป้อมอย่างรวดเร็ว

ลานกว้างใจกลางป้อมปราการไท่เทียนเวลานี้มีสิ่งก่อสร้างหน้าตาเหมือนหอคอยขนาดมหึมาที่สูงกว่ากำแพงเมืองรอบด้านหนึ่งเท่ากว่าอยู่เจ็ดหลัง

สิ่งก่อสร้างเหล่านี้เรียงตัวเป็นวง แต่ละหลังสูงถึงสองสามร้อยจั้ง แต่หอที่อยู่ตรงกลางเห็นชัดว่าสูงกว่าหกหลังที่อยู่รอบด้านอยู่บ้าง ตัวสิ่งก่อสร้างเป็นทรงหกเหลี่ยม แต่ละด้านเรียบลื่นผิดธรรมดาและสลักยันต์พิเศษจำนวนหนึ่งเอาไว้ พวกมันทอแสงจิตวิญญาณเลือนรางแล้วไหลเคลื่อนไปมาไม่หยุด

เวลานี้บนยอดหอคอยมหึมาตรงกลางมีลูกกลมสีทองอร่ามลูกหนึ่งลอยอยู่ มันหมุนเชื่องช้าแผ่แสงเรืองรองสีทองอ่อนออกมาไม่หยุด เฉาฉางเฮ่อชายหนุ่มผมเงินนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ลูกกลม

“ศิษย์น้องหลิ่ว ไปอยู่บนหอด้านหน้าทางซ้ายของข้า” เมื่อหลิ่วหมิงรีบเร่งมาถึงใต้หอคอย หูก็พลันได้ยินเสียงกระแสจิตของเฉาฉางเฮ่อ

หลิ่วหมิงฟังจบก็ทะยานร่างขึ้นไปบนยอดหอคอยสูงที่เฉาฉางเฮ่อชี้ทันที

ค่ายกลชั้นจำกัดรูปหกเหลี่ยมที่แทบจะอัดเต็มแท่นเรียบบนยอดหอปรากฏตรงหน้า อีกห้ามุมที่เหลือมีผู้ฝึกฝนของกองทัพแสงทองที่สวมชุดเกราะสีน้ำเงินนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านในแล้ว เสี่ยวอู่ก็อยู่ในนั้นด้วย แต่มุมหนึ่งฝั่งซ้ายของเขากลับว่างเปล่า

เวลานี้ตรงหน้าทุกคนมีกระจกแสงสีทองขนาดหนึ่งฉื่อกว่าบานหนึ่งลอยอยู่ เวลานี้หอคอยสูงห้าหลังรอบด้านก็มีคนทยอยมาถึงแล้วทะยานขึ้นไปบนหอสูงหลังอื่นตามการสั่งการของเฉาฉางเฮ่อเช่นเดียวกัน

หลังจากเสี่ยวอู่เห็นหลิ่วหมิงปรากฏตัวก็ผงกศีรษะให้เขานิดๆ แล้วเหลือบสายตามองมุมด้านข้างที่ว่างเปล่า

หลิ่วหมิงเข้าใจความหมาย เขาไม่พูดพร่ำเดินไปนั่งขัดสมาธิที่มุมว่างนั่นแล้วเรียกกระจกแสงสีทองเหมือนกับคนอื่นออกมา จากนั้นยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งเข้าไป กระจกแสงสีทองลอยนิ่งอย่างมั่นคงอยู่เบื้องหน้าทันที

เพียงครู่เดียวบนหอคอยสูงทั้งหกหลังก็มีผู้ฝึกฝนของกองทัพแสงทองหกคนอยู่ประจำตำแหน่งจนครบ กระจกแสงสีทองสามสิบหกบานเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า มองจากไกลๆ ยอดหอคอยสูงทั้งหกหลัง ทอแสงสีทองระยิบระยับจนไม่อาจมองตรงๆ ได้แม้แต่น้อย

“ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งในค่ายกลแสงทองแล้ว ศิษย์น้องทุกคน ฟังคำสั่งของข้าแล้วกระตุ้นค่ายกล อย่าให้ผิดพลาด!” เฉาฉางเฮ่อลุกขึ้นยืน เขากวาดสายตามองรอบด้าน เมื่อเห็นทุกคนพร้อมเรียบร้อยจึงเอ่ยเสียงขรึมทันที

ต่อจากนั้นก็เห็นแสงสีทองสว่างขึ้นบนมือทั้งสองข้างของเขา ธงค่ายกลสีทองสองผืนปรากฏออกมา เขาหลับตาทั้งสองข้างลงประหนึ่งภิกษุชราเข้าฌาน นิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ

หลิ่วหมิงฟังแล้วก็กวาดสายตาไปรอบด้านพบว่าบนกำแพงเมืองรอบด้านมีผู้คนวิ่งขวักไขว่ ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกฝนจากกองทัพอีกสามแห่งที่สวมเสื้อผ้าสีเหลือง สีขาวและสีดำซึ่งกำลังตีฆ้องลั่นกลองรบเตรียมตัวสำหรับศึกใหญ่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น

สี่มุมของป้อมปราการคือดวงตาค่ายกลของมหาค่ายกลชั้นจำกัดของป้อมปราการไท่เทียน แต่ละมุมมีศิษย์ของกองทัพคุณธรรมผู้สวมชุดเกราะสีขาวสิบกว่าคนอยู่ ใต้เท้าของคนเหล่านี้ล้วนมีค่ายกลรูปวงกลมที่ทอแสงสีเงินอ่อนวงหนึ่ง ยันต์บนผิวค่ายกลไหลเคลื่อนไปมาแลดูสะดุดตาอย่างยิ่ง

คนเหล่านี้ถือแผ่นค่ายกลและธงค่ายกลไว้ในมือ ปากเอ่ยท่องมนตร์ ถ่ายเทพลังเวทเข้าไปในค่ายกลรูปวงกลมใต้เท้าไม่หยุด

ในเวลาเดียวกันนี้ศิษย์นิกายเทียนกงที่สวมอาภรณ์สีเหลืองคนแล้วคนเล่าบนกำแพงเมืองรอบด้านก็กำลังปล่อยหุ่นสารพัดแบบออกมาไม่หยุด แสงจิตวิญญาณหลากสีกะพริบวูบวาบพร้อมกับที่หุ่นตัวแล้วตัวเล่าปรากฏขึ้นตีนกำแพงเมืองเบื้องหน้าพวกเขา ในนั้นมีหุ่นขนาดยักษ์ประหนึ่งขุนเขาลูกย่อมๆ อยู่หลายตัว

หุ่นทั้งหมดยืนเรียงกันเป็นแถวขวางหน้ากำแพงเมืองทั้งสี่ด้านกลายเป็นกำแพงชั้นแรกของทั้งป้อมปราการ

ด้านข้างศิษย์นิกายเทียนกง เงาดำร่างแล้วร่างเล่าที่มีปราณดำวนเวียนรอบตัวกำลังตั้งท่ารอต่อสู้ พวกเขาก็คือกลุ่มศิษย์จากนิกายปีศาจลี้ลับนั่นเอง

นอกจากศิษย์หัวกะทิจากนิกายต่างๆ เหล่านี้ ศิษย์ประจำป้อมก็ทยอยมาอยู่ข้างเครื่องยิงศรขนาดยักษ์เครื่องแล้วเครื่องเล่าและตามหอคอยทรงกลม ทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจแผ่วเบา เขารั้งสายตากลับมาแล้วเริ่มแผ่จิตสัมผัสตรวจสอบสภาพรอบด้านป้อมปราการ

แล้วเขาก็เห็นว่าเวลานี้สี่ด้านแปดทิศของป้อมปราการไท่เทียนเต็มไปด้วยไอหมอกสีเทาปั่นป่วนผืนหนึ่ง กลางไอหมอกมีจุดสีดำขนาดใหญ่เล็กมากมายรวมตัวเป็นกระบวนทัพสี่เหลี่ยมอย่างเป็นระเบียบกองแล้วกองเล่า มองดูคร่าวๆ มีมากถึงหลายหมื่นตน!

แม้จะตรวจสอบสภาพโดยละเอียดในกองทัพของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ดูจากที่กองทัพผีร้ายสร้างความรู้สึกกดดันได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดูท่าอีกฝ่ายคงวางแผนมานานแล้ว

นี่ทำให้หลิ่วหมิงอดไม่ได้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเผยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย

ในตอนนี้เองเสียงดังลั่นก็ดังขึ้นจากมุมกำแพงเมืองทั้งสี่

ค่ายกลรูปวงกลมใต้เท้าของศิษย์กองทัพคุณธรรมพลันทอแสงสว่างจ้า แสงเรืองรองสีเงินสาดออกมาจากด้านในก่อนจะผนึกรวมกันกลางอากาศ ค่อยๆ ก่อตัวเป็นม่านแสงสีเงินขนาดยักษ์ผืนหนึ่ง ล้อมป้อมปราการไท่เทียนทั้งป้อมเอาไว้ด้านใน

ทว่าครู่ต่อมาเมฆสีเทาหนาที่อยู่รอบด้านพลันถาโถมปั่นป่วน บีบเข้ามาใกล้ป้อมปราการมืดฟ้ามัวดิน เสียงคำรามของผีร้ายกับเสียงภูตผีโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด บรรยากาศน่าหวาดผวาชวนให้คนรู้สึกหวาดกลัว

เห็นชัดว่ากองทัพผีร้ายค้นพบการเคลื่อนไหวของเผ่ามนุษย์ฝั่งนี้แล้ว จึงคิดจะใช้จังหวะที่มหาค่ายกลชั้นจำกัดป้องกันของป้อมปราการทั้งหมดเพิ่งทำงานแต่ยังไม่ทันมั่นคงบุกเข้าโจมตีเมือง

“มหาค่ายกลแสงทอง ตั้ง!” ในตอนนี้เอง เสียงของเฉาฉางเฮ่อพลันดังขึ้น

ธงค่ายกลในมือทั้งสองข้างของเขาสะบัดว่องไว ขณะที่ปากท่องมนตร์ฟังดูแปลกประหลาดลี้ลับ บาตรแห่งการสร้างสีทองส่องแสงสีทองเจิดจ้าลอยอยู่เหนือกระหม่อม

หลิ่วหมิงหน้าเคร่งขรึม ปากเอ่ยท่องมนตร์ ยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าเข้าไปในกระจกแสงสีทองเบื้องหน้าร่าง

แท่นสูงที่เขาอยู่ กระจกแสงสีทองหกบานส่องสะท้อนกันจากไกลๆ แล้วสั่นไหวขึ้นมาเอง แสงสีทองหกสายพุ่งจากผิวกระจกแสงขึ้นฟ้า จากนั้นรวมตัวกันที่จุดหนึ่งกลางท้องนภา กลายเป็นแสงสีทองดวงหนึ่งล้อมทั้งหกคนไว้ด้านใน

เวลาเพียงครู่เดียวนี้ เมฆสีเทาทั่วทุกสารทิศก็ลอยข้ามเทือกเขาห่างไกลมาถึงท้องฟ้าเหนือทุ่งหญ้านอกป้อมปราการไท่เทียน ห่างจากป้อมปราการไท่เทียนเพียงไม่กี่ลี้

ทันใดนั้นเสียงภูตผีโหยหวนก็ดังขึ้นท่ามกลางกองทัพผี

ผีร้ายทั้งหมดราวกับได้รับคำสั่ง ชั่วครู่เดียวผีรองแม่ทัพมากมายพลันตะโกนก้องฟ้าพาทหารผีกองแล้วกองเล่าพุ่งเข้ามายังกำแพงเมืองของป้อมปราการไท่เทียนอย่างรวดเร็วดุจคลื่นสมุทรสีดำ

“เหอะ มาพอดี!”

ใบหน้าของเฉาฉางเฮ่อฉายแววเหี้ยมเกรียม สองมือสะบัดธงค่ายกล บาตรแห่งการสร้างหมุนอยู่เหนือศีรษะ ทันใดนั้นลำแสงสีทองหกสายก็พุ่งออกจากด้านในมายังหอคอยสูงหกหลังที่พวกหลิ่งหมิงอยู่

หลิ่วหมิงเห็นแต่แสงสีทองที่สว่างอยู่เบื้องหน้า ลำแสงสีทองสายหนึ่งร่วงลงบนกระจกแสงในมือ จากนั้นหักเหกลายเป็นลำแสงสีทองอีกหกสายพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

บนหอสูงแต่ละแห่งมีลำแสงสามสิบหกสายพุ่งออกมา ลำแสงสีทองสองร้อยกว่าสายจากหอสูงหกหลังส่องท้องฟ้าเหนือป้อมปราการทั้งหมดจนเป็นสีทองระยิบระยับ ลำแสงสีทองมากมายถี่ยิบพาดตัดประสานกลายเป็นตาข่ายยักษ์สีทองผืนหนึ่งครอบคลุมสี่ทิศแปดด้าน

 “พรึ่บ” ลำแสงสีทองหลายสายกวาดผ่านห่างกำแพงเมืองฝั่งเหนือหลายร้อยจั้งเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอทำให้ทหารผีระดับของเหลวจิตวิญญาณหลายสิบตนกับผีรองแม่ทัพตนหนึ่งในกระบวนทัพสี่เหลี่ยมทัพหนึ่งกลายเป็นควันสีดำวิญญาณแตกสลายไปทันที

ทุกคนที่ได้เห็นผลของมันต่างกระตุ้นพลังเวทกรอกเข้าไปในกระจกแสงสีทองเบื้องหน้าไม่ขาดทันที ลำแสงสีทองที่สานเป็นตาข่ายผืนแล้วผืนเล่าอยู่เหนือศีรษะกวาดไปสี่ด้านแปดทิศต่อ

ชั่วขณะหนึ่งเสียงภูตผีโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด จุดที่แสงสีทองผ่าน มวลอากาศฉับพลันอัดแน่น ภูตผีนับไม่ถ้วนสลายกลายเป็นเถ้าปลิวไปกับสายลมในทันใด

ลำแสงสีทองเหล่านี้ราวกับมังกรสีทองตัวแล้วตัวเล่าทะยานขึ้นท้องฟ้า พุ่งทะลวงไปมาท่ามกลางเมฆสีเทาหนาที่กองทัพผีร้ายสร้างขึ้นมา

เมื่อภูตผีจำนวนมากถูกสังหารล้มตายบาดเจ็บ แม้แต่ผีแม่ทัพระดับแก่นแท้ที่เห็นภาพนี้ก็ไม่กล้าต้านโดยตรง ได้แต่หลบหลีกแสงสีทองไม่หยุดเท่านั้น

พลังของมหาค่ายกลแสงทองยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำให้ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ทุกคนในป้อมปราการอดดีใจยิ่งนักไม่ได้

แต่เฉาฉางเฮ่อที่อยู่บนหอสูงตรงกลางกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเคร่งขรึม

แม้ค่ายกลแสงทองจะต้านทานภูตผีได้ผลดียิ่ง แต่จำนวนภูตผีรอบด้านมากเกินไปแล้วจริงๆ ไม่มีที่ท่าว่าจะพ่ายแพ้ถอยทัพแม้แต่น้อย

กองทัพผีค่อยๆ ค้นพบว่ามีช่องว่างระหว่างที่ลำแสงสีทองพุ่งออกมา ภูตผีนับไม่ถ้วนจึงฉวยช่องว่างระหว่างลำแสงที่พุ่งออกมาทะลวงบุกเข้าไปต่อ จากนั้นพุ่งเข้าใส่ค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่สีเงินที่ปกป้องป้อมปราการไท่เทียนอยู่

ในตอนนี้เองหุ่นยักษ์หลายตัวที่เดิมยืนอยู่หน้ากำแพงก็เริ่มเคลื่อนไหว

“ครืน” เสียงดังสนั่น หุ่นขนาดยักษ์ที่สวมชุดเกราะกลไกยกสองขาอันเทอะทะก้าวเชื่องช้าออกห่างจากกำแพงเมือง

หุ่นขนาดยักษ์เหล่านี้ไม่ถนัดโจมตี แต่พลังป้องกันของแต่ละตัวน่าตะลึง พวกมันร่างกายดุจดั่งขุนเขาไม่หวาดกลัวการโจมตีของกองทัพผีที่รุมกระหน่ำแม้แต่น้อย

หุ่นนักรบสวมชุดเกราะสีเหลืองตัวแล้วตัวเล่ารวมถึงหุ่นอสูรวิหครูปร่างประหลาดต่างๆ นานาด้านข้างหุ่นยักษ์ก็พากันทะยานเข้าไปในเมฆภูตสีเทาโรมรันกับกองทัพผีด้วย หยุดกองทัพผีที่กำลังบุกทะลวงเข้ามาเอาไว้

ไอปีศาจบนกำแพงเมืองขยับไหววูบ ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับแห่งกองทัพซ่อนมารใช้จังหวะที่กองทัพผีถูกหุ่นขวางอยู่เรียกอาวุธมารนานาชนิดหรือใช้วิชามารออกมา ไอปีศาจระลอกแล้วระลอกเล่ากับแสงสีดำดวงแล้วดวงเล่ารี่เข้าใส่กองทัพผีที่พุ่งเข้ามาใกล้

ในช่วงเวลาหนึ่งลำแสงสีทองพุ่งฉวัดเฉวียนรอบป้อมปราการไท่เทียน แสงหลากสีเริงระบำทั่วท้องนภา กลางกลุ่มเมฆภูตสีเทาเสียงต่อสู้เข่นฆ่าดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ สถานการณ์ชุลมุนอย่างที่สุด

ขณะที่ทั้งสองฝั่งสู้กันโรมรันพันตูอยู่นั่นเอง พื้นที่ราบตรงกลางระหว่างนอกกำแพงเมืองทิศเหนือของป้อมปราการไท่เทียนกับแนวป้องกันของหุ่นฉับพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

พื้นดินทั้งผืนราวกับถูกฉีกขาดออกจากกัน แผ่นดินเจ็ดแปดจุดยุบถล่มเป็นหลุมเส้นผ่านศูนย์กลางหลายจั้ง

ต่อมาจุดที่ยุบก็มีเสียงดังสนั่นดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หมอกภูตสีเทากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าพุ่งขึ้นฟ้า

“ลมปราณนี่…แย่แล้ว ไส้เดือนผี ดูท่าอีกฝ่ายจะมีกองหนุน!” เฉาฉางเฮ่อที่อยู่บนหอสูงตรงกลางกวาดสายตาลงไปแล้วเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+