ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 1048 สงครามชุลมุน

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 1048 สงครามชุลมุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แย่แล้ว เผ่าผีโหดกับเผ่าวิญญาณเขมือบ เจ้าพวกนั้นฉวยโอกาสที่ชุลมุนเมื่อครู่ ทิ้งกองทัพหนีไปโดยพลการแล้ว” ผีแม่ทัพใหญ่ร่างกำยำที่เงียบงันไร้วาจามาตลอด หันไปมองทิศทางหนึ่งด้านหลังแล้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึม

 

ผีแม่ทัพใหญ่คิ้วแดงกับผีแม่ทัพใหญ่เกราะกระดูกสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พวกเขาหันไปมองก็เห็นกองทัพผีร้ายด้านหลังพวกเขาจำนวนลดลงไปไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด ภูตผีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยผละออกจากกองทัพใหญ่เหาะหนีไปไกลไม่หยุด

 

กองทัพผีร้ายที่เดิมทีมีเกือบหมื่นตน พริบตาเดียวลดลงไปสามส่วน!

 

“เจ้าพวกแล่นเรือตามลมพวกนี้!” ผีแม่ทัพใหญ่เกราะกระดูกกำหมัดจนข้อนิ้วลั่น

 

“ช่างเถอะ เดิมทีก็ไม่ได้คาดหวังกับเจ้าพวกนั้นอยู่แล้ว รอเสร็จศึกนี้ ค่อยไปคิดบัญชีกับพวกเขาก็ไม่สาย ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจพวกเขาแล้ว” ผีแม่ทัพใหญ่คิ้วแดงโบกมือ

 

ผีแม่ทัพใหญ่เกรากระดูกพ่นลมหายใจด้วยความชิงชัง เขาไม่มองไปด้านหลังอีก แต่หันไปประจันหน้ากับป้อมปราการไท่เทียนที่อยู่ด้านหน้า

 

“ทุกท่านไม่ต้องกังวลใจ เมื่อครู่ข้าได้รับข่าวว่าปลดผนึกสิบสองรากษสแห่งอารามต้องห้ามสำเร็จแล้ว ลี่เสวียนกำลังเร่งเดินทางมาที่นี่ คาดว่าใกล้จะถึงแล้ว” เสียงของผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินดังขึ้น แผ่นค่ายกลส่งสารแผ่นหนึ่งในมือค่อยๆ ดับแสงลง

 

“พูดจริงหรือ?” ผีแม่ทัพใหญ่คิ้วแดงได้ยินก็ดีใจอย่างยิ่ง

 

“แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่พวกเราก็ยังถอยไม่ได้ มิเช่นนั้นคงทัพแตกถูกไล่สังหาร มีแต่ต้องยืนหยัดให้ได้ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น พวกเราจึงจะพลิกระดานได้!” ผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินพยักหน้า พูดถึงประโยคสุดท้ายก็แทบจะพูดเว้นวรรคทีละคำ

 

ผีแม่ทัพใหญ่อีกสามตนต่างพยักหน้า

 

คำสั่งถูกถ่ายทอดลงไปอย่างรวดเร็ว กองทัพผีร้ายหลายพันตนที่ยังเหลืออยู่เริ่มเปลี่ยนรูปกระบวนทัพ พริบตาเดียวแยกออกไปกระบวนทัพป้องกันเจ็ดถึงแปดกอง

 

ในแต่ละกองทัพมีผีร้ายรวมอยู่ด้านในเกือบหนึ่งพันตน เรียงเป็นแถวทอดต่อกันยาวสิบกว่าลี้

 

ผู้เฒ่าจมูกแดงกับบุรุษวัยกลางคนแซ่เว่ยกำลังหารืออะไรบางอย่างอยู่เหนือศีรษะมนุษย์ทองคำยักษ์ มนุษย์ทองคำยักษ์เบื้องล่างยังไม่ขยับรุกคืบ ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์อีกสามคนลอยอยู่เหนือกองกำลังผู้ฝึกฝน การเคลื่อนไหวของกองทัพผีร้ายย่อมอยู่ในสายตาของพวกเขาทั้งหมด

 

“แปลก พวกเขากลับไม่หนี หรือคิดจริงๆ ว่าอาศัยกองทัพน้อยนิดจะต้านพลทหารสวรรค์แสงทองได้?” ผู้เฒ่าแซ่ฝางจากนิกายเทียนกงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

 

หลังค่ายกลสุสานผีประตูดำที่ป้อมปราการไท่เทียนถูกทำลาย ตอนนี้ชั้นจำกัดส่งสารในเมืองก็ฟื้นกลับมาทำงานแล้ว พวกเขาได้รับแจ้งทันทีว่าหุ่นเทพอนธการของเมืองขุ่ยเหล่ยกับกิ้งก่ามารคลั่งของเมืองฝูหมัวกำลังเร่งเดินทางมาที่นี่ จึงไม่เห็นกองทัพผีตรงหน้าอยู่ในสายตา

 

“อย่าได้ดูถูกศัตรู กองทัพผีร้ายเป็นปริศนามาตลอด ครานี้ยกพลมามากมายเช่นนี้เกรงว่าคงมีบางสิ่งเป็นที่พึ่ง” บัณฑิตวัยกลางคนจากสำนักเฮ่าหรานเอ่ยเคร่งขรึม

 

เขาย่อมติดต่อกับเมืองเฮ่าชี่แล้ว บุรุษร่างใหญ่เคราเฟิ้มที่ถูกส่งให้ฝ่าวงล้อมกลับเมืองไปพร้อมกับพวกหลิ่วหมิงกลับไปไม่ถึงเมืองเฮ่าชี่ เวลานี้ก็ติดต่อไม่ได้ ในสิบมีแปดเก้าส่วนคงจะสิ้นชีวิตแล้ว

 

คนที่สี่ยอดนิกายใหญ่ส่งไป มีเพียงศิษย์ของสำนักเฮ่าหรานเพียงคนเดียวที่ทำงานไม่สำเร็จ ในใจเขาย่อมหดหู่ยิ่งนัก

 

หลังจากผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ทั้งหลายหารือกันอีกครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าจมูกแดงจากนิกายยอดบริสุทธิ์ก็เหาะขึ้นไปกลางท้องฟ้า เอ่ยขึ้นเสียงดังลั่น

 

“ศิษย์ทั้งหลายจงฟังคำสั่ง เคลื่อนทัพกวาดล้างกองทัพผีเหล่านี้ให้สิ้นทันที!” คำพูดของผู้เฒ่าดังขึ้นในหูของศิษย์ด้านล่างชัดเจนอย่างยิ่ง ทำให้คนทั้งหมดฮึกเหิม สายตาหันพรึ่บไปยังกองทัพผีร้ายดำทะมึนที่อยู่ไกลๆ

 

นอกจากศิษย์กองทัพแสงทองที่เดินทางมาช่วยเหลือ ศิษย์ทั้งหลายที่เหลือถูกกองทัพผีร้ายทรมานมาหลายวัน ยามนี้มีโอกาสระบายแค้น ในใจย่อมไฟสู้ลุกโชน!

 

หลิ่วหมิงที่อยู่ท่ามกลางหมู่คนพรูลมหายใจออกมาแผ่วเบา มือข้างหนึ่งยกขึ้นโบก ปราณดำบนร่างโถมทะลักออกมาแล้วเอ่ยเรียบๆ กับเสี่ยวอู่ประโยคหนึ่งว่า

 

“ดูท่าต่อไปจะเลี่ยงศึกอันเลวร้ายไม่ได้แล้ว ศิษย์พี่โปรดระวังตัวด้วย!”

 

เสี่ยวอู่พยักหน้า มือใช้เคล็ดวิชา แสงสีดำม้วนออกมาเบื้องหน้า ธงผืนใหญ่ที่ส่องแสงสีดำสิบสองคันปรากฏขึ้นมาทันที

 

เปรี้ยง!

 

ผู้อาวุโสแซ่เว่ยท่องมนตร์แผ่วเบาออกมาสองสามประโยค มนุษย์ทองคำยักษ์เบื้องล่างพลันหมุนตัวทันที ดวงแสงสีทองตรงหน้าผากส่องสว่าง ก้าวเท้าอันหนักอึ้งเกิดเสียงดังสนั่นจนแก้วหูแทบดับ เดินไปหากองทัพผีร้ายที่อยู่ไกลๆ

 

พวกผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์สี่คนกลายเป็นลำแสงสี่สายแยกย้ายกันยืนอยู่สองฝั่งของมนุษย์ทองคำยักษ์ ทะยานเข้าใส่กองทัพผีร้ายอย่างดุดัน

 

ศิษย์เกือบหนึ่งพันคนรวมทั้งหลิ่วหมิงเหาะเป็นขบวนตามหลังมนุษย์ทองคำยักษ์ไปติดๆ

 

กองทัพผีที่อยู่ไกลออกไปอลหม่านทันที!

 

ทันใดนั้นมนุษย์ทองคำยักษ์ก็เหวี่ยงแขน กระบี่แสงขนาดยักษ์ฟันกลางอากาศ แสงกระบี่สีทองมหึมาอย่างยิ่งปรากฏออกมาอีกครั้ง พาพลังดั่งจะล้มขุนเขาคว่ำสมุทร พุ่งเร็วรี่เข้าใส่กองทัพผีร้ายเกือบพันตนที่อยู่ไกลๆ

 

เสียงบึ๊มดังสนั่นดั่งฟ้าถล่มดินทลาย

 

ยามแสงสีทองพุ่งผ่าน ผืนแผ่นดินแยกออกเป็นร่องเหวยาวพันกว่าจั้งเส้นหนึ่ง ทหารผีหลายร้อยตนในบริเวณนั้นสลายเป็นเถ้าธุลีในทันที

 

ทหารผีทั้งหลายเห็นภาพนี้ กระบวนทัพพลันปั่นป่วน ในตอนนี้เองลำแสงสีดำสี่สายก็พุ่งมาจากด้านหลัง ประจันหน้ากับมนุษย์ทองคำยักษ์ พวกเขาก็คือพวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงิน ผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์ทั้งสี่ตนนั่นเอง

 

ในมือทั้งสี่ตนทอแสงสีดำ แต่ละตนเรียกธงสีดำผืนหนึ่งออกมา ขนาดและรูปร่างเหมือนกันทุกประการ บนผืนธงต่างสลักรูปอสูรยักษ์หน้าตาดุร้ายตัวหนึ่งไว้ ดูแล้วน่าจะเป็นอาวุธเวทชุดหนึ่ง

 

ทั้งสี่ตนท่องมนตร์แผ่วเบา ธงสีดำในมือสะบัดกลายเป็นเงาเลือนราง เมฆสีดำเข้มดั่งน้ำหมึกผืนแล้วผืนเล่าทะลักออกมาจากบนผืนธง เพียงครู่เดียวก็ก่อตัวเป็นเมฆดำขนาดมหึมากว้างหลายหมู่เบื้องหน้ากองทัพผี ด้านในเสียงครืนครางดังขึ้นไม่ขาด เห็นอสูรดุร้ายโหดเหี้ยมตัวแล้วตัวเล่าผลุบโผล่เป็นระยะ

 

แสงสีทองส่องสว่าง แสงกระบี่สีทองพุ่งหวีดหวิวมาอีกครั้ง ทั้งสองฝั่งปะทะกันเสียงดังสนั่น!

 

เมฆดำมหึมาทนอยู่ได้สองสามลมหายใจ สุดท้ายก็ปริแตก กลายเป็นปราณสีดำม้วนตลบปิดฟ้าบังตะวันเอาไว้อีกครั้ง แต่แสงกระบี่ก็หมดสิ้นพลัง สลายกลายเป็นแสงสีทองเต็มฟ้าหายไปเช่นเดียวกัน

 

พวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินสี่ตนร่างกายสะท้าน ใบหน้าแดงก่ำ ถอยหลังไปสิบกว่าจั้งกว่าจะตั้งหลักได้อย่างหวุดหวิด

 

ผีทั้งสี่ตนมองกันอย่างตกตะลึง ผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินหัวใจหนักอึ้ง

 

เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่าพวกเขาสี่ตนจะร่วมมือกัน อาศัยอาวุธเวทธงผีเมฆดำชุดนี้ในมือถ่วงเวลามนุษย์ทองคำยักษ์ไว้ แล้วจะอาศัยกระบวนทัพที่กองทัพผีร้ายชำนาญถ่วงเวลาผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่เหลือสักช่วงเวลาหนึ่ง

 

แต่มนุษย์ทองคำยักษ์แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก โจมตีสบายๆ เพียงครั้งเดียวก็มีพลังมากมายเช่นนี้ เขาไม่กล้ารับประกันว่าจะยังรับการโจมตีระดับนี้ได้อีกสักกี่ครั้ง

 

ขณะที่มนุษย์ทองคำยักษ์ถูกผีแม่ทัพใหญ่สี่ตนขวางไว้ ศึกเบื้องล่างก็ปะทุเช่นกัน

 

พวกผู้เฒ่าจมูกแดงทั้งสี่คนเหาะข้ามกองทัพผู้ฝึกฝนทั้งหลายพุ่งเข้าหากองทัพผีร้ายก่อน แสงจิตวิญญาณห้าสีบนร่างส่องสว่าง ด้านหลังมีร่างพลังเวทมหึมานานาชนิด ต่างคนต่างเรียกอาวุธเวทออกมา

 

แม้ศัตรูที่เผชิญเป็นเพียงภูตผีระดับแก่นแท้ ระดับผลึกหรือกระทั่งระดับของเหลวจิตวิญญาณ พวกเขาเหล่านี้แลดูเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะออมมือแม้แต่น้อย ลงมือโจมตีเต็มกำลัง

 

เวลานี้เองบนอากาศว่างเปล่าด้านหลังพวกผู้เฒ่าจมูกแดงพลันเกิดขึ้นคลื่นสั่นสะเทือนแผ่วเบา เงาสีดำสองร่างฉับพลันโผล่ออกมา

 

เงาสีดำร่างหนึ่งในนั้นโบกมือ เงากระสวยสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่โจมตีใส่แผ่นหลังของผู้เฒ่าจมูกแดงกับบัณฑิตวัยกลางคนสำนักเฮ่าหราน

 

เงาอีกร่างหนึ่งมีธงสามเหลี่ยมสีดำสูงสองถึงสามจั้งคันหนึ่งลอยอยู่ด้านหลัง แสงสีดำส่องสว่าง มังกรกระดูกสีดำตัวหนึ่งหลุดจากผืนธงแล้วเหาะออกมา

 

ดวงตากลวงโบ๋ของมังกรตัวนี้ส่องแสงสีดำ พายุปีศาจสีน้ำเงินเข้มบางเบาสายหนึ่งพ่นออกมาจากปาก พริบตาเดียวปกคลุมบริเวณหลายสิบจั้งม้วนกลบผู้เฒ่าแซ่ฝางจากนิกายเทียนกงกับบุรุษร่างยักษ์จากนิกายปีศาจลี้ลับเข้าไปด้านใน

 

เหตุการณ์ที่พลิกผันกะทันหันทำให้พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนตกตะลึง พวกเขาไม่มีเวลาโจมตีกองทัพผีร้ายอีก รีบหมุนตัวมา เกราะป้องกันคุ้มครองร่างหลากสีทอแสงบนร่างพร้อมกัน

 

ปัง ปัง ปัง! เสียงโจมตีหนักหน่วงสอดแทรกกับเสียงตวาดเกรี้ยวกราดดังลอยมา

 

เงาสีดำทั้งสองเผยร่าง ตนหนึ่งสวมชุดเกราะสีเงิน อีกตนหนึ่งเส้นผมสีทองทั้งศีรษะ พวกเขาก็คือผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์สองตนที่ล้อมโจมตีเมืองจินกวังนั่นเอง ไม่รู้ว่าโผล่มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร!

 

พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนคำรามเกรี้ยวกราด อาวุธเวทในมือทยอยพุ่งเร็วรี่ออกมา

 

ผีแม่ทัพใหญ่เกราะสีเงินโฉบวูบ อึดใจต่อมาก็ปรากฏตัวห่างออกไปหลายสิบจั้ง หลบพ้นการโจมตีของผู้เฒ่าจมูกแดงกับบัณฑิตวัยกลางคน พร้อมกันนั้นเขาก็สะบัดแขน กระสวยสีดำสนิทรูปร่างดุจวิหคชิ้นหนึ่งบินออกมาจากแขนเสื้อ มันสั่นวูบหนึ่ง เงากระสวยนับไม่ถ้วนก็แหวกอากาศพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

 

วิชาท่าร่างของผีแม่ทัพใหญ่เส้นผมสีทองว่องไวไม่ธรรมดา ระหว่างที่ร่างกายขยับก็มีเงาติดตาร่างแล้วร่างเล่าติดไปด้วย ธงสามเหลี่ยมสีดำหลังร่างพาพายุปีศาจสีดำหลายลูกพัดเสียงดังหวีดหวิว ภายในบริเวณร้อยจั้งล้วนเป็นสีดำขมุกขมัวทำให้คนไม่อาจมองเห็นสิ่งใด

 

ผีแม่ทัพใหญ่ทั้งสองตนไม่เข้าปะทะตรงๆ แต่อาศัยวิชาท่าร่างดุจภูตพรายกับอาวุธเวทในมือยื้อพวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนไว้ ทำให้พวกเขาโจมตีกองทัพผีร้ายไม่ได้

 

เป้าหมายของพวกผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินทั้งสองตน พวกผู้เฒ่าจมูกแดงย่อมรู้ แต่เมื่อทั้งสองตนสู้เต็มกำลังโดยไม่สนใจพลังเวทที่เสียไปสักนิด พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนจึงถูกรั้งไว้ที่เดิมชั่วขณะ

 

หลิ่วหมิงกับผู้ฝึกฝนจากนิกายอื่นอ้อมการต่อสู้ทั้งสองวงแล้วโถมเข้าใส่กองทัพผีร้าย

 

กองทัพแสงทองเสริมด้วยผู้ฝึกฝนประจำป้อมปราการไท่เทียนทั้งหมดมีราวพันคน จำนวนต่างจากกองทัพผีร้ายมากนัก

 

กองทัพผีร้ายหลายพันตนนี้เป็นทหารฝีมือเยี่ยมที่สุด เพียงผีแม่ทัพระดับแก่นแท้ก็มีหลายสิบตน ผีรองแม่ทัพก็มีถึงหกเจ็ดร้อยตน

 

แต่กองทัพผีร้ายดูเหมือนจะมุ่งมั่นตั้งกระบวนทัพป้องกันท่าเดียว ไม่มีเจตนาจะโจมตีแม้แต่น้อย

 

แสงจากวิชาและอาวุธจิตวิญญาณของผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์พุ่งไปรอบด้านท่ามกลางเสียงท่องมนตร์บ้างดังบ้างเบา วิชาลับนานาชนิดถาโถมดุจคลื่นยักษ์ระลอกแล้วระลอกเล่าฟาดเข้าใส่กระบวนทัพของกองทัพผีไม่หยุดหย่อน

 

หลิ่วหมิงปะปนอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกฝน แต่เขาไม่ได้เรียกกระบี่ขู่หลุนออกมา เขาใช้เพียงวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬโจมตีพอเป็นพิธีเท่านั้น สมาธิส่วนใหญ่จดจ่ออยู่กับการเฝ้าระวังและสังเกตศึกอีกสองศึกเหนือศีรษะ

 

จนถึงตอนนี้ศึกดุเดือดนอกป้อมปราการไท่เทียนครั้งนี้แบ่งเป็นการต่อสู้สามวง

 

พวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินผีแม่ทัพใหญ่ทั้งสี่ร่วมมือกันสู้กับมนุษย์ทองคำยักษ์

 

พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนรับมือกับผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินกับผีแม่ทัพใหญ่ผมทอง

 

กองทัพผีร้ายเจ็ดถึงแปดพันตนที่เหลือโรมรันอยู่กับกองหนุนจากกองทัพแสงทองและผู้ฝึกฝนประจำป้อมปราการไท่เทียนจำนวนพันคน

 

ในตอนนี้เองเสียงคำรามยาวก็ดังขึ้นจากที่ใดไม่ทราบ เสียงประหนึ่งโลหะเสียดสี แม้ฟังดูห่างไกลยิ่งนัก แต่กลับแทรกตรงเข้ามาในสมองของผู้คน ทำให้คนรู้สึกตื่นตระหนกอย่างประหลาด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 1048 สงครามชุลมุน

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 1048 สงครามชุลมุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แย่แล้ว เผ่าผีโหดกับเผ่าวิญญาณเขมือบ เจ้าพวกนั้นฉวยโอกาสที่ชุลมุนเมื่อครู่ ทิ้งกองทัพหนีไปโดยพลการแล้ว” ผีแม่ทัพใหญ่ร่างกำยำที่เงียบงันไร้วาจามาตลอด หันไปมองทิศทางหนึ่งด้านหลังแล้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึม

 

ผีแม่ทัพใหญ่คิ้วแดงกับผีแม่ทัพใหญ่เกราะกระดูกสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พวกเขาหันไปมองก็เห็นกองทัพผีร้ายด้านหลังพวกเขาจำนวนลดลงไปไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด ภูตผีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยผละออกจากกองทัพใหญ่เหาะหนีไปไกลไม่หยุด

 

กองทัพผีร้ายที่เดิมทีมีเกือบหมื่นตน พริบตาเดียวลดลงไปสามส่วน!

 

“เจ้าพวกแล่นเรือตามลมพวกนี้!” ผีแม่ทัพใหญ่เกราะกระดูกกำหมัดจนข้อนิ้วลั่น

 

“ช่างเถอะ เดิมทีก็ไม่ได้คาดหวังกับเจ้าพวกนั้นอยู่แล้ว รอเสร็จศึกนี้ ค่อยไปคิดบัญชีกับพวกเขาก็ไม่สาย ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจพวกเขาแล้ว” ผีแม่ทัพใหญ่คิ้วแดงโบกมือ

 

ผีแม่ทัพใหญ่เกรากระดูกพ่นลมหายใจด้วยความชิงชัง เขาไม่มองไปด้านหลังอีก แต่หันไปประจันหน้ากับป้อมปราการไท่เทียนที่อยู่ด้านหน้า

 

“ทุกท่านไม่ต้องกังวลใจ เมื่อครู่ข้าได้รับข่าวว่าปลดผนึกสิบสองรากษสแห่งอารามต้องห้ามสำเร็จแล้ว ลี่เสวียนกำลังเร่งเดินทางมาที่นี่ คาดว่าใกล้จะถึงแล้ว” เสียงของผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินดังขึ้น แผ่นค่ายกลส่งสารแผ่นหนึ่งในมือค่อยๆ ดับแสงลง

 

“พูดจริงหรือ?” ผีแม่ทัพใหญ่คิ้วแดงได้ยินก็ดีใจอย่างยิ่ง

 

“แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่พวกเราก็ยังถอยไม่ได้ มิเช่นนั้นคงทัพแตกถูกไล่สังหาร มีแต่ต้องยืนหยัดให้ได้ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น พวกเราจึงจะพลิกระดานได้!” ผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินพยักหน้า พูดถึงประโยคสุดท้ายก็แทบจะพูดเว้นวรรคทีละคำ

 

ผีแม่ทัพใหญ่อีกสามตนต่างพยักหน้า

 

คำสั่งถูกถ่ายทอดลงไปอย่างรวดเร็ว กองทัพผีร้ายหลายพันตนที่ยังเหลืออยู่เริ่มเปลี่ยนรูปกระบวนทัพ พริบตาเดียวแยกออกไปกระบวนทัพป้องกันเจ็ดถึงแปดกอง

 

ในแต่ละกองทัพมีผีร้ายรวมอยู่ด้านในเกือบหนึ่งพันตน เรียงเป็นแถวทอดต่อกันยาวสิบกว่าลี้

 

ผู้เฒ่าจมูกแดงกับบุรุษวัยกลางคนแซ่เว่ยกำลังหารืออะไรบางอย่างอยู่เหนือศีรษะมนุษย์ทองคำยักษ์ มนุษย์ทองคำยักษ์เบื้องล่างยังไม่ขยับรุกคืบ ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์อีกสามคนลอยอยู่เหนือกองกำลังผู้ฝึกฝน การเคลื่อนไหวของกองทัพผีร้ายย่อมอยู่ในสายตาของพวกเขาทั้งหมด

 

“แปลก พวกเขากลับไม่หนี หรือคิดจริงๆ ว่าอาศัยกองทัพน้อยนิดจะต้านพลทหารสวรรค์แสงทองได้?” ผู้เฒ่าแซ่ฝางจากนิกายเทียนกงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

 

หลังค่ายกลสุสานผีประตูดำที่ป้อมปราการไท่เทียนถูกทำลาย ตอนนี้ชั้นจำกัดส่งสารในเมืองก็ฟื้นกลับมาทำงานแล้ว พวกเขาได้รับแจ้งทันทีว่าหุ่นเทพอนธการของเมืองขุ่ยเหล่ยกับกิ้งก่ามารคลั่งของเมืองฝูหมัวกำลังเร่งเดินทางมาที่นี่ จึงไม่เห็นกองทัพผีตรงหน้าอยู่ในสายตา

 

“อย่าได้ดูถูกศัตรู กองทัพผีร้ายเป็นปริศนามาตลอด ครานี้ยกพลมามากมายเช่นนี้เกรงว่าคงมีบางสิ่งเป็นที่พึ่ง” บัณฑิตวัยกลางคนจากสำนักเฮ่าหรานเอ่ยเคร่งขรึม

 

เขาย่อมติดต่อกับเมืองเฮ่าชี่แล้ว บุรุษร่างใหญ่เคราเฟิ้มที่ถูกส่งให้ฝ่าวงล้อมกลับเมืองไปพร้อมกับพวกหลิ่วหมิงกลับไปไม่ถึงเมืองเฮ่าชี่ เวลานี้ก็ติดต่อไม่ได้ ในสิบมีแปดเก้าส่วนคงจะสิ้นชีวิตแล้ว

 

คนที่สี่ยอดนิกายใหญ่ส่งไป มีเพียงศิษย์ของสำนักเฮ่าหรานเพียงคนเดียวที่ทำงานไม่สำเร็จ ในใจเขาย่อมหดหู่ยิ่งนัก

 

หลังจากผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ทั้งหลายหารือกันอีกครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าจมูกแดงจากนิกายยอดบริสุทธิ์ก็เหาะขึ้นไปกลางท้องฟ้า เอ่ยขึ้นเสียงดังลั่น

 

“ศิษย์ทั้งหลายจงฟังคำสั่ง เคลื่อนทัพกวาดล้างกองทัพผีเหล่านี้ให้สิ้นทันที!” คำพูดของผู้เฒ่าดังขึ้นในหูของศิษย์ด้านล่างชัดเจนอย่างยิ่ง ทำให้คนทั้งหมดฮึกเหิม สายตาหันพรึ่บไปยังกองทัพผีร้ายดำทะมึนที่อยู่ไกลๆ

 

นอกจากศิษย์กองทัพแสงทองที่เดินทางมาช่วยเหลือ ศิษย์ทั้งหลายที่เหลือถูกกองทัพผีร้ายทรมานมาหลายวัน ยามนี้มีโอกาสระบายแค้น ในใจย่อมไฟสู้ลุกโชน!

 

หลิ่วหมิงที่อยู่ท่ามกลางหมู่คนพรูลมหายใจออกมาแผ่วเบา มือข้างหนึ่งยกขึ้นโบก ปราณดำบนร่างโถมทะลักออกมาแล้วเอ่ยเรียบๆ กับเสี่ยวอู่ประโยคหนึ่งว่า

 

“ดูท่าต่อไปจะเลี่ยงศึกอันเลวร้ายไม่ได้แล้ว ศิษย์พี่โปรดระวังตัวด้วย!”

 

เสี่ยวอู่พยักหน้า มือใช้เคล็ดวิชา แสงสีดำม้วนออกมาเบื้องหน้า ธงผืนใหญ่ที่ส่องแสงสีดำสิบสองคันปรากฏขึ้นมาทันที

 

เปรี้ยง!

 

ผู้อาวุโสแซ่เว่ยท่องมนตร์แผ่วเบาออกมาสองสามประโยค มนุษย์ทองคำยักษ์เบื้องล่างพลันหมุนตัวทันที ดวงแสงสีทองตรงหน้าผากส่องสว่าง ก้าวเท้าอันหนักอึ้งเกิดเสียงดังสนั่นจนแก้วหูแทบดับ เดินไปหากองทัพผีร้ายที่อยู่ไกลๆ

 

พวกผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์สี่คนกลายเป็นลำแสงสี่สายแยกย้ายกันยืนอยู่สองฝั่งของมนุษย์ทองคำยักษ์ ทะยานเข้าใส่กองทัพผีร้ายอย่างดุดัน

 

ศิษย์เกือบหนึ่งพันคนรวมทั้งหลิ่วหมิงเหาะเป็นขบวนตามหลังมนุษย์ทองคำยักษ์ไปติดๆ

 

กองทัพผีที่อยู่ไกลออกไปอลหม่านทันที!

 

ทันใดนั้นมนุษย์ทองคำยักษ์ก็เหวี่ยงแขน กระบี่แสงขนาดยักษ์ฟันกลางอากาศ แสงกระบี่สีทองมหึมาอย่างยิ่งปรากฏออกมาอีกครั้ง พาพลังดั่งจะล้มขุนเขาคว่ำสมุทร พุ่งเร็วรี่เข้าใส่กองทัพผีร้ายเกือบพันตนที่อยู่ไกลๆ

 

เสียงบึ๊มดังสนั่นดั่งฟ้าถล่มดินทลาย

 

ยามแสงสีทองพุ่งผ่าน ผืนแผ่นดินแยกออกเป็นร่องเหวยาวพันกว่าจั้งเส้นหนึ่ง ทหารผีหลายร้อยตนในบริเวณนั้นสลายเป็นเถ้าธุลีในทันที

 

ทหารผีทั้งหลายเห็นภาพนี้ กระบวนทัพพลันปั่นป่วน ในตอนนี้เองลำแสงสีดำสี่สายก็พุ่งมาจากด้านหลัง ประจันหน้ากับมนุษย์ทองคำยักษ์ พวกเขาก็คือพวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงิน ผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์ทั้งสี่ตนนั่นเอง

 

ในมือทั้งสี่ตนทอแสงสีดำ แต่ละตนเรียกธงสีดำผืนหนึ่งออกมา ขนาดและรูปร่างเหมือนกันทุกประการ บนผืนธงต่างสลักรูปอสูรยักษ์หน้าตาดุร้ายตัวหนึ่งไว้ ดูแล้วน่าจะเป็นอาวุธเวทชุดหนึ่ง

 

ทั้งสี่ตนท่องมนตร์แผ่วเบา ธงสีดำในมือสะบัดกลายเป็นเงาเลือนราง เมฆสีดำเข้มดั่งน้ำหมึกผืนแล้วผืนเล่าทะลักออกมาจากบนผืนธง เพียงครู่เดียวก็ก่อตัวเป็นเมฆดำขนาดมหึมากว้างหลายหมู่เบื้องหน้ากองทัพผี ด้านในเสียงครืนครางดังขึ้นไม่ขาด เห็นอสูรดุร้ายโหดเหี้ยมตัวแล้วตัวเล่าผลุบโผล่เป็นระยะ

 

แสงสีทองส่องสว่าง แสงกระบี่สีทองพุ่งหวีดหวิวมาอีกครั้ง ทั้งสองฝั่งปะทะกันเสียงดังสนั่น!

 

เมฆดำมหึมาทนอยู่ได้สองสามลมหายใจ สุดท้ายก็ปริแตก กลายเป็นปราณสีดำม้วนตลบปิดฟ้าบังตะวันเอาไว้อีกครั้ง แต่แสงกระบี่ก็หมดสิ้นพลัง สลายกลายเป็นแสงสีทองเต็มฟ้าหายไปเช่นเดียวกัน

 

พวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินสี่ตนร่างกายสะท้าน ใบหน้าแดงก่ำ ถอยหลังไปสิบกว่าจั้งกว่าจะตั้งหลักได้อย่างหวุดหวิด

 

ผีทั้งสี่ตนมองกันอย่างตกตะลึง ผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินหัวใจหนักอึ้ง

 

เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่าพวกเขาสี่ตนจะร่วมมือกัน อาศัยอาวุธเวทธงผีเมฆดำชุดนี้ในมือถ่วงเวลามนุษย์ทองคำยักษ์ไว้ แล้วจะอาศัยกระบวนทัพที่กองทัพผีร้ายชำนาญถ่วงเวลาผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่เหลือสักช่วงเวลาหนึ่ง

 

แต่มนุษย์ทองคำยักษ์แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก โจมตีสบายๆ เพียงครั้งเดียวก็มีพลังมากมายเช่นนี้ เขาไม่กล้ารับประกันว่าจะยังรับการโจมตีระดับนี้ได้อีกสักกี่ครั้ง

 

ขณะที่มนุษย์ทองคำยักษ์ถูกผีแม่ทัพใหญ่สี่ตนขวางไว้ ศึกเบื้องล่างก็ปะทุเช่นกัน

 

พวกผู้เฒ่าจมูกแดงทั้งสี่คนเหาะข้ามกองทัพผู้ฝึกฝนทั้งหลายพุ่งเข้าหากองทัพผีร้ายก่อน แสงจิตวิญญาณห้าสีบนร่างส่องสว่าง ด้านหลังมีร่างพลังเวทมหึมานานาชนิด ต่างคนต่างเรียกอาวุธเวทออกมา

 

แม้ศัตรูที่เผชิญเป็นเพียงภูตผีระดับแก่นแท้ ระดับผลึกหรือกระทั่งระดับของเหลวจิตวิญญาณ พวกเขาเหล่านี้แลดูเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะออมมือแม้แต่น้อย ลงมือโจมตีเต็มกำลัง

 

เวลานี้เองบนอากาศว่างเปล่าด้านหลังพวกผู้เฒ่าจมูกแดงพลันเกิดขึ้นคลื่นสั่นสะเทือนแผ่วเบา เงาสีดำสองร่างฉับพลันโผล่ออกมา

 

เงาสีดำร่างหนึ่งในนั้นโบกมือ เงากระสวยสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่โจมตีใส่แผ่นหลังของผู้เฒ่าจมูกแดงกับบัณฑิตวัยกลางคนสำนักเฮ่าหราน

 

เงาอีกร่างหนึ่งมีธงสามเหลี่ยมสีดำสูงสองถึงสามจั้งคันหนึ่งลอยอยู่ด้านหลัง แสงสีดำส่องสว่าง มังกรกระดูกสีดำตัวหนึ่งหลุดจากผืนธงแล้วเหาะออกมา

 

ดวงตากลวงโบ๋ของมังกรตัวนี้ส่องแสงสีดำ พายุปีศาจสีน้ำเงินเข้มบางเบาสายหนึ่งพ่นออกมาจากปาก พริบตาเดียวปกคลุมบริเวณหลายสิบจั้งม้วนกลบผู้เฒ่าแซ่ฝางจากนิกายเทียนกงกับบุรุษร่างยักษ์จากนิกายปีศาจลี้ลับเข้าไปด้านใน

 

เหตุการณ์ที่พลิกผันกะทันหันทำให้พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนตกตะลึง พวกเขาไม่มีเวลาโจมตีกองทัพผีร้ายอีก รีบหมุนตัวมา เกราะป้องกันคุ้มครองร่างหลากสีทอแสงบนร่างพร้อมกัน

 

ปัง ปัง ปัง! เสียงโจมตีหนักหน่วงสอดแทรกกับเสียงตวาดเกรี้ยวกราดดังลอยมา

 

เงาสีดำทั้งสองเผยร่าง ตนหนึ่งสวมชุดเกราะสีเงิน อีกตนหนึ่งเส้นผมสีทองทั้งศีรษะ พวกเขาก็คือผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์สองตนที่ล้อมโจมตีเมืองจินกวังนั่นเอง ไม่รู้ว่าโผล่มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร!

 

พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนคำรามเกรี้ยวกราด อาวุธเวทในมือทยอยพุ่งเร็วรี่ออกมา

 

ผีแม่ทัพใหญ่เกราะสีเงินโฉบวูบ อึดใจต่อมาก็ปรากฏตัวห่างออกไปหลายสิบจั้ง หลบพ้นการโจมตีของผู้เฒ่าจมูกแดงกับบัณฑิตวัยกลางคน พร้อมกันนั้นเขาก็สะบัดแขน กระสวยสีดำสนิทรูปร่างดุจวิหคชิ้นหนึ่งบินออกมาจากแขนเสื้อ มันสั่นวูบหนึ่ง เงากระสวยนับไม่ถ้วนก็แหวกอากาศพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

 

วิชาท่าร่างของผีแม่ทัพใหญ่เส้นผมสีทองว่องไวไม่ธรรมดา ระหว่างที่ร่างกายขยับก็มีเงาติดตาร่างแล้วร่างเล่าติดไปด้วย ธงสามเหลี่ยมสีดำหลังร่างพาพายุปีศาจสีดำหลายลูกพัดเสียงดังหวีดหวิว ภายในบริเวณร้อยจั้งล้วนเป็นสีดำขมุกขมัวทำให้คนไม่อาจมองเห็นสิ่งใด

 

ผีแม่ทัพใหญ่ทั้งสองตนไม่เข้าปะทะตรงๆ แต่อาศัยวิชาท่าร่างดุจภูตพรายกับอาวุธเวทในมือยื้อพวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนไว้ ทำให้พวกเขาโจมตีกองทัพผีร้ายไม่ได้

 

เป้าหมายของพวกผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินทั้งสองตน พวกผู้เฒ่าจมูกแดงย่อมรู้ แต่เมื่อทั้งสองตนสู้เต็มกำลังโดยไม่สนใจพลังเวทที่เสียไปสักนิด พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนจึงถูกรั้งไว้ที่เดิมชั่วขณะ

 

หลิ่วหมิงกับผู้ฝึกฝนจากนิกายอื่นอ้อมการต่อสู้ทั้งสองวงแล้วโถมเข้าใส่กองทัพผีร้าย

 

กองทัพแสงทองเสริมด้วยผู้ฝึกฝนประจำป้อมปราการไท่เทียนทั้งหมดมีราวพันคน จำนวนต่างจากกองทัพผีร้ายมากนัก

 

กองทัพผีร้ายหลายพันตนนี้เป็นทหารฝีมือเยี่ยมที่สุด เพียงผีแม่ทัพระดับแก่นแท้ก็มีหลายสิบตน ผีรองแม่ทัพก็มีถึงหกเจ็ดร้อยตน

 

แต่กองทัพผีร้ายดูเหมือนจะมุ่งมั่นตั้งกระบวนทัพป้องกันท่าเดียว ไม่มีเจตนาจะโจมตีแม้แต่น้อย

 

แสงจากวิชาและอาวุธจิตวิญญาณของผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์พุ่งไปรอบด้านท่ามกลางเสียงท่องมนตร์บ้างดังบ้างเบา วิชาลับนานาชนิดถาโถมดุจคลื่นยักษ์ระลอกแล้วระลอกเล่าฟาดเข้าใส่กระบวนทัพของกองทัพผีไม่หยุดหย่อน

 

หลิ่วหมิงปะปนอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกฝน แต่เขาไม่ได้เรียกกระบี่ขู่หลุนออกมา เขาใช้เพียงวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬโจมตีพอเป็นพิธีเท่านั้น สมาธิส่วนใหญ่จดจ่ออยู่กับการเฝ้าระวังและสังเกตศึกอีกสองศึกเหนือศีรษะ

 

จนถึงตอนนี้ศึกดุเดือดนอกป้อมปราการไท่เทียนครั้งนี้แบ่งเป็นการต่อสู้สามวง

 

พวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินผีแม่ทัพใหญ่ทั้งสี่ร่วมมือกันสู้กับมนุษย์ทองคำยักษ์

 

พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนรับมือกับผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินกับผีแม่ทัพใหญ่ผมทอง

 

กองทัพผีร้ายเจ็ดถึงแปดพันตนที่เหลือโรมรันอยู่กับกองหนุนจากกองทัพแสงทองและผู้ฝึกฝนประจำป้อมปราการไท่เทียนจำนวนพันคน

 

ในตอนนี้เองเสียงคำรามยาวก็ดังขึ้นจากที่ใดไม่ทราบ เสียงประหนึ่งโลหะเสียดสี แม้ฟังดูห่างไกลยิ่งนัก แต่กลับแทรกตรงเข้ามาในสมองของผู้คน ทำให้คนรู้สึกตื่นตระหนกอย่างประหลาด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+