ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 130 กำจัดวานร (5)

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 130 กำจัดวานร (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 130 กำจัดวานร (5)

หลิ่วหมิงยังคงซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง และมองไปยังยอดเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างเงียบๆ

สถานที่ห่างออกไปไม่เกินสิบจั้ง คือสถานที่ที่หยางเฉียนวางค่ายกลมายาพลังหยินทั้งหกไว้

เขตจำกัดของค่ายกลนี้ไม่มีผลในการทำร้ายศัตรูให้ได้รับบาดเจ็บ มันใช้แค่สร้างมายากักขังศัตรูไว้ในเขตจำกัดเท่านั้น และยังมีรูปแบบการใช้งานที่ค่อนข้างง่าย ขอแค่รู้เรื่องค่ายกลเล็กน้อยก็สามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าใช้มันขังปีศาจวานรในช่วงเวลาหนึ่งล่ะก็คงจะเหลือเฟือ

หลิ่วหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย หลังจากที่ละสายตากลับมาก็มองไปยังต้นไม้เล็กต้นหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้น

ต้นไม้เล็กต้นนั้นดูธรรมดาๆ แต่ความจริงแล้วมันคือต้นไม้ที่จินอวี่ใช้หุ่นอสูรสร้างมันขึ้นมา ร่างที่แท้จริงของมันซ่อนอยู่ในนั้น

ดูเหมือนว่าเขาจะเรียนรู้วิธีการของศิษย์พี่อวิ๋นผู้นั้น ถึงได้ใช้วิธีการหลบซ่อนตัวเช่นนี้

ดูท่าหุ่นอสูรเหล่านี้ค่อนข้างใช้ประโยชน์ได้จริงๆ ถ้ามีโอกาสล่ะก็ควรจะซื้อหุ่นที่มีความสามารถในการให้ความช่วยเหลือมาสักสองตัว คาดว่าจะต้องได้ใช้มันอย่างแน่นอน

หลิ่วหมิงคิดถึงจุดนี้ ก็เริ่มนึกถึงการไปตลาดเว่ยโจวในครั้งนั้น ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะมีหุ่นอสูรขายอยู่ในตลาดจริงๆ แต่ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ

เขาไม่ได้ค้นพบว่า ในจุดตันเถียนของเขามีสิ่งของขนาดเล็กเท่าเมล็ดถั่วเหลืองกำลังเคลื่อนไหวอยู่ มันคือฟองอากาศลึกลับที่ควรจะหายไปแล้ว

ไม่รู้ว่ามันออกมาตอนไหน และยังมาปรากฏอยู่ในจุดตันเถียนโดยที่หลิ่วหมิงไม่รู้ตัว

ผ่านไปสักครู่ ก็มีเสียงดังมาจากบนยอดเขา

ถึงแม้จะห่างกันมาก แต่หลิ่วหมิวยังคงได้ยินอย่างชัดเจน หลังจากที่ใจเขารู้สึกเย็นยะเยือก เขาก็รีบเรียกสติกลับคืนมาในทันทีแล้วจ้องมองไปยังยอดเขาอีกครั้ง

เสียงคำรามดังติดต่อกันออกมาจากบนเขา และยิ่งดังกังวานขึ้นเรื่อยๆ ประจักษ์ชัดว่ามันไม่ใช่เสียงของปีศาจวานรแค่ตนเดียว และดูราวกับว่ามันลงจากเขามาอย่างรวดเร็ว

หลังผ่านไปไม่กี่อึดใจ ไอสีดำกับแสงสีเงินก็พุ่งลงมาจากบนเขา

ท่ามกลางไอสีดำคือวิหคกระดูกยักษ์ตนหนึ่ง กรงเล็บอันแหลมคมของมันทั้งจับไหล่ทั้งสองข้างของหยางเฉียนไว้แน่น ท่ามกลางแสงสีเงินกลับเป็นปีกที่กระพืออยู่บนหลังของชายหน้าดำ

ทั้งสองเพียงแค่เคลื่อนไหวไม่กี่ทีก็มาปรากฏตัวตรงตีนเขาก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางพุ่งมายังป่าดงดิบทันที

เกือบจะในเวลาเดียวกัน ก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนก็พุ่งลงมาจากบนเขาทันที มันทุบลงมาที่ที่ทั้งสองเคยยืนอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นหลุมลึกจั้งกว่าๆ

จากนั้นก็มีเสียงคำรามโหยหวนดังขึ้นมา เงาร่างสีทองหนึ่ง สีดำหนึ่ง และสีเทาสองก็พุ่งลงมาจากที่สูง

หลังจากมีเสียงดัง “ตู้ม!” “ตู้ม!” ปีศาจวานรทั้งสี่ก็ลงมาอยู่บนพื้นแถวนั้น และหลังจากที่ปีศาจวานรขนทองที่เป็นหัวหน้าฝูงคำรามเสียงต่ำออกมา มันก็กระโดดตามหยางเฉียนกับกับชายหน้าดำไปราวกับบินได้

หยางเฉียนและชายหน้าดำที่อยู่ข้างหน้ากลับไม่ค่อยตื่นตระหนกมากนัก เพราะว่าอีกไม่ไกลก็จะเป็นสถานที่วางค่ายกลแล้ว และด้วยระยะห่างของพวกเขากับปีศาจวานรที่อยู่ด้านหลัง เวลาแค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว

หลังจากที่ทั้งสองเคลื่อนไหวไม่กี่ก็อยู่ห่างจากป่าดงดิบไม่ถึงสิบกว่าจั้งแล้ว แต่ขณะนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ได้ปรากฏขึ้น

หลังจากที่ปีศาจวานรขนทองตนนั้นคำรามเสียงต่ำออกมามันก็รีบวิ่งไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว และกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของวานรยักษ์สีดำ และหดตัวลงภายในพริบตา

ปีศาจวานรสีดำขยับมือทั้งสองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มันรวบรวมพลังจับขาวานรขนทองที่สูงเพียงจั้งกว่าๆ ไว้ข้างหนึ่ง มันหมุนตัวติ้วๆ อยู่ที่เดิมอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ปล่อยมือออกไปในทันที

วานรยักษ์สีทองพุ่งไปยังชายหน้าดำที่อยู่ด้านหน้าราวกับก้อนหินที่ถูกกว้างออกไป!

ด้วยลักษณะที่ฮึกห้าวนี้ ถ้าหากกระทบโดนจริงๆ ล่ะก็ ชายหนุ่มหน้าดำคงเสียชีวิตในที่นั้นไปแล้ว หรือไม่ก็อาจเลือดตกยางออกก็เป็นได้

ชายหน้าดำให้ความสนใจสถานการณ์ด้านหลังอยู่ตลอดเวลา เขาจึงเห็นฉากนี้อย่างชัดเจน ภายใต้ความตกใจเขาทำได้แต่กระพือปีกตรงหลังแล้วบินหลบไปด้านข้าง

เสียง “ตู้ม!”

วานรยักษ์สีทองแฉลบผ่านด้านข้างของชายหน้าดำ จากนั้นมันก็กางแขนขาออกแล้วค่อยๆ หล่นลงตรงชายป่าอย่างมั่นคง จากนั้นก็แหงนหน้ามองคนทั้งสองด้วยสีหน้าที่ดุร้าย

ฉากที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันนี้ ทำให้หยางเฉียนกับชายหน้าดำรู้สึกเย็นยะเยือกในใจ พวกเขาหยุดพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว

ด้วยความร้ายกาจของปีศาจวานรขนทอง คนๆ เดียวไม่สามารถรับมือกับมันได้อย่างแน่นอน

แต่ในช่วงเวลานี้ ปีศาจวานรทั้งสามที่อยู่ด้านหลังก็กระโดดไม่กี่ทีก็ตามมาเกือบจะถึง

“แย่แล้ว แผนมีการเปลี่ยนแปลง รีบออกไปรับมือหน่อย!” หลิ่วหมิงเป็นผู้ที่ไม่รู้ว่าผ่านความเป็นความตายมามากต่อมากเท่าไหร่ พอเห็นทั้งสองตกที่นั่งลำบากก็ตะโกนเสียงต่ำบอกกับจินอวี่โดยไม่ต้องคิด จากนั้นก็กลายร่างเป็นเงาพุ่งออกไปจากป่าดงดิบ

จินอวี่ที่เดิมทีหลบอยู่ในหุ่นเห็นเช่นนี้ก็รีบเก็บหุ่นแล้วสะบัดแขนเสื้อโยนลูกกลมๆ ออกมาสามลูก หลังจากที่มันดูพร่ามัวก็กลายเป็นหุ่นหมาป่ายักษ์สีเขียวจำนวนสามตัว จากนั้นก็พุ่งตามหลิ่วหมิงออกไปติดๆ

วานรยักษ์ขนทองก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง มันรีบหันไปมองหลิ่วหมิง และหุ่นอสูรทั้งสามด้วยแววตาที่ดุร้ายเป็นอย่างมาก มันแยกเขี้ยวส่งเสียงคำรามข่มขู่ออกมา

“พี่อวิ๋น จินอวี่ หลิ่วหมิง พวกเจ้ารับมือกับปีศาจวานรสามตนด้านหลังก่อน ข้าจะล่อวานรขนทองไปที่ค่ายกลเอง” หยางเฉียนสมกับเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งนิกายปีศาจ หลังจากที่เขาคิดไปมาอย่างรวดเร็วก็หาแผนรับมือออกมาได้

เขาทำท่ามือด้วยมือเดียวในทันที วิหคกระดูกยักษ์บนหัวพร่ามัวกลายเป็นปีศาจกระดูกยักษ์หัววัวร่างมนุษย์ จากนั้นมันก็ก้าวยาวพุ่งไปยังด้านหน้าปีศาจวานรขนทอง ขณะเดียวกันเขาก็สะบัดแขนเสื้อนำธนูกระดูกขาวเล็กๆ ออกมา และหลังจากไอดำบนตัวพวยพุ่งรวมตัวกันแล้วก็กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีดำตบไปยังด้านหน้า

หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ได้ยินก็ย่อมลงมือโดยไม่ลังเลใดๆ พวกเขาต่างก็พุ่งไปหาวานรคนละตนและทำการต่อสู้กับมัน

ปีศาจวานรขนทองด้านหน้าแหงนหน้าแผดเสียงยาวออกมา มือทั้งสองกำหมัดชกหน้าอกในทันที ขณะที่ขนมันตั้งชันมันก็กลายเป็นสัตว์ขนาดมหึมาในทันที และตีหมัดไปยังฝ่ามือสีดำอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นแล้วกระโจนเข้าไปหาปีศาจกระดูกหัววัวร่างมนุษย์ด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ

เสียงดัง “ฟู่!” “ตู๊ม!”

ฝ่ามือสีดำถูกโจมตีจนแตกกระจาย ถึงแม้ปีศาจกระดูกหัววัวร่างมนุษย์จะใช้สองมือต่อต้าน แต่ก็ยังคงถูกแรงสั่นสะเทือนจากการกระทืบเท้าของปีศาจวานรขนทองจนต้องกระเด็นกลับไป ราวกับว่าสุดที่จะรับมือได้

หยางเฉียนตกตะลึงงันในทันที เขาโบกธนูกระดูกในมือ จากนั้นมันก็ขยายขนาดขึ้นมาจั้งกว่าๆ พอดึงสายธนูไอดำจำนวนมากก็ทะลักเข้าไปรวมตัวในนั้นจนกลายเป็นลูกศรสีดำ

พอเขาปล่อยมือ ลูกศรสีดำก็พร่ามัวหายไปในอากาศ

เกือบจะในเวลาเดียว ปีศาจวานรขนทองก็อ้าปากพ่นคลื่นเสียงสีขาวโพลนออกมา

เสียงฉีกขาดดังขึ้น!

ลูกธนูสีดำปรากฏตัวอยู่ห่างจากวานรยักษ์หลายฉื่อ แต่คลื่นเสียงออกไปแค่ฉื่อกว่าๆ ก็หยุดเงียบลงไป

เสียงดัง “ป้าบ!”

วานรยักษ์โบกมืออย่างรวดเร็วจนคว้าลูกธนูสีดำเอาไว้ได้ และยังออกแรงบีบจนมันระเบิดออกมา

ดวงตาภายใต้หน้ากากของหยางเฉียนฉายแววความหวาดกลัวออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ใจของเขาร่วงหล่นลงไปในทันที เพราะรู้ว่าดูถูกปีศาจวานรขนทองตนนี้เกินไปหน่อย ที่จริงพลังอันแข็งแกร่งของมันไม่ใช่ว่าคนระดับเขาหนึ่งถึงสองคนจะรับมือได้

แต่ยังดีที่เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับปีศาจวานรตนนี้ซึ่งๆ ได้หน้า เพียงแค่พุ่งเข้าไปในป่าดงดิบข้างหน้าก็ล่อให้มันเข้าไปในค่ายกลได้แล้ว

หยางเฉียนคิดเช่นนี้ในใจ จากนั้นก็เริ่มร่ายคาถาก่อนที่จะมีไอสีดำหมุนวนรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง ดูแล้วอานุภาพมันน่าตื่นตะลึงมาก

ปีศาจวานรขนทองกลับก้าวยาวพุ่งเข้าไปหาหยางเฉียนราวกับดาวตก

เสียงดัง “วิ้ว!” “วิ้ว!”

เงาร่างห้าเงาที่มีลักษณะเหมือนกันพุ่งออกมาจากไอสีดำไปยังคนละทิศละทางอย่างรวดเร็ว

ปีศาจวานรขนทองเห็นฉากนี้ ตอนแรกก็ตกตะลึง แต่ต่อมาก็โกรธจนเต้นแร้งเต้นกาขึ้นมา มันคว้ามือทั้งสองไปบนพื้นสองครั้ง จากนั้นก้อนดินก็รวมตัวกันจนกลายเป็นหินสีดำสี่ก้อนในทันที

เสียงดัง “วู้!” “วู้!”

วานรยักษ์ขว้างหินสีดำทั้งสี่ก้อนออกไปด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ

ผลคือพอเงาร่างทั้งสี่ถูกก้อนหินยักษ์กระทบเข้าใส่ก็แตกกระจายออกมาราวกับฟองสบู่

เหลือเพียงเงาร่างเดียวเท่านั้น หลังจากที่เงาร่างนี้เคลื่อนไหวไม่กี่ทีก็หายเข้าไปในป่าดงดิบอย่างไร้ร่องรอย

วานรยักษ์ขนทองเห็นเช่นนี้ก็แหงนคอแผดเสียงดุร้ายออกมา จากนั้นก็กระโดดไล่ตามเข้าไปในป่าดงดิบโดยไม่ลังเล

ผ่านไปไม่นาน เมื่อวานรยักษ์ขนทองตามหยางเฉียนเข้าไปกลางต้นไม้ใหญ่หลายต้นนั้น พื้นที่รอบด้านพลันสั่นไหวขึ้นมา ไอดำจำนวนมากพุ่งออกมาจากรอบด้านจนปิดบังทุกสิ่งไว้

วานรยักษ์ขนทองตกตะลึงในทันที แต่ยังคงพุ่งไปยังด้านหน้า แต่พอมันกระโดดติดต่อกันไม่กี่ทีก็มาปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าท่ามกลางไอสีดำอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่า ปีศาจวานรตนนี้มีสติปัญญาไม่มากพอว่าที่จะเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลังจากที่มันคำรามเสียงออกมาอีกไม่กี่ครั้งก็กระโดดพุ่งไปซ้ายขวาหน้าหลัง แต่ก็ยังคงกลับมาอยู่ที่เดิม

ทำให้มันรู้สึกโกรธจนเป็นเจ้าเข้าอย่างช่วยไม่ได้!

ด้านนอกค่ายกล หยางเฉียนยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เขามองจากที่สูงเห็นสถานการณ์ในค่ายกลอย่างชัดเจนจนอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ จากนั้นก็หมุนตัวจะออกไปจากป่าดงดิบเพื่อไปรวมตัวชายหน้าดำ

แต่ขณะนั้นเองพลันมีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วดังมาจากด้านหลัง จนทำให้ต้นไม้บริเวณนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรง

ภายใต้สถานการณ์ที่หยางเฉียนไม่ทันได้ตั้งตัว เขาเกือบจะตกลงไปจากต้นไม้ใหญ่

เขารีบหันไปมองค่ายกลด้วยความโมโห แต่แล้วสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

ไม่รู้ว่าปีศาจวานรขนทองตนนั้นไปเอากระบองยักษ์สีเงินที่มีความยาวหกเจ็ดจั้งมาจากไหน มันกำลังทุบตีไอสีดำอย่างบ้าคลั่ง จนพื้นดินบริเวณนั้นสั่นไหว และดูเหมือนพังทลายได้ตลอดเวลา

ปีศาจวานรตนนี้เดิมทีหลับหูหลับตาระบายความโกรธอย่างเดียว แต่ไม่คาดคิดว่าจะการใช้กระบองทุบทีไปโดยไม่คิด จะกลายเป็นพลังที่สามารถทำลายเขตจำกัดได้

เดิมทีค่ายกลมายาที่แข็งแกร่งจริงๆ ไม่อาจสั่นสะเทือนด้วยพลังระดับนี้ได้

แต่หยางเฉียนวางธงค่ายกลมายาพลังหยินทั้งหกแค่ชุดเดียวจึงสามารถทำลายได้ง่ายมาก มันไม่สามารถกักขังปีศาจวานรที่ทุบตีอย่างบ้าคลั่งตนนี้ได้

ภายใต้ความตกตะลึง หยางเฉียนไม่ทันจะได้คิดอะไรมาก เขารีบหยิบธงเล็กสีดำออกมาจากอกเสาหนึ่ง แล้วโยนหายเข้าไปในเขตจำกัด

ครู่ต่อมาก็มีลำแสงสีดำพุ่งออกมาท่ามกลางไอสีดำ ค่ายกลที่เกือบจะพังทลายก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง

มันเป็นเพราะหยางเฉียนใช้ธงค่ายกลเข้าไปช่วย และยังควบคุมค่ายกลด้วยตนเองโดยไม่เสียดายพลังเวทย์!

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด