ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 1097 ชิงหลิงปรากฏตัวอีกครั้ง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 1097 ชิงหลิงปรากฏตัวอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที มุกบรรพตธาราเม็ดหนึ่งที่เขาลอบเรียกออกมาไว้ก่อนพุ่งพรวดออกมาก่อนจะขยายใหญ่จนมีขนาดสิบจั้ง ขวางอยู่เบื้องหน้าเขาในพริบตา

“ปึง” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นครั้งหนึ่ง พลังมหาศาลสายหนึ่งส่งผ่านมาจากมุกบรรพตธารากระแทกหลิ่วหมิงกับมุกบรรพตธาราออกไปหลายจั้ง

เสียงครางแผ่วเบาสองสายดังขึ้น!

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงที่อยู่อีกด้านหนึ่งหัวไหล่ทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ ส่วนเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์ถูกตัดแขนขาดไปข้างหนึ่ง

เบื้องหน้าปี้เหยียนมีโล่น้อยรูปสามเหลี่ยมสีเขียวชิ้นหนึ่งลอยอยู่ บนนั้นมีแสงสีเขียวเรืองๆ แม้ถูกกรีดเป็นรอยแตกหลายเส้น แต่ดีเลวก็ยังป้องกันการโจมตีของเงาดำเอาไว้ได้

“โอ้ รับกระสวยกร่อนใจได้ ไม่ธรรมดา!” เสียงแฝงแววประหลาดใจของซวีหลิงดังออกมาจากในหุ่น อึดใจต่อมาหุ่นมนุษย์ก็อ้าปาก เปลวเพลิงสีเงินผืนหนึ่งพุ่งออกมา

หลิ่วหมิงกับปี้เหยียนสีหน้าหวาดผวา ร่างกายพุ่งถอยออกมาในทันใด

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์บาดเจ็บอยู่ การเคลื่อนไหวจึงช้าลงเล็กน้อย พวกเขาถูกเปลวเพลิงสีเงินกลืนเข้าไปด้านในทันที

เสียงกรีดร้องสองสายดังออกมา แล้วเงียบหายไปในพริบตา!

เปลวเพลิงสีเงินมาถึงเร็วและหายไปเร็วดุจเดียวกัน แต่ร่างของเผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์สองคนที่เดิมยืนอยู่ที่นั่นหายไปอย่างไร้ร่องรอยประหนึ่งหยดน้ำที่ระเหยหายไปในกองเพลิง ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงกับปี้เหยียนหน้าถอดสีอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ทั้งสองคนจะตอบโต้ หุ่นสีน้ำเงินพลันกระทืบเท้า ร่างกายมหึมาพุ่งเข้าใส่ เปลวเพลิงสีเงินผืนใหญ่โถมเข้ามาอีกครั้งแล้วล้อมหลิ่วหมิงกับปี้เหยียนไว้ด้านใน

หลิ่วหมิงปฏิกิริยาตอบโต้ว่องไวยิ่ง เขาตวาดดังลั่น มุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดลอยออกมาจนหมด ก่อนจะกลายเป็นเกราะป้องกันสีเหลืองชั้นหนึ่งล้อมตลอดร่างจากบนจรดล่างไว้

เสียงสายน้ำรินไหลดังออกมาจากมุกบรรพตธารา ประกายน้ำสีดำผืนใหญ่โถมปะทะกับเปลวเพลิงสีเงิน

เสียงชี่ดังขึ้นไม่หยุด ประกายน้ำสีดำระเหยหายไปอย่างว่องไวดุจน้ำสัมผัสเพลิงร้อน

แต่มุกบรรพตธาราหลอมขึ้นมาจากหยดพลังวารีของแม่น้ำมืด พลังแห่งต้นกำเนิดธาตุน้ำแข็งแกร่งยิ่งนัก ประกายน้ำผืนใหญ่ทะลักออกมาจากในมุกบรรพตธาราไม่ขาดสาย หยุดเปลวเพลิงสีเงินไว้อยู่กับที่ได้ชั่วขณะ

ปี้เหยียนที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับไม่โชคดีเช่นนั้น

เมื่อเสียงกรีดร้องดังขึ้นด้านข้าง หลิ่วหมิงก็เหลือบมองผ่านหางตา ปี้เหยียนกับโล่น้อยรูปสามเหลี่ยมสีเขียวหน้าร่างเขาถูกกลืนหายเข้าไปในเปลวเพลิงสีเงินที่โหมกระหน่ำจนหมด

“ขึ้น!”

หลิ่วหมิงหางตากระตุก ปากตวาดลั่นคำหนึ่ง ประกายน้ำสีดำผืนใหญ่พลันทะลักออกมาจากมุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดแล้วโถมสวนกลับไปดั่งคลื่นสมุทร กระแทกครั้งเดียว เปลวเพลิงสีเงินก็แตกกระจาย

พร้อมกันนั้นเขาก็ยกมือยิงเคล็ดวิชาหลายสายออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางประกายน้ำสีดำมีประกายแสงสีเหลืองเข้มสายหนึ่งปรากฏ มุกบรรพตธาราหกเม็ดส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นเงาภูเขาน้อยหลายลูกพุ่งโจมตีพื้นดินอย่างรุนแรง

เสียงระเบิดดังสนั่นแก้วหูแทบดับดังขึ้นติดกันเป็นสาย!

ผืนดินทั้งแถบปริแตกในทันใด ก้อนดินขนาดเท่าโม่นับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่มืดฟ้ามัวดินลงไปกลบหุ่นสีเทาไว้ด้านในจนมิดทันที

ต่อจากนั้นร่างกายของหลิ่วหมิงก็ขยับกลายเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่งเหาะถอยไปด้านหลัง

แต่ในตอนนี้เองแสงสีน้ำเงินก็สว่างวาบเหนือศีรษะเขา เงาบอบบางร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นดุจภูตพราย

หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขายกมือใช้เคล็ดวิชากระตุ้นมุกบรรพตธาราให้โจมตีโดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อสายตาเขาเห็นหน้าตาของผู้ที่มาชัดเจนในที่สุด ร่างก็แข็งทื่อไปทันใด

“ขุยตี้แห่งหนานฮวง…ผู้อาวุโสชิงหลิง!”

ร่างกายของหลิ่วหมิงชะงัก หลุดปากออกมาอย่างไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง

เงาบอบบางที่จู่ๆ ปรากฏตัวตรงหน้าคือเด็กหญิงรับใช้ชุดสีน้ำเงินอายุราวหกเจ็ดปีผู้หนึ่ง นั่นก็คือขุยตี้แห่งหนานฮวง ผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่เขาเคยพบนั่นเอง!

ชิงหลิงไม่แม้แต่จะมองหลิ่วหมิง นางยืนนิ่งมองกองหินระเกะระกะที่อยู่ไกลๆ

ในตอนนี้เอง เสียงระเบิดพลันดังกึกก้อง!

เปลวเพลิงสีเงินแสบตาดวงหนึ่งระเบิดออกมาจากกองดิน ก้อนดินทั้งหมดถูกกระแทกปลิวแล้วถูกเปลวเพลิงที่พุ่งขึ้นฟ้าหลอมละลายจนไม่เหลือ

จากนั้นร่างกายของหุ่นสีเทาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง รอบร่างเปล่งแสงสีน้ำเงินเจิดจ้า เสียงคำรามเกรี้ยวกราดของซวีหลิงดังออกมาจากด้านใน

ร่างกายของหุ่นขยับตัว อ้าปากพ่นลำเพลิงสีเงินท่วมฟ้าสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้าใส่หลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงหน้าถอดสี มุกบรรพตธาราหลุดออกจากมือสร้างเกราะแสงสีเหลืองเข้มผืนหนึ่งเบื้องหน้าร่างอย่างว่องไว พร้อมกันนั้นร่างกายก็เหาะถอยไปด้านหลังอีกสิบกว่าจั้ง

“เหอะ!”

ชิงหลิงที่อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นเสาอัคคีสีเงินพุ่งเสียงดังหวีดหวิวมาถึงกลับแค่นเสียงหยันด้วยสีหน้าเรียบเฉย แขนสะบัดเบาๆ แสงเรืองรองสีน้ำเงินผืนหนึ่งสาดลงมา ทันใดนั้นลำเพลิงสีเงินก็พังทลายลงทีละน้อย

ต่อจากนั้นยันต์สีน้ำเงินแผ่นหนึ่งก็พุ่งออกจากปากหุ่นเด็กสาวรับใช้ จมเข้าไปกลางหว่างคิ้วของหุ่นสีเทา

ยันต์สีน้ำเงินบนร่างหุ่นส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แสงสีน้ำเงินในดวงตาทั้งสองข้างก็หม่นแสงลงด้วย

“นี่มันเกิดอันใดขึ้น เจ้า…เจ้าเป็นผู้ใด!”

เสียงหวาดผวาอย่างที่สุดของซวีหลิงดังออกมาจากในหุ่นสีเทาทันที

“เจ้าเด็กเผ่ายมโลกจากที่ไหนกล้าแตะต้องหุ่นของข้าตามใจชอบ รนหาที่ตาย!” ดวงตาของชิงหลิงทอประกายเย็นเยียบ นิ้วเรียวทั้งห้ายกขึ้นคว้า แสงสีน้ำเงินเลือนรางไม่ชัดดวงหนึ่งพลันพุ่งออกจากฝ่ามือของนางแล้วจมหายเข้าไปในหน้าอกของหุ่น

แสงสีเทาสว่างวูบหนึ่ง ร่างกายที่เลือนรางไม่ชัดของซวีหลิงก็ถูกมือยักษ์สีน้ำเงินขมุกขมัวข้างหนึ่งคว้าจับไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด

“ผู้…ผู้อาวุโสไว้ชีวิตด้วย! ข้าน้อยพบของสิ่งนี้โดยบังเอิญ มิได้มีเจตนาเป็นอื่น…” เมื่ออยู่ในมือใหญ่สีน้ำเงินข้างนี้ ร่างกายไร้ตัวตนของซวีหลิงกลับไม่มีผลแม้แต่น้อย ทั้งร่างถูกจับไว้แน่น เขาตกใจขวัญกระเจิง รีบวิงวอนเสียงดัง

ผลปรากฏว่าเอ่ยยังไม่ทันจบ มือใหญ่สีน้ำเงินก็กำเข้าหากันทันที ซวีหลิงไม่ทันแม้แต่จะกรีดร้องสักครั้ง ร่างกายก็ถูกบีบเป็นกองเลือดในพริบตา

ชิงหลิงสะบัดมือ เหวี่ยงศพที่เละจนดูไม่ได้ของซวีหลิงทิ้ง สายตาจับอยู่บนหุ่นมนุษย์สีเทาที่ยืนนิ่งอยู่ คล้ายกำลังพิจารณาบางอย่าง จากนั้นจึงสะบัดมือส่งแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งออกมาล้อมหุ่นขนาดหลายจั้งไว้ด้านในทันที

ร่างกายของหุ่นหดเล็กลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางแสงสีน้ำเงิน สุดท้ายก็กลายเป็นลูกกลมสีเทาขนาดเท่าศีรษะลูกหนึ่ง ลอยเข้าไปอยู่ในมือของนาง

เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ชิงหลิงจึงลอยขึ้นมาแล้วหันกลับมามองสำรวจหลิ่วหมิงจากบนจรดล่างหลายครั้ง

“เจ้าก็คือเจ้าหนูที่ชื่อหลิ่วหมิงคนนั้นสินะ ทำไมมาอยู่ที่ยมโลกแห่งนี้ได้? จิ๊ๆ คิดไม่ถึงว่าไม่พบกันหลายปีนี้ ระดับพลังจะก้าวหน้าไม่น้อย บรรลุระดับแก่นแท้ขั้นกลางแล้ว”

หลิ่วหมิงได้ยินก็ยิ้มเจื่อนในใจ การเก็บซ่อนลมปราณและแปลงหน้าตาเป็นเผ่ายมโลกของตน อยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ท่านนี้ ไม่อาจหลบซ่อนได้สักนิด

หลิ่วหมิงเก็บมุกบรรพตธาราที่อยู่เบื้องหน้าไปแล้วท่องมนตร์สองสามประโยค กระดูกทั้งร่างลั่นเสียงดัง จากนั้นหมอกควันสีเทาเข้มกลุ่มหนึ่งก็ผละออกจากบนร่างกลับคืนสู่หน้าตาดั้งเดิม

“หลายสิบปีก่อนผู้เยาว์ถูกศัตรูที่แข็งแกร่งตนหนึ่งไล่สังหารจนจำต้องหลบเข้าไปในรอยแยกมิติแห่งหนึ่ง ใครจะรู้ว่ากลับจับพลัดจับผลูถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่” หลิ่วหมิงเผยโฉมหน้าที่แท้จริงแล้วค้อมกายคำนับชิงหลิงทันที

“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ดูท่าเจ้าจะมีโชควาสนาไม่น้อย แม้ยมโลกแห่งนี้จะไม่ใช่สถานที่ดีอันใดต่อผู้ฝึกฝนทั่วไป แต่สำหรับผู้ฝึกฝนวิชาสายวิญญาณแล้วกลับมีประโยชน์ไม่น้อย” ดวงตาของชิงหลิงทอแสงสีทองวูบหนึ่งแล้วหัวเราะเบาๆ

“เป็นดังเช่นที่ผู้อาวุโสกล่าว ผู้เยาว์ได้ประโยชน์จากที่นี่มาอยู่บ้างจริงๆ แต่ผู้อาวุโสมาที่นี่ได้อย่างไร หุ่นหยกผลึกหมึกตัวนั้นเมื่อครู่ทรงพลังยิ่งนัก หรือว่าจะมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโส” หลิ่วหมิงถามอย่างนอบน้อม

“เจ้าเดาไม่ผิด หุ่นหยกผลึกหมึกตัวนี้เป็นสิ่งที่ข้านึกสนุกสร้างขึ้นมาตอนที่เข้ามายังดินแดนแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่ยามนั้นข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ทำเสร็จเพียงครึ่งเดียวก็ต้องรีบเร่งกลับแผ่นดินจงเทียน ก่อนจากไปข้าจงใจเก็บหุ่นตัวนี้ไว้ใต้ป่าผลึกหมึกที่เผ่ายมโลกและภูตผีไม่ยินดีเข้าใกล้แห่งนี้ ประการหนึ่งคิดจะอาศัยสภาพแวดล้อมพิเศษบางประการใต้ผืนดินบ่มเพาะหุ่นตัวนี้ อีกประการหนึ่งคิดว่าทำธุระสำเร็จจะรีบกลับมาทำหุ่นตัวนี้ให้สมบูรณ์ น่าเสียดายหลังจากไปวันนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ของสิ่งนี้จึงถูกฝังอยู่ที่นี่มาตลอด ครั้งนี้ที่ข้ามาเป้าหมายหลักก็เพื่อของสิ่งนี้” ชิงหลิงมองมุกกลมที่ทอแสงสีดำลูกนั้นในมือ ดวงตามีประกายสีทองไหลวนวูบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน

“หุ่นตัวนี้ถูกหล่อเลี้ยงอยู่ใต้ผืนดินของป่าผลึกหมึกแห่งนี้มานานปี พลังลึกล้ำไม่อาจหยั่งอย่างแท้จริง เมื่อครู่ผู้เยาว์เกือบตายในมือของมันเสียแล้ว” หลิ่วหมิงฟังจบก็กวาดสายตามองลูกแก้วกลมในมือของชิงหลิง แล้วอดไม่ได้แสยะยิ้มเอ่ยขึ้น

“หึๆ เพื่อป้องกันไม่ผู้อื่นค้นพบแล้วขโมยหุ่นตัวนี้ไป ข้าจึงลงชั้นจำกัดพิเศษไว้บนร่างของมันตั้งแต่แรก หากมีเผ่ายมโลกหาหุ่นตัวนี้พบก็จะกระตุ้นชั้นจำกัดให้ทำงาน ถูกเล่นงานกลับจนตาย จะว่าไปแล้ว เผ่ายมโลกตนนั้นเมื่อครู่เป็นผู้ใด ถึงกับหลบเลี่ยงชั้นจำกัดที่ข้าวางไว้ แล้วยังคิดจะใช้วัตถุดิบจิตวิญญาณพิเศษชนิดนี้มาปลุกมันขึ้นมาอีก มีความสามารถอยู่บ้าง” ชิงหลิงเอ่ยอย่างแช่มช้า

หลิ่วหมิงนึกครั้นคร้ามในใจก่อนจะเล่าต้นสายปลายเหตุและเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนเขากับปี้เหยียนเดินทางไล่ล่าจับซวีหลิงออกมาอย่างคร่าวๆ

“เผ่าภูตสูญ? ไม่เคยได้ยินชื่อเผ่านี้มาก่อน แต่โชคดีที่วัตถุดิบจิตวิญญาณชนิดนั้นที่เขาใช้เป็นเพียงแค่ของที่สมบูรณ์ครึ่งเดียว ทำให้หุ่นตัวนี้สำแดงพลังออกมาได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น หากไม่เช่นนั้น แม้พลังในตอนนี้ของเจ้าจะไม่อ่อนแอ แต่คงไม่อาจรับการโจมตีของหุ่นตัวนี้ได้แน่ ยิ่งไม่ต้องคิดว่าจะหนีไปได้อย่างปลอดภัย” ชิงหลังฟังจบก็เหล่มองหลิ่วหมิงแล้วตอบอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

“ผู้อาวุโสสร้างหุ่นตัวนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง มันย่อมไม่ใช่สิ่งที่พลังเล็กน้อยเท่านี้ของผู้เยาว์จะต่อต้านได้ แต่โชคดีที่ผู้อาวุโสรีบเร่งมาทันเวลา มิเช่นนั้นผลที่ตามมาคงไม่อาจคาดคิด จะว่าไปแล้วผู้เยาว์หลงเข้ามายมโลกได้หลายสิบปีแล้ว แม้ตามหาวิธีกลับไปยังแผ่นดินจงเทียนมาตลอดแต่ไร้ผล ผู้อาวุโสพลังมากมายมหาศาล ไม่ทราบว่ายามจากไป พาผู้เยาว์กลับไปยังจงเทียนด้วยได้หรือไม่” หลิ่วหมิงเอ่ยขอบคุณชิงหลิงอีกหลายประโยคแล้วจึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

ในเมื่อชิงหลิงมายังยมโลกได้ย่อมต้องมีวิธีกลับไปยังแผ่นดินจงเทียนได้ เขากับขุยตี้แห่งหนานฮวงผู้นี้ก็นับว่ามีความสัมพันธ์กันอยู่ประมาณหนึ่ง ในอดีตเห็นแก่ที่เขาเคยช่วยซาฉู่เอ๋อร์ นางยังเคยมอบยันต์ส่งสารแผ่นหนึ่งให้เขา บางทีอาจขอให้นางพาตนออกไปจากที่นี่ได้

“พาเจ้ากลับจงเทียน? เรื่องนี้ก็ไม่ใช่จะไม่ได้ แต่ยมโลกกับแผ่นดินจงเทียนห่างไกลกันยิ่งนัก หากข้าตัวคนเดียวอาศัยอาวุธทะลวงฟ้าฝืนเปิดทางเชื่อมมิติเส้นหนึ่ง แม้จะกินพลังเวทไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่หากพาเจ้าหนูคนหนึ่งอย่างเจ้าไปด้วยนั่นย่อมลำบากมากแล้ว ด้านในทางเชื่อมมิติพลังของคลื่นมิติรุนแรงยิ่งนัก แค่ปกป้องผู้ฝึกฝนตัวน้อยระดับแก่นแท้อย่างเจ้า ข้าก็ต้องเสียพลังเวทเพิ่มขึ้นสิบกว่าเท่า แม้ข้าเคยติดค้างน้ำใจเล็กน้อยกับเจ้า แต่ก็ไม่เพียงพอให้ข้าลงแรงเปล่าๆ เช่นนี้” ชิงหลิงได้ยิน สีหน้าพลันเย็นชาขึ้นมาทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 1097 ชิงหลิงปรากฏตัวอีกครั้ง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 1097 ชิงหลิงปรากฏตัวอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที มุกบรรพตธาราเม็ดหนึ่งที่เขาลอบเรียกออกมาไว้ก่อนพุ่งพรวดออกมาก่อนจะขยายใหญ่จนมีขนาดสิบจั้ง ขวางอยู่เบื้องหน้าเขาในพริบตา

“ปึง” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นครั้งหนึ่ง พลังมหาศาลสายหนึ่งส่งผ่านมาจากมุกบรรพตธารากระแทกหลิ่วหมิงกับมุกบรรพตธาราออกไปหลายจั้ง

เสียงครางแผ่วเบาสองสายดังขึ้น!

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงที่อยู่อีกด้านหนึ่งหัวไหล่ทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ ส่วนเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์ถูกตัดแขนขาดไปข้างหนึ่ง

เบื้องหน้าปี้เหยียนมีโล่น้อยรูปสามเหลี่ยมสีเขียวชิ้นหนึ่งลอยอยู่ บนนั้นมีแสงสีเขียวเรืองๆ แม้ถูกกรีดเป็นรอยแตกหลายเส้น แต่ดีเลวก็ยังป้องกันการโจมตีของเงาดำเอาไว้ได้

“โอ้ รับกระสวยกร่อนใจได้ ไม่ธรรมดา!” เสียงแฝงแววประหลาดใจของซวีหลิงดังออกมาจากในหุ่น อึดใจต่อมาหุ่นมนุษย์ก็อ้าปาก เปลวเพลิงสีเงินผืนหนึ่งพุ่งออกมา

หลิ่วหมิงกับปี้เหยียนสีหน้าหวาดผวา ร่างกายพุ่งถอยออกมาในทันใด

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์บาดเจ็บอยู่ การเคลื่อนไหวจึงช้าลงเล็กน้อย พวกเขาถูกเปลวเพลิงสีเงินกลืนเข้าไปด้านในทันที

เสียงกรีดร้องสองสายดังออกมา แล้วเงียบหายไปในพริบตา!

เปลวเพลิงสีเงินมาถึงเร็วและหายไปเร็วดุจเดียวกัน แต่ร่างของเผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์สองคนที่เดิมยืนอยู่ที่นั่นหายไปอย่างไร้ร่องรอยประหนึ่งหยดน้ำที่ระเหยหายไปในกองเพลิง ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงกับปี้เหยียนหน้าถอดสีอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ทั้งสองคนจะตอบโต้ หุ่นสีน้ำเงินพลันกระทืบเท้า ร่างกายมหึมาพุ่งเข้าใส่ เปลวเพลิงสีเงินผืนใหญ่โถมเข้ามาอีกครั้งแล้วล้อมหลิ่วหมิงกับปี้เหยียนไว้ด้านใน

หลิ่วหมิงปฏิกิริยาตอบโต้ว่องไวยิ่ง เขาตวาดดังลั่น มุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดลอยออกมาจนหมด ก่อนจะกลายเป็นเกราะป้องกันสีเหลืองชั้นหนึ่งล้อมตลอดร่างจากบนจรดล่างไว้

เสียงสายน้ำรินไหลดังออกมาจากมุกบรรพตธารา ประกายน้ำสีดำผืนใหญ่โถมปะทะกับเปลวเพลิงสีเงิน

เสียงชี่ดังขึ้นไม่หยุด ประกายน้ำสีดำระเหยหายไปอย่างว่องไวดุจน้ำสัมผัสเพลิงร้อน

แต่มุกบรรพตธาราหลอมขึ้นมาจากหยดพลังวารีของแม่น้ำมืด พลังแห่งต้นกำเนิดธาตุน้ำแข็งแกร่งยิ่งนัก ประกายน้ำผืนใหญ่ทะลักออกมาจากในมุกบรรพตธาราไม่ขาดสาย หยุดเปลวเพลิงสีเงินไว้อยู่กับที่ได้ชั่วขณะ

ปี้เหยียนที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับไม่โชคดีเช่นนั้น

เมื่อเสียงกรีดร้องดังขึ้นด้านข้าง หลิ่วหมิงก็เหลือบมองผ่านหางตา ปี้เหยียนกับโล่น้อยรูปสามเหลี่ยมสีเขียวหน้าร่างเขาถูกกลืนหายเข้าไปในเปลวเพลิงสีเงินที่โหมกระหน่ำจนหมด

“ขึ้น!”

หลิ่วหมิงหางตากระตุก ปากตวาดลั่นคำหนึ่ง ประกายน้ำสีดำผืนใหญ่พลันทะลักออกมาจากมุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดแล้วโถมสวนกลับไปดั่งคลื่นสมุทร กระแทกครั้งเดียว เปลวเพลิงสีเงินก็แตกกระจาย

พร้อมกันนั้นเขาก็ยกมือยิงเคล็ดวิชาหลายสายออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางประกายน้ำสีดำมีประกายแสงสีเหลืองเข้มสายหนึ่งปรากฏ มุกบรรพตธาราหกเม็ดส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นเงาภูเขาน้อยหลายลูกพุ่งโจมตีพื้นดินอย่างรุนแรง

เสียงระเบิดดังสนั่นแก้วหูแทบดับดังขึ้นติดกันเป็นสาย!

ผืนดินทั้งแถบปริแตกในทันใด ก้อนดินขนาดเท่าโม่นับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่มืดฟ้ามัวดินลงไปกลบหุ่นสีเทาไว้ด้านในจนมิดทันที

ต่อจากนั้นร่างกายของหลิ่วหมิงก็ขยับกลายเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่งเหาะถอยไปด้านหลัง

แต่ในตอนนี้เองแสงสีน้ำเงินก็สว่างวาบเหนือศีรษะเขา เงาบอบบางร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นดุจภูตพราย

หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขายกมือใช้เคล็ดวิชากระตุ้นมุกบรรพตธาราให้โจมตีโดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อสายตาเขาเห็นหน้าตาของผู้ที่มาชัดเจนในที่สุด ร่างก็แข็งทื่อไปทันใด

“ขุยตี้แห่งหนานฮวง…ผู้อาวุโสชิงหลิง!”

ร่างกายของหลิ่วหมิงชะงัก หลุดปากออกมาอย่างไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง

เงาบอบบางที่จู่ๆ ปรากฏตัวตรงหน้าคือเด็กหญิงรับใช้ชุดสีน้ำเงินอายุราวหกเจ็ดปีผู้หนึ่ง นั่นก็คือขุยตี้แห่งหนานฮวง ผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่เขาเคยพบนั่นเอง!

ชิงหลิงไม่แม้แต่จะมองหลิ่วหมิง นางยืนนิ่งมองกองหินระเกะระกะที่อยู่ไกลๆ

ในตอนนี้เอง เสียงระเบิดพลันดังกึกก้อง!

เปลวเพลิงสีเงินแสบตาดวงหนึ่งระเบิดออกมาจากกองดิน ก้อนดินทั้งหมดถูกกระแทกปลิวแล้วถูกเปลวเพลิงที่พุ่งขึ้นฟ้าหลอมละลายจนไม่เหลือ

จากนั้นร่างกายของหุ่นสีเทาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง รอบร่างเปล่งแสงสีน้ำเงินเจิดจ้า เสียงคำรามเกรี้ยวกราดของซวีหลิงดังออกมาจากด้านใน

ร่างกายของหุ่นขยับตัว อ้าปากพ่นลำเพลิงสีเงินท่วมฟ้าสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้าใส่หลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงหน้าถอดสี มุกบรรพตธาราหลุดออกจากมือสร้างเกราะแสงสีเหลืองเข้มผืนหนึ่งเบื้องหน้าร่างอย่างว่องไว พร้อมกันนั้นร่างกายก็เหาะถอยไปด้านหลังอีกสิบกว่าจั้ง

“เหอะ!”

ชิงหลิงที่อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นเสาอัคคีสีเงินพุ่งเสียงดังหวีดหวิวมาถึงกลับแค่นเสียงหยันด้วยสีหน้าเรียบเฉย แขนสะบัดเบาๆ แสงเรืองรองสีน้ำเงินผืนหนึ่งสาดลงมา ทันใดนั้นลำเพลิงสีเงินก็พังทลายลงทีละน้อย

ต่อจากนั้นยันต์สีน้ำเงินแผ่นหนึ่งก็พุ่งออกจากปากหุ่นเด็กสาวรับใช้ จมเข้าไปกลางหว่างคิ้วของหุ่นสีเทา

ยันต์สีน้ำเงินบนร่างหุ่นส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แสงสีน้ำเงินในดวงตาทั้งสองข้างก็หม่นแสงลงด้วย

“นี่มันเกิดอันใดขึ้น เจ้า…เจ้าเป็นผู้ใด!”

เสียงหวาดผวาอย่างที่สุดของซวีหลิงดังออกมาจากในหุ่นสีเทาทันที

“เจ้าเด็กเผ่ายมโลกจากที่ไหนกล้าแตะต้องหุ่นของข้าตามใจชอบ รนหาที่ตาย!” ดวงตาของชิงหลิงทอประกายเย็นเยียบ นิ้วเรียวทั้งห้ายกขึ้นคว้า แสงสีน้ำเงินเลือนรางไม่ชัดดวงหนึ่งพลันพุ่งออกจากฝ่ามือของนางแล้วจมหายเข้าไปในหน้าอกของหุ่น

แสงสีเทาสว่างวูบหนึ่ง ร่างกายที่เลือนรางไม่ชัดของซวีหลิงก็ถูกมือยักษ์สีน้ำเงินขมุกขมัวข้างหนึ่งคว้าจับไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด

“ผู้…ผู้อาวุโสไว้ชีวิตด้วย! ข้าน้อยพบของสิ่งนี้โดยบังเอิญ มิได้มีเจตนาเป็นอื่น…” เมื่ออยู่ในมือใหญ่สีน้ำเงินข้างนี้ ร่างกายไร้ตัวตนของซวีหลิงกลับไม่มีผลแม้แต่น้อย ทั้งร่างถูกจับไว้แน่น เขาตกใจขวัญกระเจิง รีบวิงวอนเสียงดัง

ผลปรากฏว่าเอ่ยยังไม่ทันจบ มือใหญ่สีน้ำเงินก็กำเข้าหากันทันที ซวีหลิงไม่ทันแม้แต่จะกรีดร้องสักครั้ง ร่างกายก็ถูกบีบเป็นกองเลือดในพริบตา

ชิงหลิงสะบัดมือ เหวี่ยงศพที่เละจนดูไม่ได้ของซวีหลิงทิ้ง สายตาจับอยู่บนหุ่นมนุษย์สีเทาที่ยืนนิ่งอยู่ คล้ายกำลังพิจารณาบางอย่าง จากนั้นจึงสะบัดมือส่งแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งออกมาล้อมหุ่นขนาดหลายจั้งไว้ด้านในทันที

ร่างกายของหุ่นหดเล็กลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางแสงสีน้ำเงิน สุดท้ายก็กลายเป็นลูกกลมสีเทาขนาดเท่าศีรษะลูกหนึ่ง ลอยเข้าไปอยู่ในมือของนาง

เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ชิงหลิงจึงลอยขึ้นมาแล้วหันกลับมามองสำรวจหลิ่วหมิงจากบนจรดล่างหลายครั้ง

“เจ้าก็คือเจ้าหนูที่ชื่อหลิ่วหมิงคนนั้นสินะ ทำไมมาอยู่ที่ยมโลกแห่งนี้ได้? จิ๊ๆ คิดไม่ถึงว่าไม่พบกันหลายปีนี้ ระดับพลังจะก้าวหน้าไม่น้อย บรรลุระดับแก่นแท้ขั้นกลางแล้ว”

หลิ่วหมิงได้ยินก็ยิ้มเจื่อนในใจ การเก็บซ่อนลมปราณและแปลงหน้าตาเป็นเผ่ายมโลกของตน อยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ท่านนี้ ไม่อาจหลบซ่อนได้สักนิด

หลิ่วหมิงเก็บมุกบรรพตธาราที่อยู่เบื้องหน้าไปแล้วท่องมนตร์สองสามประโยค กระดูกทั้งร่างลั่นเสียงดัง จากนั้นหมอกควันสีเทาเข้มกลุ่มหนึ่งก็ผละออกจากบนร่างกลับคืนสู่หน้าตาดั้งเดิม

“หลายสิบปีก่อนผู้เยาว์ถูกศัตรูที่แข็งแกร่งตนหนึ่งไล่สังหารจนจำต้องหลบเข้าไปในรอยแยกมิติแห่งหนึ่ง ใครจะรู้ว่ากลับจับพลัดจับผลูถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่” หลิ่วหมิงเผยโฉมหน้าที่แท้จริงแล้วค้อมกายคำนับชิงหลิงทันที

“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ดูท่าเจ้าจะมีโชควาสนาไม่น้อย แม้ยมโลกแห่งนี้จะไม่ใช่สถานที่ดีอันใดต่อผู้ฝึกฝนทั่วไป แต่สำหรับผู้ฝึกฝนวิชาสายวิญญาณแล้วกลับมีประโยชน์ไม่น้อย” ดวงตาของชิงหลิงทอแสงสีทองวูบหนึ่งแล้วหัวเราะเบาๆ

“เป็นดังเช่นที่ผู้อาวุโสกล่าว ผู้เยาว์ได้ประโยชน์จากที่นี่มาอยู่บ้างจริงๆ แต่ผู้อาวุโสมาที่นี่ได้อย่างไร หุ่นหยกผลึกหมึกตัวนั้นเมื่อครู่ทรงพลังยิ่งนัก หรือว่าจะมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโส” หลิ่วหมิงถามอย่างนอบน้อม

“เจ้าเดาไม่ผิด หุ่นหยกผลึกหมึกตัวนี้เป็นสิ่งที่ข้านึกสนุกสร้างขึ้นมาตอนที่เข้ามายังดินแดนแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่ยามนั้นข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ทำเสร็จเพียงครึ่งเดียวก็ต้องรีบเร่งกลับแผ่นดินจงเทียน ก่อนจากไปข้าจงใจเก็บหุ่นตัวนี้ไว้ใต้ป่าผลึกหมึกที่เผ่ายมโลกและภูตผีไม่ยินดีเข้าใกล้แห่งนี้ ประการหนึ่งคิดจะอาศัยสภาพแวดล้อมพิเศษบางประการใต้ผืนดินบ่มเพาะหุ่นตัวนี้ อีกประการหนึ่งคิดว่าทำธุระสำเร็จจะรีบกลับมาทำหุ่นตัวนี้ให้สมบูรณ์ น่าเสียดายหลังจากไปวันนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ของสิ่งนี้จึงถูกฝังอยู่ที่นี่มาตลอด ครั้งนี้ที่ข้ามาเป้าหมายหลักก็เพื่อของสิ่งนี้” ชิงหลิงมองมุกกลมที่ทอแสงสีดำลูกนั้นในมือ ดวงตามีประกายสีทองไหลวนวูบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน

“หุ่นตัวนี้ถูกหล่อเลี้ยงอยู่ใต้ผืนดินของป่าผลึกหมึกแห่งนี้มานานปี พลังลึกล้ำไม่อาจหยั่งอย่างแท้จริง เมื่อครู่ผู้เยาว์เกือบตายในมือของมันเสียแล้ว” หลิ่วหมิงฟังจบก็กวาดสายตามองลูกแก้วกลมในมือของชิงหลิง แล้วอดไม่ได้แสยะยิ้มเอ่ยขึ้น

“หึๆ เพื่อป้องกันไม่ผู้อื่นค้นพบแล้วขโมยหุ่นตัวนี้ไป ข้าจึงลงชั้นจำกัดพิเศษไว้บนร่างของมันตั้งแต่แรก หากมีเผ่ายมโลกหาหุ่นตัวนี้พบก็จะกระตุ้นชั้นจำกัดให้ทำงาน ถูกเล่นงานกลับจนตาย จะว่าไปแล้ว เผ่ายมโลกตนนั้นเมื่อครู่เป็นผู้ใด ถึงกับหลบเลี่ยงชั้นจำกัดที่ข้าวางไว้ แล้วยังคิดจะใช้วัตถุดิบจิตวิญญาณพิเศษชนิดนี้มาปลุกมันขึ้นมาอีก มีความสามารถอยู่บ้าง” ชิงหลิงเอ่ยอย่างแช่มช้า

หลิ่วหมิงนึกครั้นคร้ามในใจก่อนจะเล่าต้นสายปลายเหตุและเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนเขากับปี้เหยียนเดินทางไล่ล่าจับซวีหลิงออกมาอย่างคร่าวๆ

“เผ่าภูตสูญ? ไม่เคยได้ยินชื่อเผ่านี้มาก่อน แต่โชคดีที่วัตถุดิบจิตวิญญาณชนิดนั้นที่เขาใช้เป็นเพียงแค่ของที่สมบูรณ์ครึ่งเดียว ทำให้หุ่นตัวนี้สำแดงพลังออกมาได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น หากไม่เช่นนั้น แม้พลังในตอนนี้ของเจ้าจะไม่อ่อนแอ แต่คงไม่อาจรับการโจมตีของหุ่นตัวนี้ได้แน่ ยิ่งไม่ต้องคิดว่าจะหนีไปได้อย่างปลอดภัย” ชิงหลังฟังจบก็เหล่มองหลิ่วหมิงแล้วตอบอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

“ผู้อาวุโสสร้างหุ่นตัวนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง มันย่อมไม่ใช่สิ่งที่พลังเล็กน้อยเท่านี้ของผู้เยาว์จะต่อต้านได้ แต่โชคดีที่ผู้อาวุโสรีบเร่งมาทันเวลา มิเช่นนั้นผลที่ตามมาคงไม่อาจคาดคิด จะว่าไปแล้วผู้เยาว์หลงเข้ามายมโลกได้หลายสิบปีแล้ว แม้ตามหาวิธีกลับไปยังแผ่นดินจงเทียนมาตลอดแต่ไร้ผล ผู้อาวุโสพลังมากมายมหาศาล ไม่ทราบว่ายามจากไป พาผู้เยาว์กลับไปยังจงเทียนด้วยได้หรือไม่” หลิ่วหมิงเอ่ยขอบคุณชิงหลิงอีกหลายประโยคแล้วจึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

ในเมื่อชิงหลิงมายังยมโลกได้ย่อมต้องมีวิธีกลับไปยังแผ่นดินจงเทียนได้ เขากับขุยตี้แห่งหนานฮวงผู้นี้ก็นับว่ามีความสัมพันธ์กันอยู่ประมาณหนึ่ง ในอดีตเห็นแก่ที่เขาเคยช่วยซาฉู่เอ๋อร์ นางยังเคยมอบยันต์ส่งสารแผ่นหนึ่งให้เขา บางทีอาจขอให้นางพาตนออกไปจากที่นี่ได้

“พาเจ้ากลับจงเทียน? เรื่องนี้ก็ไม่ใช่จะไม่ได้ แต่ยมโลกกับแผ่นดินจงเทียนห่างไกลกันยิ่งนัก หากข้าตัวคนเดียวอาศัยอาวุธทะลวงฟ้าฝืนเปิดทางเชื่อมมิติเส้นหนึ่ง แม้จะกินพลังเวทไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่หากพาเจ้าหนูคนหนึ่งอย่างเจ้าไปด้วยนั่นย่อมลำบากมากแล้ว ด้านในทางเชื่อมมิติพลังของคลื่นมิติรุนแรงยิ่งนัก แค่ปกป้องผู้ฝึกฝนตัวน้อยระดับแก่นแท้อย่างเจ้า ข้าก็ต้องเสียพลังเวทเพิ่มขึ้นสิบกว่าเท่า แม้ข้าเคยติดค้างน้ำใจเล็กน้อยกับเจ้า แต่ก็ไม่เพียงพอให้ข้าลงแรงเปล่าๆ เช่นนี้” ชิงหลิงได้ยิน สีหน้าพลันเย็นชาขึ้นมาทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+