ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 204 ต่อสู้กับเผ่าเจ้าสมุทร

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 204 ต่อสู้กับเผ่าเจ้าสมุทร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 204 ต่อสู้กับเผ่าเจ้าสมุทร

หน้าผากนางร้อนราวกับเตาหลอม!

หลิ่วหมิงขมวดคิ้วทันที เขากวาดสายตามองดูริมฝีปากอันดำคล้ำของนางทีหนึ่ง แล้วพลันหยิบกระบี่สั้นสีเขียวออกมา และกรีดนิ้วของนางทันที ทันใดนั้นโลหิตสีดำก็หยดลงมาหนึ่งหยด มันโชยกลิ่นแปลกประหลาดบางอย่าง

ขณะนี้ สีหน้าเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป

หลังจากที่เขาลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็หยิบขวดโอสถออกมาสองสามใบ และใส่โอสถต่างๆ ลงในปากของนาง จากนั้นก็ใช้มือยกคางของนางนั้น เพื่อให้นางกลืนโอสถลงไปโดยที่ยังหมดสติอยู่

เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว หลิ่วหมิงก็เก็บขวดโอสถเข้าไป และหยิบยันต์มาแปะบนตัวหญิงสาวผืนหนึ่ง

“ฟู่!” ม่านแสงสีขาวจางๆ ปรากฏขึ้นบนร่างของหูชุนเหนียง มันปกคลุมนางไว้อย่างแน่นหนา

ขณะนี้ เขาถึงค่อยๆ หันไปมองทางด้านหนึ่งของป่าไผ่อันมืดมิด และกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“ท่านทั้งสองช่างอดทนได้ดียิ่งนัก ตามข้ามาถึงที่นี่แล้วยังไม่ยอมลงมืออีก?”

“หืม! เจ้าสามารถมองเห็นวิชาซ่อนตัวของพวกข้าได้ ดูท่าพวกเราคงจะประมาทเจ้าไปหน่อย พี่เว่ย พวกเราแสดงตัวเถอะ!” น้ำเสียงแหบแห้งของชายผู้หนึ่ง ดังออกมาจากในป่าไผ่ด้วยความตกใจ หลังจากที่มีแสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมา ชายสวมชุดคลุมยาวสีเทาสองคนก็เดินเข้ามา

คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญ ใบหน้าหล่อเหลา อีกคนหนึ่งรูปร่างเตี้ยแคระ ใบหน้าสีขาวเต็มไปด้วยจุดด่างดำ และดูอัปลักษณ์ยิ่งนัก

แต่พอคนทั้งสองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มายืนอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิง ทำให้เขาความรู้สึกว่า พวกเขาสอดคล้องกันอย่างแปลกประหลาด

พอหลิ่วหมิงฉากนี้ สีหน้าเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

“เจ้าไม่ต้องคิดที่จะช่วยนางแล้ว นางถูกพิษแปลกประหลาดที่แฝงอยู่ในเคล็ดวิชาของพวกเราทั้งสอง นอกจากพวกเราจะถอนพิษให้แล้ว ก็ไม่มีโอสถไหนถอนพิษได้อีก โอสถของเจ้าเหล่านี้ มีแต่จะทำให้นางเจ็บปวดขึ้นกว่าเดิม” ชายผู้มีหน้าตาหล่อเหลามองหูชุนเหนียงทีหนึ่ง แล้วกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“เฮ่อๆ! พี่เว่ยกล่าวได้ถูกต้อง ถ้าเจ้าไม่อยากมีจุดจบเช่นเดียวกับนางล่ะก็ ทางที่ดีควรจะหักคอของตัวเองซะ พวกข้าทั้งสองจะได้ไม่เปลืองแรง” พอชายที่มีรูปร่างเตี้ยแคระเอ่ยปาก คำพูดโหดร้ายก็เปล่งออกมา เขาคือผู้ที่มีน้ำเสียงแหบแห้งในก่อนหน้านั้น

“อย่างนี้ก็แสดงว่า พวกเจ้าจะต้องมีโอสถถอนพิษอย่างแน่นอน และก็หมายความว่าเพียงฆ่าพวกเจ้าทั้งสองได้ ก็สามารถช่วยสหายข้าได้แล้ว” หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้สีหน้าเขาก็ยังไม่เปลี่ยน แต่กลับหรี่ตากล่าวออกมา

“อะไรนะ! เจ้าจะฆ่าพวกข้า ลำพังแค่เจ้าคนเดียวนี่นะ?” ชายรูปร่างเตี้ยแคระเปล่งเสียงหัวเราะอันน่าเกลียดออกมา และกล่าวด้วยสีหน้าดูถูก

แม้ว่าชายหน้าตาหล่อเหลาจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่ดูจากแววตาเยาะเย้ยแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา

“ที่นี่ยังอยู่ในเสวียนจิง การที่จะจัดการศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายสองคนในอึดใจเดียว ดูท่าคงต้องจัดการอย่างรวดเร็ว” หลิ่วหมิงพูดพึมพำออกมาอย่างไม่สนใจ จากนั้นมือข้างหนึ่งก็ดึงถุงหนังสองใบออกมา แล้วโยนออกไปด้านหน้า

“ฟู่!” “ฟู่!” ถุงหนังทั้งสองหมุนติ้วๆ กลางอากาศ จากนั้นก็มีเงาร่างสีขาว สีดำ สองกลุ่มพุ่งออกจากถุงหนังแต่ละใบ หลังจากที่มันหล่นลงพื้นคนละฝั่งแล้ว ก็กลายเป็นแมงป่องกระดูกขาวขนาดใหญ่ ยาวหลายฉื่อ กับหัวบินที่มีผมเผ้ากระเซิง และมีเขาสีเขียวอยู่บนหัว

“นี่คืออะไรกัน? ระวังตัวหน่อย ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี้คงไม่ได้รับมือง่ายๆ” เห็นได้ชัดว่าทั้งสองไม่รู้จักแมงป่องกระดูกขาวกับหัวบิน พอเห็นพวกมันแล้ว ทั้งสองก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ชายหน้าตาหล่อเหลา รับรู้ถึงกลิ่นไออันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากทั้งสอง เขาก็รีบเตือนคู่หูด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็รู้ ดูท่าถ้าลงมือแค่คนเดียวคงไม่อาจจัดการเขาได้ พวกเราคงต้องร่วมมือกันเหมือนเดิม” ชายร่างเตี้ยแคระสังเกตดูแมงป่องกระดูกขาว กับหัวบินอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือก จากนั้นก็หยิบเปลือกหอยสีเงินออกมาจากแขนเสื้อ

ส่วนชายหน้าตาหล่อเหลา ก็พลิกฝ่ามือทั้งสองขึ้น จากนั้นกระบองสั้นสีเขียวอ่อนก็ปรากฏขึ้นบนมือทั้งสอง

แต่ขณะนั้นเอง ดวงตาของหัวบินก็เปล่งประกายดุร้ายออกมา และชิงลงมือก่อน

หัวปีศาจตนนี้แค่สะบัดหัว ผมยาวทั้งหัวก็ตั้งตรงขึ้นมา และกลายร่างเป็นตาข่ายยักษ์พุ่งเข้าใส่ชายร่างเตี้ยแคระ

ในขณะเดียวกัน ทางด้านแมงป่องกระดูกขาวก็กระแทกหางตะขอลงพื้น และกลายเป็นเงาร่างกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา

ไม่ว่าจะเป็นหัวบินหรือแมงป่องกระดูกขาว ล้วนแสดงออกได้โหดเหี้ยมกว่าที่ทั้งสองคิดไว้มาก

“ใช้วิชาประสานพลัง! ชายร่างเตี้ยแคระเห็นเช่นนี้ก็ตะโกนเสียงต่ำออกมา และกระตุ้นเปลือกหอยในมือทันที แสงสีฟ้ากลุ่มใหญ่ม้วนตัวออกไป หลังจากที่มันพร่ามัว ก็กลายเป็นม่านวารีหนาๆ ปกคลุมทั้งสองไว้

และในขณะเดียวกัน ชายใบหน้าหล่อเหลาก็สูดหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนที่จะโบกสะบัดกระบองสั้นในมือ คลื่นอักขระสีเขียวกระเพิ่มออกไปเป็นวงกลมซ้อนกันหลายวง พริบตาเดียวก็จมหายเข้าไปในม่านวารี

ครู่ต่อมา ผลึกแสงสีเขียวก็เปล่งประกายขึ้นบนพื้นผิวของม่านวารี

และขณะนี้ แมงป่องกระดูกขาวได้กระโจนมาถึงหน้าม่านวารีแล้ว มันอ้าปากพ่นหมอกพิษสีม่วงออกไป จากนั้นก็สะบัดหางตะขอ ก่อนที่จะมีเส้นสีดำพุ่งออกมาสิบกว่าเส้น ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น

“ฟู่!”

พอหมอกสีม่วงพ่นลงบนผิวม่านวารี ผลึกแสงสีเขียวบนนั้น ก็สึกกร่อนไปกว่าครึ่งหนึ่ง

จากนั้นเส้นสีดำสิบกว่าเส้น ก็พุ่งเข้าไปโจมบนพื้นที่สึกกร่อนนั้น

“ฉึกๆ!” ไม่เพียงแต่ผลึกสีเขียวจะถูกทำลายจนแตกกระจายออกมา แม้แต่ม่านวารีก็ถูกโจมตีจนสั่นไหวอยู่ไม่หยุด

แมงป่องกระดูกขาวชูก้ามยักษ์ทั้งสองโจมตีม่านวารีอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปในม่านวารีอย่างพร่ามัว พริบตาเดียวก็กระโจนมาถึงหน้าชายใบหน้าหล่อเหลา

“เป็นไปไม่ได้!”

ดูเหมือนว่าชายใบหน้าหล่อเหลา ไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็นตรงหน้า

วิชาการป้องกันนี้ เกิดจากการประสานพลังของพวกเขาทั้งสอง บวกกับอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางในมือ ถึงแสดงมันออกมาได้

โดยปกติแล้ว ต่อให้จะเผชิญหน้ากับศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบสามสี่คน ก็สามารถรับมือไว้ได้ แต่ในตอนนี้มันไม่สามารถต้านทานแมงพิษตัวหนึ่งได้

เขารู้สึกลนลานเป็นอย่างมาก คิดที่จะหลบเลี่ยงก็คงหลีกไม่พ้น ทำได้แค่ไขว้กระบอกทั้งสองเข้าหากัน พร้อมกับป้องออกไปด้านหน้า และคำรามเสียงต่ำออกมา!

แสงสีฟ้าเปล่งประกายตรงร่างกายส่วนล่างของชายหนุ่ม จากนั้นมันก็กลายเป็นหางมัจฉาสีเขียว ขณะเดียวก็มีเกล็ดเล็กๆ โผล่ออกมาบนใบหน้าทั้งสองด้าน

หลังจากที่ชายใบหน้าหล่อเหลาแปลงร่าแล้ว พลังเวทย์ภายในร่างก็เพิ่มขึ้นเกือบครึ่งหนึ่ง พอกระบองทั้งสองไหว้เข้าหากัน แสงสีเขียวก็สว่างมากขึ้นกว่าเดิม

“เพล้ง!”

แมงป่องกระดูกขาวปะทะเข้ากับกระบองสั้นทั้งสอง จนร่างของมันกระเด็นไปโดนผนังม่านวารีอย่างแรง

หลังจากแมงป่องกระดูกขาวส่งเสียงร้องประหลาดออกมา และกลิ้งตัวไปรอบหนึ่งแล้ว ก็กระโจนเข้ามาใหม่อย่างโหดเหี้ยม

ครั้งนี้ชายใบหน้าหล่อเหลาไม่กล้าประมาทมันอีก เขารีบโบกสะบัดกระบองสั้นในมือจนกลายเป็นกลุ่มแสงสีเขียว พุ่งเข้าต่อสู้กับแมงป่องกระดูกขาว

อีกด้านหนึ่ง ชายร่างเล็กก็กระตุ้นเปลือกหอยสีเงินอย่างบ้าคลั่ง และแอบร้องทุกข์อยู่ไม่หยุด

ตาข่ายยักษ์ที่หัวบินกลายร่างมา ได้ปกคลุมม่านวารีไว้โดยสมบูรณ์ ถึงแม้จะถูกยกขึ้นไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่แสงสีเขียวบนตายข่ายก็เปล่งประกายปะทะกับม่านวารีด้วยเสียงดัง “ซื้ด!” ไอสีเขียวบางส่วนแทรกซึมเข้าไปในม่านวารี และกัดกร่อนพลังการป้องกันของม่านวารีอยู่ไม่หยุด

ในขณะเดียวกัน หัวบินเองก็เคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ม่านวารี และอ้าปากยื่นลิ้นยาวออกมาหวดใส่ม่านวารีอยู่ไม่หยุด ราวกับมันเป็นแส้

ม่านวารีสั่นสะท้าน จนดูเหมือนจะสลายไปได้ในทุกขณะ

ภายใต้ความตกใจ ชายร่างเตี้ยแคระทำได้เพียงแต่กลายร่างเป็นมัจฉา และกระตุ้นหอยสีเงินอยู่ไม่หยุด แม้ว่าเขาอยากจะหยิบอาวุธอย่างอื่นออกมา หรือเปลี่ยนเคล็ดวิชาที่ใช้ในการรับมือ ก็ไม่สามารถทำได้

มิเช่นนั้น ถ้าพลังเวทย์ที่ส่งเข้าไปในเปลือกหอยลดน้อยลงล่ะก็ ม่านวารีก็จะสลายในทันที

ขณะนี้ หลังจากที่ขายใบหน้าหล่อเหลาโจมตีแมงป่องกระดูกขาวจนล่าถอยออกไปอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และรีบอ้าปากพ่นธงเล็กๆ สีฟ้าออกมา

เขาใช้กระบองทั้งสองโจมตี จนแมงป่องกระดูกขาวกระเด็นออกไป พอบีบให้มันถอยไปได้แล้ว ก็คว้าธงเล็กไว้แน่น และกระตุ้นมันด้วยสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัว

แต่ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงระเบิดดังมาจากหน้าศาลาหินที่หลิ่วหมิงยืนนิ่งอยู่

ชายใบหน้าหล่อเหลาเพียงแค่รู้สึกว่า มีเสียงสีเขียวเปล่งประกายขึ้นตรงหน้า จากนั้นคมวายุยักษ์ยาวจั้งกว่าๆ ก็พุ่งเข้าใกล้ตัวเขา

“แย่แล้ว!”

ชายใบหน้าหล่อเหลาตกใจจนหน้าถอดสี ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง เขาทำให้แค่ปักธงสีฟ้าลงบนตัวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน เอวเขาก็เคลื่อนไหว ร่างของเขาดูโปร่งใสราวกับเป็นของเหลวในพริบตา

“ฟิ้ว!”

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีอะไรขัดขวาง คมวายุฟันเข้าไปที่เอวของชายใบหน้าหล่อเหลา จนขาดออกมาเป็นสองส่วน

แต่ครู่ต่อมา ฉากอันน่าแปลกใจก็ได้ปรากฏขึ้น

แม้ว่าชายใบหน้าหล่อเหลา จะมีสีหน้าเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่คำรามเสียงต่ำออกมาแล้ว ร่างส่วนบนและส่วนล่างของเขาก็มาประกบกัน หลังจากบิดตัวในฉับพลัน มันก็เชื่อมติดกันเหมือนเดิมอย่างเหลือเชื่อ

จากนั้นแสงสีฟ้าก็เปล่งประกายออกมาจากรอยที่ขาดออกจากกัน แล้วร่างของชายหนุ่มก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม และไม่มีรอยเลือดตรงเอวเลยแม้แต่น้อย

ชายใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาอ้าปากเพื่อจะพ่นธงเล็กๆ สีฟ้าในร่างออกมา

แต่ขณะนั้นเอง หูเขาก็พลันได้ยินเสียงดังราวกับยุงบินหึ่งๆ

เข็มแหลมเล็กสีเขียวเล่มหนึ่งเปล่งประกายออกมา และถือโอกาสที่ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายนั้น พุ่งเข้าไปในหูของเขา จากนั้นมันก็ทะลุออกจากหูอีกด้าน

บังเกิดเสียงร้องอย่างเวทนา!

ชายใบหน้าหล่อเหลาล้มลงพื้นท่ามกลางไอสีดำเต็มใบหน้า และเสียชีวิตในทันที

พอชายร่างเตี้ยแคระเห็นฉากนี้ก็ตกใจจนขวัญกระเจิง ทันใดนั้นเขาก็กัดฟันพ่นโลหิตออกมาเป็นจำนวนมาก

แต่เขายังไม่ทันได้แสดงวิชาอะไร แมงป่องกระดูกขาวก็มาปรากฏตัวอยู่หน้า และอ้าปากพ่นหมอกสีม่วงใส่หน้าเขา

“อ๊ากกก!”

หอยสีเงินในมือของชายร่างเล็กทุบไปยังแมงป่องกระดูกขาวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันมือทั้งสองก็ยกขึ้นมาป้องหน้าในทันที ร่างของเขาพร่ามัวกลายเป็นเงาร่างเจ็ดแปดเงาพุ่งหนีไปทั่วทิศ

แต่ขณะนั้นเอง พลันมีเงาร่างเคลื่อนไหวขึ้นตรงหน้า หลิ่วหมิงมายืนขวางอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความรวดเร็วราวกับปีศาจ เพียงแค่สะบัดกระบี่สั้นสีเขียวในมือ แสงเย็นสะท้านอันน่าสะพรึงก็ฟาดฟันออกไป และฟันเงาร่างจนขาดออกจากกัน

โลหิตสดๆ ไหลทะลักออกมาในพริบตา เงาร่างนั้นคือร่างที่แท้จริงของชายร่างเตี้ยแคระ

แต่ในขณะนี้ ร่างของเขาถูกฟันออกเป็นสองส่วน ก่อนที่จะตกลงไปในบ่อเลือด และไม่สามารถกระดิกตัวได้อีก

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด